ความทรงจำที่หวนคืน
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ความทรงจำที่หวนคืน  (อ่าน 165393 ครั้ง)

ออฟไลน์ บุหรง

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 854
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +709/-3
    • My FB
๒๕

“คืนนี้ ให้ ตั้ม ค้างที่อพาร์ตเมนท์ผมแล้วกันครับ แม่จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง แล้วพรุ่งนี้คงกลับเย็นหน่อย เพราะผมจะชวน ตั้ม ไปซื้อของหน่อยครับ” ภู พูดกับแม่ของ ตั้ม ก่อนที่จะออกมาจากบ้าน

ทีแรก ตั้ม ทำท่าเหมือนจะไม่ยินยอม แต่ก็ต้องจำนนด้วยเหตุผลของ ภู
“ดึกๆนั่งแทกซี่คนเดียว อันตรายออก ไปนอนที่อพาร์ตเมนท์เรา แม่จะได้ไม่ต้องเป็นห่วงไง”
… แน่ใจเหรอว่าจะได้นอนน่ะ ... ตั้ม คิดเมื่อมองเห็นหน้ายิ้มกริ่ม และแววตาที่แสดงความเจ้าเล่ห์ของ ภู แล้วก็ต้องหน้าแดงซ่านด้วยความอาย

ภู มองดู ตั้ม ที่อยู่ในชุดผ้าลินินสีดำทั้งชุด สวมทับด้วยแจคเกตยีนส์สีเทา ถึงแม้จะไม่ถึงกับเด่นสะดุดตา แต่ก็ชวนมองไม่น้อย ยิ่งรวมเข้ากับท่าทางการเดินเหมือนเด็กๆ และรอยยิ้มที่สดใส เสียงหัวเราะเบาๆด้วยความร่าเริง เวลาพูดคุยกับเขา ทำให้หลายคน อดหันมามองดูด้วยความสนใจไม่ได้ ทั้งสองคนชวนกันดูของในร้านต่างๆไปเรื่อยๆ เป็นการฆ่าเวลาก่อนที่จะถึงเวลานัดหมาย แล้ว ตั้ม ก็หยุดลงที่ตู้โชว์เครื่องประดับ ในร้านหนึ่งนานเป็นพิเศษ
“ดูอะไรเหรอ” ภู ถาม พลางมองดูจี้ขนาดใหญ่น้อย หลายชิ้นภายในตู้โชว์
“จี้อันนั้นอะ” ตั้ม ชี้ไปที่จี้รูปกางเขนเล็กๆ ขนาดเพียงแค่เซนต์เดียว ทำจากเทอร์ควอยส์สีฟ้าสดใส “น่ารักจังเลยอะ”
“โห อันกระจิ๊ดเดียวเอง ยังอุตส่าห์เห็นอีก” ภู มองตามมือที่ตั้มชี้ มองเห็นจี้อันนั้นวางหลบอยู่หลังแท่นวางสร้อยคอ
“สนใจอันไหนเหรอค่ะ” คนขายเดินเข้ามาถามพลางยิ้มให้
“จี้กางเขนเทอร์ควอยส์นั่นน่ะค๊าบ เท่าไหร่เหรอค๊าบ” ตั้ม เงยหน้าถามพลางชี้มือไปที่จี้อันนั้น
“๕๐ แล้วกันค่ะ”
ตั้ม ขมวดคิ้ว จน ภู ต้องถามด้วยความสงสัย
“แพงไปเหรอไง”
“เปล่าอะ นึกว่าร้อยกว่า เพราะมันน่าจะเป็นของนอกนะ”
“ค่ะ ของนอก แต่พอดีมันชิ้นเล็กมาก แล้วก็หลงมาน่ะค่ะ เลยขายถูกๆ”
“ขอดูสร้อยเงินด้วยนะครับ เอาเส้นสั้นใส่แล้วจี้อยู่ซักระดับต้นคอนะครับ” ภู หันไปบอกคนขาย
หลังจากที่เลือกได้สายสร้อยเส้นบางแล้ว ภู ก็ร้อยจี้เข้าไป แล้วหันไปสวมให้ ตั้ม
“ไหนลองซิ พอดีมั๊ย” ตั้มหน้าแดงขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เพราะคนขายมองเขาทั้งสองพลางอมยิ้ม
“พอดีเลย ทั้งหมดเท่าไหร่ครับ” ภู หันไปถาม แล้วหยิบเงินส่งให้เมื่อคนขายบอกราคา
“เอามา ๕๐ ค่าจี้ ส่วนสร้อย เราให้” ภู หันพูดกับ ตั้ม
“เนื่องในโอกาสอะไรอะ” ตั้ม ถามอย่าง งงๆ
“ให้ไว้คล้องตัว คล้องใจไง” ภู กระซิบบอกเบาๆ
.........................................................................................
............................................
พอเปิดประตูผัปเข้าไป ก็มีคนโบกมือเรียก ตั้ม เดินนำเข้าไปหาคนกลุ่มนั้นที่โต๊ะมุมในของร้าน  ตั้ม ทักทายเพื่อนทั้ง ๔ คน แล้วแนะนำให้ทุกคนรู้จัก ภู
“ของ ตั้ม โค๊กเหมือนเดิมนะ แล้ว ภู เอาอะไรดี” ปู หันไปถาม พลางตักน้ำแข็งใส่แก้ว
“โค๊กวิสกี้ แล้วกัน”
ปู รินเครื่องดื่มให้คนทั้งสอง แล้วทุกคนก็ชวนกันคุยเรื่องต่างๆ บางทีก็พูดถึงเพลง ที่วงดนตรีในผัปกำลังบรรเลงอยู่ ภู สังเกตว่าเพลงที่วงดนตรีเล่นส่วนใหญ่ เป็นเพลงบรรเลงแนวแจส มองๆดูก็เห็นว่าแขกในร้านกว่าครึ่งเป็นคนต่างชาติ นานพอสมควรวงดนตรีก็พักการบรรเลง ทางผัปเปลี่ยนเป็นเปิดเพลงจากแผ่นซีดีแทน นักดนตรี ๓ คนเดินตรงมาที่โต๊ะที่พวกเขานั่งอยู่
“พี่ตั้ม ไม่ค่อยมาให้เห็นหน้าเลยนะ” เล่ เอ่ยทักทาย พลางเหลือบมอง ภู
“ก็มาแล้วไง นี่เพื่อนพี่ ชื่อ ภู แล้วนี่ เล่ บุ๋ม เด่น” ตั้ม แนะนำทุกคนให้รู้จักกัน
“เพื่อนแน่เหรอ” บุ๋ม กระซิบถามยิ้มๆ
ตั้ม ไม่ได้ตอบอะไร ได้แต่อมยิ้ม แล้วต่างคนก็ชวนกันคุยไปเรื่อยๆ จนถึงเวลาที่วงตนตรีต้องขึ้นเวทีแล็กๆนั้น อีกครั้งหนึ่ง

“วันนี้มีแขกพิเศษมาร้านครับ” เล่ พูดขึ้นมาเมื่อขึ้นไปบนเวที “เป็นนักดนตรีจากสถาบัน*** ใครอยากฟังดนตรีจากเพื่อนๆผมบ้างครับ”
มีเสียงตบมือและเสียงเป่าปาก จากคนด้านล่างเวที
“มาเลยเร็วพรรคพวก คุณปู มือกลอง คุณต่อ มือเบส แล้วก็ พี่ตั้ม นักร้องครับบบบ”
“มันเล่นเราซะแล้วหว่ะ” ปู หันไปหัวเราะกับเพื่อนๆ แล้วชวน ต่อ กับ ตั้ม ขึ้นไปบนเวที
ตั้ม หันไปคุยอะไรกับเพื่อนๆสักพักหนึ่ง ก่อนที่ทุกคนจะเข้าประจำที่

