✿✿ อัปไลน์ที่รัก ✿✿CHAPTER 23 ❋ คู่จิ้นนอกจอ
คุณเจไม่อยู่ ไปอังกฤษสองสัปดาห์ ดูเหมือนจะเป็นช่วงทดสอบจิตใจของเล็กในการทำธุรกิจพอสมควร ดาวน์ไลน์หลายคนมีปัญหาจุกจิกในการทำธุรกิจมากจนยุ่งยากใจ ความจริงก็อาจจะเป็นปัญหาปกติที่เคยเกิดขึ้น แต่พอเจไม่อยู่แล้วทำให้เล็กขาดที่ปรึกษาที่ไว้วางใจมากที่สุดไป เนื่องจากความแตกต่างของเขตเวลา เจจะมีเวลาตอบไลน์เล็กเป็นเวลาสั้นๆ จากนั้นก็ต้องไปพบดาวน์ไลน์ตามที่ต่างๆ ทั่วอังกฤษ ไปงานบ้าง ไปประชุมบ้าง รวมทั้งได้รับเชิญให้ไปเยี่ยมบ้านของนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในยุโรปที่เยอรมันร่วมกับกลุ่มคนไทยคนอื่นๆ ด้วย สองสัปดาห์ของเจจึงแน่นเอี๊ยดจนแทบจะไม่สามารถปลีกเวลามาตอบไลน์ได้บ่อยๆ เล็กก็อาศัยถามพี่ๆ คนอื่นๆ ในเซ็นเตอร์หรือไม่ก็ไซด์ไลน์คนอื่นไปพลางๆ ก่อน ทุกคนเต็มใจช่วยเป็นอย่างดีแต่เล็กก็เกรงใจเพราะคนอื่นๆ ก็มีธุรกิจของตัวเองที่ต้องดูแลเหมือนกัน
เมื่อไม่กี่วันมานี้บีเพิ่งโทรมาหาเล็กด้วยเรื่องลูกค้าคนหนึ่ง ด้วยความที่เธอเป็นคนที่ค่อนข้างอารมณ์ร้อนจึงใส่อารมณ์พอสมควร
"เล็กคิดดูนะ พี่แจงเนี่ยตกลงเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะซื้อเครื่องสำอางค์ชุดหน้ากระจ่างใสกับบี แล้วตอนหลังก็มาถามบีว่าขอราคาสมาชิกแต่ไม่ต้องสมัครได้ไหม ยังไงๆ บีก็ได้ยอดอยู่แล้ว พอบีไม่ยอมเขาก็ไปซื้อกับนักธุรกิจคนอื่นที่ยอมขายลดราคาให้แต่ไม่ต้องสมัคร ทุเรศกันทั้งคู่เลย ขนมผสมน้ำยาจริงๆ ทำอย่างนี้ธุรกิจมันก็แย่กันหมดสิ โดยเฉพาะนักธุรกิจคนนั้นนะ ทำน่าเกลียดมากเลย ขายตัดราคากันเฉย คอยดูนะบีจะแอบไปสืบชื่อมาแล้วแจ้งบริษัทให้ลงโทษ ไม่ต้องผุดไม่ต้องเกิดไปเลย"
เรื่องนี้ไม่ถือว่ายากนักสำหรับเล็กที่จะตอบ เขาจึงให้คำแนะนำง่ายๆ ไป
"ไม่เป็นไรหรอกบี ถ้าบีอธิบายให้คุณแจงเขาเข้าใจแล้วว่าทำไมเราถึงต้องทำให้ถูกกฎจรรยาบรรณ แต่ถ้าเขายังยืนยันจะสนับสนุนคนทำผิดอยู่ก็ต้องปล่อยเขาไปเถอะ เราทำของเราให้ถูกต้องก็พอแล้ว ถ้าบีอยากจะสืบหาว่านักธุรกิจคนนั้นเป็นใครเราก็ไม่ห้ามนะ ถือว่าช่วยกันสอดส่องดูแลให้เพื่อนๆ นักธุรกิจที่อยากทำธุรกิจให้ถูกต้องคนอื่นๆ ด้วย แต่บีเชื่อคำสอนคนสำเร็จสิ คนไม่ดีแม้สำเร็จก็เป็นเรื่องชั่วคราว คนดีแม้ยังไม่สำเร็จก็เป็นเรื่องชั่วคราว"
สุดท้ายบีจึงยอมปล่อยให้คนรู้จักของเธอที่ชื่อแจงไปซื้อของกับนักธุรกิจที่ยอมลดราคาให้แต่โดยดี คนที่รู้ทั้งรู้ว่าสิ่งที่ทำอยู่ไม่ดีแล้วยังทำก็ย่อมจะบอกพื้นฐานนิสัยได้อยู่แล้ว เราเองก็จะได้รู้ด้วยว่าต่อไปเราจะเลือกใช้เวลากับคนแบบไหน ส่วนนักธุรกิจคนนั้นแจงไม่ยอมให้ข้อมูลว่าเป็นใคร คงกลัวบีจะเอาเรื่องก็เลยต้องช่วยกันปิดบัง
ส่วนอีกวันหนึ่งเล็กก็ต้องรีบโทรไปเตือนน้องชายหลังจากที่เห็นการซื้อของที่ผิดปกตติของดาวน์ไลน์คนหนึ่งของจิ๊ด
