รหัส 69 ถ้าผมย้อนเวลากลับไปได้..
“การที่กูชอบเรียนชีวะ ไม่ได้ทำให้กูเป็นตุ๊ด!” ผมก็ยังจะเลือกพูดประโยคแบบนั้น..
“แต่การที่กูชอบผู้ชาย ผอ อู ไม้โท ชอ อาย ผู้-ชาย ต่างหาก ไอ้โง่!!” ถ้ามันทำให้เขาอยู่กับผมเหมือนตอนนี้ ..
ถ้ามันทำให้มึงด่ากูอยู่แบบนี้
เข้าใจไหม
คนไม่โง่ ..
แม่เคยเล่าให้ผมฟังว่า ตอนเป็นแฟนกับพ่อ พ่อบอกว่าไม่ได้ชอบแม่สักนิด
ยิ่งตอนแต่งงาน ก็บอกว่าไม่ได้อยากแต่งนะ
ตอนท้องผมก็บอกว่าไม่อยากมีภาระ
แต่ตอนนี้ ผมก็เกิดมา ...
พ่อเห่อผมยิ่งกว่ามีรถคันแรก
สินสอดที่ขอแม่ผมทั้งหมดมาจากน้ำพักน้ำแรงของพ่อ
แล้วที่บอกไม่ได้ชอบแม่เหรอครับ ตอนนี้กลายเป็นเมียและแม่ของลูกไปแล้ว
ทั้งหมดที่ผมพูดมา กำลังจะปูให้ทุกคนเข้าใจผมว่า
ผมมัน
ปากไม่ตรงกับใจเหมือนใคร ....
“เดี๋ยวครูจะประกาศคะแนนสอบเก็บสองเรื่องที่สอบไปสัปดาห์ที่แล้ว”
...เหมือนจะได้ยินเสียงร้องไห้ดังมาจางๆ ...
“บุญที่กูทำไว้คงยังไม่หมดใช่ไหมวะ” ผู้ชายคนที่หนึ่ง
“กูอ่านมาเยอะ แต่ข้อสอบจาแม่งจัญไรเกินไป” ผู้ชายคนที่สอง
“ไอ้ห่า ผู้ชื่อครูดีๆ เผื่ออานิสงค์จะเกิดกับมึง” ผู้ชายคนที่สาม
“กูไม่กลัว” ผมเอง
“เออ! ก็มึงตกมาตลอด!!”
ได้โปรดอย่าทำร้ายกันเลยยยยย ...
ผมยิ้มแหะๆ ...กูก็คนธรรมดานะเว้ย มีถูกมีผิด มีตกมีผ่านเป็นธรรมชาติ ชีววิทยากับชายชาตรีไม่เน้นท่องจำอย่างผมมันเส้นขนานอยู่แล้ว ไม่มีทางบรรจบกันได้ อ่านไปก็เหมือนอ่านริมฝีปากบนผ่านริมฝีปากล่างความรู้กระเด็นออกหมดนั้นแหละ
พอเริ่มมีการประกาศคะแนน เสียงวิ้ดว้ายก็ดังไม่ขาดสาย เหมือนลุ้นผลบอลไหม อันนี้ตอบไม่ถูก
ผมกวาดสายตาไปหน้าห้อง
โยนกระดาษเศษที่เพิ่งฉีกออกมาสดๆ ตะกี้
โป๊ะ! ตกลงบนโต๊ะของเขาพอดี
แล้วก่อนที่เขาจะแกะออกมาดูว่าคืออะไร ..
“ตฤณภัทร” ...เขายกมือขึ้น เสียงโฮ่ไล่มาทันทีที่ครูพูดจบ “20 20 พวกเธอไปกราบไหว้เขาซะ”
เขาแค่ยิ้ม มือแกะกระดาษที่ผมโยนไปให้ กวาดสายตาอ่านก่อนจะหันมาทำหน้าบึ้ง ตาเขียวใส่
ผมยักไหล่แบบที่คิดว่าเท่ห์มาก...
“สายฟ้า” “คร้าบ”
ครูจาทำหน้าเอื้อมใส่ผม ก่อนจะชี้ไปที่ ‘เขา’
“5 กับ 7 เตรียมแก้กับตฤณภัทรเหมือนเดิมนะเธอ”
ครับๆ ..
ผมก็ไม่คิดจะเปลี่ยนไปติวกับใครแล้วละ ก็ติวเตอร์น่าแกล้งขนาดนี้
แล้วทำไมต้องทำหน้างอขนาดนั้น ผมเขียนอะไรให้ มันร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอ ...
