เออกูผิด 2...พายุคืนนี้ใยหัวใจแสนสุดสับสน ให้ร้อนรนสุดทนแล้วใจ คิดหวนคืนกลับไปงอนง้อ พูดขอความเห็นใจ ผิดผลั้งไปขอได้เมตตา ไปหาเธอทุกทีมีแต่ผิดหวัง ใจก็ยังไม่ยอมเลิกรา ของ้อเธอเก้อมากี่หน ยังสู้ทนก้มหน้า เพียรไปง้อขอคืนดี
โอ้ใยมิเห็นใจเมตตา ปึ่งชาโกรธเคืองไม่หายคลายลงสักที กลับมาสารภาพด้วยดี ไม่ยอมปราณีบ้างเลยหรือไร สัญญากลับมาคราวนี้ ขอดีต่อเธอจนตาย วอนเธอเห็นใจเมตตา
ถ้านับจากวันนี้จนถึงวันนี้ผมคำนวรคราวๆ แล้วว่าฟังเพลงนี้ไม่ต่ำกว่าร้อยรอบ ผมฟังจนร้องได้เลยล่ะครับ แต่ผมจะฟังไปทำไมแล้วใครส่งให้ผมฟังนะเหรอครับ...แน่นอนมันต้องมีที่มาครับก็อย่างที่ผมบอกไว้เมื่อตอน 14 นั่นแหละครับว่าผมก็รู้จักที่จะเลือกและทำในสิ่งที่ถูกที่ใช่เป็นกับเค้าเหมือนกัน...ถึงแม้ว่านั่นจะเป็นการตัดสินใจที่ผิดก็ตาม...
ตี 1.15 ของคืนวันเดียวกันนั่นเอง
“ โจ๊ก ”
“ อืมมมม ”
“ นอนยัง ”
จริงๆ แล้วผมหลับไม่ลงหรอกครับคืนนั้น เหตุการณืทุกอย่างมันยังไม่เคลีย์ไปจากใจผมซะทีเดียว เหตุการณ์ที่ไอ้ปลาบึกเล่ามามันดูไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย หกล้มกลางวงเหล้าจนเสื้อผ้าเปื้อนเหรอ...ตลกล่ะ จะมีใครซักกี่คนที่ตั้งวงกินเหล้าแล้วเสริฟกับแกล้มซะวงใหญ่ซะขนาดที่คนตัวใหญ่ๆ ล้มลงไปแล้วเสื้อผ้าเปื้อนทั้งชุดเนี้ยนะ ที่สำคัญผมคงไม่รู้สึกแปลกใจถ้าไม่ได้เหลือบไปเห็นมันถอดบ๊อกเซอร์ออกในขนาดที่เรากำลังจะกุ๊กกิ๊กกัน
“ ปลาบึก ” ตาผมไม่ฝาด กางเกงตัวนั้นไม่ใช่ของเมียผมแน่ๆ คนอยู่ด้วยกันมาตั้งหลายปีทำไมกับเรื่องแค่นี้จะไม่รู้
“ หืม ” มันยังคงก้มหน้าก้มตาทำหน้าที่เมียของมันต่อไป
“ เปล่าไม่มีอะไร ” ก้อนอะไรซักอย่างวิ่งขึ้นมาจุกที่ลำคอตัวเองอีกครั้ง ผมหลับตากลั้นของเหลวที่กำลังจะไหลออกมาจากตา ใจผม...หัวผมคิดอกุศลไปไกลกว่าจะลุกขึ้นมาถามมันว่านี่กางเ้กงใคร
“ ถอดกางเกงนะ ” ผมได้ยินเสียงมันถามผม การกระทำทุกอย่างหยุดชะงักไปผมคาดว่ามันคงกำลังเงยหน้ามารอฟังคำตอบรับจากผมหรือไม่ก็คงรอให้ผมยกเอวขึ้นเพื่อให้มันได้ถอดกางเกงผมออกได้ง่ายขึ้น
“ พอเถอะ ”
“ หืมม อะไรนะ ”
“ ไม่มีอะไรวันนี้กูคงขี่รถตามหามึงทั้งวัน กูคงตากลมมากไปหน่อยนะรู้สึกหนักหัวเหมือนจะเป็นไข้ ” ผมยังคงหลับตาตอบคำถามมันออกไป
“ เหรอ งั้นเดี๋ยวกูลงไปหายยาให้กินนะ ” ผมได้ยินเสียงมันลุกออกไปจากเตียงก่อนจะกลับเข้ามานั่งเอามืออังหน้าผากผมอีกครั้งก่อนจะเดินออกไปจากห้อง
“ เกิดอะไรขึ้นกับกูวะเนี้ย ”
ผมลุกขึ้นนั่งดูรอบเตียง ห้องยังคงปิดไฟไว้เหมือนเดิมแต่แสงไฟจากหน้าบ้านก็ยังสาดเข้ามาให้ได้เห็นสิ่งของที่ตกอยู่กลางพื้นห้อง ผมขยับลุกไปหยิบเสื้อผ้าไอ้ปลาบึกขึ้นมาพินิจดูรายละเอียด เสื้อเบอร์ L คงเป็นคนที่ตัวโตพอใช้ทีเดียว กางเกงยีสน์สีซีดตามสไตล์ที่ผู้ชายทั่วไปชอบใส่ บ๊อกเซอร์ที่ยังคงนอนนิ่งอยู่ที่พื้น...ชิ้นนั้นผมทำได้แค่ส่งสายตาไปมองแต่ไม่คิดที่จะเอื้อมมือออกไปเก็บขึ้นมาดูก็ไม่รู้ตัวเองเหมือนกันว่าเพราะอะไร ผมมองดูกางเกงตัวนั้นอยู่ซักพักก่อนจะล้วงมือไปควานหาหลักฐานอะไรซักอย่างที่ไอ้ปลาบึกยังไม่ได้ล้วงมันออกมาทิ้ง ทุเรศตัวเองชะมัดทำตัวอย่างกับเมียจับผิดผัวเหมือนในละครหลังข่าวเลย
ผมต้องทำเวลาแล้วก่อนที่มันจะขึ้นมาเห็นว่าผมแอบค้นของมัน จริงๆ ตอนที่เราอยู่ด้วยกันเราต่างก็ไม่เห็นละลาบละล้วงค้นของกันและกันเลย ยกเว้นแต่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดจะร้องขอเท่านั้น แต่ครั้งนี้ผมทำอย่างนั้นไม่ได้ ผมล้วงมือลงไปในกระเป๋ากางเกงข้างแรก...ผ่าน ผมดึงมือกลับออกมาล้วงอีกข้างที่เหลือทันที...ไฟแช๊ค
“ โจ๊กมาแล้ว ”
เสียงไอ้ปลาบึกเดินย่ำเท้ากึ่งเดินกึ่งวิ่งขึ้นมาที่ชั้นสองของตัวบ้านทำให้ผมต้องตัดสินใจทิ้งเสื้อผ้าที่ถืออยู่ลงสู่ที่เดิม
“ มาแล้ว ”
“ ........... ” ผมนั่งมองมันนุ่งผ้าเช้ดตัวผืนเดียวเดินตรงมาเอายากับน้ำใส่มือให้ผม
“ กินซะ แล้วก็นอนเดี๋ยวกูไปเอาผ้ามาเช็ดตัวให้นะ ”
“ ไม่ต้อหรอก เปิดไฟให้ที ” ผมอยากเห็นอะไรบางอย่างที่ชัดมากกว่านี้
“ เปิดทำไม นอนเถอะเดี๋ยวกูไปอาบน้ำแป๊ปนะ ”
ใจผมคิดอกุศลไปมากกว่าเดิม ทำไมครั้งนี้ัมันยอมนอนกับผมอย่างว่าง่าย เพราะอะไร
ข้อ1 เพื่อต้องการปกปิดหลักฐานิอะไรบางอย่างเหรอไง ผมแอบคิดว่าถ้ามันไปโดนใครดูดมาผมก็คงไม่เห็นรอยเพราะวันนี้เราปิดไฟ แล้วถ้าเสร็จแล้วล่ะ...มันจะเหมาว่ารอยนั้นเกิดจากฝีมือผมเหรอเปล่า
