เกิดมาเพื่อรักเพียงแค่ครั้งเดียวและตายจากไป
กฤชกระพริบตาสองสามครั้ง เขาเพิ่งรู้ว่าตัวเองมองผู้ชายฝั่งตรงข้ามมาได้นานหลายนาที นานพอที่อีกฝ่ายจะรู้ตัวและหันมายิ้มทักทาย นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนที่หันมาสบยังคงเห็นชัดแม้จะอยู่ในสถานที่มืดๆทำให้เขายิ้มออกมา ริมฝีปากบางๆสีซีดที่แย้มเป็นรอยยิ้มอันนั้นก็เหมือนกัน มันทำให้เขายิ้มออกมา
เขาชอบริมฝีปากบางๆแบบนี้ ทุกๆครั้งที่เขาเห็นมัน มันมักจะนำสายตาเขาทุกครั้ง และหลายๆครั้ง ริมฝีปากแบบนี้กับนัยน์ตาสีอ่อนผิดแปลกจากคนไทยทั่วๆไปแบบนี้ก็นำพาให้เขาไปรู้จักใครต่อใครอีกมากมายหลายคนที่มีลักษณะแบบเดียวกัน
“มาคนเดียวเหรอครับ” อีกฝ่ายไม่รั้งรอให้เขาเริ่มต้นเดินหน้าก่อน
กลิ่นน้ำหอมไม่ฉุนนัก รวมกับกลิ่นแอลกอฮอล์จากลมหายใจ ลอยเข้ามาแตะจมูก กฤชอมยิ้มนิดๆ
ทุกๆครั้ง ทุกๆคนหลังจากนั้น มักจะมีอะไรบางอย่างที่ทำให้เขาระลึกถึงคนคนนั้นของเขาเสมอ
อย่างคนตรงหน้าก็มีรอยยิ้มบนริมฝีปากบางสีซีดที่ดูคุ้นเคยในความทรงจำ กับนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนกลมโตที่มีขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อย
เขาจ้องมองริมฝีปากนั้นเนิ่นนาน ขณะที่มันขยับเข้ามาใกล้ หัวใจเขาไม่ได้เต้นเร็วขึ้นแต่มันเสียดจนรู้สึกเจ็บขึ้นมา กฤชยกมือขึ้นแนบกับแก้มของคนตรงหน้า ใช้นิ้วโป้งไล้ริมฝีปากอีกฝ่ายเบาๆ
สัมผัสของมัน ไม่ว่าจะสัมผัสด้วยนิ้วหรือด้วยริมฝีปาก ก็เหมือนๆกัน ก็เหมือนๆกับริมฝีปากทั่วๆไป ที่เขาเคยจูบมาแล้วนับไม่ถ้วน กฤชถอนริมฝีปากออก จูบเบาๆที่หางตา ดูเหมือนการปฏิบัติอย่างเชื่องช้าอ่อนโยนอ้อยอิ่งราวกับคนรักท่ามกลางเสียงดังวุ่นวายของสถานที่แห่งนี้ จะทำให้คนถูกจูบมองเขาอย่างประหลาดใจและไม่ได้เอ่ยปากว่าอะไรขณะที่กฤชลุกขึ้นมา ก้มหัวให้อีกฝ่ายครั้งหนึ่งก่อนจะเดินออกมาเงียบๆ
หลังจากเลิกรากันไปเมื่อเกือบๆห้าปีก่อน กฤชเที่ยวอย่างหนัก ดื่มอย่างหนัก และสูบบุหรี่อย่างหนัก พอๆกับที่ทำงานหนักแบบลืมตาย เขาไม่ได้ลงหลักปักฐานกับใคร ไม่เคยคบใครอย่างจริงจัง ส่วนมากมีแค่คืนเดียวแล้วก็ผ่านไป แต่ช่วงหลังๆนี้เขาทำแบบนั้นไม่ได้ด้วยซ้ำ การนอนกับใครสักคนโดยที่มีบางส่วนของเขาทำให้กฤชคิดถึงคนคนนั้นตลอดเวลา
มันทำให้เขาอยากร้องไห้
มันทำให้เขาอยากตาย
เมื่อนอนกับใครสักคนแล้ว ก็รู้สึกเหมือนบาดแผลของเขามันถูกกรีดขึ้นมาใหม่ เลือดสดๆก็ไหลออกมาอีกครั้ง บาดแผลเก่าที่ไม่เคยตกสะเก็ดได้เลยสักครั้ง
