มาแร้วค๊าบ...........
ช่วงนี้งานยุ่งจิง ๆ คับ..............
“กลับกันมาแล้วเหรอ แล้วนั่นจะลากพี่ตฤณเขาไปไหนตาไต๋”เสียงหญิงเจ้าของบ้านเอ่ยทักตอนที่มองเห็นสองคนต่างวัยที่ตนรู้จักดีโผล่หน้าเข้ามาในตัวบ้าน นางจ้องมองการกระทำของลูกชายเขม็ง เมื่อเห็นฝ่ายนั้นยื้อยุดฉุดกระชากอีกคนที่พยายามขัดขืนอยู่
“ไม่มีอะไรหรอกแม่ แค่วันนี้คุณครูของผมเขาขี้เกียจที่จะสอน ผมเลยต้องออกแรงลากเขาเข้ามา”เตชสิทธิ์เอ่ยสร้างเรื่องตามนิสัยเดิม ทำเอาคนที่ถูกลากอยู่รู้สึกโกรธขึ้นมา แต่ยังไม่ทันได้แก้ต่างอะไรให้ตัวเอง ก็ต้องร้องโอ้ยขึ้นใหม่ เมื่อคนสร้างเรื่องออกแรงดึงตนอีก
“นี่เบาๆหน่อยก็ได้ ฉันเจ็บนะ”ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นเมื่อรู้สึกสุดทนขึ้นมา
“นี่มันเรื่องอะไรกันแน่เนี่ย ดีกันได้ไม่กี่วัน จะเริ่มสงครามกันอีกแล้วหรือไง”อีกคนที่ยืนมองเหตุการณ์อยู่เอ่ยท้วงขึ้น เมื่อรู้สึกขัดใจกับภาพตรงหน้า
“ก็คนดีของแม่เกิดดีแตกขึ้นมาไง ผมเลยต้องทำแบบนี้”ลูกชายเอ่ยตอบ
“ใครกันแน่ดีแตก อย่ามากล่าวหากันแบบนี้นะ”คนเป็นครูเอ่ยเถียง
“ใครกล่าวหาพี่ ผมพูดเรื่องจริง ถ้าพี่ไม่ดีแตกจะเรียกว่าอะไร ที่จู่ๆทิ้งลูกศิษย์ตนแล้วเสเพลไปหาความสุขเล่นน่ะ”
“ก็บอกแล้วไงว่าเดี๋ยวจะเล่าให้ฟังตอนเรียนเสร็จ นายน่ะคิดเอง เออเอง สรุปเองทั้งนั้น”
“คนที่เขาบริสุทธิ์ใจที่จะพูดความจริงกันเขาไม่ต้องใช้เวลาเตรียมตัวหรอก”
“ฉันไม่ได้ขอเวลาตรียมตัวสร้างเรื่องอย่างที่นายเข้าใจ ฉันแค่ขอเวลาทำใจ โปรดเข้าใจซะใหม่นะ”
“ทำใจ ทำทำไมไม่ทราบครับ เรื่องที่จะเล่าจะเอ่ยเนี่ย มันเลวร้ายขนาดนั้นเลยหรือไงกัน”
“มันก็ไม่แน่นักหรอก”
“อย่ามาเบี่ยงประเด็น แน่จริงกล้าทำก็ต้องกล้ารับสิ กลัวอะไร”
“แล้วนายจะให้ฉันรับอะไรล่ะ ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดนี่”
“บอกตัวเองไม่ได้ทำผิด แต่ก็ไม่ยอมพูด ยอมอธิบายอะไร พี่จะให้ผมเข้าใจว่ายังไงห๊ะ ถามหน่อย”
“ฉันก็บอกแล้วไงว่าขอเวลาทำใจ”
“อยากทำใจมากนักใช่มั๊ย งั้นก็ไปทำซะให้หนำใจ มานี่”
กัณตินันท์ร้องโอ้ยอีก เมื่อโดนลากตัวอีกจากคนที่เอ่ยโต้คารมกับตนเมื่อครู่ ชายหนุ่มยังไม่รู้ว่าตัวเองจะโดนลากไปไหน รู้แค่เพียงว่าร่างทั้งร่างกำลังถูกฉุดให้เดินตามไปยังชั้นบนของตัวบ้าน
“จะลากพี่ตฤณเขาไปไหน ตาไต๋”คนเป็นแม่เอ่ยร้องถามลูกชาย เมื่อเห็นสถานการณ์จะไปกันใหญ่
“ขังเดี่ยวให้เขาทำใจซะให้พอไงแม่ พวกผู้ร้ายปากแข็ง”เตชสิทธ์ตะโกนตอบกลับมา อีกคนที่ได้ยินคำตอบด้วยถึงกลับอ้าปากค้างส่ายหัว ภาพที่ตัวเองเคยโดนคนๆนี้กับกลุ่มเพื่อนจับมัดทิ้งไว้ในตึกร้างลอยเด่นขึ้นมาให้เห็นทันที
“นายจะทำแบบนี้ไม่ได้นะไต๋ ฉันต้องสอนหนังสือนายนะ”ชายหนุ่มรีบเอ่ยบอกตอนที่ถูกฉุดมาถึงห้องๆที่เคยนอน
“ก็ตอนนี้ผมไม่อยากเรียนมีอะไรมั๊ย ไหนบอกอยากทำใจไง ผมกำลังจะจัดให้ ไม่พอใจอีกเหรอ”
“แต่มันไม่ใช่แบบนี้นะ นายจะจับฉันขังเหมือนนักโทษไม่ได้นะ”
“ทำไมจะไม่ได้ ไอ้พวกปากแข็งมันต้องโดนแบบนี้แหละ”
“ถ้านายทำแบบนั้นจริงๆ ฉันเรียกให้แม่นายช่วยจริงๆด้วย”
“เอาเลย ถ้าคิดว่าเขาจะเข้าข้างพี่มากกว่าผม”
“นายนี่มันเอาแต่ใจจริงๆ”
“จะว่าอะไรก็ว่าไปเถอะ เพราะเดี๋ยวจะได้เข้าไปทำใจในห้องที่พี่เคยนอนแล้ว แล้วอย่าหวังว่าจะมีข้าวมีน้ำให้กินนะ ถ้าพี่ไม่ยอมเปิดปากว่าหายไปไหนกับคนรักเก่าพี่มา”
“นายนี่มันยังไงนะ ฉันจะบอกก็ได้ แต่ปล่อยมือฉันก่อน”
สองคนนิ่งมองหน้ากันอย่างคนกำลังวัดใจ เมื่อฝ่ายหนึ่งเอ่ยถึงข้อต่อรองเพื่อแลกกับการที่จะต้องพูดความจริง
“ถ้านายไม่ปล่อย ฉันไม่พูดจริงๆด้วย ต่อให้นายจะจับฉันขังฉันก็ไม่กลัวหรอก ให้มันรู้ไปสิ ว่าแม่นายจะหลับหูหลับตาเข้าข้างลูกชายสุดเกเรอย่างนายได้”คนเอ่ยต่อรองเอ่ยขึ้นอีก ก่อนจะผ่อนลมหายใจ เมื่อร่างตัวเองโดนปล่อยให้เป็นอิสระ
“ปล่อยแล้วก็พูดมาสิ เอาเรื่องจริงนะ ถ้าโกหกมีเรื่องแน่”คนปล่อยตัวชี้หน้าขู่ คนถูกขู่ชักสีหน้าหน่อยๆ ก่อนจะตัดสินหมุนตัวเพื่อจะวิ่งหนีลงไปข้างล่าง แต่แล้วทุกอย่างก็สายไปเมื่อร่างทั้งร่างโดนตะครุบเอาไว้ได้ทัน
“คุณน้า...อุ๊บ!!”เสียงร้องเรียกเพื่อหาคนช่วยขาดหายไปเมื่อริมฝีปากถูกปิดเอาไว้ด้วยมือคนกระชากตัว
“คนเพิ่งหัดมีเล่ห์เหลี่ยมอย่างพี่ หนีผมไปไหนไม่รอดหรอก มานี่”เตชสิทธิ์เอ่ยตวาดขึ้นรู้สึกโกรธอีกเป็นเท่าทวีเมื่อเห็นคนที่ตนมองเป็นคนดีมาโดยตลอดหัดที่จะมีเล่ห์เหลี่ยมกับตน
.
.
.
ประตูห้องถูกเปิด ร่างของกัณตินันท์ถูกผลักเข้าไป ก่อนที่คนผลักจะปิดตายห้องนั้นเอาไว้อย่างไม่นึกเห็นใจในเสียงร้องอ้อนวอน
“อยู่ในนั้นล่ะ อยากปากแข็งดีนัก”เด็กหนุ่มเอ่ยพอให้เสียงลอดผ่านเข้าไปในห้อง ก่อนจะหมุนตัวกลับเดินหนีลงไปข้างล่าง
“พี่ตฤณล่ะ”เสียงแม่เอ่ยถาม
“ผมขังเอาไว้ในห้องเองแหละ”เด็กหนุ่มยอมรับตรงๆ
“ทำอย่างงั้นกับพี่เขาได้ไง แกนี่ ทำเป็นเด็กไม่รู้จักโต เฮ้อ”แม่บ่นและทำท่าคล้ายจะเดินขึ้นไปบนบ้าน
“นั่นแม่จะไปไหน”คนโดนบ่นให้รีบเอ่ยถาม
“ก็พี่ตฤณเขาไม่ใช่นักโทษ จะไปขังพี่เขาไว้ทำไม”แม่หันมาตอบ
“แม่ไม่รู้อะไร แม่อย่ายุ่งดีกว่า ปล่อยเขาให้นึกทบทวนสิ่งที่เขาทำกับผมเถอะ”
“พี่ตฤณเขาไปทำอะไรแก”
“เรื่องของผมกับเขา แม่ไม่ต้องรู้หรอก”
“เอ๊ ไอ้ลูกคนนี้นี่ หึงอะไรพี่เขาล่ะ แม่ได้ยินเสียงทะเลาะกันแว่วๆ”
“แม่ แม่พูดอะไร”
“นี่ฉันเป็นแม่แกนะ ความเป็นไปต่างๆของแก คิดว่าฉันตาบอดจะมองไม่เห็นงั้นเหรอ”
“แม่พูดอะไร ผมไม่เห็นรู้เรื่องเลย”
“ไม่รู้เรื่อง หรือไม่ยอมรับ ที่จริง แกจะเป็นอะไร จะเลือกอย่างไหนที่ไม่ทำให้อนาคตของแกเสียไป แม่ก็ไม่ได้ว่าหรอกนะ”
“แม่!!”
“ไม่ต้องมาเสียงหลงหรอก แม่ปลงตกไปตั้งนานแล้วกับเรื่องพวกนี้ เรามีกันแค่สองคน ต่อไปก็ใช่ว่าแม่จะอยู่กับแกได้นาน ไม่มีแม่ พี่ตฤณนี่แหละน่าจะดูแลคนเกเรอย่างแกได้ และก็น่าจะเอาแกอยู่ มีอะไรก็พูดกันดีๆ อย่าไปเกเรหรือร้ายใส่พี่เขามากนัก ระวังเขาจะทนแกขึ้นมาไม่ได้จริงๆ แล้วจะมานั่งเสียใจภายหลัง”แม่เดินจากไปเมื่อเอ่ยจบ ปล่อยให้คนที่เป็นลูกชายยืนอึ้งอยู่เป็นหลายนาที เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองไปทางห้องที่ตนเดินจากมาเมื่อคิดถึงคำพูดของแม่ คนที่อยู่บนห้องนั้นเป็นคนดีจริงๆอย่างที่แม่ว่า จะหาได้ที่ไหนล่ะคนที่เป็นแบบนี้แล้วไม่คิดหาเศษหาเลยกับหนุ่มน้อยอย่างเขาทั้งๆที่เจ้าตัวมีโอกาสอยู่นับครั้งไม่ถ้วน
.
.
.
.
.
เสียงประตูด้านนอกดังคล้ายมีคนมาเปิด กัณตินันท์ลุกพรวดขึ้นจากที่นอนไปยืนรอด้วยอาการยินดีเพราะคิดว่าคงเป็นหญิงเจ้าของบ้านแน่ๆ ที่จะมาปลดปล่อยตัวเองให้ออกไปเป็นอิสระ
ประตูห้องถูกเปิดอ้าออก คนที่ยืนตัวสูงเด่นหน้าขรึมอยู่ตรงประตู ทำเอาคนที่รู้สึกยินดีเมื่อครู่หน้าเสียไป เด็กนี่จะเข้ามาหาเรื่องอะไรเขาอีกนะ
“จะมาพาลอะไรใส่ฉันอีกล่ะ”ชายหนุ่มเอ่ยถามออกไป
“พูดไม่เพราะเลยนะ”คนยืนหน้าห้องเอ่ยว่า ก่อนจะพาร่างสูงเดินเข้ามาข้างในแล้วจัดการปิดประตูห้องพร้อมจัดการล็อคเสียสนิท
“เข้ามาทำไม ไหนบอกจะขังเดี๋ยวฉันไง แล้วนั่นทำไมต้องล็อคห้องด้วย”คนในห้องเอ่ยขึ้นพลางถอยหลังกรูด เมื่อคนที่เข้ามาใหม่ย่างสามขุมเดินเข้ามาหาพลางจ้องหน้าตนเขม็ง
“ก็นี่มันบ้านผม ผมจะเข้าออกห้องไหน ผมมีสิทธิ์”เสียงฝ่ายนั้นเอ่ยบอก
“ถ้างั้นอยากอยู่ก็อยู่ไป ฉันจะออกไปคุยกับแม่นาย”คนอยู่ในห้องก่อนเอ่ยอีก พลางจะเดินเลี่ยงหนีออกไปอีกทาง แต่ต้องชะงักเมื่อโดนดักทางเอาไว้ได้
“หลีกไป ฉันจะออกไปข้างนอก”ชายหนุ่มเอ่ยบอกเสียงแข็ง
“ทำไม อยู่กับผมสองต่อสองแบบนี้ กลัวอดใจไม่ไหวหรือไง”อีกคนเอ่ยบอกพลางยิ้มออกมาอย่างคนเจ้าเล่ห์
“ใช่ ฉันกลัวอดใจไม่ไหวแล้วหาที่อุดปากนายซะ จะพูดจะจาอะไรหัดคิดหน้าคิดหลังซะบ้างนะ บอกแล้วไง ว่าฉันไม่มีทางคิดอะไรกับนายได้นอกจากเป็นครูกับลูกศิษย์กัน”
“แน่ใจ”
“เออ!!”
