Love Course ! เสื้อกาวน์รุกเสื้อกุ๊กรับ. ตอนพิเศษ "Tenderella" P.74 (17.12.2016)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Love Course ! เสื้อกาวน์รุกเสื้อกุ๊กรับ. ตอนพิเศษ "Tenderella" P.74 (17.12.2016)  (อ่าน 681452 ครั้ง)

ออฟไลน์ kimjuy_o

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-2
เพิ่งเข้ามาอ่านค่ะ
อยากบอกว่าฮามาก
มุกแต่ละตอนที่คือพวกจิตป่วนชัดๆ
ฮาสุดๆก็ต้องน้องกิ๊ฟมาว่าเอื้อ
คืออะไรจะฮาขนาดนั้น ต่อมุกเพลงคุณลำไย ฮ่าๆ
สนุกๆค่ะ ติดซะแล้ว ทำไงดี
แต่นี่คนแต่งหายไปนานแล้วใช่ไหมคะ
รีบกลับมาต่อเถอะค่ะ อยากอ่านต่อแล้วววว

ออฟไลน์ iJune4S

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-2
    • junejune's page.
ตอนที่ 28



หลังกลับจากทะเลเหล่าเด็กหนุ่มก็คืนสู่สมรภูมิที่ชื่อว่าการศึกษา พวกเขาหมดเวลาไปกับงานและการบ้านของแต่ละวัน ในบ่ายวันจันทร์นั่นเอง หลังเลิกเรียนวิชาศิลปะสามทหารเสือก็ก้าวออกมาจากตึก


จังหวะกำลังเดินไปที่รถ หางตาเปมทัตก็เหลือบเห็นใครบางคน


“เดย์!”


พ่อครัวเรียกโดยไม่ลังเล เจ้าของชื่อเงยหน้า ดวงตาเหยี่ยวคู่นั้นจับจ้องเขา “อ้าว...เปรม?”


“ไปไหนเนี่ย” เปรมก้าวเข้าไปหา ไดนาไมต์กับสามสีจึงเดินตามมาด้วย


“กำลังจะไปยิมกับหมอนี่น่ะ” เดย์ยกนิ้วโป้งชี้ข้ามไหล่ไปด้านหลัง เปรมมองตามแล้วกระพริบตา “...หมอนี่?”


คิ้วเข้มเหนือดวงตาเหยี่ยวเลิกขึ้นอย่างเอะใจ เดย์หันไปมอง ถอนหายใจเมื่อพบแต่ความว่างเปล่า “ไวอย่างกับลิง...”


“ใครเหรอ?”


“ไอ้แชง!!”


สามทหารเสือสะดุ้งตอนเด็กหนุ่มตาเหยี่ยวตะโกนเรียก บรรยากาศรอบข้างเงียบไปชั่วอึดใจ ก่อนกลุ่มเส้นผมสีทองสว่างจะโผล่ออกมาจากหลังต้นไม้


แม้ได้เห็นเพียงเสี้ยวหน้า แต่ดวงตาหางชี้แบบนั้นไม่ผิดแน่...
   

“แชง!”


เปรมส่งเสียง เสี้ยวหน้านั้นชะงักก่อนจะหลบเข้าไปหลังต้นไม้อีกรอบ เดย์ขมวดคิ้ว พูดเสียงดุเหมือนดวงตา “ออกมาเดี๋ยวนี้! นายไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะ!”


“ไม่เอา!” เสียงทุ้มตะโกนกลับมา ไดนาไมต์กับสามสีมองหน้ากัน เด็กหนุ่มตาเหยี่ยวถอนหายใจ ลดเสียงพูด “โทษทีนะ หมอนั่นเป็นแบบนั้นแหละ”


“เพราะฉันเหรอ” เปรมหลุดถามออกมา เดย์ชะงัก ตอบว่า “ไม่ใช่หรอก”


“ตั้งแต่ชกแชงไปคราวนั้นฉันก็ไม่ได้เจอเขาอีกเลย” ดวงตาสีนิลของพ่อครัวหม่นแสง เปมทัตหันไปมอง พูดกับคนที่แอบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ “ถ้าฉันทำให้โกรธหรือลำบากใจก็ขอโทษด้วยนะ...”


พ่อครัวก้มหัวอย่างรู้สึกผิด


“ฉันขอโทษนะแชงมา”


“ไม่ใช่นะ!” เสียงทุ้มตะโกนลั่น ตอนนั้นเองที่ร่างสูงพรวดเข้ามากอดพ่อครัวไว้แน่น


หมับ!


“...” ไดนาไมต์กับสามสีเบิกตากว้าง เปรมรอให้อีกฝ่ายคลายอ้อมแขน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นช้าๆ


“นี่นาย...” พ่อครัวมองอย่างไม่เชื่อสายตา


เบื้องหน้าเปมทัตปรากฏภาพเด็กหนุ่มผิวขาวตัวสูงโปร่ง เส้นผมสีทองสว่างล้อมกรอบใบหน้าหล่อเหลา ดวงตาหางชี้คู่นั้นสะท้อนภาพเขาอย่างโหยหา แชงมาคนเดิม เพิ่มเติมคือ...


“อ้วนขึ้นเหรอ?”


เปรมตาเป็นประกาย ก่อนจะยื่นมือไปบีบแก้มยุ้ยๆ ของอีกฝ่ายอย่างหมันเขี้ยว “น่ารักจังเลยยยยยย”


แชงมาทำหน้าจะร้องไห้ “ไม่อยากให้เปรมเป็นคนพูดแบบนั้นเลยนะ”


“...เกิดอะไรขึ้น?” สามสีถามหลังหายช็อค เดย์เป็นคนตอบว่า “พออกหักจากเปรมหมอนี่ก็เอาแต่กินจนน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นมาสิบกิโลฯน่ะ”


เปรมเผลอปล่อยมืออัตโนมัติ “ขะ...ขอโทษ...”


ทว่าแชงมากลับคว้าข้อมือพ่อครัวไว้ ร้องว่า “ไม่ใช่นะ! ฉัน...ฉันอกหักจากเปรมก็จริง แต่ที่อ้วนขึ้นก็เพราะทำตัวเอง ไม่ใช่ความผิดของเปรมเลยนะ!”


“โฮ่ย...หมอนี่เป็นคิงของวิศวะเชียวนะ ปล่อยไว้แบบนี้จะดีเหรอ” ไดนาไมต์ที่มองอยู่นานแล้วถามขึ้น เดย์ตอบเนือยๆ “แน่นอนว่าไม่ หมอนี่เลยกำลังเข้าคอร์สลดน้ำหนักอยู่น่ะ”


“ถึงกำลังจะไปยิมสินะ” สามสีเข้าใจแล้ว เจ้าของดวงตาเหยี่ยวพยักหน้า “อา นัดกับเทรนเนอร์ไว้”


“เทรนเนอร์ที่ไหนเหรอ” เด็กหนุ่มผมสีชมพูอยากรู้ เดย์หัวเราะ “ในม.น่ะ แต่ถึงจะพูดแบบนั้น ความจริงเทรนเนอร์ของหมอนี่ก็เป็นแค่เด็กพละปีหนึ่งเท่านั้นแหละ”


เสริมอีกว่า “สาขาพละของคณะศึกษาฯกำลังทำโปรเจ็กต์ลดน้ำหนักเพื่อสุขภาพน่ะ ฉันเห็นว่าน่าสนใจดีเลยพาแชงไปสมัคร ตอนนี้หมอนี่เลยมีเทรนเนอร์ประจำตัวแล้วเรียบร้อย”


“ใครเหรอ?”


“ซัน”


เดย์ตอบ เพิ่มเติมว่า “อ่า...คิงของศึกษาน่ะ รู้จักใช่ไหม?”


“อ๋อ คนที่หน้าโหดๆ ตาดุๆ นั่นน่ะเหรอ” ไดนาไมต์นึกออกแล้ว สามสีหัวเราะแห้ง “ท่าจะหนักน่าดูเลยนะนั่น”


“คงงั้น หมอนี่อิดออดไม่ยอมไปตลอดเลย” เดย์บ่น แชงมาเชิดหน้าพูด “ก็ฉันไม่ชอบหมอนั่นนี่นา! คนอะไรนอกจากไม่ยิ้มแล้วยังจะมาบังคับฉันอีก นิสัยไม่ดีเลย!”


“พูดแบบนั้นอีกแล้ว” เด็กหนุ่มตาเหยี่ยวเกาหัวแกรก เปรมมองภาพนั้น ตัดสินใจหันไปพูดกับคิงวิศวะ


“ขอโทษจริงๆ นะ”


“ไม่ใช่ความผิดของเปรมเลย จริงๆ นะ” แชงมาย้ำ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องเมื่อนึกขึ้นได้ “จริงสิ เดย์มีแฟนด้วยล่ะเปรม! ฮือ หมอนี่จะทิ้งฉันไปอีกคนแล้ว!”


“โวยวายน่า...” เดย์ผลักหัวโกลด์เด้นตัวใหญ่ ทำหน้าไม่ใส่ใจแม้ข้างแก้มจะขึ้นสีเรื่อนิดๆ แล้วก็ตาม ไดนาไมต์ตาเป็นประกาย “เฮ้ย...ยังไงครับยังไง?”


พอตกเป็นเป้าสายตาของคนทั้งวง เดย์ก็ได้แต่ถอนหายใจ “...แค่คุยกันเฉยๆ เอง”


“เห็นไหม! สุดท้ายเดย์ก็จะทิ้งฉันไปล่ะเปรม! แง...” แชงมาร้องไห้แบบไม่มีน้ำตา พ่อครัวยื่นมือไปลูบหัวปลอบอีกฝ่ายเบาๆ ในขณะที่คนตาโหดหันมาแว้ดใส่ “เลิกง้องแง้งสักที! ทั้งหมดนั่นนายคิดเอาเองคนเดียวไม่ใช่รึไง!”


สามสีหัวเราะ เปรยว่า “แต่พวกนายหายหน้าไปนานมากเลยนะ”


“เพราะหมอนี่เลย เจอพวกนายทีไรพาฉันหลบตลอด ต้องเดินอ้อมทุกที” เดย์โบ้ยความผิด แชงมาสะดุ้ง ร้องว่า “ฉะ ฉันไม่ได้เดินหลบเปรมสักหน่อย!”


เปรมนิ่งไป “...แชงโกรธฉันขนาดนั้นเลยเหรอ”


“เปล่านะ!” แชงมารีบปฏิเสธ พ่อครัวฟังแล้วอดถามไม่ได้ “ถ้าไม่โกรธแล้วทำไมต้องหลบหน้ากันด้วยล่ะ?”


“เรื่องนั้น...” แชงมาทำหน้าจะร้องไห้ สุดท้ายก็ยอมพูด


“ก็ฉันไม่เท่แล้วนี่นา”


“หา?” เปรมเงยหน้าเหลอหรา คิงของวิศวะแก้มขึ้นสีเรื่อ ร้องว่า “ทำไมล่ะ! ใครๆ ก็ต้องอยากดูดีในสายตาคนที่ตัวเองชอบอยู่แล้วนี่!”


แชงมาลดเสียง “แล้วอ้วนแบบนี้เปรมต้องอายที่ฉันเข้าไปทักแน่ๆ เลย...”


“จะบ้าเหรอ!” เปรมตาโต ไม่อยากเชื่อเลยว่าอีกฝ่ายจะคิดแบบนี้ เขายื่นมือไปจับแก้มยุ้ยๆ นั่นให้หันมาสบตา พูดว่า “นายเป็นเพื่อนของฉันนะ! ฉันต้องดีใจที่นายเข้ามาทักสิ! จะอายไปทำไมกัน!”


“...”


ดวงตาหางชี้คู่งามสั่นวูบ คล้ายกับมีอะไรบางอย่างแน่นอยู่ในอกจนอึดอัด มันทั้งโหยหา...เจ็บปวด และอีกมากความรู้สึกซึ่งไม่อาจบรรยายได้หมด


“ฉันในตอนนี้อาจจะดูไม่ค่อยเท่เท่าไหร่...”


ทว่าสุดท้ายแชงมาก็นิยามความรู้สึกในใจออกมาได้สำเร็จ


“แต่คิดถึงนะ”


เปมทัตเบิกตากว้าง พ่อครัวสบตาอีกฝ่าย สุดท้ายก็ยิ้มออกมา


“อื้อ! ฉันเองก็คิดถึงนายเหมือนกัน!”