"จิ๊ด เอ็งช่วยไปดูคุณเสกสรรค์หน่อย เขาซื้อยาสีฟันไปหลายโหลเลย พี่ว่ามันชักจะมีอะไรไม่ชอบมาพากลแล้วว่ะ พี่กลัวเขาจะเอาไปวางขายในร้าน เห็นจิ๊ดบอกว่าเขามีร้านขายของชำอยู่ไม่ใช่เหรอ"
"ครับพี่เล็ก อ้าว ก็ดีไม่ใช่เหรอครับ จะได้ขายได้หมดไวๆ" จิ๊ดย้อนถามกลับมาอย่างงงๆ เพราะคิดว่าขายของได้ก็ดีแล้ว
"ไม่ได้หรอกจิ๊ด อย่างนี้มันเอาเปรียบคนอื่นแล้วมันก็ผิดกฎจรรยาบรรณด้วย จิ๊ดคิดดูนะ ถ้าเกิดคนที่เขาไม่มีเงินเปิดร้านขายของชำอย่างคุณเสกสรรค์ เขาก็จะทำธุรกิจสู้คุณเสกสรรค์ไม่ได้ ก็จะกลายเป็นว่ามือใครยาวสาวได้สาวเอา แต่ธุรกิจยัวร์เวย์ของเรา ทุกคนต้องทำธุรกิจด้วยการสร้างสายสัมพันธ์กับผู้คนเท่านั้นมันถึงจะยั่งยืน จิ๊ดลองคิดดูนะ ถ้าดาวน์ไลน์หรือสมาชิกของจิ๊ดพากันทำแบบนี้หมดก็จะมีแต่คนเอาเปรียบกัน โอกาสของดาวน์ไลน์แต่ละคนของจิ๊ดก็ไม่เท่าเทียมกัน มันจะเกิดปัญหาได้นะจิ๊ดถ้าเขารู้สึกว่าเขาไม่มีเงิน ไม่มีทุนเปิดร้าน สุดท้ายเขาก็จะไม่ทำกับเรา ธุรกิจของจิ๊ดก็จะมีปัญหา อีกอย่าง ถ้ายัวร์เวย์เขาสงสัยขึ้นมาว่าทำไมคุณเสกสรรค์ซื้อของเยอะผิดปกติ เขาอาจจะส่งสายสืบไปตาม แล้วถ้าเกิดจับได้ว่าคุณเสกสรรค์เอาของไปวางขายในร้านจริงๆ พวกเราทั้งหมดที่เป็นอัปไลน์จะโดนลงโทษกันหมดทุกคนนะจิ๊ด"
นั่นแหละจิ๊ดถึงได้เข้าใจ พอจิ๊ดไปดูที่ร้านของคุณเสกสรรค์ก็พบว่ามีการวางสินค้าขายในร้านอย่างที่เล็กสงสัยจริงๆ ด้วย จิ๊ดคุยกับคุณเสกสรรค์แล้วแต่ก็ตกลงกันไม่ได้เพราะคุณเสกสรรค์ยืนยันว่าเขาจะวางขายในร้านต่อไป ความจริงคุณเสกสรรค์เคยสมัครมาหนหนึ่งและวางสินค้าขายในร้านอย่างนี้มาแล้ว ขายได้เยอะจนได้รางวัลไปเที่ยวต่างประเทศเสียด้วย อย่างไรก็ตาม ธุรกิจก็ไม่เติบโตเนื่องจากไม่ได้มีการช่วยเหลือให้คนอื่นๆ สร้างธุรกิจได้ สุดท้ายก็หยุดไปจนกระทั่งน้องชายของเล็กไปชวนจึงได้เข้ามาทำอย่างเดิมอีกครั้ง
เล็กปรึกษากับพี่ประสิทธิ์แล้วก็ได้รับคำแนะนำว่าถ้าคุณเสกสรรค์ไม่หยุดการกระทำดังกล่าว ให้เล็กไปแจ้งที่ยัวร์เวย์ได้เลย ในกรณีที่อัปไลน์เป็นคนแจ้งเองจะไม่ถือว่ามีความผิดฐานปกปิด สุดท้ายคุณเสกสรรค์ก็ขอลาออกไปเองเมื่อรู้ว่าจิ๊ดจะแจ้งให้ยัวร์เวย์ลงมาดำเนินการตรวจสอบ หมดปัญหาไปอีกหนึ่งเรื่อง
ต่อมาก็เป็นคุณสนิทที่มีปัญหาเรื่องดาวน์ไลน์บางคนไม่ยอมมาเซ็นเตอร์ โทรหาแล้วไม่รับ ไปหาแล้วไม่อยู่หรือไม่มาตามนัด ทำให้คุณสนิทออกอาการท้อใจพอสมควร โทรมาหาเล็กร่ำๆ จะเลิกทำอยู่หลายหน
"ผมว่ามันไม่เหมาะกับผมแล้วล่ะครับคุณเล็ก มันเหมือนกับผมต้องคอยโทรไปตื๊อไปง้อ ผมชอบความรู้สึกนี้เลยคุณเล็ก คุณเล็กคิดดูนะครับ ชวนมากี่คนๆ ก็แทบจะเลิกกันไปหมด คนนั้นก็บอกว่าไม่ว่าง คนนี้ไม่มีเวลา คนโน้นพ่อป่วย แล้วก็อะไรอีกก็ไม่รู้ ปัญหาเยอะแยะกันไปหมดเลย ผมไม่อยากทำแล้วล่ะครับคุณเล็ก ให้ผมเป็นผู้จัดการส่วนตัวคุณเล็กอย่างเดียวผมก็พอใจแล้วล่ะครับ ไม่อยากดิ้นรนให้ชีวิตมันยุ่งยากกว่านี้"
