ตอนที่ 9
ผมว่าไอ้พี่หมอบต้องรู้อยู่แล้วแหงว่าสักวันต้องลงอีหรอบนี้ ตอนมาส่งผมที่รถไอ้คิงถึงพูดเหมือนรู้ทัน
“ทางนี้ครับ”
ยังดี...คนจากทางผับมันปฏิบัติตัวกับผมได้ดีกว่าพวกคลับที่มองอย่างกับเห็บเหาเกาะพระราชา นี่สิคือโลกแห่งความจริงที่มีแต่คำว่าเจ้านาย ลูกน้อง และเมียเจ้านาย ไม่ใช่ไอ้การเคารพนับถือยกตัวเองเป็นจ้าวอย่างกับละครจักร์ๆ วงศ์ๆ ช่วงเช้าที่แหกขี้ตามาดูไม่เคยทัน
ไอ้คิงมันตามมาด้วยครับ บอกว่าอยากพิสูจน์ฝีมือเมีย ได้ กูจัดให้!
ลูกน้องมันพาผมไปอยู่ที่ห้องเก็บของของพนักงาน เสียงโหวกเหวกเสียงดังกระแทกโสตประสาททันทีที่เปิดประตู โชคดีที่เป็นตู้ล็อคเกอร์ บวกกับพวกมันทะเลาะกันเสียงดังชิบหาย เลยไม่ได้สังเกตว่ามีแขกไม่ได้รับเชิญแอบเข้ามาฟัง แถมยังเสือกเป็นตัวเบ้งของร้านอีกด้วย
“มึงจะอะไรนักหนา แค่นี้ทำอิดออกเหมือนไม่เคยไปได้”
“จะให้ผมขโมยของบ่อยๆ ได้ยังไงล่ะพี่ ถ้าเกิดผมถูกจับได้ขึ้นมาจะทำไง”
“กับอีแค่เหล้าขวดสองขวด ใครจะไปรู้ล่ะวะ”
“ถ้าแค่วันเดียวคงไม่เป็นไร แต่นี่สามครั้งแล้วนะพี่ เพื่อนร่วมงานผมเริ่มระแวงแล้ว!”
“มึงทำไม่เนียนเอง”
“พี่ก็อย่าบังคับให้ผมทำแบบนี้สิ!”
จะดีเหรอมึง...หมายถึงพวกมึงๆ น่ะที่มาสารภาพอะไรต่อหน้าต่อตาเจ้าของที่เริ่มหงุดหงิดจนจุดบุหรี่สูบอีกม้วน ไม่รู้จะด่าว่าโง่หรือโคตรโง่หรืออภิมหาโง่ดี คือมึงทะเลาะก็ทะเลาะไป แต่เล่นบอกมาหมดเปลือกแบบนี้นี่กูอัดเสียงแล้วเอาไปแจ้งความได้เลยนะสัด
“งั้นมึงเอาเงินมา”
“เงินเดือนผมยังไม่ออก…”
“สรุปมึงจะทำอะไรให้ได้กูบ้างฮะ!” ไม่พูดเปล่ายังมีเสียงล็อคเกอร์ถูกกระแทกดังโครม เชี่ย! มึงต้องจ่ายค่าซ่อมด้วยนะสัด!
เดี๋ยวๆ แล้วทำไมกูงกแทนไอ้ผัวแบบนี้วะ ร้านกูก็ไม่ใช่
“แล้วพี่จะให้ผมทำยังไง!” น้ำเสียงตะโกนเจือสะอื้นดังขึ้น ให้ตาย มึงเป็นผู้ชายก็ต่อยมันสิวะ ร้องไห้ทำห่าเหรอ
“ถ้ามึงทำตัวไร้ค่าแบบนี้ก็เลิกกันเหอะวะ กูไม่อยากได้ตัวถ่วง”
“พี่ พี่จะทิ้งผมไม่ได้นะ”
“ทำไมกูจะทิ้งไม่ได้ มึงแม่งขี้ขลาดชิบหาย ให้อะไรกูไม่ได้สักอย่าง”
“งั้น...งั้นพี่อยากได้อะไร”
“เงิน” ไอ้นั่นพูดเสียงฟังชัด “ถ้ามึงไม่มีเงิน ก็ขโมยมาสิวะ”
โอเค พอเพียงเท่านี้ ผมเดินออกไปยืนกอดอกทำท่าชิวๆ จนไอ้สองคนนั้นสะดุ้งเฮือก แหม ทีงี้ล่ะตกใจ ช้าไปมั้ยพวกมึง เล่นตะโกนกันคอแตกจนกูปะติดปะต่อเรื่องได้ทั้งหมดในเวลาแค่หน้าเดียวเนี่ย ประหยัดเวลาชิบหาย
ถึงจะไม่เคยเห็นหน้าแต่ผมก็แยกแยะได้ทันที เพราะไอ้หน้าซีดตัวสั่นส่วนสูงแค่ไหล่ผมนั้นสวมชุดเครื่องแบบพนักงาน ส่วนไอ้หน้าโหดที่แม้จะพอดูดีแต่ก็ยังไม่ถึงครึ่งปลายผมของผัวนั้นปราดเข้ามาใกล้เพื่อทันควัน
“มึง!”
