(ต่อ)
เปรมหันไปมองเมื่อประตูห้องครัวถูกเปิดออก เด็กโข่งก้าวนำเข้ามา พ่อครัวตาเป็นประกายเมื่อเห็นใครอีกคน
“ออกัส!”
“เราเจอหมอนี่ท้องร้องอยู่ตรงทางเดิน” เท็นรายงาน ออกัสหันไปค้อนขวับ
เปรมหัวเราะ “ยังมีพะโล้อยู่ เดี๋ยวอุ่นให้นะ”
“ระ...รบกวนด้วยครับ” ออกัสก้มหน้าพูดอ้อมแอ้ม ก่อนจะโดนเท็นบังคับให้นั่งรอเฉยๆ บนเก้าอี้ ในขณะที่เปรมเริ่มเปิดเตาแก๊สอุ่นแกงพะโล้ ระหว่างนั้นก็เริ่มเก็บล้างจานชามในอ่างไปด้วย
“ขอโทษที่มีแต่พะโล้นะ” เปรมส่งเสียง ออกัสสะดุ้ง ตอบตะกุกตะกัก “ข่ะ...แค่นั้นก็พอแล้วครับ!”
“ก็แบ่งฉู่ฉี่ส่วนของออกัสไว้แล้วนะ ดันมีแมวขโมยมากินไปนี่สิ” เปมทัตหรี่ตาพูด ตามด้วยร่างสูงที่เดินเข้ามากอดเขาจากด้านหลัง ส่งเสียงทุ้มว่า “ก็มันอร่อยนี่...”
“ให้ตายสิ” เปรมถอนหายใจก่อนจะล้างจานต่อไปเงียบๆ
ออกัสมองเด็กโข่งยืนกอดพ่อครัวอย่างออดอ้อนแล้วอดขำออกมาไม่ได้ เขาเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่รู้ว่าเท็นมีสองบุคลิก แม้จะทำหน้าที่เป็นเลขาส่วนตัวของนายท่านก็ตาม แต่ในสายตาเขาแล้วเจ้าหมีตัวโตนี่ก็ไม่ต่างอะไรจากน้องชายคนหนึ่ง
ไม่นานนักเท็นเดินถือชามพะโล้เข้ามาให้ ออกัสสูดกลิ่นแกงหอมฉุยอย่างน้ำลายสอ
“ออกัสเอาไข่เจียวไหม” เปรมส่งเสียงมาจากเคาน์เตอร์ ออกัสตอบว่า “เอ่อ...ไม่เป็นไรครับ เอาที่เหลือก็ได้...”
“กินคู่กันอร่อยนะ” เท็นบอก ออกัสลอบกลืนน้ำลาย จะว่าไปตอนเห็นพ่อครัวทอดไข่ก็น่ากินอยู่เหมือนกันนะ...
เปรมถือเอาความเงียบเป็นคำตอบ เขาลงมือตอกไข่ไก่เตรียมตีอีกรอบ ใช้เวลาครู่เดียวไข่เจียวสีเหลืองนุ่มฟูแบบกรอบนอกนุ่มในก็มาอยู่ตรงหน้าออกัส หนุ่มลูกครึ่งตักน้ำพะโล้เข้าปาก
“อร่อย...” เลขาคนเก่งร้องออกมา เขาตักอีกคำใส่ปาก คำแล้วคำเล่า...และเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนเปรมต้องห้ามยิ้มๆ “ใจเย็นๆ เดี๋ยวสำลักนะ”
“อร่อยมาก” หนุ่มลูกครึ่งชมเปาะ เปรมยิ้มกว้าง “ดีใจที่ชอบคร้าบ”
เท็นที่เห็นแบบนั้นก็ยื่นช้อนอีกคันเข้าไปกลางวงบ้าง ก่อนจะโดนเปรมตีแขนดังเพียะ
“นี่มันส่วนของออกัสนะ นายกินอิ่มแล้วไม่ใช่รึไง”
“แต่ออกัสกินน่าอร่อยนี่...” เท็นร้องเสียงอ้อน เปรมหรี่ตา “ไม่ได้ ส่วนของนายหมดแล้ว ฉันจะไปล้างจาน นายคอยตักข้าวให้ออกัสด้วย” พูดก็เดินกลับเข้าไปในเคาน์เตอร์
ล้างจานไปได้สักพักเปรมก็ได้ยินเสียงออกัสโวยวายมาจากด้านหลัง
“เฮ้ นั่นมันของฉันนะ!”
