“แจนไปก่อนนะครับ เดี๋ยวเอื้อตามไป”
เอื้ออังกูรพูดกับเด็กสาวข้างตัวด้วยรอยยิ้มอบอุ่น เธอพยักหน้าเขินๆ ก่อนจะเดินออกไปอย่างว่าง่าย เด็กหนุ่มตัวสูงมองไล่หลัง เขาเป็นเจ้าของเส้นผมสีน้ำตาลตัดสั้น ใบหน้าหล่อเหลาติดร้าย สวมชุดไปรเวทดูเท่ราวกับนายแบบนิตยสาร
เมธานั่งจ้องอีกฝ่าย เมื่อได้สติก็รีบลุกเดินหนี
หมับ!
แต่ช้ากว่าเอื้ออังกูร มือหนาคว้าข้อมือเล็กเอาไว้ได้ เมธาสะดุ้ง ตะโกนใส่คนตัวสูงเสียงสั่น
“ปล่อย!”
“อะไรกันท่าทางแบบนั้น” เอื้ออังกูรพูดด้วยท่าทางดูแคลน ใบหน้าหล่อร้ายเผยยิ้มหยัน “อย่าบอกนะว่านายยังตัดใจจากฉันไม่ได้?”
“...” เมธาเม้มริมฝีปาก พยายามสะบัดแขนให้หลุดจากการเกาะกุม “ปล่อย!”
“จริงเหรอเนี่ย”
คนตัวสูงผิวปากหวือ แสยะยิ้มออกมา “อย่างนี้ต้องให้รางวัลกันหน่อยแล้ว”
“อะไร...อุ๊บ!”
เมธาเบิกตากว้างยามถูกคนตัวใหญ่คว้าตัวเข้าไปประกบปาก เด็กหนุ่มผมดำพยายามเบือนหน้าหนี ทว่ากลับโดนมือใหญ่ล็อคท้ายทอยไว้แน่น ดวงตาสีนิลคู่เล็กทอประกายเจ็บปวด
“ฮื้อ...” เมธาขมวดคิ้ว แขนเล็กพยายามผลักอกกว้างออก ตอนนั้นเอง...
ผัวะ!
“ไปตายซะ!” ร่างหนึ่งพรวดเข้ามาชกเข้าหน้าเอื้ออังกูรเต็มแรง เมธายืนอึ้ง แว่วเสียงเปรมตะโกนเข้ามา
“เท็น! อย่า!”
ทศทิศคว้าคอคนผมสีน้ำตาลขึ้นมา ซ้ำลงไปอีกหมัดจนอีกฝ่ายล้มคว่ำ ใบหน้าของเท็นเย็นชาทว่าดวงตาทอประกายวาวโรจน์ เขาตะคอกใส่เอื้ออังกูรอย่างผิดวิสัยจนคนมองนึกอึ้ง
“ไสหัวไป!”
“เท็นพอแล้ว!” เปรมเข้ามาห้ามอย่างตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เท็นหันไปคว้ามือเมธา
“เอ๊ะ?” เมธาตกใจ เท็นพูดเรียบๆ
“มากับเรา”
ก่อนทั้งคู่จะกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกไป เปรมมองตามอย่างสับสน แต่เขาก็ทิ้งคนเจ็บไปไม่ได้
“อูย...” คนตัวสูงโอดครวญ มุมปากเอื้ออังกูรปริแตก เปรมกำลังจะหันมาถามอาการ แต่พอได้สบตา พ่อครัวก็ร้องออกมาอย่างตกใจ
“ไอ้เอื้อ!”
“...หน่องเปรม!” ใบหน้าหล่อร้ายยิ้มประหลาด ก่อนจะร้องโอดโอยอีกรอบ “โว้ยไอ้บ้านั่น...ชกกูมาได้” เปรมพยายามฉุดเพื่อนตัวใหญ่ให้ลุกขึ้น พูดว่า “นี่มึงไปทำอะไรใครไว้อีกแล้วเนี่ย”
เอื้อไม่ตอบแต่ถามว่า “ไอ้ตัวใหญ่เมื่อกี้ใครวะ เพื่อนมึงเรอะ?”
