5 เพราะตัดสินกันจากเพียงภายนอก
ชื่อบิดา นายพัชระ วรรณเสถบุตร
มันเป็นชื่อที่เขียนไว้ในสมุดบันทึกประจำตัวการฉีดวัคซีนของเด็กชาย ภพรรนตรี วรรณเสถบุตร
นอกจากนั้นยังมีบันทึกการเจริญเติบโต
สิ่งที่อยู่ในนั้นทำให้เอ๋ยรับรู้อยู่สามอย่าง
น้องแพมีชื่อผู้เป็นบิดาคือไอ้พัช ไอ้พัชมันชื่อจริงว่าพัชระ นามสกุลมันก็ยาวๆ เนี่ยแหล่ะ ทำไมจะจำไม่ได้อยู่หอเดียวกันตั้งเป็นปี
สองคือน้องแพอายุ 1 ขวบ 10 เดือน อายุพอๆ กับเด็กๆ แถวบ้านที่เขาเคยเลี้ยงก่อนมาเรียนมหา’ลัย นับถือกันเป็นพี่เป็นน้องเป็น
อาหลานก็ว่ากันไปที่ผู้ใหญ่จะให้เรียก
อายุเท่านี้กำลังเจรจาเก่งเลย ไอ้เอ๋ยปวดหัวมาเยอะ แต่ท่าทางแพไม่น่าจะใช่เด็กซน ขนาดเขาพามาห้องพักเก่าๆ เหมือนรูหนูที่ใช้ซุกหัวนอน (ปี 3 ก็โดนไล่ออกจากหอในเรียบร้อยแล้วล่ะ) ยังนั่งนิงมองไอ้เอ๋ยกับไอ้แกวตาแป๋วไม่หือไม่อืออะไรเลย
และอย่างที่รู้คือ อย่างน้อยแม่ของเจ้าจ้อยก็ไม่ใจร้ายขนาดไม่พาลูกเต้าไปตรวจเช็คสุขภาพหรือฉีดวัคซีนเลย ก็ยังทำหน้าที่แม่ได้อยู่
แล้วเอาลูกมาทิ้งไว้ทำไม? ลูกของไอ้พัชจริงๆ?
“ไอ้เอ๋ย มึงแน่ใจนะว่านี่ชื่อไอ้พัช” แกวยังจ้องสมุดที่ระบุชื่อบิดาไว้อย่างชัดเจนอย่างไม่เชื่อสายตา ในสมุดไม่ได้บอกอะไรมาก แค่บันทึกน้ำหนักส่วนสูงของน้อง มีชื่อน้อง และก็ชื่อพ่อมัน
“กูอยู่ห้องเดียวกับมันตอนปีหนึ่งนะเว้ย วันไหนลืมกุญแจก็ไปขอที่ห้องแม่บ้านก็ต้องเอาชื่อมันชื่อกูสลับกันไปขอออกจะบ่อย เอาเป็นว่ากูจำได้ขึ้นใจเลยล่ะ” ไอ้เอ๋ยนอนเท้าแขนตัวเองปากคุยกับเพื่อนแต่มือหยอกเด็กเล่นตาก็มองไม่วาง
ไอ้ห่านี่รักเด็กไม่สมเป็นมัน
คนถามก็ยังนิ่งอึ้งไม่หาย นี่ก็คิดไปแล้วล่ะว่าน้องแพเป็นลูกไอ้พัช ก็หลักฐานที่มีอยู่น้อยนิดมันชี้ตัวซะขนาดนี้
“แล้วมึงเอาไง” แกวถามต่อ นึกหมันไส้ไอ้คนเอานิ้วไปจิ้มๆ แหย่ๆ น้องแพให้จั๊กจี๋เล่น
“กูก็เลี้ยงไง” เอ๋ยตอบแบบไม่ใส่ใจหยอกน้องเล่นอย่างนึกชอบใจที่เห็นปากเล็กๆ ยกยิ้มกว้างและตัวป้อมๆ ที่คอยหลบหลีกนิ้วมือของเขา
มันน่าจับฟัดดดดดด
“ไอ้เอ๋ยมึงเอาดีๆ แค่กูกับมึงนี่วันๆ ก็แดกแต่ปลากระป๋องแล้วนะ จะเอาอะไรมาเลี้ยงลูกเขา” แกวเหนื่อยหน่ายใจ เพื่อนทำตัวเหมือนผู้ดีมีตังค์ เงินจะยัดห่ายังไม่มี
“เออน่า เดี๋ยวหางานเพิ่ม”