“อันตรายแล้วหว่ะ” คนหนึ่งบนโต๊ะพูดขึ้นมา
“อันตรายอะไร” ภู หันไปถาม
“ไอ้ตั้ม น่ะสิ วันนี้อารมณ์ดีซะด้วย” ภู ฟังแล้วก็ต้องขมวดคิ้ว ... อารมณ์ดีแล้วอันตรายยังไงหว่า ...
“เห็นไอ้ปู ทำหน้าประหลาดเมื่อกี้มั๊ย ตั้ม มันต้องเล่นอะไรแผลงๆอีกแล้ว”
“สงสัยงัดเพลงประหลาดๆมาร้องอีกแหงเลยหว่ะ” อีกคนหนึ่งพูดเสริม แล้วทั้งสองคนก็พากันหัวเราะ
... เพลงประหลาดเหรอ ... ภู คิดแล้วหันกลับไปมองบนเวที พลางอดคิดต่อไม่ได้

...มันยังจะมีเพลงอะไร ที่ประหลาดไปกว่า เพลงถ่านไฟฉายตรากบ ที่เขาได้ยินในวันนั้นอีกหรือ ...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-06-2008 21:53:11 โดย บุหรง »

kana

  • บุคคลทั่วไป
มาจิ้มมมมมมมมมมมมมม ก่อนนอน  :a2: :mc4::a1: เพราะพรุ่งนี้เรียนเช้ายันเย็นเลย :sad2:

ฮ่าๆๆๆๆๆๆ อยากฟังอ่ะ รีบมาต่อนะค่ะ :oni2:

ไนท์ๆๆ :a12:

ออฟไลน์ บุหรง

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 854
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +709/-3
    • My FB
๒๖

http://media.imeem.com/m/4T9X6Y5KBe/aus=false/

cha cha um!

besame besame mucho
each time i bring u kiss i hear music devine
so besame besame mucho
i love you forever say that youll always be mine

cha cha um

dearest one if you should leave me
then each little dream will take wings and my life will be through
so besame besame mucho
oo love me forever make all my dreams come true

oooo
this joy is something new my arms are holding u
never knew this thrill before
whod ever thought id be holding you close to me
whispering its you i adore

yes o so
dearest one if you should leave me
than each little dream will take wings and my life will be through
so besame besame mucho
i love you forever make all my dreams come trueoooo


this joy is something new my arms are holding u
never knew this the thrill before
whod ever thought id be holding you close to me
whispering its you i adore

o so
dearest one if you should leave me
then each little dream will take wings and my life will be through
so besame besame mucho
oo love you forever make all my dreams come true
oo love you forever make all my dreams come true


ภู มองดู ตั้ม ที่ร้องเพลงอยู่บนเวทีเล็กๆนั้นอย่างสนุกสนาน ร่างกายที่ขยับเต้นไปมาเข้ากับจังหวะ เนื้อเพลงฟังดูไม่ยากนักที่เขาจะเข้าใจความหมายของมัน แต่คำวา เบซาเม มูโช นี่สิ เขาไม่รู้ว่ามันหมายความว่าอย่างไร แต่ท่าทางขณะที่ ตั้ม ร้องเนื้อเพลงคำนี้ในครั้งสุดท้าย ตั้ม เอามือแตะที่ริมฝีปากตนเอง แล้วทำท่าเหมือนจะส่งจูบขึ้นไปบนอากาศ และก่อนที่เพลงจะจบลง เขามองเห็นคนที่ชื่อ บุ๋ม กระซิบอะไรบางอย่างกับ เล่ ซึ่งกำลังเล่นเปียนโนไฟฟ้าอยู่

“ขอบคุณเพื่อนๆมากครับ แต่เดี๋ยวนะ อย่าเพิ่งรีบไปไหน” เล่ พูดขึ้นขณะที่นักแสดงรับเชิญจะลงจากเวที “ผมขออีกเพลงนึงเหอะ ทีแรกคิดว่าพี่ตั้ม เค้าจะร้องเพลงช้าๆ นี่เล่นเดอะบีทเทิลเลย” เสียงพูดถูกขัดจังหวะ ด้วยเสียงเป่าปาก และสียงตบมือ “แบบนี้ต้องแถมอีกเพลงแล้ว มาที่เปียนโนเลยพี่ มาๆๆ” เล่ เดินไปดึงตัว ตั้ม ให้มานั่งลงที่เปียนโนไฟฟ้า “เดี๋ยวพี่เค้าจะเล่นไปร้องไปด้วย ดีมั๊ยครับพวกเรา” เสียงปรบมือดังขึ้นอีกครั้ง ตั้ม ยิ้มแล้วกลั้นหัวเราะไว้ พลางนึกขัน ที่พวกนี้ขยันหาเรื่องกับเขาจริงๆ เป็นแบบนี้มาตั้งแต่สมัยเรียนด้วยกัน จนตอนนี้ต่างคนทำงานทำการแล้ว ก็ยังเหมือนเดิม คิดอยู่สักครู่หนึ่ง ก็ยิ้มออกมาอีกครั้ง พลางเหลือบสายตาไปมองคนที่มาด้วยกัน ด้วยสายตาที่เจือไปด้วยความอ่อนหวาน
“อีแฟลต แล้วไป จี นะ” ตั้ม หันไปบอก เพื่อนๆ แล้วจึงเริ่มพรมนิ้วไปตามคีย์บอร์ดของเปียนโน แล้วเริ่มร้องเพลงออกมาช้าๆ

http://media.imeem.com/m/0otlX0ojMq/aus=false/

ทำนองเพลงเพลงที่อ่อนหวาน น้ำเสียงที่อ่อนโยน ภู ฟังพลางจ้องมอง ตั้ม อย่างไม่วางตา เมื่อจบเพลง ตั้ม ยกมือขึ้นลูบสายสร้อยที่คล้องอยู่บนลำคอ พลางอมยิ้มด้วยสีหน้ามีความสุข
.........................................................................................
..........................................
“ตั้ม เบซาเม มูโช แปลว่าอะไรน่ะ”
เสียงที่ได้ยิน ทำให้ ตั้ม เงยหน้าขึ้นมาจากแผงอกอันอบอุ่น พลางยันแขนเลื่อนตัวขึ้นเล็กน้อย ยิ้มให้คนที่ครึ่งนั่งครึ่งนอน อยู่บนเตียง แสงไฟอ่อนๆจากโคมไฟกิ่ง ทำให้มองเห็นใบหน้าที่มองมองอย่างอ่อนโยน
“เบซาเม มูโช”
ตั้ม พูดเบาๆ แล้วเลื่อนหน้าเข้าไปหาใบหน้าของ ภู พลางหลับตาพริ้ม ก่อนที่ริมฝีปากจะพบกัน ตั้ม กลับหยุดนิ่งอยู่แค่นั้น ภู จึงยกมือขึ้นวางไว้ที่ท้ายทอยของ ตั้ม แล้วกดเบาๆให้ใบหน้านั้นแนบลงมา จนริมฝีปากทั้งสองประกบกันแนบแน่น  สักครู่ ตั้ม จึงถอนริมฝีปากออกมา
“เบซาเม มูโช” ตั้ม พูดอีกครั้งหนึ่ง พลางมอง ภู ด้วยสายตาที่อ่อนโยน
“แปลว่า ต่อกันอีกยกเหรอ” ภู พูดด้วยดวงตาแวววาว ทำเอา ตั้ม หัวเราะคิก
“บ้าดิ เบซาเม มูโช แปลว่า จูบฉันอีก ตะหาก”
ภู ฟังแล้วยิ้ม พลางยื่นหน้าเข้าไปประกบปากกับคนตรงหน้าอีกครั้ง จูบคราวนี้ดูดดื่ม รุนแรง และเนิ่นนานกว่าเมื่อครู่
“สงสัยแค่จูบไม่ได้แล้วหล่ะ” ภู พูดเบาๆ พลางเริ่มใช้มือลูบไล้ไปตามร่างกายของ ตั้ม
ร่างบางแนบศรีษะลงกับไหล่กว้าง จูบเบาๆที่คางของ ภู แล้วแนบหน้าผากไว้กับคางสาก สักพักร่างบางก็ถูกพลิกให้นอนลง แล้วร่างหนาหนักก็ทางทับลงมา พร้อมกับริมฝีปากชื้นที่เริ่มรุกรานอยู่ที่หน้าอก ร่างบางสั่นสะท้านน้อยๆตามความรู้สึกที่ได้รับ สองแขนเริ่มกอดกระหวัดร่างหนาอย่างหลวมๆ มือใหญ่เอื้อมขึ้นมาลูบไล้ตามต้นคอ ตั้ม อดไม่ได้ ที่จะกุมมือนั้นขึ้นมาจูบเบาๆ แล้วนำมาวางไว้ที่แก้มของตัวเอง ความอบอุ่น และความเสียวซ่านกระจายไปจนทั่วร่าง สักพักก็เริ่มรู้สึกถึงการรุกราน ตามมาด้วยการเคลื่อนไหวอย่างอ่อนโยน ร่างหนาโน้มตัวลงมาแนบกับร่างบางเบื้องล่าง ริมฝีปากตามลงมาไล้เวียนอยู่ที่ซอกคอ เลื่อนขึ้นมาที่แก้ม แล้วกระซิบแผ่วเบา
“ยังไม่รักเราก็ไม่เป็นไรนะ เราจะรอ” ภู พูดแล้วไล้ริมฝีปากเวียนขึ้นไปบนหน้าผาก
“ให้เวลาเราอีกหน่อยนะ ตัวเราเป็นของนายแล้ว ให้เวลาหัวใจเราอีกนิดนะ” ตั้ม พูดพลางหอบหายใจ พลางโอบกระชับร่างหนาแนบแน่น บทประสานแห่งท่วงทำนองของสัมพันธ์ เริ่มบรรเลงอย่างช้าๆ แล้วเริ่มเร่งกระชั้นจนถึงความหมาย

