มีคนเรียกชื่อผมอยู่ใกล้ ๆ ผมพยายามลืมตาอย่างยากลำบาก มันแสบและเจ็บที่เปลือกตาจนไม่อยากลืมขึ้นมา กายยืนอยู่ข้างเตียงในชุดนิสิตเรียบร้อย ผมลุกผึงขึ้นทันที
“ตายห่ะ มีเรียนเช้านี่หว่าวันนี้”
“ข้าน้อยมาเชิญตั่วเฮียไปทานข้าว”
ผมรีบลุกลงจากเตียงและคว้าผ้าเช็ดตัวที่พาดไว้กับเก้าอี้ใกล้ ๆ
“กายรอห้านาทีได้ป่ะวะ เดี๋ยวพี่วิ่งผ่านน้ำแผล่บนึง”
น้องกายพยักหน้า ผมเลยรีบคว้าขันสบู่แชมพูแปรงสีฟันออกไปจากห้อง ผมโผล่ออกมาก็เห็นห้องข้าง ๆ เปิดออกมาพอดี ไอ้แบดนุ่งผ้าเช็ดตัวอยู่เหมือนกัน เขาเหลือบมองผมแว่บหนึ่งก่อนหันเดินไปทางห้องน้ำราวกับไม่รู้จักกัน
ผมเห็นรอยเขียวช้ำที่มุมปากของเขาชัดเจน ผมจะเรียกเขาแล้ว แต่เมื่อเห็นสายตานั้นความกล้าผมก็ฝ่อ ผมเดินตามเขาไป จนถึงอ่างล้างหน้า แบดเริ่มต้นแปรงฟัน ผมก็แปรงฟันตามและมองเขาผ่านกระจก
แบดบ้วนปาก เขาหยิบเครื่องอาบน้ำของตนเข้าห้องอาบน้ำไปโดยไม่พูดอะไร เขาทำให้ผมรู้สึกแย่มาก ผมรู้สึกว่าผมต้องคุยกับเขา ผมรวบรวมความกล้าแล้วเข้าห้องข้าง ๆ ก่อนจะเขย่งเหยียบที่วางสบู่โผล่หัวไปทางห้องที่ไอ้แบดอาบน้ำอยู่
“เฮ้ย” มันร้องอย่างตกใจ มือที่ถูแชมพูกับศีรษะอยู่ก็ตกลงไปกุมเป้าโดยอัตโนมัติ
“มึงจะปิดไปทำไมกูเคยเห็นมึงไปถึงไหนแต่ไหนแล้ว” ไอ้แบดค่อย ๆคลายมือออก แล้วยกมาสระผมต่อ ทำเป็นไม่สนใจผม “หน้ามึงเป็นไงบ้าง” ผมถามมันทั้ง ๆ ที่ยังเอาคางเหนี่ยวกับขอบผนัง
แบดชะงัก เขาหันเงยมามองหน้าผม “มึงอยากรู้มึงก็มาดูเองสิ”
“จะให้กูปีนเข้าไปหรือไง”
มันไม่ตอบ แต่เอื้อมมือไปดึงล็อกประตูห้องมันเปิดออกแง้ม ๆ ผมรีบตะกายลงไปแต่..
ผลั่ก!
“โอ๊ย...!!”
ก้นของผมจ้ำเบ้าลงกับพื้นเพราะความลื่นกับความรีบ ดีที่แขนป่ายไปข้างหลังทันยันพื้นกับผนังไว้ก่อนที่หัวผมจะกระแทก เสียงประตูห้องน้ำข้าง ๆ เหวี่ยงเปิด แล้วตามด้วยประตูห้องผมที่ถูกทุบดังปัง ๆ
“ไอ้แทนมึงเป็นอะไร มึงรีบประตูให้กูเดี๋ยวนี้”
ผมเบ้หน้าด้วยความเจ็บ ใช้แขนค่อย ๆ แตะผนังพาตัวเองลุกขึ้นยืน ผ้าเช็ดตัวที่นุ่งอยู่เปียกน้ำโชก ผมเปิดประตูออกมาก็โดนกระชากออกไปกอด
“มึงเป็นอะไร”
“กูลื่นล้ม” ผมบอกแล้วพยายามยันตัวออกไป
