รักนี้มีแค่...'นายซุปเปอร์สตาร์' ตอนที่ 23“ตกลงว่ารุ่นพี่ไคเสร็จรึยังคะพี่มินซอก” เมื่อเห็นว่ามินซอกยังจมอยู่กับความคิดของตัวเองและไม่ยอมให้เธอ
พบรุ่นพี่ไคของเธอซักที มินอาจึงถามถึงอีกครั้ง
“อ่อๆ แป๊ปนึงนะครับน้องมินอาไคกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่พอดี”
…ครืดด…
ยังไม่ทันที่มินอาและมินซอกจะได้พูดอะไรต่อเสียงเปิดประตูรถดังขึ้นเรียกให้ทั้งสองคนหันไปสนใจซะ
ก่อน คนที่เดินนำออกก่อนมาคือสไตล์ลิสส่วนตัวของคุณซุปตาร์คนดังส่วนเจ้าตัวนั้นก็เดินใส่เสื้อคลุม
ตามหลังออกมา
“เธอ? เธอมาทำอะไรที่นี่ล่ะ?” จงอินถามขึ้นเมื่อเห็นว่ามินซอกยืนคุยอยู่กับใคร เขาจำได้แค่ว่าเธอคือนักร้อง
หน้าใหม่ที่เขาและชานยอลไปเล่นมิวสิควีดีโอเปิดตัวให้เมื่อไม่นานมานี้ แต่เค้าจำไม่ได้ว่าเธอชื่ออะไรถึงได้
เรียกออกไปอย่างนั้น
“มินอามาถ่ายแบบกับรุ่นพี่นี่แหละค่ะ” มินอาพูดบอกออกไป
“อ่าว!! ไม่ใช่รุ่นพี่จีอาหรอพี่หมิน?” พอได้ยินสิ่งที่มินอาบอก ไคก็หันไปถามมินซอกด้วยเสียงเรียบอย่าง
ไม่สบอารมณ์ มินซอกเป็นผู้จัดการส่วนตัวเขามานานก็น่าจะรู้นิว่าเค้าไม่ชอบงานอย่างนี้ แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้
จริงๆคนที่ร่วมงานกับเขาก็ต้องเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องในสังกัดเดียวกันและจะต้องสนิทกันในระดับนึง เพราะเขา
ไม่ชอบที่จะมีปัญหาหรือข่าวเรื่องชู้สาวกับใคร อีกทั้งงานอย่างนี้ยังเปลืองตัวอีกต่างหากเค้าไม่ชอบ
“ตอนพี่รับงานทางผู้ว่าจ้างเขาระบุชัดเจนว่าเป็นจีอาจริงๆนะไค ตอนรับงานพี่ยังไปพร้อมกับผู้จัดการของ
จีอาเลยนะ” มินซอกรีบบอกก่อนที่งานจะเข้าตัวเอง ไคนั้นนิสัยก็ดีนั่นจริง สุภาพรึก็ใช่ แต่ใช่ว่าคุณซุปตาร์
คนนี้จะไม่วีนไม่เหวี่ยง เมื่อสามารถเลือกงานได้แล้วไคก็จะเลือกทำเฉพาะในสิ่งที่ตัวเองรักตัวเองชอบ แต่
ก็ทำมาแล้วแทบจะทุกอย่างแทบจะไม่ปฏิเสธงานไหนเลยเสียด้วยซ้ำก็มีเพียงแต่ไอ่งานที่เลือกไม่ทำก็คือ
งานที่ต้องเปลืองเนื้อเปลืองตัวให้คนอื่นเห็นเนื้อหนังมังสาอย่างนี้นี่แหละที่คุณซุปตาร์ปฏิเสธ!!
