ตอนจบ
ร่างการเปลือยเปล่าของทั้งสองร่างนอนเกยกันโดยมีร่างเพรียวบางนอนหนุนแผงอกสีแทนที่มีกล้ามเนื้อล่ำสันบนฟูกนิ่มสีแดงสด มือเรียวสวยลูบไล้บนแพงอกของตริณเล่นอย่างเพลินมือ นึกระอาแก่ใจตนเองที่เผลอไผลจนเผลอสนองตัณหาตนเองกับคนที่เพิ่งเจอกันได้แค่วันเดียว
"ตื่นแล้วเหรอครับ..เกล้า" ร่างบางไม่ตอบกลับ เพียงยื่นหน้าขึ้นไปจุมพิตปลายคางสากนั้นเบาๆ หวั่นวิตกว่าถ้าหากผ่านพ้นเวลานี้ไป คนตรงหน้าจะยังต้องการคนใจง่ายอย่างเขาอีกหรือไม่ แค่คิดก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายก็ปวดหนึบ อาการวูบโหวงภายในใจทำให้ฉัตรเกล้านอนไม่ค่อยหลับแม้จะเพลียแสนเพลียจากบทรักรุนแรงนั้นทั้งคืนก็ตาม พลันน้ำใสก็ร่วงหล่นลงมาจากหางตาไหลรินรดอาบแก้มทั้งสองข้างจนคนที่มองอยู่อดสงสารจนต้องปาดน้ำตานั้นออกจากแก้มนวลปรั่งอย่างแผ่วเบาและทนุถนอม
"นายคงกำลังคิดว่าฉันมันใจง่ายอยู่ล่ะสิ"
"อะไรที่ทำให้คุณคิดอย่างนั้น"
"แล้วจะให้คิดยังไง คนที่เพิ่งรู้จักกันแค่วันเดียวดันไปมีอะไรกับเขาเสียได้"
"..."
"นายไม่ต้องรับผิดชอบอะไรหรอก ฉันไม่ใช่หญิงสาวแรกรุ่นที่จะต้องมานั่งร้องห่มร้องไห้ตอนที่เสียเวอร์จิ้นให้ใคร นายสบายใจได้" ทั้งที่เป็นฝ่ายตัดสัมพันธ์แต่ทำไมฉัตรเกล้าคนนี้ถึงได้ปวดใจนัก เปลือกตาก็ร้อนรุ่มจนตอนนี้เอ่อนองไปด้วยหยาดน้ำตาที่รอนาทีร่วงผล็อยลงมาอีกครา ตริณเงียบไปพักใหญ่ก่อนจะกระชับกอดให้แนบแน่นยิ่งกว่าเดิมพร้อมจูบซับเรือนผมนุ่มหอมด้วยความรักใคร่
"คุณคงลืมไอ้ตริณคนนั้นไปแล้วจริงๆสินะ" ฉัตรเกล้าสบตาคนที่กอดตนอย่างไม่เข้าใจ
"ไอ้ตริณที่มันคอยแอบรักคุณเกล้าคนนั้นตั้งแต่แรกเห็นตอนที่คุณเกล้ามาเล่นบ้านไร่กับคุณปู่ ไอ้ตริณที่มันคอยทาแป้งทั่วตัวจนขาวโพลนเพราะคุณเกล้าของมันบอกว่าหอม ไอ้ตริณที่มันคอยตั้งใจเรียนแล้วให้คุณเกล้าชมว่ามันเก่ง ไอ้ตริณที่มันชอบโม้ว่ามันทำกับข้าวที่คุณเกล้าชอบด้วยตัวมันเอง"
"..."
