ตอนที่ 21ลีโอ“ทีร่าดีใจจังค่ะ ที่วันนี้คุณลีโอไม่ลืมสัญญาออกมาทานข้าวกับทีร่า แถมยังเลือกร้านโปรดของทีร่าอีก นี่ทีร่าคิดไปแล้วนะคะเนี่ยว่าลีโอ เอิ่ม...คุณลีโอไปแอบสืบมารึเปล่า” น้ำเสียงหวานๆกับกิริยาชม้ายชายตาอย่างมีจริตของอินทิราหรืออีกนามว่าทีร่า ทำให้ผมกระตุกยิ้มด้วยความขบขัน ก่อนจะรีบเหลือบสายตาลงมองยังแก้วน้ำก้านยาวเบื้องหน้า ด้วยกลัวว่าเธอจะสังเกตเห็นแววตารู้เท่าทันของผมเสียก่อน
ผมแน่ใจว่าอ่านเจตนาของคนตรงหน้าออก ทั้งคำพูดและแววตาส่อเจตนาให้ชวนคิด เชื่อได้ว่าหากเป็นผู้ชายคนอื่นได้ฟังได้เห็นแบบนี้เข้า คงเต็มใจที่จะเดินไปตามสะพานที่ถูกทอดมาให้ถึงที่อย่างแน่นอน แต่สำหรับผมก็ได้แค่ขบขันและมองข้ามไมตรีที่ถูกหยิบยื่นมาให้อย่างโจ่งแจ้งเท่านั้น เพราะรู้ๆกันอยู่ว่าผมได้ยกหัวใจทั้งดวงให้คนๆหนึ่งเป็นเจ้าของหมดแล้ว ดังนั้นการมากินข้าวกับอินทิราครั้งนี้ จึงไม่ต่างจากการกินข้าวกับลูกค้าคนหนึ่งเลย
นาทีนี้ผมก็ให้อารมณ์ดี เมื่อย้อนนึกไปถึงอาการหึงจนหน้ามืดของคนรักตัวกลมในค่ำคืนที่ผ่านมา เรียกว่าลูกหมูเสียแรงเปล่าจริงๆที่หึงผมกับอินทิรา แต่หากมองให้ดีๆการกระทำของน้อง มันหมายความว่าน้องรักผมมากถึงหึงได้รุนแรงขนาดนั้น ซึ่งก็สร้างความยินดีให้แก่คนถูกรักอย่างผมไม่น้อย
แต่ผมต้องยอมรับว่าช่วงเวลานั้นการกระทำของน้อง ทำผมใจแกว่งไปเหมือนกัน ทั้งอาการนิ่งเงียบหลบตาไม่ยอมคุยด้วย ทั้งการสะบัดมือหนีวิ่งขึ้นห้อง หรือแม้แต่นั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่บนเตียงคนเดียวร่วมชั่วโมง แต่สุดท้ายเราก็ปรับความเข้าใจกันได้ ในแบบที่ลึกซึ้งแนบแน่นและยากที่จะลืมเชียวล่ะ
ผมที่มัวแต่อยู่ในภวังค์ความคิดของเหตุการณ์ยามค่ำคืนแสนเย้ายวนนั้น จึงไม่ได้รับรู้ถึงบทสนทนาของผู้ร่วมโต๊ะเลย จนกระทั่งมีเสียงดีอกดีใจดังขึ้นมา
“ทีน่าดีใจจริงๆค่ะ! ที่ลีโออนุญาตให้ทีร่าเรียกลีโอว่าลีโอได้เลย เฮ้อออ! โล่งอก ตอนแรกก็กลัวว่าลีโอจะไม่พอใจซะแล้ว ที่ทีร่าทำตัวเหมือนตีสนิทด้วย คิกๆ” ผมเลิกคิ้วใส่เจ้าของเสียงหัวเราะพลิ้วไหว ที่ยกมือปิดปากด้วยท่วงท่าที่ถูกฝึกมาแล้วอย่างดี
ท่าทางและสีหน้างงงวยของผมคงแสดงออกให้คู่สนทนาเห็นชัด อินทิราหรือทีร่าจึงขยายความให้ผมได้รับรู้ แต่ดูท่าเธอจะเป็นคนที่ชอบคิดเองเออเองไปฝ่ายเดียวเสียแล้ว
“คิกๆ ลีโอล่ะก็ แกล้งทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ไปได้ แกล้งทีร่าใช่มั้ยคะเนี่ย เมื่อกี๊ยังยิ้มรับ ตอนทีร่าขอเรียกชื่อลีโอเฉยๆอยู่เลย น่าตีจริงๆ” อินทิราไม่พูดเปล่า เธอยังยื่นมือมาตีหลังมือผมเบาๆ แต่ดันถือโอกาสวางมือค้างไว้ไม่ปล่อยเสียได้