“ผมจะไปคุยกับคนที่รับผิดชอบงานนี้ เค้าผิดสัญญาผมไม่ถ่าย!!!” นั่นไงมาแล้วสิ่งที่มินซอกกลัว
พูดจบก็เดินตรงไปทางที่มีทีมงานกำลังเตรียมอุปกรณ์เซ็ตฉากกันอยู่
“ตายแน่ไอ้หมินเอ้ย!!” มินซอกรีบวิ่งตามไปติดๆทิ้งให้มินอายืนงงอยู่ที่เดินเพียงลำพัง
“ไคมาแล้วค่ะ” เสียงของสตาฟคนนึงตะโกนขึ้น
“ผมขอคุยกับคนที่รับผิดชอบงานนี้หน่อยครับ” จงอินหยุดนิ่งตรงกลางกลุ่มสตาฟที่กำลังหัวหมุนอยู่กับ
การเซ็ตฉาก
“ฉันเป็นคนรับผิดชอบดูแลการถ่ายทำในครั้งนี้ค่ะคุณไค” หญิงสาวร่างเพียววัยกลางคนที่เป็นผู้รับผิดชอบ
งานถ่ายแบบในวันนี้ลุกขึ้นแสดงตัวเมื่อซุปตาร์คนดังอย่างคิมไคถามหา
“คุณคือ?” จงอินหันมองคนที่กำลังก้าวเดินมาหาตน
“ฉันคิมฮเยจินบรรณาธิการนิตยาสารเฟรี่เล่มที่คุณกำลังจะขึ้นปกนี่แหละค่ะ ไม่ทราบว่าคุณมีอะไรสงสัย
รึป่าวคะคิมไคถึงถามหาดิฉัน” หญิงสาวแนะนำตัวตัวเองอย่างมั่นใจสมกับตำแหน่งงานก่อนที่จะถามจงอิน
“ผมจะมาบอกว่าผมจะไม่ถ่ายแบบให้กับนิตยสารของคุณอีกแล้วรวมทั้งยกเลิกงานในวันนี้ด้วย” คำพูดที่ออก
จากปากซุปตาร์คนดังทำเอาทุกคนแทบหยุดหายใจ
“คุณมีปัญหาอะไรคิมไค ทำไมคุณถึงพูดเหมือนกับเล่นขายของอย่างนี้ คุณคิดว่าคุณเป็นคนดังเลยจะทำอะไร
ก็ได้อย่างนั้นหรอ สัญญาก็เซ็นกันไปแล้ว ทุกอย่างก็เตรียมไปหมดแล้ว มันง่ายไปรึป่าวค่ะคุณซุปเปอร์สตาร์”
บก.สาวพูดกระแทกมองจงอินด้วยสายตาที่แสดงออกว่าไม่พอใจอย่างชัดเจน เธอรู้ว่าคิมไคคือซุปเปอร์สตาร์
คนดังที่นิตยสารที่ไหนก็อยากได้ไปลงปกของตัวเอง แต่เพราะถือว่าตัวเองเป็นคนดังอย่างนั้นหรือถึงจะทำตัว
ไร้ความรับอย่างนี้
“ใช่ครับ เซ็นสัญญาไปแล้วแต่ทางนิตสารของคุณผิดสัญญาผมจึงมีสิทธิที่จะยกเลิกสัญญา” จงอินบอกเสียง
เรียบหน้านิ่งไม่แสดงอารมณ์อะไรออกไปทั้งนั้น
“ทางฉันผิดสัญญาอะไร!!” บก.สาวแหวใส่จงอินจนคนที่อยู่ระแวกนั้นเริ่มถอยออกห่างกันทีละก้าวๆ
“ในสัญญาจ้างคนที่ถ่ายคู่กับผมคือคิมจีอารุ่นพี่สังกัดเดียวกับผมไม่ใช่ใครที่ไหนก็ไม่รู้อย่างนี้!!!”
จงอินกดเสียงต่ำระงับอารมณ์โมโหของตัวเองเมื่อพูดถึงสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบที่สุด
“อีแค่เปลี่ยนนางแบบเนี่ยนะ!! นายถึงกับยกเลิกสัญญากลางคันอย่างนี้ ไม่มีความเป็นมืออาชีพเลยนะคะ
คุณซุปเปอร์สตาร์” เธอพูดจากระแทกแดกดันพร้อมกับมองจงอินอย่างเหยียดๆ
“ใช่ไม่เป็นมืออาชีพเลย ทางคุณนะไม่เป็นมืออาชีพเลยกับอีแค่ทำสัญญาที่เปรียบเหมือนคำพูดของตัวเอง
ยังรักษาไม่ได้เลย มันไม่เกี่ยวหรอกว่านางแบบที่ถ่ายเป็นคนไหนแต่มันเกี่ยวกับความซื่อตรง ความเชื่อมั่น
และความไว้วางใจที่นักธุรกิจที่ดีควรจะมี อย่าลืมว่าคนทำงานอย่างเราก็เหมือนการทำธุรกิจ ผมพูดแค่นี้
หวังว่าคุณคงจะเข้าใจ งานวันนี้ผมขอยกเลิก!! ถ้ามีปัญหาก็เอาสัญญาจ้างไปคุยกันในชั้นศาลนะครับ
คุณบรรณาธิการ” พูดในสิ่งที่อยากจะพูดหมดแล้วจงอินก็เดินหันหลังกลับไปที่รถของบริษัทเพื่อเปลี่ยน
เสื้อผ้าทันที ทิ้งให้ผู้จัดการคนเก่งอย่างมินซอกอยู่เคลียร์ปัญหากับ บก.สาว ที่ยืนกรีดร้องอยู่ที่เดิม
.
.
.
“นายไม่น่าใจร้อนอย่างนั้นเลยนะไค ภาพพจน์ที่สะสมมาตลลอดของนายจะเสียหมด” มินซอกบ่นขึ้นทันทีที่
ขึ้นมาบนรถแต่งตัวของคุณซุปตาร์
“ช่างเถอะพี่ พี่ก็รู้ว่าผมเกลียดงานอย่างนี้มากแค่ไหน” จงอินที่กำลงเปลี่ยนเสื้อพูดบอก
“พี่รู้ แต่อย่างน้อยก็น่าจะใจเย็นกว่านั้นอีกซักหน่อย เดี๋ยวก็ขึ้นหน้าหนึ่งจากซุปเปอร์สตาร์คนดังคนดี
กลายเป็นซุปตาร์ขี้เหวี่ยงขี้วีนแทนหรอก” มินซอกพูดอย่างไม่จริงจัง
“ก็ดีเหมือนกันนะพี่ ถ้าผมเลิกทำงานในวงการบันเทิงนี้เมื่อไหร่คนจะได้ไม่ลืม ฮึๆ ผมกลับก่อนนะพี่จะรีบ
ไปหาเจ้าลูกหมูป่านนี้คงป่วนหม่าม๊าจนปวดหัวแล้วมั้ง มีอะไรก็โทรบอกผมนะพี่ ผมไปล่ะ” จงอินพูด
ติดตลกอย่างไม่คิดอะไร ก่อนที่จะบอกลามินซอกและเดินไปขึ้นรถตัวเองขับออกไปจากบริเวณนั้นอย่างเร็ว
โดยไม่แคร์สายตาของใครที่มองมา
.
