ช่วงสุดท้ายที่จะลงแล้วครับ เม้นท์ต่อจากนั้นจะตอบเม้นท์และเล่าเรื่องอะไรสักหน่อย
หมอเป็นหมอหนุ่มอายุไม่มากไปกว่าผมเท่าไหร่ เขาหัวเราะหึ ๆ เมื่อเห็นไอ้แบดพาผมมาในห้องตรวจ
“คราวนี้ผู้ชายเหรอ”
ไอ้แบดแยกเขี้ยวใส่หมอ ขู่ในคอฮื่อ ๆ เหมือนหมาเลยเว้ย
“เออ ดูแผลให้หน่อย จัดยาดี ๆ ด้วยล่ะ”
ผมมองหน้าสองคนสลับกันไปมา ไอ้แบดก็หล่อเซ็กส์ ไอ้หมอก็ขาวตี๋ ซี๊ด กูอยากโดนตรวจภายในโว้ย แต่พอขยับตัวนิดหนึ่งก็เจ็บแปล๊บ เขาถึงว่าไม่เจียมสังขาร
“เอาล่ะตามหมอขึ้นมาบนเตียงได้เลยนะ ไม่ต้องอาย หมอรู้ว่านี่เป็นครั้งแรกของคุณ”
คุณหมอคร้าบ นอกจากวาจาชวนจิ้นแล้วอย่าทำตาเยิ้ม ๆ ด้วยสิคร้าบ เดี๋ยวไอ้แทนจะใจแตกเอา
“อ้าว แล้วนายจะยืนบื้ออยู่ทำไมล่ะ หมอกับคนไข้เขาจะคุยกันสองต่อสอง”
แบดทำหน้าหงิก “จะตรวจอะไรก็ตรวจไปดิ กูยืนมองเฉย ๆ มันหนักกบาลมึง เอ๊ย..หมอหรือไง”
นั่นไงครับไอ้แบดสุดที่รักของผม(เป็นตั้งแต่เมื่อไหร่วะ) ปล่อยหมาออกมาเพ่นพ่านซะแล้ว
หมอตี๋ขาวพราวเสน่ห์ยิ้ม ๆ แล้วสวมถุงมือพลางคุยกับผมไปด้วย
“คุณชื่ออะไรนะครับ”
“เอ่อ..แทนครับ แล้วหมอล่ะ” ผมเก๊กเป็นสุภาพชนทันที อิอิ จะจีบหนุ่มในเสื้อกาวน์มันต้องเงี้ย
“หมอชื่อตั้ม เออ..แล้วน้องแทนเป็นอะไรนะ”
ผมกลั้นใจตอบแบบหน้าด้าน ๆ “โดนวัตถุขนาดใหญ่ไม่มีคมทิ่มแทงทวารหนักมาครับ”
หมอตั้มระเบิดหัวเราะทันที ยกนิ้วโป้งให้
“เด็ดว่ะน้องแทน ดีมาก พูดตรง ๆ แบบนี้หมอจะได้วินิจฉัยถูก ไม่เหมือนสาว ๆ รายก่อน ๆ ของไอ้แบด กว่าจะกระมิดกระเมี้ยนตอบอ้อมโลกไปสามรอบครึ่ง”
ผมเหล่มองไอ้แบดโดยไม่ได้ตั้งใจ เห็นมันทำท่าเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อใครสักคนในห้องนี้ หวังว่าคงไม่ใช่ผมนะ มี๊ >,<
“เดี๋ยวหมอจะดูให้ว่ามีแผลภายนอกไหม น้องแทนช่วยถอดกางเกงออกหน่อย”
“ต่อหน้าไอ้แบดเนี่ยนะ” ผมประท้วง
“กูกะมึงเห็นกันถึงไหนต่อไหนแล้ว จะมาอายอะไรอีกวะ”
