ชาย x หมอบ part 5
ฮัดเช้ย!
ผมว่าแล้ววันนี้ต้องมีเรื่อง สังเกตจากที่นั่งจามตั้งแต่เที่ยง และก็ยังจามอยู่ยันเย็น
ใครวะ ใครนินทาพี่หมอบ!
ฮัดเช้ย!
“...ไปหาหมอมั้ยครับ”
ไอ้ชายที่นั่งกินข้าวด้วยกันคงจะสงสาร...สงสารตัวเองที่ต้องมานั่งแดกข้าวปนน้ำลายพี่หมอบ ก็เลยหยิบกระดาษทิชชู่ส่งให้พร้อมกับลูบหลังด้วยสีหน้าเป็นห่วงเหลือแสนจนใจพี่นี้สั่นระรัว
“ไม่ต้องๆ พี่สบายดี ฮะ...ฮัดเช้ย!”
ไอ้ชายมองอย่างไม่มั่นใจ เออ ผมเองก็เริ่มไม่มั่นใจแล้วเนี่ยว่ามีคนนินทา หรือสาปแช่งกันแน่วะ
“เดี๋ยวผมไปส่งพี่ที่คลับนะ”
“เอาสิ” ผมว่าพลางเขี่ยข้าวที่เริ่มกระเดือกไม่ลงฆ่าเวลาเล่น “ว่าแต่ไหนลองเรียกชื่ออีกครั้งได้มั้ยอ่ะ”
“หมอบ”
ผมอมยิ้ม รู้สึกมีความสุขจนรัศมีสีชมพูสว่างไสว
“อีกครั้งสิ”
“หมอบ”
ไอ้ชายว่าง่ายมาก ให้พูดก็พูด ให้ทำอะไรก็ทำ ทำไมพี่หมอบถึงโชคดีแบบนี้ มีผัวทั้งทีก็ได้ดั่งใจสุดๆ
ว่าแล้วก็นึกย้อนไปตอนให้ไอ้ชายเรียกชื่อผมห้วนๆ ตอนนั้นมันคัดค้าน บอกว่าจะเป็นการลามปามเพราะผมอายุมากกว่ามันตั้งสองปี แหม ทำอย่างกับอายุห่างกันสิบสองปี แย้งซะผมนึกว่าหัวหงอกก่อนวัย จนกระทั่งชักแม่น้ำทั้งห้า พร้อมด้วยแม่นางอันมีชื่อว่าโป้ง ชี้ กลาง นาง ก้อย ที่สะกดชายน้อยอย่างอยู่หมัด มันก็ยอมเรียกผมว่า ‘หมอบ’ สั้นๆ จนชวนให้จิตใจวาบหวิว
ไอ้ชายน่ะอ่อนประสบการณ์เรื่องนั้นสุดๆ จนโคตรสงสัยว่าวันนั้นถ้าไม่เสียใจเรื่องนิลจนซมซานมาซบอกพี่หมอบ มันจะปล้ำคนเป็นรึเปล่า เพราะหลังจากตกลงปลงใจ ผมต้องเป็นฝ่ายสะกิดยิกๆ ขอสองทุกที
จะบอกว่าแฟนผมเป็นคนดีมีศีลธรรม ก็กลัวจะคิดว่าตัวเองเป็นตัวมารบาปหนา เอาเป็นว่าไอ้ชายก็แค่สุภาพบุรุษเกินไป จนไม่กล้าที่จะเริ่มชักชวนเรื่องบนเตียงก่อนก็แล้วกัน เฮ้อ!
