::: ตอนที่ 7:::
เสียงเพลงแดนซ์ดังก้องไปทั่ว พร้อมกับแสงไฟวิบวับส่องและเปลี่ยนสีไปมาแยงตาผมเมื่อเข้ามาในผับแห่งนี้ ก็ผับเดิมที่พวกเรานัดกันอยู่เมื่อคืนวันศุกร์ก่อนหน้านั้นแหละครับ บราวน์มันเจาะจงพวกผมให้มาที่นี่ให้ได้ ผมถูกน่านฟ้าโอบไหล่ไว้ทันทีที่เข้ามาในนี้ มันทำแบบนี้ประจำทุกครั้งที่เข้ามาในที่ที่มีคนพลุกพล่าน แรกๆก็เถียงอยู่หรอก ผมเป็นชายนะไม่ใช่ผู้หญิง แต่มันก็ต้องกลับผมมาทุกทีว่า มึงตัวเล็ก เดี๋ยวหลง จนตอนนี้ผมขี้เกียจเถียงกันมันซะแล้ว
“ไปนั่งตรงนั้นกันเถอะ!”บราวน์ที่เดินนำหน้าอยู่ หันมาส่งยิ้มโชว์เขี้ยวให้พวกผม ก่อนจะชี้ไปทางที่นั่งใกล้กับโต๊ะบาร์เทนเนอร์ แล้วมันก็เดินนำเข้าไปทันทีพร้อมกับลากข้าวโอ๊ตให้ตามมันไปด้วย
ไม่รู้จะห่วงหวงอะไรกันนักหนานะคู่นี้ ข้าวโอ๊ตก็ออกจะตัวใหญ่โต เป็นผู้ชายแมนๆเหมือนกันแท้ๆ
“พี่เอ็กซ์.. ทำไมไม่บอกว่าวันนี้มาละค่ะ?”จู่ๆก็มีสาวในชุดเดรสเกาะอกถึงสองคนเดินเข้ามาทางพวกผม ตอนแรกผมก็แอบคิดในใจว่า มีสาวมาสนใจผมบ้างรึเปล่าน้า แต่ความหวังก็พังลงทันที ผมลืมไปได้ไง นอกจากบราวน์ น่านฟ้า ออกัส แล้วยังมีตัวดับออร่าความหล่อผมอย่างไอ้เดือนมหาลัยอยู่ด้วย!
ทันทีที่พวกเธอเดินผ่านผมไป และไปกอดแขนเอ็กซ์ที่เดินอยู่หลังสุดคนละข้าง ผมได้น่านฟ้าหัวเราะหึๆทั้งยังเหล่มองเอ็กซ์แบบแปลกๆ อะไรละนั่น?
เหี้ย.. ใจคอมันจะฮุบผู้หญิงไว้คนเดียวหมดเลยรึไงวะ!
“หืม”เอ็กซ์โปรยยิ้มหวานใส่สองสาวคู่นั้น ก่อนจะเชยคางคนทางขวามือที่ใส่เกาะอกสีแดงโชว์หน้าอกดันแสนจะใหญ่โตของคุณเธอให้เงยหน้าขึ้นมาสบกับมัน “คิดถึงพี่เหรอครับ น้องไอช่า?”สาวเจ้าตีแขนเอสเบาๆ ทั้งยังซ้อนตามองแบบหวานเยิ้ม.. เอิม แล้วผมจะสังเกตมันทำไมกัน
ผมส่ายหัวหน่อยๆเมื่อเอ็กซ์ถูกสองสาวนั้นลากตัวไปอีกทางหนึ่ง เหตุการณ์นี้มันช่างคุ้นซะจริง
“นัด”น่านฟ้าพูดเสียงดังข้างหูผมเพราะเสียงเพลงดังมาก ทำให้ตัวเขาต้องขยับเข้าใกล้ผมมากขึ้น ทั้งยังมีผู้คนที่เดินไปมาทางเข้าผับนี่อีก
“อะไร”ผมตะโกนถามเขากลับ ก่อนจะเดินไปที่โต๊ะ แล้วลงไปนั่งข้างออกัสที่ว่างอยู่ จากนั้นน่านฟ้าก็นั่งถัดจากผมอีกที
“มึงคิดยังไงกับเอ็กซ์?”น่านฟ้าถาม ผมหันมาไปมองมันอย่างงงๆ เนื่องจากหูยังไม่ชินกับเสียงดนตรีที่อยู่รอบด้าน “มึงว่าอะไรนะ!”ผมตะโกนถามมัน น่านฟ้าดูลังเลที่จะพูดอีกครั้ง พอมันจะขยับปากพูดอะไรบางอย่าง เสียงของบราวน์ก็แทรกเข้ามาซะก่อน ดูบราวน์มันอารมณ์ดีสุดๆ จนผมชักจะสงสัยแล้วว่า ที่มาผับในครั้งนี้เพื่อหาความจริงหรือเพื่อตัวมันเองกันแน่
“พวกมึงจะสั่งอะไร!”