“มึงทำงานจนชั่วโทงเรียนไม่พอแล้วนะเอ๋ย” แกวสวน นั่งมองเพื่อนด้วยแววตาจริงจัง กระตุกแขนคนนอนอยู่ให้ลุกขึ้นมาคุยกันดีๆ
เอ๋ยยอมแพ้เรี่ยวแรงน้อยๆ ของไอ้แกว ลุกขึ้นมานั่งขัดสมาธิลากเอาน้องมานั่งตักจ้องไอ้แกวด้วยกันอีกคน
“ยะ...อย่าเอาเด็กมาต่อรองนะมึง” แกววูบไหว เห็นตากลมๆ นั่นมีน้ำตาคลอเพราะเพื่อนตัวดีแกล้งก็ได้แต่หลบสายตาหนี
“มึงจะให้น้องไปอยู่ในบ้านเด็กกำพร้าหรอ” เอ๋ยถามเสียงนิ่ง ดูก็รู้ว่ามันจะหยั่งเชิง
“กูหมายถึงให้มึงไปคุยกับไอ้พัชใหม่”
“ก็คุยแล้ว มันจะเอาน้องไปอยู่ที่บ้านแบบนั้น” เอ๋ยสะท้อนใจ ตัวเองเจอแบบไหนมาก็ไม่อยากให้เด็กโดนแบบนั้นหรอก
“แต่มึงต้องดูกำลังตัวเองด้วยนะเอ๋ย” แกวอ่อนอกอ่อนใจ เสือกมีเพื่อนรักเด็ก
“กูจะเลี้ยงแพ”
“มันจะยุ่งยากนะมึง”
“กูจะเลี้ยงแพ”
“มึงคิดว่ามึงจะรับปัญหาที่จะตามมาได้ไหม”
“กูจะเลี้ยงแพ”
“ไอ้เอ๋ย!!!” แกวจ้องเขม็ง ไอ้เอ๋ยมันรั้น เอ๋ยเองก็ไม่หลบสายตา จ้องกันจนจะท้อง
“เอ๋ย..เอ๋ย” เสียงเล็กดังขึ้นจากปากจิ้มลิ้มบนตักของเจ้าของห้อง คนถูกเรียกชื่อนิ่งเงียบไปด้วยความรู้สึกอุ่นซ่านในหัวใจ ก้มลงมองเด็กน้อยในอ้อมกอดแล้วกระชับมือโอบกอดแน่นยิ่งขึ้น
“อย่าทิ้งแพ...อย่าทิ้งนะ” เด็กน้อยเงยหน้าจ้องตาเรียว ลมหายใจของผู้ใหญ่สะดุดพร้อมกับอาการบีบรัดที่ตีตื้นขึ้นมาจนน้ำคลอเต็มตาสองข้าง
“มึง...จะให้กูทิ้งแพจริงหรอแกว”
“ไม่...ไม่ต้อง...กูช่วยมึงเลี้ยงเอง”
**********
เอ๋ยกับแกวจูงมือเล็กคนละข้างลงมามินิมาร์ทใต้หอเก่าๆ โทรมๆ ที่เช่าอยู่ หอนี้อยู่ลึกสุดของซอยข้างหอใน เดินเข้าออกก็ไกลอยู่ที่ราคาเดือนละพันหน่อยๆ ทำให้ตกลงใจอยู่อย่างไม่ต้องคิดเรื่องมาก
“แพกินอะไร” แกวถามตัวน้อย คนถูกถามเงยหน้าจนคอตั้งมองผู้ถามด้วยใบหน้างงประสาเด็ก
“กินอะไรดี?” แกวนั่งยองๆ กลัวคอเล็กหัก เอ่ยถามอีกรอบอย่างช้าๆ
“นม” น้องแพตอบเสียงแผ่วอย่างหวั่นๆ ใบหน้ากลมนั้นก้มต่ำไม่กล้าสบตา
“น้องกลัวมึงอ่ะแกว” เอ๋ยกวนเพื่อนไอ้แกวก็ตวัดสายตาเรืองรองส่งให้
“มึงหน้าตาน่าเข้าหาตายห่า” ไอ้แกวกระเง้ากระงอดน่าถีบเข้าที ก็มันหน้าตอบเหมือนคนติดยาซะขนาดนั้น ไม่ใช่ว่าหน้ามันดูโจรนะ แต่หน้ามันดูเป็นพวกขี้โรค ผอมบางกว่าผู้หญิงหุ่นทั่วๆ ไปเสียอีก
สองเพื่อนหูคู่ยากคู่เร้นเเค้นกัดกันไปเลือกของกินของใช้กันไป ก็พอดีกับที่รถหรูคันหนึ่งแล่นเข้ามาจอดใกล้กับมินิมาร์ท จริงๆ แล้วรถหรูๆ แบบนี้ไม่น่าจะเฉียดมาใกล้สุดซอยขนาดนี้ถ้าไม่ใช่เพราะร้านเหล้ามันอยู่ฝั่งตรงข้ามน่ะนะ
“รถไอ้พัช” เอ๋ยพึมพำกับเพื่อน แกวก็พยักหน้ารับรู้ จริงๆ ไอ้เอ๋ยไม่ต้องบอกก็รู้อยู่น่ะนะ เห็นบ่อยจะตาย
รถหรูจอดนิ่งอยู่ที่หน้าร้านเหล้าเล็กๆ ที่ตอนเช้าทำเป็นร้านกาแฟพอขายให้นักศึกษามีที่หากินบ้างส่วนตอนเย็นก็เปิดชั้นบนที่เป็นดาดฟ้าเป็นร้านชิลนั่งดื่มนั่งดูบอลตามประสาเด็กวัยรุ่นไป
ไอ้เอ๋ยชักสีหน้าใส่ฝูงของพัชกระตุกแขนเล็กของเด็กชายตัวน้อยก่อนพยักหน้าเรียกเพื่อนให้เดินกลับหอตน
“มึงยังไม่ไปส่งเด็กให้ตำรวจอีกหรอวะ” ไอ้พัชนึกอยากมีเรื่องคุย เดินมาพร้อมกับฝูงอีก 2 ตัว
“เสือก” เอ๋ยตอบกลับสั้นๆ แต่แค่นั้นทำเอาพัชแถมพุ่งเข้าใส่
“มึงจะมีปัญญาเลี้ยง?” พัชถามกลับเสียงดังกว่าเดิม มองดูถุงพลาสติกที่ใส่นมหลายกล่องแล้วเหยียดยิ้มมองหน้าคนถือ
“เด็กน่ะ เขาต้องได้กินนมดีๆ มีอาหารให้ทุกมื้อ เอาไปอยู่บ้านก็สบายแล้ว มึงจะเอามันมาลำบากทำไม” พัชถามอย่างดูแคลน ก็พอจะรับรู้มาบ้างว่าไอ้เอ๋ยไม่ได้มีจะกิน ยิ่งเพื่อนมันยิ่งแล้วใหญ่ อยู่ด้วยกันพากันล่มจริงๆ
“พวกกูไม่มีแดกแต่มีหัวใจว่ะ” เอ๋ยยียวนตอบ ไม่สะทกสะท้านกับคำดูแคลนหรอก ชีวิตแม่งก็โดนอย่างนี้มาตลอด
เด็กน้อยซุกหน้าลงกับต้นขาผอมๆ ของแกว กลัวคนตรงหน้าที่แม่ชอบเอารูปให้ดูอยู่บ่อยๆ ว่าเป็นพ่อ
ทำไมพ่อทำหน้าดุ?
“พ่อ...” เสียงเล็กเรียกแบบไม่ชัด แต่ทำผู้ใหญ่ที่ส่งสายตาห้ำหั่นกันเงียบลง
“มึงช่วยจัดการเด็กที่มึงเก็บมาเลี้ยงแล้วบอกด้วยว่ากูไม่ใช่พ่อมัน” พัชสะบัดหน้าหน้าเดินกลับไปทางรถตน หมดอารมณ์จะกรอกเหล้า
เอ๋ยเห็นแต่เพื่อนมันสองคนเดินเข้าร้านแล้วมันก็ขับรถออกไป
“แพ ไม่ต้องไปเรียกมันว่าพ่อนะ ต่อไปนี้พวกพี่จะเลี้ยงแพอีก เข้าใจไหม” เอ๋ยหมันไส้ เหลียวแลก็ไม่เหลียวแลแต่น้องก็เรียกว่าพ่อๆ อยู่ตลอด
เด็กน้อยไม่เข้าใจหรอกทั้งหมดหรอก คิดไม่ทัน แต่ก็พยักหน้าตามเอ๋ยบอก ก่อนกอดคอคนตัวโตแน่นเมื่อถูกอุ้มขึ้นเหนือพื้น
“ป่ะ...กลับบ้านเรากัน เนอะแพเนอะ ไอ้แกวด้วย”
“อื้อ!”
“เออ”
***************
มันสั้นเพราะตัวคนเขียนสั้น...(ไม่ใช่)
พัชจะโดนข่วนไหม