เวลาที่มันเริ่มๆจะตกสะเก็ดเราก็มักจะเอาเล็บไปแกะมันทุกครั้ง ทำให้แผลมันเปิดและสดใหม่ขึ้นอีกครั้ง
เขาอยากส่งข้อความไปหา
วันนี้เป็นยังไงบ้าง
ยังสบายดีอยู่รึเปล่า
ยังนอนดึกตื่นสายอยู่เหมือนเดิมมั้ย
อย่านอนตอนเย็นนะ เดี๋ยวตื่นมาก็ปวดหัวอีก
ยังชอบนอนทั้งที่ผมยังไม่แห้งเหมือนเดิมรึเปล่า
อย่าทะเลาะกับลูกค้าแล้วพังโมเดลอีกนะ
ช่วงนี้ฝนตก ยังไงก็พกร่มไว้ในรถบ้างนะ
ยังชอบถ่ายรูปอยู่มั้ย
ยังชอบขับรถเที่ยวไกลๆอยู่มั้ย อย่าไปคนเดียวนะ ถ้าไปคนเดียวก็อย่าเผลอหลับกลางทางอีกนะ
ยังชอบกินกุ้งอยู่แล้ว ถ้าชอบก็เพลาๆลงบ้างนะ เดี๋ยวต้องไปโรงพยาบาลมันไม่คุ้มนะ
หรือว่าตอนนี้มีใครมาขับรถให้แล้ว มาคอยดูแลถ้าแพ้กุ้งแล้ว หรือ มีคนมาช่วยทำโมเดลแล้ว มีคนมาช่วยเช็ดผมก่อนนอนรึ
ยัง
...มีคนมาแทนที่เขารึยัง
ยังคิดถึงกันอยู่รึเปล่า ยังรักกันอยู่มั้ย
กฤชอยากถาม อยากตะโกนถาม อยากเขย่าตัวอีกฝ่ายแรงๆ อยากร้องไห้ฟูมฟาย อ้อนวอนขอร้อง กอดแทบเท้า
แต่เขาขี้ขลาด เขาไม่กล้าที่จะหันหลังกลับไป
เขาเคาะก้นบุหรี่แรงๆกับขอบหน้าต่างรถสองสามครั้ง รถของเขายังคงเป็นคันเดิม คันที่เคยขับไปเที่ยวกันหลายพันกิโลเมตร กฤชไม่เคยลบอะไรออกไปจากชีวิตเขาเลย ทุกๆอย่างในชีวิตเขาที่เคยมีอีกฝ่าย มันก็ยังคงอยู่เหมือนเดิมอยู่อย่างนั้น แม้กระทั่งบนเตียงก็มีหมอนหนุนสองใบ ทุกๆอย่างมันฟุ้งไปด้วยความทรงจำเดิมๆที่เขาไม่ได้มีใครใหม่
เพื่อนๆหลายคนยื่นมือมาช่วย แม้ว่าจะสมน้ำหน้าทั้งสมเพช แต่หลายๆคนก็ยังใจดีเข้ามาช่วย
ทั้งๆที่เขาเป็นฝ่ายทิ้ง แต่กลับทำตัวฟูมฟาย เสียอกเสียใจนักหนา
เขาเพิ่งรู้ว่า รักมากแค่ไหน
และอยู่กับความรักนั้นมาตลอดห้าปีเพียงคนเดียว
กฤชคิดว่าเขารักได้เพียงครั้งเดียว และก็คงตายไปทั้งแบบนี้
เขาเคาะบุหรี่กับขอบหน้าต่างอีกครั้ง กลิ่นบุหรี่ไม่ได้ช่วยทำให้อารมณ์เย็นขึ้น
ถ้าเขาย้อนเวลากลับไป จะทำแบบเดิมหรือเปล่า เพื่อนๆหลายคนถามเขาแบบนั้น
ไม่รู้ กฤชให้คำตอบตนเองไม่ได้เหมือนกัน
เขาเป็นแฟนที่แย่ เอาแต่ใจ และมีนิสัยแย่ๆมากมาย เพื่อนของพวกเขาหลายคนไม่เห็นด้วยกับการคบกันของพวกเขานัก
มันเริ่มต้นขึ้นในคืนพายุเข้า ตีสามกว่าๆ ปีสี่คณะสถาปัตยกรรมยังคงนั่งๆนอนๆอยู่เต็มห้อง หลายคนแบกของขึ้นมาจากโถงด้านล่างที่ถูกฝนสาด แต่ละคนคร่ำเคร่งกับโมเดลตรงหน้า กานต์เป็นผู้ชายผอมๆสูงมาตรฐาน มีนัยน์ตาสีน้ำตาล กับริมฝีปากบางซีดๆแห้งๆที่ยิ้มบ้างเป็นบางครั้ง ผมสีน้ำตาลยุ่งๆไม่ได้สระมาหลายวัน