อย่างน้อยเวลาผมสะกิด มันก็ไม่ปฏิเสธล่ะนะ
หมอบเป็นปลื้ม
เพราะไม่มีอารมณ์กินต่อ ชายก็เลยขับรถ(ของผม)ไปส่งที่คลับ คิดไปเองรึเปล่านะว่าวันนี้ดูกระตือรือร้นเกินเหตุ อย่าบอกนะว่าตั้งใจจะไปเจอน้องนิล โอย พี่หมอบล่ะใจหวิว รู้ว่าเขารักก็ยังหึง ได้เป็นเจ้าของก็ยังไม่เพียงพอ พี่หมอบสับสนตัวเองนัก
จะบอกว่าไม่เชื่อใจชายก็ไม่ถูก ผมน่ะรู้ดีเลยว่ามันไม่กล้าสารภาพรักน้องนิลแน่ๆ แต่ก็อดเสียความรู้สึกไม่ได้ทุกที
ก่อนจะวิญญาณหลุดออกจากร่างแทบทุกครั้ง เวลาไอ้ชายเดินกุมมือ พาเข้าไปในผับด้วยกันเหมือนกับเพิ่งเป็นแฟนกันใหม่ๆ ทั้งที่เลยขั้นเอ บี ซี ชนิดที่ว่าหากพี่หมอบเป็นผู้หญิง คงจะท้องไปแล้ว
แต่คงไม่ถึงขั้นคู่รักสายโหดอย่างไอ้คิงน้องนิลหรอก เพราะถ้าท้องได้จริงๆ น้องนิลคงมีลูกเป็นคลอกแล้วมั้ง
“สวัสดีครับพี่หมอบ”
“เออ ดีๆ สบายดีนะทุกคน” ผมทักพนักงานที่เดินสวน ชะเง้อมองหาไอ้กร บิชอปที่มักเข้ามาช่วยคุมสถานการณ์ในผับ ก่อนจะนึกได้ว่ามันถูกส่งไปเฝ้าโกดังแล้วนี่หว่า เฮ้อ ไม่มีคนคอยรับใช้อย่างรู้ใจซะเลย
ผมเลยหันไปกวักมือเรียกพนักงานใกล้มือให้ไปชงเครื่องดื่มและน้ำเปล่าสำหรับชาย ปกติแล้วถ้าไอ้กรมันเห็นผมเดินเข้ามาปุ๊บ มันก็จะเตรียมให้อย่างรวดเร็วทันใจ ตามประสาบิชอปที่อ่านคนเก่งและถนัดเอาใจนักล่ะ
“กรหายไปไหนเหรอพี่”
ผมสะดุ้ง คาดไม่ถึงว่าไอ้ชายจะถามขึ้นมา
“กระต่ายก็ด้วย”
สะดุ้งซ้ำสอง ทำไมชายรู้จักกระต่ายได้วะ ปกติเวลามากับผมก็ไม่ได้มองใครที่ไหน หรือว่าจะตัดใจจากน้องนิลไปหากระต่ายเบอร์สอง ไม่ได้นะ พี่หมอบไม่ยอม!
แต่เดี๋ยวก่อน...แล้วทำไมมันเรียกกระต่ายตามน้องนิลล่ะวะ น้องชื่อใบปอ ถ้าคิดจะจีบจริงๆ ก็ต้องรู้ชื่อสิ แสดงว่าน้องนิลต้องไปเล่าอะไรให้มันฟังแน่ๆ ตั้งสติไว้หมอบ อย่าเพิ่งอารมณ์แปรปรวนดุจสาววัยทอง มึงเพิ่งอายุยี่สิบสองเท่านั้น ใจเย็นๆ เอ้า สูดหายใจเข้า...สูดหายใจออก...
“คิงให้กรไปทำธุระน่ะ กระต่ายก็ตามไปด้วย”
ผมตอบด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร ชนิดที่ว่าอีกนิดก็คงจะจับมันส่งขึ้นยานไปดาวแม่แล้วหากไอ้ชายส่อพิรุธออกมา
อย่านะเว้ย พี่หมอบเอาจริงนะเว้ย ถ้ามาหลอกกันแล้วไปหาของมือสอง พี่หมอบมีวางมวยนะเว้ย
...ว่าแต่ผมต่อยสู้ชายได้มั้ยวะ ตอนเด็กน้องนิลเคยไปเรียนมวย คุ้นๆ ว่าไอ้ชายก็ตามไปด้วย ส่วนพี่หมอบ...
ตอนนั้นพี่หมอบยังเล่นเตะกระป๋องอยู่เลย โฮ
“ธุระของคิงส์คลับเหรอครับ”
มาแปลกวุ้ย ทำไมวันนี้ไอ้ชายดูรุกจังหวะ หรือว่าจะจับกดพี่หมอบ เว้ยเฮ้ย พี่หมอบยอมนะบอกไว้ก่อน
“ก็ใช่” ผมตอบพลางทำหน้าเอียงอายเมื่อไอ้ชายมันขยับตัวเข้ามาใกล้มากขึ้น แถมยังจับต้นแขนไม่ปล่อย ตรงนี้เลยเหรอวะ? วู้ พี่หมอบสะกิดแขนยิกๆ ก่อนจะเหล่ตาไปที่ห้องน้ำ แบบว่าให้มันลับหูลับตาคนหน่อย ไม่ใช่เป็นพวกชอบโชว์แบบไอ้คิง
“พี่ปวดหนักเหรอ”
...ไอ้ชาย ช่วยดูอารมณ์กันนิดนึง หมอบน้อยหดเลยเนี่ย
“หมอบ”
“อะไร” ผมเริ่มหายใจกระชั้นอีกครั้งเมื่อชายยื่นหน้าเข้ามาใกล้ จูบ? จูบเลย พี่หมอบพร้อม!
