ตอนที่ 24ลูกหมู“พี่ไปดูของว่างให้เราก่อน ตกลงน้ำแตงโมปั่นไม่เปลี่ยนใจนะ...งั้นเดี๋ยวพี่มา อย่าอดใจไม่ไหวหนีพี่ลงว่ายน้ำก่อนล่ะรู้มั้ย” จากที่ผมกำลังฉีกยิ้มพยักหน้าตอบรับ ความเอาใจใส่ของคุณแฟนรูปหล่อแสนใจดี ผมกลับต้องเปลี่ยนเป็นประท้วงเล็กๆด้วยการโวยวาย เมื่อได้ยินประโยคหยอกเย้าสุดท้ายของพี่ลีโอ
“โห! พี่ครับ ลูกหมูว่ายน้ำไม่เป็นสักหน่อย ใครจะกล้าลง” ใช่แล้วครับ ผมว่ายน้ำไม่เป็น
เรื่องนี้พี่ลีโอรู้ดีที่สุด เพราะตอนสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ใหม่ๆ ผมเคยขอเข้าชมรมว่ายน้ำ ด้วยอยากว่ายน้ำเป็น และถือเป็นการออกกำลังกายลดน้ำหนักไปในตัวด้วย แต่ตอนนั้นก็เป็นพี่นั่นแหละที่ห้ามเด็ดขาด บอกว่าไม่จำเป็นและออกปากจะหัดให้ผมเอง แต่จนแล้วจนรอดมาถึงตอนนี้พี่ก็ยังไม่มีเวลาหัดว่ายน้ำให้ผมเสียที
“ฮึๆ งั้นดีเลย หมูน้อยอย่าซน แล้วนั่งรอพี่ตรงนี้อย่าไปไหน เข้าใจมั้ย”
ผมไม่ได้โกรธหรือไม่พอใจพี่ลีโอแต่แรกอยู่แล้ว พอได้เห็นแววตารักใคร่ปนเอ็นดู และได้รับสัมผัสอบอุ่นจากมือหนาที่กำลังลูบหัว พร้อมคำพูดที่เพิ่งได้ยินนั้น จึงไม่ยากอะไรที่ผมจะพยักหน้าพร้อมตอบรับคำพี่เสียงใส การกระทำของผมทำให้ผมได้รางวัลเป็นรอยยิ้มที่แสนดูดี และจูบอุ่นๆที่ขมับจากพี่เป็นรางวัล
ผมมองตามแผ่นหลังกว้างที่เดินห่างออกไปยังประตู กระทั่งประตูบานนั้นปิดลง จึงได้หันมามองธารน้ำตกเบื้องหน้าอีกครั้ง ซึ่งแน่นอนว่าใบหน้าผมยังคงประดับด้วยรอยยิ้มแห่งความสุขใจ ก็ทำไมผมจะไม่มีความสุขล่ะครับ ในเมื่อคุณแฟนรูปหล่อแสนใจดีเซอร์ไพรส์ผม ด้วยการพามาเที่ยวน้ำตกและพักยังรีสอร์ทสุดหรู
สถานที่ผมเพิ่งเอาไปอวดเมื่อไม่กี่วันก่อน ซึ่งวันนี้นาทีนี้ผมกลับได้มาอยู่ยังสถานที่แห่งนี้ เพียงเพราะความบังเอิญที่ผมเปิดเว็บไซต์การท่องเที่ยว แล้วได้เจอรีวิวบ้านพักของรีสอร์ทแห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี ที่มีตัวบ้านพักสร้างอิงแอบไปกับแนวไม้ โดยมีธารน้ำจากน้ำตกที่อยู่ไม่ไกลไหลผ่าน จนผมได้มีโอกาสนั่งห้อยขาจากพื้นชานหลังบ้าน สัมผัสกับความเย็นฉ่ำของสายน้ำ สมใจกับที่วาดฝันไว้ว่าอยากทำ คราที่ได้เห็นรูปบ้านพักในแวบแรก