“เหล้า กับเบียร์”น่านฟ้าหันไปตอบกลับทันที ทั้งที่ยังจ้องหน้าผมเหมือนอยากจะพูดอะไรออกมา
“จินโทนิค”เสียงของคนที่เงียบอยู่นานตั้งแต่นัดเจอกันข้างนอกจนเข้ามาในผับดังขึ้น เป็นการเปิดปากพูดเป็นครั้งแรกที่ผมได้ยินเลยก็ว่าได้ ผมละสายตาจากน่านฟ้ากับออกัส หันไปมองบราวน์ที่จู่ๆก็หัวเราะออกมาอย่างงงๆ
“ไม่เลวนี่หวา แล้วนัดละ?”มันหันหน้ามาถามผมที่นั่งตรงข้ามมัน
จินโทนิค เป็นชื่อเครื่องดื่มเหรอ ผมก็ไม่ค่อยได้มาผับเลยไม่รู้จักอะไรพวกนั้น ท่าทางบราวน์หัวเราะถูกใจซะด้วย แสดงว่า จินโทนิค อะไรเนี่ยน่าสนใจสินะ เอาไอ้นี่เลยแล้วกัน คงไม่เมามากหรอก ออกัสก็ใช่ว่าจะเป็นพวกชอบดื่มหรือคอแข็งซักหน่อย
“บราวน์ กูเอาB52”ไม่ทันทีผมจะได้พูดอะไร ผมก็เห็นบราวน์หันขวับไปมองข้าวโอ๊ตอย่างเร็ว เหมือนกันกำลังจะมีเรื่องอะไรซักอย่าง B52 มันคืออะไรหวา เหี้ยนัด.. มาผับทีไรมึนได้โล่ทุกทีเลยนะมึง
“ไม่ได้มึง นั้นมันแรงไป”มันเหลือบตามามองพวกผมที่นั่งอีกฝั่งวูบหนึ่ง ก่อนจะไปบ่นใส่ข้าวโอ๊ต“ดื่มไม่กี่แก้วระดับมึงคงสลบได้ ลำบากกูอีก”นั่นยังจะว่าข้าวโอ๊ตเป็นตัวภาระอีก ถ้าผมเป็นข้าวโอ๊ตยังรับไม่ได้กับนิสัยบราวน์มันแน่ๆ ไอ้บราวน์ปกติก็น่าคบอยู่หรอก แต่ทำไมรู้สึกว่าพอมันอยู่กกับข้าวโอ๊ตทีไรก็ดูน่ากลัวขึ้น เหมือนปากร้ายขึ้นด้วยรึเปล่านะ?
“แต่..”ข้าวโอ๊ตพยายามเถียงกลับทั้งยังส่งสายตามาขอความช่วยเหลือจากผม ใช่สิ.. ก็กูรู้เรื่องของพวกมึงแล้วนี่ ถ้าไม่รู้ ผมคงคิดว่าบราวน์เป็นห่วงข้าวโอ๊ต เหมือนกับที่น่านฟ้าห่วงผมแหงๆ รายนั้นก็เข้าใจยากพอๆกัน
“ไม่ได้”
“แต่บราวน์ คนอื่นเขาก็กินกันเยอะแยะไป แถมก่อนเสิร์ฟเขาก็จะจุดไฟ แล้วให้ดื่มรวดเดียวด้วยนะ กูอยากลอง”ข้าวโอ๊ตพยายามเถียง ทั้งยังอธิบาย แล้วลอบส่งสายตามาทางผมเป็นระยะๆจนน่านฟ้าก็พลอยมองมาทางผมอย่างสงสัยไปด้วย
เฮ้ยๆ อย่ามองมาทางกูสิเว้ย!