เจออย่างนี้เข้าไปหลายๆ คนก็คงปวดหัวแล้ว แต่สำหรับเล็กจะมัวแต่ปวดหัวอยู่ไม่ได้ ต้องรู้จักหาทางออกด้วย ไม่ว่าจะฟังซีดีหรืออ่านหนังสือของคนสำเร็จ ปรึกษาพี่ๆ ในเซ็นเตอร์ที่ประสบความสำเร็จแล้ว ถามคุณเจเท่าที่จะพอมีเวลาตอบ หรือการแลกเปลี่ยนแบ่งปันประสบการณ์ในเซ็นเตอร์ทุกสัปดาห์ ชีวิตไม่ถึงกับมืดแปดด้านไปเสียทีเดียวถ้าเราพยายาม
เล็กต้องไปหาคุณสนิทถึงบ้านเพื่อคุยกันเป็นการส่วนตัว ทิ้งข้อคิดไว้ให้คุณสนิทหลายเรื่องทีเดียว
"คนทั่วไปแยกได้ระหว่างดีกับไม่ดี แต่คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตเขาจะแยกแยะได้ว่าอันไหนดีและอันไหนดีกว่า การที่เราจะช่วยให้คนเข้าใจเรื่องนี้ต้องใช้เวลาครับคุณสนิท จริงๆ แล้วยัวร์เวย์น่ะทำไม่ยากหรอกครับ ที่ยากที่สุดคือการตัดสินใจจะทำจริงๆ จังๆ ต่างหาก บางคนก็อาจจะยังไม่ใช่เวลาของเค้า บางทีต้องปล่อยให้เค้าไปเรียนรู้ชีวิตอีกสักหน่อยเขาก็อาจจะนึกถึงเราและอยากกลับมาครับ คนที่เขาไม่มาจริงๆ ก็ไม่เป็นไรครับ คุณสนิทแค่รักษาสายสัมพันธ์เอาไว้ เผื่อวันหนึ่งเขาจะนึกถึงเรา ผมเองไม่ได้ทำยัวร์เวย์เพราะว่ามันง่ายหรือยาก ชอบหรือไม่ชอบ มีเวลาหรือไม่มีเวลา ทำเป็นหรือทำไม่เป็น แต่ผมทำเพราะว่ามันคุ้ม ทำแล้วได้ชีวิตไร้กังวลอย่างนี้ผมโอเค เราไม่ได้มีหน้าที่อธิบายให้ใครฟังอย่างเดียวหรอกครับ คนบางคนเขาก็ต้องการให้เราพิสูจน์ให้เขาเห็นก่อนว่าเราทำได้เขาถึงจะตามเรามา คุณสนิททำได้ครับ เห็นไหมครับว่าคุณสนิทก็ยังมีดาวน์ไลน์ที่เขาอยากทำจริงจังอยู่สองสามคนแล้ว เขาไว้วางใจตามคุณสนิทมา คุณสนิทจะกล้าปล่อยมือคนที่เขาไว้วางใจคุณสนิทหรือเปล่าครับ แค่สองสามคนก็ถือว่าสำเร็จมาขั้นหนึ่งแล้วครับ ถ้าคุณสนิทคิดว่าความสำเร็จแบบนี้ วิถีชีวิตแบบนี้ที่คุณสนิทได้ไปเห็นมาเป็นสิ่งที่คุณสนิทอยากได้ เราก็ต้องยืนหยัดครับ ความสำเร็จของเราไม่ได้ขึ้นอยู่ที่คนอื่น อยู่ที่เราคนเดียวเลยครับ"
คุณสนิทพยักหน้าเห็นด้วย แน่นอนว่ารายได้แบบต่อท่อน้ำยังไงก็ดีกว่าการที่ต้องเอาแรงไปตักน้ำอย่างแน่นอน ที่ผ่านมาคุณสนิทเองก็ดิ้นรนทำมาหลายอย่างแล้วแต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรสักอย่างที่อยู่คงทนมาถึงปัจจุบัน แล้วก็ไม่รู้ว่าชีวิตนี้จะต้องวิ่งทำไปอีกกี่อย่างกว่าจะหมดลมหายใจ