ขณะนี้ กายสองกายผูกพันกันแนบแน่น ร่วมกันบรรเลงบทเพลงแห่งความสัมพันธ์
อีกไม่นาน ใจสองใจคงจะร่วมกันบรรเลงบทเพลงที่สมบูรณ์

... บทเพลงแห่งความรักอันงดงาม ...

andy_kwan

  • บุคคลทั่วไป
Besame Mucho เพลงนี้คิดได้ไงอะ
ป้าเคยฟังของคุณยาย Julie London ร้องได้แหบเสน่ห์มากๆ
ของลุง Andrea Bocelli ก็นุ่มนวลอบอุ่นดี
แต่ของ Beatles นี่คาดไม่ถึงจริงๆจ๊ะ

Tenderly ของปู่แนท เพราะสุดยอดอยู่แล้ว
ของลูกสาวปู่(นาตาลี)ก็ไม่เลวนะ

ออฟไลน์ บุหรง

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 854
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +709/-3
    • My FB
Besame Mucho เพลงนี้คิดได้ไงอะ
ป้าเคยฟังของคุณยาย Julie London ร้องได้แหบเสน่ห์มากๆ
ของลุง Andrea Bocelli ก็นุ่มนวลอบอุ่นดี
แต่ของ Beatles นี่คาดไม่ถึงจริงๆจ๊ะ

Tenderly ของปู่แนท เพราะสุดยอดอยู่แล้ว
ของลูกสาวปู่(นาตาลี)ก็ไม่เลวนะ
Besame Mucho ส่วนใหญ่จะเล่นช้าๆ ถึงปานกลาง ฟังแล้วอ่อนหวาน เหมือนการอ้อน แต่ของ Beatles  นี่ รู้สึกเหมือนความรักมันรุ่มร้อนออกมาจากหัวใจ  o18 อันนี้ต้องการสื่อว่า ใจของตั้ม ตอนนี้กำลังเริ่มหวั่นไหวอย่างแรง
ส่วน Tenderly ของนาตาลีืผมว่ายังหวานสู้ของปู่แนทมะได้อะฮับ เลือกอันนี้เพราะต้องการสื่อว่า ตั้ม สัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนของ ภู น่ะครับ  :-[

sun

  • บุคคลทั่วไป
“ให้เวลาเราอีกหน่อยนะ ตัวเราเป็นของนายแล้ว ให้เวลาหัวใจเราอีกนิดนะ” ตั้ม พูดพลางหอบหายใจ
^
^
 อ๊ายยยยย..เขิ๊นเขินนนน...  :o8:  นายตั้มพูดไปเเล้ว  กรี๊ดดดด...ด

นั่นจิเนาะ  นายภูรออีกหน่อย ก้อจะได้เป็นเจ้าของร่างกายและ หัวใจ  ของนายตั้มแล่ะเนาะ อิอิ  o7

ป๋อล่อ*.... แหะๆ ขอสารภาพ  เพลงสองเพลงนี้ไม่รู้จักไม่เคยฟังค่า เอิ้กๆ

kana

  • บุคคลทั่วไป
กรี๊ดดดด มาตามบ้า Besame Mucho ด้วยอีกคน เหอะๆๆ :o8:

น่ารักอ่ะ แต่ดูเหมือนตัดๆไปเยอะอ่ะ แง่มๆๆ ขอมากกว่านี้อีกปานกลางได้ไหมค่ะ :m12: :m13:
เหอะๆๆ ไม่ได้ หมก แต่ มุ่น เฉยๆค่ะ :m1:

ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :bye2:

ออฟไลน์ Tetjinen

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 390
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
 :m25: น่ารักๆ ชอบจังเลยครับ ภูรุ้ใจตัวเองแล้ว รอตั้มเปิดใจรับภู  :o8:

ออฟไลน์ AidinEiEi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 776
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-1
จะน่ารักไปถึงหนายยยยยยยยย :o8:

kongkilmania

  • บุคคลทั่วไป
อ่านตอนนี้แล้วเขิลวุ้ย   :o8:
ไม่ใช่ตัวเองซะหน่อย จะเขินทำไมเนี่ยเรา
ชักจะอินไปหน่อยละ
เห็นเค้าอ้อนกันแล้ว    :m1:
วันหลังต้องไปแอบใต้เตียงแล้ว   :m24: ไว้เป็นหลักฐาน    :laugh:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3731
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
หวานมากจนมดอายแล้วมั้ง 5555

ออฟไลน์ บุหรง

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 854
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +709/-3
    • My FB
๒๗

“ปอ มีอะไรจะบอกเราเหรอ” ตั้ม ถามกับรูปของ ปอ ที่อยู่ในช่องเล็กๆของเจดีย์ ที่สูงไล่เลี่ยกับความสูงของเขา

นี่เป็นครั้งที่สองแล้ว ที่เขาฝันเห็นภาพนั้นอีกครั้งหนึ่ง ภาพของ ปอ ที่ยิ้มให้ แล้วเดินมากอดเขาไว้  สักพักมีคนมาลูบไหล่เขาทางด้านหลัง พอหันไปดู คนที่ลูบไหล่อยู่นั้นกลายเป็น ปอ เขารู้สึกตกใจมากเลยหันไปดูคนที่กอดอยู่ คนคนนั้นกลับกลายเป็น ภู แล้ว ปอ ก็เข้ามากอดเขาไว้ด้วยอีกคนหนึ่ง
“เรากลัวนะ ปอ เรากลัวจริงๆ”
ความหวาดหวั่นเข้ามาเกาะกุมใจเขาไว้ นับจากลางสังหรณ์ในเรื่องของ ปอ เมื่อสี่ปีที่แล้ว ไม่กี่เดือนถัดมา มันก็เกิดขึ้นอีกครั้ง ครั้งนั้น เป็ด เพื่อนที่ดีอีกคนหนึ่งของเขาก็จากไป เดือนเมษายนของปีถัดมา ตั้ม ฝันเห็นเพื่อนคนหนึ่งเดินเข้ามาบอกลา แล้ว ตั้ม ก็ได้รับข่าวอุบัติเหตุจากการขับรถมอเตอร์ไซด์ ของเพื่อนคนนั้น และครั้งสุดท้ายในปลายปีนั้น ... พ่อของเขาเอง