ท่าทางมันคงอยากลองมากแน่ๆเลยนะนั่น
“ไม่ได้!”
สายตาเหมือนลูกหมาหงอยส่งมาทางผมแวบหนึ่ง ก่อนที่มันจะหายวูบไปเมื่อบราวน์กำลังตีหน้าเครียดใส่มัน อย่างกันพ่อลูกเลยนะ สองคนนี่นี้
“บราวน์”ผมเรียกให้มันกลับมามองผม “กูว่าเดี๋ยวให้ข้าวโอ๊ตมันลองซักครึ่งแก้ว แล้วกูช่วยอีกครึ่งแก้วดีไหม จะได้ลงความมึนไง”
บราวน์ขมวดคิ้วมองผมนิ่ง ก่อนจะพูด “ถ้าอยากนั้น มึงตามกูมาเลย”แล้วก็เอื้อมมือมาคว้าแขนของผมไว้ พร้อมกับดึงให้ลุกตาม
“มึงจะหาเรื่องทำไม นัด”บราวน์กระซิบข้างหูผมทันทีที่ยืนอยู่ใกล้กัน ทั้งน่านฟ้า ออกัส แล้วก็ข้าวโอ๊ตก็จ้องมาทางพวกผม“อยากเมาแล้วไม่รู้เรื่องเหมือนคราวก่อนรึไง?”มันกระซิบ
“กูเปล่านะ!”ผมกระซิบเถียงมัน ตอนนี้มันกำลังกอดคอผมไว้ แล้วหมุนตัวผมหันหลังให้กับพวกนั้น แต่ยังไงก็รู้สึกว่ามีคนมองมาอยู่ดี
ไอ้นัดนี่ถึงกับรู้สึกเสียวสันหลังวูบแปลกๆเลยครับ ทำไมดูสนใจกันจัง..
“มึงจะพานัดไปไหน”เสียงของน่านฟ้าดังขึ้น ทั้งยังมือหนาหยาบที่แสนจะคุ้นเคยจับข้อมือของผมไว้ ผมและบราวน์หันมามองมัน ก่อนที่คนข้างๆผมจะหัวเราะออกมา แล้วกระซิบข้างหูผม “ไม่ทันไรก็มีคนหวงมึงซะแล้ว”
“น่านฟ้าเป็นเพื่อนกู”
“เหรออออ”เสียงกวนประสาทใกล้ๆหูนี่มันน่าจับต่อยซะจริงๆ เอาให้ไม่มีแรงไปทำโทษข้าวโอ๊ตได้เลยก็ยิ่งดี
“พวกมึงคุยอะไรกัน?”น่านฟ้าขมวดคิ้วมองพวกผมสองคน ในขณะที่บราวน์ยังคงส่งยิ้มโชว์เขี้ยวให้มัน แล้วพูดอธิบาย “พอดีกูปวดท้องอยากเข้าห้องน้ำ เลยชวนนัดไปด้วย แล้วจะมาสั่งเครื่องมึงทีหลัง”
สองคนนั้นจ้องตากันนิ่ง ก่อนที่น่านฟ้าจะโวยวายออกมา “ทำงี้ได้ไงวะ! แล้วจะให้พวกกูนั่งคุยกันอยู่สามคนแบบไร้เครื่องดื่มเรอะ?”
“งั้นมึงก็ไปสั่งเองก่อนสิ”
“เอ่อ ก็ได้ๆ พวกมึงก็อย่านานนักละ”มันว่า ก่อนจะผละออกไป
“เกือบไม่รอดแล้วไง”ผมเงยหน้าขึ้นมามองคนพูดอย่างงงๆ ไม่รอดอะไรกัน ไม่ได้มีเรื่องชกต่อยกันซักหน่อย แล้วเมื่อกี้น่านฟ้าก็เดินออกไปแล้วด้วย ผมได้ยินเสียงบราวน์หัวเราะออกมาเบาๆตอนมองหน้าผม ก่อนจะขยี้หัวผมจนฟู มันมองมันอย่างหงุดหงิด แล้วรีบลูบผมยาวระบ่าของตัวเองให้กลับมาเรียบร้อยเหมือนเดิม
“เพราะมึงเป็นแบบนี้ไง คนอื่นเค้าถึงได้..”
