๔๓
ปอ ยืนยิ้มให้อยู่ไกลๆ ตั้ม เห็นแล้ว จึงเดินเข้าไปหาอย่างดีใจ แต่เมื่อเข้าไปใกล้ ปอ กลับหันหลังเดินห่างออกไป ตั้ม จึงเปลี่ยนจากเดินเป็นวิ่ง หวังว่าจะตามให้ทัน เมื่อถึงตัว ตั้ม รวบแขนกอดคนตรงหน้าไว้อย่างแนบแน่น มือของคนที่ถูกโอบกอดขยับมาวางไว้บนมือของ ตั้ม พลางบีบเบาๆ ตั้ม ซบใบหน้าลงกับแผ่นหลังกว้าง พลางเรียกด้วยความคิดถึง
“ปอ”
ชายหนุ่มแกะมือที่กอดเอวเขาออก แล้วหันหน้ามาหา ตั้ม เงยหน้าขึ้นมองแล้วก็ต้องตกใจ
“ภู” ตั้ม อุทานเสียงดัง แล้วสะดุ้งตื่น
ฟ้าสางแล้ว แสงอาทิตย์เริ่มจับขอบฟ้า ตั้ม เอามือลูบใบหน้าของตัวเอง นี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วกับความฝันลักษณะนี้ ความฝันที่ไม่น่าจะนำคนสองคนมาเกี่ยวโยงกันได้ ... หรือมีบางอย่างที่เขายังไม่รู้
บางอย่างที่เป็นความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งสอง ภู กับ ปอ
บางอย่างที่นำให้เขาและ ภู มาพบกัน
บางอย่างที่เป็นความผูกพันระหว่างคนสามคน ... ตัวเขา , ปอ และ ภู
..............................................................................
...................................
“ปอ เราไปเที่ยวทะเลมาหล่ะ สนุกมากเลย ไปดูปะการังน้ำตื้นมาด้วยนะ มันสวยแปลกตามากเลย แล้วพวกปลาทะเลสีสวยๆอีก ...”
ตั้ม ยืนเล่าเรื่องที่ไปเที่ยวมา ให้รูปที่อยู่ในช่องของเจดีย์เบื้องหน้าฟัง ราวกับว่าคนในรูปนั้นยังมีชีวิตอยู่ บางทีก็ยกไม้ยกมือประกอบคำพูด ทำให้คนที่เดินเข้ามาใกล้ๆทั้งสองคน อดหันไปยิ้มให้กันไม่ได้
“เราวาดรูปมาฝากด้วยนะ ดูสิ” พูดพลางเปิดกระบอกใส่รูป ดึงกระดาษวาดเขียนแผ่นใหญ่ออกมากางออก แล้วชูรูปหันไปทางเจดีย์
“ไหน ให้เราดูมั่งดิ” เสียงดังขึ้นมาทางด้านหลัง พอ ตั้ม หันไปดู ก็พบคนสองคนส่งยิ้มมาให้ ใบหน้าที่มีแววตกใจของ ตั้ม จึงเปลี่ยนเป็นยิ้มกว้าง
“ว่าไง ให้พวกเราดูมั่งสิ วาดรูปอะไรมา” วัฒน์ ถามยิ้มๆ ตั้ม จึงยื่นรูปให้คนทั้งสองดู
“ฮ่าๆๆ ไปเที่ยวกับใครมาเนี่ย” หมู ดูรูปแล้วเงยหน้ามาถามยิ้มๆ
“ไปเที่ยวบ้าน ภู มา” ตั้ม ตอบยิ้มๆ “เดี๋ยวเราจะส่งไปให้ ปอ”
วัฒน์ ได้ฟังก็ขมวดคิ้วนิดหนึ่ง แต่แล้วก็เปลี่ยนเป็นยิ้มให้ พลางส่งรูปคืนให้ ตั้ม