“มึงหน้าด้านกูก็ด้านบ้างก็ได้วะไอ้สัด” ผมรีบตะครุบปากของตนอย่างรวดเร็วและทำหางลู่หูตกให้ดูน่าสงสาร หมอตั้มหัวเราะอย่างถูกใจเข้าไปใหญ่ เขาหันไปถองกระเซ้า
“คนนี้เด็ดว่ะแบด เข้าใจหานะ”
ผมส่งคลื่นอำมหิต “หาอะไรของพี่หมอ รีบ ๆ มาตรวจเดะ ไม่งั้นตดให้ดมตอนตรวจนะเออ”
หมอตั้มอมยิ้มแล้วเข้ามาช่วยผมถอดกางเกงให้ ผมหน้าแดงพอ ๆ กะตูด อายเหมือนกันนะเว้ยที่มีชายหนุ่มหน้าตาดีมาจ้องบั้นท้ายใกล้ ๆ เขาใช้เครื่องมือสแตนเลสแหวกดูช่องทางเล็กน้อย ผมครางด้วยความเจ็บปวด ไอ้แบดกุมมือผมไว้แล้วบีบเบา ๆ เหมือนส่งกำลังใจให้
“หมอจะใส่เข้าไปแล้วนะครับ แสบนิดนึง ทนหน่อยนะครับ เดี๋ยวก็มีความสุข”
หมอตั้มทะเล้นชิบหาย เขาใช้คีบคีบสำลีชุบแอลกอฮอล์มาเช็ดรอบ ๆ หลังจากนั้นก็เป็นเปลี่ยนยาใส่แผล ผมกลั้นใจทนสักพักก็เสร็จเรียบร้อย
“ไม่มีแผลฉีกขาดนะครับ” เขาบอกผมเมื่อเรามานั่งคุยกันที่โต๊ะตรวจอีกครั้ง “แต่เนื้อเยื่อบอบช้ำมาก น้องแทนต้องระมัดระวังอย่าทานของเผ็ดจัด และรักษาความสะอาดให้ดี เดี่ยวหมอจะให้ยาแก้อักเสบกับยารักษาแผลแบบสอดทวารไปนะครับ” เขาก้มหน้าเขียนใบสั่งยา หมอหน้าตี๋ ๆ แบบนี้ดูเพลินดีแฮะ เขาเลื่อนนามบัตรให้
“นี่นามบัตรหมอครับ ในนั้นมีเบอร์โทรด้วย ถ้ารู้สึกยังไงก็โทรมาบอกหมอได้นะ” ไอ้แบดทำหน้าถมึงทึงหยิบนามบัตรมาเก็บเข้ากระเป๋าตัวเอง แต่หมอตั้มเหมือนรู้ทัน ส่งนามบัตรให้อีกใบ ผมรีบตะครุบ ไอ้แบดหยิบไม่ทัน กร๊ากๆๆๆ
พอได้ยา ไอ้แบดก็พาผมออกมาจากคลินิกราวกับพายุ ผมไปนอนที่เบาะหลังต่อ ขณะที่คนอารมณ์บูดพูดเปรย ๆ
“มึงรู้ไหมว่าไอ้หมอนั่นเป็นใคร”
“กูจะไปรู้มั้ยล่ะ” ผมตอบมันเคือง ๆ
“มันจบมอเดียวกับเรานี่แหละ..”
“อ๋อรุ่นพี่” ผมขัดจังหวะ แต่ไอ้แบดพูดต่อ
“..แล้วมันยังเป็นพี่ชายไอ้เชี่ยเติร์กด้วย”
ผมอ้าปากค้าง พี่ไอ้เติร์กรู้ งั้นไอ้เติร์กก็รู้ แล้วเพื่อนของไอ้แบดก็คงจะรู้กันแบบปากต่อปาก ว้ากกกก!! กูไม่น่ามาที่นี่เลย!!!!!!!!!!!!