“ถึงได้อะไรวะ!”
แม่ง พูดให้จบประโยคก็ไม่ได้ ไอ้ห๋านี่เสือกทำตัวลึกลับ
“เปล่า~ ไปเข้าห้องน้ำเป็นเพื่อนกูได้แล้ว”บราวน์ออกแรงดึงตัวผมให้เดินไปข้างหน้า “ไอ้น่านจ้องกูใหญ่แล้ว มึงอย่าทำตัวมีพิรุธสิ”มันกระซิบ ผมทำท่าจะหันไปมองข้างหลัง แต่ก็ถูกบราวน์ดักทางไว้ก่อน “อย่าหัน”
“อะไรของมึงเนี่ย”ผมมองหน้ามันอย่างหงุดหงิด โน้นก็ไม่ได้นี่ก็ไม่ได้ ผมไม่ใช่ข้าวโอ๊ตของมันนะเว้ย ที่จะได้เชื่อฟังมันตลอด
“ไม่ต้องมากูแบบนั้นเลย เดินเข้าห้องน้ำได้แล้ว กูจะคุยเรื่องหาตัวผัวของมึง”
“สัด!! มันไม่ใช่ผัวก็เว้ย มันเป็นคนร้าย มันเป็นพวกชอบฉวยโอกาส หน่ำซ้ำตอนนี้มันยังทำให้กูรู้สึก...!”ผมกำลังจะพูดว่า มันทำให้รู้สึกแปลกๆจนต้องช่วยตัวเอง แต่ก็ยั้งปากไว้ได้ทัน แล้วก็ดูเหมือนบราวน์จะมองหาที่คุยในห้องน้ำจนไม่สนใจอะไรผมมากนัก
“คนไม่เยอะเท่าไร เล่าเรื่องของมึงมา”
“สัด! ที่เมื่อคืนกูโทรไปก็ไมม่รับ แล้วตอนนี้จะให้มาคุยกันที่นี้เนี๊ยนะ!”
“เอาน่าๆ”บราวน์หัวเราะ ทั้งยังลูบหัวผมที่ตัวเตี้ยกว่า “กูขอโทษ”
“เหอะ!”
“มึงนี่โดนเอาที่เดียว สาวแตกเลยรึวะ!”
“ไอ้เหี้ย!!”ผมตะโกนใส่หน้ามันทันที ไอ้นี้ก็เผลอเป็นไม่ได้จริงๆ “มึงรู้ไหมว่าเมื่อวานกูไปเจออะไรมา”
“อะไรละครับ”ดูมันยอกย้อน ทั้งยังพาผมเข้ามาในห้องน้ำใกล้ๆพอมันเห็นมีคนเดินเข้ามาในนี้
“กูเห็นน่านฟ้ากับออกัสมันคุยกับเรื่องแผนการอะไรบางอย่าง”ผมขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ ในขณะที่บราวน์ยืนนิ่งอยู่ข้างๆราวกับใช้ความคิด
“มันว่าอะไรบ้างละ?”
“น่านฟ้าบอกว่า กูดูแปลกๆแล้วก็.. เรื่องทั้งหมดอย่าโยงมาที่มันนะ ให้ออกัสรับมือคนเดียว”
“เพราะงั้น มึงถึงส่งข้อความมาหากูหลังโทรไม่ติดว่าจะสอบสวนออกัสสินะ”
ผมพนักหน้ารับ เห็นบราวน์ทำสีหน้าครุ่นคิด ก่อนจะยิ้มออกมา “ได้เรื่องแล้ว”
“อะไรวะ?”
“เดี๋ยวมึงไปบอกน่านฟ้านะว่า กูมีธุระด่วนรีบกลับก่อน แล้วใช้ให้มันช่วยไปส่งงข้าวโอ๊ตที่คอนโดคืนนี้เลยด้วย”
“เดี๋ยวๆ กูตามไม่ทัน”
บราวน์หันมาจับบ่าทั้งสองข้างของผม “ตอนนี้ไอ้เอ็กซ์ไปกับสาวๆแล้ว เหลือแต่กู ข้าวโอ๊ต กับน่านฟ้า มึงเข้าใจไหม เราต้องแยกตัวออกจากกัน ให้เหลือแค่มึงกับออกัส แล้วจากนั้นมึงจะถามจะตีสนิทจะพูดอะไรกับมันก็ง่ายขึ้น”
“อื้อ”
“กูมีเวลาให้มึงยี่สิบนาทีหลังจากน่านฟ้าออกไปส่งข้าวโอ๊ต คำนวณจากความเร็วที่มันขับกับระยะห่างแล้ว หลังจากนั้นมึงก็พยายามเข้าละ โอเคนะ”
“โอเค...”