“ไม่ใช่สักหน่อย”
“เอาคืนมาเดี๋ยวนี้นะ! คุณเปรม ช่วยด้วย”
“อะไรกัน” เปรมหันกลับมามองหน้าออกัส ฝ่ายหลังชี้ไปทางร่างสูงแล้วฟ้องว่า “หมอนี่เอาไข่ของผมไป”
พ่อครัวหันไปทางเด็กโข่ง ถามว่า “นายเอาไข่ของเขาไปเหรอเท็น?”
เท็นหันมาทั้งแก้มที่บวมตุ่ย ตอบว่า
“...อ่าวอ๊ะ”
“เปล่านะอะไร เฮ้ย นี่อมเข้าไปทั้งลูกเลยเหรอ คายออกมาเดี๋ยวนี้นะ! เดี๋ยวก็ไหลลงคอไปหรอก!” เปรมตะโกนแล้วเดินเข้ามา เท็นส่ายหน้า พยายามเดินหนี ในขณะที่ออกัสคร่ำครวญด้วยใบหน้าจะร้องไห้
ตอนนั้นเองที่มาเรียแอบแง้มประตูห้องเพราะได้ยินเสียงโวยวาย แล้วภาพที่เห็นก็ทำให้เธอยิ้มออกมา
หลังเลิกเรียนวิชาแลปอาหารภาคบรรยายแล้วไฟก็มารับสามทหารเสือไปกินสเต็กตามที่ได้ตกลงกันไว้ ในเย็นวันศุกร์ผู้คนค่อนข้างพลุกพล่าน ทว่าภายในร้านก็ยังพอมีที่นั่งสำหรับพวกเขา
ครู่หนึ่งก็มีพนักงานสาวเดินมาแจกเมนูให้ด้วยรอยยิ้มเขิน เธอลอบมองหนุ่มผมแดงเป็นระยะ หมอยาสบตาเด็กสาว ยกยิ้มเจ้าเสน่ห์ให้เสียจนเธออายม้วน
“เอา...ปลาดอลลี่เพิ่มพอร์คชอปครับ” เปรมมองเมนูแล้วเปิดปากสั่ง
“...ค่า~” แว่วเสียงขานรับจากพนักงานสาวดังมาให้ได้ยิน
“ของผมเอาพอร์คชอปเพิ่มพอร์คชอป...” สามสีก้มอ่านรายการอาหารบ้าง
“...อือ~”
“แล้วก็เอาปลาดอลลี่เพิ่มสเต็กไก่ แล้วก็เพิ่มสปาเก็ตตี้คาโบนาร่าเบคอนด้วยครับ” ไดนาไมต์พูดตามรูปบนกระดาษเคลือบใสในมือ
“ฮือ...หล่อมากเลยอะค่า~”
สามทหารเสือเงยหน้าจากเมนูพร้อมกันโดยอัตโนมัติ ก่อนจะหันไปทางพนักงานสาวคนสวยที่กำลังยืนมองไฟด้วยสายตาหยาดเยิ้ม โดยฝ่ายหลังก็ยิ้มให้อย่างนึกเอ็นดูพร้อมพูดว่า
“ผมเอาพอร์คชอปเพิ่มพอร์คชอป แล้วก็มันบดด้วยนะครับ”
“เข้าใจแล้วค่า~” หญิงสาวขานรับตัวบิด เธอขยับปากกาวาดกระดาษรับออเดอร์ในมือเป็นรูปหัวใจก่อนจะเดินจากไปด้วยอาการเสียศูนย์
“เวร...” ไดนาไมต์ที่นั่งข้างหมอยาสบถพลางเหวี่ยงเมนูในมือทิ้งอย่างหมดอาลัยตายอยาก
