ความรักที่ยังอยู่
“รักที่รัก”
นั่นเป็นสิ่งที่เขาคิดไปเอง...คิดว่านะ
มันเป็นเสียงพึมพำงึมงำแบบที่อีกฝ่ายไม่เคยพูด เขามองเพื่อนร่วมทีมอย่างกังขา
“หืม?” อินถามเลิกคิ้วเป็นทำนองว่า มีอะไรรึเปล่า ทำไมถึงมอง
นั่นไม่ใช่คำที่เขาควรพูดหรอกหรือ
ประโยคว่า เมื่อกี้มึงพูดอะไรนะ ติดอยู่ที่ปลายลิ้นและเขาไม่ได้คายมันออกมา
...เขาฟุ้งซ่านหรือเปล่า เขาอาจจะเอาความฝันมารวมกับความเป็นจริงแล้วก็เกิดอาการหูแว่วไปเสียเอง
หรือนั่นอาจจะเป็นเพียงเสียงคอรัสจากเครื่องคาราโอเกะ
ที่รักหันไปหัวเราะกับการเต้นบ้าๆบอๆของบอสอย่างสุดเสียง ราวกับจะกลบอะไรบางอย่างเมื่อครู่ที่เขาได้ยินไปเอง
คาราโอเกะหลังเลิกเรียน... ก็เหมือนทุกๆวันที่เคยผ่านมา
แต่วันนี้พิเศษกว่าวันอื่นๆ เป็นคาราโอเกะหลังเลิกเรียนครั้งสุดท้าย
เสื้อนักเรียนสีขาวที่ผ่านพิธีปัจฉิมเต็มไปด้วยข้อความจากปากกาเมจิก ไม่มีใครร้องไห้ มีแต่เสียงหัวเราะและความวูบโหวงในอกที่ที่รักนึกสงสัยว่าคนอื่นรู้สึกบ้างไหม
ที่รักเอนตัวลงกับโซฟาสีแดงกำมะหยี่ราคาถูกของห้องคาราโอเกะ เขารู้สึกร้อนและเหงื่อออก เครื่องปรับอากาศของห้องคาราโอเกะที่ราคาถูกที่สุดในละแวกนี้ไม่ได้ทำหน้าที่ของมันได้ดีนัก
กลิ่นของอินเหมือนจะลอยมาแตะจมูกของที่รัก
มันทำให้เขานึกถึงยามที่ไหล่และแขนของทั้งคู่ชนกันในเกมบาสเกตบอล ที่รักมักจะพลาดอยู่บ่อยๆหากมีอินอยู่ในสนาม
...เมื่อกี้มึงพูดว่าอะไรนะ
ที่รักอยากพูดมันออกไปเหลือเกิน
แต่เขากลัวคำตอบที่เขาค่อนข้างมั่นใจว่ามันจะเป็นอย่างนั้น
ที่รักรับไมค์ที่บอสส่งให้และตะโกนออกไปสุดเสียง เสียงเพี้ยนๆของที่รักทำให้ทุกคนหัวเราะ อินก็หัวเราะ เสียงทุ้มๆของอินก้องอยู่ในโสตประสาทของที่รัก ที่รักหัวเราะบ้างและเอนตัวซบไหล่อินอย่างเป็นธรรมชาติ
กลิ่นของอินยังอบอวล ที่รักสงสัยว่าเขารู้สึกอย่างนั้นอยู่คนเดียวหรือเปล่า
เรือนผมของที่รักแตะกับลำคอของอิน
และไหล่ของเราก็สัมผัสกันผ่านเสื้อนักเรียน
เราอาจจะนั่งกันอยู่ใกล้เกินไป
...หรือมีที่รักเอง ที่รู้สึกถึงอินมากไป
ที่รักยิ้มพราย เขาอยู่ในชุดเสื้อสูทราคาแพง เขาไม่ได้มางานเลี้ยงรุ่นหลายปีติดกัน ตั้งแต่จบมัธยมมา ที่รักมางานเลี้ยงรุ่นเพียงครั้งเดียวเท่านั้น และนั่นคือครั้งเดียวที่อินไม่ได้มาเช่นกัน