ผมเดินออกมาจากห้องน้ำอย่างมึนๆเพราะบราวน์ขอแยกออกไปเลยกลัวน่านฟ้าจะสงสัย การหลอกคนอย่างน่านฟ้าไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ผมเลยต้องพยายามทำใจเย็นเอาไว้
“น่านฟ้า”ผมเรียกมันที่ดื่มเบียร์อยู่เกือบหมดขวดแล้วให้หันมามองผม นี่พวกกูไปนานขนาดนั้นรึว่ามึงกินเร็วไปวะ
“ว่าไงมึง?”น่านฟ้าส่งยิ้มให้ ทั้งที่ผิวขาวจัดขึ้นเป็นสีชมพู่อยู่หน่อยๆ
บางทีก็อิจฉาผิวของเด็กเหนือจังแฮะ เพราะผมขาวมากกว่าผมหรือใครๆ ไม่ใช่ขาวอมชมพู่แบบบราวน์ แต่ก็หน้าขึ้นสีได้ง่ายๆ
“อะไรวะ มองแล้วไม่พูด แล้วไหนไอ้บราวน์ละ?”
“เอ่อ.. คือ”
น่านฟ้ามันจ้องมองผมอย่างจับผิดอีกแล้วครับ ไอ้นัดอยากจะร้องไห้ ในขณะที่อีกคนก็นั่งใส่หูฟังทั้งยังกดแท็บเล็ตพิมพ์ตัวเลขอะไรไม่รู้ยั่วเยี้ยไปหมดโดนไม่แตะต้องเครื่องดื่มอะไรเลย
“มึงช่วยไปส่งข้าวโอ๊ตตอนนี้เลยได้ไหมวะ พอดีไอ้บราวน์มันมีธุระด่วนวะ”
“ตอนนี้เลยเหรอ?”
ผมพยักหน้ารับ ทั้งยังเดินไปนั่งข้างออกัสที่เดิม
“ช่วยไม่ได้นะ”น่านฟ้าว่า ทั้งยังเบนตามามองผมอย่างเป็นห่วง ก่อนจะดึงตัวข้าวโอ๊ตที่กำลังมองซ้ายมองขวาอย่างตื่นเต้นกับแสงสีอยู่ให้ไปกับมัน
พอบราวน์ไม่อยู่ รู้สึกไอ้ตัวใหญ่เท่าควายอย่างข้าวโอ๊ตจะดูน่ารักลงอย่างบอกไม่ถูกนะเนี่ย แหะๆ
ในบรรดาพวกเราที่มา ก็มีแค่บราวน์ น่านฟ้า แล้วก็ออกัสนี่แหละที่พารถยนต์มาด้วย ตอนมาผมกับเอ็กซ์แล้วก็น่านฟ้ามาด้วยกัน ออกัสมาคนเดียว ส่วนข้าวโอ๊ตแน่นอนว่าต้องนั่งมากันบราวน์อยู่แล้วละ
พอน่านฟ้าพาข้าวโอ๊ตออกไป ผมลอบมองคนข้างๆที่พิมพ์ตัวเลขกับโค้ดแปลกๆไม่หยุด
สนใจกันหน่อยสิ นาย!
ได้แต่ประท้วงในใจครับ หน้าโหดๆนิ่งๆเหมือนรูปปั้นแบบนี้ใครจะไปกล้าละ ผมว่าหมอนี้ก็หล่อนะ น่าจะเป็นเดือนคณะได้สบาย แต่สงสัยคงเพราะหน้าโหดๆแบบเจ้าชายน้ำแข็งละมั้ง ถึงไม่ได้มีใครกล้าลากเขาไปเป็น
“ทะ.. ทำอะไรอยู่เหรอ?”
“นายว่าไงนะ?”