"เรื่องที่มันใช่ ต่อให้ใครไม่เห็นด้วยมันก็ยังใช่ครับ ส่วนเรื่องที่ไม่ใช่ ต่อให้มีคนเห็นด้วยมันก็ไม่ใช่ คุณสนิทก็คงเห็นว่าผมเองรักคุณสนิทกับครอบครัวมากขนาดไหน ช่วงที่ผมมีงานเข้ามาน้อยผมยังจ้างคุณสนิททำงานให้ผมไม่ได้เลย ถึงตอนนี้ผมจะกลับมาจ้างคุณสนิทได้อีกครั้ง แต่อนาคตล่ะครับ หรือถ้าคุณสนิทจะไปทำงานกับดาราคนอื่นๆ คุณสนิทคิดไหมครับว่าเขาก็อาจจะเจอปัญหาเดียวกับผม หรือบางทีเขาก็อาจจะอยากจ้างคนใหม่ๆ ที่เงินเดือนถูกกว่า งานที่ให้รายได้ที่ไม่มั่นคงอย่างนี้ใช่สำหรับคุณสนิทจริงๆ เหรอครับ มันให้เงินได้นะครับ แต่ก็ได้แค่เงินอย่างเดียว แถมยังต้องแลกกับการสูญเสียอย่างอื่นที่สำคัญไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นสุขภาพหรือเวลา"
คุณสนิทพยักหน้าเห็นด้วยอีกรอบ อาการอยากยอมแพ้ค่อยๆ หายไปทีละน้อยๆ
"ถ้างั้นคุณสนิทจะคิดเหมือนผมหรือเปล่าครับ เราไม่ได้ทำยัวร์เวย์เพราะว่ามันง่ายหรือไม่ง่าย แต่ทำเพราะมันให้ผลลัพธ์ชีวิตที่เราอยากได้ ในระหว่างทางที่เราจะไปถึงตรงนั้น เราก็ยังได้เรียนรู้แนวคิดคนสำเร็จ ได้เรียนรู้ประสบการณ์ชีวิตจากคนมากมาย ได้ดูแลช่วยเหลือกัน ได้พัฒนาตัวเอง แล้วก็เอาสิ่งที่เราเรียนรู้ไปพัฒนาคนอื่นๆ ต่อไป สำหรับผมนะครับคุณสนิท ผมก็เจอปัญหาพวกนี้เหมือนกัน แต่คุณเจเขาก็สอนผมว่า...ใครไม่ใช่ให้ข้ามไปก่อน หาคนที่ใช่ให้เจอ ไม่ต้องเยอะ ถ้าเราสำเร็จแล้วค่อยกลับมาหาคนที่เคยปฏิเสธอีกครั้งก็ยังไม่สายไปหรอกครับ วันที่เรากลับมาแล้วประสบความสำเร็จ ความสำเร็จจะอธิบายตัวมันเองได้เป็นอย่างดีครับ"
เอาล่ะ นี่ก็คงมากเพียงพอให้คุณสนิทคิดได้แล้วล่ะว่าจะเอายังไงต่อ
ส่วนคนที่ดูมีปัญหาน้อยกว่าใครๆ ตอนนี้ก็คือน้ำฝน อาจจะเป็นเพราะเธอคุ้นเคยกับธุรกิจนี้มานานพอสมควรแล้วจึงรับมือกับปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้อยู่บ้าง เล็กเพียงแต่ช่วยให้คำแนะนำเล็กๆ น้อยๆ อาจจะเป็นเพราะว่าเมื่อก่อนเจเคยเล่าให้เธอฟังบ่อยๆ ว่าเจเจอปัญหาอะไรและแก้ยังไง แม้ว่าเมื่อก่อนจะฟังบ้างไม่ฟังบ้างแต่ก็คงซึมซับมาบ้างไม่มากก็น้อย ที่สำคัญ น้ำฝนมีแววที่จะเอาดีทางด้านธุรกิจกลุ่มเครื่องสำอางค์ได้อย่างดีเลยทีเดียว เธอจึงตั้งใจกับสินค้ากลุ่มนี้เป็นพิเศษ ไม่มีอะไรจะมีความสุขสำหรับผู้หญิงมากไปกว่าการได้ทำงานเกี่ยวกับความสวยความงามแล้วล่ะ
นี่แหละคือวันวุ่นๆ ของเล็กตอนที่เจไม่อยู่ แม้ว่าหลายๆ อย่างเล็กจะเริ่มแก้ปัญหาเองได้แล้ว คงหาทางดูแลธุรกิจของตัวเองได้ แต่ถ้ามีเจมาอยู่ข้างๆ ก็ย่อมดีกว่า การแก้ปัญหาก็เฉียบขาด คมและฉับไวกว่า นอกจากจะได้อาศัยประสบการณ์ของเจแล้วเล็กก็รู้ว่าเจสามารถช่วยเล็กได้อย่างไม่มีเงื่อนไขใดๆ ที่สำคัญ เจกับเล็กเป็นมากกว่าอัปไลน์ดาวน์ไลน์กันแล้ว ความคิดถึงตอนนี้จึงไม่ใช่ดาวน์ไลน์นึกถึงอัปไลน์ แต่เป็นความคิดถึงอย่างคนรักกันต่างหาก
กลับมาไวๆ นะครับคุณเจ คิดถึงคุณเจจะแย่แล้ว
✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷
"คุณโฮปคะ คิดยังไงคะถึงได้รับแสดงละครชายรักชาย เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกหรือเปล่าคะ"
"เป็นเรื่องแรกครับน้อง แหม...ก็น่าจะรู้อยู่ ที่รับเรื่องนี้เหรอ อืม...ผมชอบบทมากเลยนะ ท้าทายฝีมือการแสดงดีครับ มันมีฉากที่ต้องใช้อารมณ์เยอะมาก หลายฉากก็ยากดีครับ ผมว่ามันท้าทายกว่าหลายๆ เรื่องที่ผมเคยเล่นมาเลยล่ะ จริงๆ ในเรื่องนี้ผมไม่ได้เป็นเกย์นะครับ เพราะเรื่องนี้คนเขียนเขาตั้งโจทย์เรื่องมากจากคำถามว่าชายแท้รักเกย์ได้ไหม ผมก็จะรับบทเป็นสนซึ่งไม่ได้เป็นเกย์ แต่ว่าสุดท้ายก็รักเพื่อนของตัวเองที่เป็นผู้ชายเพราะว่าความผูกพันที่เขามีต่อกันมาอย่างยาวนาน"
"แสดงกับคุณเล็กเป็นครั้งแรกหรือเปล่าคะ"
"ใช่ครับ จริงๆ ก็เคยเจอกันบ้าง แต่ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่แสดงด้วยกันครับ"
"แล้วคุณเล็กล่ะคะ เรื่องนี้เล่นเป็นใครคะ แล้วเป็นยังไงบ้าง"
"อ๋อ...ผมรับบทเป็นต้นครับ ต้นก็คือ...เป็นเกย์เลย ต้นจะเป็นคนที่มีความรักมั่นคงมาก รักฝังใจ รักแล้วไม่ปล่อยมือง่ายๆ เจ็บแค่ไหนก็ยังรัก ผมว่ามันเป็นบทที่ท้าทายมากๆ เลยเพราะในชีวิตจริง ถ้าเราแอบรักใครสักคนแล้วก็ผิดหวังบ่อยๆ บางทีเราอาจจะทิ้งความรักไปเลยก็ได้ แล้วมันก็มีบทที่ต้องใช้อารมณ์เยอะมาก บางวันออกจากกองถ่ายไปแล้วก็ยังอินไปอีกหลายวันเลยครับ"
"แล้วเป็นไงมั่งคะแสดงด้วยกันครั้งแรก ได้ข่าวมาว่ามีการจิ้นนอกจอด้วยจริงไหมคะ"
โฮปหัวเราะชอบใจก่อนหันไปยิ้มหวานกับเล็ก "ผมชอบคุณเล็กมากเลยครับ เป็นมืออาชีพมาก เวลาอยู่กองถ่ายผมกับคุณเล็กจะต้องหาเวลาอยู่ด้วยกันให้มากๆ คุยกันเยอะๆ รู้จักกันให้เยอะที่สุดเท่าที่จะเยอะได้ เพราะว่าในเรื่องเราต้องเป็นเพื่อนสนิทกัน สายตาของคนที่เป็นเพื่อนสนิทจนถึงขั้นรักกันได้มันต่างจากสายตาของคนทั่วๆ ไป ผมกับคุณเล็กก็เลยต้องสนิทกันให้มากพอที่จะใช้สายตาอย่างนั้นได้ มันก็ไม่เชิงจิ้นนอกจอนะ แต่ว่าอย่างเวลาที่กลับบ้านหรือวันไหนที่ไม่ได้ไปถ่ายละครเรื่องนี้ ผมก็จะโทรหาคุณเล็ก ไปหาคุณเล็กที่บ้าน ไปส่งที่บ้านบ่อยๆ ไปกินข้าวด้วยกันบ้าง เพื่อให้เราสนิทกันแล้วก็เล่นเรื่องนี้ให้ได้อย่างธรรมชาติมากที่สุด สำหรับผมก็ถือว่าเป็นงานนะครับ ยังไม่มีอะไรพิเศษครับ"
"ต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอคะ"
"ครับ คือเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกด้วยไงที่ผมต้องมาเล่นบทชอบกับผู้ชาย ปกติผมเล่นแต่กับนางเอกที่เป็นผู้หญิงมาตลอด อันนั้นผมไม่มีปัญหาเท่าไหร่ แต่พอต้องรักผู้ชาย ผมก็เลยต้องพยายามเพิ่มขึ้นอีกหน่อย จะได้เล่นเป็นธรรมชาติที่สุด"
"แล้วคิดยังไงกับเกย์คะ คุณโฮปคิดว่าผู้ชายแท้ๆ รักเกย์ได้ไหม"