กลายเป็นว่าอินทิรานั่งจับมือผมไว้ข้างหนึ่ง ส่วนมือสวยๆอีกข้างกรีดกรายก่อนใช้ท้าวคาง และส่งสายตาหยาดเยิ้มมาให้ผม ด้วยการวางท่าดั่งแมวสาวจอมยั่วยวน ไอ้ผมที่กำลังทบทวนในสิ่งที่เธอพูดว่าเผลอตอบรับคำเธอไปเมื่อไหร่ จึงยังไม่ทันชักมือหนีในทันที แต่อยู่ๆก็มีเสียงช้อนหรือส้อมหล่นกระทบพื้น
“อ๊ะ!...ขอโทษครับ” จากอาการที่เพียงชะงักของผม ถึงกลับต้องหมุนตัวไปยังทิศทางของเสียงขอโทษขอโพยที่แสนคุ้นเคยนั้น
ภาพที่ผมเห็นคือลูกหมูก้มหัวขอโทษและยิ้มแหยๆไปรอบตัว ให้แก่ลูกค้าในร้านอาหารอิตาเลียนที่มีอยู่เกือบเต็มร้าน และคงเพราะจำนวนคนกับโต๊ะที่ถูกจัดวางห่างๆกัน ทำให้ผมไม่ทันสังเกตเห็นน้องแต่แรก ซึ่งบนโต๊ะเดียวกันนั้นไม่ได้มีเพียงคนของผม แต่มีเพื่อนสนิทอย่างนายปูนตามมาเป็นเพื่อนน้องด้วย โดยที่ทั้งคู่ใสเสื้อแจ็คเก็ตคลุมทับเสื้อกาวน์ที่ใช้ใส่ฝึกงาน ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าคู่นี้หนีมาหรือขอพี่หัวหน้าออกมากันแน่
สถานการณ์นี้ผมไม่ต้องเดาให้เสียเวลาว่ามันไม่ใช่ความบังเอิญ แต่เป็นความจงใจของลูกหมูที่ต้องการตามมาดูพฤติกรรมของผมกับอินทิรา ซึ่งในที่สุดเราก็ได้สบตากัน และก็เป็นน้องที่เป็นฝ่ายก้มหน้างุดหนีสายตาผมก่อน นายปูนเองก็ได้แต่ส่งยิ้มแหยๆ และรีบหันไปยื่นหน้ากระซิบอะไรบางอย่างกับลูกหมู
ผมได้แต่ส่ายหน้าและถอนหายใจบางเบา กับความขี้หึงขี้ระแวงของน้อง ในใจไม่เคยนึกโกรธหรือหงุดหงิดใจใส่น้องสักนิด เพราะเข้าใจดีกับอารมณ์ที่น้องเป็นอยู่ ด้วยผมเองก็เป็น แม้เราจะเชื่อใจคนรักของเรามากเพียงใด แต่มันอดระแวงและอดไม่ไว้ใจคนที่เข้าหาคนของเราไม่ได้จริงๆ
หากกลับกันถ้าผมต้องอยู่ในสถานการณ์เดียวกับลูกหมู ผมคงออกปากห้ามไม่ให้ออกมาแต่แรกแล้ว แต่การที่น้องพยายามทำความเข้าใจตามสิ่งที่ผมชี้แจงเรื่องอินทิรา ว่าผมไม่มีทางคิดอะไรเกินเลยด้วย บวกกับน้องไม่มีทีท่าทักท้วงขึ้นมาอีก เมื่อผมบอกว่าต้องมากินข้าวกับเธอในช่วงกลางวันนี้ เพื่อรักษาสัญญาที่ให้ไว้ ทำให้ผมทั้งภูมิใจและเอ็นดูน้องยิ่งขึ้น แม้จะเพิ่งรู้ว่าน้องแอบตามมาดูผมก็ตามทีเถอะครับ
“เอ๊ะ! นั่น...ใช่!?” สีหน้าแววตาไม่แน่ใจของอินทิราและคำถามสั่นๆที่หลุดมา ยามมองไปยังต้นเสียงทิศทางเดียวกับผม บอกผมหมดว่าเธอคงพอคุ้นหน้าคุ้นตาหมูน้อยของผมอยู่บ้าง ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจอะไร เพราะข่าวผมกับลูกหมูเมื่อหลายเดือนก่อนนั้นออกจะโด่งดัง
“ฮึๆ...ผมขอตัวสักครู่นะครับ” ผมพูดพร้อมก้มหัวให้คนที่นั่งฝั่งตรงข้าม ก่อนจะลุกออกไปยังโต๊ะที่ลูกหมูกับนายปูนนั่งอยู่ ยอมเสียมารยาทกับลูกค้ารายใหม่ และเลือกที่จะมองข้ามคำทักท้วงของเธอ
ผมต้องรีบสาวเท้าให้เร็วขึ้น เพราะคนที่ผมต้องการเดินไปหานั้น กำลังลุกออกจากโต๊ะและเดินหนีออกไปยังหน้าร้าน