สงสัยผมจะพูดเบาเกินไป หมอนี้เลยไม่ได้ยิน
“ฉันถามว่านาย ทำอะไรอยู่”เพิ่มระดับเสียงขึ้นมาหน่อย ตามความกล้าครับ แหะๆ
“กำลังปรับปรุงโปรแกรมอยู่”
“เหรอ...”
เอาไงดีละ นัด ออกัสเงียบไปอีกแล้ว สงสัยคงต้องเพิ่มความกล้า ผมคว้าแก้วน้ำสีใสที่มีมะนาวประดับอยู่บนน้ำแข็งซึ่งตั้งอยู่ข้างๆขึ้นมาดื่ม รสชาติก็อร่อยดีนะ แบบที่ผมไม่เคยกินมาก่อน ผมรู้สึกเคลิ้มแปลกๆ แบบนี่คงพอพูดคุยกับคนข้างๆได้ซักที
“นั่นมันของฉันนะ”ผมชะงักค้างไปทั้งที่ริมฝีปากยังทาบบนแก้วนั้นไว้ ก็เห็นหมอนี้ไม่ขยับหรือว่าอะไรเลยนี่หว่า ผมก็นึกว่าที่เหลือผมกินได้หมดซะอีก
“โทษที”
ผมเห็นออกัสมองผมนิ่ง ทั้งยังดึงแก้วนั่นออกมาจากมือผม แล้วยกมันขึ้นมาจิบช้าๆ แล้วก็ตั้งไว้ข้างๆกับแท็บเล็ตของเขาแทน ผมมองเขาอย่างงงๆ เป็นคนเงียบๆแต่ก็หวงของกินใช่เล่นเลยนะ
“จินโทนิค.. ไม่รู้จักรึไง?”ออกัสขยับปากพูด
“....”จะให้ตอบว่าไงดีละ ถ้าบอกความจริงไปก็เสียศักศรีผู้ชายแย่ ลองคิดดูสิ ว่าถ้าบอกไปว่าผมเพิ่งเคยเข้าผับแค่สามครั้ง ทุกครั้งก็ดื่มมั่วตามที่น่านฟ้าส่งมาให้ทั้งนั้น ออกัสคงได้หัวเราะเยาะแน่ๆ
เมื่อเห็นผมเงียบไป สายตาเรียวคมหันมามองผมนิ่ง ก่อนจะอธิบาย “จินโทนิคนะมีสีเป็นน้ำสีใส เพราะมีจิน กับน้ำโทนิคผสมอยู่ แล้วก็ใส่มะนาวเพิ่งลงไป”ออกัสขยับปากใส่ความรู้เข้ามาในหัวผมอย่างมึนๆ อื้ม... คนที่ไม่ค่อยพูด จะพูดที่ก็มาซะเป็นวิชาการเลยแฮะ
ผมคว้าแก้วสีแดงออกส้มที่ดูน่ากินอีกแก้วขึ้นมา นี่คงจะเป็น B52 ที่ข้าวโอ๊ตอยากกินนักหนาแน่ๆเลย เห็นมันบอกว่าต้องดื่มเข้าไปรวดเดียวสินะ ผมยกแก้วขึ้นมาดื่มไปได้ครึ่งแก้วก็ถูกออกัสจับแขนไว้ซะก่อน
“อะไรของมึงวะ?”ผมว่าอย่างหงุดหงิด ทำไมคืนนี้ใครต่อใครชอบขัดขวางความคิดกับสิ่งที่กูทำจัง
“....”
ผมเห็นออกัสที่ส่ายหัวอย่างหน่ายๆ ขนตาแพยาว ตาเรียวคม ผิวขาว ริมฝีปากสีชมพู่อ่อน มีไรเคราอยู่บางๆรอบคาง จนผมเอื้อมมือไปจับมันอีกครั้ง ครั้งแรกที่จับแล้วรู้ว่ามันแข็งแค่ไหนก็ตอนที่เขาหลับอยู่นี้แหละ แต่ครั้งนี้...
“เคยมีใครบอกนายไหม ว่าคออ่อน”
“พูดอะไรนะ.. ฟังไม่รู้เรื่อง”
“....”
“....”
“....”
“...ฉันมีเรื่องอยากจะถามนาย”ผมโพล่งออกมา ทั้งยังมองหน้าเขาแล้วรู้สึกหนักๆที่ตายังไงไม่รู้
“ขอโทษที่ไปส่งข้าวโอ๊ตนานไปหน่อย”นั้นเสียงน่านฟ้านี้หวา ผมหันไปมองก่อนจะพึมพำชื่อมันเบาๆ แล้วจู่ๆก็รู้สึกหนักหัวมากๆจนต้องฟุบลงกันโต๊ะ อ่า... เสียงเพลงนี่หนวกหูจังวะ ก่อนที่ทุกอย่างจะมืดไม่ได้ยินเสียงอะไรอีกเลย
พอผมรู้สึกตัวอีกทีก็อยู่บนเตียงซะแล้ว ผมเดินลงมาชั้นล่างอย่างมึนๆ ยังรู้สึกแฮงค์ไม่หาย ว่าจะไม่เมาแล้วนะคืนนี้
ผมเดินตรงไปทางห้องครัว แต่เพราะห้องมืดสนิทเลยเดินสะดุดกับอะไรเข้า รู้สึกว่าโลกเอียงไปทางซ้ายทีขวาที ก่อนที่ตัวมันจะเอนลงไปทางขวามากขึ้น จนลงไปนอนทับกับใครบางคนที่อยู่บนโซฟาเข้า จะเรียกว่าโชคดีก็คงจะถูก ที่ไม่ได้ล้มลงกับพื้น
พอสายตาเริ่มคุ้นชินกับความมืด ผมก็เห็นน่านฟ้าที่ถอดเสื้อนอนหมดสภาพอยู่บนพื้น แล้วก็อีกคนหนึ่งที่ถูกผมทับอยู่ หัวผมอยู่บนแถวคอเขา ส่วนขาก็เลยขอบโซฟาไปหน่อยตามท่าที่เอนลงมาก่อนหน้านี้ สงสัยผมคงสะดุดขาของน่านฟ้าที่นอนอยู่บนพื้นข้างๆเอา เหมือนออกัสเกือบจะโดนทับเต็มๆมากกว่าละมั้งแบบนี้
“ฟู่~ เกือบไปแล้ว”ผมยักตัวขึ้นมาโดยมือข้างหนึ่งที่ค้ำไว้กับพื้นที่วางของโซฟา ก่อนจะเบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่อเห็นดวงตาเรียวสีเข้มที่จ้องมองมาในระยะประชิด
“เกือบอะไร?”ออกัสขยับปากเสียงเบา ทั้งยังจ้องผมจนผมที่ตกใจอยู่ไม่กล้าขยับออกไปไหน
“เอ่อ.. คือ”เหมือนกันหาเสียงตัวเองไม่เจอ หัวมันโล่งไปหมด ยิ่งมึนๆงงๆ ตอนผมเมาผมเผลอทำอะไรเขาเข้าเหรอเปล่า หรือว่าจะเผลอถามอะไรแปลกๆไป ออกัสถึงจ้องกันแบบนี้ แต่ไม่ใช่สินัด มึงเพ้อเจ้อแล้ว ปกติออกัสก็นิ่งแบบนี้อยู่แล้ว เหมือนกันรูปปั้นไงวะ!
“...”
“...เอ่อ”
ตั้งสติหน่อยสินัด ใช่ว่ามึงจะมาทำเปิ่นต่อออกัส เหมือนกับที่เผลอเปิ่นต่อน่านฟ้าบ่อยๆไม่ได้นะ!!
“...”
“...กูว่ากูลงดีกว่า” รู้สึกเถียงกับความคิดตัวเองไปมาแค่ไม่กี่วินาทีก็ปวดหัวแล้ว ยังจะมาจ้องหน้ากันจนทำอะไรไม่ถูกแบบนี้อีก คนๆนี้น่ากลัว.. เอิ่ม ผมหมายถึงในหลายๆความหมายละนะ
แต่ก่อนที่ผมจะลุกออกจากตัวเขา ออกัสก็กอดเอวผมไว้ก่อน ทั้งยังบังคับให้นอนราบลงบนร่างของเขาอีก
เหี้ย!!! จากที่เริ่มสร่างเมา เป็นตาสว่างเลยกู!!
“เดี๋ยว...”
“อะ.. อะไร”นายจะมีอะไรกับฉันนักหนาวะ ถามสี่ห้าคำตอบคำหนึ่ง จะคุยกันรู้เรื่องไม่วะ อีกอย่างท่านช่วยกรุณาปล่อยผมได้ไหมครับ ท่านี้แม่งโครต.. ล่อแหลมเป็นบ้า
“....”
“...ปละ ปล่อยก่อน ออกัส”
“นายอยากรู้ความจริงใช่ไหม?”คำถามของออกัสทำให้ผมชะงักกึกไป ก่อนจะสบตากับเขาหลังจากที่หลบสายตาเรียวคมคู่นั้นอยู่นาน ผมควรดีใจอย่างไหนมากกว่ากันดี ระหว่างเขาเริ่มพูดเรื่องนี้ก่อน หรือเขาพูดได้มากกว่าที่ผมไว้
“....”
“...ฉันจะบอกให้ก็ได้นะ”
“...”
“จริงเหรอ?”
ผมนี่ตาลุกวาวเลย ไม่ต้องเปลืองแรงใช้ความกล้าสอบสวนอีกฝ่าย ทั้งเรื่องแผนการนั้น เรื่องคืนนั้น มึงจะบอกกูหมดใช่ไหมวะ ออกัส!!
“นายจะบอกจริงๆนะ”ยังพอจำได้ครับ ว่าอีกฝ่ายพูดสุภาพกว่าผม เลยต้องสุภาพกับเขาซักหน่อย
ออกัสยิ้มบางๆให้ผม เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นเขายิ้ม! ทั้งยังรู้สึกถึงแรงกอดรัดที่มากขึ้นกว่าเดิม
ใบหน้าหล่อโหดที่ไร้แว่นตา ดวงตาเรียวคมสีเข้มที่อ่านยาก ทั้งยังรอยยิ้มบางๆที่ไม่เคยเห็น แล้วความใกล้ชิดแบบนี้อีก ขี้โกง.. ขี้โกงชะมัด! ผมรีบซุกหน้าลงใกล้คอของเขาทันทีเพื่อหลบสภาพที่น่าอายแบบนี้!
“
แต่นายต้องคบกับฉัน..”
“...ได้สิ แค่มึง เอ๊ย นายยอมบอกเราทุกเรื่อง เราก็ยอมนายทุกอย่างแล้ว”ผมว่าเสียงอู้อี้ ทางที่ดีรีบปล่อยผมไปซักทีเถอะ ผมเคยชอบแทน มีแฟนเป็นผู้ชาย ก็แสดงว่าผมเป็นเกย์นั้นแหละ ยิ่งสภาพแบบนี้เป็นใครก็หวั่นไหวทั้งนั้น!!
“คบกับฉันแล้วนะ”เสียงกระซิบข้างหูดังขึ้น ทั้งยังสัมผัสเบาๆที่ข้างแก้ม ออกัสหอมแก้มผม!!
...เดี๋ยวนะ.. คบกับนาย คบกับนาย เฮ๊ย!!!
เหี้ย!!! เวรแล้วไง สมองผมมึนจนผมพูดบ้าๆอะไรออกไปวะเนี่ย!!!!!!!!!!!!!!
“
แล้วก็.. ที่บอกว่าจะยอมทุกอย่างนะ อย่าลืมซะละ”
“....?!!!!”
เดี๋ยวนะ ออกัส!! ได้ข่าวว่านายเป็นรูปปั้นเดินได้ไม่ใช่เรอะวะ ทำไมอยู่ๆถึงขยันพูดขึ้นมาละเฟ้ย เหี้ย! กูแค่หลุดปากไปเท่านั้นเอง ทำไมเป็นงี้วะ ได้ข่าวว่ากูแค่ตามหาคนที่เกี่ยวข้องคนคืนนั้น แล้วทำไมต้องคบกันเพื่อรู้ความจริงด้วยวะ
ไอ้นัดไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจโว้ย!! ไม่เข้าใจ!!!
ขอแกล้งหลับอีกรอบเหมือนคนเมาได้ไหมวะ มันจะไม่ลืมทุกอย่างที่พูดออกไป จริงสิ! งั้นกูก็แสร้งเป็นเมาไม่หายซะสิ ใช่ๆ.. ตื่นขึ้นมาพรุ่งนี้ก็ทำเป็นจำอะไรไม่ได้ซะเลย!!
คร่อก!