มันเงื้อหมัดจะต่อย คงตั้งใจปิดปากไม่ให้ผมไปฟ้องผัว แต่โทษที ผัวกูอยู่หลังล็อคเกอร์เนี่ย มึงดิ้นไม่หลุดแล้วว่ะ
ผมในสภาพเต็มร้อยเอียงตัวหลบไม่ยากเย็นด้วยสเต็ปนักมวยก่อนจะปล่อยหมัดแยปสวนแบบเบาะๆ ผลคือต่อยเข้าเต็มๆ ครึ่งปากครึ่งจมูก เลือดกำเดาสาดกระจายล้มดังตึง เชี่ย! สกปรก!!!
ผมเดินเข้าไปเอามือเช็ดๆ กับเสื้อกั๊กพนักงานของไอ้เด็กที่ดูจะกลัวผมตัวสั่นซะเหลือเกิน แต่ก็หนีไม่ได้เพราะถูกต้อนจนมุม แม่ง เหมือนกูรังแกหนูไร้ทางสู้เลยว่ะ มึงอายุสิบแปดแล้วใช่มั้ย ผัวกูคงไม่ได้เกณฑ์คงอายุไม่ถึงมาทำงานหรอกนะ หน้าเด็กเชี่ยๆ
“ผม ผมขอโทษพี่ ผมจะไม่ทำแล้ว อย่าไล่ผมออกเลยนะ”
มันประกบสองมือไหว้ผมจรดหน้าผาก ใครสอนมารยาทมันวะ ไหว้คนเขาให้วางไว้ตรงอก เทินเหนือหัวทำพ่องเหรอ
“มึงบอกให้กูอย่าไล่มึงออก แล้วมึงรู้เหรอว่ากูเป็นใคร”
“ไม่อ่ะ...”
สัด!
“กูชื่อนิลกาฬ จำๆ ไว้หน่อยนะเชี่ย!” พูดพลางยกเท้าเตะไอ้ตัวที่เลือดกลบปากตะเกียกตะกายจะลุกขึ้นเสยหน้าแม่ง ทำเอานอนหงายพะงาบๆ อ่อนชิบหาย
“ให้ตาย ไอ้นี่มันมีดีตรงไหน เลิกๆ ไปเหอะคนแบบนี้”
“แต่ผมรัก...”
“โยนข้ออ้างไร้สาระนั่นทิ้งเถอะว่ะ!”
“แต่...”
“มึงมานี่” ผมกระชากหัวได้เตี้ยนี่ไปหน้ากระจกสำหรับแต่งตัวพนักงาน ภาพที่สะท้อนคือไอ้หน้าละอ่อนที่มีรอยช้ำตรงแก้มและมุมปาก แน่นอนว่ามันคงไม่อุตริต่อยหน้าตัวเองหรอก ดูโคตรไม่สู้คน “มึงดูสภาพตัวเอง แล้วลองพูดคำนั้นอีกครั้งซิ รักเหี้ยอะไรวะทำให้เป็นขโมย เป็นกระสอบทราย นี่รักของมึงเหรอไอ้สัด ใช้สมองคิดให้เยอะๆ หน่อย!”
น้ำตาปริ่มอีก บ่อน้ำตาตื้นจริงนะมึง
“อย่ามาสำออย เชี่ย มึงโดนมันทำขนาดนี้ยังเสือกร้อง มานี่ มึงต้องถีบไอ้เวรแล้วขับไสไล่ส่งมันต่างหาก” กระชากหัวไอ้เตี้ยให้มายืนหน้าร่างที่นอนหงายหอบหายใจพะงาบๆ เพราะเลือดกำเดาไหลไม่หยุด “ถีบแม่ง!”