“ลูกหมูรอด้วย จะต้องหนีทำไม พี่ลีโอเห็นแล้วแท้ๆ” จริงตามที่นายปูนพูดนั่นแหละครับ ไม่รู้ทำไมคนรักตัวกลมของผมถึงต้องหนีด้วย ยังดีที่ผมตามทันเจ้าตัวที่หน้าประตูร้านพอดี
ผมจับต้นแขนลูกหมูไว้และเดินเข้าประชิดแผ่นหลังของน้อง ก่อนก้มกระซิบข้างๆใบหูซีดเซียว
“หมูน้อยของพี่อยากกินอาหารอิตาเลียนก็ไม่บอก ถ้าบอกกันตั้งแต่เมื่อเช้า พี่ไปรับเรามากินกับลูกค้าแล้ว”
น้องเงียบไปหนึ่งอึดใจ ก่อนเงยหน้าส่งแววตาสั่นๆ เหมือนเด็กทำผิดแล้วโดนผู้ใหญ่จับได้ส่งมาให้ผม ผมเห็นแล้วก็ได้แต่นึกเอ็นดู คนตัวกลมคงกลัวโดนผมตำหนิแน่ๆ ผมจึงเลือกที่จะระบายยิ้มอบอุ่นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นให้น้อง และเปลี่ยนมากุมมือนุ่มไว้ ก่อนหันไปชวนนายปูนที่ยืนยกยิ้มนิดๆอยู่ก่อนแล้ว
“มา...ตามมาที่โต๊ะ กินอะไรด้วยกันก่อน แล้วค่อยกลับไปโรงพยาบาล” จบด้วยการส่งยิ้มให้ลูกหมูที่กำลังทำหน้ามึนๆอีกที
ผมจับจูงลูกหมูเดินกลับไปยังโต๊ะเดิมที่ลุกออกมา ท่ามกลางสายตาหลายคู่ภายในร้าน แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นคือสายตาของอินทิราลูกค้ารายใหม่ของธนาคารเรา
“ลูกหมู นี่คุณอินทิราลูกค้าที่พี่บอกว่าจะมาทานกลางวันด้วยไงครับ...คุณอินทิรา นี่ลูกหมูคู่หมั้นผม และนั่นปูนเพื่อนสนิทลูกหมู ผมขอให้ทั้งคู่นั่งทานกลางวันกับเราด้วยนะครับ” ผมไม่รอคำตอบของเธอ แต่เลือกที่จะเลื่อนเก้าอี้ให้คนรักตัวกลมของผมนั่ง และพยักหน้าให้นายปูนนั่งตัวตรงข้ามกับลูกหมู
บรรยากาศบนโต๊ะหลังจากสั่งอาหารเพิ่มสำหรับลูกหมูและนายปูนค่อนข้างเงียบ ผมจับอารมณ์ของอินทิราได้ว่าต่างจากเมื่อแรกเรามาถึงร้านคนละขั้วเลยทีเดียว จะว่าผมเสียมารยาทกับผู้หญิงผมก็ยอม แต่ผมจะไม่ยอมให้หมูน้อยของผมต้องกังวลใจอยู่เพียงลำพังแน่นอน
ผมรู้ว่าอินทิราลอบมองกิริยาเอาใจใส่ของผมที่มีให้แก่ลูกหมูตลอดเวลาที่กินอาหาร แต่พอผมหันไปมอง เธอกลับบรรจงระบายยิ้มอ่อนหวานและแสร้งตีสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ใส่ได้อย่างน่าขัน น้องเองก็เอาแต่หลบตาผมและกินอย่างเงียบๆ มีบ้างที่เหลือบไปมองผู้หญิงคนเดียวบนโต๊ะ แต่พออินทิราหันไปสบตาด้วย ก็ได้แต่ส่งยิ้มแหยๆก่อนจะก้มหน้าก้มตากินอย่างเกร็งๆ
ผมลอบถอนใจกับสถานการณ์ไม่สู้ดีบนโต๊ะ ด้วยเป็นห่วงความรู้สึกของคนที่ผมรัก ส่วนอีกคนจะคิดยังไงผมไม่สนใจอยู่แล้ว นายปูนเองมีชวนเพื่อนสนิทคุยบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะสนใจกับอาหารตรงหน้าเสียมากกว่า
“ทานของหวานต่อมั้ย พี่เอาเมนูให้” ยังไม่ทันที่ผมจะเรียกบริกร ลูกหมูก็ปฏิเสธเสียก่อน