ติ๊ดิ๊ด ... ติดิ๊ด ...
เสียงจากโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงดังขึ้น ตั้ม หยิบขึ้นมาดูชื่อบนหน้าจอแล้วรับสาย
“ว่าไง” ตั้ม กรอกเสียงลงไป
“วันนี้วันหยุดใช่มะ ตอนนี้อยู่บ้านหรืออยู่ที่ไหน” เสียงจากปลายสายพูดมา
“อยู่ที่วัดน่ะ  มาเยี่ยม ปอ”
“อ้าว เหรอ ไม่บอกกันมั่ง จะได้ไปด้วยคน ไม่ได้ไปนานแล้วเหมือนกัน” เสียงเงียบไปสักครู่หนึ่ง “แล้วไปธุระที่ไหนต่อรึเปล่า”
“ไม่มีหรอก เดี๋ยวออกจากวัดค่อยคิด”
“งั้น มากินข้าวกลางวันกันหน่อย พอมาได้มะ”
“อื้อ ได้ ที่ไหนล่ะ”
แล้วทางปลายสายก็บอกสถานที่พร้อมกับเวลานัดหมาย ตั้ม วางสายเก็บโทรศัพท์ลงไปในกระเป๋ากางเกงยีนส์ หันหน้าไปมองที่รูปของ ปอ อีกครั้งด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความรัก และคิดถึง
.................................................................................
.......................................
“มานานรึยังวะ” ดม ถามคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะ แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้าม
“เพิ่งมาถึงเหมือนกัน แล้วนี่มีใครอีก” ตั้ม ถามยิ้มๆ เพราะทุกครั้งที่ ดม โทรมานัดในวันหยุดของเขาแบบนี้ มักจะมีคนอื่นพ่วงมาด้วยเสมอ ก็น่าแปลกที่เพื่อนบางคนไม่นัดกับ ตั้ม เองโดยตรง
“รู้ดีนะเอ็ง สั่งอาหารก่อนดีกว่า หิวแล้ว” ดม หันไปเรียกพนักงานบริการมาสั่งอาหาร แล้วชวน ตั้ม ไปตักสลัดมากินระหว่างรออาหารจานหลัก และรอคนที่จะมา
ทั้งสองคนนั่งคุยกันไปเรื่อยๆ สักพักก็มีคนมานั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆ ตั้ม
“โทษที ช้าไปนิดนึง” พูดแล้ว นึก ก็หันมายิ้มให้ ตั้ม
“สั่งอาหารก่อนเลยเอ็ง แล้วไปตักสลัดเองนะเว๊ย” ดม พูดดุๆ
“เออ หิวจะแย่เหมือนกัน”
พูดจบ นึก ก็หันไปเรียกพนักงานบริการมาสั่งอาหาร แล้วไปตักสลัดมานั่งกินด้วยกัน แล้วก็นั่งคุยกันไปเรื่อยๆ ส่วนใหญ่ นึก จะถามถึงเพื่อนคนนั้นคนนี้ แล้ว ดมจะเป็นคนตอบ ในขณะที่ ตั้ม เป็นคนฟังเสียเป็นส่วนมาก
“ตั้ม เดี๋ยวนี้ใส่สร้อยคอด้วยเหรอ” นึก ถามขึ้นมาตอนหนึ่งระหว่างที่คุยกัน เพราะปรกติ ตั้ม แทบจะไม่ใส่เครื่องประดับเลยแม้แต่นาฬิกา ก็ดูจากโทรศัพท์มือถือ เครื่องประดับเพียงชิ้นเดียว คือแหวนทองขาวประดับเพชรในนิ้วนางซ้าย ที่เป็นประกายแวววาว แสดงถึงการดูแลเป็นอย่างดี
“อื้อ” ตั้ม ตอบพลางยิ้มน้อยๆ หน้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง
“อะไรวะ แค่นี้ต้องเขิน แฟนให้เหรอไง” ดม พูดยิ้มๆ
“ไม่ใช่แฟนหรอก แต่กำลังคบกันอยู่” ตั้ม ตอบเบาๆ ไม่ได้สังเกตว่า ดม หันไปมองหน้า นึก ที่เปลี่ยนสีหน้าไปทันที
“แล้วมันต่างกันยังไงวะ แฟน กับ คนที่คบกับอยู่” ดม หันกลับมาถาม
“เราว่าคำว่าแฟนมันดูฉาบฉวยเกินไป เหมือนพวกแฟนเพลง แฟนหนัง แฟนคลับอะไรแบบนั้น”
“แล้วคนที่คบกันอยู่ล่ะวะ” ดม ถามยิ้มๆ
“ก็ลองคบกัน ดูนิสัยกัน แล้วอาจจะเป็นคนรักไง”
“แล้วคราวนี้จะดูกันซะกี่ปีดี” นึก พูดขึ้นอย่างหมั่นไส้
หน้าของ ตั้ม ซีดเผือดลงไปทันที ดม หันไปทำหน้าดุใส่ นึก
“เราขอโทษ เรา...” นึก เริ่มตะกุกตะกัก
“ไม่เป็นไรหรอก” ตั้ม พูดยิ้มน้อยๆ “ว่าแต่ ดม เหอะ เดี๋ยวต้องทำงานนี่ เชคบิลเลยมั๊ย”
“เออ ดีเหมือนกัน แล้วนี่เดี๋ยวเอ็งไปไหนต่อล่ะ” ดม ถาม แล้วหันหน้าไปเรียกพนักงานบริการ
“กลับบ้านมั๊ง ไม่รู้จะไปไหนเหมือนกัน”
“นึก ล่ะ ไหนว่าจะชวน ตั้ม มันเดินเล่นไง ยังอยากอยู่ป่ะ” ดม หันไปถามยิ้มๆ
“เออ” นึก ตอบแล้วหันไปทาง ตั้ม “ไปเดินเล่นกันดีกว่า เดี๋ยวถ้ามีหนังดีๆ ดูหนังกันซักรอบ”
ตั้ม มองหน้า นึก อย่าง งงๆ  เพราะปรกติ นึก ไม่เคยชวนเขาไปไหนด้วยกันตามลำพังมาก่อนเลย
“อื้อ ก็ได้ แต่เดี๋ยวเราขอเข้าห้องน้ำแป๊บนะ” พูดจบก็ลุกออกจากโต๊ะไป

“มึงจะเอาไง ยังจะคุยกับมันเรื่องนั้นอีกเหรอ” ดม ถามเสียงเครียด
“เออ ลองดูไม่เสียหายนี่หว่า ทางโน้นก็แค่คนที่ลองคบกันอยู่ ยังไม่ได้เป็นอะไรกัน” นึก ตอบยิ้มๆ
“แต่กูว่ายากหว่ะ รู้ๆอยู่ มันใจแข็งฉิบ กูลองแย๊บๆดูตั้งหลายที มันไม่เห็นพูดอะไร” ดม ขมวดคิ้ว
นึก ยิ้มให้โดยที่ไม่ได้ตอบอะไร แล้วก็หันไปมอง ตั้ม ที่กำลังเดินกลับมาที่โต๊ะ

ออฟไลน์ zandwizz

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2245
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-7
Re: ความทรงจำที่หŪ
«ตอบ #192 เมื่อ18-06-2008 20:54:34 »

 :m4: :m4: สุดยอด ตามอ่านภาคแรก กับภาคสอง

งานการไม่ต้องทำมัน อิิอิ.....