“ผม...”
“มึงไม่ถีบ? กูถีบเอง” ผมยกเท้าเตะชายโครงดังปัก! ร่างนั้นคู้ตัวหลบ ผมเลยเตะดักอีกทางเข้าเต็มท้อง เอ้า จุกดิสัด สมน้ำหน้าชิบหาย “ถ้ามึงอยากได้อะไรก็ทำเองนะไอ้เชี่ย อย่าเสือกไปใช้คนอื่น ไอ้ขี้ขลาด!”
“แล้วมึง...เกี่ยวอะไร...ด้วยวะ”
“กูเมียเจ้าของผับ!” ผมจบก็ยกนิ้วกลางด่ามัน ดู ดูทำหน้าเข้า เพิ่งคิดกลัวกูเหรอวะ ปฏิกิริยาช้าชิบหาย
“พี่คิง!”
ไอ้หน้าละอ่อนอุทาน ผมหันไปมอง อ้าว ผัวขี้เกียจแอบมองแล้วเหรอวะ เปิดตัวอย่างเท่จนแย่งคิวเมียหมด สูบบุหรี่ข้าง เอามือสอดในกระเป๋าข้าง ไม่ได้มองเลยว่าห้องนี้ไม่ได้เปิดพัดลม อบอ้าวชิบหาย
ผมย่นจมูกเล็กน้อยก่อนจะก้มไปหยิบกระเป๋าเงินของไอ้เหี้ยคาตีนมาเปิด อืม...บอกว่าไม่มีเงินๆ แต่ไอ้แบงค์พันเป็นฟ่อนนี่ทำกูเชี่ยมากกก ผมหยิบเงินออกมาหมดก่อนจะขว้างกระเป๋าหนังโล่งๆ ใส่หน้าแม่ง ก่อนจะเดินไปหาไอ้คิง
“เอ้า นี่ ค่าเสียหายของมึง”
“แล้วเด็กนั่น...”
“ไม่ต้องไปไล่มันออกหรอกน่า เด็กมันโง่ สงสารมัน”
“กูไม่ยักรู้ว่ามึงมีความสงสารด้วย”
“เชี่ยนี่! เด็กมันโคตรผอมกะหร่อง กูไม่อยากให้มันตกงาน เดี๋ยวอดตายแล้วเป็นผีมาหลอกกู” ผมกระแทกเงินเป็นฟ่อนกับอกมันเมื่อไม่ยอมรับไปสักที
“พี่...”
ก่อนจะหันไปหาไอ้เด็กที่ว่า ซึ่งมองแฟนมันที มองผมที มองไอ้คิงทีเหมือนยังทำตัวไม่ถูก
“มึง” ผมชี้หน้าแม่ง “กูให้โอกาสอีกครั้ง อย่าทำกูผิดหวัง ข้อแนะนำคือเลิกกับไอ้เชี่ยนี่ซะ แล้วมึงจะไม่เป็นขโมย เพราะสันดานมึงมันไม่ใช่ มึงมันคือกระต่าย กระต่ายอ่อนๆ ที่แม่งกินผักเป็นอาหาร”
ไอ้เด็กทำหน้างง คงไม่เข้าใจว่าผมเปรียบเปรยอะไร แต่แหม..ตัวมึงเล็ก ผอมๆ ขาวๆ ตาก็กลมๆ เหมือนกระต่ายเลี้ยงเป็นบ้า เห็นแล้วคนรักสัตว์ที่มักเอ่ยถึงทุกเช้าค่ำอย่างผมก็อดเมตตาไม่ได้
“แต่ผมยังรัก...”
“ถ้ามึงพูดคำนั้นอีกคำเดียว กูถีบ” ผมหันไปชี้หน้าอย่างเอาจริง “จะรักห่าเหวอะไรก็ช่วยดูคนมึงหน่อย แล้วช่วยมองอนาคตตัวเองด้วย ว่าแม่งจะจมปลักกับไอ้คนอย่างนี้...”
ถีบระบายอารมณ์แม่งอีกรอบ
“หรือจะเก็บเงินใช้ชีวิตแบบชิวๆ มึงเลือกได้ ไอ้กระต่าย”
“ผมชื่อปอ...”