“ไม่ครับ...ลูกหมูอิ่มแล้ว อีกอย่างกลัวกลับไปโรงพยาบาลไม่ทันด้วย” จบคำน้อง ผมพยักหน้าให้น้อง ก่อนกวาดสายตาไปรอบโต๊ะก็พบว่าทุกคนวางอุปกรณ์ในการกินหมดแล้ว
ผมจึงเหลือบสบตาอินทิราอีกนิด เธอเองก็ยิ้มให้ผมบางเบาและหลุบสายตาลงต่ำ ชั่วแวบผมว่าผมมองไม่ผิด ด้วยเห็นแววขุ่นเคืองจากดวงตาคู่สวย แต่ผมเลือกที่จะไม่เก็บมาใส่ใจ ผมยกมือเรียกบริกรให้คิดเงิน ระหว่างนั้นลูกหมูขอตัวไปเข้าห้องน้ำ และน้องก็ปฏิเสธผมทันทีที่ผมจะตามไปด้วย ผมได้แต่ทอดสายตามองตามแผ่นหลังลูกหมู
“ทีร่าก็ขอตัวเข้าห้องน้ำหน่อยนะคะ”
เมื่ออยู่กันสองคนบนโต๊ะ ผมจึงมีโอกาสซักถามนายปูนถึงที่มาที่ไป ของการปรากฏตัวของสองเพื่อนซี้ในร้านอาหารที่ผมมากินข้าวกับลูกค้า
“ลูกหมูซึมแต่เช้า ผมก็ผิดสังเกต พอได้โอกาสเลยจับมาถามให้รู้เรื่อง ผมถึงรู้ว่าพี่ต้องมากินข้าวกับดาราสาวสวยตามลำพัง เป็นสาเหตุให้เพื่อนผมมันหงอยผิดตา ผมเลยยุให้แอบตามมาสังเกตการณ์น่ะ ไม่ใช่ความผิดของลูกหมูหรอก พี่เองก็อย่าไปตำหนิลูกหมูเลยที่แอบตามมา เพราะเจ้าตัวเองก็ไม่สบายใจเท่าไหร่ที่ต้องทำแบบนี้ แต่ผมนี่แหละที่ยุกึ่งบังคับให้มา เพราะขืนปล่อยไว้ มีหวังวันทั้งวันคงได้แต่เหม่อ เผลอๆจะโดนพี่แจนดุเอาจนเสียคะแนน”
ผมพยักหน้าตอบรับนายปูนอย่างเข้าใจในเจตนาอันดีของเพื่อนที่มีให้เพื่อนสนิท สำคัญที่ผมไม่ได้โกรธลูกหมูแต่แรกอยู่แล้ว เรื่องจะให้ไปตำหนิอย่างที่นายปูนกังวลย่อมไม่เกิดขึ้น
หลังจากนั้นผมก็ถามว่าทั้งคู่มากันยังไง จึงได้รู้ว่าชวนกันขึ้นรถแท็กซี่มา แถมก่อนออกยังรอบครอบขอพี่แจนออกนอกโรงพยาบาลแล้วด้วย ผมจึงตั้งใจไปส่งลูกหมูและนายปูนกลับสถานที่ฝึกงานด้วยตัวเอง ไม่ยอมปล่อยน้องให้กลับแบบขามาอย่างแน่นอน
ไม่นานอินทิราก็เดินอมยิ้มกลับมาที่โต๊ะ แรกเห็นผมก็ออกแปลกใจเล็กน้อย ที่สีหน้าสีตาของเธอสดใสกว่าตอนก่อนไปห้องน้ำ จากความแปลกใจที่มีถูกเปลี่ยนเป็นความสงสัยทันที ที่ได้เห็นลูกหมูเดินหน้าเคร่งกลับมาที่โต๊ะ แต่แล้วความรู้สึกผมก็พลิกกลับไปแปลกใจอีกครั้ง เมื่อน้องเข้ามากอดแขนผมต่อหน้าอินทิราและนายปูน แถมด้วยการอ้อนแบบโจ่งแจ้งที่มีน้อยครั้งนักที่หมูน้อยจะทำกับผม ยิ่งทำต่อหน้าคนอื่นยิ่งหาได้น้อยมาก แต่นาทีนี้น้องกลับแสดงมันออกมา
“พี่ลีโอครับ ขามาลูกหมูขึ้นแท็กซี่มา เพราะงั้นขากลับพี่ต้องไปส่งลูกหมูน้า...ห้ามเห็น ‘คนอื่น’ สำคัญกว่าคู่หมั้นด้วย ไม่งั้นคืนนี้พี่ได้นอนนอกห้อง และลูกหมูจะห้ามพี่กอดลูกหมูหนึ่งอาทิตย์ด้วยน้า คิกๆ” ลูกหมูกอดแขนผม พร้อมยื่นหน้ามาส่งยิ้ม ก่อนจะหัวเราะคิกคักตาปิดใส่ผมได้อย่างน่ารักน่าชัง จนผมเองยังอดยิ้มตามน้องไม่ได้