“ชอบทำให้กูเป็นห่วงอยู่เรื่อย มึงสนุกนักหรือไง”
“เอ่อ...ไปคุยกันที่อื่นได้ไหม” ผมบอกมัน เพราะสายตาที่สอดส่ายไปรอบ ๆ เห็นคนหนึ่งที่กำลังหย่อนผ้าลงเครื่อง คนหนึ่งก็กำลังล้างหน้าที่อ่าง ส่วนอีกคนเพิ่งออกมาจากห้องส้วมของอีกด้าน สายตาทั้งหมดมองชีเปลือยแบดที่หัวยังโพลนแชมพู และกำลังกอดผมอยู่ เป็นสายตาเดียวกัน
ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้ กระซิบบอกมัน “ถึงกูจะหน้าด้านก็เถอะ แต่ขอทีนะแบด มึงช่วยล้างหัวให้หล่อ ๆ ก่อนจะปล้ำกูกลางสถานที่สาธารณะหน่อยได้ไหมวะ”
“เพิ่งรู้ว่ามึงชอบแบบเอาท์ดอร์”
“แล้วมึงล่ะ”
“กูก็ชอบ แต่กูหวงมึงไม่อยากให้ใครเห็นหรอกนะ” มันพูดจบก็ผลักผมเข้าห้องอาบน้ำของผมแล้วตามเข้าไปล็อกประตูกริ๊ก ที่เหลือคงไม่ต้องบรรยายนะครับ
ผมกลับมาที่ห้องหลังอาบน้ำเสร็จ น้องกายยังรออยู่อย่างอดทน เขาหน้าเครียดไปหน่อยหนึ่ง
“เราสายไปครึ่งชั่วโมงแล้วนะครับ”
“กายทำไมไม่ไปก่อน”
“พี่บอกให้ผมรอ” เขาพูดสั้น ๆ “รีบแต่งตัวเถอะครับ”
ผมเดินผ่านเขาไปที่ตู้เสื้อผ้า หยิบกางเกงในมาใส่ แล้วดึงผ้าเช็ดตัวหาส่วนที่แห้ง ๆ มาเช็ดหัว แล้วรีบแต่งตัวอย่างรวดเร็ว ผมคว้ากระเป๋าเรียนขึ้นมา ในกระเป๋ามีสมุดสองเล่มสำหรับจดเลคเชอร์ทุกวิชา ผมเป็นคนไม่ชอบแบกหนังสือ และไม่ชอบซื้อด้วย เปลืองงบ ฮ่าๆๆ
เราไปห้องเรียนโดยไม่ได้ทานข้าว อาจารย์ผู้หญิงแก่ ๆ มองอย่างตำหนิก่อนจะเช็คสายให้ ผมหาที่นั่งก็ได้ที่นั่งข้างไอ้ทีม กายนั่งประกบอีกข้าง
“วันนี้ไม่สบายหรือเปล่าพี่” ทีมมันถาม
“เปล่า ๆ กูอาบน้ำนานไปหน่อย ทำไอ้กายสายด้วยเลย โทษที” คำหลังผมหันไปบอกกับคนอีกข้าง กายยิ้มให้เหมือนจะบอกว่าไม่เป็นไร
“ทีมไม่เชื่อหรอก”
ผมสะดุ้งหรือมันจะวางสายไว้ในห้องน้ำวะ แต่เขาก็พูดต่อ
“พี่แทนเครียดง่ายจะตาย เครียดทีไรป่วยทุกที ไหนดูหน่อยซิ” เขาเอามือไปอังตรงซอกคอผม มือของเขาเย็นเฉียบคงจะเพราะนั่งห้องแอร์มานานแล้ว
“กูไม่เป็นไรหรอกน่า” ผมค่อย ๆ ผลักมือของมันออก เมื่อครู่หายใจเกือบไม่ทั่วท้อง ผมดันเป็นคนไวต่อความรู้สึกมากเกินไป จุดตรงไหนก็ติดพรึ่บ ที่โดนแตะเมื่อกี้ก็ทำเอาผมอึดอัดในเป้ากางเกง ขนาดเอาออกน้ำหนึ่งแล้วเมื่อเช้านะเนี่ย แม่ง..