“พี่หลับตาทำไม อะไรเข้าตาเหรอ”
...ไอ้ชายโว้ย!
พี่หมอบขัดใจเหลือเกิน สรุปมันจะรุก หรือมันจะห่วง หรือมันจะอะไร ช่วยบอกให้กระจ่างทีเถอะ
“หมอบ”
เรียกอีกแล้ว รู้มั้ยว่าใจพี่นี้มันหวิว
“เล่าเรื่องคิงส์คลับให้ผมฟังหน่อยสิ”
“ทำไม” ผมสะดุ้งเลยครับ ปกติแล้วชายค่อนข้างเขม็งกับไอ้คิง ก็เลยพาลไม่อยากยุ่งเรื่องคลับด้วยเพราะกลัวกลั้นใจตัวเองไม่ให้ห่วงน้องนิลไม่ไหว ซึ่งผมเองก็เห็นด้วย เกิดมันไปเห็นว่าคลับเป็นที่อโคจรขนาดไหน มีหวังพาลูกรักกลับบ้านไปร้องเพลงกล่อมแหงๆ
“ผมแค่คิดว่าถึงเวลาที่ต้องรู้แล้ว นิลจะได้ไม่มีอะไรปิดผมอีก”
...สุดท้ายก็เพราะน้องนิลอีกนั่นแหละ
ผมถอนหายใจเฮือก รู้อยู่แล้วว่าคที่ทำให้ชายยอมทนทำอะไรต่อมิอะไรที่ไม่ใช่ตัวเองได้ก็มีแต่นิลกาฬ
อิจฉาก็อิจฉา เข้าใจก็เข้าใจ
เป็นพี่หมอบนี่มันไม่ง่ายเลยพับผ่า
“มึงแน่ใจหรอกว่ารับได้ รู้แล้วจะไม่ไปลากน้องนิลออกมาน่ะ”
“...ผมปล่อยนิลแล้ว ผมก็ต้องทำให้ได้ล่ะครับ”
ผมถอนหายใจเฮือก มองตาก็รู้แล้วว่ามันปล่อยไม่ได้อยากที่พูดหรอก แต่ถึงอย่างนั้นก็อยากรู้ว่าสิ่งที่น้องกำลังเผชิญคืออะไร เดี๋ยวก็หายตัว เดี๋ยวก็ไปทำนู่นทำนี่ มันคงห่วงจนทนไม่ไหวตามประสานั่นแหละ
เอาไงเอากันล่ะวะ
“คือแบบนี้ คลับน่ะ...”
ถ้าไม่แถให้ราบรื่นไม่ได้ ก็อย่ามาเรียกผมว่าเรือเลย!
“คลับน่ะก็เหมือนคาสิโนนั่นแหละ เคยดูเจมส์บอนมั้ยชาย ถ้าไม่เคยดูก็ไปหามาดูซะนะ เพราะคลับก็เหมือนที่การพนันแห่งหนึ่งซึ่งเปิดใจกลางเมือง ก็เลยมีลูกค้าเยอะและคัดคนเข้ามาพอสมควร คลับน่ะปิดตอนตีสาม ฉะนั้นถ้าน้องนิลจะตื่นสายบ้าง โดดเรียนบ้าง ก็ไม่แปลกหรอก”
“ไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้นเหรอครับ”
ผมมองตามัน ชั่งใจว่ามันจะรับได้มากแค่ไหน
คุณชายนั่งพับเพียบดื่มน้ำเปล่าอย่างมันคงรับเรื่องยาไม่ได้แน่นอน เหมือนที่น้องนิลยังคันค้าน
ต้องข้ามโว้ย ข้าม ข้าม!
“ก็มีอีกนิดหน่อย คิงมันปล่อยเงินกู้ด้วย แล้วก็ชั้นสองของคลับก็ค่อนข้างเปิดกว้างกว่าที่ผับ เลยมีคนมาทำเหมือนเป็นม่านรูดกันเยอะ เรื่องแค่นี้น้องนิลรับได้อยู่แล้วใช่มั้ยล่ะ แต่มันก็เล่าให้ชายฟังยาก ก็เลยไม่ค่อยพูดถึงไง” ผมทำหน้าจริงจังสุดชีวิต ไม่ได้โกหกเลยนะเฮ้ย แค่เล่าไม่หมดเท่านั้นเอง
“แค่นั้นเหรอครับ”
เซ้าซี้จังเฮ้ย!