.
.
.
.
กรุ๊งกริ๊ง….กรุ๊งกริ๊ง
“อินดี้คาเฟ่ยินดีต้อนรับฮับ…อ๊ะ!! ป๊ะป๋า!!!” จีซองที่ทำหน้าที่ (ที่คิดเองเออเองว่าเป็นหน้าที่ของตัวเอง)
ต้อนรับลูกค้าอยู่เดินออกมาจากหลังเคาน์เตอร์คิดเงินที่นั่งเล่นกับเซฮุนอยู่ตรงนั้น พูดทักทายออกมาอย่าง
สุภาพตามที่หม่าม๊าเซฮุนสอนก่อนทั้งๆที่ยังไม่เห็นหน้าลูกค้า แต่ก็ต้องเปลี่ยนเป็นน้ำเสียงร่าเริงอย่างดีใจ
เมื่อเห็นว่าเป็นใครที่เดินเข้ามาในร้าน
“ว่าไงครับลูกชาย ดูแลหม่าม๊ากับน้องแทนป๊ะป๋าดีรึป่าวเนี่ย!! ฟอดดด….อื้มม…ชื่นใจ” จงอินอุ้มจีซอง
ขึ้นมาฟัดแก้มฟัดพุงกลมๆอย่างหมั่นเขี้ยว
“คิกๆ ป๊ะป๋าลูกจั๊กจี๋น้าาาาาาาาา……งื้อออ……...” ลูกหมูน้อยของป๊ะป๋าจงอินหัวเราะคิกคักอย่างอารมณ์ดี
โยกตัวหลบริมฝีปากของป๊ะป๋าที่ตามฟัดตามหอมตัวเองอย่างชอบใจ
“อ่าว!! จงอิน ทำไมกลับเร็วนักล่ะพึ่งไปได้ไม่นานเองนะ” เซฮุนที่ได้ยินเสียงหัวเราะของจีซองก็เดินประคอง
ท้องนูนๆของตัวเองออกมาดู
“อ๋อ! เสร็จเร็วนะเลยได้กลับไว” และแล้วคุณป๊ะป๋าซุปตาร์ก็เลือกที่จะโกหกออกไป
“จริงหรอ?” คุณหม่าม๊าเซฮุนถามอย่างสงสัย ตากลมก็จ้องเข้าไปเค้นหาความจริงในตาคมของป๊ะป๋าจงอิน
อย่างกดดัน จนคุณป๋าซุปตาร์เริ่มอึดอัด
“ป๊ะป๋าฮับหม่าม๊าฮับพี่จีซองอยากไปสวนสัตว์อ่าาาาาาาา……..” แต่ก่อนที่จงอินจะหลุดพิรุธหรือเซฮุนจะ
เค้นอะไรต่อ เสียงของเจ้าลูกหมูจีซองก็ดังขึ้นขัดจังหวะการเค้นความจริงของหม่าม๊าเซฮุนเสียก่อน
เมื่อเจ้าลูกหมูนั้นหันไปเห็นโฆษาของสวนสัตว์แห่งหนึ่งที่กำลังฉายอยู่ในทีวี
“สวนสัตว์หรอ? ไปซิๆไหนๆวันนี้ป๊ะป๋าก็ว่างแล้วว่าแต่คุณหม่าม๊าจะไปด้วยหรือป่าวครับ” จงอินรีบพูด
เปลี่ยนเรื่องทันทีเลยเมื่อสบโอกาส
“จะไม่เป็นไรหรอจงอิน? ถึงจะไม่ใช่วันหยุดสุดสัปดาห์แต่ก็ยังเป็นวันปิดเทอมของพวกนักเรียนอยู่นะ”
เซฮุนถามเพราะเป็นห่วงกลัวว่าจะมีนักข่าว
“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวฉันก็ใส่หมวกกับผ้าปิดปากปิดหน้าไว้ไงแค่นี้ก็ไม่มีใครจำได้แล้ว และก็นะถึงใคร
จะจำได้จะเอาไปพูดหรือเขียนข่าวยังไงฉันก็ไม่สนหรอก เพราะว่านี่คือความสุขของลูก”
จงอินพูดอย่างสบายๆไม่ได้สนใจอะไร แต่เซฮุนนี่แอบประชดจงอินในใจว่าไม่มี๊ ไม่มีใครเลยที่จะจำ
คุณซุปเปอร์สตาร์อย่างคิมไคได้ ถ้าเป็นแฟนคลับตัวจริงนี่เห็นแค่เงาเขาก็ดูกันออกแล้วว่าเป็นใคร
ยิ่งคนที่มีผิวสีน้ำผึ้งแบบจงอินแล้วนี่ยิ่งจำง่ายไปกันใหญ่
“อืมๆ ถ้างั้นก็ตามใจ แต่ฉันไม่ไปนะ เดินไม่ไหวหรอก” เซฮุนบอกพลางลูบท้องไปด้วยแสดงให้จงอินรู้
ว่าเพราะอะไรเจ้าตัวถึงบอกว่าเดินไม่ไหว