ผมลงจากรถไอ้แบดตรงหน้าหอ ด้วยกินยาแก้ปวดเข้าไปแล้วและยาที่หมอใส่ให้อาจจะมีคุณสมบัติระงับปวด ผมก็เลยพอเดินเหินได้ แต่พอผมจะเดินอ้อมรถกลับไปทางหอ ไอ้แบดก็เปิดประตูฝั่งคนขับออกมา และพุดกับผมทั้ง ๆ ที่ยังนั่งอยู่ในรถนั่นแหละ
“เดี๋ยว”
“มีอะไรอีก” ผมถามด้วยน้ำเสียงธรรมดา
“เรื่องหมอตั้มน่ะ มึงอย่าคิดจะไปจีบมันล่ะ มันชอบผู้หญิง ไม่ชอบผู้ชายหรอก”
ผมเลิกคิ้ว “แล้วบอกกูทำไม”
“เตือนในฐานะเพื่อน โอเคป่ะ”
“อืม” ผมรับคำแล้วเดินผละจากมา เสียงล้อรถเคลื่อนจากไป ผมเดินกะเผลกเล็กน้อย ผมเดินสวนกับไอ้ทีมที่หน้าหอ
“พี่ไปทำอะไรมา”
“เปล่านี่ กูอยู่ห้องตลอด เมื่อกี้เพิ่งไปโรงอาหารมา” ผมเชื่อว่าผมโม้ได้เนียนเพราะว่าชุดเสื้อกล้ามกับกางเกงขาสั้นบาง ๆ คงจะมีคนใส่ออกไปร่อนข้างนอกอยู่หรอกนะ
“หือ เห็นไอ้กายบอกว่าพี่ออกไปกะไอ้แบดตั้งแต่เมื่อคืนนี่”
“ออกไปแล้วกลับมาแล้ว อย่าถามมากได้ไหม กูกำลังปวดหัว” ผมตัดบทอย่างรำคาญแล้วเดินไปที่บันได พอก้าวขาเท่านั้นแหละครับ เป็นเรื่อง
“โอ๊ะ”
ไอ้ทีมรีบเข้ามารับผมไว้ทัน ผมค่อย ๆ ดันมันออกแล้วพยายามยืนด้วยตนเอง
“กูไม่เป็นไร”
ผมใช้สายตาที่บอกว่าห้ามถาม ทีมก็ปิดปากเงียบ และพยายามประคองผมขึ้นบันได แต่ถึงคราวจะซวยมันก็ซวยจนถึงที่สุด เพราะไอ้แบดเสือกโผล่มาพอดี แถมใส่เสื้อผ้าเหมือนกันเด๊ะ อย่างนี้ไอ้ทีมไม่รู้ว่ามีอะไรก็คงไอคิวเท่าเด็กสามขวบแล้ว
ผมหันไปมองแบดที่ก้าวขึ้นบันไดเร็ว ๆ มาทางเรา เป้าเขาตุง ๆ แกว่ง ๆ ในกางเกงขาสั้นทำเอาผมใจสั่นวาบ ๆ
“เป็นไงแทน ไหวป่ะ”
ไอ้ทีมเลิกคิ้วอีกที มันคงประหลาดใจพิลึกที่ไอ้แบดพูดดีกับผมได้
“นี่เพื่อนกู ชื่อแบด แล้วนี่ก็เพื่อนกูนะชื่อทีม พวกมึงรู้จักกันไว้” ผมทำหน้าตายแนะนำทั้งคู่ ไอ้ทีมทำหน้าเหมือนอมขี้ ส่วนไอ้แบดก็ยิ้มกวนน่าเอาตีนลูบหน้าชิบ
“ยินดีที่ได้รู้จักนะ” แบดมันรับมุกด้วยเว้ยเฮ้ย แถมยื่นมือไปทางไอ้ทีม ไอ้ทีมมองหน้ามันแบบเขม่น ๆ แล้วยื่นมือมาจับกัน แต่ไป ๆ มา ๆ ผมชักว่าคงมิใช่ฉันท์มิตรแล้วสินั่น เพราะแต่ละคนหน้าตาเครียดเกร็งมือแม่งก็บีบแข่งกันจะเอาให้แหลกไปข้างหรือไงฟร้า!!!
ผมนอนรักษาตัวอยู่สามสี่วันก็ค่อยหายดี ระหว่างนั้นไม่ค่อยมีคนมากวนเท่าไหร่ คงจะรู้ว่าผมไม่สบาย ไอ้แบดเองก็อยู่ห้องข้าง ๆ แท้ ๆ ไม่ยอมมาดูกันบ้างเลย อย่างงี้ได้แล้วไม่รับผิดชอบนี่หว่า แต่ไม่เป็นไร เพราะผมมีหมอตั้มช่วยคลายเหงาแล้ว กร๊ากๆๆ
“หวัดดีฮะ พี่หมอตั้ม” ผมทักเขาไปในสาย “ทำอะไรอยู่ฮะ” แร่ดได้ใจจริงกู
“กำลังคิดถึงน้องแทนอยู่เลยครับ” พี่หมอตอบมาเสียงหวาน แหมจะไม่หลงพี่หมอตอนนี้แล้วจะให้หลงตอนไหนล่ะเนี่ย “แผลหายดีหรือยัง กลับมาให้พี่หมอตรวจหน่อยมามะ”
“หายดีแล้วคร้าบ ขอบคุณพี่หมอมากจริง ๆ”
“ทีหลังบอกไอ้แบดให้เบา ๆ หน่อยนะ เดี๋ยวคราวหน้าต้องจับขึ้นเขียงผ่าตัดหรอก”
“ง่ะ อะไรของพี่หมอ พวกผมเป็นเพื่อนกันคร้าบ จะไปทำอะไรแรง ๆ เบา ๆ ได้ไง”
“อ้อเหรอออออ...” พี่แกทำเสียงยานคางน่าตบ..แล้วจูบชะมัด “แล้วนี่น้องแทนจะทำอะไรต่อล่ะ”
“กำลังจะไปเล่นแบดมินตันครับ เพื่อนชวนไป”
“ชวนไอ้แบ่ดไปด้วยสิ มันชอบ” เขาออกเสียงไม้เอกจริง ๆ นะครับ เหมือนคำว่าแบดมินตัน ผมรู้สึกคุ้น ๆ กับการเรียกชื่อไอ้แบดแบบนี้ อ้อ..เคยได้ยินจากดร.วิทย์ “แต่อย่าบอกมันล่ะว่าจะไปไหน เดี๋ยวไม่สนุก” เสียงของหมอตั้มมีลับลมคมใน
“แค่นี้ก่อนนะน้องแทน คนไข้มาล่ะ” เขาวางสายไปก่อนที่ผมจะทันได้ล่ำลา ไอ้ทีมมาเคาะประตูห้องพอดี
“ว่าไงพี่ ไปกันยัง”
“เออ ๆ มีลูกยังนิ”
เขาชูกระบอกใส่ลูกแบดอันยาวเป็นวาให้ดู ผมเลยคว้าไม้ตีของตนแล้วเดินออกจากห้อง
เรามาถึงโรงยิมแล้วผมก็เพิ่งนึกได้ เลยโทรไปหาไอ้เชี่ยแบด
“โทรมามีไร คิดถึงกูเหรอ”
ดูมันพูด น่าเอาตีนนาบหน้าไหมล่ะท่านผู้ชม
“กิ๊กกูมีเป็นร้อย แค่กูคิดถึงกิ๊กทุกคนคนละห้านาทีก็หมดไปวันนึงแล้ว น้ำหน้าอย่างมึงนี่ยังไม่เข้าขั้นหรอกว่ะ” น่านปากกูสมกันดีเหมือนกันแฮะ
มันพูดด้วยน้ำเสียงของผู้ชนะ “แต่มึงก็โทรหากู หรือว่าไม่จริง”
...แสรด เกลียดคนรู้ทันว่ะ…
“ก้นมึงใช้ได้แล้วเหรอถึงโทรมาชวนกูน่ะ”
“ไอ้ห่า มึงพูดดี ๆ นะ กูจะชวนมึงทำอะไร”
“กูจะรู้เหรอ” ปากมันว่าไม่รู้ แต่น้ำเสียงกวนตีนสุดฤทธิ์
“กูมานั่งเล่นที่ยิม มาด้วยกันไหมล่ะ”
“เออ ไป ๆ ที่ยิมไหน” น้ำเสียงมันกระดี๊กระด๊า สงสัยอย่างมันไม่ค่อยมีใครคบเพื่อนไม่กล้าชวนไปไหนเท่าไหร่ ฮ่าๆๆๆ