แม้น้ำเสียงและท่าทางของน้องจะแสดงออกว่ากำลังออดอ้อนผม แต่ประโยคนี้ฟังดูก็รู้ว่าผมกำลังโดนขู่ และขืนผมไม่เชื่อฟังน้อง ผมคงได้ถูกลงโทษตามที่คนตัวกลมแสนน่ารักข่มขู่ไว้เป็นแน่
แน่นอนว่าความผิดปกตินี้ของลูกหมูผมสามารถรับรู้ได้ ซึ่งผมจะค่อนข้างแน่ใจถึงต้นสายปลายเหตุในท่าทางของน้องว่าน่าจะเกิดจากอินทิรา เพราะคำว่าคนอื่นที่น้องจงใจใช้ในประโยค แถมในวินาทีถัดมาลูกหมูหันไปสบตากับอินทิราอย่างท้าทายด้วย จนเชื่อได้ว่าต้องเกิดอะไรสักอย่างช่วงที่ทั้งคู่ไปห้องน้ำอย่างแน่นอน
ส่วนผมเองยินดีอย่างยิ่งที่จะไหลไปตามเกมที่น้องจงใจเปิดขึ้นมา ด้วยการส่งมือไปกุมทับหลังมือน้องที่เกาะแขนผม พร้อมก้มหน้าระบายยิ้มอ่อนๆใส่ตาคู่เรียวที่หันมาสบตากัน
“ยังไงพี่ก็ต้องไปส่งเราอยู่แล้ว เพราะพี่ไม่ยอมนอนนอกห้องหรอกนะ...ว่าแต่เราเถอะ จะนอนหลับเหรอถ้าไม่มีพี่กล่อมน่ะ หืม ฮึๆ” ผมกลั้นขำไว้ไม่อยู่ เมื่อเห็นเด็กตัวกลมของผมแก้มแดงแจ๋ กลายเป็นคนขี้อายทันทีที่ผมพูดจบประโยค ผิดไปจากท่าทางออดอ้อนปนยั่วเย้าก่อนหน้าลิบลับ
ลูกหมูก้มหน้างุดแทบจะมุดเข้ามาในอกผม แถมยังกอดแขนผมไว้เสียแน่น จากอาการน่ารักน่าเอ็นดูของน้อง ทำให้ผมอดใจไม่ไหวยกมือขยี้หัวน้องด้วยความเคยชิน พอนึกขึ้นได้ว่าเราไม่ได้อยู่บนโต๊ะเพียงลำพัง จึงเหลือบสายตาไปมองปฏิกิริยาของสองคนที่เหลือ
โดยนายปูนได้แต่นั่งอมยิ้มและเสมองไปทางอื่นอย่างเกรงใจ ส่วนอินทิราแม้จะไม่ได้มองมาทางเรา แต่สีหน้าก็แสดงออกชัดว่ากำลังขัดใจนักหนา ผมก็ได้แต่ส่ายหน้าน้อยๆและข่มอาการถูกใจในตัวคนรักไว้ เพื่อไม่ให้เธอหมั่นไส้เรามากไปกว่านี้
“เรากลับกันเถอะ...ผมต้องขอบคุณคุณอินทิรานะครับ ที่ไว้ใจให้ธนาคารของเราดูแลการลงทุนให้ หากมีข้อสงสัยหรือมีปัญหาเรื่องการลงทุน ติดต่อคุณธนากรผู้จัดการฝ่ายสินเชื่อและการลงทุนของเราได้เลยนะครับ” ผมถือว่าเป็นการบอกปฏิเสธความหวังของเธอแบบสุภาพที่สุดแล้ว และหวังว่าเธอน่าจะเข้าใจในความหมายแฝงที่ผมต้องการสื่อ
อินทิราสบตาผมนิ่งนาน ก่อนจะค่อยๆคลี่ยิ้มหวานหยด จนผมเองยังแอบขนลุก
“แหม ลีโอพูดเป็นงานเป็นการซะจนทีร่าเกร็งเลยนะคะเนี่ย คิกๆ แต่ทีร่าสะดวกใจจะคุยกับลีโอมากกว่านี่คะ ไม่ได้อยากคุยกับ ‘คนอื่น’ นี่หน่า หึ!...ทีร่าเองก็ต้องขอบคุณลีโอที่ยอมทำตามสัญญามาทานกลางวันด้วย แม้จะมีแขกไม่ได้รับเชิญด้วยก็เถอะ แต่ไม่เป็นไรค่ะ ทีร่าไม่ใช่คนเรื่องมากอยู่แล้ว วันนี้ทีร่าขอตัวก่อนแล้วกันค่ะ มีนัดกับกองถ่ายละครต่อด้วย...แล้วเจอกันอีกนะคะลีโอ~...[จุ๊บ!]”
“เฮ้ย!...อ๊ะ!” เสียงอุทานของนายปูนและลูกหมูดังขึ้นพร้อมกัน
ส่วนผมเองก็ตกใจไม่แพ้ทั้งคู่ แต่ไม่ได้หลุดเสียงอะไรออกมา ผมทำเพียงเบี่ยงหน้าหนีเจ้าของรอยจูบที่ข้างแก้มเท่านั้น เพราะอินทิราใจกล้าถึงขนาดจูบลาที่ข้างแก้มของผม!