คนถูกถามอึ้งไปพอสมควร ครุ่นคิดอยู่สักพักทีเดียวถึงได้ตอบ "อืม...ชายแท้รักเกย์ได้ไหม อืม...ผมว่าได้นะครับ ไม่รู้สิ พอเล่นเรื่องนี้แล้วผมคิดว่าความรักไม่เกี่ยวกับเพศ ขอให้เป็นใครสักคนที่เข้ากับเราได้ก็น่าจะรักกันได้แล้ว"
"แล้วอย่างนี้มีโอกาสปิ๊งกันนอกจอไหมคะ"
"ปิ๊งกับใครเหรอครับ" โฮปถามงงๆ
"อ้าว ก็ปิ๊งกับคนที่ยืนข้างๆ ไงคะ" นักข่าวสาวคนหนึ่งแซว
โฮปหันไปมองเล็กที่มายืนสัมภาษณ์คู่กันแล้วก็หัวเราะ
"ผมจะบอกว่า...บางวันนะผมอินมาก คือผมกับคุณเล็กต้องเล่นเป็นเพื่อนสนิทกันไง ผมก็ต้องคอยดูแลเค้า เป็นห่วงเค้า ขนาดว่าเลิกถ่ายละครไปแล้วผมยังโทรไปหาคุณเล็ก ถามเขาว่านอนหรือยัง สบายดีไหม หลับฝันดีไหม อะไรทำนองเนี้ย คือมันอินจากละครที่เล่นมากจนผมสลัดไม่หลุดจากชีวิตจริง ช่วงนี้มันยังดราม่าไม่มากผมก็ยังเป็นขนาดนี้เลย ช่วงหลังๆ ที่มันดราม่ายิ่งกว่านี้ผมอาจจะอินมากกว่านี้ก็ได้ ถ้าเราอินกับมันได้แสดงว่าเราเข้าใจว่ามันเป็นจริงได้ เพราะฉะนั้นถ้าถามว่าปิ๊งได้ไหม ผมว่า...ได้นะ คุณเล็กว่ายังไงครับ"
เจอเผือกร้อนโยนมาใส่มือโดยไม่ทันตั้งตัวอย่างนี้เล็กก็อึ้งไปอีกคน แต่ก็อึ้งนานไม่ได้เพราะเวลามีจำกัด เล็กหัวเราะร่วนก่อนตอบว่า
"โอ๊ย คุณโฮปเขามีสาวๆ มาชอบเยอะแยะ เขาไม่มาอะไรกับผมหรอกครับ" เล็กเว้นจังหวะหัวเราะอีกหน่อย
"คือ...ผมก็คิดเหมือนคุณโฮปนั่นแหละครับว่าความรักมันไม่จำกัดเพศ ไม่จำกัดอะไรเลย จะเกิดขึ้นกับใครที่ไหนเมื่อไหร่ก็ได้ ยิ่งแสดงเรื่องนี้ผมยิ่งรู้ว่าความรักมันสวยงามนะ ไม่ว่ามันจะเกิดกับใคร ไม่ว่ามันจะถูกจะผิด หรือไม่ว่ามันจะเป็นไปได้หรือเป็นไปไม่ได้มันก็สวยงาม"
"พูดอย่างนี้แสดงว่าเปิดทางให้คุณโฮปหรือเปล่าคะ"
เล็กกับโฮปหันมามองหน้ากันอย่างอึ้งๆ สักพักก็หัวเราะ
"ไม่หรอกน้อง ไม่ได้เกี่ยวกับการเปิดทางให้ใครหรอก พี่แค่ยกตัวอย่างให้ฟังว่าความรักมันสวยงามเฉยๆ ก็เท่านั้นเอง อย่าเอาไปตีข่าวล่ะ" เล็กแก้ตัว รู้สึกหวั่นใจกับการตอบคำถามของอีกฝ่ายอยู่ไม่น้อยที่ค่อนข้างทีเล่นทีจริงกับเล็กจนรู้สึกได้
"แล้วกลัวไหมคะว่ากระแสตอบรับจะเป็นยังไง ถ้าเกิดมีคนไปลือว่าคุณโฮปกับคุณเล็กเป็นคู่จิ้นกันจะโอเคไหมคะ"
"ผมว่ามันโอเคเลยนะ แสดงว่าเราเล่นละครได้ดีมากจนคนเชื่อว่าเราสองคนเป็นคู่จิ้นกัน สำหรับผมถือว่าประสบความสำเร็จเลยล่ะ แล้วที่สำคัญนะครับ ผมรับเล่นเรื่องนี้เพราะว่าผมอยากช่วยสังคมให้ค่อยๆ ปรับเปลี่ยนทัศนคติต่อเพศที่แตกต่างกัน เข้าใจความรักที่หลากหลายมากขึ้น ไม่รู้ว่าผมยังอินกับการแสดงเมื่อกี้อยู่หรือเปล่านะครับ แต่ผมว่า...เกิดในอนาคตผมชอบคุณเล็ก หรืออาจจะเป็นผู้ชายคนอื่นก็ได้ขึ้นมา คนก็น่าจะรับได้มากขึ้นใช่ไหมครับ" โฮปแย่งตอบเสียก่อน คำถามก็พาไปทางนั้นอีกแล้ว แถมตอนท้ายยังหัวเราะเหมือนกับไม่ทุกข์ร้อนเสียอีก
"แล้วคุณเล็กล่ะคะ รับเรื่องที่เกี่ยวกับเกย์มาหลายเรื่องแล้ว ตกลงอะไรยังไงกันแน่คะ คิดจะเปิดตัวจริงๆ หรือเปล่าคะ"