สนุกมากคับคุณบุหรง

 :m13: :m13: :m13:

จิ้มโดยไม่รู้ตัว อิอิ......
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-06-2008 21:08:50 โดย zandwizz »

ออฟไลน์ บุหรง

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 854
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +709/-3
    • My FB
กรี๊ดดดด มาตามบ้า Besame Mucho ด้วยอีกคน เหอะๆๆ :o8:

น่ารักอ่ะ แต่ดูเหมือนตัดๆไปเยอะอ่ะ แง่มๆๆ ขอมากกว่านี้อีกปานกลางได้ไหมค่ะ :m12: :m13:
เหอะๆๆ ไม่ได้ หมก แต่ มุ่น เฉยๆค่ะ :m1:

ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :bye2:
อารายเหรอ ที่เหมือนตัดๆไปเยอะ  :confuse:
อ่านตอนนี้แล้วเขิลวุ้ย   :o8:
ไม่ใช่ตัวเองซะหน่อย จะเขินทำไมเนี่ยเรา
ชักจะอินไปหน่อยละ
เห็นเค้าอ้อนกันแล้ว    :m1:
วันหลังต้องไปแอบใต้เตียงแล้ว   :m24: ไว้เป็นหลักฐาน    :laugh:
ใต้เตียงคงแอบไม่ได้หรอกครับ เพราะเตียง ภู ด้านล่างปิดทึบ ไม่มีที่ให้มุด ส่วนห้อง ตั้ม เป็นฟูกปูกับพื้น :laugh3:

sun

  • บุคคลทั่วไป
จะมีต่ออีกมะคะ คุนบุหรง   จะรออ่าน คึคึ

นึกยังไม่เลิกพยามอีกเหรอ... ไหนตอนนั้น ...  แล้วทำไม เด๋วนี้ กลับมาแบบนี้อีกล่ะ   :m14:


ถ้านายภูรู้... มิหึงแย่เหรอเนี่ยเอิ้กๆ



*ไม่มีที่มุด ... เกาะข้างฝา  กะฝ้าเพดานดูได้มะคะคุนบุหรง  คิคิ   :m23:



ออฟไลน์ RN

  • Global Moderator
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3649
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1650/-14
นึก ยังอยู่  คึคึ

รออออออออออออออออออออ

kana

  • บุคคลทั่วไป
ไม่รู้หรือแกล้งไม่รู้ค่ะ พี่
 :o8:

ก็......... อยากดูฉากไอติมร้อน ฮ่าๆๆๆๆๆๆ
(ก็ตอนนี้มันเย็นอ่ะ เลยอยากได้ไอร้อนมาประดับซักหน่อย)

 :m1:ก๊ากกกกก

มาต่ออีกน๊า :oni2:

ออฟไลน์ AidinEiEi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 776
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-1
นึกโผล่มาแล้วววววววววว ตัวป่วนของฉัน o12
เฮ้อแววยุ่งยากมาให้เห็นรางๆแฮะ

ออฟไลน์ zandwizz

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2245
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-7
 :oni3: :oni3: :oni3:  จงมา ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ

ไปหลงอยู่ไหนเนี่ย  มาต่อด่วนจ้า.......




ออฟไลน์ บุหรง

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 854
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +709/-3
    • My FB
๒๘

“ทางนี้ เ๋ดี๋ี่ยวเราช่วยดีกว่า” นึก พูดพลางเอื้อมมือไปจับ มือ ตั้ม เพราะความมืดในโรงหนัง ทำให้เขามองไม่ค่อยเห็นทางเดิน

โรงหนังเล็กๆในช่วงบ่ายของวันจันทร์ เป็นช่วงที่มีคนไม่มากนัก ที่นั่งตรงกลางทางด้านหลัง ทำให้สามารถดูหนังที่ฉายอยู่ได้อย่างเต็มที่
“แอร์เย็นเหรอ” นึก ถามเมื่อเห็นอีกฝ่านเริ่มดึงแขนเสื้อที่พับไว้ลงมาปิดท่อนแขน แล้วกอดอกไว้
“อื่อ” ตั้ม ตอบสั้นๆ เพราะกำลังสนุกกับหนังบนจอ
นึก ยกที่วางแขนที่กั้นระหว่างที่นั่งพับไปไว้ที่ซอกเก้าอี้ แล้วเอาแขนโอบไหล่คนที่นั่งข้างๆไว้ ส่วนอีกมือก็เอื้อมมาจับที่ต้นแขน ลักษณะเหมือนจะกอด เอาไว้ ตั้มเองเหมือนจะฝืนตัวเอาไว้แล้วถอยห่างไปเล็กน้อย แต่ไม่สำเร็จ เขาถูก นึก รั้งตัวเอาไว้
“เอ้อ.. นึก เราไม่หนาวขนาดนั้นหรอก” ตั้ม พูดเบาๆ แต่ความจริงแล้วรู้สึกตกใจไม่น้อยเหมือนกัน
“จะได้อุ่นๆไง” นึก ตอบทั้งๆที่สายตายังอยู่ที่จอหนัง
ตั้ม ไม่รู้จะทำอย่างไรจึงปล่อยให้ถูกกอดอยู่อย่างนั้น แต่สักพักก็รู้สึกว่าคนข้างๆขยับเข้ามาจนชิดกันมากกว่าเดิม แล้วคางของอีกฝ่ายหนึ่งก็มาแตะอยู่ที่หน้าผากของเขา
“เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมได้มั๊ย” นึก พูดพลางบีบที่ต้นแขนของ ตั้ม เบาๆ
“ตอนนี้ก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมอยู่ไม่ใช่เหรอ” ตั้ม ตอบ
“เราหมายความว่า เราสองคนมาเป็นแฟน...” นึก หยุดชะงักไปสักครู่  พลางนึกถึงที่ ตั้ม พูดในร้านอาหาร “เอ้อ...เราหมายความว่า เราสองคนมาลองคบกันดูดีมั๊ย”
“ไม่ดี” คำตอบที่สวนมาทันทีทำเอา นึก งงไปเหมือนกัน “ดูหนังก่อน มีไรเดี๋ยวค่อยคุย” ตั้ม พูดโดยที่สายตาไม่ละจากจอหนัง
ได้ยินแบบนั้น นึก จึงได้ยิ้มออก พลางคิดในใจว่าเขาคงจะได้ในสิ่งที่เขาต้องการ เพราะไม่มีคำปฏิเสธจากอีกฝ่าย เขาจึงหันหน้ากลับไปดูหนังบนจอต่อ โดยที่ยังคงกอดคนข้างๆไว้ไม่ยอมปล่อย

อ้อมกอดของ นึก ทำให้ร่างกายของ ตั้ม รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาก็จริง แต่ในใจกลับไม่ได้รู้สึกอบอุ่นเลยแม้แต่น้อย มีแต่ความตะขิดตะขวงใจ ที่อีกฝ่ายทำเช่นนี้