หลังจากครั้งนั้นสองสามเดือน ที่รักได้รับการ์ดเชิญงานแต่งงานของอิน
นั่นทำให้เขานึกย้อนกลับไปห้องคาราโอเกะในวันนั้น
แม้ว่าจะผ่านมาเกือบๆสิบปี ที่รักยังกังขาในประโยคที่เขาได้ยิน
...ที่รักไม่เคยไปงานเลี้ยงรุ่นอีกเลยนับจากนั้น
จะว่าเขาพาลก็ได้ เขาขี้ขลาด ที่รักยอมรับ
ที่รักไม่กล้าแม้กระทั่งจะไปงานแต่งงานด้วยซ้ำ เขาไม่กล้า ...ไม่กล้าที่จะเห็นอินนั่งข้างๆผู้หญิงคนอื่นและเริ่มต้นชีวิตใหม่ไปด้วยกัน
ที่รักไม่ชอบงานเลี้ยงรุ่น เขาไม่อยากตอบคำถามว่า มีแฟนหรือยัง ที่พวกผู้หญิงชอบถาม และมันมักจะมากับคำถามต่อมาก็คือ จะแต่งงานเมื่อไหร่
ที่รักไม่อยากตอบ
ที่รักไม่อยากตอบว่า เขามีแฟนแล้ว...แต่ไม่ใช่ผู้หญิง นั่นแปลว่าเขาจะไม่แต่งงาน
ที่รักไม่แน่ใจว่า อินจะมองเขายังไง พวกเขาเป็นเพื่อนเล่นหัวกันมาตลอดชีวิตมัธยม ไม่ใช่ผู้ชายทุกคนจะรับได้กับอะไรแบบนี้ ที่รักคิดว่าสังคมประเทศเราค่อนข้างเปิดเผย แต่ก็ยังไม่เปิดเผย ...ที่รักคิดว่ามันน่าสับสน
ถ้าเกิดว่าทุกคนรับได้จริงๆล่ะก็ ที่รักคงไม่ต้องมานั่งกังวลแล้วล่ะ ว่าจะบอกกับครอบครัวอย่างไร บอกกับเพื่อนสนิทอย่างไร แน่นอนที่รักไม่ได้ปิดเป็นความลับเสียทีเดียว แต่เขาก็ไม่ได้เปิดเผย ที่รักบอกกับครอบครัวไปเมื่อหลายปีก่อน ก็ต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจและปรับตัวกันนานอยู่ตามประสาครอบครัวคนจีน ที่รักรู้สึกขอบคุณมากๆแล้วเพียงแค่พ่อไม่รังเกียจเขา แค่นั้นที่รักก็พอใจ
อินเป็นคนแรกที่ทำให้ที่รักถามตัวเองว่า เขาชอบอะไรกันแน่
พูดให้เข้าใจง่ายๆนะ อินเป็นรักแรกของที่รัก และเค้าว่ากันว่ารักแรกมักไม่สมหวัง
ที่รักพิสูจน์มาแล้วด้วยตัวเอง
วันนี้เขาตอบรับการมางานเลี้ยงรุ่น เนื่องจากเขาได้ยินมาว่าอินไปต่างประเทศ และร้านที่จัดก็อยู่ใกล้กับคอนโดเขาจนปฏิเสธลำบาก อีกทั้งที่รักก็คิดว่า นานๆมาเจอเพื่อนเก่าบ้างก็ไม่เสียหาย
ความจริงที่รักรักชีวิตวัยมัธยมของตนเองมาก เขาคิดว่ามันเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดในชีวิต ไม่มีอะไรต้องกังวล ไม่มีเรื่องเงิน ไม่มีเรื่องงาน ไม่มีเรื่องการคดโกงของสังคมของคนที่โตแล้ว