"และไอ้ตริณคนนี้...ที่มันผิดสัญญาที่เคยให้ไว้กับคุณเกล้า"
20 ปีก่อน
เด็กชายตัวน้อยวัยห้าขวบกำลังนอนลืมตาให้คุณปู่เล่านิทานเล่มโปรดของตนให้ฟัง แม้จะเป็นแค่บทเดิมๆแต่เด็กน้อยตาใสคนนี้กลับไม่มีอาการเบื่อเลย
"เกล้าลูก หนูอยากไปเที่ยวบ้านไร่ของเพื่อนปู่ไหมลูก ไร่องุ่นเชียวนา" ท่านวางนิทานไว้ข้างตัว เอื้อมมือที่เหี่ยวย่นตามกาลเวลาลูบเส้นผมนุ่มของหลานรักอย่างเบามือ
"ไร่องุ่น..หนูอยากไปจังเลยจ้ะตา หนูจะกินให้เกลี้ยงเลย คิคิ" คนเป็นปู่อดขำกับความคิดเด็กๆของหลานตัวน้อยนี้เสียไม่ได้พร้อมกับบีบจมูกน้อยๆของหลานรักด้วยความหมั่นเขี้ยวระคนเอ็นดู
@ไร่จริญรัตนเกษม
"โห..ปู่จ๋า องุ่นเยอะแยะเลยจ้ะปู่ มีคอกหมูด้วยนะจ๊ะ" ยังไม่ทันที่รถตู้ราคาแพงจะจอดดี เจ้าตัวป่วนแสนซนก็เปิดประตูรถลงไปก่อนเสียแล้ว ฉัตรเกล้าน้อยเข้าไปวิ่งเล่นในสวนองุ่น หัวเราะสนุกสนานเอิ๊กอ๊ากอยู่คนเดียวจนคนงานแถวนั้นอดมองด้วยสายตาเอ็นดูเสียไม่ได้ที่มีเด็กตัวเล็กขาวจั๊ววิ่งวนไปวนมาในไร่ พลันหูน้อยๆอมชมพูก็ได้ยินเสียงเด็กผู้ชายหัวเราะเสียงดังเล็ดลอดออกมาจากคอกหมูใกล้ๆนี้ ฉัตรเกล้าน้อยละความสนใจจากองุ่นพวงใหญ่วิ่งปรี่เข้าไปภายในคอกที่มีหมูส่งเสียงอู๊ดๆกับเสียงหัวเราะเริงร่านั้นทันที ตรงหน้าเขานั้นคือเด็กชายผิวสีแทนกล่ำแดดกำลังวิ่งเล่นกับหมูในคอกอย่างสนุกสนาน เนื้อตัวนั้นมอมแมมเต็มไปด้วยโคลนในคอกแต่กลับดูไม่ทุกข์เนืื้อร้อนใจใดๆเลยต่างจากฉัตรเกล้าหากแค่ตัวเลอะโคลนดินนิดหน่อยก็โดนคุณแม่เอ็ดเอาเสียหงอยซึม มุมปากสวยระบายยิ้มออกหน่อยๆเมื่อคิดได้ว่าตนมาบ้านไร่กับปู่แค่เพียงสองคนเท่านั้นจึงไม่มีอะไรให้ต้องเป็นกังวลใจ ตรงจุดที่ฉัตรเกล้าน้อยยืนอยู่ไกลจากระยะสายตาของเด็กในคอกนั้นพอสมควร ร่างบางชั่งใจว่าจะเข้าไปดีหรือไม่สักครู่ ก่อนที่ขาป้อมขาวจะย่องก้าวเข้าไปตามสัญชาตญาณของเด็กชอบเล่นสนุก
"นายตัวดำ ทำอะไรอยู่เหรอ" เด็กน้อยผิวสีแทนชะงักพร้อมหันหน้ากลับมาหาฉัตรเกล้าน้อย ตริณในตอนนั้นอดเคลิ้มไปกับผิวขาวๆกับนวลแก้มแดงๆนั้นเสียไม่ได้พลันแก้มก็เห่อร้อนเสียจนแทบระเบิด
"ฉันถามว่าทำอะไร ได้ยินหรือเปล่า"
"อะ..เอ่อ อาบน้ำให้หมูไง" ฉัตรเกล้ามองเด็กที่ตัวโตกว่าตนที่ตอนนี้กำลังยืนบิดไปมาอย่างไม่เข้าใจ