“จะได้แดกมั้ยล่ะอะ” สามสีที่นั่งตรงข้ามหนุ่มผมสีชมพูบ่น เขากำรายการอาหารในมือสั่นริกๆ ตามด้วยเปรมที่พูดขึ้นด้วยใบหน้าสิ้นหวัง “ไอ้เหี้ย กูว่าเราสามคนได้โดนสั่งใหม่แน่เลย”
“อย่าว่าแต่พวกมึงเลย จำของกูไปรึยังก็ไม่รู้” ไฟผสมโรงหน้าจ๋อย สามทหารเสือหันขวับ ไดนาไมต์ยกเมนูในมือฟาดหัวคนผมแดงดังเพียะ ด่าว่า “อีเหี้ย แล้วก็ม่อไม่รู้เวล่ำเวลาเลยไอ้ฉิบหาย”
“ก็เด็กมันยั่วเลยหลวมตัวไปหน่อย...” ไฟลูบที่โดนตีป้อยๆ สุดท้ายก็พูดว่า “อะๆ มือนี้กูเลี้ยงเอง ไถ่โทษ...”
“เย่!” สามสีกับเปรมยกมือขึ้นพร้อมกัน ไดนาไมต์ลดเมนูในมือลงพลางยิ้มกริ่ม พูดว่า “ก็แค่เนี้ย”
“แหม ไม่ค่อยเลยนะพวกมึง” ไฟค่อนขอดกลั้วหัวเราะ คนผมสีชมพูยักคิ้ว ก่อนจะเปิดปากถามเพื่อนร่วมโต๊ะว่า “แล้วนี่กินเสร็จไปไหนกัน”
“คงกลับบ้านแหละ มึงจะไปไหนล่ะ” สามสีถาม ไดนาไมต์ทำหน้าครุ่นคิด “อยากไปต่ออ่ะ วันศุกร์ทั้งที”
“โทษทีว่ะ แต่เสร็จนี่กูต้องไปหอสมุด” ไฟแทรกขึ้น เปรมผิวปากหวือ “เนี่ย พี่ไฟเราฟิตจัดอะโหย...”
“นัดเด็กไว้” ไฟหัวเราะ
“ถุย” สามสียกเมนูฟาดหมอยาด้วยใบหน้าซังกะตาย ฝ่ายหลังโวยวาย “โอ๊ย ตีกูเป็นกลองยาวเลยไอ้เหี้ย”
“เออ พวกมึงรู้เรื่องที่ไอ้ตาลมันจะไปศัลยกรรมยัง” ไดนาไมต์ถามขึ้นอย่างเพิ่งนึกได้ เสริมว่า “มันเปิดโหวตอยู่ในเจอร์อะ ถ้าเห็นด้วยเลี้ยงฮันนี่โทสต์มัน ไม่เห็นด้วยเลี้ยงหมูกระทะ”
“ห่า เป็นการเปิดโหวตที่ไร้สาระและเห็นแก่แดกมาก” สามสีด่าเอือมๆ ไฟฟังแล้วอดถามไม่ได้ “ใครวะ?”
“เพื่อนในเจอร์กูเอง เป็นผู้หญิงตัวอวบๆ เกรียนๆ หน่อย” พ่อครัวเป็นคนตอบ ถามลอยๆ ว่า “มันจะทำอะไรวะ”
“กูว่าจมูก” สามสีเดาออกมา
“พูดถึงศัลยกรรม ถามพวกมึงเลยละกัน” ไดนาไมต์เปิดประเด็น “ถ้าเลือกศัลยกรรมฟรีได้หนึ่งอย่างโดยไม่เจ็บตัว พวกมึงจะศัลยกรรมอะไร”
“นี่เกมโชว์เหรอ” ไฟเอาหลอดคนน้ำในแก้ว ไดนาไมต์ยักคิ้ว เขายกขวดซอสไปจ่อหน้าหนุ่มผมแดงแล้วพูดว่า “เริ่มที่มึงก่อนเลย”
“...กูคงทำจมูกมั้ง” ไฟกลอกตา ไดนาไมต์เลิกคิ้ว “ทำเหี้ยไรอะ จมูกมึงก็สวยอยู่แล้ว...”
