ต้นฉบับที่มีอยู่ในมือ เกือบจบแล้ว ใครอยากอ่านอีกเยอะ ๆ ยกมือขึ้น

----------------------
“ต้องเป็นศัตรูของเจสซี่ที่ทำแบบนี้” ทีมโพล่งออกมาเมื่อฟังเรื่องของผมจบลงแล้ว และอธิบายต่อ “นางฟ้าเองก็มีการเมืองภายใน มีการชิงอำนาจอยู่ตลอดเวลา ตอนนี้มงกุฏนางฟ้าอยู่ในมือของเจ๊ไอซ์กับเจสซี่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มีใครต่อต้าน”
“หมายความว่า ถ้ากูขอความช่วยเหลือจากพวกนั้น จะสำเร็จใช่ไหม” ผมถามด้วยความหวัง
อีกฝ่ายหน้าขรึมลง “ทีมไม่แนะนำนะ เพราะมันอาจจะทำให้เรื่องยิ่งเลวร้ายไปใหญ่”
“ยังไง”
“บทเรียนยังไม่ซึมซาบเข้าหัวอีกเหรอพี่ ทั้งเรื่องเจสซี่ ทั้งเรื่องป๋าไฮด์อะไรนั่น แล้วยังมาเรื่องไอ้กายอีก พี่คิดว่าจะมีใครทำอะไรให้ใครโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนจริง ๆ เหรอ ระวังให้ดีนะพี่..เพราะค่าตอบแทนครั้งนี้อาจจะสูงลิ่วจนพี่จ่ายไม่ไหวก็เป็นได้”
“อืม..”
ผมรับคำในคอ แต่ตัดสินใจไว้แล้วว่าจะตามหากลุ่มนางฟ้าขบถให้ได้ ผมเรียนรู้มามาก และเชื่อว่าเกมหลอกใช้กันครั้งนี้ผมคงไม่ตกเป็นเบี้ยล่างมากนักหรอก
สาสน์ครั้งที่สองมาเป็นตัวเป็นตน ผมรู้ก็ต่อเมื่อเปิดประตูออกไปและเห็นกะเทยสาวนางหนึ่งยืนแอบอิงกรอบประตูด้วยท่วงท่าเซ็กซี่ มือของหล่อนคีบบุหรี่มาลโบโร่แดงตัดกับสีเล็บม่วงเคลือบละอองประกายสีฉูดฉาด
“จะไม่เชิญสุภาพสตรีเข้าห้องหน่อยหรือคะ”
คำพูดของหล่อนพ่นออกมาพร้อมกับควันบุหรี่อันจงใจพ่นมายั่วใส่หน้าผม ผมเบือนหนีอย่างรังเกียจกลิ่น
“เข้ามา”
หล่อนเดินเข้ามา จงใจทาบร่างนุ่มให้สัมผัสกับส่วนหน้าของผม ผมกลั้นลมหายใจไว้ไม่ให้สำลักกับกลิ่นน้ำหอมที่อบจนแทบกระอักจากแม่คนคิ้วโก่ง
ประตูปิดลงพร้อมกับที่แม่งามเลือกที่นั่งบนเตียงหนุ่มพละรูมเมตของผมผู้หายสาบสูญไป ก่อนจะตวัดขาไขว่ห้างอย่างสบายอารมณ์ ผมมองถุงน่องสีดำที่หล่อนใส่ไล่จากน่องอวบอัดอันหายเข้าไปในกระโปรงสั้นแบบติดเป็นเนื้อเดียวกับเสื้อ หล่อนดูจะไม่ยี่หระต่อการสำรวจดูอย่างไร้มารยาทของผม
“คุณเป็นใคร” ผมถามในที่สุด
“นางฟ้า ชื่ออุตราภา เรียกว่าออโรร่าก็ได้”
“อุตระ..อาภา แสงเหนืองั้นรึ”
หล่อนยักไหล่ “ฉันไม่แคร์ถ้าหากเพื่อน ๆ จะเรียกฉันว่านังอุตริ แต่ขอให้ฉันได้ยินหนุ่มน่ารักแบบคุณเรียกฉันด้วยนามเพราะ ๆ อย่างน้องภา หรือน้องออโรร่าเถอะนะ”