"ว้าว!..น่าสนุกจังเลย ขอฉันอาบให้ด้วยคนสิ อืม..ฉันฉัตรเกล้านะ เรียกน้องเกล้าก็ได้เพราะนายตัวโตกว่า นายต้องเป็นพี่" ตริณงงกับคำพูดไม่ค่อยสมเหตุสมผลของร่างบางแต่ก็ยอมเออออห่อหมกไม่ขัดใจร่างบางให้ต้องผิดใจกัน
"อะ..เอ่อ ฉัน ฉันตริณ"
"พี่ตริณ..เกล้าขออาบน้ำให้หมูด้วยคนได้หรือเปล่าจ๊ะ" พูดพร้อมยืนเกาะรั้วคอกยื่นหน้าเข้าใกล้เสียจนตริณน้อยผงะหงายหลังก้นจ้ำเบ้าสร้างเสียงหัวเราะสดใสให้กับร่างบางนั้น ตริณน้อยมองภาพนั้นอย่างเผลอไผลหลงไหลในความน่ารักน่าชังของคนตรงหน้า นี่ถ้าเป็นเด็กผู้ชายคนอื่นมีวางมวยกันไปแล้ว แต่นี่คือน้องเกล้าผู้น่ารักของไอ้ตริณ มันจึงทำได้แค่เกาคอเขินแก้เก้อไป พอเห็นฉัตรเกล้าหัวเราะจนพอใจแล้วมันจึงเดินไปเปิดประตูคอกให้เด็กตัวขาวเดินเข้ามา ทั้งคู่เล่นกันสนุกสนานหัวเราะร่าเมื่อเจอเพื่อน(รัก)ใหม่ ทั้งคู่มัวแต่เล่นเพลินจนเวลาล่วงเลยหกโมงเย็น ปู่ของฉัตรเกล้าจึงเดินตามหาหลานรักมาถึงคอกหมูที่คนงานในระแวกนั้นบอกมา คนเป็นปู่มองภาพนั้นด้วยสายตาเอ็นดู มองภาพเด็กทั้งสองคนกำลังอุ้มหมูตัวน้อยคุยกันกระหนุงกระหนิง เนื้อตัวของทั้งคู่เลอะไปด้วยขี้โคลนในคอกหมู สองเท้าของชายสูงอายุเดินตรงเข้าไปหาเด็กทั้งสอง
"เกล้าลูก ไปอาบน้ำกินข้าวได้แล้วหลานปู่" สิ้นเสียงอบอุ่นเด็กทั้งสองหันหน้ามามองคนสูงวัยตรงหน้า รอยยิ้มของตริณจึงเริ่มหดหายเมื่อคิดว่านี่คงถึงเวลาที่ต้องจากกันเสียแล้ว
"เอ็งด้วยนะเจ้าหนู ไปอาบน้ำอาบท่าเสีย แล้วค่อยไปกินข้าวด้วยกัน" ตริณน้อยที่หงอยไปเมื่อครู่ยิ้มร่าโชว์ฟันขาวพร้อมกับรั้งมือป้อมน้อยของฉัตรเกล้าไปด้วย ตริณดีใจจนกระทั่งลืมว่าแขนอีกข้างของตนนั้นยังมีหมูตัวน้อยอยู่ในอ้อมกอดอยู่เลย
@โรงครัวใหญ่
คนสูงอายุมองเด็กตัวน้อยทั้งสองที่กำลังนั่งป้อนกับข้าวกันไปมาพร้อมส่งยิ้มหวานฉ่ำให้กันไปด้วย เด็กตริณทาแป้งเสียจนขาวโพลนทั้งตัวแม้กระทั่งหัวก็ยังทา เพิ่งจะรู้ว่าเด็กที่นั่งตรงข้ามกับหลานของตนนั้นเป็นถึงหลานเจ้าของไร่นี้เมื่อตอนหัวค่ำตอนที่เด็กทั้งสองกำลังจะพากันไปอาบน้ำ เพื่อนซี๊ของเขาจึงบอกว่านี่แหละเจ้าตริณที่เคยเล่าให้ฟัง