“แล้วไอ้แบดอ่ะ ถ้ามันมาเกาะแกะยุ่มย่ามกับพี่แทนอีก บอกทีมได้ ทีมจะกระทืบมันเอง”
“เฮ้ย! อย่านะเว้ย กูกะมันไม่มีปัญหาอะไรแล้ว เมื่อคืนนั่นเรื่องเข้าใจผิดเล็ก ๆ น้อย ๆ”
ไอ้หน้าเถื่อนแค่นเสียง “เฮอะ อย่างนี้แหละนะ เขาถึงว่าอย่าไปยุ่งกับเรื่องผัวเมีย จะกลายเป็นหมาหัวเน่าไม่รู้ตัว”
ผมหน้าเครียด “ทีม กูขอให้มึงถอนคำพูด กูกับไอ้แบดไม่ได้เป็นอะไรมากกว่าเพื่อน”
“เพื่อนที่ไหนจะ..อย่างนั้นกันขนาดนั้น”
“หรือมึงไม่เคยกับกูล่ะ” ผมสวนกลับ ไอ้กายเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ
ไอ้ทีมเงียบไป ผมเบาเสียงลงนิดและเข้าใกล้มันอีกหน่อยคนอื่นจะได้ไม่ได้ยิน
“มันเป็นเรื่องของความพอใจที่จะมี กูกะมันไปกันได้ มันเป็นรุกกูเป็นรับ ระบายความใคร่เสร็จแล้วก็จบกัน ก็แค่นั้น มึงเข้าใจใช่ป่ะ”
“งั้นถ้าทีมขออีกล่ะ”
ผมแทบไม่ต้องคิด “ก็ได้ แต่มึงจะต้องรุกกูเท่านั้น ไม่มีเป่ายิ้งฉุบ”
“ขี้โกงว่ะ”
“กูหล่อเลือกได้ มึงทำใจเถอะ” ผมยักคิ้วแผล่บ “ถ้ามึงเปลี่ยนใจ ตอนเย็นก็มาหากูที่ห้องล่ะกัน”
ทีมทำเสียงจึ๊กจั๊กในคออย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะหันกลับไปสนใจเล็คเชอร์
เย็นนั้นไอ้ทีมมาเคาะประตูห้องผม ผมถามมันยิ้ม ๆ
“ตัดสินใจได้แล้วเหรอวะ ขอแสดงความยินดีต่อฟ้าเมืองเกย์ที่จะมีรุกจรัสแสงประดับวงการเพิ่มขึ้นอีกราย”
ไอ้ทีมทำหน้าบูด “พี่แทนก็คิดได้แต่อย่างนั้นแหละนะ ทีมจะมาชวนไปเล่นแบดต่างหาก”
ผมไปปิดประตูล็อก แล้วสวมกอดมันจากข้างหลัง
“มึงไม่ชอบกูเหรอทีม” ผมกระซิบพร้อมลมหายใจอุ่นใส่หลังใบหู ทีมพยายามขยับออกแต่ผมกอดมันไว้ หุ่นล่ำ ๆ ของมันทำผมอยากชิบ
“ทีมไม่เล่นนะ”
“กูก็ไม่เล่น กูจริงจัง กูชอบมึงนะ บึ้ก ๆ ล่ำ ๆ แบบนี้เห็นแล้วคันว่ะ”
ผมเอื้อมมือลูบไล้แผงอกแน่น ๆ ปลายนิ้วสะกิดติ่งเนื้อผ่านเนื้อผ้า ไอ้ทีมตัวสั่นไปวูบหนึ่ง ผมใช้อีกมือลากไล้ไปที่กางเกงบอลของมัน ก้อนเนื้ออวบอูมใต้นั้นแข็งเป๊ก
“เป็นของกูนะทีม” ผมบอกมันระหว่างที่จับมันพลิกหันกลับมา ใบหน้าชนกัน ผมเริ่มต้นจูบเขาเบา ๆ อีกมือดึงกางเกงของเขาลงและลูบไล้ส่วนนั้น
เสียงมือถือของผมดัง ผมพยายามไม่สนใจเพราะเกือบจะกล่อมไอ้ทีมสำเร็จแล้ว แต่มันผลักผมออก
“ไปรับโทรศัพท์ก่อนเถอะพี่” ผมถอยจากเขามาอย่างเสียดาย ทีมดึงกางเกงของตนขึ้นสวมคืนตามเดิม
“สวัสดีครับน้องแทน พี่ไฮด์เองนะครับ” “อ้อ หวัดดีครับ กำลังคิดถึงพอดีเลย ผมว่าจะโทรหาพี่อยู่เมื่อกี้ ทำไมเราใจตรงกันเลยอ่ะ”
“ฮะฮะ ปากหวานจริงนะเรา พี่โทรมาตามสัญญาไงครับที่ว่าจะชวนไปยิมด้วยกันไงครับ” “อ๋อ เย็นนี้น่ะหรือครับ”
“ใช่ครับ สะดวกหรือเปล่าเอ่ย ถ้าไม่สะดวกไว้วันหลังก็ได้นะ” “อืม ๆ เดี๋ยวผมคิดดูก่อนนะ ถ้าตัดสินใจยังไงเดี๋ยวโทรกลับ อ๊ะ..ตอนนี้เพื่อนเรียกแล้วครับ แล้วคุยกันใหม่นะครับ”
