๓๓
“ปอ” ตั้ม ส่งเสียงเรียกชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้า พลางโผเข้าไปในอ้อมกอดด้วยความดีใจ แล้วซบศรีษะลงไปบนไหล่กว้าง ร่างบางถูกกอดไว้แนบแน่น แล้วมือที่โอบกอดข้างหนึ่ง ก็เลื่อนขึ้นมาลูบศรีษะที่ซบอยู่บนไหล่อย่างแผ่วเบา
“ตั้ม ... เรารักตั้มนะ” เสียงกระซิบเบาๆข้างหู แต่คนฟังกลับรู้สึกแปลกใจ ... ไม่ใช่เสียง ปอ นี่นา ...
ด้วยความสงสัย จึงยกศรีษะจากไหล่กว้างขึ้นมามองดู แล้วก็ต้องตกใจ เพราะใบหน้าที่มองเห็น กลับกลายเป็นใบหน้าของอีกคนหนึ่ง
ภู ต้องตื่นขึ้น เพราะแรงสะดุ้งของร่างบางที่ตนกกกอดไว้ เขางัวเงียยันตัวด้วยศอก แสงสลัวจากไฟกิ่งตรงหัวเตียง เขามองเห็นใบหน้าหน้าที่ตื่นตกใจของ ตั้ม ทำเอาเขาหายงัวเงียเป็นปลิดทิ้ง
“ตั้ม เป็นอะไร”
ไม่มีคำตอบ แต่ ตั้ม มองตาของ ภู แน่วนิ่ง ดวงตาสีน้ำตาลเข้ม ส่องประกายงดงาม แววตาที่มองมาด้วยความอ่อนโยน เจือปนไปด้วยความรัก ความห่วงใย ช่างเป็นแววตาที่คุ้นเคยนัก แววตาเหมือนกับที่เขาได้เห็น เมื่อตอนที่ได้พบกันครั้งแรก เขาอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปลูบใบหน้าของ ภู เบาๆ
“ภู รู้อะไรมั๊ย”
“อะไรเหรอ” พูดพลางเปลี่ยนเป็นนอนตะแคง พลางเอามือไปวางทับมือของ ตั้ม ที่อยู่บนแก้มเขา
“ตาของ ภู สวยจัง” ตั้ม พูดพลางจ้องเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลเข้ม “ภู รู้ตัวมั๊ย ว่ามองเราแบบนี้มาตั้งแต่เจอกันครั้งแรก”
ภู ไม่ได้ตอบอะไร เขาจ้องหน้า ตั้ม นิ่ง
“ตั้งแต่ตอนนั้น เราคิดถึงดวงตาคู่นี่มาตลอด ภู รู้มั๊ย มันทำให้เราคิดถึงคนบางคน แล้วเมื่อกี้นี้ เราฝันถึงคนคนนั้น”
ภู ไม่ตอบอะไร แต่ดึงตัว ตั้ม เข้ามากอดไว้ในอ้อมอก
.....................................................................
................................
“เป็นอะไร ไม่เห็นมีอะไรน่ากลัวซะหน่อย” ภู หันไปพูดกับคนที่เอาแต่แอบอยู่ข้างหลัง
“ก็มันเยอะนี่นา เราว่าน่ากลัวออก” ตั้ม พูดพลางมองกลุ่มผีเสื้อนับร้อย ที่บินไปมาอยู่ในกรงตาข่ายขนาดใหญ่ ภายในอุทยานสวนผีเสิ้อประจำจังหวัด “เกิดมันกลายเป็นผีเสื้อกินคน รุมเข้ามาทึ้งพวกเรา ม่ายแย่เหรอ”
“ฮ่าๆๆ คิดอะไรบ้าๆ”
“ใครจะรู้อะ เกิดมันโดนยาเยอะๆ แล้วกลายพันธ์ หันมากินคนแทนกินน้ำหวานล่ะ จะทำงาย” หน้าตาเอาจริงเอาจัง ยิ่งทำให้ ภู หัวเราะมากขึ้น
“โอ๊ย ไปเอามาจากไหนเนี่ย”
“ก็อ่านจากหนังสืออะสิ เค้าว่า อีกหน่อยนะต้นไม้น้อยลง ป่าน้อยลง แมลงมันขาดแคลนแหล่งอาหาร อย่างพวกตัวต่อที่ไข่ในตัวสัตว์ อีกหน่อยมันจะมาวางไข่ในตัวคน แล้วฟักเป็นตัว กินจากข้างในตัวคนออกมา” ตั้ม เล่าด้วยสีหน้าจริงจัง
“ฮ่าๆๆ คงอีกนานแหละ กว่าจะเป็นแบบนั้น แต่ตอนนี้เราจากินคนก่อนหล่ะ” พูดแล้วก็รวบตัวคนตรงหน้าเข้ามากอด แล้วจูบไปที่แก้มอย่างแรง
“อี๊ย์ ... น้ำลายเป็นพิษษษษษษษษษษษษษ” ตั้ม โวยวายพลางหัวเราะลั่น ภู ได้ยินก็จูบไปที่แก้มอีกข้างอย่างแรง เหมือนกับแกล้ง
“สารภาพมาเร็วๆ” ภู พูดยิ้มๆ
“เรื่องอะไร” ตั้ม หันหน้ามามอง งงๆ
“เมื่อเช้าฝันถึงใคร” ... ดูซิ จะใช่คนที่คิดมั๊ย ถ้าเป็นคนอื่นล่ะก็ จะลงโทษให้น่าดูเลย ...