“กะเอาจมูกออกอะ เผื่อจะหล่อน้อยลงบ้าง ทุกวันนี้คือแบบ...” หมอยาไหวไหล่ ไดนาไมต์มองเพื่อนตัวใหญ่ด้วยแววตาเหมือนปลาตาย เขาดึงขวดซอสกลับมา พูดว่า “เราจะข้ามความไร้สาระนี้ไปนะครับ ไอ้สามอะ?”
“กูอยากศัลยกรรมลำไส้อะ”
“ฮะ?” ทั้งวงชะงัก
“กูอยากได้ลำไส้สีชมพู...”
“เพื่อเหี้ยอะไรครับน่ะ” ไฟมองหวาดๆ สามสีเลิกคิ้ว “เอ้า กูจะบริจาคร่างกายไง เวลาโดนนักเรียนแพทย์ผ่าเขาจะได้เห็นว่ากูมีลำไส้สีชมพูอย่างคนสุขภาพดี...”
“ชมพูแบบไหนวะ” เปรมอดถามไม่ได้
“ชมพูบานเย็น”
“ไอ้เหี้ย ไม่น่าจะดีได้แล้วมั้ง” ไดนาไมต์ร้องอย่างขนลุก ก่อนจะยื่นขวดซอสไปทางพ่อครัวแล้วพูดว่า “เดอะลาสท์วันครับเปรม ถ้าเลือกได้คุณจะศัลยกรรมอะไร?”
“กูอยากมีสามตาอะ”
“หะ...” ทั้งวงเงิบอีกรอบ
“นี่ไง เอาอีกอันไว้ตรงหน้าผากไรงี้ เวลากูก้มแล่ปลาแล้วมีคนเรียกจะได้ไม่ต้องเงยหน้ามองไง”
“...”
เปรมมองทั้งโต๊ะที่เงียบไป แล้วพยายามอธิบายว่า “กะ ก็แล่ปลาไป ขยับตาตรงหน้าผากมองคนพูดไปด้วยไง สะดวกดีเนอะ”
“มีวิ่งขี้แตกกันบ้างแหละกูว่า” ไฟพูดอย่างไม่รู้จะพูดอะไร ไดนาไมต์ทำหน้าเหมือนจะเข้าใจเพื่อน “แบบเบิกเนตรจักระอย่างในการ์ตูนไรเงี้ยอะเหรอ”
“ไปทำกับกูไหมเปรม” สามสีหันมาหาพวก เปรมพยักหน้า ตาเป็นประกาย “กูว่ามันเท่ดีนะมึง”
“...” ไฟกับไดนาไมต์มองภาพนั้นด้วยแววตาอ่านไม่ออก ตอนนั้นเองที่โต๊ะข้างๆ เกิดเสียง
“ภาคีชะนี!”
สี่หนุ่มหันไปมองโต๊ะข้างๆ ก่อนจะพบสามสาวกับอีกหนึ่งหนุ่มนั่งประสานเสียงพลางทำท่าสะบัดมือพร้อมกันเหมือนเชียร์หลีดเดอร์ โดยฝ่ายชายรีบเก็บมือลงไม่วายบ่นว่า “ไอ้เหี้ย...กูอายฉิบหาย”
“ก็มันเป็นประเพณี หรือมึงคิดจะทรยศเผ่าพันธุ์ของเรา” คนพูดเป็นเด็กสาวรูปร่างอ้วนใหญ่ผิวเข้ม เปรมมองเด็กหนุ่มผิวแทนหุ่นนักกีฬาที่กำลังนั่งตัวหดพึมพำเถียงเพื่อนด้วยความรู้สึกนึกคุ้น
เหมือนจะเคยเจอที่ไหนแฮะ...
