คืนบางคืน เพลงบางเพลง
คื น... บ า ง คื น ที่ ฝื น เ ท่ า ไ ห ร่ ไ ม่ ห ลั บ สั ก ที
เ ธ อ ค ง มี เ รื่ อ ง ร า ว ชี วิ ต ที่ เ ธ อ กั ง ว ล
“ผมขอโทษนะ...ขอโทษ”
“คนรักกันเขาไม่ทิ้งกันไปหรอก ทำไมถึงต้องทิ้งพี่ไป”
“ขอโทษ”
“อึก...ฮึก...” เสียงสะอื้นที่พยายามกลั้นเอาไว้สุดความสามารถ สุดท้ายก็เผยความอ่อนแอออกมา ร่างเล็กหยัดยืนเต็มความสูง ยกมือทั้งสองข้างปิดปาก ปล่อยน้ำตาเปรอะเปื้อนใบหน้าอย่างไม่อายใคร
เจ็บ
อาจเป็นความรู้สึกเดียวที่อธิบายได้ในตอนนี้
“ขอโทษครับ ได้โปรด”
“ฮือออออ”
“ยกโทษให้ผมเถอะ”
กี่ ค ว า ม คิ ด ที่ เ ธ อ แ บ ก ไ ว้ กี่ ค ว า ม ห ม า ย ที่ ยั ง สั บ ส น
ร่างบางนอนคุดคู้อยู่บนเตียง เขาไม่อยากคิดเรื่องปวดใจอะไรทั้งนั้น เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่ใบหน้าของใครอีกคนซ้อนทับเข้ามา มันไม่ง่ายเลยที่จะฝืนน้ำตาเม็ดใสไม่ให้ไหลรินเหมือนทุกครั้ง
‘ธาน’ ผู้ชายคนนั้นทิ้งเขาไปแล้ว
อาจเป็นเพราะนิสัยเอาแต่ใจของเขาทุกอย่างจึงกลับกลายเป็นแบบนี้ ใช่! คงเป็นอย่างนั้น เพราะตลอดสองปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยทำให้คนรักของตัวเองมีความสุขได้จริงๆสักครั้ง ถูกแล้วที่ธานจะจากไป ถูกแล้ว...
‘ปักษ์’ เป็นเพียงผู้ชายธรรมดาที่รักเพศเดียวกัน เขาได้เจอกับรุ่นน้องคนหนึ่งที่ออฟฟิศประจำ และใครคนนั้นก็คือธาน ความรักของพวกเขาดำเนินไปอย่างราบเรียบ ไม่หวือหวา ไม่หวานเลี่ยน แต่ทุกวันก็มีความสุขดีจนคนรักของเขาย้ายไปทำงานที่บริษัทใหม่
ผู้ชายที่อายุน้อยกว่าเขาตั้งสองปีแถมยังมีหน้าตาหล่อเหลา ย่อมมีใครต่อใครอยากเข้ามาทำความรู้จักมากมาย แต่ด้วยนิสัยขี้หึงหวงของปักษ์ และการก้าวล้ำเส้นความเป็นส่วนตัวทำให้ชีวิตรักของทั้งคู่เริ่มสะดุด
หากย้อนเวลากลับไปได้เขาจะไม่ทำอย่างนั้น แต่จะคอยอยู่เป็นกำลังใจ คอยจับมือเมื่ออีกฝ่ายประสบปัญหามากกว่าหาเรื่องต่อล้อต่อเถียง รุ่นน้องคนนั้นถึงจะเด็กไปเกือบสองปีแต่เขาคือผู้นำที่ดี คือทุกอย่างในชีวิต คือคนที่คอยทำอาหารเช้า คอยปลุกยามนิสัยขี้เซากำลังแผลงฤทธิ์ คอยมอบจุมพิตหวานในค่ำคืนที่ฝันร้ายและต้องการใครสักคนกระซิบปลอบ
ธานเป็นทุกอย่างในชีวิต
แต่ตอนนี้มันกลับไม่เป็นอย่างนั้นแล้ว โลกทั้งใบของเขาพังครืนลงมาไม่เป็นท่า
ตอนปักษ์อายุ 24 เขาได้พบกับธาน
แต่ตอนที่ธานอายุ 24 ธานกลับเป็นฝ่ายเดินจากไป…
กี่ ปั ญ ห า ที่ ยั ง เ วี ย น ว น ว า ง ไ ว้ ชั่ ว ค ร า ว
เขาเปิดเพลงเดิมๆซ้ำไปซ้ำมาไม่หยุด Kiss the rain คือเพลงที่ทำให้เขานึกถึงคนรัก คิดถึงอ้อมกอดของธาน รอยยิ้มของธาน และฝ่ามือที่มักประทับลงบนหน้าผากทุกครั้งเวลาไม่สบาย
บนถนนของคนสายทำงาน มีหลายครั้งที่เรื่องราวหรือปัญหาต่างๆถาโถมเข้ามาไม่หยุด ปักษ์แค่ต้องการใครสักคนคอยเป็นที่พึ่งพิงและซบไหล่ยามเหนื่อยล้า เปิดเพลงเพราะๆที่เหมือนเป็นเพลงของเราฟังคลอไปพร้อมกันจนกระทั่งหลับใหล
เมื่อก่อน...เขาคิดว่าความรักมันจะยาวนานจนแก่เฒ่า แต่ในวันที่ปราศจากใครอีกคน เขาก็ไม่เคยต้องการความจีรังและอายุที่ยืนยาวอีกเลย
“อะแค็กๆ อึก...อะแค็กๆ” ร่างบางไอออกมาหลังจากผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก
หลายคืนแล้วที่เขาจมปรักกับตัวเองจนแทบไม่ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ประกอบกับร่างกายที่อ่อนแอมาตั้งแต่แรก ยิ่งทำให้แผนผังการดำเนินชีวิตของเขาเปลี่ยนไปจากเดิมค่อนข้างมาก
และเวลามันก็ลดน้อยลงไปทุกที…
เขาป่วย
ตอนนี้เซลล์มะเร็งลุกลามไปมาก จนเข้าสู่ระบบน้ำเหลืองและอวัยวะข้างเคียงอื่นๆ
เขารู้อยู่แก่ใจ...มันไม่ทันเสียแล้ว
ล อ ง ฟั ง เ พ ล ง ที่ ฉั น ตั้ ง ใ จ จ ะ ก ล่ อ ม ใ ห้ ฟั ง
คนตัวเล็กนอนอยู่บนเตียงเฉกเช่นทุกครั้ง เปิดเพลงเดิมๆซ้ำๆมานับหลายชั่วโมง แต่เขาไม่เคยเบื่อ นั่นทำให้เจ้าตัวนึกถึงธาน และเอาแต่จินตนาการว่าคนตัวสูงได้กลับมาเยี่ยมเขาสักครั้งตอนที่เหนื่อยจนลุกแทบไม่ไหว
แต่ไม่เลย ใครคนนั้นไม่เคยกลับมา
ความรักที่เพียรสร้างจบลงเพียงเท่านี้ เขาไม่ได้รู้สึกเสียดายช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกัน ตรงกันข้ามมันกลับล้ำค่ามากมายเหลือเกิน
พวกเขาเคยวาดฝันอนาคตด้วยกัน
อยากสร้างบ้านหลังเล็กๆและเงียบสงบที่ชานเมือง
ทิ้งงานออฟฟิศที่แสนเบื่อหน่ายมาเป็นนายของตัวเอง ส่วนคนตัวสูงก็จะได้พักผ่อนคลายในบ้าน หลังจากทำงานอย่างหนักในทุกๆวัน
แต่นั่นก็เพียงความฝันล้มๆแล้งๆในอดีต ดวงตาคู่สวยจ้องมองเพดานสีขาวไม่คลาดเคลื่อน ปล่อยให้เสียงเพลงดังผ่านโสตประสาท ในใจก็ได้แต่คิด...เวลาของเขาใกล้หมดลงแล้ว
“ธานคิดถึงพี่มั้ย...” เสียงติดสั่นเครือเปรยออกมาผะแผ่ว
ในห้องสี่เหลี่ยมหลงเหลือเพียงเขาคนเดียว กับใครบางคนในความทรงจำ
“เราเคยสัญญาว่าจะแต่งงานกัน นายจะยืนให้พี่ผูกไทด์ให้ ส่วนพี่ก็ชงกาแฟให้นายกินก่อนไปทำงาน แต่ทำไม...” น้ำตาที่เพียรกักเก็บเอาไว้ไหลลงมาไม่หยุด เสียงสะอื้นเล็ดลอดออกมาเกินกว่าจะควบคุมเอาไว้
เขาเจ็บไปหมด เจ็บไปทั้งหัวใจที่วันนี้คำสัญญาต่างๆไม่เคยมีค่าอะไรเลย มันสูญสลายพร้อมกับใครคนนั้นที่ไม่ได้ยืนอยู่เคียงข้างเขาตอนนี้
ได้โปรด...กลับมาได้มั้ย กลับมาหากันเถอะ
“ฮืออออออ ทำไม...ทำไม...”
เ พ ล ง ที่ อ ย า ก ใ ห้ เ ธ อ ไ ด้ พั ก ใ ห้ เ ธ อ ไ ด้ ค ล า ย
“ปักษ์ได้ยินป้ามั้ยลูก”
เสียงป้าของเขาร้องเรียก ยามที่ร่างกายไม่สามารถขยับเขยื้อนไปไหนได้แล้ว เขาได้แต่ค่อยๆผินหน้าไปตามเสียงที่เอ่ยเรียกชื่อแผ่วเบา เพราะยังสามารถรับรู้ทุกอย่างได้ อาจจะช้าหน่อยแต่ก็เข้าใจดี
ยกเว้นอย่างเดียวคือร่างกายที่ไม่สามารถควบคุมได้อีกแล้ว
“ป้าจะเช็ดตัวให้นะลูก”
กายบางพยายามพยักหน้าหงึกหงัก ปล่อยให้คนแก่กว่าหยิบผ้าจนหนูสีขาวชุบน้ำหมาดๆและเช็ดตามร่างกายซึ่งถูกคลุมด้วยชุดคนไข้สีฟ้า กับสายระโยงรยางค์มากมายที่ถูกสอดเข้ามาแม้กระทั่งเครื่องช่วยหายใจ
ใบหน้าหวานที่เคยสดใสตอนนี้ซีดเซียวอย่างเห็นได้ชัด ผิวหนังที่เคยมีน้ำมีนวลผอมแห้งจากน้ำหนักตัวที่ลดลงไปอย่างฮวบฮาบในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงมีชีวิตอยู่ และใช้ทุกวันผ่านไปพร้อมกับเสียงเพลงและการคิดถึงแต่ใครคนนั้น
“ธ...ธ...” ริมฝีปากแห้งกรังขยับช้าๆ
“อะไรลูก” คนเป็นป้าถาม มองหลานคนเดียวที่มีชีวิตเหมือนฟางเส้นสุดท้ายที่พร้อมจะขาดอยู่รอมร่อ
เธอไม่อยากร้องไห้ให้ปักษ์เห็น ความรู้สึกหดหู่ขนาดนี้จำต้องกักเก็บเอาไว้ให้ลึกสุดหัวใจ เธอจะเข้มแข็ง และยิ้มเพื่อคนที่นอนอยู่ตรงนี้สุดความสามารถ
“ธาน...ธ...ธาน”
“ครับ ธานอยู่ตรงนี้ เขาอยู่ตรงนี้ลูก” ดวงตาที่เอ่อคลอไปด้วยน้ำใสๆเหม่อมองรูปที่ตั้งอยู่ตรงโต๊ะทรงสูงข้างหัวเตียง พร้อมกับจับจ้องทุกการเคลื่อนไหวยามรูปนั้นถูกหยิบขึ้นมาและวางไว้ตรงอกของเขา
อบอุ่น
ธานแค่อยู่ใกล้ๆโอบกอดเขาเอาไว้เหมือนทุกครั้ง
แม้ว่าคนตัวสูงจะจากไปแล้วก็ตาม จากไปในอุบัติเหตุเมื่อหลายเดือนก่อน
จากไปโดยไม่มีคำล่ำลาแม้แต่คำเดียว
‘ผมขอโทษ...’
ได้ยินเพียงถ้อยคำเดิมๆจากความฝัน ช่วยหล่อเลี้ยงหัวใจในทุกวัน
พี่คิดถึงธาน
ไ ม่ มี เ รื่ อ ง เ จ้ า ช า ย เ จ้ า ห ญิ ง
ไ ม่ มี ฟ้ า ท ะ เ ล ด อ ก ไ ม้
หากย้อนเวลากลับไปได้ เขาอยากกลับไปเย็นวันนั้น วันที่คนรักรีบเร่งออกไปยังบริษัททั้งที่เลิกงานแล้ว รั้งเอาไว้ด้วยอ้อมแขนของตัวเอง ดื้อรั้นเหมือนที่มักพูดว่าอย่าไป ไม่อย่างนั้น...ทุกอย่างอาจไม่จบลงเร็วเช่นนี้
ธานเป็นคนรักที่ดี เขาเป็นทุกอย่างในชีวิต
แม้กระทั่งวันที่รู้ว่าเขาป่วย คนตัวสูงก็ไม่เคยทิ้งไปไหน ยังอยู่ให้กำลังใจในวันที่อยากร้องไห้อย่างหนัก เขามีหวังในทุกๆวันว่าจะมีชีวิตอยู่เพื่อกันและกัน แต่ในเมื่อใครอีกคนจากไปแบบไม่มีวันหวนกลับ ความหมายของการมีชีวิตอยู่มันก็ลดน้อยลงไปทุกที
“หมอคะช่วยดูปักษ์ด้วย ช่วยเขาด้วยฮืออ...”
ที่ห้องสี่เหลี่ยมสีขาว เขาได้ยินเสียงร่ำร้องของป้าที่เลี้ยงเขามาตั้งแต่เด็ก รอบกายเต็มไปด้วยแพทย์และพยาบาลกำลังรุมทึ้งร่างกายที่เหมือนจะหนักอึ้งและจมดิ่งลงไปทุกที เปลือกตาทั้งสองข้างที่ใกล้จะปิดลงถูกเบิกให้กว้างอีกครั้ง พร้อมกับแสงไฟส่องสว่างจากไฟฉายเครื่องจิ๋ว
ในตอนนั้นเองที่สมองทั้งสองซีกขาวโพลนไปหมด ลมหายใจที่เคยสม่ำเสมอเริ่มติดขัดอีกครั้ง และเขารู้ดีว่ามันคงถึงเวลาแล้วที่จะต้องไปสักที
ช่วงเวลาที่ความตายค่อยๆคืบคลานเข้ามาทีละนิด เขานึกถึงคนรักของตัวเอง
นึกถึงธาน...
และเขาก็เห็นว่าคนตัวสูงยืนอยู่ใกล้แค่ฝ่ามือ อ้าแขนกว้างเหมือนพร้อมจะรับร่างบางเข้าไปในอ้อมกอด พลางส่งยิ้มอ่อนโยนที่เขาไม่เคยได้เห็นมานาน
ร่างเล็กส่งยิ้มดีใจเป็นการตอบกลับ
หูทั้งสองข้างที่อื้ออึงได้ยินถ้อยคำทุ้มละมุนจากใครอีกคนก่อนจะดับลง
และนั่นก็คือลมหายใจสุดท้ายที่เขาใช้มันบนโลกใบนี้
“พี่...ผมมารับพี่แล้วนะ” สิ่ ง ที่ คิ ด เ อ า ไ ว้ ใ น เ พ ล ง มี แ ค่ เ รื่ อ ง ใ น ใ จ
ฉั น เ ป็ น ห่ ว ง
คือไม่ได้เขียนนิยายมานาน อารมณ์เลยไม่เกิด
จิ้มเธอที่ร้ายไม่ไปสักที ต้องบิ๊วหน่อย บิ๊วไปบิ๊วมาก็ได้เรื่องสั้นเรื่องนี้แหละค่ะ
ชอบไม่ชอบยังไงบอกด้วยน๊า ส่วนใครที่เล่นทวิตเล่นแท็ก #เรื่องสั้นคืนบางคืน ได้เลยค่ะ