แล้วทำไมต้องโชว์นิ้วกลางด้วย !
‘เปิดคอร์สติวอีกแล้วเหรอครับ ตุ๊ดติวเตอร์’ สายฟ้าไม่เข้าใจ ..
.
.
.
ตวง คือ ชื่อของเขา
ผู้ชายธรรมดาๆ คนหนึ่งที่เรียบร้อยมาก
ตอนเข้ามามอสี่ใหม่ๆ แน่ละ ใครก็ต้องพูดน้อยใช่ไหม เพราะต่างคนต่างที่ต่างห้อง แล้วค่อยมาเจอกัน
แต่กับตวง ผมว่าไม่ใช่
เขาขาว ...เดี๋ยวๆ อย่าเพิ่งด่าผมว่าผู้ชายขาวเป็นเรื่องปกติ รวมตัวผอมสูง ใส่แว่นโง่ๆ และก็เก่งวิชาชีววิทยา
ที่สำคัญ คือตวงมีแฟนแล้ว ...
เป็นรุ่นพี่
ผู้ชาย ....
อืม ก็ไม่ใช่อะไร เราเองก็ไม่ได้ทะเลาะกันตั้งแต่แรก ส่วนต้นเหตุนะเหรอ ยอมรับอย่างไม่อายสวรรค์เลยว่า
เกิดจากผมเอง ...
ตอนมอสี่ มีงานกีฬาสี พวกเราได้รับผิดชอบขบวนพาเหรด แล้วอากาศมันเหี้ยมาก ร้อนเหมือนโดนอบ ผมเลย ... ปากหมามากกว่าปกติ
(โทษอากาศล้วนๆ) “แม่งพวกห้องอื่นมันจะมาทำป้ายตอนไหนวะ กูเหลาไม้ ตอกไม้จนดำเป็นถ่านอยู่แล้ว”
“เออสัส ใจเย็น เดี๋ยวมันก็มา ตวงไปตามให้อยู่”
“ไอ้ตุ๊ดนั้นไปตั้งแต่ชาติที่แล้ว กูยังไม่เห็นเงา”
“ฟ้ามึงพูดดีๆ หน่อย ตวงไม่ใช่ตุ๊ดเว้ย... มันเป็นเกย์ ฮ่าๆๆๆ”
“จะเกย์ไม่เกย์ แต่นิสัยตุ๊ดฉิบหาย ‘เราแพ้แดด’ โถ่น่าสงสาร แถมยังชอบเรียนชีวะอีก”
ผมทำท่าเลียนแบบมัน เพื่อนผู้ชายบางคนหัวเราะ ส่ายหน้ากับคำพูดโจ๊กๆ ของผม
“กูชอบเรียนชีวะแล้วยังไงวะ !!” การสนุกปากของผม ความด้านที่มาพร้อมแดด กับสายตาหยียวนระดับล้านที่มองเขาอยู่ ..
ผมแค่พูดให้มันตลก จริงๆ แล้วไม่ได้โกรธอะไรเลย ...
“การที่กูชอบเรียนชีวะไม่ได้ทำให้กูเป็นตุ๊ด!”
“...”
“แต่การที่กูชอบผู้ชาย ผอ อู ไม้โท ชอ อาย ผู้-ชาย ต่างหาก ไอ้โง่!!”
แต่เหมือนจะเป็นเรื่องซะแล้ว เพราะเจ้าของชื่อมายืนหอบอยู่ตรงนี้
อันที่จริงแล้วท่าทางโอเว่อร์ที่ผมทำออกไป ตวงไม่ได้แสดงออกแบบนั้นเลย
เพราะผิวสีแดงเหมือนลอกไหม้ของมัน บ่งบอกอยู่แล้ว ...
ตั้งแต่วันนั้นมา ตวงก็ตั้งแง่กับผมมาโดยตลอด เพื่อนผู้ชายคนอื่นก็ไม่อะไรนะ แต่กับผม ตวงจะมีคำพูดเจ็บๆ ที่มาพร้อมกับสายตาดุๆ มองผ่านแว่นแถมมา อย่างกับคนพิเศษ ...
ที่ต้องอยู่ด้วยกันในช่วงเวลาพิเศษ ...