“เฮ้ยฝั่งโน้นเจ๋งว่ะ มีท่าด้วย เราเอาบ้างแมะ” ไดนาไมต์ตาเป็นประกายอย่างนึกสนุก ไฟคิ้วกระตุก รีบพูดว่า “อย่าเล้ย...”
เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ สเต็กของสี่หนุ่มที่สั่งไว้ก็มาเสิร์ฟโดยพนักงานอีกคน สามทหารเสือมองจานอาหารบนโต๊ะอย่างไม่เชื่อสายตา
“แม่เจ้าโว้ย...ได้แดกด้วย” ไดนาไมต์น้ำลายสอ แถมรายการที่มาเสิร์ฟยังถูกต้องครบถ้วนอีกต่างหาก เปรมจุ๊ปาก
“มาถูกได้ไงวะ เขียนไปแต่หัวใจแบบนั้น”
“อาจจะเป็นรหัสมอส”
“มอสพ่ง”
ก่อนทั้งสี่จะเริ่มจัดการอาหารตรงหน้าด้วยความหิว พวกเขาพูดคุยสัพเพเหระเคล้าเพลงเกาหลีที่เปิดสร้างบรรยากาศสดใสภายในร้าน จนถึงช่วงหนึ่งเปรมที่ตัดสินใจดีแล้วจึงถามขึ้นว่า
“ไฟ...มึงรู้เรื่องของพ่อเท็นรึยัง?”
“พ่อเท็นทำไมวะ” ไดนาไมต์ถามกลับมา ไฟสบตาพ่อครัว “ที่ว่าจะแต่งงานใหม่น่ะเหรอ?”
“อ้าว...” สามสีร้องอย่างตกใจ “แล้วแม่ไอ้เท็นอะ?”
“...แม่เท็นเสียไปนานแล้ว” ไฟหลับตาพูดพลางตักพอร์คชอปเข้าปาก ไดนาไมต์ชะงัก “เฮ้ย แล้วทำไมพ่อมันทำอย่างนั้นอะ นี่กูเพิ่งรู้นะเนี่ย?”
“แล้วไอ้เท็น...” สามสีหันไปมองคนข้างๆ เปรมสูดลมหายใจ ถามไฟต่อว่า “มึงเคยเห็นผู้หญิงคนนั้นไหม”
“เคยเห็นหมอแปดพาไปออกงานอยู่” ไฟทำหน้าครุ่นคิด บอกว่า “เป็นคนสวยนะ...ดูใจดีด้วย เหมือนจะเป็นนางแบบของต่างประเทศอะไรนี่แหละ”
สามสีกับไดนาไมต์สูดปากให้ข้อมูลใหม่ ฝ่ายหลังพึมพำว่า “โหย...งานยากแฮะ”
“แต่สื่อเขาก็ซุบซิบกันมานะ” ไฟโน้มหน้าเข้ามากลางวง พูดเสียงกระซิบ “ว่าเธอค่อนข้างจะ ‘เยอะ’ พอสมควรเลยล่ะ”
“อะไรเยอะ?” เปรมขมวดคิ้ว ไฟกลับไปนั่งตัวตรง พูดว่า “ก็แบบ ก่อนจะมาเจอกับหมอแปดก็เปลี่ยนแฟนบ่อยมาก จากข่าวลืออะนะ กูไม่ใช่แฟนคลับ ก็ไม่ค่อยรู้อะไรมากหรอก”
“ไอ้เท็นเอ๊ย...” สามสีสั่นหัวอย่างนึกเห็นใจ อดถามไม่ได้ว่า “ทำไมพ่อเท็นถึงเลือกคนนี้วะ”
“ก็คงด้วยปัจจัยหลายๆ อย่างแหละ” ไฟไหวไหล่ “แต่ก็นะ ลองเขาตัดสินใจไปแบบนั้นแล้วเราก็คงทำอะไรไม่ได้มากหรอก” หน้าพ่อครัวซึมลงถนัดตา หมอยามองแล้วถามว่า “เท็นบอกมึงเหรอ?”