รอยยิ้มนั้นยังคงสดใสเหมือนตอนแรกที่ได้เจอกัน ดวงตาหางชี้จับจ้องยามพ่อครัวเปิดปากพูด


“เพราะงั้นแหละ...”


อา...ยังไงก็ชอบอยู่ดีนั่นล่ะ


“อย่าหลบหน้ากันอีกเลยนะ”


หมับ!


แชงมาโผเข้ากอดพ่อครัวหลังสิ้นคำ ทำนบน้ำตาที่พยายามกลั้นเอาไว้พังทลาย คิงวิศวะร้องไห้ออกมาเหมือนเด็กๆ “ฮึก ไม่หลบแล้ว คิดถึงนะ...ฉันคิดถึงเปรมมากๆ เลยล่ะ แง...”


“โอ๋ๆ...” พ่อครัวลูบเส้นผมสีทองของอีกฝ่ายกลั้วหัวเราะ ความซื่อตรงนั้นน่าเอ็นดูเสียจนทำให้นึกถึงลูกสุนัขตัวใหญ่ ตอนนั้นเองที่เปรมยกนิ้วก้อยขึ้นมา


“ดีกันแล้วนะ?”


แชงมาเกี่ยวก้อยทั้งน้ำตา ยิ้มจนตาปิด


“อื้อ!”



 
หลังแยกจากแชงมากับเดย์สามทหารเสือก็ไปต่อกันที่ห้าง ขณะกำลังจะขึ้นบันไดเลื่อนไปหาอะไรกินชั้นบนนั่นเองพวกเขาก็พบเข้ากับใครบางคน


“ไอ้เอื้อ!” เปรมตะโกนเรียกโดยไม่เสียเวลาคิด เจ้าของชื่อเลิกคิ้วคล้ายแปลกใจ


“หน่องเปรม?”
   

ไม่รอช้า สามทหารเสือก้าวเข้าไปหาทันที อีกฝ่ายยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์แผนกเครื่องประดับ


“นั่นแน่ ซื้อแหวนขอสาวเหรอพี่เอื้อ” ไดนาไมต์เปิดปากแซวเจ้าของเส้นผมสีน้ำตาลที่กำลังยืนเทียบลายแหวนเงินสองวงในมือ ฝ่ายหลังหัวเราะ “ประมาณนั้น”


“ขอโทษที่ทำให้เสียเวลานะคะ นี่คือแหวนคอลเลคชั่นใหม่ล่าสุดของเราค่ะคุณลูกค้า” ตอนนั้นเองที่พนักงานสาวกลับเข้ามาในเคาน์เตอร์พร้อมเปิดกล่องกำมะหยี่สีแดงในมือ ปรากฏแหวนทองสองวงตั้งอวดโฉมอยู่ด้านใน


เอื้ออังกูรขมวดคิ้ว พนักงานสาวกระพริบตา “เอ่อ...ไม่ถูกใจเหรอคะ”


“ดูแพงเกินไป เขาไม่ยอมใส่แน่ๆ” ปิศาจร้ายเหลือบมองหญิงสาวที่ยืนหน้าเจื่อนปนหอบน้อยๆ เขาส่งยิ้มให้เธอ “ขอบคุณนะครับที่อุตส่าห์วิ่งไปเอามาให้ดู”


“ยะ ยินดีค่ะ!” รอยยิ้มนั้นเรียกให้เลือดลมคนมองสูบฉีด เอื้ออังกูรผงกหัวทิ้งท้าย ก่อนจะหันหลังเดินจากมา


“ในบรรดาผู้หญิงของมึงนี่มีคนที่ไม่ยอมใส่แหวนแพงๆ ด้วยเหรอวะ?” ไดนาไมต์อดถามไม่ได้ เอื้ออังกูรฟังแล้วเผลอยิ้มโดยไม่รู้ตัว “มีสิ”


เปรมเหลือบมองท่าทางนั้น ถามว่า “จริงจังเหรอคนนี้?”


“...ก็แค่อยากซื้อให้เฉยๆ” ร่างสูงกลับมายิ้มร้ายตามปกติ ตัดสินใจเปลี่ยนเรื่อง “แล้วนี่พวกมึงมาทำอะไรกัน”


“มาหาของกิน” สามสีตอบแกมบ่น “เอาจริงๆ กูอยากไปอนุฯนะเนี่ย”


“เออพูดถึง ไอ้รถก๋วยเตี๋ยวที่วิ่งๆ แถวอนุสาวรีย์นี่มันอยู่ตรงไหนวะ” เด็กหนุ่มผมสีชมพูถามขึ้นมา สามสีหรี่ตาตอบ “ไม่รู้ อยู่บนยอดอนุสาวรีย์มั้ง”


“ไอ้สัด!” ไดนาไมต์ขบเคี้ยวเขี้ยวฟัน ก่อนจะทำหน้าเหวง “กูขึ้นไปแล้วเขาบอกไม่มี...”


“ขึ้นไปดูด้วยเป็นไงล่ะ” เปรมพูดปลงๆ เป็นจังหวะที่เอื้ออังกูรพูดว่า “เอองั้นพวกมึงไปกันเถอะ กูไปละ”


“อ้าว ไม่มาแดกกับพวกกูวะ” พ่อครัวถาม ปิศาจร้ายถอนหายใจ “ก็อยากอยู่...แต่ต้องไปทำธุระให้จูเลียร์อีก”


“สู้ต่อไปไม่ตายก็แพ้เว้ยเพื่อน” ไดนาไมต์ตบไหล่ร่างสูงอย่างเห็นใจ เอื้ออังกูรยกปลายคางขึ้นลง “เออ แต่เดินไปกับพวกมึงก่อน รถกูจอดอยู่ชั้นบน”


เด็กหนุ่มสี่คนขึ้นบันไดเลื่อนมา ไม่นานพวกเขาก็ถูกรายล้อมไปด้วยแฟรนไชส์อาหารปิ้งย่างมากมาย แว่วเสียงเนื้อกระทบเตาย่าง ด้านข้างมองเห็นพนักงานออกมายืนเชียร์ลูกค้าเข้าร้านอย่างคึกคัก


ท่ามกลางความปกติเช่นทุกวัน พลันหูเอื้ออังกูรได้ยินอะไรบางอย่าง


‘มาเถิด...นักล่า’


เสียงนั้นแหบพร่า ทว่าชัดเจน
   

เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลมองหาต้นเสียง ทว่าพบเพียงผู้คนที่ยังคงเดินไปมาตามปกติ ไม่มีท่าทีจะเป็นเจ้าของประโยคประหลาดนั้นเลยแม้แต่น้อย เขาขมวดคิ้ว


ก่อนจะสะดุดตากับบล็อกหนึ่งในมุมมืด สองขาก้าวเข้าไปดูโดยอัตโนมัติ


“เฮ้ยไอ้เอื้อจะไปไหนวะ!” เปรมร้องทัก ทว่าเสียงนั้นส่งไปไม่ถึงคนฟังแล้ว ดวงตาปิศาจว่างเปล่าไปวูบหนึ่งก่อนจะมีกลับมามีน้ำหล่อเลี้ยงอีกครั้ง
   

รู้สึกตัวอีกทีก็อยู่ในร้านแล้ว...
   

“เอาไรเรอะ พ่อหนุ่ม”


เอื้ออังกูรเลิกคิ้วอย่างสนเท่ห์ เจ้าของประโยคเป็นชายแก่ร่างเล็กหลังงุ้ม เขาซ่อนตัวเองอยู่ในเงามืดของมุมร้าน จ้องมาด้วยดวงตาแดงก่ำอันน่ากลัว


“ลุงขายอะไรบ้างล่ะ” ปิศาจร้ายมองไปรอบๆ ในร้านค่อนข้างมืดเลยทำให้มองยากอยู่สักหน่อย อดแซวไม่ได้ว่า “ร้านลุงนี่ปิดไฟช่วยชาติแบบนี้ตลอดเลยเหรอ”


ถึงตรงนี้ชายแก่ก็นิ่งไป เขามองเด็กหนุ่มตรงหน้าไม่วางตา


กลิ่นแบบนี้ หรือว่า...


คนฟังไม่ตอบแต่ถามกลับ “เจ้ากำลังมองหาอะไร?”


“ของขวัญ” เอื้ออังกูรตอบโดยไม่เสียเวลาคิด ดวงตาแดงก่ำจับจ้องเด็กหนุ่ม “สำหรับคนสำคัญหรือ”


“ก็นะ...” มือหนาฉวยต่างหูเงินรูปกางเขนอันหนึ่งขึ้นพินิจ ชายหลังงุ้มพูดเสียงพร่า “นั่นไม่ใช่สิ่งที่เจ้ากำลังตามหาแน่พ่อหนุ่ม”


“เห...” เอื้ออังกูรสบตาอีกฝ่าย ยิ้มร้ายถามว่า “ถ้างั้นผมกำลังตามหาอะไรล่ะ?”


“คำตอบนั้นจักปรากฏขึ้นในไม่ช้า” ชายแก่เปิดปาก “พ่อหนุ่มเอ๋ย สิ่งที่ถูกสร้างมาเพื่อเจ้าจะเลือกเจ้าด้วยตัวเอง”   


เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลหัวเราะออกมา “ลุงมาจากยุคไหนกันแน่เนี่ย” ก่อนจะสะดุดเข้ากับกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินขนาดกลางที่วางอยู่บนโต๊ะ ไม่รอช้า เอื้ออังกูรคว้ามันขึ้นมาก่อนจะเปิดออก


“นี่มัน...” ดวงตาปิศาจร้ายเกิดประกายวูบ


เบื้องหน้าปรากฏแหวนสิบสองวงอันประดับด้วยอัญมณีต่างกันสิบสองชนิดตั้งเรียงอวดโฉมอยู่ด้านใน แต่ที่ดึงดูดใจเอื้ออังกูรมากสุดคงไม่พ้นแหวนทองวงหนาซึ่งประดับหัวด้วยเม็ดทับทิมสีแดงสด


อัญมณีประจำราศีกรกฏ...ราศีของเขา


ปิศาจร้ายสวมมันอย่างลืมตัว นิ่งไปเมื่อแหวนพอดีนิ้วราวกับถูกสั่งทำมาเพื่อเขาโดยเฉพาะ ดวงตาคมกริบจับจ้องอีกวงโดยอัตโนมัติ...แหวนเงินวงเรียวประดับหัวด้วยมรกตเขียวน้ำงาม


อัญมณีประจำราศีพฤษภ...ราศีของอีกคน


“ของจริง...” เอื้ออังกูรพินิจแหวนในมืออย่างไม่อยากจะเชื่อ “ในร้านซอมซ่อแบบนี้เนี่ยนะ? ลุงไปโด้มาจากเคาน์เตอร์ไหนเนี่ย?”


“จะบ้าเรอะ!” ชายหลังงุ้มหน้าเหวออย่างหลุดมาด ปิศาจร้ายหรี่ตาอย่างคาใจ น่าสงสัย...หรือจะเป็นของเก๊?
   

“...”
   

บ้าน่า...จับดูยังไงก็ของจริงชัดๆ


เนิ่นนานที่ไม่มีเสียงตอบกลับมา เด็กหนุ่มเลิกคิ้ว “ลุง งอนเหรอ?” ก่อนจะเดินเข้าไปหา “อะไรแซวเล่นหน่อยเดียวเอง จะซื้อแล้วเนี่ย...” ทว่าอีกฝ่ายกลับแทรกขึ้น


“พ่อหนุ่ม ข้าให้เจ้า”


“เอ๊ะ ไอ้นี่น่ะเหรอ” โบกแหวนสองวงในมือไหวๆ “เฮ้ย ตกลงเป็นของเก๊ใช่ไหมเนี่ย! แจกฟรีแบบนี้” คนฟังหน้าแทบหงาย ดีคว้าไม้เท้าไว้ทัน


“...เรื่องนั้นเจ้าย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจ”


“ให้กันฟรีๆ แบบนี้ไม่น่าไว้ใจเลยแฮะ” เอื้ออังกูรบ่น ย้ำอีกว่า “ได้จริงปะเนี่ย?” 


“จริงสิ” คนฟังเผยยิ้มในความมืด “ในเมื่อมันเลือกเจ้าแล้ว”
   

“งั้นไม่เกรงใจนา...” ปิศาจร้ายก้มเก็บแหวนมรกตใส่กระเป๋าเสื้อ “ว่าแต่ผมเอาไปสองวง แล้วอีกสิบวงที่เหลือในกล่อง...” กำลังจะหันไปถามก็ต้องสะท้านวาบ
   

“ลุง?”


เมื่อเบื้องหน้าเขากลายเป็นกำแพงปูนแทนที่ ปราศจากร้านขายของมืดๆ กับชายแก่อย่างเคย หัวใจเด็กหนุ่มกระตุกวูบยามเสียงผู้คนกลับมาจอแจแล้วเดินผ่านเขาไปเช่นปกติ
   

เมื่อกี้นี่มัน...อะไร?


ตอนนั้นเองที่สัมผัสหนึ่งจู่โจมจากด้านหลัง


“ไอ้เอื้อ!!”


เจ้าของชื่อหันกลับไปช้าๆ พูดเสียงเบาราวกระซิบ “...หน่องเปรม”


ดวงตาปิศาจสะท้อนภาพพ่อครัวที่จ้องหน้าเขาปนหอบ ดูท่าจะวิ่งมาสุดแรงเกิด เปรมแทบตะโกน “มึงหายไปไหนมาเนี่ย!! โทรไปไม่รับกูนึกว่าขับรถกลับไปแล้ว” 

   
“เปล่า” เอื้ออังกูรยกมือขึ้นมา ทับทิมเม็ดงามเกิดประกายล้อแสงไฟพุ่งเข้าตาพ่อครัว
   

“อ้าว ได้แหวนแล้วเหรอ” เปมทัตถาม ก่อนจะล้วงหยิบมือถือที่สั่นตัวอยู่ในกางเกงขึ้นมารับสายจากไดนาไมต์ “ฮัลโหล...เออ กูเจอไอ้เอื้อแล้ว มันไปซื้อแหวนมา...”
      

เอื้ออังกูรมองพ่อครัวยืนคุยโทรศัพท์ พลันนึกถึงประโยคของชายแก่ในร้านประหลาดเมื่อครู่


‘สิ่งที่ถูกสร้างมาเพื่อเจ้าจะเลือกเจ้าด้วยตัวเอง’


เขาเผลอยกมือลูบแหวนบนนิ้วโดยไม่รู้ตัว


“...”
   

ตอนนั้นเองที่ทับทิมเม็ดงามเกิดประกายวูบราวกับจะตอบรับคำของผู้เป็นนาย




เที่ยงของวันถัดมา ในโรงอาหารกลางที่ผู้คนพลุกพล่าน สามทหารเสือวางกระเป๋าจองโต๊ะไว้ก่อนจะเดินออกมาซื้อข้าวกิน
ท่ามกลางความวุ่นวาย หางตาพ่อครัวเหลือบเห็นใครบางคน


“เม!”


เปรมตะโกน เจ้าของชื่อหันมา ยิ้มกว้างเมื่อเห็นคนเรียก “เปรม! คิดถึงจังไม่เจอกันตั้งนาน”


“เราก็คิดถึงเมเหมือนกัน” ไดนาไมต์ยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ย กางแขนเดินเข้าไปหาครูคณิต “ไหนมากอดหน่อย..แอ่ก!”


ก่อนจะถูกเด็กหนุ่มตัวสูงคว้าคอเสื้อไว้จากด้านหลัง สามสีหรี่ตา พูดเสียงทุ้ม “น้อยๆ หน่อยไอ้เสือ”


“อะไรวะมึงเนี่ย! แย่งซีนกูตลอดเลยแม่ง!” ไดนาไมต์แยกเขี้ยวแล้วหันไปโวยวาย เปรมขยับตัวมาบังภาพน่าอายนั้นไว้ พูดว่า “เดี๋ยวเมมีเรียนต่อเหรอ”


เมธามองไดนาไมต์กับสามสีตีกันยิ้มๆ แล้วพยักหน้า “อื้อ พวกเปรมล่ะ?”


“เดี๋ยวมีเรียนจิตวิทยาตอนบ่ายน่ะ” พ่อครัวตอบ ก่อนจะถูกแสงประหลาดพุ่งใส่จนหรี่ตา “อะไรน่ะเม”


คนตัวเล็กชะงัก ยกมือซ้ายตัวเองขึ้นมา “เอ่อ...นี่เหรอ?”


“ทำไมเมใส่แหวนล่ะ!” ไดนาไมต์ตาถลน ปราดเข้ามาจ้องแหวนเงินวงเรียวประดับหัวด้วยอัญมณีบนนิ้วนางอีกฝ่าย กุมหัวโอดครวญ “โอ้ไม่นะ! ใครมาตัดหน้ากูขอเมหมั้นวะเนี่ย!”


“มรกตเหรอ” สามสีเขี่ยคู่หูให้พ้นทาง ดวงตาคมกริบจับจ้องแหวนบนนิ้วขาว “น้ำงามมากเลยนะเนี่ย”


“สวยจัง ซื้อเองเหรอเม” เปรมถาม ทว่าคนฟังสั่นหัว
   

“มีคนซื้อให้น่ะ เขาบังคับใส่” ครูคณิตยิ้มอายๆ “เอ่อ...มันดูแปลกๆ ใช่ไหม”
   

“ไม่นะ เข้ากับนายมากเลย” พ่อครัวพูดตามความคิด เขาหันไปสบตาสามสี ฝ่ายหลังพยักหน้าเสริม “เหมาะกับนิ้วจนเหมือนถูกสั่งทำมาเพื่อนายเลยล่ะ”


“เป็นคนพูดเองอาจจะแปลกๆ อยู่...” เมธาลูบแหวนบนนิ้วอย่างทะนุถนอม “แต่ฉันก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน”


ตอนนั้นเองที่มรกตบนนิ้วเรียวเกิดประกายวูบ สามสีเลิกคิ้วอย่างสนเท่ห์


“...”


คิดไปเองล่ะมั้ง...

ออฟไลน์ iJune4S

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-2
    • junejune's page.
(ต่อ)


หลังเมธาแยก ตัวออกไปสามทหารเสือก็กลับมาที่โต๊ะอาหาร พวกเขานั่งกินข้าวพลางพูดคุยสัพเพเหระ ถึงตรงนี้ไดนาไมต์กำลังเพ้อถึงคนในเฟซบุ๊กให้เพื่อนฟัง


“มึง มีทอมม.เราคนนึงน่ารักมาก กูเป็นผู้ชายยังหวั่นไหวไอ้ห่า” เด็กหนุ่มผมสีชมพูทำหน้าเคลิ้ม เสริมว่า “โอ๊ย กูจะไปมัดใจพี่เค้า...”


“เนี่ยยย เปลี่ยนทอมให้เป็นเธองี้” พ่อครัวยิ้มเผล่ ไดนาไมต์ยกมือกุมแก้มอายๆ


“กูจะไปเป็นดี้”


พรวด!


สามสีพ่นน้ำออกจากปาก ก่อนจะหันไปไอโขลกนอกวง ไม่วายขมวดคิ้วมุ่น “เหี้ยไรวะน่ะ...”


“...” ในขณะที่เปรมทำเพียงยื่นทิชชู่ให้เพื่อนตัวสูงด้วยแววตาเหมือนปลาตายเท่านั้น


ครู่หนึ่งต่อมาก็เกิดเสียงฮือฮาขึ้นด้านหลัง สามทหารเสือเงยหน้ามอง ใจกลางวงล้อมของฝูงชนคือหมอยาเส้นผมสีแดงหน้าตาหล่อเหลา

   
“อ้าวไอ้ไฟ!” ไดนาไมต์ส่งเสียง เรียกร่างสูงให้สบตา


“เฮ้ยพวกมึง!” ก่อนจะรีบปรี่เข้ามานั่งด้วยอย่างหาที่พึ่ง เปมทัตมองอัคคีวางกระดาษสองปึกลงบนโต๊ะ อดถามไม่ได้ “อะไรวะนั่น”


“สไลด์อ่านสอบกับสรุป” ไฟตอบ สามสีหยิบชีทปึกบางกว่าขึ้นมา “อ๋อ อันนี้สรุป...”


“ไม่ นั่นเนื้อหา...อันหนาอะสรุป” หมอยาอธิบาย ไดนาไมต์เหลือกตามองอย่างพิศวง “...มึงย่อยังไงให้สรุปหนากว่าชีทสอบวะน่ะ”


“สไลด์เป็นสิบหน้า ไอ้ห่า ย่อทั้งคืนกูแม่นอยู่สไลด์เดียว...” อัคคีทำหน้าปลง “ ‘โครงสร้างการเกิดปฏิกิริยาต่าง โดยอาจารย์สุชีวรรณ์ จันทรศรี’ ”


“สไลด์แรก...” สามสีหน้ากระตุก “สุดยอดไปเลยอีเหี้ย”


ไฟล้วงขนมในถุงที่ถือติดมือมาใส่ปากอย่างไม่ยี่หระ ยังมีแก่ใจยื่นให้สามทหารเสือ “เอาแมะมึง โสเภณีทอด”


“อะไรวะ?”


“กะหรี่ปั๊บ”


“...เขร้” พวกเปรมเอียงหน้าตาเหลือก ก่อนจะหยิบมากินคนละชิ้น เด็กหนุ่มสี่คนนั่งคุยกันครู่หนึ่ง สุดท้ายอัคคีก็ลุกขึ้น พูดว่า “เฮ้ย กูไปก่อนนะ” 


สามสีมองตาม “ไปไหน?”


“หาไอ้เหมียว” ไฟตอบ เปรมย่นคิ้ว “ใครวะ?”
   

รอยยิ้มกรุ้มกริ่มถูกจุดขึ้นแทนคำตอบ ไดนาไมต์ทำตาโต “เฮ้ย! แฟนใหม่มึงเหรอ!”
   

“...ก็นะ” หมอยาเกาแก้ม เสมองไปทางอื่นยามสามทหารเสือพร้อมใจกันรัวคำถามใส่ ไฟมองนาฬิกา พูดตัดบท “เออกูไปละ ถึงช้าเดี๋ยวแม่งงอนกูอีก บายเว้ย!” สิ้นคำก็สับขาวิ่งออกไป
   

“เฮ้ยไอ้ไฟ! เดี๋ยวเด้!” เด็กหนุ่มผมสีชมพูหันไปมองหน้าพ่อครัว ฝ่ายหลังเลิกคิ้วอย่างสนเท่ห์ “อะไรวะ...แม่งไปได้คนใหม่มาตอนไหนทำไมกูไม่รู้เรื่อง?”


“...” สามสีนิ่งไป เป็นจังหวะที่ไดนาไมต์ส่งเสียงอีกรอบ


“อ้าวไอ้โช!”
   

“เฮ้ยพวกมึง!” โชตาเป็นประกาย วิ่งเข้ามากระโดดกอดเปรมอย่างทุกที “คิดถึงสัด เหมือนไม่เจอพวกมึงนานมาก” ก่อนจะหย่อนตัวนั่งลงตรงหน้าสามทหารเสือ


เปมทัตมองชีทในมืออีกฝ่าย ถามว่า “อะไรวะนั่น?”


“สไลด์อ่านสอบอะ กูเพิ่งสอบเสร็จ” โชตอบ ไม่วายบ่น “แม่งเมื่อวานสอบข้อเขียน เขาให้ตอบว่าดอกไม้อะไรเป็นอินดิเคเตอร์ไม่ได้พร้อมเขียนเหตุผล”


“เออยังไง้” ไดนาไมต์เสียงสูง


“กูเลยตอบไปว่าทองกวาว...”


“ทรงภูมิ” สามสีรัวมือให้


“เพราะพี่คล้าวไม่ให้เป็น”


“มึงจะบ้าเรอะ!!” สามทหารเสือตะโกนพร้อมกัน โชล้วงขนมในมือขึ้นมาเคี้ยวตุ้ยๆ “ทำไมอะ พี่คล้าวไม่ยอมขี่ควายกับอินดิเคเตอร์หรอกกูว่า”


“ความดันกูจะขึ้น...” เปรมยกนิ้วนวดขมับ โชมองอีกสองคนที่อยู่ในสภาพไม่ต่างกัน ก่อนจะยื่นขนมในมือให้เพื่อนๆ “อย่าเครียดน่า กินนี่กับกูดีกว่า...โสเภณีสามตา”


“...อะไรวะ?”
   

“กะหรี่ปลั๊ก”
   

“ปั๊บ! โอ๊ยอีเหี้ย!” พวกเปรมทำหน้าเหมือนโลกจะล่มสลายในอีกห้านาที เด็กประมงยิ้มกว้าง หัวเราะเสียงใส “กูรักพวกมึงจังเลยอะ ร่าเริงเข้าไว้นะ”


“...เรื่องร่าเริงน่ะให้พวกกูเป็นคนตัดสินใจเองเถอะ” เปมทัตพูดหน้าเหนื่อย เป็นจังหวะที่โชมองนาฬิกาแล้วร้องว่า “อ้าว ป่านนี้แล้วเหรอเนี่ย ต้องไปละ!”


“ไปไหนวะ” สามสีถาม โชหลุดปากตอบ


“นัดควายไว้”


“ใครวะ?” เปรมกระพริบตา ก่อนไดนาไมต์จะโพล่งขึ้น “อย่าบอกนะว่าแฟนมึงอะ!!”


“...”
   

ซีกแก้มขาวขึ้นสีเรื่อแทนคำตอบ พ่อครัวตาโตเป็นไข่ห่าน “เอาจริงดิ? เขร้...ทำไมมึงเรียกแฟนโหดจังวะ” เด็กประมงผงะถอยเมื่อสามทหารเสือพร้อมใจกันรัวคำถามใส่ สุดท้ายก็หลับหูหลับตาตะโกนว่า


“ไม่รู้แล้วโว้ย! กะ...กูไปละ! ซียู!”


ก่อนจะโกยแน่บไปชนิดไม่เห็นฝุ่น ท่ามกลางเสียงบ่นปนความสงสัยของไดนาไมต์กับเปรม สามสีก็พอจะประมวลเรื่องราวได้
   

คบกันแล้วสินะ...สองคนนั้น
   

เด็กหนุ่มผมสีชมพูลูบคางอย่างครุ่นคิด “ไอ้ไฟมีแฟน ไอ้โชก็มีแฟน...พวกมันสองคนมีแฟนพร้อมกันแบบนี้ก็หมายความว่า...” สามสีเหลือบมองคู่หูที่หันไปสบตากับพ่อครัว
   

หรือไอ้พวกนี้จะรู้แล้วว่า...


เปมทัตพยักหน้าแล้วพูดออกมา
   

“ไอ้โชจะไม่โดนแย่งแฟนแล้วสินะ!”
   

“...”


สามสีตัวลั่นดังเปรี๊ยะ ร่างกายแข็งค้างแต่ยังได้ยินไดนาไมต์พูดว่า “เออ แม่งต่างคนต่างมีแฟนสักที จะได้ไม่ต้องมาแย่งแล้วต่อยกันอีก...เนอะสามเนอะ!”


“...เออ”


เด็กหนุ่มตัวสูงดึงสติกลับมาในที่สุด


ไม่พูดจะดีกว่าล่ะมั้ง...   




ยามพลบค่ำในวันพุธ ผืนฟ้าเหนือคฤหาสน์เกียรติยวานนท์ถูกทาเป็นสีเข้ม ทศทิศก้าวลงมาจากเบนซ์สี่ประตูคันหรู ทันทีที่เท้าเหยียบพื้นห้องโถงเหล่าพ่อบ้านก็โค้งตัวให้เขาพร้อมประสานเสียง


“ยินดีต้อนรับกลับครับนายน้อย”


เท็นผงกหัวรับตามนิสัย ถึงตรงนี้มาเรียก็ยื่นแก้วบรรจุน้ำเย็นให้เขา “คุณหนูกลับมาเหนื่อยๆ ดื่มน้ำก่อนสิคะ”


“ขอบคุณครับ” นายน้อยแห่งคฤหาสน์กระดกดื่มรวดเดียวหมด เขาคืนแก้วให้แม่บ้านร่างท้วม เป็นจังหวะที่ออกัสเดินออกมาจากห้องทำงานของเจ้าบ้านพอดี


“เท็น”


ชายหนุ่มร่างเล็กในชุดสูทเรียก เจ้าของชื่อมองดวงตาสีเขียวคู่งามของคนพูดแทนคำถาม


“นายท่านรอนายอยู่ในห้องนอนนะ” เลขาคนเก่งบอก เท็นกระพริบตาปริบ


“...ห้องทำงาน?”


“ไม่ ห้องนอนนั่นแหละ นายฟังถูกแล้ว” ออกัสกระชับเอกสารตั้งใหญ่ในอ้อมแขนด้วยใบหน้าอิดโรย “ถ้าฉันเคลียร์งานเสร็จจะตามไป ห้องนอนของนายท่านนะ” พูดจบก็เดินลิ่วเข้าห้องทำงานของตัวเองไป


เท็นเดินขึ้นบันไดกลางมา ก้าวขาช้าๆ ไม่รีบร้อนมากนัก ไม่นานก็หยุดลงหน้าประตูสลักลายราชสีห์บานใหญ่


ก๊อกๆ


“เข้ามาสิ”


ทศทิศเปิดประตู กลิ่นหอมอ่อนๆ โชยมาแตะจมูกทำให้นึกถึงความหลัง...ทั้งเจ็บปวดและชวนคิดถึง ดวงตายาวรีจับจ้องสภาพด้านในที่เปลี่ยนแปลงไปเพียงเล็กน้อยจากความทรงจำ


ไม่ได้เข้าห้องพ่อมานานเท่าไรแล้วนะ...


ทศทิศจำได้ว่าตอนเด็กๆ ตัวเองมักจะมาเคาะห้องนี้ตอนกลางดึกเพื่อขอนอนกับพ่อแม่บ่อยๆ และทุกครั้งสองจะเปิดประตูรับเขาด้วยรอยยิ้ม ท่ามกลางสายตาดุๆ ของอีกคนในห้องที่จ้องเขม็งมาเหมือนถูกขัดจังหวะ


แต่ถึงแบบนั้น...การได้นอนตรงกลางระหว่างไออุ่นของทั้งสองคนก็เป็นสิ่งที่เท็นชอบมากที่สุด


“มีอะไรเหรอครับพ่อ”


ว่าที่คุณหมอเปิดปากถามบิดา ฝ่ายหลังนั่งอ่านเอกสารอยู่บนโซฟาสีขาวปลายเตียงคิงไซส์ หมอแปดเงยหน้ามองลูกชาย มือหนาตบพื้นที่ว่างข้างๆ กัน


“มานั่งนี่”


“...” เท็นกระพริบตาปริบ รู้สึกสับสนระคนแปลกใจ แต่ถึงแบบนั้นก็เดินเข้าไปนั่งข้างๆ อย่างว่าง่าย


“นี่เอกสารส่วนของแก” เจ้าบ้านส่งกระดาษปึกหนึ่งให้เด็กหนุ่ม ทศทิศรับมาเงียบๆ


ร่างใหญ่พูดอีก “เย็นวันศุกร์นี้ เพื่อนเก่าของฉันจะมาที่นี่พร้อมลูกสาวของเขา แกไปเตรียมตัวกับออกัส หาเสื้อผ้ามาใส่ให้เรียบร้อย”


“ครับ” เท็นขานรับโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า


“...”


ไม่มีใครพูดอะไรไปครู่หนึ่ง เด็กหนุ่มตัดสินใจลุกขึ้นยืน “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว...”


“พรุ่งนี้เรียนกี่โมง”


ก่อนจะถูกเสียงทุ้มหยุดเท้าไว้ ทศทิศทำหน้ากึ่งแปลกใจ แต่ก็ตอบว่า “บ่ายโมงครับ”


“ไม่ใช่ตอนเช้าเหรอ?” ดวงตายาวรีของชายวัยกลางคนสะท้อนภาพลูกชาย เท็นอธิบายว่า “พรุ่งนี้อาจารย์ที่สอนตอนเช้าติดประชุมเลยงดเซคครับ”


“งั้นก็ตื่นสายได้สิ?” เด็กหนุ่มมองหน้าคนพูดเมื่อรู้สึกได้ว่าเสียงทุ้มนั้นต่างไปจากปกติ


มันดูผ่อนคลายกว่าทุกที...


“ครับ ก็ว่าจะออกจากที่นี่สิบเอ็ดโมง”


ไม่สิ เรียกว่า ‘กลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อน’ จะใกล้เคียงกว่า...


หมอแปดผงกหัวเป็นเชิงรับรู้ เท็นมองแล้วเหมือนเห็นตัวเองตอนโตแปลกๆ ตัดสินใจพูดว่า “ถ้างั้นผมขอตัว...”


“นั่งกับพ่อก่อนสิ”


ทศทิศปิดปากฉับ เขามองคนตรงหน้าเหมือนเห็นผีจนอีกฝ่ายขมวดคิ้ว “มองแบบนั้นมีปัญหารึไง?”


“...เปล่าครับ” เท็นนั่งลงตามเดิม เจ้าบ้านมองลูกชายที่นั่งเว้นระยะห่างกับตัวเองเล็กน้อย ก่อนจะเอี้ยวตัวไปหยิบสิ่งที่วางพิงอยู่หลังโซฟาออกมา ถามว่า


“เล่นเป็นไหม?”


ทศทิศมองตาม ดวงตายาวรีสะท้อนภาพกีตาร์โปร่งสีน้ำตาลอ่อนตัวเก่าที่เขาเคยดีดเล่นกับพ่อสมัยเด็กๆ


“เป็นครับ” เท็นเปิดปาก “ไฟเคยสอนเล่นตอนม.หก”


“ดีดให้หน่อยสิ” ร่างใหญ่ส่งเครื่องดนตรีให้ลูกชาย “พ่ออยากร้องเพลง”


“...ครับ” ว่าที่คุณหมอรับกีตาร์มาจากพ่อ เขานั่งปรับสายพลางไล่คอร์ดจากความทรงจำอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อรู้สึกผ่อนคลายขึ้นแล้วจึงถามว่า “เอาเพลงอะไร?”


มือหนาฉวยกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นมาจากกองเอกสาร มันคือแท็ปกีตาร์ของเพลงบทหนึ่ง


“เพลงนี้” หมอแปดวางมันลงตรงหน้าเด็กหนุ่ม เท็นอ่านชื่อเพลงแล้วเลิกคิ้ว


“ห้องนอน?”


“อืม” เจ้าบ้านสบตาอีกคน “ทำไม คนแก่ฟังเพลงสตริงบ้างไม่ได้รึไง?”


“ผมยังไม่ได้พูดอะไรเลย” เท็นกระพริบตา แค่แปลกใจเฉยๆ เอง...


“...”


พลันเสียงในห้องก็เงียบลงราวกับถูกดูดหายไป ทศทิศสูดลมหายใจลึก ก่อนจะเริ่มดีดอินโทร นิ้วยาวสีซีดขยับพลิ้วไหวราวกับเต้นอยู่บนสายกีตาร์ ดวงตายาวรีจับจ้องแท็ปสลับกับใบหน้าด้านข้างของอีกคนเป็นระยะ


เมื่อถึงท่อนแรก หมอแปดก็เปล่งเสียงออกมา


“ลองมองย้อนไปในวันที่มีความสุข...” เสียงนั้นทุ้มต่ำและแหบพร่า เท็นเหลือบมองคนร้องเล็กน้อย


“เก็บวันเวลา...เก็บความทรงจำ...” เจ้าบ้านสบตาเขา “เก็บเรื่องราวเหล่านั้นเอาไว้ในใจ”


   
‘สองไปแปรงฟัน’

หมอแปดในวัยหนุ่มบอกภรรยาสาวที่ทิ้งตัวลงนอนข้างเขาบนเตียงเสียงทุ้ม

‘โหยง่วงแล้ว จะนอนแล้วเนี่ย’ สองซุกหน้าลงกับหมอนคล้ายหนีปัญหา เจ้าบ้านขมวดคิ้ว

‘เดี๋ยวก็แมงกินฟันหรอก’

‘หลอกเด็กน่า ฉันโตแล้วนะ นี่ก็ได้ที่แล้วด้วย’ แม่ครัวสาวขดตัวในผ้าห่มอย่างเกียจคร้าน หมอแปดมองท่าทางนั้น พูดเสียงดุ ‘ถ้าไม่แปรงฟันเธอจะมีปัญหาแบคทีเรียสะสมในช่องปากนะ’

‘โอ้ยนอนแล้วจ้า คร่อกๆ!’ เธอกวนประสาทเขา

‘อีกหน่อยก็ต้องใส่ฟันปลอมอะ ฟันหลอด้วย’

‘คร่อกกกกก!’

‘ฉันไม่จูบกับผู้หญิงที่ใส่ฟันปลอมหรอกนะ’

‘...’

‘เกิดมันหลุดเข้ามาติดคอฉันจะทำยังไง’
   
‘โอ๊ย! พอได้แล้ว!’ สองลุกพรวด ก่อนจะสะบัดผ้าห่มออกจากตัวแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำไปปิดประตูดังปั้ง!
   


“ปลอกหมอนที่น้ำลายเธอยืดใส่...”


ใช้เวลาไม่นานหญิงสาวก็กลับมานอนอีกครั้งพร้อมช่องปากที่หอมสดชื่น


“ช่อดอกไม้ที่เธอให้ฉันเก็บไว้”


ทว่าใบหน้ายับย่นยิ่งกว่าหมาพันธุ์ปั๊ก


“ทุกๆ สิ่งและทุกๆ อย่าง”


‘เก่งมาก’ มือหนาลูบศีรษะทุยนั่นอย่างนึกเอ็นดู


“มีไว้เพื่อคอยเตือนใจฉัน...”


สองทำหน้ายุ่ง


“ว่าฉันจะรักใครไม่ได้อีก”


ไม่วายบ่นว่า ‘ตอนนั้นฉันคิดยังไงถึงได้มาแต่งงานกับผู้ชายแบบคุณเนี่ย!’


“วันนี้ฉันพร้อมจะหยุดหัวใจ”


ตอนนั้นเองที่ชายหนุ่มโน้มหน้าเข้าไปหอมแก้มคนรักเบาๆ


“อ้อมกอดของฉัน รอยจูบของฉัน”


สบตากับเธอด้วยความรู้สึกอันเปี่ยมล้น


“มันมีไว้เพื่อเธอ...เพียงคนเดียว”

   
‘เธอคิดถูกแล้วไงล่ะ’



“แต่แล้วโชคชะตาก็เล่นตลก...” ถึงตรงนี้สองพ่อลูกก็ประสานเสียงกัน เจ้าบ้านยิ้มให้ลูกชาย เป็นรอยยิ้มที่ไม่ได้เห็นมานานนับเกือบสิบปี


นิ้วยาวของว่าที่คุณหมอขยับดีดสายเกิดทำนองพลิ้วหวาน ในห้องนอนอันใหญ่โต หมอแปดกับลูกชายกำลังนั่งถ่ายทอดความรู้สึกผ่านน้ำเสียงและแววตา ด้วยความคิดถึงและโหยหา หวังส่งมันไปถึงผู้หญิงคนหนึ่ง...


คนที่พวกเขารักมากที่สุด...ซึ่งอยู่ที่ๆ ไกลแสนไกล


“รอยยิ้มของเธอ” เจ้าบ้านหลับตาอย่างขมขื่น “ฉันคงไม่มีวันได้เจออีกแล้ว...”


“สุดท้ายวันนี้คงทำได้เพียง” เท็นร้องแทรกให้พ่อที่เสียงแผ่วหายไป เมื่อกลับมาตั้งสติได้แล้วร่างใหญ่จึงร้องต่อ “กอดทุกๆ สิ่งและทุกๆ อย่าง...”


ทศทิศเปล่งเสียง “กอดมันให้เหมือนที่กอดเธอ”


“เพิ่งรู้วันนี้เมื่อเธอไม่อยู่...” หมอแปดยิ้มออกมาอย่างเศร้าสร้อย “ว่าเตียงของฉันมันกว้างแค่ไหน”


“อ้อมกอดของฉัน อยากกอดเธออีกครั้ง...” ลูกชายร้องคลอไปกับเสียงของพ่อ


“แล้วจะพูดดังๆ...ว่าฉันรักเธอ”



ท่ามกลางเสียงดนตรีที่อบอวลอยู่ในห้องนอน ออกัสซึ่งกำลังจะเข้าไปรับเอกสารก็ชะงักเท้าอยู่หน้าห้อง เขาแง้มประตูเพียงเล็กน้อย มองลอดเข้าไป


ดวงตาสีเขียวคู่งามสั่นวูบ


“...”


เบื้องหน้า...ราวกับความฝัน ภาพของสองพ่อลูกแห่งตระกูลเกียรติยวานนท์กำลังขับร้องและดีดกีตาร์อยู่ข้างกันบนโซฟาสีขาว


หากตัดฐานะและบทบาททางสังคมทิ้งไปแล้ว ตรงหน้าของออกัสก็แค่ผู้ชายสองคนที่กำลังส่งท่วงทำนองอันงดงามไปยังที่ๆ ไกลแสนไกลเท่านั้น


แด่ผู้หญิงคนเดียวที่สามารถกุมหัวใจของสองพยัคฆ์หนุ่มเอาไว้ได้อยู่หมัด...


“นายหญิง...”


ตอนนั้นเองที่แปดร้องท่อนสุดท้าย ออกัสทำท่าจะปิดประตู


“สุดท้ายวันนี้คงทำได้เพียง...”


พลันหางตาก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่าง


“กอดหมอนใบเดิมที่เธอเคยหนุน”


เลขาหนุ่มตัวแข็งค้าง


“กอดทุกๆ สิ่งและทุกๆ อย่าง...”


เขาอาจจะตาฝาดไป


“กอดมันให้เหมือนที่กอดเธอ”


แต่ออกัสสาบานได้เลยว่าแวบหนึ่งนั้น...


“เพิ่งรู้วันนี้เมื่อเธอไม่อยู่”


ที่นั่งบนโซฟาระหว่างสองพ่อลูกอันว่างเปล่านั่น


“ว่าเตียงของฉันมันกว้างแค่ไหน”


เขาเห็น...


“อ้อมกอดของฉัน อยากกอดเธออีกครั้ง”


ร่างสีขาวอันเลือนรางของหญิงสาว...


“แล้วจะพูดดังๆ...ว่าฉันรักเธอ”


หญิงสาวคนเดียวกับในรูปถ่ายบนหัวเตียง


“คำขอร้องสุดท้าย...ความหวังสุดท้าย”


กำลังหลับตาฟังสองพ่อลูกที่นั่งขนาบข้างด้วยรอยยิ้ม


“คือขอร้องให้เธอ...”


น้ำตาหยดหนึ่งไหลลงอาบแก้มหนุ่มลูกครึ่ง


“กลับมาเหมือนเดิม”




(มีต่อนะคะ)

ออฟไลน์ iJune4S

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-2
    • junejune's page.
(ต่อ)


หลังวิชาแลปอาหารภาคบรรยายยามบ่ายวันศุกร์ที่แสนจะน่าเบื่อจบลง เหล่านิสิตชายหญิงก็พร้อมใจกันเก็บข้าวของแล้วกุลีกุจอออกจากห้องไป


แต่ก็มีบางส่วนที่ยังยืนตกลงกันเรื่องไปต่ออยู่บ้าง พวกเปรมอยู่ในกลุ่มนี้


“ไปดูหนังกันพวกมึง!” ไดนาไมต์ชวนเพื่อนระหว่างเช็ครอบหนัง “กูอยากดูเรื่องนี้มานานละ ไอ้ห่า เข้าสักที”


“กูต้องไปบ้านเท็นว่ะ” เปรมตอบเสียงค่อย เด็กหนุ่มผมสีชมพูทำหน้าเหมือนเพิ่งนึกได้ “เออว่ะ วันนี้วันศุกร์นี่หว่า...โหยไรวะ ไอ้สามอะ?”


เจ้าของชื่อมองสายตาคู่หูที่จ้องมาอย่างคาดหวังแล้วถอนหายใจ


“...ไปก็ไป”


“เย่!” ไดนาไมต์กระโดดกอดคอเพื่อนตัวสูงอย่างอารมณ์ดี สามสีไม่เคยขัดใจเขาอยู่แล้ว


“โทษทีนะพวกมึง” เปรมพูดขณะสะพายกระเป๋า ก่อนจะโดนเพื่อนผมสีชมพูหันมาชี้หน้าคาดโทษ “ครั้งหน้าเลี้ยงฮันนี่โทสต์พวกกูเลย มึงเบี้ยว”


“เออๆ ไอ้สัด เจอกันเว้ย” พ่อครัวโบกมือแล้ววิ่งออกมา แว่วเสียงบอกลาจากเพื่อนด้านหลังดังให้ได้ยิน


ลมหนาวยามเย็นโชยมาพาใบไม้ค้างต้นให้ร่วงโรย เปมทัตหยุดเท้าหน้าตึกรวมแลป เป็นจังหวะที่เบนซ์สี่ประตูคันหรูคุ้นตาแล่นมาจอดเทียบท่าพอดี


“ออกัส!” พ่อครัวเปิดประตูรถแล้วยิ้มให้เลขาหนุ่ม


“สวัสดีครับคุณเปรม” ออกัสค้อมหัวให้อย่างสุภาพ รอจนเด็กหนุ่มปิดประตูเรียบร้อยดีแล้วจึงออกรถ


“เรียนวันนี้เป็นยังไงบ้างครับ” เลขาคนเก่งเอ่ยปากถามอย่างทุกที เปมทัตตอบด้วยใบหน้าอิดโรย “อา น่าเบื่อมากเลยล่ะ”


หนุ่มลูกครึ่งมองกระจกมองหลัง พูดว่า “วันนี้ที่คฤหาสน์อาจจะยุ่งๆ สักหน่อยนะครับ”


“เอ๊ะ ทำไมล่ะ?” เปรมหันไปมอง สารถีหนุ่มตอบเสียงทุ้ม “วันนี้นายท่านมีแขกมาร่วมรับประทานอาหารเย็นด้วยน่ะครับ” เพิ่มเติมว่า “เท็นเองก็กลับไปเตรียมตัวก่อนแล้ว”


“เท็นไม่เห็นบอกอะไรเลย?” พ่อครัวขมวดคิ้ว “แล้วแบบนี้ฉันจะไปทำไม...”


“หมอนั่นอยากเจอคุณเปรมครับเลยไม่ยอมบอก” ออกัสได้ทีฟ้อง เปมทัตมุมปากกระตุกหงึก


ไอ้เด็กโข่งเอ๊ย...         


ใช้เวลาไม่นานเบนซ์สี่ประตูคันหรูก็เคลื่อนตัวมาถึงที่หมาย คฤหาสน์เกียรติยวานนท์ยามเย็นประดับด้วยไฟกระพริบหัวไม้ขีดหลากสี โคมไฟตามทางเดินส่องแสงสีส้มนวลตา สร้างบรรยากาศให้ดูพิเศษกว่าที่เคย


ภายในโถงใหญ่เกิดเสียงอึกทึก เปรมก้าวเข้ามา รอบตัวเต็มไปด้วยเหล่าพ่อบ้านที่กำลังเตรียมงานต้อนรับกันอย่างวุ่นวาย
ตอนนั้นเองที่แม่บ้านร่างท้วมวิ่งผ่านมา


“คะ...คุณเปรม ยินดีต้อนรับนะคะ!” มาเรียหยุดเท้าแล้วเอ่ยปนหอบ ในมือถือจานกระเบื้องที่ซ้อนกันจนสูงท่วมหัวและโย้ไปมาอย่างน่าหวาดเสียว


เปมทัตฉวยครึ่งบนออกมาถือไว้ให้ พูดว่า “ผมช่วยครับ”


“ว้ายไม่เป็นไรค่ะ! เดี๋ยวมาเรีย...”


“นำทางไปได้เลยครับ” เปรมตัดบท แม่บ้านร่างท้วมไม่มีทางเลือกจึงพยักหน้าให้ “ขอบคุณคุณเปรมมากนะคะ ตามมาเรียมาเลยค่ะ!”


พ่อครัวหันไปสบตาเลขาคนเก่ง “งั้นฉันไปก่อนนะ”


“...ครับ” ออกัสมองเด็กหนุ่มเดินตามมาเรียไปด้วยแววตาเหมือนปลาตาย ขืนให้เท็นรู้ว่าเขาปล่อยคุณเปรมไปช่วยงานพวกพ่อบ้านแบบนี้ มีหวังเลขาหนุ่มได้โดนฉีกอกแหงๆ...


แต่หนุ่มลูกครึ่งเองก็มีเอกสารที่ต้องจัดการเหมือนกัน ออกัสเดินขึ้นบันไดมายังห้องทำงาน ตอนนั้นเองที่ประตูห้องแต่งตัวซึ่งอยู่ถัดไปอีกสองบานเปิดดังผัวะ!


เลขาหนุ่มสะดุ้ง หลังประตูคือว่าที่คุณหมอในเชิ้ตสีขาวที่ยังไม่ได้สวมสูทดี


“ออกัส!”


เจ้าของชื่อหันไปมอง ด้านหลังเด็กโข่งปรากฏร่างช่างตัดเสื้อที่เลขาหนุ่มเป็นคนติดต่อมา พวกเธอวิ่งถือสูทกับเครื่องแต่งกายอื่นๆ ไล่ตามร่างสูงด้วยใบหน้าอาบเหงื่อ


“โอ๊ยนายน้อยคะใส่สูทก่อนค่ะ!”


“กุ๊กล่ะ...”


“นายน้อยคะเนคไทอยู่ตรงนี้!”


“กุ๊กอยู่ไหน?”


ออกัสมองสองสาวที่พยายามกอดแข้งกอดขาเพื่อเหนี่ยวรั้งนายน้อยแห่งคฤหาสน์ไว้อย่างสุดความสามารถด้วยแววตาเห็นใจ ก่อนจะตอบว่า “ในครัว...”


“กุ๊ก!!”


สิ้นคำก็วิ่งลงบันไดไปทั้งอย่างนั้น ออกัสหรี่ตา


อา ลืมไปเลยแฮะ...


เขาจะถูกฉีกอกได้ยังไง ในเมื่อแค่ได้ยินชื่อพ่อครัวหมอนั่นก็วิ่งโร่ไปแบบไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหนแล้วแบบนั้น


ประจวบเหมาะกับช่างตัดเสื้ออีกคนที่วิ่งออกจากห้องมา


“นายน้อยกลับมาใส่ถุงเท้าก๊อนนนนนน!!”




เปรมเดินออกมาจากห้องครัวใหญ่ที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอาหาร หลังขนจานกระเบื้องตามมาเรียมาแล้วเด็กหนุ่มก็ช่วยจัดการปัญหาในครัวไปอีกหลายกระบวนความ ไม่ว่าจะเป็นแก้หัวปลีดำ ย่างเนื้อพอร์คชอปหรือเฉาะมะพร้าวทึนทึกเพื่อทำกะทิ จนอาหารทั้งหมดอยู่ในขั้นตอนที่พวกพ่อบ้านควบคุมได้แล้วนั่นแหละ พ่อครัวถึงขอสละลำด้วยใบหน้าอิดโรย


ตอนนั้นเองที่เกิดเสียงอึกทึกขึ้นด้านหลัง เปรมหันไปมองแล้วเบิกตาโพล่ง


“กุ๊ก!”


เท็นกำลังวิ่งมาหา


“นายน้อยค้าาาาา!!”


แถมยังโดนผู้หญิงไล่ตามมาอีกตั้งสามคน!


“...”


เปมทัตเข้าใจเรื่องทุกอย่างทันที เขาหันไปเผชิญหน้า ก่อนจะยกมือห้ามพร้อมส่งเสียงเหมือนครูฝึกสิงโตในคณะละครสัตว์


“เท็น! ซิท!”


กึก!


ร่างสูงหยุดเท้าแล้วยืนตัวตรงทันที ส่งให้สามสาวที่วิ่งมาสุดแรงเกิดเบรกไม่ทันจนหน้ากระแทกหลังกว้างแล้วล้มหงายท้องไปแบบโดมิโน่


เท็นเดินเข้ามาช้าๆ กางแขนด้วยดวงตาเป็นประกาย “กุ๊ก กอด...”


“ไม่”


ทว่าเปรมกอดอกแล้วถอยออกมา เท็นหยุดเท้าพร้อมขมวดคิ้ว


“ทำไม?”


“นายต้องไปรับแขก ฉันตัวเหม็น ยังกอดกันไม่ได้”


“ได้ไง!” เท็นส่งเสียงไม่พอใจ เปรมมองสามสาวด้านหลังที่ช่วยกันดึงมือเพื่อยืนขึ้นมาอย่างนับถือ เขาสบตาเด็กโข่ง พูดเสียงดุ “แต่งตัวให้เรียบร้อย”


“ไม่!”


“เดี๋ยวนี้” เปรมจ้องหน้าร่างสูง


“กอดกันก่อน” ทศทิศใช้ลูกอ้อน พ่อครัวหน้ากระตุก “ไม้นี้ใช้กับฉันไม่ได้แล้ว...เฮ้ย! จะทำอะไร!”


เปมทัตร้องลั่นตอนด็กโข่งถอดเสื้อเชิ้ตโยนไปด้านหลัง เผยให้เห็นกล้ามท้องสีซีดเป็นลอนสวย โดยพร้อมกัน...หนึ่งในสามสาวก็กระโดดรับเชิ้ตตัวนั้นไว้ได้ทันท่วงที


“กรี๊ดดดด! นายน้อยยย! เชิ้ตตัวนี้ไม่ใช่ราคาถูกๆ นะค้าาา!”


“เท็น ทำไม...เหวอ!” เปรมตัวลอยเมื่อโดนนายน้อยปราดเข้ามาอุ้มขึ้นพาดบ่า ก่อนร่างสูงจะสับขาวิ่งออกมานอกคฤหาสน์ พ่อครัวทุบหลังกว้างดังอัก


“เท็น! นายต้องไปรับแขกนะ!”


เด็กโข่งไม่ตอบแต่เพิ่มความเร็วขึ้น เปมทัตกุมขมับอย่างจนปัญญากึ่งเวียนหัว รู้ตัวอีกทีก็ถูกพามาที่มุมหนึ่งของสวนแล้ว เท็นวางพ่อครัวลงบนพื้น


“นายนี่มัน!” ยังไม่ทันได้อ้าปากด่าคนตัวเล็กก็ถูกอีกฝ่ายคว้าไปไว้ในอ้อมกอด


หมับ


“เราแค่คิดถึงกุ๊กเท่านั้นเอง...”


ทศทิศซุกหน้ากับไหล่ลาดของพ่อครัวอย่างออดอ้อน


“อย่าดุเราเลยนะ”


“...”


นายเปรมหน้าร้อนแทบไหม้ เขาซุกหน้าลงกับอกกว้าง อธิบายเสียงอู้อี้ “แต่ฉันตัวเหม็น นายไม่ควร...”


“กุ๊กตัวหอม” จมูกโด่งสันกดลงสูดกลิ่นจากเส้นผมสีปีกกาคล้ายต้องการพิสูจน์ให้เห็น พ่อครัวหลับตาปี๋ หูแดงเถือก “แม่โว้ย...ไม่รู้เรื่องด้วยแล้ว!”


เท็นจูบใบหูเล็กนั่นอย่างรักใคร่ “คืนนี้ค้างนี่นะ”


“...อือ” เปรมอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี ร่างสูงพูดอีก “กุ๊กไปรอที่ห้องก่อน เดี๋ยวคุยธุระเสร็จเราตามขึ้นไปนะ”


“ฉะ ฉันรอข้างล่างนี่แหละ...” เปมทัตหาเสียงตัวเองเจอแล้ว แต่ก็ยังไม่รู้จะเอาหน้าไปวางไว้ตรงไหนอยู่ดี “จะได้ขึ้นพร้อมกัน...”


“เข้าใจแล้ว” เท็นจุดยิ้มอบอุ่น ก่อนจะก้มลงกระซิบข้างหูพ่อครัว


“คิดถึงนะ”


เปรมก้มหน้างุด ตอบอ้อมแอ้ม


“อะ...อืม”


ตอนนั้นเองที่นิ้วยาวเชยคางเล็กขึ้นช้าๆ ก่อนนายน้อยจะแนบริมฝีปากลงมาอย่างนุ่มนวล


จุ๊บ...


“หน่ายนร้อยยยยยยยยย!!”


เปรมรีบผละออกจากเท็นโดยอัตโนมัติ ตามด้วยสามสาวที่วิ่งมาล้อมหน้าล้อมหลังร่างสูง คนหนึ่งโอดครวญ “โอ๊ยอกอีแป้นจะระเบิด แขกก็จะมาแล้ว นายน้อยพอจะมีเวลาว่างสัก 2-3 นาทีไหมคะ...”


“เพียงนายน้อยยืนเฉยๆ เท่านั้น! แจกกันเลยตรงนี้! เสื้อเชิ้ตหนึ่งตัวค่ะ!” อีกคนชูเชิ้ตขึ้นเหนือหัวด้วยใบหน้าอาบเหงื่อ ในขณะที่คนสุดท้ายลงไปกอดขาร่างสูงทั้งน้ำตา “แถมถุงเท้าให้ด้วยนะคะ...”


เท็นขมวดคิ้ว “เราจะกอดกุ๊ก”


“อิไล้!!” พวกเธอเหลือกตาทำหน้าเหมือนประสาทจะกิน เปรมมองภาพนั้น ตัดสินใจพูดว่า “เท็น แต่งตัวซะ”


“ทำไมล่ะ?”


“ฉันก็ให้นายกอดแล้วนี่ ทำแบบนี้พวกเขาเดือดร้อนนะ” เหล่าช่างตัดเสื้อหันมามองพ่อครัวอย่างมีความหวัง ทศทิศฟังแล้วนิ่งไป เสนอว่า


“หอมเราก่อน”


“หา?”


“ถ้ากุ๊กหอม...เรายอมก็ได้” เท็นสบตากับคนตัวเล็ก ฝ่ายหลังแก้มร้อนจนขึ้นสี ก่อนจะรู้สึกได้ถึงสายตาทิ่มแทงจากสามสาวที่พร้อมใจกันตบมือเว้นจังหวะพลางพูดเสียงโมโนโทนว่า “หอมเลย! หอมเลย!”


ไม่ใช่งานแต่ง!


ถึงตรงนี้ใบหน้าหล่อเหลาก็โน้มลงมาหา เปรมยืนมองอย่างชั่งใจ สุดท้ายก็รวบรวมความกล้ายื่นหน้าเข้าไปกดจมูกลงบนแก้มสีซีดดังฟอด!


“ตะ...แต่งตัวเถอะนะ” พ่อครัวพูดเสียงสั่น แข้งขาก็พากันจะอ่อน โดยไม่ทันตั้งตัวนายเปรมก็ถูกเด็กโข่งยื่นหน้าเข้ามาขโมยหอมแก้มไปยิ้มๆ สบตาแล้วพูดว่า


“หอมมาหอมกลับ...ไม่โกงครับ”




กลับเข้ามาด้านใน โถงใหญ่ตอนนี้ถูกเนรมิตกลายเป็นห้องอาหารด้วยโต๊ะยาวสุดหรูที่ตั้งอยู่กลางห้องพร้อมเก้าอี้เข้าชุด เจ้าบ้านสวมสูทสีน้ำเงินประจำหัวโต๊ะ ส่วนลูกชายในสูทสีฟ้าอ่อนนั่งอยู่ทางซ้ายมือของเขา


ตรงข้ามนายน้อยเป็นชายวัยกลางคนรูปร่างสูงโปร่ง เขามีเส้นผมสีดำสนิทตัดกับผิวกายขาว ดวงตาเล็กตี่ตามแบบฉบับลูกคนจีนคู่นั้นพราวระยับ 


ขวามือของอาคันตุกะคนสำคัญคือเด็กสาวรูปร่างผอมบางในชุดเดรสสีชมพูอ่อน ผิวกายเธอขาวละเอียดเหมือนบิดา ใบหน้าน่ารักจิ้มลิ้ม ดวงตากลมโตทอประกายแบบเด็กฉลาด
   

“ปิยะ นี่ลูกชายฉัน...เท็น” เจ้าบ้านเปิดปากก่อนเริ่มมื้ออาหาร ก่อนจะหันไปทางลูกชาย “เท็น นี่ปิยะ...เพื่อนเก่าของพ่อ และน้องเดียร์...ลูกสาวของปิยะ”


“สวัสดีครับ” เท็นทักทายด้วยท่าทีสุภาพ ปิยะจ้องลูกชายเพื่อนตาโต


“โห! ทำไมหน้าเหมือนแปดเด๊ะเลยอะ!”


“...ก็ลูกฉัน” คนหัวโต๊ะตอบเหนื่อยๆ ชายเชื้อจีนหัวเราะ ก่อนจะชวนเด็กหนุ่มคุยอย่างอารมณ์ดี “เท็นเรียนอยู่ปีไหนแล้วเนี่ย”


“ปีหนึ่งครับ” ทศทิศตอบ ปิยะหันไปมองหน้าลูกสาว “เห...ก็เป็นพี่น้องเดียร์หนึ่งปีน่ะสิ น้องเดียร์อยู่ม.หก” ก่อนจะยกยิ้มเจ้าเล่ห์


“แล้วเท็นมีแฟนรึยังล่ะ?”