นั่นเป็นคืนแรกที่กฤชจูบกานต์
เขาโดนต่อยจังๆที่แก้ม มีเพื่อนไม่ถึงสามคนที่ลุกขึ้นมาเพื่อที่จะห้าม ที่เหลือมองไม่เห็นด้วยซ้ำ เห็นแต่สิ่งที่อยู่ในโมเดลของตนเองไม่ก็นอนตายอยู่บนพื้น แต่ก็ต้องนั่งลงไปแบบงงๆเมื่อกานต์ต่อยเสร็จแล้วก็กลับไปนั่งต่อโมเดลหน้าตาคร่ำเครียดเหมือนเดิม
กฤชขอคบ
กานต์ถามเขาว่า เขาชอบกานต์เหรอ กฤชตอบรับ กานต์ถามต่อว่าชอบอะไร
“ชอบหน้าตา” นั่นทำให้มือของกานต์ที่กำปืนกาวอยู่ชะงักก่อนที่ริมฝีปากบางๆซีดๆนั้นจะยิ้มออกมา กานต์หัวเราะเบาๆ
“ชอบเสียงด้วย ชอบเวลาหัวเราะด้วย” กฤชเสริมนิ่งๆ กานต์หัวเราะในลำคอเบาๆอีกครั้งก่อนจะยักไหล่
“ไม่เคยคบผู้ชาย” กานต์ตอบ
กฤชเลิกคิ้วกับประโยคบอกเล่าของกานต์ กานต์เลือกใช้คำว่า ไม่เคยคบ มากกว่า ไม่ได้ชอบ
“ลองดู” กฤชพูด
แล้วกานต์ก็ลองดู
เขาไม่รู้ว่าเขารักกานต์ที่ตรงไหน รักเมื่อไหร่ รักแค่ไหน
ตอนที่เลิกกัน เขาเป็นคนบอกเลิก เขาเลือกอย่างอื่นมากกว่ากานต์
แล้วกฤชก็ได้รู้ว่า เขาไม่เคยรักใครเท่ากานต์ และคงจะไม่มีวันรักใครเท่า เขารักกานต์ในทุกๆสิ่งทุกๆส่วน
เขารักรูปร่างของกานต์ รักใบหน้าผอมๆ รักกระดูกไหปลาร้าที่โผล่พ้นเสื้อเชิ้ต รักต้นขาผอมๆขาวซีด รักเท้าเล็กๆได้รูป รักมือที่มีรอยแผลเป็น
รักนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนนิ่งๆของกานต์ รักเสียงหัวเราะ เสียงร้องเพลงในรถเวลาขับรถไกลๆ รักความง่ายๆสบายๆของกานต์ ...สิ่งที่เขาเกลียดเพียงอย่างเดียวคือ ตัวเขาเมื่ออยู่กับกานต์
มันบ้าคลั่ง รุนแรง เอาแต่ใจ แปรปรวน กฤชควบคุมตัวเองไม่ได้ดีเหมือนเคย
เขาเป็นคนอย่างนั้นเหรอ กฤชถามตนเองในวันหนึ่ง วันที่กานต์สลบไปเพราะเขาห้ามตัวเองไม่ได้ เขาโมโหและรุนแรงกับกานต์ เขาไม่เคยเป็นคนอย่างนั้นมาก่อน
มีเพื่อนๆหลายคนรู้เรื่องเมื่อกานต์ไม่มาส่งงาน และกฤชเป็นคนทำงานนั้นทั้งหมดด้วยตนเอง มีเพื่อนไปเยี่ยมกานต์ที่ห้อง เขาโดนเพื่อนๆของกานต์และของตนเองทั้งซ้อมทั้งด่า
หลายๆคนเห็นด้วยกับการเลิกราของพวกเขา
เหตุการณ์ครั้งนั้นก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลของการบอกเลิกของเขา
กฤชกลัวตนเองจับใจ
เขาไม่กล้าขอโทษด้วยซ้ำ เพราะแค่คำว่าขอโทษมันคงไม่พอ
วันนี้วันที่ 17 ตุลาคม เที่ยงคืนที่ผ่านมากานต์อายุ 26 ปี และวันนี้กฤชก็จะอายุ 26 ปีเช่นกัน
กฤชดับบุหรี่และสตาร์ทรถเพื่อกลับคอนโด เวลาเกือบๆเช้ามืดแบบนี้ ถนนให้ความรู้สึกว่างเปล่าอย่างประหลาด เขาเล่นโทรศัพท์มือถือขณะเดินขึ้นลิฟต์ บนฟีดเฟสบุ้คเต็มไปด้วยข้อความอวยพรให้กับเขา ทั้งเพื่อนๆสมัยมัธยมและมหาวิทยาลัย
เขายิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเมื่อเห็นความเคลื่อนไหวไวๆอยู่ด้านหน้า
กุญแจตกลงจากมือเขาลงพื้นดังแกร๊ง
กานต์ยืนอยู่ตรงนั้น
รูปร่างผอมๆของกานต์ ใบหน้าเดิมที่ยังชัดเจนในความทรงจำ กานต์อยู่ในเสื้อเชิ้ตคอจีนแบบเดิมที่เจ้าตัวชอบใส่ กับกางเกงสีดำเข้ารูปนิดๆ ผมยังคงยุ่งเหยิงเหมือนเคยๆ นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนที่เขาไม่ได้มองมันมานานแสนนาน
กานต์หัวเราะนิดๆ เป็นเสียงหัวเราะที่ทำให้กฤชส่ายหน้าเบาๆ เป็นเสียงที่เขาโหยหาเหลือเกิน
“ร้องไห้ทำไม” กานต์ถาม เดินเข้ามาใกล้
มือขาวๆผอมๆของกานต์ยกขึ้นแตะแก้มของเขา กฤชยกมือของตนเองขึ้นคว้ามือนั้นไว้
“นึกว่าเป็นบ้าเป็นแล้ว นึกว่าเห็นภาพหลอน” กฤชละล่ำละลัก
กานต์หัวเราะอีกครั้ง
กฤชมองกานต์ผ่านม่านน้ำตาของตนเอง เขาสะอื้นเหมือนเด็กชาย
“สุขสันต์วันเกิดนะกฤช”
“กลับมาคบกันนะกานต์”
"สุขสันต์วันเกิดนะกฤช กานต์คงมีความสุขอยู่แน่ๆตอนนี้ แกก็ก้าวต่อไปนะ"
"กฤช ดูแลสุขภาพตัวเองด้วยนะ เพื่อนทุกคนเป็นกำลังใจให้แกนะ แฮปปี้เบิดเดย์นะ"
"เชี่ยกฤช กูรักมึงนะ จะทำอะไรก็คิดถึงกูด้วย มีอะไรก็โทรหา แฮปปี้เบิร์ดเดย์เว่ย"
"กฤช สุขสันต์วันเกิด ขอให้มึงมีความสุขมากๆกับวันเกิดนะ"
"คนไข้ไม่ค่อยยอมทานยาเลยนะคะคุณแม่ช่วงนี้ อยากให้คุณแม่ช่วยโน้มน้าวคนไข้หน่อยได้มั้ยคะ"
"วันนี้เป็นวันเกิดแฟนเก่าเค้าน่ะค่ะ คงคิดถึงมั้งคะ"
"อ้อ เข้าใจค่ะ" พยายามมองหน้าคนไข้นิดๆพลางส่งยิ้มให้กำลังใจ
... วันที่ 17 ตุลาคม 2553 อุบัติเหตุรถซีอาวีพุ่งตกขอบถนนในวันฝนตก ผู้เสียชีวิตหนึ่งราย ...
... กฤชเข้ารับการรักษาหลังจากนั้นสองปี
วันนี้เป็นวันเกิดของกฤช วันที่เขารู้สึกมีความสุขที่สุดเพราะกานต์กลับมาหาเขา
.....................................
สวัสดีค่ะ เรื่องนี้แต่งไปร้องไป 555 ความจริงคือฟังเพลง เพียงหนึ่งครั้งของ The Yers แล้วก็เขียนออกมาเลยค่ะ ตอนแรกไม่ได้ตั้งใจจะให้จบแบบนี้ จะให้จบแบบแฮปปี้ๆเหมือนเรื่องอื่นๆนั่นแหละค่ะ แต่ไปๆมาๆก็เป็นอย่างนี้ไปแล้วล่ะค่ะ
ตอนที่เขียนช่วงทำนองว่า ตอนนี้ยังตอนดึกตื่นสายอยู่มั้ย ตรงนั้นร้องไห้เลยค่ะ 555
ยังไงก็ฝากด้วยนะคะ ตอนนี้อาจจะไม่แฮปปี้แบบทุกๆตอน แต่ตั้งใจเขียนมากๆเหมือนเดิมค่ะ
ยังคุยกันได้เสมอที่ทวิตเตอร์ @sunnyside1909 ค่ะ