“เมื่อวานกูไปบ้านเท็นมา...หมอนั่นร้องไห้”
“แม่ง ใครจะทำใจได้วะ” ไดนาไมต์บ่น สามสีมองสเต็กในจานตัวเอง พึมพำออกมา “เราจะช่วยอะไรมันได้บ้างวะ”
“ก็ถ้าพ่อเท็นมีความสุขเราก็คงมีแต่ต้องร่วมยินดีกับเขาว่ะ” ไฟพูดได้แค่นั้น แล้วทั้งสี่คนก็ถอนหายใจออกมา
หลังกินสเต็กเสร็จ ไฟก็ขับรถพาไดนาไมต์ส่งที่ป้ายรถเมล์ ต่อด้วยปล่อยเปรมกับสามสีลงหน้าตึกรวมแลปเพราะมอเตอร์ไซค์ของทั้งคู่จอดอยู่ที่นี่ พวกเขาล่ำลากันสองสามประโยคก่อนหนุ่มผมแดงจะเคลื่อนรถออกมา
เฟอร์รารี่สีแดงสดคันหรูแล่นมาจอดหน้าหอสมุดในเวลาสองทุ่ม ช่วงนี้เป็นอาทิตย์สอบหอสมุดจึงเปิดยี่สิบสี่ชั่วโมง ร่างสูงแสกนบัตรผ่านประตูเข้ามาก่อนจะเดินขึ้นไปชั้นบน
ที่ชั้นสามมีนิสิตจับกลุ่มอ่านหนังสือเตรียมสอบกันอยู่ประปราย หนึ่งในโต๊ะที่ถูกจับจองนั้น ใครบางคนกำลังนั่งทำแบบฝึกหัดรอเขาอยู่ก่อนแล้ว ไฟเดินเข้าไป วางเป้ใส่หนังสือในมือของตัวเองลงบนโต๊ะ
“ช้า”
คนตัวเล็กพูดทั้งที่ยังไม่ละสายตาจากแบบฝึกหัด ราวกับไม่อยากเสียเวลาไปแม้แต่วินาทีเดียว ไฟหัวเราะ อดยกมือลูบหัวทุยๆ นั่นไมได้ “กินไรยัง”
“กินแล้ว!” โชขมวดคิ้ว พยายามปัดมืออีกฝ่ายออก ไฟยอมง่ายๆ เขานั่งลงข้างๆ พลางหยิบหนังสือของตัวเองออกมาจากเป้ ถามนักเรียนตัวแสบว่า “ถึงไหนแล้ว”
“เหลืออีกบท” โชตอบอาจารย์จำเป็น ขมวดคิ้วเมื่อเจอโจทย์ยาก ไฟมองตามถามว่า “มีอะไร?”
“ไอ้เหี้ยนี่มาจากไหนวะ?” โชชี้ ไฟยื่นหน้าเข้ามาหา ลากเสียงอย่างครุ่นคิด “ก็...”
โชจ้องข้างแก้มอีกฝ่ายในระยะใกล้ เขาหลุบตาเบือนหน้าหนี จนโดนอีกฝ่ายที่กำลังอธิบายอยู่เคาะหัวเบาๆ แล้วดุว่า “นี่มึงฟังกูอยู่มั้ยเนี่ย?”
“ฟังอยู่” โชบ่นอุบ ไฟจึงเริ่มเปิดปากอธิบายต่อด้วยภาษาพูด ชลันธรพยักหน้าหงึกหงัก เขาถามอีกสองสามประโยคเพื่อความแน่ใจ เมื่อได้รับคำตอบแล้วจึงเริ่มทำต่อ
“สอบวันไหนนะ” ไฟจรดปากกาลงบนหนังสือที่ซื้อมา
“มะรืนนี้”
“งั้นคืนนี้ตีสอง”
“หา!” โชร้องออกมา ไฟหรี่ตา พูดว่า “คืนนี้เอาอีกบทให้จบเลย เหลือพรุ่งนี้ไว้ทวนนิดหน่อย จะได้นอนเร็วๆ”
“ติวครั้งที่แล้วกูก็ไม่ได้นอนนะ!” เด็กประมงโวยวาย ไฟยีผมอีกคน พูดลอดไรฟันอย่างนึกหมันเขี้ยว “มึงเป็นพวกหัวแฮงค์ถ้านอนน้อย รอบก่อนที่ทำไม่ได้ก็เพราะโหมอ่านคืนก่อนสอบหนักใช่ไหมล่ะ”
“ทำไม...”