“ผม...”


“น้องเดียร์ยังไม่มีแฟนเลยนะ”


“คุณพ่อ!” เด็กสาวค้อนขวับ เธอมองพ่อหัวเราะร่วนอย่างเหนื่อยใจ ก่อนจะหันไปค้อมหัวให้นายน้อย “อย่าถือสาพ่อของฉันเลยนะคะ แกชอบพูดอะไรเรื่อยเปื่อยแบบนี้แหละค่ะ”


ปิยะส่งเสียง “ทำไมล่ะ ลูกสาวของพ่อน่ารักขนาดนี้!”


“นายมีลูกสองคนนี่ แล้วคนโตล่ะ” หมอแปดถามขณะเริ่มรับประทานอาหาร ปิยะหั่นเนื้อเข้าปากบ้าง เขาถอนหายใจ “หมอนั่นมันหนุ่มฟ้อหล่อเฟี้ยว เที่ยวหญิงเป็นว่าเล่น”


“เหมือนนายตอนหนุ่ม”


“เห่...” ดวงตาตี่หรี่มองคนหัวโต๊ะ ยกนิ้วทำจุ๊ๆ “ฉันเลิกนิสัยนั้นแล้วน่า อย่าทำให้ครอบครัวร้าวฉานสิ” ก่อนจะพูดยิ้มๆ “ว่าแต่นายชื่อแปดแล้วก็ตั้งชื่อลูกว่าเท็นเหรอเนี่ย...น่ารักจัง”


ร่างใหญ่หัวเราะในลำคอ “ก็เหมือนนายนั่นแหละ”


“แน่น้อน!” ปิยะยกยิ้มอย่างภาคภูมิ


“ทำไมเหรอครับ” เท็นเอ่ยถาม ชายเชื้อจีนอธิบายว่า “ชื่อของฉันแปลว่า ‘เป็นที่รัก’ น่ะ ฉันก็เลยตั้งชื่อลูกๆ ของฉันให้เป็นแบบเดียวกัน อย่างเดียร์ก็แปลว่าเป็นที่รักนะ!”


ทศทิศกระพริบตา “แล้วคนโต...”


“อา ชื่อคนโตก็แปลว่าเป็นที่รักเหมือนกัน แต่คนละเรื่องกับน้องเดียร์เลยล่ะ” ปิยะทำหน้าเหนื่อย “คนโตของฉันอยู่ปีเดียวกับเท็นเลย แต่ไม่ใช่มหาลัยเดียวกับนายหรอกนะ”


มุมปากลูกคนจีนกระตุกยิ้ม “ถ้าอยากเจอคราวหน้าจะพามานะ”


“...ไม่รบกวนดีกว่าครับ” ฟังจากกิตติศัพท์แล้วเท็นก็ตอบได้แค่นี้ ปิยะหัวเราะลั่น “ให้ตาย! นายนี่เหมือนแปดไม่มีผิด!” แล้วพูดว่า


“ฉันชักจะชอบซะแล้วสิ แต่งงานกับลูกสาวฉันไหม?”


“แค่ก!”


เดียร์ถึงกับสำลัก เธอค้อนพ่อจนตาเหลือก “คุณพ่อ!”


“ฉันพูดจริงนะ”


ปิยะสบตากับเด็กหนุ่ม “นายหน่วยก้านดีเหมาะสมกับลูกสาวของฉัน ว่าไงล่ะแปด?” เขาหันไปทางเจ้าบ้าน บอกว่า “น้องเดียร์น่ารักมากนะ บอกก่อนถ้าไม่ใช่ลูกนายฉันไม่ยอมเสนอให้แบบนี้หรอกนะเฟ้ย!”


“...งั้นเหรอ”


“ทำไมตอบแค่นั้นเล่า!” ปิยะกระดกไวน์ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องแล้วชวนคุยสัพเพเหระไปเรื่อย ไม่นานก็เข้าธุระสำคัญที่ทำให้ต้องเดินทางมาถึงนี่


เจ้าบ้านมองลูกสาวเพื่อนที่นั่งก้มหน้าโดยมีพ่อพูดเรื่องธุรกิจไม่หยุดอยู่ข้างๆ เขาลอบแตะศอกลูกชาย


“...” เท็นหันมามอง หมอแปดบุ้ยหน้าไปทางเด็กสาว ลูกชายมองตาม เข้าใจความหมายทันที


ทศทิศลุกขึ้นช้าๆ ปิยะหยุดพูดแล้วหันมามองเด็กหนุ่ม ตอนนั้นเองที่นายน้อยเดินเข้าไปหาเด็กสาว ยื่นมือให้เธอพร้อมรอยยิ้มอบอุ่น


“นั่งเฉยๆ คงเบื่อแย่ ไปเดินเล่นกันไหม?”


ปิยะตาโต ก่อนจะพรวดไปเขย่าไหล่เจ้าบ้านอย่างตื่นเต้น “โหยแปด! ลูกชายนายเท่สุดยอดไปเลยอ้ะ!”


“...” หมอแปดพยักหน้าแกนๆ ในขณะที่เดียร์กระพริบตาปริบๆ


“เอ่อ...ค่ะ” เธอจับมือกับอีกฝ่ายแล้วยืนขึ้น


“พวกเราขอตัวก่อนนะครับ” เท็นโค้งให้ผู้ใหญ่สองคนอย่างสุภาพ ก่อนจะจูงมือเด็กสาวออกไป


“โอ๊ยยยยยยยย งานดีอยากด้ายยยยยย” ปิยะเอี้ยวตัวไปกอดแขนเพื่อนแล้วร้องอย่างตื้นตัน ข้างขมับของหมอแปดปูดโปน รอจนพวกเด็กๆ ออกไปถึงได้กล้าเขกหัวอีกฝ่าย แล้วตะคอกว่า


“เข้าเรื่องสักทีไอ้บ้านี่!”




สวนหย่อมของคฤหาสน์เกียรติยวานนท์ถูกตกแต่งด้วยโคมไฟสีส้มนวลตา ร่างสูงกับเด็กสาวก้าวคู่กันไปตามทางเดิน ลมเย็นพัดมาทำให้อากาศยามค่ำคืนเย็นสบาย


ทศทิศมองคนตัวเล็กที่เดินตัวแข็ง บอกว่า “ไม่ต้องเกร็งขนาดนั้นก็ได้”


“...” เดียร์เหลือบมองเขาแวบหนึ่ง สุดท้ายก็ถอนหายใจออกมาดังเฮือกจนเท็นหลุดหัวเราะ


“เพราะพี่ชายค่อนข้างเกเรฉันเลยต้องมาออกงานกับคุณพ่อแทนบ่อยๆ น่ะค่ะ” เด็กสาวยิ้มแหย “แถมยังต้องรักษาภาพพจน์มากๆ จนฉันแทบไม่เป็นตัวของตัวเองเลย”


ร่างสูงผงกหัวอย่างเข้าใจ “ผมก็เหมือนกัน”


“พี่เท็นไม่เหมือนฉันแน่ค่ะ” ลูกสาวปิยะพูดยิ้มๆ คนฟังกระพริบตา “คือว่า...ตัวจริงของผมเองก็ไม่ใช่แบบที่คนอื่นเห็นเหมือนกัน”


“เอ๊ะ จริงเหรอเนี่ย?” เดียร์มองตาโต “ใครๆ ก็พูดกันว่าพี่เท็นเป็นสุภาพบุรุษและเพอร์เฟ็กต์ ตอนที่เห็นครั้งแรกฉันเองก็คิดแบบนั้นค่ะ!”


“ไม่มีใครเพอร์เฟ็กต์หรอกครับ” นายน้อยเผยยิ้ม เด็กสาวพยักหน้าเข้าใจ “โอเค งั้นเราเหมือนกันก็ได้ค่ะ”


“พี่ชายไม่ชอบเข้าสังคมเหรอครับ” เท็นพาน้องมานั่งเก้าอี้ยาวสีขาวซึ่งตั้งประดับไว้ เดียร์นั่งลง เธอพูดพลางออกไม้ออกมือตามประสาเด็กวัยรุ่น “เรียกว่าสังคมคนละแบบดีกว่าค่ะ พี่ชายฉันเขาเป็นเสือผู้หญิง”


“แบบนี้นี่เอง” เท็นเข้าใจแล้ว เด็กสาวสั่นหัวขำๆ เมื่อนึกถึงหน้าพี่ชาย “แต่ถึงแบบนั้นเขาก็หวงฉันมากเลยนะคะ ทำตัวย้อนแย้งจริงๆ”


“ถ้าผมมีน้องสาวแบบเดียร์ผมก็คงจะหวงมากเหมือนกัน” ทศทิศบอกตรงๆ คนฟังนิ่งไป ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมา “พี่เท็นเนี่ย...พูดเรื่องแบบนี้ได้เป็นธรรมชาติจังเลยนะคะ”


‘นายเนี่ย...พูดเรื่องน่าอายได้หน้าตาเฉยเลยนะ’


เท็นยิ้มออกมา “ครับ มีคนเคยบอกแบบนี้เหมือนกัน” 


“...” เดียร์ตาเป็นประกาย โพล่งว่า “พี่เท็นยิ้มแบบเมื่อกี้อีกทีได้ไหมคะ!”


“...แบบไหน?” เท็นเอียงคอ เด็กสาวลูบคางอย่างครุ่นคิด “ขอโทษนะคะ...” เธอยื่นมือเข้าไปจับแก้มคนตัวใหญ่ให้ยกขึ้น พยายามให้ได้องศาแบบเมื่อครู่ แต่สุดท้ายก็ได้หน้าแปลกๆ กลับมา


“ฮ่าๆๆ ขอโทษค่ะ แต่ฉันชอบรอยยิ้มเมื่อกี้มากเลย แต่ดูเหมือนจะออกมาแค่ตอนไม่ได้ตั้งใจสินะคะ” คนตัวเล็กหัวเราะเสียงใส เท็นกระพริบตา “ขอโทษด้วยนะ...”


เดียร์ยิ้มกว้าง “พี่เท็นน่ารักจัง”


ตอนนั้นเองที่ด้านข้างปรากฏร่างชายสวมทักซิโด้สีดำสองคน ในมือพวกเขาถือไวโอลินเอาไว้ หนึ่งในนั้นบอกว่า “พวกเราได้รับคำสั่งจากคุณปิยะให้มาบรรเลงไวโอลินให้พวกคุณฟังครับ”


นายน้อยเหลือบมองหน้าต่างบานใกล้ที่สุดโดยอัตโนมัติ ดวงตายาวรีสะท้อนภาพสองชายวัยกลางคนที่กำลังจ้องมา ปิยะยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างครึ้มใจ ในขณะที่หมอแปดพยักหน้าเป็นเชิงให้ตามน้ำ


“อะไรเนี่ย คุณพ่ออีกแล้วเหรอ” เดียร์ขมวดคิ้ว กำลังจะลุกไปจัดการ ทว่ากลับโดนร่างสูงคว้าแขนเอาไว้


“เอ๊ะ?”


“...เต้นรำกันไหม?” ริมฝีปากเหยียดตรงขยับเอื้อนเอ่ย เด็กสาวกระพริบตา “เอ่อ ถ้าพี่เท็นไม่อยาก...”


พอดีกับที่ปิยะดีดนิ้วส่งสัญญาณ พลันนักดนตรีทั้งสองก็พร้อมใจกันยกไวโอลินขึ้นมาสีโดยอัตโนมัติ เท็นส่งมือให้น้องด้วยรอยยิ้มอบอุ่น


“เต้นรำกันสักเพลงนะ”


เดียร์มองมือหนา ดวงตากลมโตทอประกายวูบ เธอวางมือเล็กลงไป เงยหน้าสบตาอีกฝ่าย


“ค่ะ”


ท่วงทำนองถูกบรรเลงขึ้นแล้ว คู่เต้นรำชายหญิงประสานมือกันก่อนจะขยับตัวไปตามจังหวะ ท่ามกลางแสงจันทร์และเกล็ดดาวอันพร่างพราวอยู่บนผืนฟ้า ที่งดงามราวกับภาพวาดในหนังสือนิทานสมัยเด็ก


การเคลื่อนไหวของร่างสูงในชุดสูทกับเด็กสาวในชุดเดรสช่างอ่อนวาน ไม่ต่างไปจากเจ้าชายกับเจ้าหญิงที่กำลังเต้นรำท่ามกลางบทเพลงอันแว่วหวานยามค่ำคืน


เท็นสบตากับเด็กสาว ในลูกแก้วกลมโตสีอ่อนนั้นทอประกายอะไรบางอย่าง...บางอย่างที่เขาไม่เข้าใจ


แต่ก็อดยอมรับไม่ได้ว่ามันช่างน่าค้นหามากเหลือเกิน...