“คิกๆ แล้วพบกันอีกนะคะลีโอ” อินทิราหัวเราะคิกคักยั่วต่อมโมโหของผม พลางโบกมือด้วยท่วงท่าที่แสนน่ารักในสายตาคนอื่นที่ไม่ใช่ผมในตอนนี้แน่ๆ ก่อนเธอจะหมุนตัวเดินจากไป แต่ผมยังแอบเห็นเธอส่งสายตาท้าทายทิ้งท้ายให้หมูน้อยของผมด้วย
ผมได้แต่ถอนใจหนักหน่วงอยากจะทึ้งหัวตัวเองซะให้รู้แล้วรู้รอด กับเหตุการณ์ที่ควบคุมไม่ได้ที่เพิ่งเกิดขึ้นนัก รู้ชะตาตัวเองเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น ยังไม่ทันไร คนที่เคยกอดแขนผมแน่นกลับปล่อยมือทันที แต่ต้องเรียกว่าสะบัดออกน่าจะเหมาะกว่า
“ปูน! กลับกันเถอะ! เราไม่อยากเห็นหน้าผู้ชายเสน่ห์แรงแล้วล่ะ” แม้น้องจะพูดกับนายปูน แต่ตาเรียวๆที่กำลังเรืองแสงกลับจ้องผมเขม็ง ก่อนจะหมุนตัวเดินไปทางหน้าร้านทันทีที่พูดจบ จนผมเองยังไม่ทันได้รั้งน้องไว้เลย
“เอิ่ม...พี่จะไม่ตามเหรอ จะปล่อยไว้แบบนี้จริงๆเหรอ”
“ตามสิวะ ถามได้” ผมไม่รอให้นายปูนทักขึ้นอีกรอบ ด้วยรีบเดินกึ่งวิ่งตามหลังลูกหมูไปติดๆ จนมาทันเห็นน้องเปิดประตูรถแท็กซี่เตรียมก้าวขาขึ้นรถแล้ว
“ลูกหมู! เดี๋ยวพี่ไปส่ง...ปูน นายกลับแท็กซี่นะ ส่วนลูกหมูเดี๋ยวฉันไปส่งเอง” ผมรั้งตัวน้องออกมาให้ห่างจากตัวรถ ประกอบกับนายปูนวิ่งตามหลังมาทันพอดี จึงยัดมันเข้าไปในรถแทน พร้อมพูดประโยคสุดท้ายด้วย ก่อนจะส่งเงินยัดใส่มือมันสำหรับค่าแท็กซี่
นายปูนที่นั่งในรถได้แต่พยักหน้าอย่างเข้าอกเข้าใจ ก่อนจะหันมาโบกมือลาลูกหมูที่เอาแต่ยืนเงียบและเมินหน้าหนีผม น้องพยักหน้าให้เพื่อนนิดหน่อยด้วยสีหน้าเคร่งเครียด มีเหล่มามองด้วยด้วยแววตาหมั่นไส้นักหนา ก่อนจะหมุนตัวหนีและหันไปยืนกอดอก หันหน้าไปอีกด้านที่ไม่มีผมยืนอยู่ ด้วยแก้มพองๆตาวาวๆได้อย่างน่ามันเขี้ยว
นาทีนี้ความกังวลของผมค่อยๆลดน้อยลง เพราะผมพอดูออกว่าน้องน่าจะแค่งอนไม่ได้โกรธเคืองมากเท่าไหร่ โดยนิสัยลูกหมูเป็นคนมีเหตุผลอยู่แล้ว น้องคงรู้แก่ใจว่าผมไม่ได้เต็มใจให้เกิดเรื่อง ผมเพียงไม่ทันระวังตัวเท่านั้น ก็ใครมันจะไปคิดล่ะครับ ว่าอยู่ๆจะถูกดาราสาวสวยจูบแก้มลากลางร้านอาหารหรู
ผมตัดสินใจวางมือลงบนหัวกลมๆของหมูน้อย น้องเองก็ชะงักยืนนิ่งแต่ก็ไม่มีอาการสะบัดออก ผมจึงลงมือลูบหัวน้องอย่างเบามือและขยับตัวไปยืนขนาบข้าง ก่อนจะโน้มหน้าไปส่งยิ้มบางเบาใส่ตาน้อง
“ไปครับ พี่ไปส่ง” เราจ้องตากันพักหนึ่ง ก่อนลูกหมูจะเมินหน้าหลบตาผมด้วยแก้มที่ขึ้นสีน้อยๆ ผมสังเกตได้ว่าน้องเม้มปากจนแน่นอย่างขัดเขินด้วย
ถ้าให้ผมเดาเจ้าตัวคงกำลังพยายามกลั้นยิ้มสุดกำลังแน่นอน แต่ผมก็เลือกที่จะไม่ทักให้น้องต้องเสียหน้า ที่ใจอ่อนยอมยกโทษให้ผมอย่างง่ายดาย แต่จริงๆผมก็ไม่ได้เป็นคนผิดนี่นะ คนตัวกลมย่อมแยกแยะออกอยู่แล้ว ตอนนี้น้องคงพยายามรักษาฟอร์มไว้ก็เท่านั้น