“เห็นกระดาษคำตอบก็รู้แล้ว มึงเลือกคำตอบใกล้เคียงข้อถูกแทบทุกข้อ แสดงว่าต้องไปคิดพลาดสักจุดเลยทำให้วงคำตอบผิด วิธีทำก็ปนกันผิดๆ ถูกๆ เหมือนเขียนส่งๆ ทั้งๆ ที่ก็รู้เรื่อง นั่นคงเพราะมึงง่วงจนหงุดหงิดเลยไม่มีสมาธิ”
โชเงียบ หมอนี่พูดถูกทั้งหมด
“งั้นก็ดับเครื่องชนไปเลยคืนนี้ พรุ่งนี้ทวนนิดๆ แล้วนอนมากๆ จะได้ทำข้อสอบได้” ไฟแนะนำ ชลันธรฟังแล้วบ่นกระปอดกระแปด
“ขี้บ่นแท้วะ กูก็มาอยู่กับมึงแล้วนี่ไง” ไฟบอก โชเบ้ปาก พูดว่า “ถ้าหลับนะมึง พ่อจะเอาปากกาเขียนหน้าให้”
“คนพูดอะระวังตัวไว้เถอะ” หมอยาสั่นหัวกลั้วขำ
ก่อนทั้งคู่จะเข้าโลกส่วนตัว ไฟเน้นข้อความบนหน้าหนังสือในขณะที่โชนั่งตะลุยโจทย์แบบฝึกหัด เด็กประมงเหลือบมองคนข้างๆ เล็กน้อย ร่างสูงในตอนนี้ดูสุขุมผิดจากทุกที อดคิดไม่ได้ว่าหมอนี่ปกติก็เรียนหนักอยู่แล้วแท้ๆ ยังจะหาเรื่องลำบากมาติวให้เขาอีก
แต่ก็อดยอมรับไม่ได้ว่าคำอธิบายของไฟทำให้เขาเข้าใจมากกว่าอ่านเองและที่อาจารย์สอน หมอนี่เลือกใช้ภาษาพูดซึ่งเป็นคำสั้นๆ แต่เข้าใจง่าย อีกทั้งยังแนะนำวิธีจำแปลกๆ แต่ใช้ได้จริงให้อีกด้วย
เด็กเก่งก็ไม่ได้หวงความรู้กันทุกคนนี่นะ
เด็กประมงทำแบบฝึกหัดต่อไปด้วยดวงตาที่ปิดปรือ สักพักก็มีขวดน้ำถูกยื่นมาให้
“อะไร” โชถามเสียงอ่อน ไฟพูดว่า “ง่วงแล้วอะดิ แดกน้ำหน่อยไป”
ชลันธรทำตามอย่างว่าง่าย พอดื่มเสร็จก็ตบหน้าตัวเองเบาๆ เรียกสติ เขาโหนสังขารแบบนี้มาค่อนวันแล้ว ทำโจทย์ไปอีกสักพักก็เริ่มรู้สึกเหมือนหน้าตัวเองเข้าใกล้ตัวอักษรขึ้นทุกทีๆ ไม่ได้...ต้องฝืนสติเอาไว้
แต่ไม่นานนักสติของเขาก็ดับวูบลง
ไฟโหนสังขารนั่งอ่านหนังสือจนถึงตีหนึ่ง เขาพักสายตาพลางนวดขมับป้อยๆ แว่วเสียงหายใจเบาๆ ดังมาให้ได้ยิน หนุ่มผมแดงหันไปมองคนข้างๆ สั่นหัวด้วยใบหน้ากึ่งขำกึ่งสงสาร
เขาขยับตัวไปตรวจแบบฝึกหัดให้อีกฝ่าย คะแนนออกมาค่อนข้างเป็นที่น่าพอใจทีเดียว
“ก็ไม่ได้โง่เหมือนปากพูดนี่...” ไฟหัวเราะ ลูบเส้นผมที่นิ่มเหมือนขนแมวนั่นอย่างนึกเอ็นดู เขาวางสมุดทำโจทย์ลงตามเดิม แววตาสะท้อนใบหน้ายามหลับของอีกฝ่าย
ความรู้สึกหนึ่งแวบเข้ามาในใจ ไวเท่าความคิด หมอยาก็ยื่นหน้าเข้าไปหานักเรียนตัวแสบ
ฟอด...
จมูกโด่งสันกดลงแก้มขาวนั่นเบาๆ ดวงตาคมกริบจ้องคนตัวเล็กด้วยความรู้สึกหลากหลาย ก่อนจะกระซิบข้างหูคนหลับพร้อมรอยยิ้มว่า “ฝันดีไอ้ตัวแสบ”
โชลืมตาขึ้นมาตอนหกโมง เด็กหนุ่มขยี้ตาป้อยๆ วันนี้เขามีเรียนตอนเก้าโมง เห็นทีต้องรีบกลับไปเตรียมตัวเสียแล้ว เด็กประมงขยับเริ่มเก็บข้าวของ พอหันไปมองด้านข้างก็พบหมอยากำลังฟุบหลับอยู่อย่างหาได้ยาก
ดูท่ากำลังจะหลับสบาย โชเองก็ไม่ได้ใจร้ายขนาดจะปลุกคนที่อ่านหนังสือจนเหนื่อยขึ้นมาได้ลง เด็กหนุ่มจึงเขียนโพสอิทแปะโต๊ะบอกไว้แทน เมื่อเก็บของเสร็จก็ลุกขึ้น พลันคำพูดของอีกฝ่ายที่เคยคุยกันก็แวบเข้ามาในหัว
‘กูช่วยขนาดนี้น่าจะมีรางวัลให้กันหน่อยนะ’
‘มึงเสนอตัวเองไหมล่ะ’
‘แหม สันดานมึงนี่ไม่ต้องเหี้ยเหมือนหน้าตาก็ได้’
‘แล้วจะเอาอะไร’
‘หอมแก้มกูสักทีคงไม่ตายหรอกมั้ง’
‘มึงเป็นอะไรกับหอมแก้มเนี่ย’
‘จะทำไมได้ทำ’
‘ไม่โว้ย!’
โชมองหมอยาที่กำลังหลับสบาย กระพริบตาอย่างไม่อยากจะเชื่อในความคิดในหัวตัวเอง
“...”
ชั่วเวลาที่ราวกับโลกหยุดหมุน ใครจะเชื่อว่าเด็กประมงจะโน้มหน้าเข้าไปหาอีกฝ่ายช้าๆ
จุ๊บ...
ริมฝีปากไอ้ตัวแสบแตะลงบนแก้มของหมอยาอย่างแผ่วเบา พอได้สติจึงผงะถอยออกมา หัวใจดวงน้อยเต้นโครมครามราวกับจะหลุดออกมาจากอก
โชยกมือปิดปากตัวเอง พึมพำอยู่ในลำคอว่า
“ฝันร้าย ไอ้ปากหมา”
****************************************************** *
สวัสดีค่าาา า

กรี๊ดดด ด หายไปเกือบสองอาทิตย์เลย ติดสอบย่อยค่าา า
ไฟนอลก็ใกล้เข้ามาแล้ว มีสอบพรุ่งนี้ด้วย แต่แวบมาลงก่อน
ขอบคุณทุกคนที่ยังรอและเป็นกำลังใจให้นะคะ
ดีใจที่ชอบจริง ๆ ค่ะ
ขอให้อ่านอย่างมีความสุขนะคะ

เจอกันตอนที่สิบแปดค่าาาาาา า