"ถ้าจะเปิดเมื่อไหร่แล้วจะบอกนะน้อง เห็นถามกันจัง" เล็กหัวเราะเพื่อทำให้เป็นเรื่องสนุก "คือผมไม่ได้มองว่ามันเป็นเรื่องเสียหายอะไรนะครับ จะเล่นละครชายจริงหญิงแท้หรือชายไม่จริงหญิงไม่แท้ สำหรับผมมันก็คือการแสดงหมดแหละครับ เพียงแต่ว่า...เราก็อยากทำให้มันดีที่สุด อย่างที่คุณโฮปเขาทำอยู่ตอนนี้ผมก็คุยกับคุณโฮปเขานะครับว่ามันอาจจะจำเป็นที่เราต้องรู้จักกันมากขึ้น สนิทกันมากขึ้น เพราะตอนแรกๆ เลยที่เข้าฉากกันเราทำอารมณ์ไม่ได้เลย ผู้กำกับก็ไม่แฮปปี้ แต่พอเราลองคุยกันมากขึ้น ใช้เวลาด้วยกันมากขึ้น การส่งสายตาหรือการเข้าบทด้วยกันก็ลื่นไหลขึ้น ก็ทำให้ใช้เวลาในการทำงานน้อยลงไปด้วย ใช่ไหมครับคุณโฮป"
เล็กหันไปถามคนที่ยืนข้างๆ บ้าง โฮปพยักหน้าแล้วก็ยิ้มให้กับเล็ก
"แล้วเมื่อไหร่จะได้ดูเรื่องนี้คะ"
"น่าจะอีกสักสองสามเดือนน่ะครับ ตอนนี้เราถ่ายฉากที่นครปฐมไปก่อน เดี๋ยวเดือนหน้าเราก็จะไปถ่ายที่เชียงใหม่ ที่เชียงใหม่จะมีบทเยอะกว่า คงใช้เวลาเยอะกว่า แต่ตามที่วางแผนไว้ก็น่าจะไม่เกินสามเดือนหลังจากนี้ครับ" เล็กเป็นคนตอบก่อนบ้าง
"ได้ข่าวว่ามีฉากจูบแล้วก็ฉากเลิฟซีนหลายฉากเลยใช่ไหมคะ"
เล็กกับโฮปหันมามองหน้ากันอีกครั้งแล้วก็หัวเราะ
"ก็หลายฉากอยู่ครับ" เล็กถือโอกาสตอบก่อน
"แล้วต้องเล่นจริงไหมคะคราวนี้"
"ก็อาจจะต้องเล่นจริงเพื่อความสมจริงครับ" โฮปรีบแย่งตอบก่อน "จริงๆ ตอนนี้ฉากเลิฟซีนยังไม่ได้เล่นครับ ยังไปไม่ถึงตอนนั้น แต่ผมว่าเล่นจริงไปเลยดีกว่าครับ แหม...ไหนๆ ก็เล่นมาซะขนาดนี้แล้ว ผมก็รับเล่นบทอย่างนี้เป็นครั้งแรก ก็อยากจะเล่นให้มันสุดๆ ไปเลยเพราะในอนาคตผมคงไม่ได้เล่นบทแบบนี้อีกบ่อยๆ ผมว่าผมเล่นได้นะ อ่านจากบทแล้วมันอินมาก อินจนผมคิดว่าน่าจะเล่นได้เลยแหละ จริงไหมครับคุณเล็ก"
เล็กยิ้มเฝื่อนๆ ให้กับคนที่หันมาถามเพราะคาดไม่ถึงว่าโฮปจะกล้าบอกนักข่าวอย่างนั้น แต่จะว่าไปเล็กก็เริ่มสังหรณ์ใจว่าผู้กำกับน่าจะให้เล่นอย่างที่โฮปบอกนั่นแหละ ถ้าเล่นจูบจริงอีกครั้งคุณเจจะโกรธหรือเปล่านะ
"แล้วอยากฝากอะไรกับแฟนๆ บ้างคะ"
"ผมเหรอ ผมก็อยากฝากแฟนๆ ละครของผมช่วยติดตามเรื่องนี้ด้วยนะครับ ต้น-สน ปาฏิหาริย์รักที่รอคอย เป็นละครชายรักชายเรื่องแรกที่ผมรับแสดง ก็พูดกันตรงๆ นะครับ ปกติผมเล่นเป็นพระเอกมาตลอดก็จะต้องห่วงภาพลักษณ์ของตัวเองเป็นธรรมดาอยู่แล้ว การที่จะรับเล่นเรื่องอย่างนี้ก็ถือว่ามีความเสี่ยงนะครับ เช่น คนอาจจเข้าใจผิดว่าผมเป็นเกย์ หรืออะไรทำนองนี้ แต่ที่ผมรับเล่นเรื่องนี้แสดงว่ามันต้องมีความพิเศษ อย่างน้อยก็พิเศษมากพอที่ผมจะกล้าเล่นแล้วไม่กลัวความเสี่ยงอย่างที่ผมเพิ่งพูดไปเมื่อกี้นี้ อย่าลืมติดตามกันให้ได้นะครับ"
โฮปพูดจบแล้วก็คงถึงคราวของเล็กบ้าง
"ผมก็อยากฝากแฟนๆ ให้ติดตามเรื่องใหม่เรื่องนี้ด้วยนะครับ เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ผมชอบมากๆ เชื่อว่าทุกคนจะได้เรียนรู้ข้อคิดดีๆ หลายอย่างจากเรื่องนี้ ได้ความสนุก ได้ความรัก ได้ความดราม่า ได้ลุ้น ได้ยิ้ม ได้หัวเราะและมีความสุขไปกับความผูกพันของคนสองคนที่รักกัน มาดูกันนะครับว่าผู้ชายกับผู้ชายเวลาที่เขาผูกพันกันจนกลายเป็นความรักเนี่ย...มันเกิดขึ้นได้ยังไง"
โฮปกับเล็กยกมือสวัสดี กล่าวลานักข่าวแล้วก็ขอตัวกลับเข้าไปทำงานในกองถ่ายตามเดิม สิ้นสุดคลิปสัมภาษณ์ตรงนี้พอดี
เจดูคลิปสัมภาษณ์จบแล้วก็แค่นเสียงพูดกับตัวเองเบาๆ ด้วยความไม่ชอบใจนัก
"ฮึ อินนอกเจอเลยเหรอ"
น้ำฝนส่งลิงค์คลิปสัมภาษณ์ในยูทูปนี้มาให้ตั้งแต่เมื่อวานแล้วล่ะ แต่เจเพิ่งจะมีเวลาดูวันนี้ ดูจบแล้วก็เล่นซะของขึ้นเลย เดี๋ยวก่อนเถอะ อีกสองวันเจก็จะกลับประเทศไทยแล้ว คงจะได้ไปจัดการเรื่องนี้เสียที คิดว่าเป็นพระเอกแล้วจะมาแย่งของรักของคนอื่นไปได้ง่ายๆ อย่างนั้นเหรอ ฝันไปเถอะว่าจะได้เป็นคู่จิ้นนอกจอกับเล็ก
เจอยากจะคุยกับเล็กผ่านทางไลน์ก็เกรงใจเล็กที่อาจจนอนหลับไปแล้ว ช่วงนี้เล็กกำลังถ่ายละครเรื่องใหม่อย่างหนัก ไหนจะทำธุรกิจและรับงานอีเวนต์อีกหลายงาน ถ้าเจกวนเล็กตอนนี้คงไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่ ให้เล็กนอนพักเอาแรงไว้ทำงานก่อนดีกว่า
เท่าที่ดูจากการสัมภาษณ์ เล็กไม่ได้แสดงท่าทีสนใจโฮปเท่าไหร่นัก ออกจะบอกปัดกลายๆ ด้วยซ้ำ แต่ถ้าโฮปเกิดไปรับไปส่งเล็กแถมยังไปไหนมาไหนด้วยกันอย่างนี้บ่อยๆ น้ำหยดลงหินทุกวันหินมันก็ยังกร่อนได้ เจก็ชักไม่มั่นใจว่าเล็กจะหวั่นไหวบ้างหรือเปล่า ถึงเล็กจะไม่หวั่นไหวแต่เจก็คงปล่อยให้เจ้าพระเอกนั่นมายุ่มย่ามกับแฟนของเขาอย่างนี้อีกไม่ได้ คิดแล้วก็อยากจะกลับเสียวันนี้พรุ่งนี้เลย ติดที่เจยังต้องเดินทางไปเยอรมันวันพรุ่งนี้อีกวันก็เลยยังกลับไม่ได้ เสร็จจากเยอรมันแล้วถึงจะบินกลับจากแฟรงค์เฟิร์ทมาที่กรุงเทพ
ไม่เป็นไรหรอก ถ้าเจกลับไปแล้วเจ้าหมอนั่นคงไม่กล้ามายุ่งอีกแน่ๆ ที่สำคัญ อีกอย่าง เจคิดไว้แล้วล่ะว่าจะผูกมัดใจของเล็กไว้ยังไงดี ที่ผ่านมาต่างคนต่างก็ไม่กล้าเดินหน้า ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะว่ายังไม่เคยทำเรื่องอย่างนี้กับผู้ชายด้วยกัน แต่เรื่องนี้ไม่เป็นปัญหาแล้วล่ะ เจศึกษาเรื่องนี้มาแล้วอย่างดี เดี๋ยวจะบอกให้เล็กศึกษาบ้าง แต่ถึงจะไม่ได้ศึกษาก็คงไม่ใช่เรื่องยากเกินไปที่จะใช้สัญชาตญาณมาช่วยหรอก เรื่องอย่างนี้ไม่ต้องเรียนมากก็น่าจะทำเป็นได้ไม่ยาก ที่ผ่านมาแค่ยังเขินๆ อายๆ กันเองมากกว่า
เห็นทีกลับไปคราวนี้เจคงจะต้องลงมือเสียที เขาไม่อยากปล่อยให้ช้าไปกว่านี้อีกแล้ว
เราเป็นของกันและกันเสียทีเถอะนะครับคุณเล็ก!!!
TBC