“...”


ไกลออกมา เปมทัตยืนมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกหลากหลาย


ไม่ได้ตั้งใจจะสอดรู้สอดเห็น...เขาแค่บังเอิญนั่งรอเท็นอยู่แถวทางเข้าคฤหาสน์ พอเห็นร่างสูงเดินจูงมือเด็กสาวออกไปแล้วก็เลยอดตามมาดูไม่ได้


เปรมคิดมาตลอดว่าเขาจะปกป้องเท็น


...


แต่จากสีหน้าและน้ำเสียงที่คุยกับเจ้าบ้านวันนี้ดูท่าเขาคงไม่มีอะไรต้องห่วงอีกแล้ว...


‘พี่เท็นน่ารักจัง’


ดวงตาสีนิลจับจ้องภาพชายหญิงสองคนที่กำลังเต้นรำอยู่กลางสวนหย่อมอีกครั้ง


“...”


อดยอมรับไม่ได้ว่าเจ็บเหมือนกัน...


‘ฉันชักจะชอบซะแล้วสิ แต่งงานกับลูกสาวฉันไหม?”’


ได้ยินว่าพ่อของเด็กสาวก็อยากได้เท็นเป็นลูกเขยด้วย


‘ผม...’


เอาเถอะ...


“...”


แค่ภาพตรงหน้ามันก็เป็นคำตอบได้ชัดเจนอยู่แล้ว



เวลาสามทุ่มครึ่ง เปมทัตสะพายกระเป๋าแล้วมองร่างสูงเป็นครั้งสุดท้าย


“...”


ก่อนจะหันหลังเดินจากไปอย่างเงียบเชียบ...



****************************************************** *


สวัสดีค่าาาาา า
 :katai4:
ไอ่ แอม คั้มแบ้กกกกกกกกกก ก !
/meวิ่งหลบหม้อถังกะละมังไห

กรี๊ดดดดด ด ข่าวคราวเงียบหายไปเกือบสามเดือนนน น
ช่วงนั้นจูนสอบค่ะ ทุกอย่างรุมเร้ามาก งานก็เยอะท่วมหัว ..
เอาต้วแทบไม่รอดเลยค่ะ 555555555 5
ขอโทษที่มาลงช้าจริง ๆ นะคะะะ ะ
/ก้มกราบแบบเดอะเฟซ

วันนี้มาเพราะใจอยากลงตอนนี้ก่อนปีใหม่ค่ะ
แล้วก็ทำสำเร็จด้วย ! โอ๊ย ที่ดี 555555 5
อีกเรื่องที่อยากอวด จูนไม่เอฟอิ๊งค์แหละค่ะ !
โหย มันดีมาก ไม่ใช่ดีธรรมดา ดีบวกด้วย 5555555 5
ถือเป็นเรื่องราวดี ๆ รับปีใหม่จริง ๆ ค่ะ

พอละเดี๋ยวยาว เรามาขายของกันดีกว่า 555555 5
เพจเฟซบุ๊กของจูนเองค่ะ
iJune4S
ไม่ต้องตกใจที่ยังไม่เห็นจูนลงอะไรนะคะ
มีความเคลื่อนไหวเดียวตั้งแต่เปิดมาคือเปลี่ยนรูปโปรค่ะ 555555 5
ไปติดตามกันได้น้า จูนเตรียมเรื่องสั้นเอาไว้ลงเยอะแยะเลย

แล้วก็ ใครว่าง ๆ ไปเล่นแท็ก #เสื้อกาวน์รุกเสื้อกุ๊กรับ ในทวิตเตอร์ได้นะคะ

สุดท้าย อันนี้ทางการสุด
.. ไม่หรอกค่ะ จูนพูดเล่น 5555555 5

ขอบคุณทุกคนที่ยังติดตามนิยายเรื่องนี้นะคะ
จูนไม่มีคำพูดอื่นจะให้จริง ๆ ค่ะ ขอบคุณสำหรับการรอคอยมาก ๆ
รวมถึงการทวงที่น่ารักและน่าเอ็นดูของคนอ่านด้วย 5555555 5
มาเป็นกลอนบ้าง มาบ่นบ้าง จูนอ่านแล้วหัวเราะออกมาเลยค่ะ
ขอบคุณทุกคนที่สนใจและให้ความสำคัญกับนิยายบ้า ๆ บอ ๆ เรื่องนี้นะคะ
 
สุดท้าย (อีกสักที) สุขสันต์วันปีใหม่ล่วงหน้าค่ะ
ขอให้พักผ่อนอย่างปลอดภัยและสนุกสนานนะคะ

 :katai2-1:

แล้วเจอกันตอนที่ยี่สิบเก้าค่าาา า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-08-2016 20:24:43 โดย iJune4S »

ออฟไลน์ chaichan

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
 :a5: :a5: o22 o22 o22

ไหงงั้นอ่ะเท็น เปรมไปแล้วนะมัวแต่เต้นรำกับสาวอยู่ได้ :z3: :z3:
มาสบตาน่าค้นหาอะไรรรรรรรรรรร :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ bpyt

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1319
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
เง้อเท็นจะไปค้นหาใคร มีกุ๊กอยู่แล้วยังจะนะ

ออฟไลน์ fanglest

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
เท็นนนนน
ไม่ชอบแล้วทำไมหมือนไปให้ความหวังเค่าอย่างงั้นล่ะ หรือยังไม่อน่ใจว่าชอบกุ๊กจริงๆกันแน่
คู่อื่นๆเค้าก็เริ่มโอเคกันแล้วนะ แต่คู่หลัก กับคู่ทหารเสือนี่สิ ยังหน่วงๆกันอยู่เลย
มีแอบแฟนตาซีเล็กๆตอนเอื้อไปซื้อแหวนนะเนี้ย
ลูกชายคุณปิยะ เป็นใครกันนะ หรือจะ้ป็นตัวละครใหม่
อา ก็เข้าใจเท็นนะ แต่ว่าก็เข้าใจเปรมมากกว่าอยู่ดี
เฮ่อออ
ไปตามง้อเร็วเข้า เด็กโข่ง เปรมหนีไปแล้วน้าา
จะมีเฉลย เกี่ยวกับครอบครัวเอื้อมั้ยนะ
รอตอนต่อไปนะคะ
มาเร็วๆน้าาาา⊙﹏⊙

ออฟไลน์ dariakim

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ขอบคุณมากค่ะที่มาต่อ T^T
กราบงามๆ :hao5:
เราเพิ่งได้ติดตามเรื่องนี้เมื่อไม่นานนี้เอง แต่หลงมากกกกก
คนแต่งไฟติ้งนะคะ รีบๆมาต่ออีกน้าาา

ออฟไลน์ Nam-Ing

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เท็นนิสัย = = งั้นงอนนานๆเลยกุ๊ก :laugh: :laugh:

 บังอาจไปเต้นรำกับหญิงอื่น แง่งงงง  :m31: :fire: :angry2:

ไม่ก็เอาชายอื่นมาเย้ยมั่งเท็นจะได้รู้ว่ากุ๊กรู้สึกยังไง   o18 o18

ปล.อินจัดไปหน่อย อิอิ 

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ DE SaiKuNee

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3557
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-9

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
อ้าว ๆ เด็กยักษ์ทำงี้ได้ไง กุ๊กหนีไปแล้วเห็นไหม หรือว่าไม่สนใจกันแล้ว เชอะ

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
 :m16:เท็นทำให้น่องเปรมเสียใจ

ออฟไลน์ QXanth139

  • ♡동해 #Always13
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
กลับมาทั้งที ฉีกซองมาม่าให้เราต้มกินซะงั้น :mew2:

รอตอนยี่สิบเก้าอย่าใจจดใจจ่อเลย

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
เอ้า.....กุ๊กอย่าเพิ่งไป

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
ทำแบบนี้ระวังกุ๊กหนีนะ เท็น :hao4:

ออฟไลน์ cinnsin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ทำแบบนี้ระวังโดนใครแย่งเปรมไปได้ง่ายๆนะเท็น หึหึ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
สงสารเปรมเบาๆ ทำไมเท็นทำงี้อ่ะ :ling1:
โหยรอนานมากนึกว่าจะไม่มาต่อซะละ  5555

ออฟไลน์ Min*Jee

  • เอวรี่ติงจิงกะเบล
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-5
เปิดมาแบบคาเฟ่ แต่ไหงลงท้ายด้วยละครดราม่าล่ะคะะะะะ  :a5:
แต่ก็เอาเถอะ เราให้อภัย เพราะมาต่อยาวสะใจมากกกกกก
น่ารักที่สุดเลยยยยยยยย :hao7:
เรามาตั้งหม้อรอตอนต่อไปแล้วนะ
รวมเล่มเมื่อไหร่ อย่าลืมกระจาย เตรียมทุบไหล่ะนะ!!!!! :z2:

ออฟไลน์ bylakkhana

  • เสพติด Yaoi ผู้ชายได้กันคือความมันส์ที่ผู้หญิงไม่มีวันเข้าใจ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ดีใจที่กลับมา งื้อออออออออออออออออออออ แต่มาแล้วทิ้งมาม่าไว้เฉยเลยยยยยยยยยยยยยยยยยย คืออะไรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรร มาต่ออออออออออออออออออออออออออออออออ  :hao5: :katai1: :mew5:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Peung002

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 870
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
ก่อนอื่นคงต้อง "สวัสดีปีใหม่" ล่วงหน้าเหมือนกันค่ะ มีความสุขนะคะ

ตอนนี้อ่านไปอ่านมาสงสารกุ๊กอ่า อุตส่าห์ฝ่าฟันกันมาตั้งเยอะ ไหงต้องมาเห็นภาพบาดตาบาดใจเนี่ย  :ling1:  :ling3:

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2

ออฟไลน์ gasia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-5
เท็นยังจะค้นหาอะไรอี๊กกกกกกกกกกกกกกก
ไปเลยกุ๊กหนีไปเลยยยยยย

ออฟไลน์ minneemint

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1632
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0
เท็นนิสัยอะ
เปรมชอบแชงไปเลย

ออฟไลน์ k_keenny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1

ออฟไลน์ PaTtO

  • อาซามิซามะ.. ทาคาบะ4ever
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1638
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-3
กลับมาทั้งที เอามาม่าฝากอีก
เปรมอย่าเพิ่งคิดไปเอง ขอร้อง
เท็นสุภาพบุรุษมากไป นิสัยว่ะ เปรมไปแล้ว ไปตามเดี๋ยวนี้

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
กุ๊กหนีแล้ว ถ้าแขกกลับแล้วแต่เท็นไม่เจอกุ๊ก
ไม่บ้านแตกเหรอเนี่ยะ
แล้วหมอแปดกับเท็นเหมือนจะชินกับสถานการณ์จับคู่แบบนี้นะ เพราะอะไร????

ออฟไลน์ Gapompom

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 136
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
เอาแล้วไงละ เท็นทำอย่างงี้เดีนร์คิดไปไกลแน่ๆ
แต่ที่รู้ๆ เปรมคงเสียใจจากการกระทำของเท็นแล้วแหละ

แล้วกว่าจะมาต่อต้องรอไปอีกนานเท่าไรละนั้น
 :mew5: :mew5: :mew5:

ออฟไลน์ Wtftt

  • โอกาสก็เหมือนไอติมถ้าไม่กินมันก็ละลาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
เด็กโข่งทำไมทำแบบนี้ ทิ้งกุ๊กไว้แบบนั้นเหรอ คือเราร้องไห้เลยอะ
น่าค้นหางั้นเหรอ
อยากได้เหตุผลของเท็น หรือน้องเดียร์เป็นสาววาย(คิดบวกเกิ๊น)
เดียร์เชิญเถอะ อย่ามาทำแบบนี้ ฮือออออ เท็นทำไมเป็นคนแบบนี้ นี่อ่านจบยังน้ำตาไหลอยู่
กุ๊กมาๆเรากอด เท็นถ้าไม่เคลียร์ก็อย่ามาอ้อนกุ๊ก เชอะ
มาต่อนะ นี่รอจ้า

ออฟไลน์ alt1991

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด