เบอร์หนึ่ง x กระต่าย part 2
เช้าวันนี้ผมรีบมาให้ทันตามตารางเรียนของควีน
ผมขี่มอเตอร์ไซด์มาจอดที่ตึกของคณะบริหาร เพราะอยู่ตรงกลางระหว่างตึกวิศวะกับตึกอักษร หลังแวะซื้อขนมปังกินรองท้องก็เดินไปสำรวจสักหน่อยว่า ควีนเข้าเรียนรึยัง นึกแล้วก็ตลกเป็นบ้า เพราะตอนเช้าผมเพิ่งขับมอเตอร์ไซด์คันนี้ไปส่งคนบางคนที่โรงเรียนมัธยมปลาย
ช่วยไม่ได้ บอสเล่นโยนกระต่ายให้ห่างจากควีน คนซวยเลยเป็นบิชอปที่น่าสงสารอย่างผม แต่เอาเถอะ อย่างน้อยเรื่องที่ว่าจำเป็นต้องมีคนคุมโรงงานก็เป็นความจริง เพราะคิงส์คลับไม่เคยจับเรื่องการผลิตยามาก่อน แต่ละคนทำเป็นที่ไหนกันล่ะ ผมเลยต้องทำความเข้าใจกับเครื่องไม้เครื่องมือ และพยายามหาคนงานต่างด้าวมาทำในส่วนนี้ เพื่อจะได้ไม่ดึงคนจากคลับมากเกินไป ขอแค่สักห้าคนสำหรับการเฝ้าระวังก็พอแล้ว
ส่วนกระต่าย...
พอลับหลังบอส มันก็ยืนยันเสียงแข็งว่าจะไม่แตะต้องยาพวกนี้เป็นอันขาด ผมก็เลย...มอบตำแหน่งให้มันเป็นคนทำความสะอาดโรงงานแทน ค่าความเสี่ยงยังคงได้เหมือนเดิม เพียงแต่เพิ่มผ้ากันเปื้อนไปหนึ่งผืน ผ้าโพกหัว และผ้าปิดปากกันฝุ่น
‘มาถูตรงนี้ด้วยสิ พื้นมันขนาดนี้เกิดมีคนลื่นล้มหัวแตกจะทำไง’
‘ตรงนั้นผมถูไปแล้ว’
‘ก็ถูอีกครั้งไง เอาให้มั่นใจว่าสะอาดน่ะ ค่าจ้างตั้งแพงก็ทำงานให้คุ้มราคาด้วยสิ’
‘ไม่เห็นพื้นจะมันตรงไหนเลย...’
‘เวลาพูดกับใครก็มองหน้าด้วย บอกกับพื้นมันจะรู้เรื่องเหรอ’
‘...’อย่าหาว่าผมแกล้งสัตว์เลย แต่มันอดไม่ได้จริงๆ นี่ครับ จู่ๆ ใบปอก็กลายเป็นมาลูกน้องผมซะอย่างนั้น แถมยังเป็นคนเดียวในโรงงานที่ถือไม้กวาดและผ้าขี้ริ้วเดินซะทั่ว ต้องจัดการด้วยตัวคนเดียวแบบนี้ผมกลัวจะเหนื่อย ก็เลยเข้าไปชวนคุยบ่อยๆ แม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ค่อยอยากยุ่งด้วยก็เถอะ
ทั้งที่แอบชอบอยู่แท้ๆ...
แต่คงเพราะผมรู้ความจริงข้อนั้น กระต่ายก็เลยยิ่งไม่กล้าเข้าใกล้เพราะกลัวผมล้อเล่นกับความรู้สึกของมัน ถึงได้ชอบชักสีหน้าแล้วถลึงตาใส่บ่อยๆ เวลาผมเข้าไปแหย่ ไม่เอาน่า ถึงจะทำเหมือนประสาทเสีย แต่ผมเห็นหรอกว่าลับหลังก็แอบยิ้มคนเดียว
...เด็กหนอเด็ก...
การที่เรื่องราวลงอีหรอบนี้ ผมถือว่าเข้าทางมันซะมากกว่านะ เพราะโรงงานนี้มีลักษณะเป็นตึกสูง ซึ่งชั้นบนๆ จะเป็นห้องพักคนงาน ก็ไม่แปลกเพราะเล่นห่างไกลความเจริญแบบนี้ จะไปหาที่อยู่ได้ยังไงกันล่ะ และด้วยห้องที่มีจำนวนจำกัด ผมก็เลยต้องพักห้องเดียวกับมัน
ที่นี่ไม่มีเตียงหรอก มีแต่ฟูกหนาที่ปูนอนกับพื้น ตอนผมลากฟูกมาปูข้างๆ กันกระต่ายถึงกับทำหน้าพูดไม่ออกบอกไม่ถูก ก่อนจะแอบเขยิบฟูกของตัวเองให้ห่างออกไปเกือบชิดข้างฝา คงกลัวโดนผมแกล้งตอนนอนไม่รู้เรื่องล่ะมั้ง
‘ไม่ไปนอนห้องคนอื่นแล้วเหรอ’ถึงจะแอบตัดพ้อบ้างก็เถอะ
สงสัยมันจะยังฝังใจเรื่องที่ผมเคยสละห้องให้มันแล้วหนีไปอาศัยอยู่กับคนอื่น ช่วยไม่ได้ ก็ตอนนั้นผมไม่ค่อยชอบขี้หน้ามันนี่ครับ จะให้หันหน้าเจอกันทุกเช้าก็ไม่พิศวาสสักเท่าไหร่ แต่ตอนนี้น่ะ...
‘งั้นนอนให้สบายแล้วกัน’ผมทำท่าจะเก็บเสื้อไปนอนห้องตรงข้ามที่เป็นเพื่อนจากคลับ
‘เดี๋ยว!’ มันร้องห้ามทันที หน้าซีดเผือดและอึกอัก เมื่อเห็นผมหันมาเลิกคิ้วถามว่าจะรั้งไว้ทำไม
ผมรออยู่นานมาก นานจนเกือบหลับ มันก็ไม่พูดอะไรออกมาสักคำ เลยยอมแพ้แล้ววางเสื้อลงกับฟูกนอนตามเดิม
ใครจะกล้าปล่อยมันไว้คนเดียวล่ะวะ...คนในคลับยังไม่เท่าไหร่ แต่พวกลูกจ้างคนอื่นนี่สิ...มองกระต่ายตาเป็นมัน ช่วยไม่ได้ ก็ดันเป็นกระต่ายเผือกท่ามกลางฝูงหมาป่าเองนี่ ไม่ว่าใครก็นึกสงสัยทั้งนั้นว่าทำไมบอสถึงสั่งให้มันมาประจำโรงงานทั้งที่ไม่มีความรู้เรื่องพวกนี้สักอย่าง ก็ยังดี...ที่มันเลิกแต่งตัวเหมือนพี่นิลแล้ว นับว่ายังมีหัวคิดเพราะถ้ายังสวมเสื้อรัดรูปกรีดตาโชว์เรือนร่างอีก เห็นทีจะไม่ได้แค่เสี่ยเลี้ยง แต่จะได้ผัวเป็นกระบุง
สุดท้ายแล้วผมเลยนอนห้องเดียวกับกระต่าย และคอยขับมอเตอร์ไซด์ไปส่งมันที่โรงเรียนทุกเช้า เพราะในบรรดาคนทั้งหมด มีแค่ผมกับกระต่ายที่ยังอยู่ในวัยเรียน ก็เลยต้องออกมาพร้อมกันเพราะไม่สามารถเรียกแท็กซี่ไปต่อรถไฟฟ้าหรือรถเมล์ได้ เล่นอยู่ซะห่างไกลความเจริญขนาดนี้นี่ครับ ไหนๆ บอสก็ให้ผมดูแล ควีนเองก็ฝากฝัง ผมจึงต้องอาสามาส่งเพราะสงสารกระต่ายไร้ทางไป ไม่งั้นผมจะซวยเอา
โอเค ผมยอมรับก็ได้ว่ากำลังสนุก
ในคลับน่ะมีคนอายุน้อยกว่าผมซะที่ไหน ส่วนใหญ่ก็ต้องก้มหัวเข้าหาทั้งนั้น ฉะนั้นพอมีกระต่าย ผมก็เลยเริ่มติดใจกับการเลี้ยงสัตว์ที่จะบีบก็ตายจะคลายก็รอด เป็นเจ้าของที่คอยเปิดปิดกรง และล่ามโซ่มันเอาไว้อย่างได้ใจ
ถึงจะค่อนข้างพยศก็เถอะ
แต่เทียบกับควีนมันก็เป็นแค่ของเลียนแบบ ขนาดทำตาถลึงขู่ขวัญ ยังดูไม่น่ากลัวสักนิด
ใช่ เทียบกับคนของบอสแล้ว...
“พี่นิล?” ผมอุทานอย่างประหลาดใจเมื่อเห็นเจ้าของชื่อเดินเลี่ยงไปด้านหลังตึกโดยมีชายสวมหมวกมีพิรุธตามหลังในระยะประชิด เหมือนพยายามเอาตัวบังจากของบางอย่างที่ถือเอาไว้ ดูจากองศาศอกซึ่งเหมือนจะจ่อช่วงสะโพกของควีน น่าจะเป็นอาวุธมากกว่าหนังสือเรียน
เดี๋ยวก่อน ส่วนสูงและรูปร่างของผู้ชายคนนั้นมัน...
เวรล่ะ นั่นมันสมศักดิ์นี่หว่า!
ผมเตรียมโทรรายงานบอส แต่พอเห็นท่าทางของพี่นิลที่สงบนิ่งเกินคาด และไม่มีความหวาดกลัวสักนิด ผมก็ลดโทรศัพท์มือถือและเลือกจะเดินตามไปเงียบๆ แทน สังหรณ์บอกเตือนว่าเขาจัดการได้ โดยที่ผมไม่จำเป็นต้องตื่นตูมให้เสียงาน
“เอาล่ะ สมศักดิ์ คุณอยากจะบอกอะไรกับไอ้คิงก็พูดมาตรงๆ เดี๋ยวฉันจะพิจารณาให้เอง”
พออยู่ในที่ลับตา พี่นิลก็หันมาเผชิญหน้า ก่อนจะยืนกอดอกพิงกำแพงด้วยท่วงท่าไม่ยี่หระสักนิด
เหมือนมีอะไรเปลี่ยนไป...
ผมเองก็พูดไม่ถูก ถึงจะพอรู้จักนิลกาฬคนนี้ในระดับหนึ่ง แต่กับชายเบื้องหน้านั้นผมคิดว่ามีบางอย่างที่เปลี่ยนไป ทั้งดวงตาที่มุ่งมั่นและท่าทางไร้ความหวาดเกรง ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังดูงุนงงและพยายามปรับตัวอยู่แท้ๆ แต่ในตอนนี้... ‘ควีน’ กลับคุมสถานการณ์ได้อยู่หมัด สิ่งที่แตกต่างจากเดิม...คือความมั่นใจที่มากขึ้นจนทำให้คนเห็นรู้สึกเชื่อมั่นตามไปด้วย
คนคนนี้...คือควีน
หากเป็นแต่ก่อน ผู้ชายคนนี้จะให้ความรู้สึกที่พยายามจะเรียนรู้ แต่กลับไม่เปิดใจ เหมือนพร้อมที่จะเข้ามาและจากไปได้ทุกเมื่อ แต่ในตอนนี้...สิ่งที่เปลี่ยนแปลง...คือการเตรียมใจที่มากขึ้น เป็นควีนที่แบกรับทุกสิ่งทุกอย่างในคิงส์ คลับไปพร้อมๆ กับพระราชา
“โรงงานของผม...ควีน...ได้โปรด คืนโรงงานของผมเถอะ แล้วผมจะยอมซื้อขายแค่กับคิงส์คลับเพียงแห่งเดียว หากนั่นคือสิ่งที่คนของคุณต้องการ”
“โรงงานก็เป็นชื่อของคุณอยู่แล้ว คุณต้องการอะไรอีกล่ะ”
“เปอร์เซนต์ของผม...มันน้อยเกินไป”
“เจ็ดสิบเปอร์เซนต์ที่คิงส์คลับได้รวมค่าจ้างพนักงาน ค่าอุปกรณ์ และวัตถุดิบทั้งหมด รวมแล้วก็ประมาณสี่สิบเปอร์เซนต์ เท่ากับว่าคิงส์คลับจะได้กำไรแค่สามสิบเปอร์เซนต์เท่านั้น หากไม่นับค่านายหน้าที่ต้องหักออกไปก่อน ก็เท่ากับว่าทางคลับได้พอๆ กับคุณนั่นแหละคุณสมศักดิ์ แล้วคุณจะโวยวายอะไร”
สีหน้าของควีนคล้ายจะเหนื่อยหน่าย ดูจากสายตาที่เหลือบมองนาฬิกาข้อมือบ่อยๆ แล้วคงจงใจสื่อว่ากำลังเร่งร้อน เพื่อให้คู่สนทนารีบจบเรื่องสักที
“แต่นั่น...เป็นของๆ ผม คุณทำแบบนี้ก็ไม่ต่างกับการปล้นไปจากมือแล้วบีบบังคับกันชัดๆ! ในเมื่อคุณไล่คนของผมออกแล้วแทน
ด้วยคนของคลับ การที่คลับจะเป็นคนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ก็ถูกต้องแล้ว ไม่จำเป็นต้องนับรวมไปกับผลกำไรสักนิด!”
“ชู่...อย่าเสียงดังสิ อยากโดนจับมากรึไง” ควีนยกนิ้วจรดริมฝีปากด้วยสีหน้าเปี่ยมเสน่ห์ “ไหนเมื่อกี้ว่าอะไรนะ? คลับรับผิดชอบค่าใช้จ่ายน่ะสมควรแต่ไอ้ที่รวมส่วนนั้นเข้ากับเปอร์เซนต์จากผลกำไรด้วยนั้นไม่สมควร? อืม...งั้นมาคิดในทางที่ยุติธรรมที่สุดก็แล้วกัน...สำหรับคุณสมศักดิ์ ผู้คิดค้นสูตรและเริ่มต้นสร้างโรงงานมา คงจะลงทุนลงแรงไปไม่น้อย สามสิบเปอร์เซนต์นั้นคงจะไม่คุ้มทุนสักเท่าไหร่...”
“ใช่ ใช่แล้วควีน”
ไอ้สมศักดิ์พยักหน้ารับหงึกหงักตาวาวอย่างน่าสมเพช
“ถ้าอย่างนั้น...ทางคลับจะช่วยจ่ายส่วนนั้นเพิ่มให้คุณเอง แต่มีข้อแม้ว่าคุณจะต้องถอนตัวออกไปจากการค้าครั้งนี้”
“เดี๋ยว...ทำไมล่ะ”
“ก็เพราะว่าคุณไม่มีประโยชน์อะไรกับคลับแล้วยังไงล่ะ ก่อนหน้านี้ยังพอนับเป็นผู้ร่วมทุนได้บ้าง ก็ไม่แปลกหากจะแบ่งเปอร์เซนต์ค้าขายตามสัญญา แต่ในเมื่อคุณทวงสิทธิ์ทั้งหมด เราก็จะจ่ายให้...แต่เป็นการซื้อขาด ค่าสูตรของคุณ ค่าเริ่มต้นสร้างโรงงานของคุณ ทางคลับจะซื้อทั้งหมดและนำชื่อของคุณออกจากการเป็นหุ้นส่วน เพราะถือว่าคุณสมศักดิ์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับเรื่องนี้อีกแล้ว”
“เดี๋ยว...”
“ถ้างั้นก็ตกลง เย็นนี้ฉันจะให้คนร่างสัญญาฉบับใหม่ คุณลองไปคิดก่อนแล้วกันว่าจะเสนอราคาสักเท่าไหร่ถึงจะคุ้มทุนที่สุด ฉันมีเรียน ขอตัวก่อนล่ะนะ”
“เดี๋ยว!”
ผมย่อตัวลงเล็กน้อย เตรียมเข้าชาร์ตไอ้สมศักดิ์ที่บังอาจเอาปืนจ่อใส่หน้าควีน
“ตกลงจะเอายังไงกันแน่คุณสมศักดิ์ ฉันไม่มีเวลามานั่งฟังคุณทั้งวันหรอกนะ คุณอยากได้เงิน ฉันก็เสนอเงินให้แล้ว แต่ถ้าคุณไม่อยากได้ ก็ยอมรับกับสามสิบเปอร์เซนต์ไปซะ เพราะคนที่ตั้งใจจะซื้อขายโดยอาศัยชื่อเสียงของคิงส์คลับก็คือคุณแต่แรก และคิงส์คลับไม่ใช่สนามเด็กเล่นที่คุณจะเอาเปรียบ คุณน่าจะรู้เรื่องนี้ดีอยู่แล้ว ฉะนั้นถ้าไม่อยากหาเหาใส่หัวกว่าเดิม ฉันขอแนะนำในฐานะของควีนมือใหม่ที่ยังใจดีมีเมตตา ว่าควรจะเก็บไอ้ที่ถืออยู่ไปพร้อมๆ กับผลประโยชน์ที่ยังคว้าได้ในตอนนี้ก่อนที่มันจะไม่เหลืออะไรสักอย่าง!”
ควีนเดินเข้าใกล้ด้วยสีหน้ามาดมั่น
“เพราะยังไงคุณก็ทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว จริงมั้ยล่ะคุณสมศักดิ์”
ใช่ เพราะถ้ายิงออกไป มันไม่มีวันจบชีวิตสบายๆ แน่นอน
คิงส์คลับไม่เคยฆ่าคน แต่เราก็มีวิธีเล่นงานได้เจ็บแสบและทรมานที่สุด
โดยเฉพาะหากคนคนนั้นเป็นคนสำคัญของพระราชา ไม่สิ...โดยเฉพาะหากคนคนนั้นเป็นคนสำคัญของคลับ เป็นควีนที่สำคัญยิ่งในปราสาทหลังนี้
พลันปืนถูกลด พร้อมกับเสียงถอนหายใจดังเฮือกอย่างจริงใจของควีน
ท่าทางนั้นทำให้สมศักดิ์ประหลาดใจ ก่อนจะยิ่งตื่นตัวกว่าเก่าเมื่อร่างทรงเสน่ห์เดินเข้ามาใกล้มากขึ้น
“อย่าทำอะไรผลีผลามแบบนี้อีกล่ะ โลกนี้มันโหด คนใจร้อนก็เป็นได้แค่เหยื่ออารมณ์ให้คนอื่นปั่นหัวเล่นเท่านั้นแหละน่า ถ้าคุณจับฉันไปต่อรองกับคิงเรื่องนี้ รับรองว่าศพไม่สวยไปแล้ว โชคดีนะเนี่ย” ไม่ว่าเปล่าควีนยังตบบ่าคู่สนทนาอย่างเห็นอกเห็นใจ ก่อนจะคลี่ยิ้มสดใส แตกต่างกับท่าทางข่มขวัญก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง
“หวังว่าจะร่วมงานกันด้วยดีนะ คุณสมศักดิ์”
“...ครับ ควีน”
สมศักดิ์ยื่นมือไปจับมือของควีนเป็นการตกลง สร้างความประหลาดใจทั้งกับตัวผมและตัวหมอนั่นที่ยังมองควีนตาปริบๆ เหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรสักอย่าง แต่นั่นเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เพราะคิงส์คลับไม่มีวันยอมเสียเปรียบ ไม่มีวันลงทุนกับสิ่งที่ไม่ได้กำไร และพร้อมจะตัดปัญหาทุกอย่างเหล่านั้นทิ้งอย่างง่ายดายด้วยวิธีการที่โหดร้ายยิ่งกว่า
ใช่แล้ว...ยังดีที่เป็นควีน เพราะหากถือปืนไปขอเจรจากับบอส คาดว่าไม่ทันได้พูดตื่นมาอีกทีก็คงจะอยู่ในโรงพยาบาลพร้อมกับสิทธิ์ทุกอย่างที่ถูกริบคืนทั้งหมด เพราะการหันอาวุธเข้าหาพวกเดียวกันเอง ถือเป็นการตัดสัมพันธ์กับคลับโดยสิ้นเชิง
ควีนยังให้โอกาส ถือเป็นความโชคดีของสมศักดิ์แล้ว
“จริงสิ ไม่ต้องเรียกฉันควีนทุกคำแบบนั้นหรอก เราเป็นหุ้นส่วนกัน ไม่ใช่คนของคลับ ฉะนั้นจะเรียกฉันว่านิลกาฬ...เหมือนที่เรียกน้องฉันว่าอำพันก็ได้”
ควีนครับ อย่าหลุดหัวเราะออกมาเชียวนะ ที่พูดขึ้นมาเนี่ยก็เพราะนึกคึกอยู่ใช่มั้ยครับ
“ครับ คุณนิล”
แต่เดี๋ยวก่อน...
ผมจ้องเขม็งกับท่าทางหลบสายตาของสมศักดิ์ ก่อนจะสะดุ้งเฮือกเมื่อจับสังเกตถึงอะไรบางอย่างได้
...แย่ล่ะบอส ดูเหมือนก่อนจะทำให้อัศวินคนเก่งยอมรับ ควีนจะไปโปรยเสน่ห์หาทาสรับใช้จากนอกคลับเพิ่มก่อนซะแล้ว!
----------
ลองเอามุมเบอร์หนึ่งมาเล่าบ้าง จะได้เพิ่มเติมความสัมพันธ์กับคุณน้องอำพัน(ฮา) และคุณพี่นิลกาฬว่ากำลังพัฒนาแล้วเน้อ ทั้งวางใจพี่คิง ทั้งทุ่มเทกับคลับ ไม่ใช่นิลกาฬคนเดิมที่เอ้อละเหยไปมาแล้วน้า ส่วนคู่เบอร์หนึ่งก็ต้องลุ้นต่อไป ว่าจะตบจูบแบบพิศาลหรือไม่ 555
ปล.ใครอ่านแล้วเจอคำผิด หรือใครย้อนอ่านตอนเก่าๆ แล้วเจอคำผิด บอกได้เลยนะคะ ช่วงนี้เราจัดไฟล์อยู่ เจอคำผิดประปรายจนใจเสียเลย กลัวตกหล่นมากเพราะทำคนเดียว ช่วงนี้ทั้งปั่นทั้งทำไฟล์ทั้งทำงาน สมองสับสนมากค่ะ ปวดหัวไปหมดแย้ว QAQ
เพจนักเขียนที่ถวายตัวเป็นข้าทาสนิลกาฬเป็นนมนาน