“ไอ้กระต่าย ไอ้กระต่าย ไอ้กระต่าย”
ผมกำลังสนุก แต่ไอ้คิงแม่งเดินมาตบผัวดังผลัวะ เชี่ย! ไอ้ผัวเวร
“มึงให้คนมาลากไอ้นี่ไปทิ้งนอกร้านหน่อยดิ”
“ตอนนี้มึงเป็นผู้จัดการผับ ก็หาเองสิวะ”
ได้ สรุปคือมึงยกตำแหน่งให้กูแล้วใช่มั้ย งั้นก็ก็ทำตามใจแล้วนะสัด
ผมเดินออกไปเปิดประตู เห็นบรรยากาศคึกคักในผับที่เริ่มกรึ่มๆ เพราะปาไปเกือบสามทุ่ม เสียงดนตรีกำลังมันส์ได้ที่จนเท้ากระดิก ผมกวาดสายตามองหาคนรู้จักในชุดพนักงาน ก่อนจะยกมือเรียกไอ้คนที่กำลังเดินผ่านหน้าพอดี
“ไอ้เบอร์หนึ่ง!”
ไอ้นั่นมันหันขวับ แน่ล่ะมันไม่ได้ชื่อนี้ แต่มันโดนผมเรียกจนสมองจดจำไปแล้ว
“อะไรครับพี่นิล” มันวิ่งเหยาะๆ เข้าหา นี่ก็เลี้ยงง่ายชิบหาย “ในห้องมีคนนอนพะงาบอยู่ มึงหาคนลากมันไปทิ้งไว้หน้าร้านทีดิ๊”
“ได้ครับพี่นิล!” มันขานเสียงดังฟังชัด เพราะตาดันเหลือบไปเห็นไอ้คิงที่เดินออกมาเอาแขนพาดกับไหล่ของผมพอดี
“แล้วไอ้กระต่ายในนั้นน่ะ ถ้ามันยังลังเล มึงก็เอาไปเลี้ยงด้วยนะ”
“ครับ?”
“เอาไปเลี้ยงสักคืน จะได้ไม่วิ่งไปหาหมาป่าที่ไหนอีก แต่ห้ามกินเองนะไอ้หนู” ผมตบไหล่มันไปที ไอ้เบอร์หนึ่งเลยยิ่งซาบซึ้งใจเพราะไอ้คิงมันไม่ขัดผมสักแอะ บ่งบอกว่ามันได้รับความไว้วางใจจากเจ้าของและเมียเจ้าของมากแค่ไหน
“ครับพี่! ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมไม่กินกระต่ายหรอก ผมกินแต่เนื้อหมู!”
ดี ดี แต่มึงคงไม่โง่ขนาดว่ากูให้มึงเลี้ยงกระต่ายตัวเล็กๆ จริงหรอกนะ ไอ้เบอร์หนึ่งเอ๊ย!
“แล้วยังไง สุดท้ายมึงเลยไปเป็นผู้จัดการที่ผับไอ้คิงเนี่ยนะ!?”
“เออสิ เงินดี ใกล้ชิดผัว แถมยังไม่เบื่อด้วย” ผมชูสองนิ้วตอบไอ้หญิงในช่วงเช้า ต้องขอบคุณไอ้คิง และเซ็กซ์เมื่อวานครับ เพราะพอลากผมไปทำงานด้วยก็ไม่ต้องรีบกลับไปเล่นฮุยเลฮุย มันเลยอยู่เฝ้าคลับจนร้านปิดตอนตีสาม และอยู่เคลียร์งานเช็คสต็อกยันตีห้า บอกเลย...ว่าผมนี่นอนในออฟฟิศมันยาวๆ อ่ะครับ ก่อนจะโดนพากลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อที่คอนโดแล้วพามาส่งเอาตอนเช้าเนี่ย
“แล้วจะไม่เป็นไรเหรอนิล” ไอ้ชายแลเป็นห่วง ไอ้พี่หมอบก็ดีนะครับ เชื่อฟังเพื่อนมาก ผมลองถามไอ้ชาย เลยรู้ว่าเมื่อคืนพี่หมอบลงทุนนอนเฝ้าที่ห้องมันเลย แถมยังชวนก๊งเกล้า ลากเพื่อนสนิทมิตรสหายมาเพียบ แน่นอนว่าถึงรำคาญแค่ไหนไอ้ชายก็ไม่ได้ไล่ ปล่อยให้พี่หมอบที่เมาจนหมอบ( อ้าว...พี่...แล้วความปลอดภัยเพื่อนผมอ่ะ) ไปนอนเตียง ส่วนตัวเองก็ต้องมานั่งทำความสะอาดห้องหลังพวกเพื่อนๆ หิ้วปีกกลับกันไป
โธ่...เพื่อนชายเรลล่าของผม
“จะเป็นอะไรล่ะ กูทำงานทางผับ ไม่ได้ยุ่งกับคลับ แต่ถึงไอ้คิงให้ยุ่งก็ไม่ยุ่ง และความเป็นจริงก็คือ...ไอ้ผัวเชี่ยนั่นไม่เคยให้แตะต้องเอกสารใดๆ ของทางนั้นซะด้วยซ้ำ เวลามีเรื่องอะไรก็ไม่ให้กูโผล่หัว คงกลัวกูเอาไปฟ้องตำรวจมั้ง แหม”
“อย่าทำเป็นเล่นสินิล”
“นั่นสิมึง ถึงพี่คิงจะกันมึงออก แต่ยิ่งมึงไปยุ่งกับหน้าร้าน คนอื่นจะยิ่งเข้าใจผิดและหันมาเล่นงานมึงหนักกว่าเดิมรึเปล่า”
“โธ่ คุณหญิงแม่ครับ ไอ้คิงมันตัวติดกับกูขนาดนั้น ใครจะฉุดกูไปข่มขืนได้” ผมตอบอย่างมั่นใจ สิ่งที่ดีกว่าเมื่อก่อน คือตอนเช้ามันยอมแหกขี้ตามาส่งทั้งที่ก่อนหน้านี้ตัวใครตัวมัน แล้วยังรอรับกลับ แม้ว่ามันจะเลิกเรียนก่อนหลายชั่วโมงก็ตาม
ช่วงโปรโมชั่นกำลังฟีเจอริ่งมันส์ๆ ก็แบบนี้ ทำเอาผมชักจะติดสบายขึ้นมาตงิดๆ
และเริ่มจะได้ใจขึ้นมาหน่อยๆ
ไม่ต้องมองแบบนั้นน่า ได้ใจขึ้นมามากๆ ก็ได้เอ้า! ผมไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองนะ แต่ไอ้คิงหมู่นี้เนี่ย...ทำตัวน่ารักขึ้นจม ทำเอาผมแทบจะลืมนิสัยเชี่ยๆ ก่อนหน้านี้ไปบ้าง แม้จะเดาอารมณ์ไม่ค่อยออก แต่การให้ผมไปคุมผับแทนพี่หมอบเนี่ย มันมีความหมายพิเศษอย่างอื่นป่ะวะ...
ขนาดผมพูดเรื่องนี้ออกมาไม่ว่าใครก็แทบไม่อยากเชื่อ จะมีก็แต่ไอ้เบอร์หนึ่งนั่นแหละที่เชียร์เหลือเกิน กับพี่หมอบที่ทำหน้าทำตาเหมือนคาดไว้แล้ว
ส่วนเพื่อนซี้สองคนก็ห่วงหนักกว่าเก่า ไอ้ชายถึงกับบอกว่าจะลองแวะมาที่ผับด้วยซ้ำ
นับวันทำตัวเป็นผู้ปกครองมากขึ้นทุกที แต่ผมชอบนะ มันหมายความว่าชายยังเห็นผมสำคัญเหมือนเดิม
“กินไร”
“กูอยากแดกพิซซ่าอ่ะ”
ผมตอบไอ้คิงหลังกระโดดขึ้นรถคันหรูที่มีกลิ่นน้ำหอมปรับอากาศอบอวล สงสัยเอามากลบกลิ่นคาวๆ กามโลกีย์ล่ะมั้ง
“วันนี้กูเลิกเร็ว ไปดูหนังกับกูนะ”
“มึงจีบกู?”
“จีบเชี่ยไรล่ะ กูอยากดูหนัง แต่กูไม่อยากเสียเงิน กูกำลังบอกให้มึงเลี้ยงหนังกูต่างหาก!” ผมแทบตะโกนใส่หูคุณผัวที่วันนี้ไม่รู้คิดอะไรถึงพูดคำน่าขนลุกออกมา ผมเนี่ยนะจะจีบมัน? ฝันไปเหอะ!