แบบนี้
“เรื่องแรกที่จะให้อ่านใหม่เป็นเรื่องการสังเคราะห์ด้วยแสง”
“รีบจังเลยน้า”
“พวกการค้นคว้าที่เกี่ยวข้อง นักวิทย์ฯ จะเอาสรุปให้อีกที”
“วันนี้กลับดึกได้แค่ไหนอ่ะ”
“แต่ที่ต้องจำก็มีของโรบิน ฮิลล์ และก็อาร์นอนเพราะข้อสอบแก้มีแน่นอน”
“หิวยัง ไปหาอะไรกินก่อนป่ะ”
“ฮิลล์ทดลองกับผักโขม ใส่เฟอริกและไม่เติม เอาไปให้แสง”
“วันนี้เรียนตั้งแปดคาบ”
“ตัวที่ใส่เฟอริกเกิดปฏิกิริยาแล้วให้เฟอรัสกับออกซิเจน”
“ใจคอจะไม่คุยกันจริงๆ อ่ะ”
“เราจึงสรุปได้ว่าตัวเฟอริก ทำหน้าที่เป็นตัวรับอิเล็กตรอน”
“แล้วพี่ยีนส์อะไรนั้นจะมารับกี่โมง”
“ยุ่ง” แหม่ ใจจริงก็อยากด่าว่า
เสือกสินะจ้ะ สายฟ้ารู้ทัน..
ตวงเงยหน้าแล้วกอดอก หยุดมือที่เขียนคำพูดต่างๆ ที่พ่นออกมาตะกี้ ผมยิ้มแป้นส่งไป พร้อมกับมือที่ลูบท้องบอกว่าหิวจริงๆ อย่างที่พูด
“ก็มึงพูดถึงผักโขม แล้วกูหิว กูไม่ผิด ไปเซเว่นกัน”
เขาขยับริมฝีปากเล็กน้อยคล้ายกับจะยิ้มรับคำพูดของผม
แต่เป็นคำว่า .. เหี้ย .. แทน
“แสงจะสังเคราะห์ช่วง 400-700 แต่ 500-600 ไม่มีการสังเคราะห์แสง..”
“ไม่มีการดูดกลืนแสงต่างหาก”
“อ่อ”
“แล้วเกิดที่ไหน”
“คลอโรพลาสต์ป่ะ reaction center”
“ใช่” เขาเปิดสรุปไปหน้าถัดไป “พวกสารสีจำได้ยัง”
“ก็ยูคาริโอต สารสีมีในคลอโรพลาสต์ โปรคาริโอต สารสีในเยื้อหุ้มเซลล์”
“อืม Carotenoid คือ?”
“เป็นลิพิด มี Carotene แดงส้ม กับ Xanthophyll เหลืองน้ำตาล แต่เจอในไหนจำไม่ได้ละ”
“ต้องจำให้ได้ดิ อยู่ในสิ่งมีชีวิตที่สังเคราะห์แสงได้” ตวงเงยหน้าสบตาผม “แล้วเรามีป่ะ”
“มี”
โอ้ย !
“เราสร้างอาหารเองไม่ได้
ไอ้โง่!”
ครับๆ ผมขอโทษ ผมยังไม่ทันคิด ปากมันไปก่อน
ผมจดลงกระดาษเอสี่ที่เต็มไปด้วยสรุปชีวะเป็นภาษาอังกฤษ มันง่ายและเร็วกว่าภาษาไทยเยอะ และที่สำคัญคือมันสามารถรับมือกับข้อสอบของครูจารุวรรณได้แบบคอมโบ
อย่าแซวผมนะครับ นี่สายฟ้าไง เรียนเป็นเรียน เล่นเป็นเล่น ถึงผมจะโง่แต่ผมก็สู้สุดใจ (อันที่จริงผมขี้เกียจอ่านหนังสือ ให้มีคนมาพูดสรุปให้ฟังแบบนี้ผมอาจท็อปห้องได้นะ)
ตวงจับมือถือเปิดดูเวลาเป็นรอบทีล้าน เสียงถอนหายใจยังดังต่อเนื่อง .. เออ รู้ว่าเบื่อ กูเองก็ไม่อยากมานั่งให้โดนด่าแบบนี้หรอก .. ก่อนที่เจ้าตัวและผมจะหงุดหงิดไปมากกว่านี้ ผมเลยจัดการ... คว้าแก้วโค้กมาดูด
“จริงๆ ถ้าทนอยู่ไม่ต้องทนก็ได้นะ ค่อยติววันหลัง ไม่รีบ หรือตุ๊ดรีบ”
“ชื่อตวง! อย่าโง่”
ด่าทีแว่นขยับ
“เอ้า ใครมันจะรู้ เปิดดูเวลาแล้วทำหน้าซังกะตาย กูไม่ต้องใส่แว่นก็เห็น” โค้กหมดแก้วละ เลยคว้าเอาของเขามาดูดแทน “หรือรอไอ้พี่ยีนส์?”
“อืม มันก็จะทุ่มแล้ว”
“เขาไม่โทรมาก็โทรหาดิ อย่าโง่”
ผมลอกคำพูด เขาด่าแบบไม่ออกเสียง ก่อนจะลุกไปคุยโทรศัพท์ที่อื่น ผมยักไหล่ไม่แคร์ จะเลิกก็ไม่ว่าไร ผมชิลๆ เพราะสอบแก้ตั้งอาทิตย์หน้า
สักพัก มันก็เดินตึกตักกลับมา ผมเห็นเหมือนตาแดงๆ แต่ก็ไม่อยากยุ่งเรื่องส่วนตัวเท่าไหร่ เขาพาผมสรุปต่อ จนภารโรงมาปิดอาคาร จึงถึงเวลาเลิกสักที
ตวงแค่ดูสรุปที่ผมเขียนตามที่มันพูด แล้วบ่นออกมาเสียงไม่เบาว่าควายยังเขียนสวยกว่านี้ ยังไงซะผมก็อ่านลายมือตัวเองออก ฉะนั้นเหมือนทุกครั้ง ตวงมันจะให้ผมกลับไปอ่าน แล้วก่อนติวครั้งหน้าจะมาถาม ส่วนผมเหรอครับ ก็เอาตัวรอดไปวันๆ อ่านๆ ไป จำมั้งไม่จำมั้ง ขนาดครูบอกจะสอบพรุ่งนี้แล้วผมอ่านก่อนสอบสิบนาที แล้วมันเป็นใคร เป็นเพื่อนผม ฉะนั้นผมไม่กลัวหรอก...
“ถ้าพรุ่งนี้ตอบไม่ได้ จะให้กินน้ำบ่อพารามีเซียม”
...มันคือหนองน้ำเน่าหน้าอาคารวิทย์
ผมไม่ได้กลัวเล๊ย
.
.
.
ผมเดินเตร็ดเตร่มาโรงรถ ขึ้นน้องจิ๊บเคเอ็กซ์อาร์คันน่ารักออกนอกโรงเรียน ก่อนแว๊บไปเซเว่นอีกครั้ง ใช้สมองไปเยอะ ก็ต้องเอาอะไรลงท้องมั่ง
พอผมซื้อของเสร็จ ไม่ได้ตั้งใจจะมองไปที่หน้าโรงเรียน
กลับเจอตวง
รอรถที่ป้าย ...
อย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน “แฟนไม่ไปส่งเหรอตุ๊ด”
“ปากหมา”
“เอ้าถามก็ตอบสิครับ”
“อยากกลับบ้านเอง มีไรไหมควาย”
“ด่ากูอีกละ..”
“เออ ไม่น่าด่าควายเลยเนอะ เพราะควายไม่ได้โง่” ตวงยิ้ม
“แต่มึงอ่ะโง่” “กูยกเลิกโครงการทำดีให้ตุ๊ดดูละ” กลับเองเลยนะแม่ง ปากแบบนั้น
นั่งรอให้ตูดบานไปเลย จะสองทุ่มแล้วกว่ารถสายจะผ่าน
แม่ง .. คนอุตส่าห์เป็นห่วง แล้วกูมาทำอะไรตรงนี้
ตอนนี้สองทุ่มสี่สิบ
ทั้งๆ ที่ผมกำลังจะกลับถึงบ้านแล้ว แต่พอนึกถึงสายตาที่มองผ่านแว่นตอนนั้น ตาแดงๆ ของมันทำให้ผมอดเป็นห่วงไม่ได้
เลยต้องมาทำตัวเป็นพระเอก ขับรถย้อนมา ยืนดมความรัญจวนของถังขยะ ข้างเซเว่น หน้าโรงเรียน ...
ขอเสียงปรบมือให้ด้วยครับ
“บ้านแม่งอยู่ไหนวะ ไม่ยอมขึ้นรถสักที”
ใช่ครับ สี่สิบนาทีที่ผ่านมา มีรถสองแถวผ่านหน้าโรงเรียนไปจนครบแล้ว แต่ตวงก็ยังไม่ขยับไปไหน ผมเห็นมันโทรศัพท์ แต่ก็เหมือนติดต่อกับอีกฝ่ายไม่ได้
สักพัก ก็มีรถเก๋งขึ้นหนึ่งมาจอด ...
และคนที่ลงรถมา
เขาผมก็พอรู้จัก แต่
ผู้หญิงอีกคนนั่นน่ะ ...
ผมไม่รู้จักเลย
เท่าที่ผมเห็น ก็มีแค่ไอ้พี่ยีนส์ที่พูดอยู่ฝ่ายเดียว ไอ้ตุ๊ดมันก็แค่ยืนประจันหน้า ไม่ได้ก้มหน้า แต่ก็ไม่ได้ขยับไปไหน ผู้หญิงคนนั้นยืนอยู่ข้างหลังเขา จริงๆ แล้วผมไม่ได้อยากเสือกเรื่องของมันเลย ถ้าไม่เห็นว่าเขาผลักตวงล้มนั้นแหละ ..
“ไอ้ชิบหาย”
เบอร์เกอร์ไก่ที่อยู่ในมือเป็นอันที่สาม ถูกทิ้งลงถังขยะข้างตัวก่อนที่พระเอกจำเป็นอย่างผมจะได้ออกโรงสักที
สถานที่เกิดเหตุ ถ้ามองจากไกลๆ เราเห็นว่าปกติดีอยู่หรอกครับ
แต่พอผมก้าวเข้ามาอยู่ ถึงได้รู้เลยว่ามันอึดอัดแค่ไหน
เสียงมอเตอร์ไซด์ของผม ทำให้พวกเขาหันมามอง
ผมถอดหมวกกันน็อคออก เดินเข้าไปหาคนที่นั่งจมปุกอยู่ตรงนั้น..
ก่อนจะจับมือดึงขึ้นให้ลุกดีๆ
“ตุ๊ด กูยังไม่เข้าใจการตรึงคาร์บอนเลย”
“.....”
ผมลากเข้ามานั่งตรงที่รอรถ ค้นๆ หาชีทในกระเป๋า ยื่นให้เขาที่งงๆ อยู่
ทุกคนดูงงๆ รวมทั้งผมด้วย
ตวงมองหน้าผมนิ่งๆ แต่ก็พูดอธิบายไอ้ที่ผมเพิ่งอ้างออกไปว่าไม่เข้าใจ เสียงของมันสั่น สงสัยจะไม่ไหวแล้วจริงๆ เขาไม่ได้สนใจสองคนที่ยืนอยู่ข้างหลังผม ซึ่งนั้นเป็นเรื่องที่ดี
ก่อนที่เสียงสตาร์ทรถ และ
พวกเขาก็หายไป ตวงเงียบ ก้มหน้าลง ผมเลยดึงแว่นมันออก แล้วรวบตัวกอดไว้ ...
“โอ๋ๆ ตุ๊ดอย่าร้องไห้”
“ชื่อตวง”
ยังมีแรงเถียง... มันไม่ได้ดิ้น ไม่ได้ขืนตัวออก แค่ยกมือกอดผมไว้หลวมๆ
ผมโยกเหมือนปลอบเด็ก
“โอเคๆ ตวงอย่าร้องไห้ ถ้าร้องไห้จากตวงจะกลายเป็นตุ๊ดนะ”
มันทุบหลังผมดังอึก!!
...บางทีผมก็เบื่อปากหมาๆ ของตัวเองเหมือนกัน
เรากอดกันไว้ ผมไม่ได้ยินเสียงสะอื้นอะไรเลย แค่รู้สึกเปียกๆ ...เอะ น้ำลายหกรึเปล่า
เลยดันตัวมันออกมา น้ำใสคลออยู่เต็มหน่วยตา ผมถอนหายใจ อย่างน้อยๆ ก็ไม่ใช่น้ำลายละวะ ...
ผมเพิ่งสังเกต หลังกรอบแว่นโง่ๆ อันใหญ่ ซ่อนตาหวานๆ ของมันไว้ ตาโตได้อีก เหมือนตุ๊กตา แล้วยิ่งตัวขาวๆ ..
ยิ่งเหมือนตุ๊ดเข้าไปใหญ่
“เลิกกันแล้วดิ”
“อืม”
เกิดความเงียบเป็นช่องวางไว้
“ตอนแรกก็ไม่คิดว่าจะเลิกง่ายขนาดนี้”
“...”
“เกือบสองปี ไอ้สัส พังในไม่กี่วัน..”
“ไม่เป็นไรหรอกเว้ย”
“ผู้ชาย ไม่ตายก็หาใหม่ได้” “พูดอย่างกับเป็นเกย์มันง่ายมากดิ ฮ่าๆ”
ผมยกมือเกาหัว คนข้างตัวหัวเราะออกมาน้อยๆ
เออวะ .. กูก็พูดอย่างกับแม่งเป็นผู้หญิง
“จริงๆ ก็เตรียมใจไว้ละ คนแบบกูมันไม่มีใครจริงใจด้วยหรอก แต่มันก็เลือกไม่ได้เปล่าวะ...”
“พูดงี้กูก็เสียใจดิ” ผมพูดขึ้นลอยๆ มองฟ้ามองอากาศไปเรื่อย
“กูก็ไม่ได้โอเคกับการที่ต้องกลายเป็นที่จดจำของครูหรอกนะเว้ย แล้วเราก็มอห้าละ จริงๆ กูจะตั้งใจก็ได้นะเรื่องเรียนอ่ะ แต่กูก็ไม่รู้จะเอาเรื่องไรมาอ้างให้ได้กวนมึงอีก...”
“...”
“มึงหาคนจริงใจใช่มั้ย? ถ้ามึงหันหลัง มึงจะเห็นกูอยู่...” “...”
“นี่ตุ๊ด” ผมหันไปมองหน้ามัน “ความรักมันมีให้แก้ตัวอยู่ตลอดเวลานั้นแหละ ถ้ามันแย่มากก็ไม่ต้องฝืนหรอก ลองอกหักดูสักครั้ง ต่อไปจะได้รู้ว่าผิดตรงไหน มีคนมาช่วยชี้ทางสักหน่อย เขว้ไปหน่อย สุดท้ายก็ทำได้ไม่ดีใช่ไหม แต่ก็ไมได้แย่”
“...”
“มึงไม่ได้แย่หรอก ไม่มีใครแย่
แค่มีคนพยายามไม่มากพอ”
“พูดดีชิบหาย..” เออ .. กูก็ว่างั้นแหละ กร๊ากกก
ตวงมันยิ้มออกมา ผมเอื้อมมือไปผลักหัวมัน พอมองนาฬิกาก็เห็นว่าเกือบจะสามทุ่มแล้ว ที่บ้านคงเป็นห่วงแหง
เลยชวนมันกลับ พร้อมรับหน้าที่เป็นสารถีสุดหล่อ
“เอ่อ แล้วที่บอกว่างงตรึงคาร์บอนจริงเหรอวะ”
“เปล่า กูอ้าง คิดไม่ออกจะว่าแทรกพวกมึงยังไง”
“จริง? งั้นกูถามต้องตอบได้ดิ”
“ไม่เอาโว้ย”
“เรื่องระบบแสงก็ได้”
“ตุ๊ดเงียบไป! ขึ้นรถเลยมึง”
เราหัวเราะ ผมยื่นหมวกกันน็อคให้มันใส่ ก่อนจะขับรถตามทาง เพราะมีแผนที่อยู่ในหัว
ไม่มีใครรู้หรอกว่าผมไปจำบ้านของมันมาจากไหน
มันไม่ได้ถาม ผมไม่ได้พูดอะไร ปล่อยให้ลมเย็นๆ ตีหน้าตัวเอง ...
ในใจของผม ภาวนาอย่างเดียว
..
ขออย่าให้ตำรวจตั้งด่านแถวนี้เลย กูหมดเงินไปกับค่าเบอร์เกอร์ไก่หมดแล้ว ... “กินเข้าไปเลย !”
“ไม่เอาโว้ย”
แขนเรียวล็อคคอผม กลิ่นของน้ำสีดำๆ ด่างๆ ลอยติดจมูก ...
“งั้นถามใหม่ non-cyclic ได้ผลิตภัณฑ์เป็นอะไรบ้าง”
“ATP ออกซิเจน และก็... อะไรวะ อ่อ! NADPH !”
“ได้ออกซิเจนเท่าไหร่”
“1/2ออกซิเจนมั้ง”
“แล้วถ้าจะให้ได้ออกซิเจน 1 โมเลกุล ต้องใช้กี่โปรตอน”
“เดี๋ยวๆๆ มึงถามยากไปอ่ะ !”
“เมื่อวานกูก็บอกแล้ว มึงไม่ได้อ่านมาใช่ไหม ควายยยย”
ด้วยรักและปรารถนาข้อติชม
.หอมเอง