“อ่า…จริงด้วย แล้วจะทำยังไงดี ยกเลิกแผนนี้ก่อนดีไหมครับพี่จีซอง หม่าม๊าไปเดินดูสัตว์ด้วยไม่ไหว
เพราะว่าหม่าม๊ามีน้องอยู่ในท้องน่ะครับ” จงอินเสนอความคิดก่อนจะหันถามจีซองที่กอดคอตัวเองอยู่
“แต่ลูกอยากดูคุณหมี คุณกระต่าย คุณหมู คุณเสือ และก็ๆ อีกหลายๆ อย่างเลยอ่าาา…หม่าม๊าาาา…”
จีซองบอกกับจงอินก่อนที่จะหันไปช้อนตาพูดอ้อนเซฮุนอีกคน
“พาลูกไปเถอะจงอิน จีซองไปเที่ยวกับพี่จุนบ่อยก็จริงแต่ก็ไม่เคยไปที่ที่เด็กๆอยากไปอย่างสวนสัตว์หรอก
รายนั้นพาไปแต่ผจญภัยแบบคนโตทั้งนั้นแหละ ลูกคงอยากไปจริงๆ” ถึงจะกลัวมีปัญหาตามมาแค่ไหน
คนเป็นแม่ก็แพ้ลูกอ้อนของสิ่งมีชีวิตที่ขึ้นชื่อว่าลูกทุกคนอยู่วันยังค่ำนั่นแหละ
“แล้วนายล่ะ? ให้ฉันไปส่งที่บ้านก่อนดีมั้ย?” จงอินถาม
“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวฉันโทรให้พี่จุนแวะมารับตอนเลิกงาน นายก็ไปรับฉันที่บ้านใหญ่แล้วกัน” เซฮุนบอก
“โอเคๆ จีซองจุ๊บหม่าม๊าหน่อยเร็ว เราจะหนีหม่าม๊าไปดูพี่เสือกันแล้วนะ” ถึงปากจะพูดอย่างนั้นแต่จงอิน
ก็แกล้งดึงจีซองถอยห่างออกมาทุกๆครั้งที่จีซองเอนตัวไปข้างหน้าเพื่อที่จะจุ๊บลาเซฮุนอย่างที่จงอินบอก
แต่ก็ติดอยู่ตรงที่คุณป๋าซุปตาร์นี่แหละที่ยังสนุกกับการแกล้งลูกชายสุดที่รัก
“งื้อออ….ป๊ะป๋าแกล้งลูกอ่า” จีซองเริ่มหน้ามุ่ยเมื่อคุณป๊ะป๋ายังไม่หยุดแกล้งตัวเอง
“ฮ่าๆโอเคๆ ป๊ะป๋าไม่แกล้งลูกล่ะ อ่ะๆ เรามาจุ๊บแก้มหม่าม๊าพร้อมกันดีกว่า” จงอินบอกก่อนที่จะก้าวเดิน
เข้าไปชิดติดกับตัวเซฮุนทั้งๆที่ยังคงอุ้มลูกหมูจีซองอยู่
ฟอดดดด//ฟอดดดด
“คิกๆหม่าม๊าหน้าแดง” เมื่อผละออกตัวออกมาจากหน้าเซฮุนมาหลังจากที่หอมแก้มเซฮุนพร้อมกับจงอิน
เสร็จแล้วจีซองก็หัวเราะเสียงดังก่อนที่จะพูดล้อออกมาเมื่อเห็นเซฮุนหน้าแดง
“หึหึ” ยังไม่ทันที่จะได้พูดหรือแก้ตัวอะไรกับลูกชาย ก็ได้ยินเสียงขำออกมาเบาๆจากคนเป็นพ่ออีกคน
อีกทั้งยังทำหน้าทำตาล้อเลียนเขาเหมือนกับคนเป็นลูกไม่มีผิด นี่แหละมั้งที่เขาเรียกกันว่าถอดกันออกมาน่ะ
“ไปกันได้แล้ว เหมือนกันทั้งพ่อทั้งลูกเลย ฮึ่ย!!” เซฮุนกลบเกลื่อนด้วยการไล่สองคนพ่อลูก ก่อนที่จะหันหลัง
เดินหนีเข้าไปนั่งหลังเคาน์เตอร์คิดเงินด้วยความเขินอายพลางบ่นพึมพำกับตัวเอง
“คิกๆ / ฮ่าๆ” แต่ถ้าเซฮุนหันหลังกลับมามองอีกซักนิดก็คงจะเปลี่ยนจะจากความเขินอายกลายเป็น
ความอาฆาตแทนก็ได้เมื่อเห็นสองพ่อลูกขยิบตาตีมือกันอย่างชอบใจที่ร่วมมือกันแกล้งคุณหม่าม๊าได้
ถึงจงอินจะแพ้ทางเซฮุนหรือจีซองจะกลัวความโหดของเซฮุน แต่เมื่อไรที่สองพ่อลูกสุดแสบนี่ร่วมมือกัน
ต่อให้มีหม่าม๊าเซฮุนสิบคนก็คงจะสู้ความเจ้าเล่ห์ของสองคนพ่อลูกนี้ไม่ไหวหรอก
.