“คนในคลับก็เลยต้องมากไปตามระเบียบ และมีการแต่งตั้งตำแหน่งนิดหน่อยเหมือนเกมหมากรุก กรคือบิชอป พี่คือเรือ ส่วนที่น้องนิลมีปัญหาอยู่ตอนนี้ ก็คืออัศวินคนหนึ่งในคลับที่ยังไม่ยอมรับน้อง ก็เลยเครียดๆ เท่านั้นเอง”
นี่แทบจะหมดเปลือกแล้วนะ...พี่หมอบแทบจะควักไส้ออกมาแล้วนะ!
“กำหนดเวลาคือหนึ่งเดือน เป็นช่วงสอบพอดี น้องก็เลยรีบเร่งจนเสียการเรียนไปบ้าง ไม่ต้องห่วงน่าชาย แค่เรื่องคนในคลับ น้องไม่ได้ไปวิ่งฝ่ากระสุนปืนที่ไหนหรอก” พูดแล้วก็เสียวสันหลังวาบ เพราะตอนเช้าเบอร์หนึ่งส่งข้อความมาในไลน์กลุ่มของผมกับไอ้คิงว่าเห็นน้องนิลโดนสมศักดิ์จ่อปืน
...เอาน่า ก็ไม่ได้อันตรายสักหน่อย วู้!
นี่ผมพยายามทำตัวให้ไม่กังวลสุดๆ เลยนะเนี่ย จับใจความได้บ้างมั้ยฮะพ่อคุณชาย
ปรากฏว่ามันจ้องตาผมครับ ผมก็เลยต้องเพ่งกลับ เพ่งไปเพ่งมาจนปวดกระบอกตา น้ำตาเริ่มคลอ ชายก็เลยยอมขยับตัวห่างออกไปแล้วส่งผ้าเช็ดหน้ามาให้
ฮือ พี่หมอบน้ำตาจะไหล ในที่สุดวันนี้ก็รอดแล้วโว้ย
“ว่าแต่ทำไมถึงถามล่ะ”
ร้อยวันพันปีออกจะทำตัวว่านอนสอนง่าย มีแค่ตอนน้องนิลมีเรื่องเท่านั้นที่คุมไม่อยู่ ผมเลยค่อนข้างแปลกใจที่ไอ้ชายจู่ๆ ก็โพล่งถามขึ้นมา อย่าบอกนะว่ารู้เรื่องเมื่อเช้า? เหวอ ขนาดไอ้คิงยังโกรธแทบดิ้น ไอ้ชายไม่โกรธแทบบ้าเลยเหรอวะ
“...นิลให้มาถามกับพี่นะ”
ที่แท้ก็น้องนิลนี่เอง ถ้างั้นไม่เป็นไรหรอก...เดี๋ยวนะ...น้องนิล
นี่น้องโยนขี้มาให้พี่หมอบนี่หว่า!!!
“หมอบ”
“อะไรเหรอชาย” ผมทำยิ้มหวานเมื่อโดนเรียกชื่อ ทำเอาลบความขุ่นข้องหมองใจเสียสิ้น พี่หมอบช่างแสนดีเหลือเกิน เป็นพ่อพระ เป็นเทวดา ฉะนั้นจะไม่ถือสากับน้องนิลก็แล้วกัน
“ผมอยากสมัครเข้าคลับ ต้องทำยังไงบ้างเหรอพี่”
หมอบคนดีแตกซ่าน
เหลือแต่หมอบที่แทบไม่สมประกอบ
“...อะไรนะ!!!”
พี่หมอบขอกรี๊ดได้มั้ย กรี๊ดดดด
-------------
เอาแล้วไง เรื่องเริ่มจะวุ่น เราเองก็กุมขมับ ความจริงชายก็ควรจะเข้าคลับ เพราะไม่งั้นคงต้องถูกกันออกไปตลอด แต่ว่า...ยังไม่ใช่ตอนนี้ค่ะ พี่หมอบก็ต้องขุดเอากึ๋นมาเจรจาต่อไป เพราะถ้าชายเข้ามาเห็นกับตา รับรอง...น้องนิลไม่รอด!
ปล.ช่วงนี้อัพเร็วมาก แต่ขอพักไปอีกสักระยะนะคะ เรื่องใกล้ไคลเเมกซ์แล้ว ขอไปตั้งสมาธิสงบสติก่อนเพื่อความไม่ฟุ้งซ่าน กำลังทางแต่งให้ไปเชื่อมกับจุดที่ข้ามไปแต่งรอไว้ก่อนเเบบเนียนๆ โดยคงเนื้อหาครบไม่ออกทะเลอยู่ค่ะ

ปลล.ขอบคุณคำผิดด้วยนะคะ DogmaticGoose <3
เพจนักเขียนที่เรื่องเริ่มเยอะจนชักเอาตัวไม่รอด เอาใจช่วยด้วยนะคะ QAQ