"พี่ตริณกินผักแทนหนูหน่อยสิจ๊ะ มันขมอ่า~" เด็กตัวโตกว่ายิ้มรับพร้อมกับอ้าปากรับผักคะน้าเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆมองหน้าหวานไปด้วย ทั้งคู่ป้อนกันไปมาพอทานเสร็จจึงพาไปที่อ่างสำหรับล้างจาน ตริณน้อยเอื้อมมือไปหยิบจานของร่างบางมาล้างให้เพราะกลัวน้ำยาล้างจานจะกัดมือสวยๆนั้น ฉัตรเกล้ายิ้มอย่างขอบคุณพลางยื่นปากไปจุ๊บแก้มที่เต็มไปด้วยแป้งของตริณแผ่วเบา เล่นเอาคนที่ผิวเข้มหน้าแดงขึ้นจนเห็นชัดถนัดตา คนเป็นปู่ได้แต่มองภาพน่าเอ็นดูนั้นพลางยิ้มขันกับความน่ารักของทั้งคู่
ทั้งคู่สนิทกันเร็วจนกระทั่งวันแรกก็นอนกอดก่ายกันเสียกลม จะแยกให้นอนสบายๆก็ส่งเสียงอื้ออึงอย่างขัดใจแถมข้างกายยังมีหมูตัวน้อยนอนหายใจอยู่ข้างๆ เมื่อเห็นว่าขัดใจไปก็ไม่เป็นผลจึงได้แต่ปล่อยเลยตามเลย
ผ่านไปหลายวันเด็กทั้งคู่สนิทกลมเกลียวกันยิ่งขึ้น ตัวติดกันไม่ห่างไม่ว่าจะ อาบน้ำ กินข้าว เข้านอนก็ยังตัวติดกัน จนกระทั่งถึงวันที่จะต้องจากลาเด็กทั้งคู่ก็เริ่มหงอย ไม่ค่อยหัวเราะดั่งวันแรกที่เจอกันเสียแล้ว
"พรุ้งนี้เช้าหนูต้องกลับแล้วนะพี่ตริณ" ตอนนี้ทั้งคู่นอนกอดกันอยู่ภายในห้องนอนของตริณน้อย คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายที่เขาจะได้กอดร่างบอบบางนี้ไว้ทั้งคืน
"เกล้าจะมาอีกหรือเปล่า" ฉัตรเกล้ามองคนตรงหน้าที่น้ำเสียงสั่นเครือ ดวงตาของตริณนั้นเอ่อนองไปด้วยน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม
"มาสิจ๊ะ แต่พรุ้งนี้พี่ต้องไปส่งหนูนะ" ทั้งคู่ยิ้มให้กันพร้อมกับเกี่ยวก้อยสัญญา ร่างเล็กกอดกันกลมแล้วจึงผล็อยหลับไปทั้งคู่
ตอนเช้านี้อากาศสดชื่นแจ่มใสต่างจากเด็ก
ทั้งคู่ที่หดหู่เข้าทุกวินาทีที่เข็มนาฬิกาเดินผ่านไปแล้วไปเล่าจนกระทั่งถึงบ่ายโมงก็มีโทรศัพท์ด่วนแจ้งมาจากโรงเรียนว่าวันนี้คือวันรับเกรดของตริณน้อย เขาลืมไปเสียสนิทเพราะมัวพะว้าพะวังกับเรื่องของน้องเกล้าจนลืมวันลืมคืน ตริณน้อยคำนวณเวลาว่าตอนนี้เพิ่งจะบ่ายโมง น้องเกล้าของเขากลับตอนสี่โมงเย็น เขาคงกลับมาทันได้โชว์เกรดสวยๆให้น้องเกล้าเอ่ยชมมันเป็นแน่ ทันความคิดตริณวิ่งคว้าผ้าเช็ดตัวอาบน้ำแต่งตัวพร้อมไปโรงเรียนด้วยความเร็วรี่