ตั้ม รับมาแล้ววางกระบอกใส่รูปลงกับพื้น ม้วนรูปภาพแล้วใช้กระดาษยาวพันอีกรอบหนึ่ง เหน็บกระดาษจนแน่นหนา หยิบไฟแชคออกมาจากกระเป๋าใบเล็กๆที่สะพายเฉียงอยู่บนไหล่ แล้วจุดไฟที่รูปวาดทางด้านล่าง เมื่อมันเริ่มลุกไหม้ ก็หย่อนลงไปในกระบอกใส่รูปภาพที่ทำจากอลูมิเนียม จนกระทั่งรูปภาพถูกเผาไหม้จนหมด ตั้ม ก็ปิดกระบอกใส่รูปแล้วใส่สงไปในถุงกระดาษที่เตรียมมา
“จะเก็บไปไหนอีกล่ะ ไม่เอาขี้เถ้าทิ้งเหรอ” หมู ถามอย่างสงสัย
“เดี๋ยวเราเอาไปทิ้งที่ท่าน้ำ” ตั้ม ตอบยิ้มๆ “ว่าแต่มากันได้ยังไงล่ะนี่”
“ก็ตั้งใจมานี่แหละ ได้เจอ ศิลปี เมื่อต้นปี เลยนึกกันขึ้นมาได้ ว่านี่ก็ครบ ๕ ปีแล้วนะ ที่ ปอ จากไป” วัฒน์ บอกเสียงอ่อนโยน
“พวกเราเลยจะมาทำบุญให้ ปอ กัน” หมู บอกยิ้มๆ ทำให้ ตั้ม หันมามองด้วยความงุนงง
“อย่าเพิ่งงง ตามเรามาเร็ว” หมู บอกแล้วเดินนำหน้าออกไป
ตั้ม หันไปมองหน้า วัฒน์ เหมือนจะถามอะไร วัฒน์ เองก็ได้แต่ยิ้มให้
“มาสิ เรามีอะไรให้แปลกใจ” พูดจบ วัฒน์ ก็เอื้อมมือไปจับมือ ตั้ม พาเดินไปยังศาลาจัดงานศาลาหนึ่งของวัด
เมื่อไปถึง ตั้ม ก็ต้องงุนงง เพราะเพื่อนๆประมาณสิบคนได้ ต่างอยู่กันพร้อมหน้า รวมทั้งคนที่เขาต้องแปลกใจอีกสองคน
“ตั้ม เป็นไงบ้างลูก ไม่ได้เจอตั้งนาน” แม่ของปอ ส่งเสียงทักเขาอย่างยินดี
ตั้ม ดึงมือที่ วัฒน์ กุมอยู่ออกมา แล้วเดินเข้าไปหาพ่อและแม่ของปอ ยกมือไหว้ทำความเคารพ
“สบายดีรึเปล่า ไม่เห็นหน้าตั้งนานนะ” แม่ของปอเอื้อมมือมาลูบไหล่ ตั้ม ด้วยความเอ็นดู
“ขอบใจนะลูกที่มาเยี่ยม ปอ เค้าบ่อยๆ ดอกไม้ที่เห็นประจำคงของ ตั้ม สินะ” พ่อของปอ พูดด้วยเสียงแสดงถึงความตื้นตันใจ ที่เห็นเพื่อนๆของลูกชาย โดยเฉพาะเด็กคนนี้ ที่มีน้ำใจกับลูกของเขาอย่างสม่ำเสมอ ถึงแม้เวลาจะผ่านมาหลายปี
“ไปคุยกับเพื่อนๆก่อนนะลูก เดี๋ยวพ่อกับแม่จะไปดูที่ครัวหน่อย” พูดจบทั้งสองคนก็เดินออกไปยังโรงครัว
ตั้ม เดินไปหาเพื่อนๆที่ยืนจับกลุ่มคุยกันอยู่ เขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี เพื่อนๆก็เอาแต่ยืนยิ้ม ไม่มีใครพูดอะไร สักพักน้ำตาก็เริ่มคลอเบ้าตาของ ตั้ม
“ว๊า ... เอ็งนี่ ทำไมขี้แยอย่างนี้วะ” โอ พูดเหมือนรำคาญเสียเต็มประดา
“จะร้องทำไมวะ แบบนี้เดี๋ยวไอ้ปอ มันดุเอานะเว๊ย” ดม พูดยิ้มๆ
“ก็เรา...” ตั้ม สะอื้น
“เอ้า เช็ดซะก่อน น้ำตาน้ำมูกไหลย้อยแล้ว น่าเกลียดชะมัดเลยหว่ะ” โอ ยื่นกระดาษชำระให้
“ก็เราดีใจน่ะ เราไม่คิดว่าพวกนายจะมากัน” ตั้ม พูดพลางรับกระดาษชำระมาเช็ดน้ำตา
“เออ ... ปรกติพวกเราก็ไม่เคยมากันหรอก แต่ปีนี้อยากมาหว่ะ” เชียร บอกยิ้มๆ
“แล้ว ภู ไม่มาด้วยเหรอไง” นึก ถามขึ้น ทำให้หลายคนหันไปมองอย่างตำหนิ
“ก็จะมาด้วยแล้ว แต่พอดีมีเพื่อนๆไปเที่ยวที่บ้านเค้าน่ะ ก็เลยมาด้วยไม่ได้” ตั้ม หันไปตอบอย่างไม่ได้คิดอะไร
พากันคุยไปสักพัก ก็ได้เวลาทำบุญเลี้ยงอาหารเพลพระ เริ่มด้วยพระสงฆ์ทั้ง ๙ รูปสวดมนต์อุทิศส่วนกุศล ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเสร็จพิธีต่างๆ แล้วต่างก็ต้องแยกย้ายกันกลับ เพราะมีหลายคนที่ลางานไว้เพียงครึ่งวันเช้า
“ตั้ม เจอคนที่ชื่อ สยุมภู รึยังลูก” แม่ของปอ ถามขึ้น ตอนที่ ตั้ม ไปลากลับ พร้อมกับ วัฒน์ หมู และนึก
“เอ๊ะ ... ใครนะค๊าบ” ตั้ม ถามด้วยความงุนงง
“สยุมภู น่ะลูก เค้าไปหา ตั้ม รึเปล่า” แม่ของปอ บอกอีกครั้ง
ตั้ม หันไปมองหน้าเพื่อนๆ เหมือนจะถามว่า มีใครเล่าเรื่อง ภู ให้แม่ของปอ ฟังหรืออย่างไรกัน แต่ก็ต้องพบกับใบหน้าที่แสดงความสงสัยไม่แพ้กัน
“คุณน้ารู้จัก ภู ด้วยเหรอค๊าบ” ตั้ม หันกลับมาถาม
“จ๊ะ ... ก็เมื่อซักเดือนตุลาปีที่แล้ว เค้ามาหาแม่ที่บ้าน มาคุยเรื่อง ปอ แล้วเค้าถามเรื่อง ตั้ม ด้วยน่ะ”
“ภู น่ะเหรอครับ ไปหาคุณน้าที่บ้าน แล้วเค้าไปหาได้ยังไงอะค๊าบ” คิ้วของ ตั้ม ขมวดเข้าหากัน
“ก็เค้าเป็นคนที่ผ่าตัดเอาดวงตาของ ปอ ไปไงลูก”
“อะไรนะค๊าบ ผ่าตัดดวงตา ... ดวงตาอะไรค๊าบ” ตั้ม ยิ่งสงสัยมากยิ่งขึ้น พ่อกับแม่ของปอ หันมองหน้ากันด้วยความสงสัย
“พ่อกับแม่คงลืมเล่าให้ฟัง คืออย่างนี้นะลูก ปอ เค้าทำเรื่องบริจาคดวงตาไว้ก่อนจะเสียชีวิต แล้วคนที่รับการผ่าตัดดวงตาไปเมื่อตอนนั้น ก็คือคนที่ชื่อ สยุมภู นี่แหละ” พ่อของปอ อธิบาย
“อะไรนะ” ตั้ม หน้าซีดเผือด “คุณน้าบอกว่า ภู ผ่าตัดเปลี่ยนเอาดวงตาของ ปอ มา” สีหน้าของ ตั้ม ซีดลงไปอีก “งั้นก็แปลว่า ดวงตาของ ภู คือดวงตาของ ปอ”
“เอ้อ ... ก็แบบนั้นแหละจ๊ะ” แม่ของปอพูดพลางมองด้วยความเป็นห่วง
เคร้งง........ กระบอกสำหรับใส่รูปภาพที่ ตั้ม ถืออยู่หล่นจากมือ หมู ก้มตัวลงไปเก็บมาถือไว้
“ตั้ม คงตกใจน่ะครับ เพราะไม่เคยรู้มาก่อนเลย พวกผมยังตกใจเลยครับ” นึก บอก พลางเอื้อมมือไปจับมือ ตั้ม แล้วก็ต้องสะดุ้ง เพราะมือของ ตั้ม ที่เคยมีแต่ความอบอุ่นเสมอยามที่เขาได้สัมผัส ตอนนี้กลับสั่นน้อยๆ และเย็นเฉียบจนเขาตกใจ