ผมสอดนิ้วประสานไปกับนิ้วของลูกหมู ก่อนจะพาน้องออกเดิน กลับเข้าไปยังรถที่จอดไว้หน้าร้าน ลูกหมูยอมเดินตามผมอย่างเงียบๆ ยอมขึ้นไปนั่งบนรถเมื่อผมเปิดประตูให้ มีแอบมองเมื่อเห็นว่าผมไม่ได้มองน้องอยู่ แต่หารู้ไม่ว่าผมรับรู้การกระทำของน้องทั้งหมด
กระทั่งผมขับรถออกจากร้านอาหารจนเกือบถึงโรงพยาบาล เราก็ยังไม่ได้พูดอะไรต่อกัน แต่ลูกหมูก็ยอมให้ผมกุมมือไว้ตลอดทาง และไม่สะบัดออกเมื่อผมยกมันขึ้นจรดริมฝีปากอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งแก้มน้องก็ขึ้นสีจัดขึ้นตามจำนวนครั้งที่ผมจูบหลังมือน้องนั่นแหละ
“เย็นนี้พี่มารับ ลูกหมูรอพี่ที่เดิมนะครับ” ผมพูดขึ้น หลังจากจอดรถดีแล้ว ยังข้างตึกในบริเวณที่เคยจอดประจำเวลามาส่งน้อง
โดยปกติคนตัวกลมของผมจะตอบรับคำพร้อมรอยยิ้มและก็ลงจากรถไป แต่จากสถานการณ์ที่ไม่ปกติก่อนหน้า ทำให้ครั้งนี้หมูน้อยของผมยังคงนั่งนิ่ง และมองเพียงปลายนิ้วที่บิดไปมาของตัวเอง ส่วนแววตาน้องก็มีแต่แววตาแห่งความครุ่นคิด จนผมเรียกชื่อน้องนั่นแหละ เจ้าตัวถึงหันหน้ามามองผม และมีอาการกัดริมฝีปากคู่สวยของตัวเองเหมือนกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่างอยู่
ผมระบายยิ้มและเลิกคิ้วใส่ตาน้อง ส่งสัญญาณให้คนตัวกลมได้พูดออกมา เพราะผมพร้อมจะรับฟังสิ่งที่น้องพูดอยู่แล้ว แต่น้องกลับไม่พูดออกมาอย่างที่ผมคิด ด้วยเจ้าตัวกลับโผเข้ามากอดคอผม และยื่นหน้าหอมแก้มผมเสียฟอดใหญ่ พาเอาผมมึนแต่ก็ชุ่มชื่นหัวใจได้อย่างประหลาด ผมโอบร่างนุ่มนิ่มของหมูน้อยไว้ และลูบหัวลูบหลังน้องไปตามสัญชาติญาณ
“พี่ลีโอไม่คิดจะแก้ตัวอะไรเลยเหรอครับ หรือว่าชอบที่โดนผู้หญิงหอมแก้ม ลูกหมูไม่พอใจมากๆเลยนะครับ พี่รู้บ้างมั้ย” ลูกหมูไม่เพียงแค่ถาม แต่น้องรัดคอผมเสียแน่นจนเกือบหายใจไม่ออก ไม่รู้ว่าน้องเผลอหรือแกล้งเอาคืนผมกันแน่นะครับเนี่ย
“เบาๆหน่อยครับ พี่ยอมขาดใจตายคาอกเรา แต่ไม่ใช่ตอนอยู่บนรถแบบนี้นะ บนเตียงก็ว่าไปอย่าง ฮึๆ...มานี่ครับจะรีบไปไหน” ผมรีบคว้าต้นแขนลูกหมูได้ทันก่อนน้องจะลงจากรถไป ด้วยความงอนปนเขินที่โดนผมหยอกเย้าใส่
แม้น้องจะยอมนั่งอยู่ที่เดิม แต่ก็เมินหน้าหนีผมมองออกไปนอกรถ ถึงผมจะขบขันกิริยาของคนรักตัวกลมไม่น้อย แต่ต้องฝืนไว้และรั้งไหล่นุ่มนิ่มทั้งคู่ให้หันมาทางผม ลูกหมูขืนตัวนิดหน่อยอย่างแง่งอน แต่เพียงแค่ผมจงใจเรียกชื่อน้องด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม น้องก็ยอมแต่โดยดีและเงยหน้าสบตาผมในที่สุด แม้แววตาจะยังคงฉายแววดื้อดึงอยู่ก็ตาม
“ลูกหมู~...เรื่องคุณอินทิรา พี่ขอโทษนะครับที่ไม่ระวังตัว แต่เราก็ต้องเข้าใจนะว่าพี่ไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่ม และพี่ก็รู้ว่าลูกหมูไม่พอใจ ทั้งเดินหนีทั้งไม่ยอมพูดด้วย พี่จะไม่รู้ได้ยังไงล่ะ หืม...อีกอย่าง พี่ไม่ได้ชอบเลยนะที่จะมีใครมาลวนลาม ฮึๆ เพราะพี่รู้ว่ามันทำให้คนรักของพี่ไม่พอใจ พี่ย่อมไม่ถูกใจด้วยเหมือนกัน...พี่ขอโทษ หมูน้อยเราดีกันนะ”