.
.
.
.
สวนสัตว์
“อ๊ากกกกกก…..คุณกระต่ายๆ น่ารักจังเลยยย…..งื้ออออ” จีซองร้องออกมาอย่างตื่นเต้นเมื่อเข้ามาภายในส่วน
ที่มีกรงสัตว์ประเภทต่างแสดงอยู่กลางแจ้ง ซึ่งสัตว์ชนิดแรกที่มีให้เห็นก็คือคอกกระต่ายที่ไม่สูงมากนัก ซึ่ง
พอเจ้าตัวแสบเห็นแล้วก็วิ่งถลาเอาหน้าไปแนบชิดติดกับคอกกั้นเลยทีเดียวเชียว
“ใจเย็นครับๆลูกหมูตัวน้อยของป๊ะป๋า คุณกระต่ายไม่หนีไปไหนหรอกครับ แล้วก็อย่าเอาหน้าไปถูกับกรง
สัตว์อย่างนั้นนะครับลูกมันมีเชื้อโรคเดียวไม่สบายแล้วหม่าม๊าจะไม่ให้เรามาเที่ยวที่นี่อีก” จงอินบอกก่อนที่
จะดึงตัวจีซองออกให้ออกห่างจากกรงกั้นสัตว์อีกนิด ถึงจะมีที่กั้นคนดูสองชั้นก็เถอะแต่เค้าไม่ได้ห่วงแค่
เชื้อโรคที่มาจากสัตว์หรอกนะแต่เค้าห่วงโรคที่มาจากคนด้วยกันเองนี่แหละที่สำคัญ
“ป๊ะป๋าฮับ!” จีซองเงยหน้าเรียกจงอินที่ยืนอยู่ข้างๆ
“ว่าไงครับ” จงอินขานรับ
“ลูกยืมทรอสัพป๊ะป๋าหน่อย” จีซองบอกพร้อมกับแบมือขอ
“นี่ครับ จีซองจะเอาโทรศัพท์ป๊ะป๋าไปทำอะไรครับ” จงอินยื่นโทรศัพท์ของตัวเองให้ตามที่จีซองขอ
ก่อนที่จะถามด้วยความสงสัย
แชะ!!
“เอามาถ่ายคุณกระต่ายไปให้หม่าม๊ากับน้องเล็กๆดูฮับ! นี่ไงฮับป๊ะป๋า” จีซองบอกพร้อมกับโชว์
รูปกระต่ายตัวเล็กๆที่ถ่ายเองให้จงอินดู
“เก่งมากเลยครับลูกชายของป๊ะป๋า” จงอินบอกพร้อมกับขยี้หัวเล็กๆของจีซองที่อยู่ภายใต้หมวกที่
จงอินใส่ให้จีซองตั้งแต่อยู่บนรถเพื่อเอาไว้กันแดด ก่อนที่จะยกยิ้มอย่างมีความสุขเพราะความภูมิใจ
ในตัวลูกชาย ถึงจะเป็นเรื่องเล็กๆก็เถอะ แม้ว่าจะมาเที่ยวกันแค่สองคนพ่อลูกแต่จีซองก็ยังคงนึกถึง
เซฮุนและน้องของตัวเองอยู่ตลอดเวลา
.
.
“โอ้โหหหหห….คุณเสือตัวใหญ่จังเลย แล้วคุณเสือในท้องลูกจะเหมือนกับคุณเสือตัวนี้รึป่าวฮะป๊ะป๋า”
จีซองถามขึ้นเมื่อเดินมาถึงกรงเสือและได้ยินตอนเสือคำรามพอดี ความจริงแล้วจีซองไม่รู้หรอกว่า
คุณเสือหน้าตาเป็นยังไงเพราะจีซองสนใจแต่ของกิน และในโรงเรียนอนุบาลก็ยังไม่ได้เอารูปคุณเสือ
มาให้จีซองดูเลยด้วย แต่ที่จีซองบอกว่าคุณเสือร้องก็เพราะว่าเวลาท้องจีซองร้องลุงจุนชอบบอกว่ามี
คุณเสือนอนอยู่ในพุงจีซอง ตั้งแต่นั้นมาจีซองก็เลยเชื่อมาตลอดเลย
“ไม่มีหรอกครับ คุณเสือตัวใหญ่กว่าจีซองซะอีก จะเข้าไปนอนในท้องจีซองได้ยังไง” จงอินบอก
“อ่าว! แล้วเวลาที่มีเสียงดังออกมาจากพุงลูกล่ะฮับ” จีซองยังคงถามต่ออย่างสงสัย
“ที่ท้องของจีซองร้องก็เพราะว่าจีซองหิวข้าวไงครับ ร่างกายมันต้องการอาหารมันก็เลยส่งเสียงเตือน
ออกมาเมื่อถึงเวลาอาหาร มันก็คล้ายๆกับตอนที่จีซองกินอิ่มแล้วก็เรอออกมานั่นแหละครับ” จงอินพยายาม
หาคำพูดที่จะอธิบายออกมาให้จีซองได้เข้าใจอย่างง่ายที่สุด
“อ๋อออออออ….” จีซองลากเสียงยาวเหมือนจะเข้าใจ
“เข้าใจแล้วใช่มั้ยครับ?” จงอินถาม
“ไม่เข้าใจฮับ!!” จีซองตอบออกมาเสียงดังฟังชัดอย่างมั่นใจ
“ช่างมันเถอะครับ เดี๋ยวพอจีซองโตแล้วก็จะเข้าใจเองแหละ ตอนนี้เราไปดูอย่างอื่นกันดีกว่าเน๊าะ!!”