และ ตั้ม ไม่รู้เลยว่า เหตุการณ์ในโรงหนังอยู่ในสายตาของคน ๓ คนที่นั่งถัดไปไม่กี่แถวทางด้านหลัง
............................................................................
...................................
ร้านไอศครีมร้านเดิม โต๊ะตัวเดิม ตัวที่เขานั่งกับ ภู ในวันแรกที่มาด้วยกัน แต่วันนี้ คนที่นั่งตรงข้ามเขา คือคนที่เขาเคยมีความรู้สึกดีๆให้ เมื่อนานมาแล้ว
“ตั้ม ตกลงว่าไง โอเคใช่มั๊ย” นึก ถามขึ้นมาระหว่างที่กินไอศครีมกันไปสักครู่หนึ่ง
“เรื่องอะไรเหรอ” ตั้ม ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ พลางตักไอศครีมเข้าปาก
“ก็ที่เราถามในโรงหนังไง”
“ตอนนั้นดูหนังอยู่ จำไม่ได้และ” ตั้ม พยายามเลี่ยง คนถามจึงขมวดคิ้วเหมือนเด็กถูกขัดใจ
“งั้นเราถามใหม่แล้วกัน เราสองคนมาลองคบกันดู ดีมั๊ย”
“ไม่ดี” ตั้ม ตอบทันทีเหมือนตอนที่อยู่ในโรงหนัง
“ทำไมล่ะ” นึก พูดดุๆ
“ก็ตอนนี้เรามีคนที่กำลังคบกันอยู่ นายก็รู้นี่นา”
“ก็แค่กำลังคบกัน กำลังดูกันอยู่ไม่ใช่เหรอ ไม่ได้เป็นอะไรกันซะหน่อย”
“ใครว่าล่ะ” พูดเบาๆพลางหน้าเริ่มแดงขึ้น ... ขนาดนี้แล้วยังไม่ได้เป็นอะไรกันอีกเหรอไง
“เราแค่กำลังรอดูว่า จะบอกความรู้สึกให้เขารู้เมื่อไหร่เท่านั้นแหละ เราอยากมั่นใจกว่านี้อีกซักนิด” ตั้ม พูดเลี่ยงไป
“แปลว่านายรักคนคนนั้นแล้วล่ะสิ” นึก พูดด้วยสีหน้าที่หมองลง คำพูดที่เขาเตรียมมา เพื่อหวังให้อีกฝ่ายเอนเอียงมาทางเขา ต้องถูกเก็บเอาไว้ ไม่สามารถพูดออกมาได้
“แล้วนายจะรออะไร ทำไมไม่บอกๆไปซะล่ะ” นึกพูดต่อด้วยอารมณ์ไม่สู้ดีนัก
ตั้ม ยิ้มโดยไม่ได้ตอบอะไร จะให้บอกไปได้อย่างไรว่า ที่เขาไม่คิดจะบอกรักกับใครก่อน ก็เพราะความกลัวในใจ ที่เคยเกิดขึ้นเพราะคนตรงหน้าเขานั่นเอง
“นึก นายเชื่อเรื่องพรหมลิขิตมั๊ย” ตั้ม พูดเบาๆ ทำให้ นึก จ้องหน้าคนที่พูดด้วยความสงสัย “ถ้าเราถูกกำหนดให้เป็นของใคร ไม่ว่าจะอยู่ห่างกันแค่ไหน หรือมีเรื่องให้แยกกันไป มันก็มีเรื่องให้ต้องกลับมาเจอกันอีก แต่ถ้าถูกกำหนดไม่ให้เป็นคู่กัน  ถึงจะได้กลับมาเจอกันอีกซักกี่ครั้ง ก็ไม่มีทางที่จะได้อยู่ด้วยกัน”
“เหลวไหล นั่นมันข้อแก้ตัวของพวกไม่สมหวังตะหาก”
“อาจจะใช่ เรื่องแบบนี้ บางทีมันเป็นเพราะการเลือกของคนเราเองตะหาก เรื่องของพวกเราก็เพราะตอนนั้น พวกเราเลือกกันเองไม่ใช่เหรอ”

… นั่นสินะ ... ทำไม นึก จะจำไม่ได้เล่า เมื่อหลายปีก่อน เขาเองเป็นคนเลือกที่จะปฏิเสธคนตรงหน้านี้ แล้วพอโอกาสตกมาถึงเขา ตั้ม เองที่เป็นคนปฏิเสธ ด้วยเหตุผลที่มาจากตัวเขาเอง เหตุผลที่เขามาสำนึกได้ในภายหลัง ว่าเหตุผลนั้นมันช่างเป็นเหตุผลที่งี่เง่าเสียเหลือเกิน
“แปลว่า ตอนนี้นายเลือกคนคนนั้นมากกว่าที่จะเลือกเรา” นึก พูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ตั้ม ถอนหายใจยาวพลางเปลี่ยนสายตา มองออกไปภายนอกร้าน สายตาที่ทอดไปไกลเหมือนกำลังใช้ความคิด สักพักก็หันหน้ากลับมาหาคนที่นั่งอยู่ตรงข้าม
“เราไม่ได้เลือกใครหรอกนะ แต่เป็นเพราะตอนนี้ เราเป็นคนของเค้าแล้ว” พูดแล้วหน้าก็เปลี่ยนเป็นสีแดงกล่ำ เว้นระยะพูดไปครู่หนึ่ง
“นึก...” ตั้ม เรียกชื่อคนที่อยู่ตรงข้ามด้วยความอ่อนโยน
“เราขอบใจมากนะ สำหรับความรู้สึกที่นายมีให้เรา แต่เราเสียใจที่เราตอบรับไม่ได้ เราเสียใจจริงๆนะ” ตั้ม ยิ้มเศร้าๆ “ถ้าจะว่าไป คงต้องบอกว่า มันช้าเกินไป ทำไมไม่มาบอกเราเร็วกว่านี้ นายไม่ใช่เพิ่งจะคิดแบบนี้ไม่ใช่เหรอ”

... เมื่อก่อนนายไม่กล้าพูดกับเราหรอก เรารู้ เพราะนายคิดถึงเราเวลาที่นายอกหักจากผู้หญิงที่นายคบ แล้วพอนายพบผู้หญิงคนใหม่  นายก็ลืมเรา บอกเราสิ บอกความจริงกับเรา เราอยากได้ยินมันจากปากของนายเอง มากกว่าจะได้รู้จากคนอื่น ... ตั้ม คิดพลางก้มหน้าลง

 “ตั้ม” นึก เรียกเบาๆ คนที่ก้มหน้าอยู่จึงเงยหน้าขึ้นมามอง “ไม่ให้โอกาสเราจริงๆเหรอ”
“เราบอกแล้วไง มันสายไปแล้ว” ตั้ม พูดด้วยแววตาเศร้าๆ “ถือว่ามันเป็นพรหมลิขิตแล้วกัน”
ทั้งสองคนจ้องมองกันแน่วนิ่ง แต่ต่างก็ไม่รู้ว่าที่แท้จริงแล้ว อีกฝ่ายหนึ่งกำลังคิดอะไรอยู่

... เสียดาย ... เสียใจ ... หมดหวัง ... หรือความรู้สึกใดกันแน่

“แต่เรายังเป็นเพื่อนกันใช่มั๊ย” นึก พูดขึ้นมาหลังจากที่นิ่งเงียบไปนาน
“อื้อ เรายังมีความรู้สึกดีๆให้กันอยู่นี่ เรายังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน จริงมั๊ย” ตั้ม ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน เหมือนที่เขาเคยทำเมื่อหลายปีก่อน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-07-2008 12:32:34 โดย บุหรง »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ บุหรง

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 854
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +709/-3
    • My FB
ไม่รู้หรือแกล้งไม่รู้ค่ะ พี่
 :o8:

ก็......... อยากดูฉากไอติมร้อน ฮ่าๆๆๆๆๆๆ
(ก็ตอนนี้มันเย็นอ่ะ เลยอยากได้ไอร้อนมาประดับซักหน่อย)

 :m1:ก๊ากกกกก

มาต่ออีกน๊า :oni2:
อารายหว่า ไอติมร้อน  :confuse:

ออฟไลน์ zandwizz

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2245
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-7
Re: ความทรงจำที่หŪ
«ตอบ #201 เมื่อ19-06-2008 21:29:09 »

จิ้ม ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ


แหม ๆ ๆ ๆ ทำเป็นไำม่รู้เรื่อง ไอติมร้อน


 :a6: :a6: :a6: :a6:


ซึม สั้นได้ใจจิง ๆ ๆ ๆ ๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-06-2008 21:34:18 โดย zandwizz »

sun

  • บุคคลทั่วไป
อ้างถึง
เหตุการณ์ในโรงหนังอยู่ในสายตาของคน ๓ คนที่นั่งถัดไปไม่กี่แถวทางด้านหลัง