“โอเคครับ คิดถึงนะครับ”ผมวางสายแล้ววางมือถือลงกับโต๊ะ คราวนี้พอผมขยับเข้าใกล้ไอ้ทีม มันก็ถอยไปช่วงหนึ่ง
“มึงเป็นอะไรวะทีม เมื่อกี้กูแค่ล้อมึงเล่น หน้าอย่างมึงใครจะไปเอาลง”
ทีมมองผมด้วยสายตาที่ทำให้ผมใจหาย แต่ครั้นจะเอาคำพูดที่ล่วงเลยไปแล้วกลับมาก็เป็นไปไม่ได้ ผมรีบพูดต่อ
“เออ มาชวนกูไปเล่นแบดใช่มั้ย ไปเล่นนอกสถานที่กันมั้ยล่ะ สนามอย่างดีด้วย”
“ที่ไหน” ฮั่นแน่ สนใจแล้วสิมึง
“หุหุ ไม่บอก แต่รับรองว่าสุดยอดมาก ๆ ชนิดที่มึงไม่เคยเห็นมาก่อน” ผมก็โม้ไปงั้นแหละ แต่คิดว่าระดับป๋าไฮด์แล้วคงไม่หาคอร์ทธรรมดาให้เราเล่นหรอก
“ชวนไอ้กายไปไหม”
“ชวนไปดิ” ผมบอก “ไอ้กายมันเป็นหน้าตาของกลุ่มเรา เดินใกล้ ๆ มันเผื่อจะได้อานิสงค์ความหล่อ หุหุหุ”
“เหอเหอ” ไอ้แทนหัวเราะแบบไร้รอยยิ้ม ผมบอกให้มันนั่งรอก่อนเดี๋ยวจะโทรตามไอ้น้องกายเอง
ผมไอ้ทีมและไอ้กายถีบจักรยานกันคนละคันไปที่คิวรถตู้ในมหาลัย เราซื้อตั๋วและเลือกที่นั่งด้านหลังสุดที่จะนั่งกันไอ้ทุกคน ทีมเพิ่งเก็บไม้แบดลงไปข้างใต้ ก็มีสมาชิกใหม่ที่เราไม่คาดว่าจะได้พบโผล่ขึ้นมาบนรถ
ไอ้คนหน้าบูดเป็นตูดหมึกเข้ามาถึงก็หย่อนก้นแหมะลงข้าง ๆ ผม แล้วถามลอย ๆ
“พวกมึงจะไปไหนกันนี่”
“เสือกไรด้วยล่ะ” ไอ้ทีมพูดลอย ๆ ผมซึ่งเป็นคนกลางรู้สึกหนาว ๆ ร้อน ๆ เหมือนกลายเป็นฉนวนกาซ่ายังไงอย่างงั้น
“แล้วมึงไปไหนล่ะแบด” ผมถามมันหวังจะคลี่คลายบรรยากาศ
“มึงตอบกูก่อน”
“กูจะไปเดินห้าง” ผมจำใจโกหก
“กูก็จะไปห้าง” มันบอกแล้วนั่งกอดอก
“ไปดูหนังที่เมเจอร์ดีกว่าพี่ อย่าไปเลยฟิวเจอร์ เหม็นขี้ว่ะ”
“ขี้อะไรของมึงวะ” ผมถามไอ้ทีม
ไอ้ทีมใช้เสียงต่ำ “ขี้หน้าใครบางคน”
บรรยากาศมาคุเข้าไปอีก พ่อแก้วแม่แก้วช่วยลูกช้างด้วยเถิด
“กูจะไปดูหนังด้วย” มันบอก
“ไม่ดีมั้งแบด กูไปกะเพื่อน” ผมว่า
“ทีเพื่อนมึงยังไปด้วยได้ แล้วกับแฟนมึงไม่ยอมเหรอ”
พร่วด!น้องกายที่ดื่มน้ำดื่มคริสตัลอยู่สำลักน้ำใหญ่ ไอ้ทีมรีบหันไปดูแลเพื่อนมัน ขณะที่ผมหันไปมองหน้าไอ้แบดที่ทำหน้ากวนยักคิ้วให้
“กูเป็นแฟนมึงตั้งแต่เมื่อไหร่”
มันเอามือมาปิดปากผมไว้ ส่งเสียงชู่วเพราะคนอื่นเริ่มทยอยขึ้นมาบนรถ
“เงียบน่ะ”
ไอ้ทีมเช็ดหน้าเช็ดตาให้เจ้ากายเสร็จแล้วก็หันมาสะกิดผม
“พี่แทน ที่ไอ้เชี่ยแบดพูดมันหมายความว่าไง”
ผมตัวแข็ง พูดอะไรไม่ออก ไอ้แบดชะโงกหน้าไปส่งสายตาหาเรื่องให้อีกฝั่ง รังสีอำมหิตชวนหวาดสยองกระจายรุนแรงขึ้นทุกทีและปะทะกันเปรี๊ยะปร๊ะกลางอากาศ
โอ้..พระผู้เป็นเจ้า นี่ตูจะเอาชีวิตรอดไปจนถึงฟิวเจอร์ไหมวะนั่น
------------------
วันนี้สั้น ๆ นะครับ เดี๋ยวเย็นนี้ออกไปร่อนต่อ

ปล. มีคนรีเควสท์ตอนพิเศษ ไอ้แทนไปซาวน่า เอาจริงเดะ?