จงอินบอกก่อนที่จะจูงมือจีซองชวนกันเดินออกจากบริเวณกรงเสือ
“ฮับ!!!” จีซองรับคำอย่างง่ายดายพลางกระชับมือที่จับอยู่กับมือคุณป่าซุปตาร์ให้แน่นขึ้นอีก
เดินไปกระโดดไป พากันร้องเพลงเด็กที่เกี่ยวกับสัตว์กันอย่างสนุกสนาน
.
.
“คิกๆ คิกๆ”
“ขำอะไรครับคุณลูกชาย” จงอินถามขึ้นเมื่อเห็นว่าตั้งแต่มาถึงกรงหมีจีซองก็เอาแต่หัวเราะคิกคัก
ไม่พูด ไม่ถาม ไม่สงสัยเหมือนกับตอนดูสัตวชนิดต่างๆที่ผ่านๆมาก่อนหน้านี้
“ขำคุณหมีฮับ คิกๆ” จีซองบอกทั้งๆที่ยังคงหัวเราะอยู่
“คุณหมีมีอะไรให้ขำหรอครับ ป๊ะป๋าไม่เห็นมีอะไรแปลกตรงไหนเลย” จงอินถามด้วยความสงสัย
เพราะเท่าที่เห็นมันก็เหมือนหมีทั่วๆไป มีอะไรน่าตลกตรงไหนเนี่ย จะว่าจีซองพึ่งเคยเห็นก็คงไม่ใช่
เพราะว่าที่บ้านก็มีตุ๊กตามีตั้งหลายตัวเพราะหม่าม๊าเซฮุนของเจ้าตัวแสบนี่เค้าชอบ
“ก็คุณหมีตัวนั้นเหมือนป๊ะป๋าเด๊ะเลยนี่ฮับ คิกๆ” จีซองบอกพร้อมกับชี้ให้จงอินดูหมีตัวที่กำลังนั่ง
ทำหน้าง่วงๆอ้าปากหาวแล้วหาวอีกก่อนที่จะหลับตาลงไป และหมีตัวนั้นก็คงจะหลับไปแล้วจริงๆ
“เดี๋ยวนี้หัดแซวป๊ะป๋าหรอตัวแสบ ฮึ! อย่างนี้ต้องโดนลงโทษ ย๊าาาาาาา” พูดจบคนที่บอกว่าจะลงโทษ
ลูกชายก็ก้มลงรวบตัวจีซองขึ้นมาแบบท่านอนคว่ำแขนข้างนึงอุ้มรองตรงหน้าอก ส่วนอีกข้างก็รวบ
ขาทั้งสองข้างของจีซองไว้แน่น ก่อนที่จะพาวิ่งไปโฉบซ้ายเลี้ยวขวาแบบเครื่องบินร่อนพาจีซองไปดู
สัตว์ชนิตต่อไป (นั่นคือการลงโทษ?) งานนี้ไม่รู้ว่าจงอินลงโทษลูกชายที่กล้ามาแซวตัวเองหรือลงโทษ
ตัวเองโดยการแปลงร่างเป็นเครื่องบินพาจีซองร่อนให้เมื่อยแขนแทนเพราะหลงลูกชายมากเกินไปกันแน่
.
.