“คุณจะได้รับดังคำขอนะออโรร่า และถึงตาที่ผมจะขอมั่ง ได้โปรดเอาไอ้บุหรี่เหี้ย ๆ นั่นโยนออกไปนอกหน้าต่างซักทีเถอะว่ะ”
หล่อนฉีกยิ้ม ก่อนจะกดบี้หัวบุหรี่ลงบนโต๊ะเขียนหนังสือ ผมร้องว้ากแล้วรีบเข้าไปสำรวจความเสียหาย
“ฉันแค่ดับบุหรี่” เธอพูดอย่างไม่อนาทรร้อนใจต่อผมที่ทำตาขวางใส่
“ทีหลังเอามาบี้บนหัวกูเลยสิวะ”
“ฉันไม่อยากทำลายโบราณวัตถุ” หล่อนหัวเราะกิ๊กกับมุกของตัวเอง “ฉันไม่ได้แวะมาทักทายเธอเล่น ๆ หรอกนะ แต่มีธุระ”
ผมพยายามทำใจให้เย็น ๆ แล้วนั่งลงบนเตียงของตนที่หันหน้าเข้าหายัยอุตริ “ว่ามาสิ”
“เมื่อวานฉันมาส่งจดหมายให้เธอ ในนั้นบอกว่า..”
“นางฟ้าจะบันดาลให้ความหวังของคุณเป็นจริง มันหมายความว่าไง ผมอยากรู้จริง ๆ” ผมต่อคำพูดทันที
สายตาของหล่อนอยู่ที่เล็บสวย ๆ ของตนซึ่งหล่อนพลิกมือไปมาสำรวจมันยังกับว่าไม่มีอะไรดีกว่านี้ทำ
“แล้วความหวังของเธอคืออะไรล่ะคะ”
“เวลาพูดกับผม มองหน้าด้วย อย่าทำเป็นไม่สนใจ กูไม่ชอบ” ผมบอกด้วยน้ำเสียงเข้ม หล่อนเงยหน้าขึ้นมองผม และยิ้มให้อย่างไม่สำนึกผิด
“นางฟ้าบันดาลให้ความหวังของเธอเป็นจริง ยิ่งความหวังนั้นเป็นจุดประสงค์เดียวกันนางฟ้า” หล่อนลดเสียงแผ่วราวกระซิบ “การแก้แค้น นั่นแหละ..ความหวังของเธอ”
ออโรร่าจากไปพร้อมกับความสับสนและยากจะเชื่อของผม แผนการที่ลึกลับควบคู่กับธรรมเนียมพิลึกพิลั่นของขบวนการใต้ดินอันดำรงอยู่มาหลายสิบปี แผนการที่จะทำให้เจสซี่ตกบัลลังค์ กระเซอะกระเซิงและถูกขับไล่โดยขั้วอำนาจใหม่ แลกเปลี่ยนกับการที่เส้นทางของผมจะเปิดโล่งไร้ผู้ขัดขวาง ด้วยเงื้อมมือของเครือข่ายอันทรงพลังแห่งกลุ่มนางฟ้า
“ฉันจะรอคำตอบจากเธอภายในสามวัน ตัดสินใจให้ดี ๆ ล่ะ”ผมนั่งกุมขมับอยู่บนเตียงที่เก่า เมื่อนึกถึงกำหนดของออโรร่าที่จะมาฟังการตัดสินใจของผม ทีมพูดถูก ข้อเรียกร้องของพวกมันทรงคุณค่ามหาศาล อย่างที่ผมเองก็ไม่เชื่อว่าจะสามารถจ่ายคืนได้
ออโรร่ากลับมาในสามวันตามสัญญา
“ตกลงรับปากหรือเปล่าคะ”
“ผมอยากฟังเงื่อนไขอีกครั้ง” ผมตอบอย่างเคร่งขรึม
“ฉันถนัดแต่เล่านิทาน”
ผมไม่ลังเล “เอางั้นก็ได้”
“กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว เมื่อเหล่าแฟรี่ทั้งปวงมาชุมนุมกัน ทั้งพวกปีกแดงที่แสนกระหายเลือด พวกปีกเขียวจอมซนขี้เล่น และพวกปีกฟ้าที่บินร่อนไปมาพร้อมกับโปรยละอองแห่งความมึนเมาไปทั่ว
“ครั้งนั้นเหล่านางฟ้ายังไม่มีหัวหน้า พวกเขาจึงได้มาชุมนุมกันเพื่อเลือกผู้นำขึ้นมาตนหนึ่ง ฝ่ายปีกแดงก็เสนอว่าใครล่าหัวมนุษย์ได้เยอะที่สุดควรจะเป็นหัวหน้า พวกปีกเขียวคัดค้านแล้วก็ว่าใครที่ขโมยของจากมนุษย์ได้มากที่สุดต่างหากล่ะที่ควรจะเป็นหัวหน้า แต่ปีกฟ้าก็ไม่เห็นด้วย กลับบอกว่าใครที่ทำลายความฝันของมนุษย์ได้มากที่สุดต่างหากล่ะจึงคู่ควรกับตำแหน่งนี้
“นางฟ้าปีกขาวตนหนึ่ง เห็นว่าทุ่มเถียงกันเช่นนี้คงไม่มีวันได้ข้อสรุป จึงเสนอขึ้นมากลางที่ประชุม
นางก้าวออกไปอย่างอาจหาญและกล่าวว่า ‘พวกท่านทั้งหลาย สิ่งที่พวกท่านเสนอมาก็ล้วนแต่เป็นเรื่องที่ถนัดหรือชำนาญของแต่ละหมู่เหล่าอยู่แล้ว ย่อมไม่เป็นที่ยุติธรรมแก่ผู้อื่น อย่ากระนั้นเลย เราจะเสนอให้พวกท่านลองฟังความคิดเห็นของเราว่าใช้ได้หรือไม่’
เมื่อที่ประชุมอยู่ในความสงบ และนางฟ้าอาวุโสร้องขอให้นางแสดงความคิดเห็น นางฟ้าปีกขาวจึงกล่าวต่อไป
‘ในโลกมนุษย์ประกอบไปด้วยหลายอาณาจักร แต่ละอาณาจักรล้วนแต่มีเจ้าชายรูปงามทั้งสิ้น พวกเรานางฟ้ามีจุดร่วมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว คือหลงพะวงในรูปโฉมของเจ้าชายเหล่านั้น ดังนั้นเอาอย่างนี้ดีหรือไม่ หากว่าพวกเราจะออกเสียงว่าเจ้าชายองค์ใดรูปงามและทรงเสน่ห์ที่สุด จากนั้นให้เจ้าชายองค์นั้นเลือกสรรหัวหน้าแห่งเหล่าแฟรี่ทั้งมวลอีกที คล้ายคราที่เจ้าชายปารีสได้รับเกียรติให้เลือกเทพีที่งามงดที่สุดแห่งสรวงสวรรค์’
นางฟ้าตนอื่น ๆ เห็นชอบด้วย และมีมติเป็นเอกฉันท์ว่าเจ้าชายแห่งอาณาจักรออตโตมันทรงเสน่ห์ที่สุด พวกนางจึงใช้เวทมนตร์เรียกเจ้าชายมายังที่ประชุม
เจ้าชายหวาดกลัวมาก เพราะแฟรี่เองนั้นก็ไม่ใช่มีแต่เพียงพวกที่รูปงาม แต่หลายตนนั้นน่าขยะแขยงเสียยิ่งกว่าลูกหลานแห่งความมืด พวกแฟรี่ที่กระเหี้ยนกระหืออยากเป็นราชินีก็เข้าไปรุมล้อมเจ้าชาย ตะโกนกันเซ็งแซ่ให้เขาเลือกตน ลางตนก็เสนอจะยกขุมสมบัติให้ ลางตนก็ว่าจะให้เขาไปปกครองมหาอาณาจักร ลางตนก็สัญญาจะนำพานารีผู้เลอโฉมที่สุดในพื้นพิภพมาเป็นคู่ครองแก่เจ้าชาย แต่ข้อเสนอเหล่านั้นไม่ได้รับการตอบสนอง ยกเว้นแต่ผู้เดียว..
นางฟ้าปีกขาวผู้ออกความคิดเรื่องการคัดเลือก บินเข้าไปใกล้หูเจ้าชายและกระซิบว่า
‘ถ้าท่านเลือกข้า ข้าจะพาท่านออกไปจากที่นี่ และจะไม่มีแฟรี่ตนใดเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับท่านอีก’
นั่นคือปรารถนาหนึ่งเดียวของเจ้าชายผู้หวาดหวั่น เขาจึงเลือกนางฟ้าปีกขาวเป็นราชินีแห่งเหล่าแฟรี่ นางมีนามว่าไททาเนีย และนามนี้ก็สืบทอดเป็นตำแหน่งของนางฟ้าผู้ได้รับเลือกด้วยวิธีนี้สืบต่อมาชั่วลูกชั่วหลาน”
ผมปรบมือให้ “น่าประทับใจมาก คุณน่าจะไปเป็นนักเล่านิทานนะออโรร่า”
เธอโค้งตัวตอบรับ “เสียแต่ว่า ยุคนี้ช่างชืดชา เทพนิยายได้ตายไปพร้อมกับผีเสื้อหมดแล้วล่ะค่ะ”
“เทพนิยายได้ตายไปพร้อมกับผีเสื้อ” ผมทวนคำ “คุ้น ๆ เหมือนเคยได้ยินจากที่ไหนนะ ใช่ล่ะ บางทีเราอาจจะนั่งถกปรัชญาเต๋ากันได้”
ผมยิ้มกว้างขึ้นอีก “แต่ว่า..มาถึงคำถามสำคัญกันสักที เจ้าชาย..คือใคร”
“คนที่เธอก็รู้จักดี น้องกายไงคะ”
รอยยิ้มของผมค่อย ๆ คลายลง ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมต้องเป็นผมที่ได้รับเงื่อนไขนี้
“แล้วคุณต้องการให้ผมทำอะไรล่ะ”
“ทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องให้ถูกต้อง เจสซี่เป็นไททาเนียด้วยเล่ห์เหลี่ยม หลอกให้เจ้าชายมอบตำแหน่งให้หล่อนทั้ง ๆ ที่ขาดคุณสมบัติ”
ผมแค่นเสียงในใจ พูดตามตรงผมยังไม่เคยเห็นใครที่เหมาะกับตำแหน่งเจ้าแม่นางฟ้าเท่ากับยัยเจสซี่มาก่อนเลยให้ตายสิ
“และสิ่งที่เธอต้องทำคือเกลี้ยกล่อมให้เพื่อนของเธอเข้าพิธีอีกครั้ง และมอบมงกุฏให้แก่หัวหน้าของพวกเรา”
“ทำไมต้องเป็นไอ้กาย”
“เพราะเขาคือขวัญใจ เป็นสมบัติอันล้ำค่าและศูนย์รวมจิตใจของนางฟ้า ไม่มีใครแทนที่เขาได้ ถ้าเธอไม่ตกลง ก็จบกัน”
“ทำไมไม่ไปเกลี้ยกล่อมกับเจ้าตัวโดยตรงล่ะ” ผมหยั่งเสียง
เธอสูดจมูก “เขาไม่ชอบหัวหน้าของพวกเรา ต้องไม่ยอมช่วยแน่ ๆ”
“ฟังนะ ผมจะเปลี่ยนเงื่อนไข”
“ไม่ได้นะ เธอไม่มีทาง..”
“ผมไม่มีทางรึ หึหึ ออโรร่า..ถ้าคุณรู้จักน้องกายดีอย่างที่ผมรู้จัก คุณจะรู้ว่าผมมีสิทธิเต็มที่ที่จะกำหนดเงื่อนไขเพราะว่าผมคือคนเดียวที่น้องกายจะเชื่อฟังคำพูด คุณลองดูได้ ลองเข้าทางเพื่อนของเขา คนไหนก็ได้ แต่ขอบอกไว้เลยว่าไม่มีใครที่เข้าถึงเขาได้มากเท่าผม จำไว้”
ออโรร่าสูดจมูกอย่างไม่ชอบใจอีกครั้ง “แต่ว่าเงื่อนไขนี้ไม่สามารถเปลี่ยนได้ เธอยกเลิกไม่ได้เพราะถ้าหัวหน้าของเราไม่ได้เป็นไททาเนีย เราก็ไม่มีพลังเพียงพอที่จะลิดรอนอำนาจของเจสซี่ เธอไม่เข้าใจหรือยังไง”
“ฮ่าๆๆ ใครว่าผมต้องการเขี่ยเจสซี่ตกตำแหน่งกัน ผมแค่ต้องการโอกาส โอกาสเพียงชั่วขณะเดียวอย่างที่หัวหน้าของเธอต้องการ ซึ่งผมคิดว่ามันอยู่ในขอบข่ายที่พลังของกลุ่มนางฟ้าขบถจะช่วยเหลือได้แม้ว่าจะยังไม่มีพิธีสถาปนา ดังนั้นแทนที่ผมจะส่งน้องกายไปก่อน ผมจะให้คุณจัดการให้ผมได้พบกับคนที่ผมต้องการ แล้วผมจึงจะตอบแทนความกรุณาของพวกคุณภายหลัง”
หล่อนดูลำบากใจ ก่อนจะพูดอย่างไม่แน่ใจ “ฉันจะลองเอากลับไปคุยกับหัวหน้าดู ถ้าได้คำตอบยังไง แล้วฉันจะมาแจ้งให้เธอทราบอีกล่ะกัน”
ไม่นานออโรร่าก็กลับมา
“ว่าไง”
เสียงของเธอสูงอย่างมหัศจรรย์ใจ “หัวหน้าบอกว่าก่อนหรือหลังไม่สำคัญขอให้เธอรับปากก็พอ ดูเหมือนหัวหน้าจะเชื่อมั่นในตัวเธอเอามาก ๆ และเชื่อด้วยว่าเธอจะทำสำเร็จ”
“แน่นอน” น้ำเสียงของผมเย่อหยิ่ง “คุณคิดว่าผมเป็นใครล่ะ ธุระของเราในวันนี้ก็เสร็จแล้ว รีบไปจัดการให้ผมด้วย”
เธอจากไปอย่างรวดเร็วเท่ากับตอนที่มา
“พี่..เหมือนฝนจะตกเลย ผมใจคอไม่ค่อยดี” น้องกายพูดกับผมเมื่อเรายืนมองท้องฟ้าตรงริเวอร์ไซด์ด้วยกันหลังจากประชุมภาคเสร็จ
ผมมองไปยังเมฆทะมึนตรงขอบฟ้า “เรื่องเลวร้ายมักจะเกิดในเวลาแบบนี้นะ อย่างคืนที่เล่งฮู้ชงถูกใส่ความว่าฆ่าศิษย์น้อง ก็เป็นคืนที่ฝนตก ว่าแต่กายจำได้มั้ยว่าใครใส่ความเขา”
“อาจารย์ของเขาไงครับ”
ผมหยิบใบไม้ในกิ่งใกล้ ๆ มาถูไปตามหลังใบสาก ๆ นั้นเล่น “งักปุ๊กคุง ปราณเมฆม่วง วิญญูชนจอมปลอม พี่สงสัยจริงนะว่าอะไรที่ทำให้เขาทำเรื่องผิดมโนธรรมอย่างนั้นได้”
“อำนาจและตัญหาไม่ต้องการคำตอบหรอกครับ” น้องกายตอบอย่างคมคาย จนผมอดไม่ได้ที่จะแอบมองเสี้ยวหน้าของเขานิดหนึ่ง
“อ้าวกาย พี่แทน มานั่งคุยกันตรงนี้นี่เอง”
เสียงทักจากข้างหลัง ผมหันไปหาชอคโก้ที่เดินยิ้มร่าเข้ามา
“กูยืนอยู่ชัด ๆ มึงเอาตาปลามองหรือไงถึงว่านั่งอยู่”
“ก็เดี๋ยวก็นั่งอ่ะ หรือพี่แทนจะยืนอยู่อย่างนี้ตลอดไป ไม่เมื่อยหรือไง”
มันกวนตีนกลับแถมยักคิ้วให้อีก น้องกายขยับตัวอย่างอึดอัดและพูดกับผม
“ผมขึ้นห้องก่อนนะครับ”
ผมพยักหน้าให้ ไอ้ชอคโก้มองตามน้องกายจนเหลียวหลัง ก่อนจะหันกลับมาหาผมพร้อมรอยยิ้มประจบ
“ได้ยินว่าพี่แทนมีปัญหากับแฟนใช่ป่ะ”
ผมสะดุ้ง “เฮ้ย แฟนไหนวะ”
“เดือนมหา’ลัยปีสามไง เรื่องดังจะตาย เป็นทอล์กออฟเดอะยูไปแล้ว เห็นว่าคุณหญิงแม่เขากีดกันพี่แทนนิ”
ผมหน้าเครียด “เขาพูดกันอย่างนี้จริง ๆ เหรอวะ”
“ยิ่งกว่านี้อีกนะพี่ บางคนมันลือกันว่าพี่ชกยัยคุณหญิงนั่นจนตาเขียวปั๊ดต้องใส่แว่นกันแดดออกงานเลย เจ๋งว่ะพี่”
“เว่อร์ไป ๆ ยังไงก็แม่ผัวน่ะ”
“ฮั่นแน่ะ ยอมรับแล้วดิพี่”
“เฮ้ย” ผมโวยวาย “มาจับผิดอะไรวะนี่ ไปไกล ๆ โน่นเลยไป”
“โอ๋ ๆ นิ่งเดะ ๆ พี่อย่าเคืองช็อกเลยน่า ช็อกแค่อยากช่วย”
ผมหูผึ่ง “ช่วยยังไงวะ”
“ช่วยให้พี่ได้เจอกับแฟนพี่สองต่อสองไง เผื่อจะได้นัดแนะกันหอบผ้าหอบผ่อนหนีตามกันไปถูก”
“โอ้โห..ไอ้ช็อก” ผมตบหัวมันทีนึง “ระดับกูต้องสู่ขอด้วยทีมฟุตบอลกับดาวเทียมโว้ย ไม่ใช่วิวาห์เหาะวิวาห์หะ”
“เออน่าพี่ จะยังไงก็เหอะ สนใจป่ะ”
ผมพยักหน้าเร็ว ๆ ถ้าไอ้ช็อกช่วยก็จะได้ไม่ต้องพึ่งพวกนางฟ้าขบถแล้ว พวกนั้นยิ่งไม่น่าไว้ใจอยู่ ไม่รู้จะเอาน้องกายไปปู้ยี่ปู้ยำยังไง
“เออ ว่าแต่จะช่วยยังไงล่ะ”
“เห็นอย่างนี้ช็อกไม่ใช่ขี้ ๆ นะ มีเส้นสายอยู่”
“ขอให้มันจริงเถอะ” ผมว่า