“ยิมสอง ชั้นบน รีบมาล่ะกัน”
ผมบอกมันจบก็วางสาย น้องกายกับไอ้ทีมตีกันจบสิบห้าลูกพอดี เรามากันแค่สามคนเลยเล่นคู่ไม่ได้
“พี่แทน ทีมแพ้ว่ะ สู้ไอ้กายไม่ได้”
ผมทำหน้าแปลกใจ แต่ก็หย่อนมือถือเข้ากระเป๋ากางเกงแล้วหยิบไม้ของตัวเองเข้าไปในสนาม
“ในสนามรบไม่มีคำว่าญาติหรือมิตรสหาย ผมไม่ออมมือนะตั่วเฮีย”
กายพูดแล้วโคจรพลังปราณ ก่อนจะตวัดไม้เสิร์ฟลูกขนไก่โค้งเข้ามาที่โซนรับอย่างสวยงาม ผมช้อนไม้ดีดลูกขนไก่กลับไป ไอ้กายร้อง
“ท่าตบสุกรสำราก” แล้วมันก็ตวัดตบสวนมา ผมรีบขวางไม้รับตีโต้คืนไป
“ลูกหยอดผายลมกระซิบ” ลูกขนไก่ปลิวหวือไปตกใกล้เน็ต ผมมัวแต่ขำกับชื่อท่าอุบาทว์เลยรับไม่ทัน
“ไอ้ห่ากาย โอ้ยย... ฮ่าๆๆ คิดได้ไงวะแต่ละท่า”
กายยิ้มรับ “เตรียมรับลูกเสิร์ฟนะพี่ อันนี้ลูกเสิร์ฟนารีครวญคราง”
ผมใช้มือซ้ายกุมท้องแล้วขยับเข้าไปรับลูกตีกลับพลางถาม “ทำไมมันต้องครวญครางด้วยล่ะ”
“เพราะลูกนี้แหย่เข้าลึกไงครับ เอาล่ะลูกโค้งเกย์เฒ่าเจ้าสำราญ”
“หนอย” ผมกัดฟันกรอด มีการมาแซวผมอีกเลยเงื้อมือตบผลัวะให้ลูกพุ่งฉิวเข้าใส่ แต่กายก็ช้อนกลับมาได้ ผมช้อนกลับไป ไอ้กายได้โอกาสกระโดดฟาดไม้อย่างรวดเร็วและรุนแรง ลูกแบดพุ่งฉิวปักลงเฉียดเป้ากางเกงผมไปนิดเดียว
“ให้กูเดานะ” ผมพูด “นี่ลูกตบสะบั้นทายาทใช่ไหมวะ”
“ถะ..ถูกต้องนะคร้าบ” น้องกายชี้มือเลียนแบบเสี่ยปัญญาอย่างน่ารักโคตร ๆ
“ไอ้แทน” ผมหันขวับ ไอ้แบดยืนหน้านิ่งอยู่ข้างหลัง
“เออ ไอ้แบดมาพอดีเลยว่ะ มาไอ้ทีมเล่นคู่กันมั้ย”
“กูจะบอกมึงว่า..”
ผมรีบไปหยิบไม้สำรองที่ผมเอามาด้วยแล้วยัดใส่มือของไอ้แบด แต่มันกลับเขวี้ยงไม้นั้นใส่พื้นดังเปรี้ยง!!
ทุกคนมองมันเป็นสายตาเดียวกัน
“กูไม่เล่น” มันบอก
“แล้วทำไมมึงต้องขว้างไม้กูด้วย” ผมขึ้นเสียงใส่
“กูพอใจ มีอะไรมั้ย” มันเข้ามาใกล้แล้วคว้าคอเสื้อผมกระชากเข้าไปใกล้ “ทีหลังอย่ามาสะเออะกับกูอีก แล้วไม่ต้องเสือกเรียกกูมาด้วย”
มันปล่อยผมแล้วหันหลังก้าวอาด ๆ จากไป ทิ้งให้คนที่เหลือมองอย่างตะลึงกับความโมโหร้ายของมัน ผมถอนหายใจเศร้า ๆ
..เมื่อไหร่มึงจะเลิกร้ายกับกูสักทีวะ...