“หึ หึ” ครั้งนี้กลายเป็นจงอินเสียเองที่ยืนมองสัตว์ในกรงสลับกับหน้าลูกชายและหัวเราะออกมาเบาๆในลำคอ
“ป๊ะป๋าขำอะไรอ่ะ?” จีซองถามเมื่อเห็นท่าทางแปลกๆของพ่อตัวเอง
“ก็ขำที่จีซองได้มาเจอกับฝาแฝดตัวเองไง” จงอินพูดแบบติดตลก
“ไหนอ่ะ จีซองไม่มีแฝดน้าาาาาาา” จีซองหันมองหาฝาแฝดตัวเองตามที่จงอินบอก ก่อนที่จะบอกออกมา
เมื่อนึกขึ้นได้ว่าตัวเองเป็นลูกคนเดียวมาโดยตลอดถึงแม้ว่ากำลังจะมีน้องเล็กๆก็เถอะ แต่คุณครูเคยบอกว่า
น้องเล็กๆก็คือน้องเล็กๆไม่ใช่ฝาแฝด แล้วก็บอกอีกว่าคนที่มีฝาแฝดคือคนที่เกิดมาพร้อมกันสองคน
“มีสิครับ จีซองมีฝาแฝดนะ” จงอินยืนยันคำเดิมพร้อมกับทำหน้าจริงจัง
“ไหนอ่ะป๊ะป๋า” เมื่อเห็นหน้าจริงจังของจงอินจีซองก็ถามออกมาพร้อมกับหันซ้ายหันขวามองหาฝาแฝด
ของตัวเองตามที่จงอินบอก
“นั่นไง หน้าเหมือนจีซองเด๊ะเลย ฮ่าๆๆๆ” จงอินชี้ไปทางคอกสัตว์ก่อนที่จะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
เมื่อเห็นหน้าเหวอของลูกชายตัวเอง
“งื้ออออ….จีซองไม่เหมือนคุณหมูซักหน่อยน้าาาาาาาป๊ะป๋า” จีซองโวยออกมาทันทีเมื่อรู้ว่าตัวเองเป็นฝ่าย
โดนป๊ะป๋าสุดที่รักแกล้งคืนบ้างแล้ว
“เหมือนจริงๆนะ ไม่เชื่อลูกดูตรงนี้นี่เดี๋ยวป๊ะป๋าจะบอก” จงอินหันหลังให้คอกหมูและทิ้งตัวนั่งยองๆ
และดึงตัวจีซองให้มานั่งทับต้นขาของตัวเองอีกทีก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองมาเปิด
โปรแกรมถ่ายรูปกล้องหน้า จัดท่าทางนิดหน่อยและให้จีซองเป็นฝ่ายื่นแขนสั้นๆไปถือโทรศัพท์ไว้
จากนั้นก็นับถอยหลังเพื่อให้คุณลูกชายยิ้มสวยๆส่วนตัวเองก็โอบกอดลูกชายไว้ มือหนาทั้งสองข้าง
ก็ประสานกันดีข้างขวานั้นเตรียมจิ้มถ่ายรูปที่จอโทรศัพท์ที่จีซองถือไว้ ส่วนมืออีกข้างก็ยกขึ้นไปดัน
จมูกลูกชายสุดที่รักได้ทันพอดิบพอดี รูปที่ได้ออกมาเลยเป็นที่ถูกใจคุณป๋าซุปตาร์เป็นที่สุด
รูปที่คนทั้งสองคนในรูปทำหน้าตาตลกๆและเป็นรูปที่มีลูกชายอยู่ในอ้อมกอดของคนเป็นพ่อ
โดยมีฉากหลังเป็นคอกหมูเลอะๆ และรูปนี้คงจะเป็นความทรงจำดีๆระหว่าพ่อและลูกชายอีกรูปนึง
เพื่อทดแทนในส่วนที่ขาดหายไปหลายปีของทั้งสองคน
.
.
“สนุกไหมครับจีซอง” จงอินถามขึ้นเมื่อเขาและจีซองอยู่บนรถระหว่างทางกลับไปบ้านตระกูลโอ
หลังจากคอกหมูนั้นเขาและจีซองก็เดินดูกันต่อไปเรื่อยๆจนดูสัตว์ต่างๆครบทุกประเภท ปิดท้ายที่
การแสดงของปลาโลมาแสนรู้ที่เจ้าตัวชอบนักชอบหนา แถมยังบอกอีกว่าถ้าน้องคลอดเมื่อไหร่จะ
เป็นคนพาน้องมาดูเองเลย พอเขาบอกว่าถึงน้องออกมาก็ยังมาไม่ได้ต้องรอน้องเดินได้ก่อนถึงพามาได้
เจ้าตัวก็เถียงมาอีกว่าแค่น้องลืมตาได้น้องก็ดูได้แล้ว!!! เอากับคุณชายเขาสิ!
“สนุกที่สุดเลยฮับป๊ะป๋า” จีซองบอกพร้อมกับหันมายิ้มตาหยีให้จงอิน
“แล้วจีซองชอบตัวอะไรที่สุดครับ” จงอินถามขึ้นระหว่างรถจอดติดไฟแดง
“ชอบคุณหมี คุณกระต่าย คุณหมูแล้วก็คุณแมงกระพรุนฮับ” จีซองทำท่าคิดก่อนที่จะบอกออกมา
“เพราะอะไรถึงชอบล่ะครับ” จงอินถามต่อด้วยความสงสัยเพราะเค้าคิดว่าจีซองจะชอบสิงโตที่สุดซะอีก
เพราะตอนที่ในโซนแสดงลูกสัตว์ที่เพิ่งเกิดใหม่จีซองดูสนใจลูกสิงโตอยู่มาก ยืนดูนิ่งๆเฉยๆอยู่พักใหญ่