น้องจ้องผมตาไม่กระพริบ แต่แววตาคู่เดิมกลับอ่อนแสงลง จนแทบไม่เหลือความไม่พอใจอีกแล้ว
ผมส่งยิ้มอ้อนๆใส่ตาคู่เรียว และใช้ปลายนิ้วก้อยเขี่ยปลายจมูกน้องเบาๆอย่างหยอกเย้า
“...นะครับ หมูน้อย นะ” ผมไม่เคยอ้อนใครลักษณะนี้มาก่อน แม้แต่กับน้องเองก็เถอะ
สุดท้ายคนตัวกลมแสนน่าเอ็นดูของผมก็หลุดยิ้มหวานๆออกมาจนได้ ก่อนจะเริ่มหัวเราะคิกคัก เมื่อผมยังคงหยอกน้องด้วยการเขี่ยปลายจมูกไม่หยุด ลามไปพวงแก้มยุ้ยๆ และริมฝีปากที่กำลังปล่อยเสียงหัวเราะสดใส
“คิกๆ พี่ลีโอ เล่นเป็นเด็กเลยนะครับ คิกๆ...พี่~” เสียงหัวเราะใสๆเริ่มเบาลง ยามที่ผมชะโงกหน้าเข้าหาเจ้าของเสียง และจ้องแค่ริมฝีปากสีสดที่ผมรู้แก่ใจว่านิ่มและหวานเพียงใด ก่อนผมจะย้ำถามคำถามเดิมอย่างรอคอยคำตอบ ด้วยในใจหวังจะทำการบางอย่างกับเด็กขี้งอน
“คะ...ครับ เราดีกัน อ่ะ! พี่ลีโอที่นี่...อืมมม” เสียงน้องแทบไม่ได้ลอดเข้ามาในจิตสำนึกผมสักนิด เพราะรสสัมผัสนุ่มนิ่มหวานล้ำจากริมฝีปากของน้อง ทำให้ความสนใจของผมจดจ่อไปที่มันทั้งหมด ลืมกระทั่งว่าเราอยู่ที่ไหน
ผมขโมยความหวานจากโพรงปากและลิ้นนุ่มนิ่มของลูกหมูจนพอใจ ก่อนจะปล่อยริมฝีปากน้องเป็นอิสระ คนตัวกลมเงยหน้าหลับตาพริ้ม ริมฝีปากบวมเป่ง หายใจระรวย และตัวอ่อนเอนพิงอกผมอย่างน่าเอ็นดู จนกระตุ้นความเสียดายของผมที่ไม่อยากห่างริมฝีปากคู่นั้นขึ้นมา แต่สามัญสำนึกของผมก็ชนะ
ผมไล้ข้อนิ้วผ่านกลีบปากฉ่ำวาวและพวงแก้มแดงก่ำตรงหน้า พร้อมเรียกสติของคนในอ้อมกอดไปด้วย ลูกหมูค่อยๆกระพือขนตาขึ้นมองผมอย่างงงๆ ผมจึงยิ้มอ่อนโยนส่งให้น้อง
“เดี๋ยวเย็นนี้พี่มารับนะครับ ตั้งใจเรียนรู้งานให้มากๆนะรู้มั้ย อย่าลืมคิดถึงพี่ด้วย”
“คะ...ครับ ขอบคุณที่มาส่งลูกหมูนะครับ” ยังไม่ทันจบประโยคดี คนตัวกลมที่เอาแต่ก้มหน้าก็เปิดประตูรถเดินหนีผมไปเลย
ผมได้แต่หัวเราะเบาๆและมองตามร่างกลมๆที่เดินกึ่งวิ่งเข้าตึก และถอนใจเฮือกใหญ่ก่อนออกรถ ดีเหมือนกันที่วันนี้ลูกหมูตามผมไป เพราะจะได้รับรู้กับตัวเองเลยว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง และได้ปรับความเข้าใจกันเสียแต่แรกแบบนี้ ด้วยผมเชื่อว่าพรุ่งนี้คงมีข่าวของผมกับอินทิราไม่กรอบใดก็กรอบหนึ่งในหน้าหนังสือพิมพ์แน่ๆ โดยเฉพาะช็อตเด็ดช่วงที่เธอจูบแก้มผม เมื่อถึงเวลานั้นคนของผมอาจจะหงุดหงิดไปบ้าง แต่ก็คงไม่มีเรื่องใหญ่ให้ผมต้องตามแก้
.................................................
โปรดติดตามตอนต่อไป^^ลีโอกับลูกหมูคงทำให้คนอ่านยิ้มไม่หุบอยู่แน่ๆใช่มั้ยคะ
ฉากหึง งอน ง้อ ของสองหนุ่มช่างน่าเอ็นดูเนอะว่ามั้ย

ซึ่งตอนหน้าหวานไม่แพ้กัน เราเชื่อว่าทั้งคู่จะทำให้คนอ่านยิ้มได้
ไม่ต่างจากตอนนี้เช่นกันค่ะ
เจอลีโอกับลูกหมูได้อีกทีวันเสาร์นะคะ+1และเป็ดสำหรับทุกเม้นท์ ขอบคุณทุกการติดตามค่ะ