ผมเชื่อว่ามีหลายคนอิจฉาผมอยู่ และคงไม่เพียงอิจฉาที่ผมได้มาเที่ยวในที่สวยๆเท่านั้น แต่คงกำลังอิจฉาผมที่มีแฟนแสนดีอย่างพี่ลีโอ ผู้ชายที่คอยเอาใจใส่และดูแลผมอย่างดี ซึ่งคงต้องเรียกว่าดีเสียยิ่งกว่าดีด้วยซ้ำ ในเมื่อการมาเที่ยวครั้งนี้ผมไม่ต้องเก็บของเองเลยสักชิ้น เพราะพี่ลีโอลงมือจัดกระเป๋าเดินทางของเราให้ด้วยตัวเอง และไหนพี่จะกระตือรือร้นดูแลเรื่องอาหารการกิน ทั้งในระหว่างเดินทางและเรื่องของว่างอย่างการกระทำเมื่อครู่อีกล่ะ ผมนี่โชคดีชะมัดที่มีพี่ลีโอเป็นคนรักและเห็นคุณค่าในตัวผมอย่างแท้จริง!
คิดดูสิครับผู้ชายที่แสนธรรมดาอย่างผม ด้วยหน้าตาที่ไม่มีอะไรโดดเด่น แถมยังมีน้ำหนักที่เกินมาตรฐาน การมีใครสักคนที่รักเราอย่างจริงใจก็เกินฝันแล้ว แต่ผมกลับมีคนรักอย่างพี่ลีโอ ผู้ชายสมบูรณ์ที่พร้อมทุกสิ่ง มันจึงเป็นยิ่งกว่าฝันสำหรับผมจริงๆ
ระหว่างที่ผมกำลังปล่อยอารมณ์ไปกับบรรยากาศแสนสบายรอบตัว จากเสียงน้ำไหล เสียงนก เสียงลมอยู่นั้น สุดปลายสายตากลับมีกระต่ายขนสีขาว กระโดดผ่านพุ่มไม้ออกมายังอีกฝั่งของลำธาร ก่อนมันจะก้มตัวดื่มน้ำและเงยหน้าขึ้นมอง
ผมชะงักไปครู่ใหญ่ เพราะดันรู้สึกว่ามันจ้องมาที่ผมเขม็ง เหมือนว่าจะสื่อสารอะไรด้วยบางอย่าง แต่จะเป็นไปได้อย่างไร ในเมื่อกระต่ายเป็นเพียงสัตว์ที่อาศัยสัญชาติญาณในการดำรงชีวิตเท่านั้น ผมส่ายหัวเพื่อไล่ความคิดไม่เข้าท่านั้นให้ออกจากหัว
“บ้าน่า กระต่ายเป็นแค่สัตว์จะสื่อสารได้ไงกัน...[พรึ่บบบ!!]...เฮ้ย!!!” ผมได้แต่บ่นตัวเองและยิ้มอยู่เพียงลำพัง แต่แล้วผมก็ต้องตกใจ เมื่ออยู่ๆนกจำนวนมากก็พร้อมใจกันบินออกมาจากต้นไม้ เหมือนว่าพวกมันตกใจในอะไรบางอย่าง
แต่กลับเกิดเหตุการณ์ที่น่าตกใจมากกว่านั้น คือกระต่ายที่ผมเห็นว่ามันกำลังจ้องมายังผม ดันตกใจและกระโดดหนีเสียงกระพือปีกของฝูงนกลงไปยังลำธาร แน่นอนว่าสัตว์ที่ตัวเล็กขนาดนั้นย่อมไม่อาจต้านแรงน้ำ ทำให้มันไหลไปตามกระแสน้ำอย่างช้าๆ ด้วยความตกใจและความสงสารสัตว์ตัวน้อย ผมกระโจนลงไปยังสายน้ำเบื้องหน้า ด้วยใจที่อยากช่วยเหลือชีวิตน้อยๆ แต่ลืมประมาณตัวเองว่าผมนั้นว่ายน้ำไม่เป็น มานึกได้ก็ต่อเมื่อระดับน้ำอยู่เหนืออก แต่อีกเพียงเอื้อมมือเดียวผมก็จะถึงกระต่ายตัวน้อยที่ผลุบๆโผล่ๆอยู่ในน้ำตัวนั้นแล้ว
ผมจึงสะกดความกลัวและก้าวเดินให้เร็วขึ้น เพื่อเข้าหาร่างน้อยที่ขนขาวๆเปียกลู่ไปทั้งตัว สำคัญที่แววตาเล็กๆคู่นั้นฉายชัดถึงความกลัวจับใจ แต่ผมมาพลาดเอาเมื่อเท้าสะดุดหินใต้ลำธารจนเสียหลักหน้าคะมำ ถ้าเป็นพื้นดินปกติ ผมคงลุกขึ้นและเดินต่อ แต่เมื่ออยู่ในน้ำสำหรับคนว่ายน้ำไม่เป็นอย่างผม แค่พยุงตัวเดินยังยาก อย่าหวังว่าพอเสียหลักแล้วผมจะพยุงตัวเดินต่อได้ ดังนั้นผมจึงทั้งสำลักน้ำและมีชะตากรรมไม่ต่างจากกระต่ายที่ผมตั้งใจช่วยชีวิต
“ลูกหมู!!” เสียงพี่ลีโอตะโกนเรียกผมเสียงหลงด้วยความตกใจ แต่ผมไม่มีโอกาสหันไปมองพี่สักนิด เพราะแค่พยุงตัวให้ใบหน้าอยู่เหนือน้ำก็เป็นเรื่องลำบากของผมมากแล้ว
ผมไม่คิดว่าธารน้ำที่ดูเหมือนตื้นและไหลเอื่อยๆ จะมีพิษสงพัดพาร่างผมออกมาไกลจากฝั่ง และทำท่าจะดูดกลืนผมให้ลงไปยังวังวนใต้ธารน้ำอีกด้วย จนผมเริ่มหายไม่ออกและเห็นเพียงภาพขมุกขมัวผ่านม่านน้ำสายใหญ่ แต่ก่อนที่สติผมจะหลุดลอย รอบกายที่เคยเย็นเฉียบกลับเริ่มอุ่นขึ้น พร้อมกับร่างที่เคยจมดิ่งกลับหยุดนิ่ง เหมือนว่าผมลอยนิ่งๆอยู่ใต้น้ำ และผมก็แน่ใจว่าตัวเองไม่ได้หูแว่ว ยามได้ยินเจ้าของน้ำเสียงอ่อนโยนเรียกผมด้วยชื่อพิเศษ
“เมอร์คิวรี่...ไม่ต้องตกใจ เจ้าปลอดภัยแล้ว” พลันปรากฏร่างบอบบางของท่านเมอาโอบกอดอยู่รอบตัวผม ซึ่งรอยยิ้มบางเบาของท่านได้สร้างความอุ่นใจให้แก่ผมมากนัก และสลายความกลัวให้หมดไปอย่างช้าๆ
“ทะ...ท่านแม่” ผมรำพึงในใจได้เท่านั้น ก่อนสติจะดับวูบไปพร้อมความมืดที่เข้าครอบงำสติผม
......................................
“...หมู ลูกหมู อย่าเป็น...ไรนะ ฟื้น...มาสิ ลูก.........เมอร์คิวรี่ ตื่นเถอะ ลูกรักของข้า”
ผมแน่ใจว่าได้ยินพี่ลีโอเรียกผมด้วยน้ำเสียงร้อนรน แต่ทำไมพอผมลืมตาตื่น ผมกลับเห็นท่านแม่ระบายยิ้มรอผมอยู่ก่อนแล้วล่ะ และถือว่าครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ผมรับรู้ถึงการคงอยู่ ของบุคคลที่มีสถานะเป็นแม่ของผมจริงๆ เพราะทุกครั้งที่เจอท่าน เหมือนเป็นดั่งภาพฝันที่จับต้องไม่ได้ไปเสียทุกครา
“ทะ...ท่าน...แม่ ข้ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แล้วที่นี่คือที่ไหนกัน” แม้ผมจะอุ่นใจที่มีท่านแม่ ผู้ที่ผมรับรู้ว่าคือคนให้กำเนิดอยู่เคียงข้าง แต่สถานที่และบรรยากาศที่ไม่คุ้นเคยเริ่มทำให้ผมแตกตื่น ด้วยแน่ใจมากว่าผมจะไม่สามารถเห็นสถานที่แห่งนี้ได้ที่ไหนบนโลกมนุษย์
สถานที่ที่ปกคลุมไปด้วยต้นไม้ใหญ่นานาพันธุ์ ให้ความร่มรื่นฉ่ำเย็นเกือบหนาวจนสะท้าน และเต็มไปด้วยดอกไม้ป่าสีสันแปลกตาที่ส่งกลิ่นหอมอบอวลชวนให้เคลิบเคลิ้ม แถมบรรยากาศยังปกคลุมไปด้วยไอหมอกจางๆ ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังลอยละล่องและเย็นสดชื่นในแบบที่ผมไม่เคยรู้สึกมาก่อน
สำคัญที่มีบางสิ่งที่ทำผมแตกตื่นได้มากที่สุด คือสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาด ที่เราๆอาจจะเรียกมันว่านกบินโฉบไปมาเหนือเหล่าแมกไม้ แต่ปีกที่ใช้บินกลับโปร่งใสและสะท้อนแสงเหลือบเห็นเป็นสีรุ้ง ซึ่งความแปลกประหลาดยังไม่หมดเท่านั้น เพราะมันกลับส่งเสียงร้องที่ไม่ปกตินัก เสียงร้องที่คล้ายกับว่ามีใครเปิดแผ่นเสียงเพลงบรรเลงของโมสาร์ท ดังสะท้อนไปมาทั่วบริเวณ นาทีนี้ถ้ามีใครบอกว่าผมอยู่บนสรวงสวรรค์ ผมก็คงเชื่ออย่างไม่มีข้อแม้
สิ่งที่ผมบรรยายไปทั้งหมดน่าจะชวนให้เคลิบเคลิ้มและหลงใหล ไปกับความรู้สึกแสนพิเศษเหล่านี้มากแค่ไหนก็ตาม แต่จิตใต้สำนึกกลับร่ำร้องว่าสิ่งที่ผมพบเจอนั้นไม่ปกติ แล้วไหนจะท่านแม่ที่แสนงดงามคนนี้อีกเล่า คนที่ผมเคยเห็นเพียงชั่วแวบ และค่อนข้างมั่นใจว่าท่านต้องพิเศษกว่ามนุษย์ปกติเช่นเราๆ
“เจ้ากำลังหวาดกลัวกับสถานที่ที่เรียกว่า ‘บ้าน’ รึ...เมอร์คิวรี่” คำว่าบ้านจากท่านแม่หยุดทุกความรู้สึกที่กำลังก่อเกิดในตัวผม
ผมรับรู้ได้ว่า ‘บ้าน’ หลังนี้ช่างแตกต่างจากบ้านหลังใหญ่ของอัครภูมิเมธีมากมายนัก และคงกินความหมายในสิ่งที่ผมสงสัยใคร่รู้มาตลอด นับตั้งแต่การปรากฏตัวของท่านแม่ และไม่ว่าจะเป็นอาการชะงักงัน หรือแววตาสงสัยใคร่รู้ของผมก็ตาม ทำให้หนุ่มหน้าสวยที่มีสถานะเป็นผู้ให้กำเนิดของผม คลี่ยิ้มละมุนจับตาขึ้นอย่างช้าๆ ด้วยแววตาที่ถ่ายทอดออกมาว่าเอ็นดูผมจับใจ ก่อนฝ่ามืออุ่นๆยื่นมาลูบหัวผมอย่างอ่อนโยน จนผมสัมผัสได้ถึงความรักและความหวังดีได้อย่างชัดเจน
ผมเผลอหลับตาและระบายยิ้มรับสัมผัสจากฝ่ามืออบอุ่น เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งผมก็ต้องตะลึง ด้วยมีออร่าสีทองเปล่งประกายอยู่รอบกายท่านแม่ มารู้ตัวอีกทีก็ต่อเมื่อผมได้แต่เดินตามแรงจูงของท่าน พร้อมๆกับได้ยินเสียงหวานๆชี้ชวนให้ผมดูสถานที่รอบตัว
แน่นอนว่าสิ่งรอบตัวที่ผมได้เห็น ช่างแปลกตาและสร้างความตื่นตะลึงแก่ผมมากนัก ไม่ว่าจะเป็นน้ำตกที่สายน้ำเป็นสีรุ้งสวยจับตา หรือจะเป็นปลาที่มีเกล็ดสีทองหลากหลายขนาดกำลังแหวกว่ายไปมา สำคัญที่ฝูงปลาเหล่านั้นกลับมีปีกบินโฉบไปมาเหนือผิวน้ำได้ด้วย เหมือนว่าพวกมันตั้งใจอวดโฉมและต้องการทักทายผมที่เดินผ่านมา
แม้แต่ดอกไม้ป่าหลากสีเองกลับแข่งกันเบ่งบานยามผมเดินผ่าน ซึ่งถ้าหูไม่เพี้ยนผมยังได้ยินเสียงเล็กๆทักทายมาตลอดทาง ด้วยชื่อที่ท่านแม่มักใช้เรียกผมอีกด้วย
“เมอร์คิวรี่นี่หน่า...สวัสดีเมอร์คิวรี่...ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะเมอร์คิวรี่...เมอร์คิวรี่พวกเราคิดถึงท่าน...เทพองค์น้อยของเรากลับบ้านแล้ว”
“พวกเค้าคงคิดถึงเจ้ามากน่ะเมอร์คิวรี่ เพราะเจ้าจากเราไปนานเหลือเกิน ข้าเองก็คิดถึงเจ้าเช่นกัน บุตรชายที่แสนสง่างามแห่งข้า” ผมกอดตอบอ้อมกอดอบอุ่นของท่านแม่ ยอมรับว่าทั้งโหยหาและซาบซึ้งในสิ่งที่รับรู้และได้สัมผัสไม่น้อยทีเดียว
“ท่านแม่ ข้าเองก็คิดถึงท่านเช่นกัน” อยู่ๆน้ำตาผมก็ไหล แต่เรียกว่าเป็นการยิ้มทั้งน้ำตาจะเหมาะกว่า
ความรู้สึกเหมือนกับว่าผมได้กลับบ้านอีกครั้ง หลังจากออกเดินทางไปเนิ่นนาน ก่อนได้กลับมาในแหล่งที่คุ้นเคย ซึ่งมั่นใจได้ว่ามีแต่ความรักและปลอดภัยที่สุดสำหรับผม
“เจ้าพร้อมที่จะกลับ ‘บ้าน’ ของเราแล้วใช่มั้ย” คำถามนี้ของท่านแม่ทำให้รอยยิ้มของผมที่เคยมีเลือนหาย ด้วยรู้ในคำตอบว่าอาจจะทำให้ท่านผิดหวัง
ในเมื่อบ้านอีกหลังของผมยังรอผมอยู่ บ้านที่มีคนที่ผมรักและรักผมอย่างจริงใจเช่นกัน
“เมอร์คิวรี่เจ้ายังต้องลังเลอะไรอีก ในเมื่อภารกิจที่เจ้าได้รับมอบหมายนั้นสมบูรณ์แล้ว” ท่านแม่พูดจบก็วางมือลงบนหน้าท้องของผม ซึ่งผมไม่เข้าใจทั้งคำพูดและการกระทำของท่านนัก ภารกิจอะไรกันที่ผมได้รับมอบหมายมา
นาทีนี้ผมไม่สนใจมันอีกแล้ว ด้วยรู้แต่ว่าผมอาจจะต้องพลัดพรากจากคนที่ผมรัก หากว่าผมไม่รีบปฏิเสธท่านแม่ในตอนนี้ แต่สิ่งที่ผมได้รับหลังเอ่ยปากปฏิเสธการกลับบ้านของท่านคือ อาการนิ่งเงียบและเฉยเมยของท่านแม่ จนผมเริ่มกริ่งเกรงเพราะรับรู้ถึงพลังอำนาจบางอย่าง ที่แผ่ออกมารอบกายของท่าน
แม้แต่เสียงกระซิบชื่นชมของหมู่มวลดอกไม้ที่เคยดังเบาๆ และเสียงเพลงของโมสาร์ทจากนกน้อยที่กำลังขับกล่อม กลับเงียบเสียงลงเหมือนว่าไม่เคยมีเสียงเหล่านั้นมาก่อน
ผมก้าวถอยหลังหนึ่งก้าว ด้วยเกรงกับสายตานิ่งขึงและจ้องเขม็งมองผมของท่านแม่อย่างไม่รู้ตัว ก่อนจะตัดสินใจย่อตัวและคุกเข่าลงต่อหน้าท่าน พร้อมกับมีน้ำตาที่ไหลออกมาเป็นสาย ผมยื่นมือไปคว้ามือข้างที่เคยกุมมือผมเดินของท่านแม่ไว้
“ท่านแม่ ข้านั้นอกตัญญูต่อท่านนัก ที่ทำให้ท่านผิดหวังและเสียใจเช่นนี้ แต่ข้าไม่รู้หรอกว่าเคยรับปาก เพื่อทำภารกิจสำคัญอะไรต่อท่านไว้ แม้ข้าจะเริ่มคุ้นเคยต่อสถานที่แห่งนี้ และรับรู้ถึงความรักความปรารถนาดีที่ท่านมีให้แก่ข้าอย่างชัดเจน แต่...แต่ข้ายังไม่พร้อมที่จะกลับ ‘บ้าน’ หลังนี้ เพราะบ้านอีกหลังที่มีบุคคลอันเป็นที่รักแห่งข้าอยู่นั้น พวกเขาเหล่านั้นยังรอข้าอยู่ ที่สำคัญ...คนที่รักข้าสุดหัวใจและดูแลข้ามาตลอดที่ข้าอยู่ที่นั่น คงจะเศร้าเสียใจและแทบอยู่ไม่ได้เป็นแน่ ถ้าข้าต้องมาอยู่กับท่านแม่ในตอนนี้ ได้โปรดเถอะท่าน ขอเวลาให้ข้าได้ตอบแทนความรักของเขาคนนั้นก่อน และข้าสัญญาว่าเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ข้าจะกลับบ้านของเรา”
ช่วงนาทีที่ผมเฝ้ารอคำตอบของท่านแม่ เหมือนว่าช่วงเวลานั้นยาวนานร่วมชั่วโมงเลยทีเดียว เพราะในความรู้สึกของผมมันบอกว่า ช่างยากนักที่ท่านแม่จะยอมรับในคำขอของผม
ขณะที่ผมกำลังสิ้นหวังจากใบหน้าเฉยชาและแววตาไม่พอใจของท่านแม่ น้ำตาที่พยายามกลั้นไว้กลับพรั่งพรูร่วงหล่นเหมือนดังสายน้ำตกข้างๆเลยทีเดียว พร้อมกับอาการสะอึกสะอื้นตามมาอย่างห้ามไม่อยู่ เพียงแค่คิดว่าผมต้องพรากจากจากพี่ลีโอไปตลอดกาล
“เมอร์คิวรี่หยุดร้องเสียเถอะ เจ้าคิดว่าข้าจะใจร้ายใจดำกับบุตรของตัวเองได้เชียวรึ” สิ้นประโยคของท่านแม่ ท่านได้ยื่นมือมาเกลี่ยคราบน้ำตาให้ผมอย่างอ่อนโยน ก่อนจะเชยคางผมขึ้นและส่งยิ้มอบอุ่นมาให้
ผมจึงได้แต่ส่ายหน้าช้าๆตอบรับคำท่านแทน แม้ใจจะคิดไปแล้วก็ตามว่าท่านแม่ ต้องออกคำสั่งให้ผมกลับมาอยู่ ณ ดินแดนแหล่งนี้ แต่การกระทำของท่านตอนนี้ ทำให้ความรู้สึกเศร้าเสียใจของผมที่คิดว่าต้องห่างจากคนรัก ค่อยๆบรรเทาเบาบางลง พร้อมๆกับท่านได้พยุงผมขึ้นจากพื้น และพามานั่งยังโขดหินข้างน้ำตก ก่อนท่านจะกอบกุมมือทั้งคู่ของผมไว้
“ข้าไม่ใช่มารดาที่จะใจร้ายกับบุตรของตัวเองได้หรอก แต่ที่ข้าไม่ตอบรับคำขอของเจ้าในทันที เพราะอยู่ๆข้าก็นึกโมโหท่านพ่อของเจ้าขึ้นมา หึ! นึกอุตริมอบหมายภารกิจพิสดาร ส่งบรรดาบุตรของข้าไปยังดินแดนของมนุษย์ เพียงเพื่อต้องการสร้างเผ่าพันธุ์ลูกผสมตามตำนานเท่านั้น ถึงขั้นส่งบุตรแห่งข้าให้ไปลำบาก ไม่ได้เสวยสุขอย่างที่ควร ดูอย่างเจ้าสิเมอร์คิวรี่ บุตรที่แสนงดงามของข้าต้องรู้สึกต่ำต้อยด้อยค่า ทั้งๆที่เจ้าเหนือกว่าบรรดามนุษย์เหล่านั้นมากมายนัก เพราะท่านพ่อของเจ้าคนเดียวแท้ๆ สมควรแล้วที่ข้าหนีออกมา ปล่อยให้กระวนกระวายเสียให้เข็ด”
ผมสังเกตท่านแม่ยามเอ่ยถึงท่านพ่อ บุคคลที่ผมยังไม่เคยเห็นหน้านั้น แววตาของท่านเปล่งประกายเต็มไปด้วยความรัก แม้ปากจะแอบต่อว่าด้วยเสียงแข็งๆก็ตาม และสิ่งที่ท่านพูดทำให้ผมพอจับใจความถึงที่มาของตัวเองได้บ้าง แม้จะไม่ได้ความกระจ่างทั้งหมดก็ตาม บวกความดีใจที่ได้รู้ว่าผมยังมีโอกาสได้กลับไปหาพี่ลีโอ ทำให้ผมไม่คิดจะขัดในสิ่งที่ท่านพูด
ผมจึงได้แต่แอบอมยิ้มไปกับความรู้สึกพิเศษที่ท่านแม่มีให้ท่านพ่อ ยามที่ท่านเอ่ยถึงกันเท่านั้น ผมเกิดมาจากความรักของบุคคลสองคน ไม่ใช่เด็กที่เกิดจากความผิดพลาดและไม่เป็นที่ต้องการเหมือนที่ผมเคยคิด
“อย่างที่บอกว่าข้าไม่ใช่มารดาใจร้าย ข้าจะยอมให้เจ้ากลับไปหาคนที่เจ้ารัก และเขาก็รักเจ้าคนนั้น แต่เมื่อเจ้ากลับมาถึงบ้านของเราแล้ว ข้าก็ยังไม่อยากให้เจ้ารีบกลับ อยากให้อยู่เป็นเพื่อนข้าอีกสักหน่อย เพราะตั้งแต่พวกเจ้าพี่น้องจากไป ข้าเหงาเหลือเกิน โดยเฉพาะกับเจ้า บุตรชายที่แสนอ่อนโยนและใส่ใจคนรอบข้างมากที่สุด...เมอร์คิวรี่
เพราะหากเป็นบุตรคนอื่น หรืออย่างวาเลนไทน์ ถ้าเจอเหตุการณ์เดียวกับเจ้า คงจะไม่อ้อนวอนข้าแบบนี้ แต่คงเลือกที่จะเอาแต่ใจและเร้าหรือ โดยใช้ความรักที่ข้ามีให้ ต่อรองให้ข้าตอบตกลงอย่างใจ เพื่อตัวเองจะได้อยู่กับคนรักแทนแล้วล่ะ ฮึๆ...เอาเถอะ เมอร์คิวรี่ตามข้ามาทักทายสหายน้อยๆของเจ้ากันดีกว่า”
ยังไม่ทันที่ผมเอ่ยถามท่านแม่ในข้อสงสัยที่ว่าวาเลนไทน์นั้นคือใคร เป็นหนึ่งในพี่น้องของผมใช่หรือไม่ แล้วบรรดาพี่น้องที่ท่านเอ่ยถึงมีชะตากรรมเดียวกันกับผมหรือเปล่า ที่สำคัญภารกิจของท่านพ่อที่ต้องการสร้างลูกผสมตามตำนานคืออะไร คำถามเหล่านั้นไม่ได้ถูกถามออกไป
เพียงเพราะบรรดาสัตว์น้อยใหญ่ที่มีรูปร่างเกือบคล้ายคลึงสัตว์ปกติที่เราๆเคยเห็น แต่มีบางอย่างพิเศษแปลกตาต่างกันไป พวกมันทยอยเดินเข้ามาทักทายผมกับท่านแม่ คุณฟังไม่ผิดหรอกที่ผมใช้คำว่าทักทาย เพราะเจอสัตว์เทพพูดได้เสียแล้ว ทำให้ผมตื่นตาตื่นใจจนลืมคำถามเหล่านั้นไปเลย
ผมเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศของ ‘บ้าน’ อีกหลัง ทั้งสิ่งแวดล้อมรอบตัว สิ่งมีชีวิตน้อยๆแสนแปลกตา โดยเฉพาะความรู้สึกเป็นที่รักและเอาใจใส่จากมารดาผู้ให้กำเนิด
จนเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วแบบไม่รู้ตัว กระทั่งดาวหลากสีขึ้นประดับอยู่เต็มท้องฟ้าสีคราม ทั้งชมพู แดง เหลือง เขียว กระพริบระยิบระยับไม่ต่างจากความสวยของเพชรพลอย ภาพเบื้องหน้านั้นช่างน่าหลงใหลจนผมไม่อาจละสายตา และน่าเสียดายจนไม่อยากจากไปง่ายๆเสียแล้ว
.................................................
โปรดติดตามตอนต่อไป^^เทพองค์น้อยได้กลับบ้านแล้ว ดูท่าจะติดใจอยู่เหมือนกัน
ส่วนคนรอจะเป็นยังไงบ้างน้อ จะเศร้าจะทุกข์ใจขนาดไหนกันล่ะ
ตามมาเยี่ยมและให้กำลังใจลีโอได้ในตอนต่อไปนะคะ
เจอกันวันอาทิตย์ค่า+1และเป็ดสำหรับทุกเม้นท์ ขอบคุณทุกการติดตามค่ะ