ไม่ต้องปั้นหน้ายิ้มอย่างสดใสพรีเซนต์ของให้ลูกค้า
เป็นชีวิตการเรียนที่ป่วยก็หยุด ไม่อยากก็โดด ขี้เกียจก็นอน แต่การทำงานทำแบบนั้นไม่ได้ และที่รักคิดว่าตนเองเคยชินกับความสบายมากเกินไป เขารับแรงกดดันได้ไม่ดีนัก นั่นทำให้ที่รักไม่ค่อยชอบงานที่ตนเองทำอยู่นัก แม้ว่ามันจะทำเงินให้เขามากมายก็ตาม
...นี่ยังไม่นับว่า ชีวิตมัธยมของเขามีอินด้วยนะ
ที่รักหัวเราะไปกับมุกตลกของคนข้างๆ การอยู่ท่ามกลางเพื่อนมัธยมที่ทุกคนไม่ได้ใส่ชุดนักเรียน ใส่เสื้อเชิ้ตและชุดเดรสสวยงาม คุยกันเรื่องงาน เรื่องเงิน ชีวิตคู่ และการแต่งงาน ทั้งหมดนั่นทำให้ที่รักรู้สึกโหวงๆอยู่ในอก มันทำให้เขาเหงา
ทุกอย่างเหมือนตอกย้ำกับที่รักว่า ทุกอย่างที่ผ่านมากลายเป็นความทรงจำจริงๆ
ไม่มีวันที่เราจะย้อนกลับไปได้แม้ว่าเราจะอยากย้อนกลับไปแค่ไหน
ที่รักคิดถึงห้องเรียน โรงเรียน และบรรยากาศในตอนนั้นมาก
ที่รักคิดกับตนเองเป็นครั้งที่ล้านแล้วว่า เขาควรจะถามจริงๆ
คำถามนั้นน่ะนะ
“รัก...ที่ทำงานมึงเป็นไง” อิฐที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องถาม ใบหน้าสดใสคร้ามแดดของเพื่อนทำให้ที่รักยิ้มกว้าง อิฐเป็นคนที่ที่รักติดต่อด้วยบ่อยที่สุดหลังจากจบมา แต่ที่รักอาจจะไม่ใช่คนที่อิฐติดต่อด้วยบ่อยที่สุด
อาจจะฟังดูเข้าใจยาก แต่ที่รักไม่ค่อยสนิทกับใครมากนัก อิฐก็เป็นคนในกลุ่มที่มีอัธยาศัยดีและมนุษย์สัมพันธ์เป็นเลิศ อิฐก็สนิทกับทุกคนนั่นแหละ คุยกับทุกคน
อิฐรู้เรื่องรสนิยมทางเพศของเขาด้วย...ที่รักไม่ได้ปิดบังใครแต่เขาไม่ได้บอก อิฐแค่มาเจอตอนที่พวกเขาไปเที่ยวต่างจังหวัดด้วยกันเท่านั้น อิฐไม่ได้บอกใคร และไม่ได้ถามอะไร เขาเพียงแต่ถามสารทุกสุขดิบ ถามว่า นั่นแฟนที่รักเหรอ อะไรทำนองนี้เฉยๆ เพราะอิฐเป็นแบบนี้ เขารู้ว่าควรพูดอะไรและไม่ควรพูดอะไร นั่นทำให้อิฐมีเพื่อนมาก
อิฐลากเก้าอี้มานั่งข้างๆที่รัก
“ก็งั้นๆ เหนื่อยต้องปิดยอดทุกเดือน เหมือนหนูถีบจักร” ที่รักบ่นพึมพำ เขายกเบียร์ขึ้นมาดื่ม ฟองเบียร์ให้ความรู้สึกดี
“เบื่อมากก็ลองหาที่ใหม่ๆก็ดีนะรัก หรือไม่ก็ไปเที่ยวแบคแพคไรงี้ ไหนๆมึงก็ทำงานเก็บตังค์งกๆมาตลอด ให้รางวัลตัวเองมั้งไรงี้” อิฐพูด ก่อนหันไปพยักหน้าทักทายใครอีกคน
อีกอย่าง...อิฐเป็นลูกพี่ลูกน้องกับอิน ทั้งคู่มีความคล้ายกันเล็กน้อยเท่านั้น ก็คือหน้าตาที่ดูผ่านๆก็พอคล้ายกันอยู่
แต่นิสัยแตกต่างกันอย่างสุดขั้ว อิฐมนุษย์สัมพันธ์ดี คุยง่ายเข้าถึงง่าย
อินพูดน้อย ...น่ารัก อ่อนโยน ใจดี
สามอันหลัง ที่รักน่าจะพูดเอาเอง
ที่รักยกมือขึ้นลูบคิ้วขณะที่อิฐคว้าซองเอกสารมาจากในกระเป๋า
“ขออวดหน่อย นี่ให้คนแรกเลยนะ” อิฐตอบ ยักคิ้วไปมา เหมือนขอคำชม ที่รักยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าอิฐยื่นการ์ดแต่งงานมาให้ อิฐกำลังจะแต่งงานกับแฟนที่คบกันมานานหลายปี อิฐลุกขึ้นยืน โบกการ์ดในมือไปมา เรียกเสียงเชียร์ เสียงโห่ร้อง เสียงแซว และเสียงก่นด่าจากชายโสด
อิฐเดินออกไป แจกการ์ดให้คนนั้นคนนี้ หัวเราะอย่างมีความสุข
ที่รักยิ้มกว้าง พยักหน้าหงึกหงักเหมือนมีคนตะโกนแซวอิฐ อิฐยิ้มรับและเล่นมุกกลับไป
เวลาผ่านไปเร็ว...จากวันนั้นที่เขายังใส่ชุดนักเรียน รู้ตัวอีกที ที่รักก็อยู่ในเสื้อเชิ้ต ทำงานเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง เอาตัวรอดในสังคมคนเมืองแล้ว เวลาผ่านไปเร็วจนที่รักรู้สึกว่า เขาห่างไกลจากคนอื่นๆมากขึ้นทุกๆที
“ที่รัก”
ที่รักหายใจสะดุด
หัวใจเขาเต้นแรง
ความรู้สึกหลากหลายปะทุขึ้นมาเหมือนน้ำป่าที่ไหลหลากพังทลาย
ที่รักกระพริบตาสองสามครั้ง สูดลมหายใจเข้าทางปาก
เขาหันไปมองต้นเสียง
ใครกันนะ...ที่บอกเขาว่าอินกำลังไปต่างประเทศ
ที่รักอยากจะตีมันแรงๆตอนนี้เลย
อินยิ้มน้อยๆอย่างเคย ร่างกายสูงใหญ่ทั้งคุ้นตาและไม่คุ้นตา ที่รักกระพริบตาอีกครั้ง อินดูคล้ายเดิมแต่มีอะไรบางอย่างเปลี่ยนไป อินอยู่ในเสื้อเชิ้ตสีขาว พับแขนเสื้อขึ้นถึงข้อศอกและกางเกงแสลคสีเทาเข้ม
ครั้งสุดท้ายที่ที่รักเห็นอินคือ อินอยู่ในชุดนักเรียนของวันปัจฉิม นั่งข้างที่รักในห้องคาราโอเกะ และโบกมือลา แยกย้ายกันไป
ที่รักกระพริบตาอีกครั้ง
...ถ้าเขาร้องไห้ เขาจะเกลียดตัวเองมากๆ
การได้พบอินอีกครั้ง และได้ยินเสียงของอินเรียกชื่อเขาเพียงครั้งเดียว
ทำให้ที่รักรู้ว่าตัวเองโง่แค่ไหน
ที่รักได้ย้อนเวลากลับไปในวันนั้น วันคืนที่พวกเขายังหัวเราะด้วยกันในชั่วเสี้ยววินาทีเดียว อินทำให้ทุกอย่างที่ที่รักทำมาพังทลาย
การไม่มางานเลี้ยงรุ่นติดต่อกันนานหลายปี การที่บอกปัดบ่ายเบี่ยงว่าไม่ว่าง งานยุ่งบ้าง
ทั้งหมดไม่มีความหมาย
อินเปิดประตูเข้ามาในโลกของที่รักเหมือนมันไม่ได้ล๊อค และเข้ามานั่งอย่างสบายๆ ส่งยิ้มให้เขาอย่างเคย
ที่รักนึกสงสัยตัวเอง...เขาอาจจะล๊อคโลกของเขาเอาไว้ แต่ได้ให้กุญแจไปกับอินหรือเปล่า
“ไม่เจอกันนานเลยนะ” อินพูด นั่งลงแทนที่เก้าอี้ที่อิฐลากมา
ที่รักพยักหน้า เขารู้สึกว่ากล้ามเนื้อบนใบหน้าทำงาน เขากำลังยิ้มอยู่...งานของที่รักที่เขาบ่นนักหนา กำลังทำให้ที่รักสามารถยิ้มได้และผ่านสถานการณ์ตรงหน้านี่ไปได้
เขามั่นใจว่า เขากำลังยิ้มอย่างสดใสให้อิน ในแบบเดียวกันที่เขายิ้มให้กับลูกค้าเมื่อต้องการปิดยอดปลายเดือนเลยทีเดียว
“เป็นไงบ้าง” ปลายเสียงของที่รักสั่นเล็กน้อย เขาหวังว่าคนฟังคงไม่ทันสังเกต
“ก็ดี” อินตอบสั้นๆ สายตาของอินที่มองมาคุ้นเคยและเหมือนเดิมจนที่รักไม่กล้ามอง
“สูบบุหรี่มั้ย” อินถาม
“ห้ะ” ที่รักเงยหน้ามอง เขางงนิดๆกับบทสนทนาที่เปลี่ยนทิศทางกะทันหัน
“สูบได้” ที่รักตอบ เขาไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่าเขาควรจะตอบอย่างไร
อินลุกขึ้นยืน ที่รักเงยหน้ามองพอๆกับที่อินก้มหน้ามามองที่รัก
ที่รักกลั้นหายใจ และหัวใจของเขากำลังจะวายเมื่ออินคว้าข้อมือของที่รักและฉุดให้ลุกขึ้น
“ไปสูบบุหรี่เป็นเพื่อนหน่อย”
อินไม่ได้รอคำตอบ แต่ลากที่รักออกไปด้านนอก คนถูกลากหันรีหันขวาง สมองเขาตะโกนบอกให้หาทางออก ก่อนที่เขาจะทำให้อินรู้อะไรบางอย่างที่ไม่ควรรู้ แต่ร่างกายที่รักไม่ฟัง
เขามองแผ่นหลังของอินอย่างมึนงง มันกว้างกว่าที่คุ้นเคย กลิ่นน้ำหอมผสมกับกลิ่นเดิมๆของอินทำให้ที่รักสูดลมหายใจลึกขึ้น
อินผลักประตูหนีไฟออกและนั่งลง ทางออกหลังร้านไร้ผู้คน ลมเย็นๆของกลางคืนพัดเข้ามา ที่รักมองอินขณะทรุดตัวลงนั่ง
เสี้ยวหน้าด้านข้างของอินยังเหมือนเดิม จมูกโด่งเป็นสันกับผิวสีน้ำผึ้งเนียนละเอียด ริมฝีปากหยักที่ยิ้มพรายยามอ้าปากพูดกับเขา
“ครั้งที่สุดท้ายที่เจอที่รักคือเมื่อไหร่นะ” อินถาม
...
“วันปัจฉิม” เสียงของที่รักแทบไม่พ้นลำคอ
อันที่จริงการหลบหน้าอินนั้นไม่ยากเลย เพราะอินไม่เคยโทรหาหรือติดต่อที่รักอีกเลย หลังจากวันนั้น อินไปเรียนเมืองนอก กลับมาทำงานประเทศไทย ไปๆกลับๆ และแต่งงาน
ที่รักรู้แค่นั้น และรู้ทุกอย่างมาจากเพื่อนๆคนอื่นๆ
อินไม่ได้ตอบ แต่สูดลมหายใจเข้าลึก ปลายบุหรี่ขึ้นเป็นสีแดงและมอดไหม้ ที่รักรู้สึกว่าตนเองกำลังเป็นเหมือนปลายบุหรี่นั่น อินผ่อนลมหายใจออก ควันบุหรี่พุ่งพวยออกมาเป็นสาย
อินหันมามอง
“ไม่สูบเหรอ” อินถาม เสียงทุ้มต่ำชวนให้เอนตัวเข้าใกล้เพื่อฟังชัดๆ
...ความจริงก็คือ ที่รักไม่ค่อยสูบบุหรี่นักหรอก เขาไม่พกมันด้วยซ้ำ
อินยื่นมือมาตรงหน้า
ที่รักเบิกตากว้างเล็กน้อย
ริมฝีปากของเขาสั่น ยามแตะลงไปบนบุหรี่และสูดลมหายใจเข้าอย่างเก้ๆกังๆ ริมฝีปากที่รักสัมผัสกับด้านข้างนิ้วชี้ของอิน มันเย็นกว่าที่เขาคิดเอาไว้
ที่รักพ่นลมหายใจออกทางปาก กลิ่นบุหรี่ที่ไม่ได้สัมผัสมานาน ไม่ได้ช่วยให้สมองของที่รักทำงานได้ดีขึ้น เขารู้สึกว่าสมองของตนเองหยุดทำงานไปแล้วเมื่อที่รักเผลอมองไปยังมือของซ้ายของอิน
มันว่างเปล่า
“อินไม่ใส่แหวนเหรอ” ที่รักถามก่อนที่จะห้ามตนเองได้ทัน เขาเกือบๆหลับตาไว้อาลัยให้กับตนเอง สมองที่รักได้ตายไปแล้ว
อินยิ้มบางๆ ไม่ได้หันมามอง สูดบุหรี่ในมือเข้าปอดอึกใหญ่
“หย่าแล้ว” อินตอบแค่นั้น
“เอ้อ...ขอโทษ” ที่รักรีบขอโทษ เขาไม่รู้ว่าได้ไปกระทบกระเทือนแผลอะไรของอินเข้าหรือเปล่า
เสียงจ้อกแจ้กดังมาจากด้านหลัง ประตูหนีไฟเปิดออก
“มานั่งอะไรข้างนอกกันสองคน” เพื่อนต่างห้องของที่รักและอินพูดขึ้น ที่รักสะดุ้งสุดตัว อินหันไปทักทายและถามสารทุกสุขดิบ
ที่รักไม่แน่ใจว่าเขารู้สึกอย่างไร ใจหนึ่งเขาก็อยากนั่งอยู่แบบนี้ อีกใจหนึ่งเขาอยากออกจากสถานการณ์ไม่ปลอดภัยต่อจิตใจเขาแบบนี้ใจจะขาด
อินลุกขึ้น ขณะหันไปหัวเราะอะไรบางอย่างกับเพื่อนคนนั้นที่ที่รักไม่ได้ฟัง
“ตอนนั้น...อินพูดว่าอะไร”
ที่รักถาม
เขาไม่รู้ว่าทำไมถึงถาม
เขาไม่รู้ว่าทำไมปากของเขาถึงขยับ
...อินทำให้สมองของที่รักตายลง
หัวใจของที่รักเต้นแรง และเขารู้สึกว่าร้อนวูบวาบที่บริเวณดวงตา
การที่นิ้วนางข้างซ้ายของอินว่างเปล่าหรือเปล่า
การที่อินยื่นมือมาใกล้ใช่หรือไม่
หรือเป็นกลิ่นเดิมๆของอินที่เขายังจำได้
หรือเป็นแผ่นหลังกว้างๆของอินที่คุ้นเคย
เป็นน้ำเสียง
เป็นใบหน้า
เป็นริมฝีปาก
ที่รักนั่งนิ่งค้าง
เมื่ออินไม่ได้ตอบ แต่คำตอบของอินปรากฎอยู่บนใบหน้า อินชะงักไปและสีหน้าของอินในชั่วขณะนั้นเป็นสีหน้าที่อธิบายไม่ถูก
ที่รักไม่ได้เข้าข้างตนเอง
เขาตะโกนบอกตนเองในใจ
มันคือเรื่องจริง
ที่รักคิดว่า สีหน้าของเขาก็คงบอกอะไรอินบางอย่างเช่นกัน
“กูกับที่รัก ขอกลับก่อน...ฝากบอกอิฐด้วย” อินพึมพำตบเบาๆบนบ่าของเพื่อนต่างห้องที่ที่รักไม่ได้มองหน้า อินคว้าข้อมือที่รักอีกครั้ง ที่รักเกือบจะทรงตัวไม่อยู่
นอกจากสมองแล้ว ขาของที่รักก็ดูปฏิเสธที่จะทำหน้าที่ของมัน อินสอดมือเข้ามาโอบเอว
มันเป็นความใกล้ชิดระหว่างอินและที่รักที่มากที่สุดที่ที่รักเคยได้รับมา
ที่รักรู้สึกว่าเขาได้กลับไปเป็น ที่รักในชุดนักเรียนอีกครั้ง เมื่ออินดึงมือเขาให้เดินไปข้างหน้า
ที่รักขอบคุณตนเองที่ถามออกไป
ที่รักขอบคุณอะไรก็ตามที่ทำให้ตอนนี้เขาโสด ทำให้เขาไม่ต้องทำผิดกับใคร
และที่รักขอโทษที่รู้สึกขอบคุณ ที่อินไม่ใช่ผู้ชายที่มีพันธะอีกต่อไป
“ที่รัก” อินพึมพำข้างใบหูของเขา
“ที่รัก”
“ที่รัก”
และเรียกมันซ้ำๆ
ที่รักร้องไห้เบาๆเมื่อเขาได้รู้ว่า ริมฝีปากหยักได้รูปที่เขาเคยมองของอินนั่นให้สัมผัสเป็นแบบไหน
******
สวัสดีค่ะ นายเองค่ะ พักจากบ่ายสามหลังอาคารเจ็ดและหวั่นไหว นายมาแต่งเรื่องสั้นที่แต่งวันนี้ลงวันนี้เลย 5555+
ถ้าใครที่คุ้นเคยกับเรื่องของนายมาก่อน ก็จะรู้ว่านายชอบความรักม้ัธยมมาก มากจริงๆ
ตอนแต่งเรื่องนี้นี่อินมาก ใส่ความรู้ของตัวเองเข้าไปเต็มที่ค่ะ
แต่จะว่าไป เรื่องนี้อาจจะพร่องไปบ้าง เพราะ นายแต่งแล้วก็ลงเลยไม่ได้มารีไรท์อะไรทั้งนั้น ถ้าพิมพ์ผิดตรงไหนก็แจ้งได้เลยนะคะ แต่นายก็ตรวจทานแล้วรอบนึง 555
เป็นครั้งแรกที่ลงเรื่องสั้นที่นี้ ถ้านายมีเรื่องสั้นมาเพิ่มอีก ก็จะลงที่หัวข้อนี้แหละค่ะ คงไม่เปิดเรื่องใหม่
แต่เรื่องนี้ก็ถือว่าจบในตัวอยู่แล้วล่ะค่ะ คงไม่มาเพิ่มแล้ว ตอนแรกนายคิดอยู่ว่าจะให้เรื่องนี้เป็นแนวเซกซี่ดีมั้ย แต่ไปๆมาๆก็ออกมาเป็นแบบน้ี้ล่ะค่ะ ไม่ค่อยชอบแต่งเอนซีเยอะๆเท่าไหร่
ขอบคุณคนอ่านทุกคนนะคะ รักมากจริงๆ
คุยกันได้เสมอที่ @sunnyside1909 ค่ะ