^
^

 :m22:   สามสายตา เจ้ยยยยยยย... ใครกันน่อ.... ซักหวาดๆ ซะแล่ะ เอิ้กๆ

หนึ่งในสามสายตานั้น จะใช้....นายภูรวมอยู่ด้วยอ๊ะป่ะ  เอิ้วววว...   :m30:

ออฟไลน์ Tetjinen

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 390
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
 o13 ตั้มปฏิเสธไปดีมากเลย หุหุ

แก้ว

  • บุคคลทั่วไป
จะมีเหตุการณ์อะไรให้ตั้มเสียใจอีกล่ะคะ


ขอให้ภูอย่าเข้าใจผิดเป็นพอแระ  :serius2:


andy_kwan

  • บุคคลทั่วไป
ตั้มปฏิเสธไปก็ดีแล้ว
ผู้ชายแบบนี้มักจะเห็นเราเป็นของตาย จะกินเมื่อไรก็ได้ จะทิ้งเมื่อไรก็ได้

รอนายภูอีกสักนิดเถอะ

ออฟไลน์ AidinEiEi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 776
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-1
เฮ่อ...ว่าแล้วววววววววววววเชียวววววววววววว
ง่า.....ภู.....ตั้ม....ง่า......พูดไม่ออก

kongkilmania

  • บุคคลทั่วไป
สะใจซะจริงเรา นายนึกโดนน้องตั้มเราหักอกซะแล้ว    :m14: โสนะหน้า
ทีเมื่อก่อนทำน้องตั้มเราน้ำตาตกไปหลายปี๊บ
คิดว่าคนอื่นเป็นของตายรึไง
สม คงกะว่าพอบอกขอรีเทิร์น แล้วน้องตั้มต้องรีบโดดตะครุบเลยอ่ะดิ
ใสเจีย เสียใจว้อย   :laugh:  สะใจ เกลียดมานนนน
อ้อ แล้วยังมาเนียนกอดตั้มให้ใครเห็นอีกหล่ะเนี่ย
มาสร้างความร้าวฉานให้ชาวบ้านเค้าจริงๆ อย่างนี้ต้องเจอ   :เตะ1:



ออฟไลน์ บุหรง

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 854
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +709/-3
    • My FB
๒๙

“หนังไม่สนุกเหรอ” ตั้ม ถามขึ้นหลังจากที่ออกมาจากโรงหนัง

ตั้งแต่เปิดเทอมมาได้เดือนกว่า ภู จะนัดให้ ตั้ม ออกมาเจอกันในช่วงเย็นวันจันทร์ ดูหนังบ้าง เดินเล่นตามศูนย์การค้าบ้าง เวลากลางคืน ตั้ม ก็จะไปค้างที่อพาร์ตเมนท์ของ ภู และจะกลับในตอนสายๆหรือช่วงบ่ายของวันอังคาร ยกเว้นสัปดาห์ที่แล้ว ที่ ภู มีรายงานที่จะต้องเร่งทำ จึงไปค้างที่อพาร์ตเมนท์ของ อาร์ท สัปดาห์นั้นทั้งสองคนจึงไม่ได้เจอกัน

สัปดาห์นี้ ภู โทรศัพท์ไปนัดให้ ตั้ม ออกมาเจอกันเช่นเคย แต่ดูเหมือนวันนี้ ภู จะมีอะไรอยู่ในใจ ทำให้ไม่ยิ้มแย้มเหมือนเช่นเคย ตั้ม รู้สึกว่าถูกมองด้วยสายตาหวาดระแวงอยู่ตลอดเวลา ในโรงหนัง ภู ไม่กุมมือเขาเหมือนเช่นเคย เมื่อชวนให้กินข้าวโพดคั่ว หรือเครื่องดื่ม ภู ก็เหมือนจะตอบรับอย่างเสียไม่ได้ แม้แต่ตอนออกจากโรงหนัง ปรกติ ทั้งสองคนจะเดินอยู่เคียงกัน พลางคุยกันถึงหนังที่เพิ่งจะดูจบไป แต่วันนี้ ภู กลับเดินนำออกมา เหมือนไม่ได้สนใจอีกฝ่ายหนึ่งเลย
“ภู” ตั้ม เรียกคนที่เดินลิ่วนำหน้าไป เขาพยายามเดินตาม แต่การเดินเร็วๆทำให้เกิดอาการเก่าๆตามมา พี้นเริ่มเอียง ภาพรอบๆเริ่มหมุนคว้าง จนต้องหยุดเดินแล้วหลับตาลง เพื่อให้หายจากอาการ ‘เมา’ แต่พอเขาลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง  ภู ก็หายไปจากสายตาของเขาเสียแล้ว ตั้ม จึงได้แต่ยืนอยู่ตรงนั้น ไม่รู้ว่าจะเดินไปทางไหนดี
.......................................................................
.................................
“จริงๆนะเว๊ย ไม่ได้โกหก ไม่เชื่อถาม จูน กับ นพ มันดูดิ๊” กิ่ง พูดยืนยัน ภู ได้ยินก็หันไปมองทั้งสองคน เป็นเชิงถาม
“เออ กูเห็นจริงๆ ทีแรกกูนึกว่าดูผิดคน พอหนังเลิกเปิดไฟ ถึงได้เห็นชัดๆ” นพ บอกพลางทำหน้าเบ้ “กูว่าแล้ว ไอ้พวกแบบนี้ มันมั่วทั้งนั้นแหละ”
“กูก็ตกใจหว่ะ ไม่คิดว่า ตั้ม จะทำแบบนั้น” จูน พูดแบบนี้ ก็เหมือนยืนยันในสิ่งที่เห็น
“พวกเอ็งพูดเกินไปรึเปล่าวะ ครูเค้าจะเป็นแบบนั้นได้ไง” นน ถามอย่างไม่ค่อยเชื่อนัก
“แต่พวกกูเห็นจริงๆนี่หว่า นั่งกอดกันกลมดิ๊กเชียว หน้างี้ติดกันเชียว ท่อนบนยังขนาดนี้ ข้างล่างไม่รู้ทำอะไรกันมั่ง” นพ พูดอย่างไม่เกรงใจ

เหตุการณ์ในโรงหนังวันนั้น ถูกเห็นโดย จูน กิ่ง และ นพ แล้วนำมาถ่ายทอดให้ ภู ฟังในวันถัดมา

ภูเก็บเรื่องนั้นไว้ในใจ ยิ่งนานวัน ยิ่งรู้สึกข้องใจมากขึ้น ความไม่พอใจแสดงออกมาอย่างปิดไม่มิด เมื่อเขาพบ ตั้ม ในวันนี้ ยิ้มสดใสที่อีกฝ่ายยิ้มให้ กลับทำให้เขาหงุดหงิดมากขึ้น
“ภู” ตั้ม เรียกพลางมองด้วยสายตาห่วงใย “มีเรื่องอะไรไม่สบายใจเหรอ” ตั้ม คงสังเกตออกถึงความหงุดหงิดของเขา
“เปล่า” เขาตอบเสียงสะบัดๆ
ตั้ม ยังคงชวนเขาคุย และชวนดูสิ่งของต่างๆเป็นระยะๆ เหมือนจะพยายามให้เขาสบายใจขึ้น แต่พอเขานิ่งเงียบ ตั้ม ก็พลอยเงียบไปด้วยอีกคน
“ดูหนังกันมั๊ย” ตั้ม เอ่ยชวน เพราะคิดว่าอาจจะทำให้ ภู อารมณ์ดีขึ้น
“อื้อ” ภู ตอบอย่างเสียไม่ได้