(ก็ร้อยวันพันปีเวลาเรามีอะไรด้วยกันไม่เห็นต้องปิดไฟเลยนี่หน่า แต่วันนี้มันดันเป็นคนเดินไปปิดไฟแล้วบอกเหตุผลเพื่อสร้างบรรยากาศเนี้ยนะ)
ข้อ2 เพราะรู้ึสึกผิดขึ้นมาจริงๆ เลยต้องการเอาใจ...หรือเปล่า มันจำเป็นที่จะต้องทำอย่างนั้นด้วยเหรอไง
“ ชั่งมัน ” ผมเผลอพูดให้คำตอบที่ตัวเองคิดอยู่ในหัวออกมาดังไปหน่อย
“ ห๊ะ อะไรนะ ”
“ เปล่า ช่างมันเถอะไม่ต้องไปเอามาหรอกกูรู้สึกหนาวๆ นะ ”
“ อ๋อ ”
“ มึงช่วยเดินไปเปิดไฟให้แปปสิ ”
“ เปิดทำไม ”
“ กูอยากโทรไปหาโมหน่อยนะ ”
“ คิดถึงขึ้นมาละซี้ ” มันหันมาแซวแบบยิ้มๆ ก่อนจะเดินไปเปิดไฟให้ผม
“ หยิบมือถือมาให้ด้วย ”
“ ค๊าบบบบบเจ้านาย ”
ผมลุ้นระทึกว่าขออย่าให้สิ่งที่ผมคิดเป็นเรื่องจริงเลย ขอให้ความคิดอกุศลนี้เป็นแค่เรื่องที่ผมคิดไปเองคนเดียวด้วยเถอะ
“ อะมือถือ ”
“ ขอบใจ ”
“ คุยเสร็จแล้วกูขอคุยกับโมด้วยคนนะ ”
“ มึงไปอาบน้ำก่อนเถอะ ”
“ งั้นคุยรอด้วยล่ะ ”
“ อืมได้ ”
ผมกวาดสายตามองไปที่ตัวมันอย่างรวดเร็ว...ก็ไม่มีอะไรนี่จากที่ดูทุกอย่างก็ปกติดี เหรอว่าเราจะคิดมากไปเอง แต่ว่าของอย่างนี้มันคิดได้อีกแง่ หากคนเรารู้ตัวว่ามันเป็นพวกลักกินขโมยกินล่ะ...มีเหรอที่มันจะทิ้งหลักฐานเอาไว้ให้เจ้าของที่แท้จริงได้ล่วงรู้ นอกเสียจากว่ามันต้องการจะประกาศสงครามกับเจ้าของตัวจริง!!!
“ งั้นเดี๋ยวกูมานะ แต่มึงแน่ใจนะว่าจะไม่ทำ ”
“ ทำไม มึงอยากเหรอ ” แผนหนึ่งวาบเข้่ามาในหัว ใช่สิช่วงล่างมันผมยังไม่ได้มีโอกาสได้สำรวจแล้วการที่จะปล่อยมันไปง่ายๆ แบบนี้ก็คงเข้าทางโจรอย่างมันแน่ๆ หลักฐานอาจถูกทำลาย (หากมันมีจริง)
“ เดี๋ยว ” ผมคว้าข้อมือมันไว้
“ ฮั่นแน่ ” ดูมันจะอารมณ์ดีขึ้นมากแล้วซึ่งตงข้ามกับผม
“ มากูช่วย ”
“ ไม่เอามึงนอนไปเถอะยิ่งไม่สบายอยู่ด้วย ”
“ ได้ กูไหวน่ากินยาไปแล้วด้วย มาเร็ว ” ผมคว้าเอวมันลงมานอนข้างกายผม
“ ไม่ดีมั้ง ”
“ ................ ” ไม่รู้สิครับ ผมไม่ตอบแต่ซบหัวลงกับไหล่มัน
“ เป็นไร ” มันเอื้อมมือมาปัดผมออกจากหน้าผากก่อนจะใช้หลังมืออังที่หัวผมอีกครั้ง
“ นอกจากครั้งนั้น ” ปากผมหยุดขยับเอาซะดื้อๆ เป็นคำถามที่ยังไม่จบประโยคดีซะด้วยซ้ำ ผมไม่รู้หรอกว่ามันจะเข้าใจไหมว่าผมต้องการจะสื่ออะไรให้มันฟัง