แต่ใบหน้าที่มองมาอย่างไร้เดียงสา กลับเศร้าลงทันที จนทำให้ ภู ใจหายว่าเขาคิดถูกหรือเปล่าที่ถามเรื่องนี้
“ไม่ต้องบอกก็ได้ ช่างมันเหอะ” ภู พูดด้วยน้ำเสียงปลอบโยน
“เราฝันถึง ปอ” ตั้ม บอกเบาๆ “ตั้งแต่กลับมาจากเที่ยวทะเลคราวนั้น เราฝันแบบนี้มา ๓ ครั้งแล้ว แต่เมื่อเช้ามันแปลกไปนิดหน่อย” แล้ว ตั้ม ก็เล่าถึงความฝันทั้ง ๓ ครั้งให้ ภู ฟัง
“ภู จะว่าเราเหลวไหลก็ได้นะ แต่เราไม่ค่อยสบายใจจริงๆ”
“เรารู้” ภู ตอบพลางเอามือลูบแก้มของ ตั้ม เบาๆ “ไม่เหลวไหลหรอก” พูดพลางมองด้วยสายตาเปี่ยมไปด้วยความรัก แฝงห่วงใยและปลอบประโลมไปในที
... เราเองก็เคยฝันอะไรที่คล้ายเรื่องเหลวไหลมาแล้วเหมือนกัน ...
“ภู” ตั้ม พูดพลางจ้องตาอีกฝ่ายหนึ่งนิ่ง “ปอ ก็มองเราแบบนี้บ่อยๆ แต่ตอนนั้นเราไม่รู้เลย เราไม่รู้จริงๆ” น้ำตาเริ่มคลออยู่ในหน่วยตาทั้งสองข้าง แล้วค่อยๆไหลรินลงมาช้าๆ ภู ค่อยๆใช้มือเช็ดน้ำตานั้นอย่างแผ่วเบา แล้วรั้งตัว ตั้ม เข้ามากอดไว้แนบแน่น
“ตั้ม รักพี่ปอ มากเลยนะ” ภู ถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เหมือนจะรักมากกว่าเราอีก”
“ไม่เกี่ยวกันนี่ รักก็คือรักน่ะแหละ ไม่มีใครมากกว่าใครหรอก แต่ ภู น่ะสิ” ตั้ม ตอบทั้งๆที่ซบอยู่ที่ไหล่ของภู
“ทำไมเหรอ” ถามพลางลูบศรีษะที่ซบอยู่เบาๆ
“โกรธเรามั๊ย ที่เรารัก ปอ ขนาดนี้”
“ไม่เป็นไรหรอก เรารู้ว่าพี่เค้าเป็นคนสำคัญสำหรับ ตั้ม พี่เค้าก็ต้องเป็นคนสำคัญสำหรับเราด้วย” ... ตั้ม ไม่รู้หรอก ว่าพี่เค้าสำคัญขนาดไหนสำหรับเรา ...
“ภู” ตั้ม พูดพลางกระชับกอด ภู แน่นขึ้น “ขอบใจนะ ที่เข้าใจเรา”
“ไหน ... ลองเงยหน้าดูซิ แล้วดูว่าตอนนี้มองเห็นใคร” ภู พูดกับคนที่อยู่ในอ้อมกอด
ตั้ม เงยหน้าที่ซบอยู่กับไหล่กว้างขึ้นมามองคนที่กำลังจ้องมองตัวเองอยู่
“ว่าไง ตอนนี้มองเห็นใคร”
“ภู” ตั้ม ตอบไป
“ต่อให้ดวงตาคู่นี้จะเป็นของใครก็ตาม แต่คนที่มอง ตั้ม อยู่ตอนนี้ เป็นเรา คนที่ดูแล ตั้ม อยู่ตอนนี้ก็เป็นเรา และคนที่รัก ตั้ม อยู่ตอนนี้ก็เป็นเรา ตั้ม ไม่ต้องกังวลอะไรมากนะ”
พูดไปแล้วเขาก็รู้สึกขนลุกซู่ขึ้นมานิดๆเหมือนกัน ความฝันของ ตั้ม เกิดจากลางสังหรณ์ที่รุนแรงของ ตั้ม เพียงฝ่ายเดียว หรือแรงผูกพันอันล้ำลึกของทั้งสองคนกันแน่