“กูไม่ชอบดูหนัง”
เป็นคำปฏิเสธที่ฟังดูแห้งเหี่ยวน่าสงสารอย่างบอกไม่ถูก โธ่ ผัวคิงของน้องนิล ไม่มีคนดูด้วยเหรอจ๊ะถึงไม่ชอบ หรือว่าชอบเอาอย่างเดียวเลยไม่อยากเสียเวลาไปนั่งจับมือกันในโรง แล้วนี่กูเพ้ออะไรเนี่ย ชักจะไปกันใหญ่
“ไปๆ เหอะน่า ยังไงก็ว่างตั้งหลายชั่วโมง มึงจะรีบเข้าร้านไปไหน”
ผมมองนาฬิกาที่เพิ่งบอกเวลาบ่ายโมงกว่าๆ วันนี้ผมมีเรียนเช้าและช่วงเที่ยงแค่สองตัวครับ ส่วนไอ้คิง...สงสัยเพราะมันอยู่ปีสี่ ปีสุดท้ายแล้ว ก็เลยมีวันว่างๆ เยอะจนน่าอิจฉา นานๆ ทีผมจะเห็นมันแต่งชุดนักศึกษาสักอาทิตย์ละครั้งสองครั้ง ไม่รู้ว่ามันโดดหรือวิชาเหลือน้อยนะครับ ผมไม่เคยถาม และไม่เคยรู้ตารางเรียนมันด้วย
ส่วนตารางของผม...มันก็ไม่รู้เหมือนกันอีกนั่นแหละ ที่ไปรับไปส่งตรงเวลาเพราะมันจะถามเอาตอนหลังป่ามปามป้ามบนเตียงเสร็จ ถ้าเป็นผมน่ะลืมชัวร์ แต่ไอ้หมอนี่จำแม่นครับ แถมยังรักษาคำพูด ตรงเวลาชิบหาย จะว่าไปก็คงเป็นข้อดีเพียงอย่างเดียวของมันล่ะมั้ง แม้บางครั้งจะตรงแด่วซะจนผมผู้ชอบเอ้อละเหยแทบจะคุยเล่นกับเพื่อนไม่ได้เพราะมันไม่ชอบรอ ถ้ารถมาจอด ผมต้องวิ่งครับ
สัด สรุปมันดีมั้ยเนี่ย
“กูไม่ชอบดูหนัง”
“มึงคงไม่ได้อัดเสียงแล้วเปิดใหม่อีกครั้งนะไอ้คิง” ผมเอื้อมมือไปจับๆ หน้ามันอย่างกวนประสาท ก่อนจะรีบกลับมานั่งสงบเสงี่ยมเมื่อมันหันมาจ้องตาดุ โอเคครับ ผมรู้ว่าเวลาอะไรควรลามปาม มันแก่กว่าผม และมันก็ไม่ค่อยชอบให้ใครเล่นหัว ยกเว้นเวลาตอนมีเซ็กซ์แล้วโดนผมกระชากเข้ามาจูบแรงๆ “ไม่ดูก็ไม่ดู แต่กูขอใช้สิทธิ์เมียเปลี่ยนจากพิซซ่าเป็นมังกรปาปีก้อน”
“มึงยังไม่อิ่มมังกรกูอีกรึไง”
“สัด!” ผมยกนิ้วกลางให้มัน รู้สึกอารมณ์ดีแปลกๆ ทั้งที่ปกติเวลาคุยกับมันแต่ละทีแทบจะกินหัวแดกตับอย่างเดียว นึกแล้วก็โคตรตลก ถ้าไม่เพราะเกิดเรื่องไอ้โจ๊กเกอร์ ผมกับมันคงไม่ได้คุยกันเป็นผู้เป็นคนอย่างนี้ เพราะปกติแทบจะทางใครทางมัน แต่ตอนนี้กลับตัวติดกันชิบหาย
สรุปแล้ววันนั้นผมก็ได้กินมังกรปาปิก้อนสมใจอยากครับ และได้หนังแผ่นติดมือมาอีกสามเรื่อง ไอ้คิงบอกให้เอาไปดูที่ผับจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน แหม...คุณผัวครับ กูเห็นนะว่ามึงซื้อหนังโป๊ติดมาด้วย ไหนบอกไม่ชอบดูหนังไงวะ
มันคงรู้ว่าผมสงสัยเพราะจ้องตาเป๋ง เลยสารภาพออกมาเสียงเรียบ
“ของไอ้หมอบ”
....โคตรกาก
นี่ไอ้พี่หมอบไม่มีคู่นอนขนาดต้องดูหนังโป๊ช่วยตัวเองเลยเหรอวะ หรือว่าเพราะต้องเฝ้าไอ้ชายจนไม่มีเวลาไปล่าเหยื่อถึงต้องใช้วิธีการนี้ ชิบล่ะ อย่าบอกนะว่าชวนไอ้ชายดูด้วย พี่มันไม่รู้เหรอว่าไอ้ชายมันตายด้าน พาลจะอารมณ์เสียเปล่าๆ
“มึงจะเอาไรอีก”
ไอ้คิงถามกึ่งรำคาญหลังโดนผมพาเดินรอบห้างฆ่าเวลาเกือบชั่วโมง ผมยังไม่อยากรีบเข้าร้านครับ แบบว่ายังไม่ชิน และก็ไม่อยากไปเจอสายตาประหลาดๆ จากพวกลูกน้องทางคลับไอ้คิงเท่าไหร่ ไอ้นี่แม่งนิสัยเสีย ไม่รู้จักเข้าหน้าร้านดีๆ ทำให้ผมใจหายใจคว่ำตลอด
“กูอยากเอามึง”
ผมตอบแถมยังเอานิ้วจิ้มวนๆ ที่อกมันแล้วค่อยๆ ลากลง...
“มึงติดใจในรถรึไง”
“ถ้ากูบอกว่าใช่ล่ะ”
“กูก็จะบอกว่าไม่ เพราะกูขี้เกียจให้ลูกน้องไปล้าง”
สัด! ไอ้ผัว มึงนี่ช่วยตามใจกูให้ถึงที่สุดได้มั้ย นี่สับสนนะเนี่ยว่าจะเรียกร้องสิทธิความเป็นเมียได้มากแค่ไหน
ไอ้คิงมันหัวเราะหึก่อนจะโยกหัวผมเบาๆ แต่ทำเอากระดูกคอแทบลั่น ผมนี่รีบจัดทรงเลยครับ ก่อนจะวิ่งตามมันที่เดินนำลิ่วๆ ไม่รอกันเลย
แต่เดี๋ยวก่อน...ทำไมกูรู้สึกเหมือนถูกจ้องวะ
หรือจะเป็นไอ้โจ๊กเกอร์ที่ยังกัดไม่ปล่อย? ถ้าจริงก็ขอไว้อาลัยล่วงหน้า อย่าให้มันขาเป็นเหน็บไปก่อนแล้วกัน เพราะผมไม่อยู่ห่างจากไอ้คิงให้โดนเล่นแน่ๆ ล่ะ
รอชาติหน้าตอนบ่ายๆ แล้วกันนะไอ้โรคจิต!
---------------
ตอนนี้มาเเบบเรียบๆ เรื่อยๆ พัฒนาความสัมพันธ์นิดๆ ค่ะ
คิงกับน้องนิลจะไม่ได้แบบรักใคร่จี๋จ๋า แต่จะออกแนวใช้ชีวิตด้วยกันแล้วเริ่มชินเริ่มสนิท และจะสปาร์คแรงๆ เวลาขึ้นเตียง(ฮา)
ขอบคุณคนที่ช่วยแนะนำด้วยนะคะ มีนักอ่านใหม่เข้ามาเยอะเลย ฮืออ ดีใจที่ทุกคนยังรอพี่คิงกับน้องนิลอยู่ และก็ขอฝากคำถามหน่อยนะคะ
ระหว่างอัพ(เกือบทุกวัน) แต่ทีละครึ่งตอน กับเว้นไปประมาณ 3-5 วันแบบเต็มตอน
อยากได้แบบไหนมากกว่ากันหรือคะ? อันนี้ลองคิดจากสปีดการแต่งคร่าวๆ ของเราในตอนนี้ค่ะ
ปล.รีบแต่งรีบลง อาจมีคำผิดหลุดนิดหน่อย และชื่อตอนที่ยังคิดไม่ออก...