“ นี่มึงพูดถึงเรื่องอะไร ” มันขยับตัวออกไปนิดนึงก่อนจะนอนตะแคงหน้ามาหาผม
“ ก็เรื่องนั้น ”
“ มึงนี่อย่างไงนะ ไหนว่ามันจบไปแล้วไง ”
“ กูก็แค่อยากจะถามว่า ”
“ พูดแต่เรื่องเดิมๆ ซ้ำๆ ถามจริงๆ มึงไม่เบื่อบ้างเหรอไงวะ ” มันลุกขึ้นนั่งครับแถมหันหลังให้ผมอีกต่างหาก
“ ........... ”
“ ในเมื่อยิ่งคิดมึงก็ยิ่งไม่สบายใจแล้วมึงจะคิดทำไมให้ปวดหัววะ ”
“ กูก็แค่อยากรู้ว่านอกจากครั้งนั้นแล้ว มึงก็ไม่เคยทำอะไรอย่างนั้นอีกเลยใช่ไหม ”
“ ........... ” มันหันมาจ้องหน้าผมด้วยสีหน้าเรียบเฉยมากๆ ครับ
“ กูขอโทษ กูคงคิดมากไปเอง ”
“ ………….” มันหันหน้ากลับมาจ้องหน้าผมแวบนึงก่อนจะลุกหายออกไปจากห้อง
แล้วสิ่งที่คิดจะทำก็ไม่ได้ทำดั่งที่ใจต้องการ ผมไม่รู้ว่าจะมีโอกาสมาต่อภาค 3 4 5 ให้เพื่อนๆ ได้รับรู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นอีกมากมายระว่างผมกับมันแต่ผมขอสรุปคร่าวๆ ให้เพื่อนๆได้ฟัง ณ ตรงนี้เลยว่าเห็นมันเป็นคนรักเดียวใจเดียวอย่างนี้แล้วอย่าคิดนะครับว่ามันจะไม่เคยมองใคร ก็เป็นธรรมาดาของโลกใบนี้แหละครับ ในเมื่อเราเห็นว่ามันน่ารักอยากได้มาเป็นแฟนนั่นก็แสดงว่ามันต้องมีดีเหมือนกัน ขนาดเรายังอยากได้มันมาเป็นของเราเลยแล้วคนอื่นจะไม่คิดที่จะอยากได้มันบ้างเหรอครับ
แต่เรื่องที่เกิดขึ้นครั้งนั้นผมไม่รู้ว่าฝ่ายไหนเป็นฝ่ายเริ่มก่อนระหว่างไอ้ปลาบึกกับน้องผู้ชายคนนั้น ผมได้มีโอกาสฉะกับมันมาแล้วครับ มันแสบได้เรื่องเลยล่ะครับคนนี้ผมว่าผมเลวแล้วไอ้เชี่ยนี่เลวได้ใจกว่าผมอีก เคยได้ยินท่อนหนึ่งของเพลงที่ถามว่า หรือผู้หยิงชอบคนเลว แต่นี่คงต้องเอามาแปลงเนื้อใหม่เป็น หรือว่ามึงนั่นชอบผู้ชายเลวๆ ยิ่งเลวเท่าไหร่ยิ่งดี
ผมขอเล่าแค่คร่าวๆ นะครับว่าเกิดอะไรขึ้นเพื่อที่เพื่อนๆ จะได้ไม่งงว่าทำไมผมถึงกลายเป็นคนคิดอกุศลกับมันไปได้ซะทุกเรื่อง จะเรียกว่าไม่ไว้ใจมันแล้วก็น่าจะใช่...อยากรู้ไหมครับว่าเพราะอะไร งั้นขอเล่าค้างเรื่องเก่าไว้ก่อนนะครับ
ขอย้อนกลับไปเมื่อช่วงใกล้ๆ สิ้นปี 2551 ซักเล็กน้อยครับ นั่นเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่ผมได้มีโอกาสรู้ว่าจริงๆ แล้วไอ้ปลาบึกก้เจ้าชู้หาตัวจับได้ยากเหมือนกัน (เหรอว่าไอ้ความเจ้าชู้นี้มันสามารถถ่ายทอดกันได้ทางน้ำลายก็ไม่รู้สิครับ) จำได้ว่าก่อนหน้านั้นมีเพื่อนผมคนหนึ่งเค้าจัดงานวันเกิดแล้วก็ชวนผมกับไอ้ปลาบึกไปกินเลี้ยงด้วย งานเลี้ยงเป็นไปด้วยความราบรื่นดีครับ จนกระทั่งเพื่อนสนิทเจ้าภาพเริ่มเมา
ผมมุติว่าเจ้าภาพชื่อ A นะครับส่วนซี้มันชื่อ B ผมกับ A สนิทกันมากเพราะทำงานอยู่สายเดียวกัน ส่วนไอ้ B สนิทกับไอ้ปลาบึกเพราะมันทำงานอยู่สายเดียวกัน คืนนั้นเราไปกินเลี้ยงกันแถวๆ อตก. ผมกับไอ้ A นั่งข้างกันทั้งคืนครับวันนั้น ส่วนไอ้ B นั่งข้างไอ้ปลาบึกทั้งคืนอีกเหมือนกัน ผมนะไม่อะไรกับมันมากหรอกครับเพราะรู้ว่าไอ้ B มีแฟนแล้ว อีกอย่างไอ้ B มันก็ไม่ใช่เกย์ซะด้วยสิ
ตลอดงานคืนนั้นผมก็คุยสัพเพเหระไปเรื่อยเปื่อยแต่สายตาก็ยังคงจ้องไอ้ปลาบึกอยู่เป็นระยะๆ จนกระทั่งมีอยู่ช่วงหนึ่งที่ไอ้ปลาบึกกับไอ้ B กระซิบกระซาบอะไรกันซักอย่างหลังจากทีี่่ผมเห็นไอ้ B ตะโกนคุยโทรศัพท์อยู่กับใครซักคน ผมจ้องหน้าไอ้ปลาบึกที่ตอนนี้มันยิ้มแก้มแทบปริให้กับไอ้ B เหมือนว่าพอใจหรือว่าดีใจอะไรซักอย่าง ผมไม่คิดว่าไอ้ B จะเล่าเรื่องตลกให้ไอ้ปลาบึกฟัง เพราะดูจากอาการแล้วไอ้ปลาบึกมันไม่ขำแต่กลับยิ้มแอบอายๆ ตอบกลับไปให้ไอ้ B ซะมากกว่า จนกระทั่งไอ้ปลาบึกลุกไปเข้าห้องน้ำไอ้ A ก็เลยตะโกนไปถามไอ้ B ว่าใครโทรมาวะใช่คนนั้นคนนี้เหรอเปล่า แต่คำตอบที่ได้กลับมาจากปากไอ้ B ก็คือไม่ใช่แต่เป็นคนชื่อ C โทรมา
A “ C ไอ้ C อ่านะ ”
B “ เออ ”
A “ มันโทรมาทำไมวะ ”
B “ ติดตามผลงานมั้งมึง ”
A “ ติดตามผลงานเชี้ยไรกูไม่เข้าใจ ”
B “ เอ้าก็มันกำลังคั่วไอ้ปลาบึกอยู่ไง 555+ ”
A “ สัดนี่ แม่งเมาแล้วกูว่า มึงอย่าไปสนใจมันนะไอ้โจ๊ก แม่งรั่วสาด ”
ผมได้แต่ยิ้มแล้วเหลือบสายตาไปมองระหว่างไอ้ A กับไอ้ B ที่แอบสบสายตาบ่งบอกความหมายอะไรกันบางอย่างแต่คืนนั้นทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี จนกระทั่งตึกที่ผมทำงานอยู่เกิดมีควันไฟพุ่งโขมงออกมาจากตัวตึกชั้นบน แล้วนั่นก็เป็นครั้งแรกที่ผมได้รู้ว่าอะไรเป็นอะไรหลักจากที่เฝ้าเก็บความสงสัยมาหลายเพลา
วันนั้นผมก็นั่งทำงานไปอู้แอบคุยเอ็มไปตามประสาพนักงานที่ดีของบริษัทจนกระทั่งสัญญาณเตือนไฟดั่งขึ้น ผมก็วิ่งเลยครับแต่ไม่วายจะหันไปตรวจสอบว่าไอ้ตัวดีอยู่ไหน จำได้ว่าแผนกมันกำลังนั่งประชุมกันอยู่มั้ง (อันนี้ผมไม่รู้ว่าจริงเหรอเปล่านะแต่มันบอกว่ามีประชุมไอ้ผมก็เชื่อ) ผมเดินลงตึกมาพร้อมเพื่อนๆ ครับมือก็กดโทรออกไปหาไอ้ปลาบึกว่ามันเดินลงมาแล้วเหรอยังมันก็รับสายผมนะแล้วบอกว่าเดินลงมาแล้ว ผมยังบอกมันไปเลยว่ากูอุส่าห์วิ่งขึ้นไปดูมันก้เลยพูดสวนกลับมาว่ามึงเป็นควายเหรอไงเค้าหนีตายยังเสือกกลับขึ้นไปข้างบนแล้วก็วางสายไป ผมเองก็ไม่ได้คิดอะไรเพราะนึกว่าเดี๋ยวก็ต้องเจอกันที่ข้างล่างตึกอยู่ดีแต่พอลงมาก็ไม่เห็นมันยืนรอผมอยู่แต่ประการใด
แล้วผมก็ตัดสินใจอีกครั้งที่จะโทรหามันแต่ว่าครั้งนี้...มันปิดเครื่องไปเลยครับ มารู้อีกครั้งว่ามันไปกิน MK กับผู้ชายคนหนึ่ง ที่รู้เพราะมีเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งดันแวะไปกิน MK ที่ห้างเดียวกับมันครับแต่เค้านั่งกันคนละมุม เค้าก็ช่างแสนจะดีกับผมซะเหลือเกินด้วยความเป็นห่วงผมมากก็เลยคว้ามือถือมาถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐานว่ากูไปเห็นมาจริงๆ นะเว้ยไม่เชื่อนี่หลักฐานบานเลย 10 กว่าภาพเลยครับมันคงกะเอามาอัดขายกันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน และแต่ละภาพที่มันส่งผลงานมาเข้าประกวดนี้ต้องบอกว่าโดนใจโดนตากรรมการอย่างผมอย่างแรงครับ ยกตัวอย่างเช่น ภาพแอบตักอาหารป้อนกัน ภาพนี้มันช่างตราตรึงอยู่ในหัวใจกรรมการอย่างผมยิ่งนัก วันนั้นพารานอยขึ้นเลยครับอย่างไงผมก็ต้องรู้ให้ได้ว่ามันจะแก้ต่างให้ตัวเองอย่างไง
ผมเจอหน้ามันลั้นลาได้ใจมากในช่วงบ่ายหลักจากไปกินอาหารใจอาหารกายมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผมก็แมนๆ ครับเข้าไปถามอย่างสุภาพและอ้อมค้อมมากที่สุดกะว่าบัวไม่ช้ำน้ำไม่ขุ่นตะลอมถามมันอยู่นานเหมือนกันแต่มันก็ดีนะครับ มันเตรียมพร้อมข้อแก้ต่างให้ตัวเองได้อย่างสวยหรูจู้ฮุกกรูมั๊กๆ ทุกอย่างกำลังจะผ่านไปด้วยดีผมก็งัดเอาหลักฐานขึ้นมาให้มันได้เชยชมในผลงานที่เพื่อนร่วมงานได้ส่งเข้ามาประกวด และเสี่ยวนาทีที่ไอ้เสี่ยวได้เห็นภาพอันตราตรึงใจนั่นเอง น้ำตามันก็ไหลเป็นสายเลยครับ กดดูไปร้องไห้ไปเหมือนไม่แน่ใจว่าเป็นภาพตัวเองเหรอเปล่าวะอาจจะมีการตัดต่อก็ได้นะ เหอะๆ แล้วเราก็ทะเลาะกันครับ
มันสารภาพว่าไม่ได้ประชุมอยู่ในตึกแต่อย่างใด มันออกมาจากตึกก่อนที่ตึกจะมีสัญญาณไฟไหม้ซะด้วยซ้ำ มันว่าวันนั้นเป็นวันเกิดของน้องเค้า (อายุมันน้อยกว่าปลาบึกซัก 2 ปีได้มั้งครับ) ไอ้เด็กนั้นมาทวงขอขวัญไอ้ปลาบึกเลยต้องไปซื้อให้ มันบอกว่าจริงๆ แล้วแค่จะไปหาซื้อของขวัญแค่แปปเดียว แต่เพื่อนของไอ้เด็กนั่นมันโทรไปรายงานเพื่อนมันครับว่าที่ตึกมีไฟไหม้ มันเลยถือโอกาสนี้ชวนไอ้ปลาบึกกิน MK แทนการซื้อของขวัญ พอไอ้ปลาบึกรู้ข่าวว่าที่ตึกมีไฟไหม้มันก็กำลังจะกลับมาดูผมแต่บังเอิญผมดันโทรเข้าไปหามันซะก่อนก็เลยรู้ว่าผมปลอดภัยดีมันเลยกล้าบอกกับผมได้ว่าลงมาจากตึกแล้ว
แต่เรื่องนั้นก็จบลงไปด้วยดีเมื่อมันเลือกผมและผมก็ให้โอกาสมันแก้ตัวอีกครั้ง แล้วตั้งแต่นั้นมาผมก็เลยไม่ค่อยไว้วางใจที่จะปล่อยมันไปไหนต่อไหนคนเดียวอีกเลย ผมเคยบอกมันแล้วว่าถ้ามันจะมีใครเข้ามาในชีวิตซักคนผมไม่ว่าแต่ขอให้บอก อย่างน้อยก็ขอให้ผมได้มีส่วนร่วมในการได้ดูนิสัยใจคอของฝ่ายนั้นด้วยว่าดีไหม ถ้าดีจริงมันอยากจะไปอยู่กับเึ้ค้าผมก็ไม่ว่านะ ไม่ใช่ผมให้โอกาสแค่ไอ้ปลาบึกนะครับกับไอ้น้องโมผมก็บอกอย่างนี้กับมันเหมือนกัน ผมรู้ว่าเรื่องอย่างนี้ซักวันมันต้องเกิดแต่อย่างน้อยๆ ก็ควรจะเปิดโอกาสให้คนอย่างผมได้เห็นในอีกด้านของคนที่ขึ้นชื่อว่าเคยรักกันบ้างไม่ใช่อะไรก็งุบงิบๆ รักกันเลิกกันแบบไม่ต้องให้ผมรับรู้ เพราะอย่างน้อยผมก็แฟร์ๆ กับมันมาถึงขนาดนี้แล้วมันก็ควรจะคิดได้บ้าง ไม่ใช่ต้องรอให้เกิดปัญหาแล้วค่อยมาเปิดปากบอกทีหลัง
ย้อนกลับมาที่จุดเดิมครับ หลังจากที่ไอ้ปลาบึกลุกไปอาบน้ำอาบท่ามาเรียบร้อยแล้วมันก็กลับขึ้นเตียงมาห่มผ้านอนแบบหันหลังให้ผมครับ
“ โจ๊ก ” มันเรียกผมทั้งที่ยังคงนอนหันหลังให้ผมครับ
“…………..” ผมกำลังคิดว่าจะตอบมันดีเหรอว่าทำเป็นหลับไปแล้วดี
“ หลับแล้วเหรอ ”
“…………..”
“ โจ๊ก ” มันหันหน้ามาเอามืออังที่หน้าผากผมอีกครั้งก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้ผมถึงอก
“…………..”
“ โจ๊ก ขอโทษนะกูขอโทษ ” มันขยับตัวเลื่อนลงไปนอนเอาหัวซบหัวไหล่ผม