“งั้นขอพิสูจน์จิตใจหน่อยละกัน ดูซิ จะเป็นคนดีได้ซักกี่น้ำ”
กัณตินันท์ตกใจหน้าชา เมื่อคนที่เอ่ยประโยคเมื่อครู่ ค่อยๆเดินเข้ามาหาตนพร้อมๆกับที่เจ้าตัวปลดกระดุมเสื้อนักเรียนตัวเองออกทีละเม็ดๆ จนถึงเม็ดสุดท้าย
ชายหนุ่มรีบเบือนหน้าหนีไปทางอื่นเมื่อเห็นคนที่ปลดกระดุมเสื้อตัวเองออกทำท่าจะปลดเข็มขัดกางเกงนักเรียนตัวเองอีก
“แน่จริงก็มองให้ตลอดสิ ไหนบอกตัวเองไม่มีทางคิดอะไรกับผมไง”เสียงฝ่ายนั้นเอ่ยบอก นี่มันมีเจตนาจะยั่วกันชัดๆนี่ ไอ้เด็กเวรนี่ แสบนักนะ
“ถ้าคิดจะทำอะไรทะลึ่งๆ ก็เชิญทำไปคนเดียวเหอะนะ ฉันขอตัวล่ะ”คนคิดจำใจเลยหน้าขึ้นบอก ใจชื้นขึ้นหน่อยที่เห็นคนตั้งใจยั่วยังไม่ทันได้ถอดกางเกงออก ชายหนุ่มคิดที่จะพาตัวเองออกไปจากในห้องนี้โดยเร็ว ก่อนที่จะโดนวัดใจไปมากกว่านี้ ยอมรับว่าแค่ฝ่ายนั้นแหวกเสื้อที่ปลดกระดุมออกโชว์แผงอก และหน้าท้องราบเรียบยังทำให้ตนรู้สึกใจสั่นอยู่อย่างประหลาด แล้วถ้าเจ้าตัวทำมากกว่านั้นล่ะ ไม่สิ เขาต้องไม่ยอมตกอยู่ในเกมให้โดนล้อเล่นได้
“จะหนีไปไหน นี่มันแค่เริ่มต้นเอง จะทนไม่ได้แล้วเหรอครับ”คนตั้งใจยั่วเดินเข้าขวางอีก พลางดันร่างเข้าประชิดตัวฝ่ายที่กำลังจะเดินหนีโดนเร็ว จังหวะนั้นเองก็จัดการฉุดมือคนที่ตนขวางเอาไว้ขึ้นมาลูบไล้หน้าอกตนเล่นด้วยแววตาเจ้าเล่ห์
“นี่ คิดจะทำอะไรน่ะ ปล่อยมือฉันนะไอ้เด็กบ้า”กัณตินันท์เผลอด่าออกไปเพราะความอายและตกใจ ชายหนุ่มถึงกลับหน้าชาวูบ เมื่อฝ่ายที่ตนด่าเมื่อครู่ไม่มีที่ท่าจะสะท้าน ตรงกันข้าม เจ้าตัวยังคงจับมือตนลูบไล้แผงอกตัวเองเล่นพลางตีสีหน้าเคลิ้มอย่างคนที่ต้องการยั่วอารมณ์เขาให้กระเจิงให้ได้
“นี่มันจะมากไปแล้วนะนายไต๋ ฉันเป็นครูนายนะ นายจะมาหลบหลู่ฉันแบบนี้ไม่ได้นะ”ชายหนุ่มรีบโวยขึ้นอีกเมื่อรู้สึกสุดทนกับพฤติกรรมที่เห็น ไม่ใช่ว่านึกรังเกียจหรืออะไร แต่ในใจตอนนี้มันเกิดสั่นสะท้านขึ้นมาอย่างหนักต่างหากล่ะ กับอารมณ์แปลกๆที่เริ่มก่อตัวขึ้น
“เก่งนักก็ทนผมให้ได้สิ แค่นี้มันยังน้อยไป คนปากแข็งอย่างพี่มันต้องเจอนี่”จบประโยคแค่นั้น ก็เหมือนโลกหยุดหมุนไปชั่วขณะ เมื่อคนพูดก้มลงใช้ปากประกบจูบคนที่ต่อว่าตนอย่างเร็ว
กันตินันท์ดิ้นอึกอัก พยายามต่อต้านปลายลิ้นของลูกศิษย์ที่พยายามจะล่วงล้ำเข้ามาในปากของตนให้ได้ แต่อาการดิ้นนั้นก็พลันหายไป เมื่อร่างทั้งร่างโดนรวบกอดแน่นจากวงแขนแข็งแรงคนที่คนตัวสูงกว่า ชายหนุ่มเผยอปากออกมาจนได้เมื่อรู้สึกหายใจไม่ออกจากการถูกกอดรัดจนแน่น จังหวะนั้นร่างทั้งร่างถึงกับสั่นสะท้านสะดุ้งหน่อยๆ เมื่อสัมผัสแรกของปลายลิ้นลูกศิษย์รุกล้ำเข้ามาพัวพันกับลิ้นตัวเองจนได้ ร่างกายแข็งขืนตั้งแต่ต้นเกิดอ่อนยวบขึ้นมาอย่างคนไร้แรงต้าน เมื่อฝ่ายเริ่มต้นจูบบดขยี้ริมฝีปากผสมผสานการรุกรับปลายลิ้นเข้ามาในปากตนอย่างคนเป็นงาน
“ผมทนไม่ไหวแล้วพี่ตฤณ เป็นของผมเถอะนะ อย่าเพิ่งสนใจสถานะของเราเลยนะครับ”ในที่สุดคนเป็นฝ่ายถอนปากออกมาแล้วเอ่ยประโยคอ้อนวอนก็เป็นคนที่ตั้งใจยั่วอารมณ์ตอนต้น ตอนแรกเด็กหนุ่มก็ไม่ตั้งใจที่จะให้อะไรมันเลยเถิด แต่พอได้ตัดสินใจทำอะไรบ้าบิ่นลงไป แรงดึงดูดบางอย่างจากคนที่ตนจัดการ ก็เกิดยั่วอารมณ์ได้อย่างประหลาด
“พอเถอะไต๋ มันไม่ถูกต้อง....”คนปฏิเสธความต้องการพูดได้แค่นั้น คำพูดต่างๆก็หายกลับเข้าไปในลำคอใหม่ เมื่อโดนฝ่ายขอร้องก้มลงประกบจูบอย่างดูดื่มอีกรอบ
“ไม่เอาไต๋ พอเถอะ เราจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ”ชายหนุ่มเอ่ยบอกปนเสียงหอบ เมื่อฝ่ายก้มลงจูบถอนริมฝีปากออกไปซุกไซร้ตามซอกคอ
“อย่าห้ามผมเลยพี่ตฤณ ถึงขนาดนี้แล้ว ผมไม่ปล่อยให้พี่รอดไปได้หรอก”คนซุกไซร้เอ่ยบอกริมหู ก่อนจะสร้างอารมณ์ให้ด้วยการเป่าลมเบาๆเข้าไป แล้วเลื่อนใบหน้าขึ้นมาประกบจูบอีกรอบ ก่อนจะดันร่างเจ้าตัวไปยังที่นอนกลางห้อง
.
.
.
.
.
.
.
ขอเวลาคิดก่อน ว่าควรจะเซ็นเซอร์ฉากเลิฟซีนออกไปดีมั๊ย อ่ะ โหวต!!
ขอบคุณครับ
..เฮ้อ ตอนแรกกะจะจบให้ลงใน 35 ตอน แต่ทำไงดี ตอนหน้ามันจบยังไม่ได้อ่ะ เคลียร์ไม่หมด เดี๋ยวโดนประท้วง แหะๆ
งั้นใครที่รอตอนจบ ก็รอกันอีกซักนิดแล้วกันเนาะ
ไปล่ะ
Boy ครับ
ไปแอบดูแล้วเป็นไงบ้างหว่า 555555
อย่าลืมโหวตน๊า.......