แถมยังได้ป้อนนมลูกสิงโตด้วยตัวเองอีกด้วย แต่พอถามถึงสัตว์ที่ชอบกลับไม่มีลูกสิงโตเลยซะงั้น
“ก็ลูกชอบที่คุณหมีดูแข็งแรงเหมือนป๊ะป๋าเวลากอดก็ต้องอุ่นเหมือนป๊ะป๋าแน่ๆเลยฮับ
คุณกระต่ายก็น่ารักเหมือนหม่าม๊าแล้วเวลากอดตัวก็ต้องนุ่มนิ่มๆเหมือนหม่าม๊าแน่ๆเลยฮับ
แล้วป๊ะป๋าก็บอกว่าคุณหมูเหมือนจีซอง คุณหมูตัวกลมๆน่ากอดๆ ถ้าลูกเหมือนคุณหมู ป๊ะป๋ากับหม่าม๊า
ก็ต้องกอดจีซองทุกวันแน่ๆเลยฮับ!” จีซองเจื้อยแจ้วพูดออกมาด้วยความคิดและจินตนาการแบบเด็กๆ
โดยไม่ได้คิดอะไรซับซ้อนมากมาย แต่คำพูดของจีซองนั้นทำให้จงอินถึงกับสะอึกเพราะสิ่งที่แปลได้จาก
คำพูดแบบเด็กๆของจีซองนั้นมันคือความคิดความรู้สึกความต้องการลึกๆของเจ้าตัวนั่นเอง
“แล้วคุณแมงกะพรุนล่ะครับ” จงอินถามต่อเมื่อยังเหลือแมงกะพรุนอีกหนึ่งอย่างที่จีซองบอกว่าชอบ
แต่ไม่ได้พูดออกมา
“ลูกชอบคุณแมงกะพรุนเพราะคุณแมงกะพรุนทำท่าดึ๋งดึ๋งแล้วน่าร๊ากกกกกก……...ลูกชอบบบบบบบบบ”
จีซองบอกเสียงใสเมื่อนึกถึงตอนที่เดินเข้าไปในอุโมงค์สัตว์น้ำแล้วเห็นการเคลื่อนที่ของกะแมงกะพรุน
ที่เหมือนกับกำลังเต้นรำอยู่น้ำยังไงยังงั้น จีซองล่ะช๊อบชอบ จงอินเห็นสีหน้าที่มีความสุขของลูกชายแล้ว
อดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปขยี้หัวกลมๆนั่นด้วยความหมั่นเขี้ยว ก่อนที่จะสัญญากับตัวเองว่าไม่ว่าวันข้างหน้า
จะเกิดอะไรขึ้นจงอินก็จะขอปกป้องและดูแลรักษารอยยิ้มที่สดใสนี้จนกว่าจะถึงลมหายใจสุดท้าย
“จีซองรักป๊ะป๋าทิ๊สุดเลยฮับ” ประโยคที่ดังออกมาอย่างแผ่วเบาทำให้จงอินหันมามองจีซองทันที
ถึงเสียงนั้นจะเบาสักแค่ไหนแต่มันชัดเจนเหลือเกินในความรู้สึกของจงอิน แต่สิ่งที่จงอินเห็นนั้น
คือลูกหมูจีซองตัวแสบที่หลับคอพับคออ่อนอย่างหมดแรงเพราะใช้พลังงานในการเที่ยวเล่นไปจนหมด
เมื่อเห็นอย่างนั้นจงอินก็ตีไฟเลี้ยวเข้าข้างทางเพื่อปรับเบาะลงจัดท่านอนให้ลูกชายได้หลับอย่างสบาย
เพราะชั่วหัวค่ำอย่างนี้รถในใจกลางกรุงโซลนั้นติดยิ่งกว่าอะไรดี กว่าจะถึงบ้านตระกูลโอที่อยู่ชานเมือง
เจ้าตัวแสบนี่คงนอนหลับชาร์ตแบตเต็มอิ่มพอดี
“หลับสนิทขนาดนี้แสดงว่าที่ป๊ะป๋าได้ยินนั่นคือละเมอซินะ แต่ไม่เป็นไรหรอกเพราะป๊ะป๋าเคยได้ยินมา
ว่าคนที่นอนละเมอนั้นจะละเมอพูดความจริงออกมาจากจิตใต้สำนึกและความรู้สึกลึกๆจากใจจริง
ป๊ะป๋าจะถือว่าเมื่อกี้จีซองบอกรักป๊ะป๋าก็แล้วกันนะครับ” จงอินพูดเองเออเองอยู่คนเดียวอย่างมีความสุข
ก่อนจะคลื่อนรถออกมุ่งหน้าไปบ้านตระกูลโอต่อทันที ถ้าใครได้เห็นจงอินตอนนี้นี่ก็คงจะเข้าใจผิดคิด
ว่าจงอินคงกำลังมีความรักหรือไปปิ๊งสาวที่ไหนแน่ๆเลยเพราะจงอินนั้นขับรถมองทางไปฮัมเพลงไป
อย่างอารมณ์ดี
...
อ่า..ใครที่กลัวมินอามาเกาะแกะป๊ะป๋าหมีตอนนี้คงโล่งอกแล้วนะค่ะ
เพราะจงอินวีนแตกไม่ยอมถ่ายซะงั้น เดี๋ยวตอนหน้าเรามาดูหม่าม๊าเซฮุนเค้นกันนะคะ
ว่าทำไมจงอินไม่ยอมถ่ายแบบนี้เพราะอะไร แล้วก็คอยดูว่ามินอาจะมาไม้ไหนกันแน่
ส่วนนั้นตอนนี้ยกให้เป็นตอนมุ้งมิ้งแห่งชาติของสองพ่อลูกไปเค้าไป
ฝากติดตามนิยายเรื่องใหม่ของมี่ด้วยนะคะ ** Blood Moon กระตุกหัวใจเจ้าชายรัตติกาล
อารมณ์ประมาณแวมไพร์+แฮร์รี่(อย่างล้นๆ)
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