“อืม ชื่อเท็น” เปรมมองแผลเพื่อนแล้วขมวดคิ้ว “เจ็บมั้ยเนี่ย ไอ้เหี้ยมึงไปทำอะไรเขา”
“ใจร้าย โทษกูอย่างเดียวเลย นี่กูบาดเจ็บนะ” เอื้อกระเง้ากระงอด เปรมหรี่ตา “อย่างมึงจะโดนชกเข้าสักวันก็ไม่แปลกอะ เหี้ยขนาดนี้” พ่อครัวด่าซ้ำ “แกล้งคนอื่นเขาไปทั่วไอ้ชิบหาย”
“แต่กูก็ไม่เคยแกล้งมึงนะเว้ย”
“...”
“โอเค ถ้ามึงคิดว่าเรื่องที่กูเอากบไปปล่อยในกระทะของมึงเป็นการกลั่นแกล้ง...กูขอโทษ”
“มึงไปทำอะไรเขา” เปรมถามเป็นรอบที่สามอย่างอ่อนใจ
“เปล่าสักหน่อย” เอื้อนึกหน้าของหน้าเท็นอย่างประมวลผล “เท็นเหรอ...หมอนั่นหน้าคุ้นเป็นบ้า” ก่อนจะเบิกตากว้างอย่างคิดได้
“นึกออกแล้ว! เท็น ทศทิศ...ลูกชายคนเดียวของ ‘หมอแปด’ เจ้าบ้านคนปัจจุบันของตระกูลเกียรติยวานนท์!”
“มึงรู้จักเท็นด้วยเหรอ?” เปรมถามอย่างแปลกใจ
“เออ เจอกันตอนออกงานสังคมบ่อยๆ แต่ในนั้นมันเป็นมิตรกว่านี้เยอะ” เอื้ออังกูรบ่น เปรมฟังแล้วเริ่มเข้าใจ ถ้าใช้ฐานะทางสังคมของที่บ้านเป็นเกณฑ์ เอื้ออังกูรกับเท็นก็จัดได้ว่าเป็นคนในแวดวงเดียวกัน
“แล้วเปรมไปไงมาไงถึงรู้จักไอ้คุณชายนั่นได้ล่ะ” เอื้อถาม ไม่วายเสริมว่า “ดูมันหยิ่งจะตาย อยู่ด้วยมีหวังปวดหัวตายชัก” เปรมฟังแล้วลอบนวดขมับ ตัดสินใจเปลี่ยนเรื่อง “ไว้ค่อยเล่า เรื่องมันยาวน่ะ แล้วนี่มากับใคร”
“สาวว่ะ” เอื้ออังกูรว่าง่าย เขาทำหน้าทะเล้น เปรมเลิกคิ้ว “หืม คราวที่แล้วไม่ใช่คนนี้นี่?”
“เบื่อก็เปลี่ยนอะ คนมันฮอต” เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลไหวไหล่ เปรมมองเอือมๆ ก่อนจะนึกเหตุการณ์เมื่อครู่ออกในที่สุด “นี่! แล้วทำไมไปทำกับเมธาเขาแบบนั้น!” เขาตีไหล่คนตัวสูงอย่างนึกโมโห เอื้ออังกูรเบ้หน้า
“โหย ยังอุตส่าห์วนกลับมานะ”
“มึงทำแบบนั้นกับเขาทำไม รู้จักกันเหรอ” เปรมคาดคั้น เอื้ออังกูรกลอกตา สุดท้ายก็เผยยิ้มเผล่ “ไม่อะ”
“อ้าว” เปรมงง “ไอ้เหี้ยแล้วมึงไปทำลามกกับเขาแบบนั้นเนี่ยนะ!”
“...แค่จูบเอง”
“ไม่ได้!” เปรมขมวดคิ้ว เอื้อตอบหน้าตาย “ก็เห็นน่ารักดีเลยอยากจูบอะ ผิดเรอะ”
“โหยไอ้เลว...” เปรมปวดหัวกับสันดานเพื่อนต่างคณะ พูดว่า “นั่นเพื่อนกูนะเว้ย!”
เอื้อยักไหล่ “แล้วไงใครทุกข์ทน?”
เปรมสูดลมหายใจ เรียกอีกฝ่ายด้วยเสียงต่ำว่า “เอื้อ”
“จ๋า?”
“ถ้ามึงทำอะไรเมธากูไม่เอามึงไว้แน่”
“น่ากลัวจังนะ” เอื้อหัวเราะ ก่อนจะแสยะยิ้มออกมา “แต่แบบนี้สิถึงจะสนุก” เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เขย่าหัวพ่อครัวที่กำลังจะอ้าปากด่าเขาเบาๆ ทีหนึ่ง จากนั้นจึงเดินออกไป
“คนเหี้ยอะไรชั้วชั่ว!” เปรมพูดด้วยน้ำเสียงไม่เบานัก
“ได้ยินนะ” เอื้ออังกูรตอบกลับมากลั้วหัวเราะ
ห่างออกมาจากจุดเกิดเหตุพอสมควร เท็นนั่งอยู่บนเก้าอี้ยาวใต้ร่มไม้ใหญ่ เขายื่นผ้าเช็ดหน้าให้เพื่อนสมัยเด็ก
“ดีขึ้นไหม”
ข้างๆ คือเมธาที่รับไปเช็ดแก้มพลางพยักหน้าหงึกหงัก
“ขอบคุณนะ” ใบหน้าน่ารักเปื้อนไปด้วยหยดน้ำ ดวงตาสีนิลแดงก่ำ ครูคณิตสูดจมูกดังฟืดฟาด “ขืนอยู่นานกว่านี้มีหวังได้ร้องไห้ต่อหน้าสองคนนั้นแน่ๆ”
“เราไม่ชอบหมอนั่น” เท็นพูดขึ้นมา เมธาปรามเสียงอ่อน “ไม่เอาน่าเท็น ไม่ใช่ความผิดของเขาหรอกนะ”
“แต่ก็ไม่ใช่ความผิดของเม” คนตัวโตขมวดคิ้ว ครูคณิตยิ้มออกมา “ใครว่าล่ะ ฉันผิดเองที่ไปสารภาพกับเขา”
“พูดสิ่งที่คิดมันผิดตรงไหน” เท็นถาม เมธามองเพื่อนสมัยเด็กตัวโตอย่างนึกทึ่งแกมนับถือ ตอบว่า “มันผิดเพราะเขาไม่ได้คิดเหมือนเราไง”
ความเงียบโรยตัวอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเท็นจะถามออกมาว่า
“เมเลิกคิดถึงหมอนั่นไม่ได้เหรอ”
คนฟังยิ้มออกมาอย่างนึกสังเวชตัวเอง
“ถ้าทำได้...ฉันทำไปแล้ว”
เด็กหนุ่มห้าคนยืนมองเท็นเดินกลับมาพร้อมกับเมธา เด็กโข่งมองไปรอบๆ แล้วถามว่า
“กุ๊ก หมอนั่นไปไหน”
“กลับไปแล้ว” เปรมตอบหวาดๆ ภาพเท็นตอนนั้นยังติดตาอยู่ พ่อครัวไม่ได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้อีกสี่คนที่เหลือฟัง สะดุ้งเบาๆ เมื่อคนตัวสูงเดินเข้ามากอดอย่างออดอ้อนเหมือนทุกที
เฮ้อ...เอาเถอะ อย่าต่อยเขาคว่ำแบบไอ้เอื้อก็พอ
เมธาถามยิ้มๆ ว่า “เล่นกันเสร็จแล้วเหรอ”
“ช่าย ต่อไปว่าจะเล่นแกรนด์แคนยอนกันอะ” ไดนาไมต์ตอบ ชวนว่า “เล่นด้วยกันทั้งหมดเถอะ อันสุดท้ายแล้ว”
“เอาสิ” เมธายิ้ม
พวกเปรมพากันเดินไปทางแกรนด์แคนยอน แวะถ่ายรูปกับป้ายชื่อเครื่องเล่นที่แกะจากหินขนาดใหญ่อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเข้าไปต่อแถว เหล่าเด็กหนุ่มหยอกล้อกันอย่างสนุกสนานจนถึงคิว เรือรอบนี้มีโดยสารเพียงพวกเขาเจ็ดคนเท่านั้น
“สู่ความเวิ้งว้างกันไกลโพ้นนน!” โชส่งเสียงอย่างมีชีวิตชีวา ชื่นชอบกิจกรรมทางน้ำเป็นที่สุด
“กูจะถีบตกเรือให้” ไฟที่นั่งตรงข้ามกันค่อนขอด ไดนาไมต์บ่นกับพ่อครัวที่นั่งข้างกัน “ทำไมเขาไม่มีบริการพริตตี้มาเต้นกลางเรือให้ดูระหว่างเล่นบ้างวะ”
“ไอ้ห่า เรือคว่ำหมด” เปรมด่าให้ สามสีแทรกขึ้น “เฮ้ยไอเดียดีว่ะ การตลาดนะมึง ทำเป็นเล่น”
“กูเต้นให้ดูมั้ยสัด” พ่อครัวเสนอตัว สองสหายพร้อมใจกันส่ายหน้าดิก
“กุ๊กจะเต้นเหรอ...” เท็นตาเป็นประกาย เห็นได้ชัดว่าอยากเห็น
“หน้าไอ้เท็นแม่งโคตรคาดหวังอะ เร็วน้องเปรม จัดไปสักหนึ่งบทเพลง” ไฟสัพยอก เปรมหัวเราะ “อย่าให้กูต้องโชว์สเต็ป”
ก่อนเรือของเด็กหนุ่มทั้งเจ็ดจะถูกปล่อยไปตามแกรนด์แคนยอน เมธามองกลุ่มเพื่อนที่หยอกล้อกันอย่างวุ่นวายเขาหลับตาลงช้าๆ ปล่อยความคิดไปกับสายน้ำ
“เมเป็นอะไรรึเปล่า?” สามสีที่นั่งข้างๆ หันมาถาม ครูคณิตยิ้มให้ “เราสบายดี ขอบคุณ”
“แล้วนี่เมกลับยังไงอะ” ไดนาไมต์ถามบ้าง เท็นตอบแทนว่า “เมกลับกับเรา”
หนุ่มผมทองพยักหน้าเข้าใจ ถามอีกว่า “แล้วคนอื่นอะ?”
“กูเอารถมา” ไฟตอบ “มีใครกลับทางเดียวกับกูมั้ยล่ะ ไอ้สามล่ะหนึ่ง” เสริมอีกว่า “ไอ้ไดไอ้เปรมอะ? มึงสองตัวมีใครจะมากับกูมั้ย?”
“กูไปๆ” ไดนาไมต์ยกมือ เปรมทำหน้าคิด ก่อนเมธาจะหันมาชวน “เปรมมาด้วยกันสิ เท็นจะไปส่งเราที่หอ”
“จริงดิ” เปรมตาเป็นประกาย เมื่อสบตาเท็นก็เห็นฝ่ายหลังพยักหน้าหงึกๆ เขารอดแล้ว “ไปด้วยๆ” ก่อนจะหันไปทางเพื่อนสมัยม.ปลายที่กำลังกินลมชมวิวอยู่ “แล้วไอ้โชอะกลับไง?”
“อ๋ออากูมารับอะ” เด็กประมงตอบ
แล้วทุกคนก็คุยสัพเพเหระกันไปจนหมดรอบ สี่โมงเย็นแล้ว เด็กหนุ่มเจ็ดคนมารวมตัวกันบริเวณลานทางเข้า แยกย้ายกันโดยเปรมกับเมธากลับพร้อมเท็น สามสีกับไดนาไมต์ไปรถของไฟ ส่วนโชกลับกับอา ไฟไม่วายสัพยอกเด็กประมงทิ้งท้ายว่า “อย่าไปทำอะไรใครเขาล่ะ!”
“มึงบอกตัวเองเถอะ!”
ทุกคนหัวเราะก่อนจะแยกย้ายกัน
แปดโมงเช้าวันอังคารที่มหาลัย เปรมขี่มอเตอร์ไซค์มาจอดใต้ศูนย์เรียนรวมสี่ วันนี้อาจารย์ไม่งดเซคแน่นอน เขาก้าวไปตามทางเดิน รอบข้างเต็มไปด้วยป้ายไวนิลประกาศผลแข่งฟุตบอล
การแข่งฟุตบอลมหาลัยนอกตารางเริ่มขึ้นตั้งแต่วันจันทร์ ทั้งนี้เพื่อทยอยคัดให้เหลือสี่ทีมสุดท้าย ก่อนจะนำไปตัดสินกันในวันสิ้นเดือน รวม ๆ แล้วยังมีเวลาอีกเกือบสองอาทิตย์
พวกเปรมยังคงเข้าตึกกันตามตารางเรียนเช่นปกติ ทั้งนี้ก็ติดตามผลการแข่งฟุตบอลไปด้วย หลายครั้งที่พอขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านสนามกีฬาก็จะได้ยินเสียงเชียร์ออกมาอย่างครื้นเครง
ในเย็นก่อนถึงวันงานที่โรงอาหารกลางนั้นเอง เปรมก็ได้รับข่าวใหญ่
“มึง! เด็กเภสัชกับเด็กประมงต่อยกันอีกแล้ว!” ไดนาไมต์กระจายเสียง อ้างอิงข้อมูลจากเพจในสมาร์ทโฟนเช่นเคย สามสีอ้าปากหวอ “ไอ้เหี้ย ใครกับใครอีกอะทีนี้”
“คู่เดิมเลยมึง” หนุ่มผมทองตอบพลางทวนข้อความบนหน้าจอ เปรมกับสามสีพร้อมใจกันร้อง “ฮะ!”
สามสีขมวดคิ้ว “เฮ้ย มันดีกันแล้วไม่ใช่เหรอวะ ตอนไปสวนสนุกยังเฮฮากันอยู่เลย”
“รอบนี้ไอ้ไฟเลยมึง” ไดนาไมต์ยื่นหน้าจอให้เพื่อนสองคนดู ปรากฏรูปแอบถ่ายของอัคคีที่กำลังก้มลงหอมแก้มเด็กสาวคนหนึ่งอย่างหวานหยด
“ผู้หญิงคนนี้...” เปรมลากเสียงมองหน้าเด็กสาวที่กำลังยิ้มอย่างเขินอายในรูป เขานึกออกแล้ว...
“แฟนไอ้โช” ไดนาไมต์ต่อให้ สามหนุ่มมองหน้ากัน ประสานเสียงออกมาว่า
“เหี้ยละไง”
ตึง!
“เย้ย!” สามทหารเสือจากภาควิชาคหกรรมสะดุ้ง เบื้องหน้าพวกเขาคือชลันธรที่มุมปากมีรอยฟกช้ำกำลังยืนจ้องมาอย่างอาฆาต เปรมลอบกลืนน้ำลาย เรียกเพื่อนเสียงอ่อน
“ไอ้โช...”
“มึงดูเพื่อนพวกมึงไว้นะ!” เด็กประมงตะคอกอย่างเกรี้ยวกราด “มึงดูสันดานของเพื่อนพวกมึงเอาไว้!”
เปรมลุกขึ้นคว้าตัวเพื่อน เขาลูบแขนอีกฝ่ายเบาๆ อย่างหวังให้ใจเย็นลง สามสีมองแล้วพูดว่า “โชมึงใจเย็นๆ ก่อนนะ เรื่องมันเป็นยังไงค่อยๆ เล่า...”
“ไอ้เหี้ยไฟ...” ดวงตาเหมือนแมวคู่นั้นวาวโรจน์ “ให้ตายยังไงกูก็ไม่มีทางญาติดีกับมันเด็ดขาด! มีกูต้องไม่มีมัน! ไอ้หมาลอบกัด!” โชตวาดอย่างโมโห คนฟังลอบสบตากันเลิกลัก
“แม่งเอ๊ย ใครโทรมาวะ” ชลันธรสบถเมื่อมือถือในกระเป๋าส่งเสียง แต่ก็ยอมรับสายในที่สุด “ฮัลโหล...เออกูรู้แล้ว...เออก็จะไปแล้วนี่ไง โธ่เว้ย!” เขากดตัดสาย หันมาบอกลาพวกเปรมเสียงห้วน “กูไปละแม่ง”
“โชคดีมึง...” ไดนาไมต์บอกไล่หลัง ทั้งสามคนมองหน้ากันอีกครั้ง สามสีขมวดคิ้ว “อะไรวะไอ้สองตัวนี้ เพิ่งดีกันไปหยกๆ ตีกันอีกแล้ว?”
“แต่ครั้งนี้ดูหนักกว่ารอบที่แล้วนะ” เปรมว่า พวกเขามองหน้ากัน ประสานเสียงออกมาว่า
“เหี้ยละไง”
ตึง!
“เย้ย!” สามทหารเสือจากภาควิชาคหกรรมสะดุ้งอีกรอบ ครั้งนี้เป็นหมอยาที่เบ้าตาเป็นรอยช้ำ ไม่วายมีรอยเล็บข่วนปรากฏขึ้นข้างแก้ม ใบหน้าหล่อเหลานั้นไม่ส่อเค้าอารมณ์ใดๆ
เปรมลอบกลืนน้ำลาย เรียกเพื่อนเสียงอ่อน
“ไอ้ไฟ...”
“หืม?” ทว่าอัคคีกลับหันมาขานอย่างอารมณ์ดี สามสีกระพริบตา ตัดสินใจพูดว่า “ไฟมึงใจเย็นๆ ก่อนนะ เรื่องมันเป็นยังไงค่อยๆ เล่า...”
“นี่พวกมึงเป็นเหี้ยอะไรกันเนี่ย” ไฟขมวดคิ้วยิ้มๆ พวกเปรมหันมามองหน้ากัน
“ก็นึกว่ามึงตีกับไอ้โชอยู่” ไดนาไมต์พูดขึ้น เสริมว่า “แม่งเพิ่งมาเม้งแตกใส่พวกกูเมื่อกี้ มึงไปทำอะไรมันอีกเนี่ย”
“ไอ้โช...” หมอยาทวนคำก่อนจะนึกได้ “อ๋อ เรื่องที่กูไปแย่งแฟนมันมาอะนะ?”
“เออ มึงไปแย่งแฟนมันมาทำไมวะ อย่างมึงกูว่าที่ทำคงมีเหตุผลแหละ ใช่มะ” สามสีถาม ไฟพยักหน้าหงึกหงัก “แน่นอนสิครับ”
“เขร้ ทำไมวะ?” ไดนาไมต์ถาม ทั้งสามตาเป็นประกายอย่างสนใจ
ไฟแสยะยิ้มออกมา
“ก็อยากแย่งอะ ฮ่าๆๆ”
“ไอ้เหี้ยยยยย” สามสีลุกขึ้นตบหัวหมอยาดังผัวะ “ไอ้ชั่ว! ผีห่าอะไรเข้าสิงมึงอีกเนี่ย ไปแย่งแฟนเพื่อนทำไม”
“ไอ้เหี้ยไฟกูถามจริงๆ มึงมีเหตุผลใช่ไหม บอกพวกกูมา” เปรมพยายามสงบจิตใจแม้จะคันไม้คันมือไม่แพ้กันก็ตาม ไฟกลอกตา ตอบหน้าเบื่อๆ “ก็มีอะ แต่ขี้เกียจพูดแล้ว”
“เอ้า!”
“พอจะอธิบายเจ้าตัวก็ไม่ยอมฟังกูท่าเดียวเลยนี่หว่า ไม่อยากพูดแล้ว” ไฟเบ้ปาก พูดอีกว่า “เข้าใจอย่างที่พวกมึงอยากเข้าใจเหอะ เดี๋ยวก็รู้เอง” ก่อนมือถือในกระเป๋ากางเกงของหมอยาจะสั่นครืด
นิ้วยาวกดรับอย่างร่าเริง “ฮัลโหลคร้าบ...โอเคมึง...เออเดี๋ยวกูไปแล้ว ครับๆ” ไฟกดตัดสาย เขาหันมาบอกลาพวกเปรมยิ้มๆ “เออพวกมึง งั้นกูไปละนะ”
“โชคดีมึง...” ไดนาไมต์บอกไล่หลัง สามหนุ่มมองหน้ากันอีกครั้ง
“ทำไมมันคนละอารมณ์กันเลยวะ” สามสีขมวดคิ้ว
“กูว่าแม่งมีเหตุผลว่ะ ไม่งั้นเม้งแตกตามไปแล้ว” ไดนาไมต์วิเคราะห์ เปรมมองไกลออกไป พูดออกมาว่า “อีกเดี๋ยวก็คงรู้กันเองแหละมั้ง”
คิดว่านะ...
****************************************************** *
สวัสดีค่าาาา า

สุดท้ายก็แพ้ใจตัวเองมาลงก่อนสอบเสร็จจนได้ 5555555555 5
ครั้งหน้าคงหลังวันที่ 20 จริง ๆ แล้วล่ะ จูนสอบติดกันเลย แหะ ๆๆ ๆ
ตอนหน้าจะเป็นเรื่องราวของงานกีฬาสีแล้วค่ะ
เป็นกำลังใจให้พวกไอ้ตัวแสบด้วยนะคะ ท่าจะหนักหนาสาหัสกันอยู่ 5555555 5
ขอบคุณทุกการติดตามมาก ๆ เลยนะคะ

**เพิ่มเติมอีกรอบ ลืมทุกทีเลย 555555555 5
#เสื้อกาวน์รุกเสื้อกุ๊กรับมาเล่นแท็กนี้ในทวิตกันเยอะ ๆ น้า ชอบตามรีมาก 55555555 5
เจอกันตอนที่สิบค่าาาาา า