ติ๊ดิ๊ด ... ติดิ๊ด ...
เสียงโทรศัพท์ของ ตั้ม ดังขึ้นขณะที่กำลังเดินเข้าโรงหนัง
“ตั้ม ตอนนี้อยู่ไหนน่ะ” เสียงของคนทางปลายสายพูดทันทีที่ ตั้ม รับสาย
“กำลังจะเข้าไปดูหนังน่ะ นึก มีอะไรเหรอ”
“ว่าจะชวนมาฟังเพลงกันน่ะ นัดพรรคพวกไว้ ว่าแต่ดูหนังกับใคร”
“ก็คนนั้นแหละ” ตั้ม พูดพลางยิ้มกว้าง
“คนนั้นน่ะครายยยย” นึก พูดเสียงยานคาง เหมือนล้อเลียน
“ยังมาถามอีก แกล้งเรานี่นา” พูดแล้วหน้าก็เปลี่ยนเป็นสีแดง
“งั้นดูหนังให้สนุกนะ” พูดจบก็วางสายไป
ใบหน้าที่ยิ้มแย้ม และเปลี่ยนเป็นสีแดงเหมือนเขินอายเมื่อสักครู่ ทำให้ ภู หงุดหงิดมากขึ้น ... ไอ้คนนั้นโทรมาแหง ... คิดแล้วก็คว้าโทรศัพท์มือถือในมือของ ตั้ม มาไว้ในมือของเขา
“ปิดโทรศัพท์ไว้ก่อนแล้วกัน เดี๋ยวดูหนังจบค่อยเปิด”  เขาพาลปิดโทรศัพท์มือถือของ ตั้ม แล้วเก็บเข้าไปรวมกับโทรศัพท์ของเขาในกระเป๋ากางเกงยีนส์
ตั้ม ได้แต่มองอย่างงุนงง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เพราะไม่อยากขัดใจคนที่กำลังอารมณ์ไม่ดีอยู่

เขาดูหนังที่ฉายอยู่บนจอรู้เรื่องมั่ง ไม่รู้เรื่องมั่ง ถึง ตั้ม จะชวนเขากินข้าวโพดคั่ว หรือเครื่องดื่มเขาก็ไม่ค่อยสนใจเท่าไรนัก เมื่อหนังจบก็เดินออกมาจากโรงหนังอย่างรวดเร็ว เขาเดินไปนานพอสมควร พลางคิดเรื่องที่เขารู้มาอย่างหงุดหงิด
... ถามตรงๆเลยดีกว่า ... คิดแล้วเขาก็หันตัวกลับไปถาม คนที่เขาคิดว่ากำลังเดินตามหลังมา
“ตั้ม เรามีเรื่องจะถาม” เขาพบกับกลุ่มคนที่เดินไปมา แทนที่จะพบกับคนที่มาด้วยกัน
“ตั้ม” ทีแรกเขางุนงง แต่ก็เปลี่ยนมาเป็นความตกใจ
“ตั้ม” เขาเรียกอีกครั้งหนึ่งพร้อมกับมองหา ... นี่เขาพลัดกับ ตั้ม ตั้งแต่ตอนไหน หรือโกรธที่เขาไม่สนใจ เลยปลีกตัวกลับไปเงียบๆ
เขาคิดพลางมองหารอบๆอีกครั้งหนึ่ง ... โทรตามก็แล้วกัน ... คิดแล้วก็ล้วงมือลงไปในกระเป๋ากางเกง เพื่อจะหยิบโทรศัพท์
“เฮ้ย...” เขาอุทาน เพราะที่เขาหยิบออกมา คือโทรศัพท์มือถือรูปร่างประหลาดของ ตั้ม “ฉิบหายแล้ว”

เขาตัดสินใจไม่ถูกว่าจะทำอย่างไรดี เพราะไม่รู้ว่าที่จริงเขาพลัดหลงกัน หรือ ตั้ม เดินหนีเขาไปที่ไหนกันแน่ เขามองไปรอบๆตัวอีกครั้งหนึ่ง ขณะที่กำลังคิดก็กดปุ่มเปิดโทรศัพท์มือถือของ ตั้ม ไว้ เผื่อว่า ตั้ม จะโทรเข้ามา แล้วใส่กลับเข้าไปในกระเป๋ากางเกง อีกสักพักเขาก็คิดขึ้นมาได้ จึงหยิบโทรศัพท์มือถือของเขาขึ้นมา กดหาชื่อคนที่เขาคิดว่าจะให้คำปรึกษาที่ดีที่สุดแก่เขาได้
“สวัสดีครับ” เสียงพูดจากอีกฝ่ายที่รับสาย
“พี่ราญ ใช่มั๊ยครับ ผม ภู เอง พี่จำผมได้มั๊ยครับ”
“อ้อ ภู จำได้สิ มีอะไรเหรอ”
“คืออย่างนี้ครับพี่....” ภู เราให้ฟังคร่าวๆ ว่าเขาพลัดหลงกับ ตั้ม และโทรศัพท์ของ ตั้ม อยู่ที่เขา โดยไม่ได้บอกสาเหตุว่าการพลัดหลงเกิดจากอะไร มีเสียงหัวเราะเบาๆมาจากปลายสาย
“เห็น ตั้ม ครั้งสุดท้ายตอนไหน ก็ไปที่นั่นแหละ”
“เอ้อ...คือ...” ภู ตะกุกตะกัก เพราะเขาเองก็จำไม่ได้เหมือนกัน “ผมจำไม่ได้ครับพี่ ผมถึงได้กลุ้มอยู่นี่” เขายอมรับไปในที่สุด
“งั้นมาทางไหน ก็กลับไปทางนั้น”
“อะไรนะครับ พี่” ภู ถามงงๆ มีเสียงถอนหายใจออกมาเบาๆ จากอีกฝั่งหนึ่ง
“เดินย้อนกลับไปทางที่เดินมานั่นแหละ เดี๋ยวก็เจอ อย่าบอกนะว่าคุณจำทางไม่ได้”
“จำได้ครับ แต่ว่า จะเจอเหรอครับ ป่านนี้ไม่เดินไปไหนแล้วเหรอ”
“เชื่อผมสิ เค้ายังอยู่ที่เดิมตรงที่พลัดกับคุณนั่นแหละ แต่...” ราญ หยุดพูดไป เหมือนชั่งใจว่าจะพูดดีหรือไม่
“แต่อะไรครับ” ภู ถามอย่างสงสัย
“ถ้าคุณไม่เจอ แปลว่าคุณไม่ควรคบกับ ตั้ม ต่อไป แต่ถ้าหากคุณเจอว่า ตั้ม ยังรอคุณอยู่ อย่าให้ผมรู้ว่าเกิดเรื่องแบบนี้อีกเป็นครั้งที่สอง ไม่ว่าสาเหตุจะมาจากอะไรก็ตาม”
“ทำไมครับ ถ้าผมไม่เจอ ตั้ม ทำไมผมถึงไม่ควรคบกับ ตั้ม”
“เพราะ ตั้ม รอได้ทุกคนถึงแม้คนคนนั้นจะเป็นแค่เพื่อน แต่ถ้าเค้าไม่รอ นั่นคือ คุณไม่มีความสำคัญสำหรับเขาเลย ไม่ว่าจะฐานะใดก็ตาม”
คำตอบทำเอา ภู แปลกใจไปเหมือนกัน เงียบไปสักพัก เสียงทางปลายสายก็พูดต่อ

“แล้วที่ผ่านมา ไม่ว่า ตั้ม จะหลบหน้าหายไปไหน สุดท้ายก็จะเดินกลับมาหา ปอ เสมอ แต่ถ้าไมเป็นเช่นนั้น ปอ เองจะเป็นฝ่ายที่จะตามหา ตั้ม จนเจอทุกครั้ง คุณเองก็พิสูจน์ด้วยตัวของคุณเองมาแล้ว ไม่ใช่เหรอ”
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-07-2008 12:34:10 โดย บุหรง »

ออฟไลน์ AidinEiEi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 776
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-1
เฮ้อ...ภูเอ๋ย รักตั้มถึงครึ่งนึงของปอม๊ายยยยย
คิดถึงปอจัง :sad2: :sad2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด