เ่อ่อ คือว่า เอ่ย คือ..........
ทำไมแฟน ๆ เรื่องนี้น่ากลัวอย่างนี้หว่า......
ไปอ่านต่อกันเลยคับ
สายมากแล้ว กัณตินันท์ ปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ และเก็บสมุดจดเล่มประจำกลับเข้าที่ ชายหนุ่มนั่งเหม่อหน่อยๆ ก่อนจะลอบถอนหายใจแล้วลุกขึ้นไปทำกิจวัตร เพื่อเตรียมตัวออกจากบ้าน
.
.
.
.
.
.
เที่ยงกว่า ณิชาบังเอิญเดินผ่านตรงจุดที่เตชสิทธิ์กำลังนั่งอ่านอะไรซักอย่างอยู่ เด็กสาวเดินตรงเข้าไปหาทันที ก่อนจะถือวิสาสะนั่งลงฝั่งตรงข้ามเอ่ยทัก
“อ่านอะไรอยู่เหรอไต๋”
“อ้าว ณิชา”เตชสิทธิ์เอ่ยทักเด็กสาวเมื่อเงยหน้าขึ้นมอง
“ก็ณิชาน่ะสิ ทำไมเหรอ”ณิชาเอ่ยรับแล้วถามกลับ
“เปล่า แล้วณิชามาที่นี่ได้ไง ไอ้แซนด์ล่ะ”คนโดนถามเอ่ยปฎิเสธ แล้วเลี่ยงถามถึงเพื่อนชายคนถาม
“ถามหาเขาทำไม ไม่ค่อยถูกกันไม่ใช่เหรอ”คุณหนูบอกหน้าง้ำ
“ก็ไต๋นึกว่าณิชาจะอยู่กับมันไง”เตชสิทธิ์ตอบเนือยๆ ก่อนจะก้มหน้าลงอ่านทำความเข้าใจกับเอกสารปึกใหญ่ของกัณตินันท์ที่ถือติดมือมาด้วยเมื่อเช้า
“อ่านอะไรน่ะ”ณิชาเอ่ยถามใหม่ เมื่อตนไม่ได้รับความสนใจ
“รายละเอียดเตรียมสอบน่ะ มีพี่เขาทำให้”เตชสิทธิ์เงยหน้าตอบตรงๆ เด็กหนุ่มมองเห็นแววตาของคนตรงหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนที่เจ้าตัวจะก้มมองดูเอกสารของตน
“ขอณิชา ดูได้มั๊ย”เด็กสาวนั่นเอ่ย แทนคำตอบ เจ้าของเอกสารเลื่อนเอกสารนั่นไปตรงหน้าคนขอ
“โห ระเอียดยิบเลย พี่คนไหนทำให้ไต๋อ่ะ”ณิชาเงยหน้าขึ้นพูดเมื่อเปิดเอกสารนั่นไปได้ซักพัก เตชสิทธิ์ยิ้มนิดๆ เมื่อนึกถึงคนทำเอกสารนี้ขึ้นมาตามคำถามของคนตรงหน้า
“เขาเป็นครูสอนพิเศษไต๋เอง”เด็กหนุ่มเอ่ยบอก
“คนที่เคยบอกณิชาน่ะเหรอ ดีจัง”คุณหนูเดา
“เปล่าหรอก คนนั้นไม่ได้สอนไต๋แล้ว คนที่ทำเอกสารนี่เป็นครูคนเก่า”เตชสิทธิ์ให้ความกระจ่าง เพราะจำได้ว่าล่าสุดเขาเคยบอกณิชาว่าจะมีคนมาสอนพิเศษให้ นั่นคือกฤตภาษ นึกถึงตอนนี้แล้วเคืองขึ้นมาหน่อยๆปนผิดหวังที่เพื่อนรุ่นพี่ที่เคยสนิทได้ตั้งตัวเป็นศัตรูกับตนตอนเช้า
“ครูคนเก่า ไต๋มีครูคนเก่าด้วยเหรอ ไม่เคยเห็นบอกณิชาเลย”คนได้คำตอบเอ่ยทัก พลางทำสีหน้างงนิดๆ คนโดนถามจึงรีบบอก
“ณิชาจำคนที่เดินชนณิชาในตึกพ่อณิชาได้มั๊ย นั่นแหละครูคนเก่าของไต๋”
ณิชาทำหน้าขบคิด ก่อนจะบอกว่าจำได้ในตอนท้าย
“แต่เอ๊ะ ตอนนั้นณิชาจำได้นี่ว่าไต๋มีท่าทีว่าจะต่อยเขาน่ะ”คนจำได้เอ่ยถามต่อ ถึงตอนนี้คนถูกถามลอบถอนหายใจ ใช่สินะ เมื่อก่อนเขาไม่เคยให้ความเคารพยำเกรงอะไรกับกัณตินันท์เลยซักนิด ฝ่ายนั้นต้องทนพฤติกรรมเกเรเขาขนาดไหนกันนะ เฮ้อ ขอโทษนะพี่ตฤณ”
“พอดีตอนนั้นมีเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อยนะ อย่าพูดถึงมันเลยนะ เมื่อก่อนไต๋เกเรมากแค่ไหนณิชาก็น่าจะรู้นี่”เด็กหนุ่มเอ่ยบอก คุณหนูตรงหน้ายิ้มเจื่อนให้นิดหน่อย เพราะคิดไปว่าตัวเองโนคนตรงหน้าประชดประชันเข้าให้ในตอนที่เธอเคยต่อว่าเจ้าตัวว่าเกเรไม่เอาไหน จนพาลจะเลิกคบ
“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะณิชา”เตชสิทธิ์เอ่ยถามยิ้มๆ
“คือตะกี้ไต๋กำลังว่าณิชาใช่มั๊ย เรื่องที่ณิชาเคยต่อว่าไต๋”เด็กสาวบอกเสียงจ๋อย
“เฮ้ย เปล่านะ ไต๋ไม่ได้ว่าณิชา ไต๋แค่พุดถึงตัวเอง อย่าคิดมากสิ อีกอย่างเมื่อก่อนไต๋ก้เป็นแบบนั้นจริงๆ”คนถูกเข้าใจผิดรีบแก้ตัว ส่งผลให้คนหน้าจ๋อยยิ้มออกมาได้บ้าง ก่อนที่การปรับความเข้าใจจะเริ่มต้นขึ้น คุณหนูณิชารู้สึกดีขึ้นเป็นกองที่ได้ยินจากปากเด้กเกเรคนหนึ่งว่าต่อไปนี้จะตั้งใจเรียนจะได้ทำเกรดในสองเทอมสุดท้ายให้ดี เพื่อต่อยอดไปถึงการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ท้ายสุด หัวข้อการสนทนาเรื่องการเรียนการสอนจึงเริ่มต้นขึ้นในบรรยากาศที่ดูเป็นกันเอง และสนิทสนมกันมากขึ้น จากคนสองคนที่แทบจะเฉยชาใส่กันไป ในนาทีที่คนเคยเกเรก้มลงอ่านเอกสารและพยามเน้นย้ำทำความเข้าใจข้อความต่างๆนั่น เจ้าตัวไม่ได้รู้เลยว่า สายตาของคุณหนูที่เคยมองตนในแง่ลบได้แปรเปลี่ยนกลับมาเป็นแง่บวกอย่างเต็มหัวใจ
ได้เวลาเลิกเรียนแล้ว เตชสิทธิ์เดินลงจากอาคารพร้อมกลุ่มเพื่อน เด็กหนุ่มส่งเสียงไอ และจามเป็นระยะๆ เมื่อฤทธิ์ยาจากการทานเข้าไปหลังอาหารเที่ยงหมด และพิษไข้จากเมื่อคืนได้ตีกลับ
“ไหวมั๊ยเนี่ยมึง”เพื่อนเอ่ยทัก
“เออนะ แค่ไข้หวัดนิดๆหน่อยๆ เดี๋ยวกูขอตัวแยกกลับตรงนี้นะ”เด็กหนุ่มเอ่ยบอก ก่อนจะปลีกตัวออกไปอย่างไม่ฟังคำทัดทานใดๆจากใคร แน่ล่ะ วันนี้ทั้งวันเขายังไม่ได้โทรไปหากัณตินันท์เลยนี่นา โทรไปหาบ้างดีกว่า เดี๋ยวจะหาว่าเราไม่ปรับปรุงตัวเองจริงๆ เป็นไปได้จะได้นัดเจอซะเลย เพื่อขอให้เจ้าตัวกลับมาสอนพิเศษดังเดิม
“ไต๋ รอณิชาด้วย”เสียงเรียกดังมาจากทางด้านหลัง ทำเอาเด็กหนุ่มชะงักมือที่จะกดโทรศัพท์หาคนที่ตนนึกถึง แล้วหันกลับไปมองต้นเสียง ภาพที่ณิชากำลังวิ่งตรงเข้ามาหาทำให้เด้กหนุ่มตัดสินใจเก็บโทรศัพท์นั่น
“ไอ้แซนด์ล่ะ”เด็กหนุ่มถามคำพูดติดปาก เพราะด้วยยังไม่รู้ว่าคนที่วิ่งมาหยุดยืนต่อหน้าตนกำลังจะตีจากจากคู่อรินั่นเพื่อกลับมาคบกับตนดังเดิม
“ณิชาบอกแซนด์แล้วว่าจะกลับพร้อมไต๋”คนถูกถามบอกตรงๆ พลางเปิดยิ้มกว้างแสดงความจริงใจ ฝ่ายได้คำตอบยิ้มรับอย่างงงๆ ก่อนจะยอมเดินคู่กันออกไปกับคนเคยคบ
“วันนี้ไปซื้อหนังสือเป็นเพื่อนณิชาหน่อยนะไต๋ แล้วค่อยไปส่งณิชาที่ตึกคุณพ่อ”ณิชาเอ่ยขึ้นหลังจากเดินคู่กันไปได้ซักระยะ คำบอกของเจ้าหล่อนนั้นคล้ายๆออกคำสั่งอยู่ในที จึงทำให้คนรับฟังหันหน้ามามองด้วยแววตากลืนไม่เข้าคลายไม่ออก ก็วันนี้เขาตั้งใจที่จะนัดเจอกับคนอีกคนหนึ่งนี่นา เขาตั้งแต่เมื่อคืนแล้วว่าวันนี้จะโทรหาเจ้าตัว นี่ถ้าฝ่ายนั้นรอการาติดต่อเขาอยู่จริงๆ แล้วเห็นเขาเงียบหายไป ไม่พาลจะหาว่าเขาเป็นเด็กเลี้ยงแกะอีกหรือไง
.
.
.
.
.
.
.
บริเวณหน้าห้างหรู กัณตินันท์เดินพลิกดูหนังสือทีละเล่มที่ตนเองตั้งใจออกมาซื้อ ชายหนุ่มยิ้มนิดๆที่ได้ของที่ต้องการครบครัน
“เฮ้อ หาได้ซะที”ชายหนุ่มบอกกับตัวเองก่อนจะออกเดินต่อเพื่อที่จะรอรถกลับบ้าน
นาฬิกาเรือนโตที่ติดอยู่บนหอนาฬิกาหน้าห้างบอกเวลาว่าเย็นย่ำแล้ว กัณตินันท์ใจเฉาลงไปนิดๆ เมื่อเห็นว่าโทรศัพท์ของตนไม่ได้สั่นไหวไปกับเบอร์ของใครบางคนที่สัยญาว่าจะโทรหา
“อย่าบ้าน่าตฤณ เชื่ออะไรกับลมปากไอ้เด็กโรคจิตนั่น”ชายหนุ่มบอกตัวเองเบาๆ พลางสลัดความรู้สึกหงอยๆนั่นทิ้ง แล้วยกถุงหนังสือของตัวเองมากอดแนบอก แล้วเอ่ย
“ยังมีสิ่งที่นายต้องทำเยอะแยะ อย่าไปสนใจเรื่องที่ผ่านไปแล้วเลย”
.
.
.
.
.
.
.
ในร้านหนังสือ ณิชารู้สึกแปลกใจที่เห็นพนักงานร้านสองสามคนพยักพเยิดให้กันและกันมองมาทางที่ตนกำลังยืนเลือกหนังสืออยู่กับเตชสิทธิ์
“พวกเขามองอะไรกันไต๋ หน้าณิชาเป็นอะไรหรือเปล่า”เด็กสาวสะกิดถามคนข้างตัว ทำให้ฝ่ายนั้นเงยหน้าขึ้นมองตามสายตาเจ้าหล่อน
“ลืมไป ไม่น่าเข้ามาเลยกู”เตชสิทธิ์เอ่ยขึ้นเบาๆ ทำให้คนข้างๆแปลกใจถึงกลับเอ่ยถาม
“ตะกี้ไต๋ว่าอะไรนะ”
“อ๋อ ไต๋เคยมีเรื่องหน้าอายที่ร้านนี้น่ะ พวกนั่นคงมองไต๋แหละ ไม่ได้มองณิชาหรอก”คนถูกถามเอ่ยตอบ
“เรื่องหน้าอาย เรื่องอะไรเหรอ”
“เรื่องมันยาว ไปเล่าที่อื่นดีกว่า ณิชาได้หนังสือหรอยัง”
“อ๋อ ได้แล้ว แล้วไต๋ล่ะ บอกว่าตามหาอยู่เล่มนึงไม่ใช่เหรอ เจอยัง”
“อ๋อ มันคงยังไม่มาหรอก ไปเหอะ จ่ายตังค์แล้วรีบไปดีกว่า ไต๋ไม่อยากตกเป็นเป้าสายตานานๆ”เด็กหนุ่มเอ่ยบอก ก่อนจะเดินนำไปที่เคาร์เตอร์รอชำระค่าหนังสือให้ฝ่ายเป็นผู้หญิง
“เจอกับพี่คนนั้นหรือยังคะ”พนักงานคนหนึ่งเอ่ยทักยิ้มๆ เด็กหนุ่มทำหน้าฉงนหน่อยๆ แต่ยังไม่ทันได้ถามอะไร พนักงานปากไวคนเดิมก็รีบชี้แจงทันควัน
“วันนี้พี่ที่ขว้างหนังสือใส่น้องเขาก็มานะ เพิ่งออกไปตะกี้นี้เอง”
คำตอบที่ได้นั่นทำให้คนยืนฟังหัวใจพองอย่างประหลาด เมื่อซักครู่ กัณตินันท์มาที่นี่งั้นเหรอ แล้วตอนนี้จะไปถึงไหนแล้วนะ ขอให้กำลังเดินเล่นในห้างนี้ทีเถอะ
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ที่หน้าห้าง กัณตินันท์ปร่วมยืนมุงดูอุบัติเหตูรถเฉี่ยวชนกันกับชาวบ้านคนอื่นๆด้วยอย่างเลี่ยงไม่ได้ เหตุการณ์มันเพิ่งจะเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาชายหนุ่มตอนที่ยกหนังสือแนบอกและพุดกับตัวเองจบไปนั่นเอง และด้วยการจราจรที่ติดขัด รถที่รอไม่สามารถเข้ามาจอดเทียบป้ายได้จึงทำให้เจ้าตัวร่วมเป็นไทยมุงกับกลุ่มคนดังกล่าว ซึ่งกำลังส่งเสียงวิพากวิจารณ์ถึงภาพที่เห็นกันเสียงดัง
.
.
.
.
.
.
.
ภายในห้าง
“โทรหาใครไต๋ เขาไม่รับสายเหรอ ทำหน้าเครียดเชียว”ณิชาเอ่ยถามเพื่อนชายขณะเดินคู่กันออกมาจากร้านหนังสือ เมื่อเห็นฝ่ายนั้นกดโทรศัพท์หลายรอบก่อนจะจบลงด้วยเสียงถอนหายใจทุกรอบตอนวางสาย
“ก็โทรหาครูสอนพิเศษไต๋น่ะ ตะกี้พี่ที่ร้านหนังสือบอกเขามาที่นี่ เลยอยากเจอ”เตชสิทธิ์ตอบตรงๆ พลางข่มอารมณ์หงุดหงิดใจเอาไว้ จริงอยู่การที่คนเราจะไม่รับสายโทรศัพท์มันมีเหตุผลหลายอย่าง แต่ในกรณีนี้ เด็กหนุ่มคิดไปว่า คนปลายสายตั้งใจที่จะไม่รับโทรศัพท์ของตนแน่ๆ จะด้วยเหตุผลอะไรล่ะ โกรธ เกลียด หรือน้อยใจเขาอยู่กันแน่
“อืม ตะกี้ไต๋บอกว่าพี่ที่ร้านหนังสือบอก พวกเขารู้จักไต๋กับครูของไต๋ด้วยเหรอ”ณิชาถามงงๆ
“ก็ไม่เชิงหรอก ก็นี่แหละคือเรื่องน่าอายที่มันเคยเกิดขึ้นกับไต๋ที่ร้านนี้”คนถูกถามตอบเนือยๆ ก่อนจะลองโทรศัพท์หาครูสอนพิเศษอีกรอบ
.
.
.
.
.
.
ที่หน้าห้าง ณ. จุดเดิม กัณตินัณท์พยายามเบียดเสียดผู้คนที่เริ่มหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ ชายหนุ่มรู้สึกจะเป็นลมขึ้นมาซะอย่างงั้นเมื่อเห็นว่ามีคนบาดเจ็บในเหตุการณ์นี้ด้วย จากความตั้งใจที่จะออกไปให้หลุดพ้นจากตรงที่แออัดตรงนั้นทำให้ชายหนุ่มตัดความสนใจทั้งหมดทิ้งไปจนไม่สามารถรับรู้ได้เลยว่าตอนนี้มีคนอีกคนพยายามติดต่อตนเองอยู่
.
.
.
.
.
.
.
ภายในห้าง เตชสิทธิ์ตัดสินใจเก็บโทรศัพท์ลงในกระเป๋าเพราะเริ่มขุ่นเคืองกับการนเข้าใจผิดของตัวเองเต็มที่
“ไม่อยากรับก็ไม่ต้องรับ เล่นตัวนัก ไม่ง้อก็ได้วะ”เด็กหนุ่มเอ่ยออกมาเสียงแข็ง ก่อนจะตัดสินใจชวนคนข่างกายไปหาอะไรทาน คนถูกชวนเสนอที่จะไปทานไอศครีม เขาจึงไม่ขัดใจอะไร แม้ตัวเองจะไม่สบายอยู่บ้าง
.
.
.
.
.
ที่ด้านนอก คนที่พยายามเบียดผู้คนจนออกมาได้ หายใจเข้าให้ทั่วปอดตอนยืนในที่โล่ง แต่กระนั้นอาการวิงเวียนก็ยังไม่หายไปสิ้น จึงได้ตัดสินใจเดินแกมวิ่งกลับไปในห้างอีกรอบ เพื่อล้างหน้าล้างตาเสียใหม่
ห้องน้ำที่เข้าอยู่ที่ชั้นหนึ่ง ล้างหน้าล้างตาเสร็จพออาการดีขึ้น แทนที่คนล้างหน้าจะกลับออกไปข้างนอกใหม่ ชายหนุ่มกลับเลือกที่จะเดินรับไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศในห้างอีกรอบ จากชั่นล่างขึ้นชั้นบน ออกร้านนั้นเข้าร้านนี้ จนต้องไปหยุดชะงักอยู่ที่หน้าร้านๆหนึ่ง
“เตชสิทธิ์”ชายหนุ่มเผลอครางออกมาเบาๆ เมื่อสายตามมองเห็นว่าร่างของคนที่ตนได้นึกถึงเมื่อหลายนาทีที่ผ่านมากำลังนั่งป้อนไอศครีมกับเด็กสาวคุ้นหน้าอยู่อย่างสนิทสนม ด้วยการหยอกล้อกันไปและป้อนไป
“บอกแล้วไง อย่าไปคิดเรื่องมัน จบก็คือจบสิ”ชายหนุ่มเอ่ยบอกตัวเองหลังจากที่เริ่มมีความคิดว้าวุ่นเข้ามารบกวนจิตใจ ทำไมล่ะ เมื่อก่อนไม่เคยหวั่นไหวอะไรกับเด็กนี่เลย กะอีแค่ถ้อยคำพูดจาที่น่าฟังจากปากมันเมื่อคืนถึงทำให้หัวใจรู้สึกกับภาพที่เห็นด้วย
“เลิกคิดอะไรทั้งสิ้นแล้วกลับบ้านนายตฤณ” คนหวั่นไหวบอกตัวเองอีกครั้ง ก่อนจะหมุนตัวเพื่อจะเดินหนี แต่ในจังหวะหมุนตัวนั้นกลับมีสายตาคนบางคนมองเห็นซะก่อน
“ไต๋ นั่นครูของไต๋หรือเปล่าน่ะ”ณิชานั่นเองที่มองเห็นเจ้าตัว เด็กสาวนั่นเอ่ยถามคนนั่งตรงหน้าเมื่อรู้สึกคนหน้ากับคนที่สายตาบังเอิญเหลือบเห็น เตชสิทธิ์รีบหันควับมองตาม และพอแน่ใจแล้วว่าคนที่เพื่อนหญิงชี้ให้ดูเป็นกัณตินันท์จริงๆ จึงรีบลุกวิ่งออกจากร้านส่งเสียงเรียกเจ้าตัวเอาไว้
“พี่ตฤณ!!”
กัณตินันท์สะดุ้งวาบ นี่เด็กนั่นเห็นตนอีกแล้วเหรอเนี่ย ชายหนุ่มหยุดเท้าที่จะเดินหนี กลั้นใจหันกลับมามองเจ้าของเสียง จึงเห็นร่างชองเตชสิทธิ์เดินตรงตนจริงๆ แต่ข้างหลังฝ่ายนั่นก็ตามมาด้วยร่างคุณหนูคุ้นตา
“โทรหาตั้งหลายรอบทำไมไม่รับ”เตสิทธิ์เอ่ยทักคำแรกเมื่อเดินมาถึงคนยืนคอย จริงอยู่ที่เขากำลังโมโหและเคืองกัณตินันท์ด้วยความคิดข้างเดียวที่ว่าฝ่ายนั้นต้องการหลบหน้าเขา แต่บทเรียนครั้งก่อนๆมันก็ช่วยยั้งให้เด็กหนุ่มสงบอารมณ์เอาไว้แล้วถามหาตุผลก่อนที่จะตัดสินใจต่อว่าอะไร
“นายโทรหาฉันด้วยเหรอ”กัณตินันท์เอ่ยถามทวน เมื่อเห็นคนตรงหน้าพยักหน้า จึงค่อยหยิบโทรศัพท์มาดู ตกใจหน่อยๆที่เห็นสิ่งที่ฝ่ายนั้นพูดเป็นจริง
“ขอโทษที ฉันไม่ได้ยิน”ชายหนุ่มเอ่ยหน้าขึ้นบอก
“ไม่ได้ตั้งใจไม่รับแน่นะ”เตชสิทธิ์ถามเพื่อความแน่ใจ
“ฉันเคยทำหรือไง”กัณตินันท์สวนกลับ ทำให้อีกฝ่ายนิ่งคิด มันก็จริง คนๆนี้ไม่เคยทำแบบนี้กับเขาเลยซักครั้งนี่นา เกือบไปแล้วมั๊ยล่ะ
“อืม ก็จริง แล้วนี่พี่จะกลับแล้วเหรอ”เด็กหนุ่มเอ่ยถาม
“ก็ว่าจะกลับล่ะ แล้วนายล่ะ ป่านนี้ทำไมยังไม่ถึงบ้านอีก”กัณตินันท์เอ่ยตอบ แล้วก็อดถามกลับไม่ได้
“พอดีมาซื้อหนังสือเป็นเพื่อนณิชา แล้วก็กินไอติมกันหน่อยน่ะ พี่เข้าไปนั่งด้วยกันมั๊ย”คนถูกถามเอ่ยบอก พลางหันกลับไปทางร้าน เด็กหนุ่มนึกว่าคนที่มาด้วยกันจะนั่งอยู่ตรงนั้น แต่แล้วกลับคิดผิด เมื่อสายตามองเห็นร่างฝ่ายนั้นเดินเข้ามาใกล้ตนจนหยุดอยู่ข้างๆ
“ไม่ทานไอศครีมล่ะณิชา เดี๋ยวละลายนะนั่น”เด็กหนุ่มเอ่ยทักเด็กสาว
“ก็ไต๋วิ่งออกมาแบบนี้ ณิชาก็ตกใจน่ะสิ นึกว่าเกิดอะไรขึ้น เลยตามออกมา”ณิชาเอ่ยตอบ ก่อนจะส่งสายตาไปมองกัณตินันท์ด้วยท่าทางเชิดนิดๆ ไม่รู้สิ มันรู้สึกแปลกๆที่เห็นสองคนนี้ยืนคุยกันสองต่อสอง อีกอย่าง เธอก็จำได้แล้วว่าฝ่ายที่ตนมองอยู่นั่น เป็นคนที่เดินทะเร่อทะร่าชนเธอจนทำแก้วโกโก้ร้อนๆหกรดตัวเธอมาแล้ว
“ไม่มีอะไร ไต๋ก็แค่ออกมาทักครูของไต๋”เตชสิทธิ์ตอบยิ้มๆ ก่อนจะหันกลับไปมองครูของตัวเอง เป็นจังหวะเดียวกับที่ฝ่ายนั้นมองสวนกับมาพอดี จึงเลี่ยงไม่ได้ที่สองสายตาจะประสานกันด้วยความหมายบางอย่าง ก่อนที่คนมองสวนจะเป็นฝ่ายหลบก่อนแล้วเอ่ย
“ขอตัวก่อนนะ กลับไปทานไอติมกันต่อเถอะ”
เตชสิทธิ์ใจวูบอย่างไม่รู้สาเหตุที่ได้ยินแบบนั้น เด็กหนุ่มกำลังจะเอ่ยเรียกตามคนที่หมุนตัวเดินหนี แต่ช้ากว่าเสียงของณิชาที่ดังขึ้นว่า
“ไอศครีมจะละลายหมดแล้วนะไต๋ กลับเข้าไปในร้านเถอะ ไต๋ต้องไปส่งณิชาที่ตึกอีกนะ”
กัณตินันท์ที่เดินหนีไปยังไม่ไกล ได้ยินทุกคำที่เด็กสาวข้างกายอดีตลูกศิษย์ของตนเอ่ย ชายหนุ่มชะงักเท้าหน่อยๆ ก่อนจะลอบถอนหายใจแล้วเดินก้มหน้าจากไปเงียบๆ
.
.
.
.
.
.
.
.
.
แล้วตอนนี้ผมก็ต้องจากไปเช่นกัน อิอิ
โปรดติดตามตอนต่อไปครับ
Boy
ปล. เดี๋ยววันนี้ตอนค่ำ ๆ จะเอามาให้อ่านกันอีกตอนเน้อ
เอาไงดี ซักสิบรีดีก่าเนอะ
แล้วเจอกันค๊าบ.....