"รอพี่นะน้องเกล้า พี่จะรีบไปรีบกลับ" ก่อนไปก็ไม่วายกอดจูบร่ำลากันตามประสาเด็กจนพ่อของเจ้าตริณอดแซวมันเสียไม่ได้ เกล้าน้อยมองท้ายรถกระบะไปด้วยสายตายิ้มแย้ม ถึงจะต้องจากกันแต่ก็อยากจะให้เก็บความทรงจำดีๆไว้พบกันอีกครั้งในสักวัน นาฬิกาผ่านไปชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่า ฉัตรเกล้าน้อยได้แต่ชะเง้อมองประตูทางเข้าไร่อย่างใจร้อนรน เพราะนี่ก็เลยเวลาออกรถของเจ้าตัวน้อยไปเกือบชั่วโมงแล้ว แต่ตอนนี้ก็ยังไม่เห็นวี่แววของรถกระบะที่ตริณสุดที่รักของตนนั่งออกไปเลย
"เกล้าลูก ได้เวลากลับแล้วนะ ถ้าช้ากว่านี้จะดึกเอานะลูก" คุณปู่มองหลานตัวน้อยด้วยสายตาอบอุ่น รู้ว่าเจ้าตัวน้อยนั้นรอใครแต่นี่ก็เลยเวลามาเกือบชั่วโมงแล้ว
"ตาจ๋าาาา..~" ฉัตรเกล้าโผเข้ากอดพร้อมกับซบลงกับบ่าของคนเป็นปู่ มือเหี่ยวย่นได้แต่ลูบปลอบใจหลานแล้วอุ้มพาไปขึ้นรถตู้ที่คนขับรถเตรียมไว้ให้แล้ว ขึ้นมาบนรถเด็กน้อยก็ไม่ยอมหยุดร้องให้เอาแต่กอดปู่จนหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อนพร้อมกับหัวใจที่บอบช้ำ
"คนโกหก เกลียดพี่.." คนเป็นปู่ได้แต่ลูบผมนุ่มปลอบเมื่อหลานตัวเล็กนอนละเมอออกมาพร้อมกับน้ำตาที่เคยเหือดแห้งไหลปลิ่มออกมาอย่างกับทำนบแตก
ทางด้านตริณที่ตอนนี้นั่งในห้องประชุมใหญ่ของโรงเรียนที่รายล้อมไปด้วยเหล่าบรรดานักเรียนร่วมชั้น เขานั้นไม่รู้ว่าปีนี้จะต้องมีประชุมห่าเหวอะไรแบบนี้ ตริณนั้นนั่งแทบไม่ติดเก้าอี้เลย ใจมันหวิวๆเพราะนี่ก็เลยเวลาที่น้องน้อยเจ้าของดวงใจเขาต้องออกรถแล้ว จนกระทั่งสิ้นสุดการประชุม ตริณวิ่งออกจากห้องประชมก่อนใครเพื่อนพร้อมกับเร่งเร้าพ่อของตนให้ขับรถกลับบ้านด้วยใจที่เต้นระส่ำทั้งดีใจทั้งกลัว ดีใจที่ได้กลับเสียทีกับกลัวที่อาจจะไปไม่ทัน เขาได้แต่ถือใบเกรดที่ระบุเกรดอันงดงามของเขาไว้อย่างเบามือเพราะกลัวจะยับเอา ในใจก็ภาวนาขอให้น้องน้อยนั้นยังรอ รอที่จะพบกับเขา รอที่จะยินดีกับเขา แต่เหมือนเทพเทวดาไม่ได้ยินคำร้องขอของไอ้ตริณคนนี้เลย เพราะพอกลับมาถึงบ้านก็ได้รู้ข่าวว่ารถของน้องเกล้านั้นออกไปได้ครึ่งชั่วโมงแล้ว น้ำตาเม็ดใสไหลรินรดข้างแก้ม มือน้อยกำบี้ใบเกรดอย่างเกลียดชัง หมดสิ้นแล้ว น้องน้อยคงเกลียดไอ้ตริณขี้โกหกคนนี้เสียแล้ว ยิ่งคิดใจมันก็ยิ่งปวดแต่มันก็ยังไม่ล้มความหวัง มันวิ่งกลับไปที่ห้อง อุ้มหมูที่มันกับน้องน้อยช่วยกันเลี้ยงแล้วเร่งเร้าให้พ่อพามันไปหาน้องเกล้าของมัน คนเป็นพ่อได้แต่มองหน้าลูกชายเพียงคนเดียวของตนพร้อมกับลูบศีรษะปลอบใจ ตริณน้อยร้องไห้ปานจะขาดใจกอดเจ้าหมูตัวน้อยเพื่อทดแทนอุ่นไอจากใครอีกคนที่อยู่ห่างไกลจากเขาไปทุกนาทีจนเผลอหลับไป วันแล้ววันเล่าที่ตริณนั่งชะเง้อมองทางเข้าไร่ รอการกลับมาของเจ้าของหัวใจมันจนเวลาร่วงเลยมา 20 ปี มันก็ยังคงมาชะเง้อรอทุกเช้า
ตริณเล่าเรื่องราวทั้งหมดจบพร้อมกับมองหน้าน้องน้อยที่ตอนนี้ยิ่งน้อยลงถนัดตาถ้าเทียบกับร่างกำยำของเขา
"พี่ตริณ.." ร่างบางไม่รู้จะพูดคำไหน ที่เขาลืมสถานที่นี้ ลืมคนๆนี้ คงเป็นเพราะหัวใจอันเจ็บปวดที่เคยปิดตายกำลังเปิดออกอย่างช้าๆ ความทรงจำครั้งเก่าเริ่มไหลย้อนวนกลับมาจนฉัตรเกล้าจำเรื่องทุกอย่างได้ดั่งว่าเรื่องทั้งหมดเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน มือหนาของตริณเอื้อมไปหยิบกางเกงยีนส์ล้วงเข้ากระเป๋ากางเกง หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาที่มีรอยยับย่นปรากฎเต็มไปหมด ในใบนั้นระบุผมการเรียนของปีการศึกษาของ ด.ช.ตริณ จริญรัตนเกษม ที่ค่อนข้างดีสมที่จะได้รับคำชมของน้องน้อย
"พี่ขอโทษที่ผิดสัญญา" ร่างหนาพูดพลางจุมพิตที่หน้าผากเจ้าของหัวใจมันอย่างแผ่วเบา
"อึก..ไม่เป็นไรจ้ะ ยังไง..ตอนนี้พี่ก็ได้ทำตามสัญญาแล้วนี่จ้ะ" เสียงสะอื้นดังขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่พร้อมส่งรอยยิ้มเปี่ยมสุขให้ร่างหนา
"..."
"คนเก่งของหนูต้องได้รางวัล จริงไหมจ้ะ" ว่าพลางเช็ดน้ำตาออกลวกๆ มือก็ลูบไล้อกหนาสะกิดยอดอกสีคล้ำของตริณไปด้วย
"อืมมห์..น้องเกล้าของพี่"
"พินัยกรรมฉบับนี้ทําขึ้นเมื่อวันที่ XX เดือน XX ปี 25XX ณคฤหาสน์อัครวรัญกูรย์แห่งนี้ ข้าพเจ้าท่านเทพธรรมกรณ์ อัครวรัญกูรย์ โดย ข้าพเจ้าขอยกสมบัติพัสถานให้แก่ครอบครัวอัครวรัญกูรย์ทุกกิจการอันได้แก่ บริษัทผลิตเครื่องเพชร บริษัทส่งออกกระเป๋า บริษัททําน้ำหอมรวมไปถึงกิจการโรงแรมให้แก่คนในอัครวรัญกูรย์ทั้งสิ้น...แต่คุณฉัตรเกล้าอัครวรัญกูรย์ต้องไปอยู่ไรชา 'จริญรัตนเกษม' เป็นเวลาหนึ่งเดือน"
ปล. อย่าให้เขารู้ว่านี่คือแผนนะทนาย ถ้าทั้งสองตกร่องปล่องชิ้นกันเมื่อไหร่ คุณจะได้สิบล้านซึ่งถือว่าเป็นโบนัสที่ผมจะให้คุณละกันนะ ^_^
TBC.
คุณปู่ร้ายเวอร ์ขอบคุณที่คอยติดตามน้า จุ้บๆๆ
