ตอนที่ 16ลีโอ“ขอบคุณครับพี่ลีโอ ขอบคุณที่พาลูกหมูมาเที่ยวที่นี่ ลูกหมูประทับใจมาก ชอบที่สุด ถ้าบทลงโทษของพี่คือการพามาดิสนีย์แลนด์ ลูกหมูยอมโดนให้ไถ่โทษตลอดช่วงที่อยู่ฮ่องกงเลยครับ” เจ้าของน้ำเสียงสดใสและแววตาระยิบระยับที่แสดงออกถึงความสุข เงยหน้าขอบคุณผมด้วยรอยยิ้มกว้างขวาง ชนิดที่ว่าคนที่ได้รับอย่างผมพลอยสุขใจและมีความสุขตามไปด้วย
“การจะโดนไถ่โทษ ต้องมีความผิดก่อน แต่ไม่เอาแบบเมื่อเช้าแล้วนะ พี่ใจจะขาดแค่คิดว่าเมียหาย ฮึๆ...ไม่เอาไม่มัวแต่พูด ขบวนพาเหรดมาแล้วครับ ดูเร็ว” ผมพยายามเบี่ยงเบนความสนใจของตัวเอง ออกจากใบหน้ากลมๆแสนน่ารักของลูกหมูที่มีร่องรอยความเขินอายอย่างเห็นได้ชัด
ด้วยแก้มใสสุกเปล่งปลั่งอมชมพูแทบแตก ยามเจ้าของพยายามกลั้นยิ้มหนีสายตาผม และมีอาการหลบตากับสถานะที่ผมหยอกเย้า ผมจับไหล่น้องหมุนไปด้านหน้า เพราะปลายสายตาเห็นแล้วว่าหัวขบวนพาเหรดเดินมาอยู่ไม่ไกล ดีกว่าต้องทนมองความน่ารักของคนรักจนตัวเองทนไม่ไหว
ผมคงได้ฉุดคนตัวกลมกลับคอนโด เพื่อฝากรักผนึกสัญญาที่น้องให้ไว้ ว่าจะไม่ไปไหนโดยไม่บอกกล่าวผมอีก ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นจริงๆ น้องคงอดชื่นชมขบวนพาเหรดที่แสนตื่นตาของสวนสนุกในตำนานไปเสียก่อน เผลอๆผลที่ตามมาจะได้ไม่คุ้มเสีย หากว่าหมูน้อยของผมงอนจนพาลโกรธไม่ยอมคุยไม่สนใจแล้วจะยุ่ง
ลูกหมูจากที่เขินๆ เมื่อเห็นตัวตลกโบโซ่ที่ต่อขายาวเดินนำขบวน น้องก็ยิ้มออก ก่อนความสนใจเกือบทั้งหมดของลูกหมูจะไปอยู่ที่ขบวนพาเหรดของสวนสนุก ที่ผมตั้งใจพาน้องมาดูโดยเฉพาะ และเพียงแค่ได้เห็นรอยยิ้มแบบเด็กๆของน้อง ผมก็มีความสุขและไม่เสียแรงที่ลงทุนอ้อนวอนคุณโจเซฟเจ้าของค่ายเพลง เพื่อพาลูกหมูมาที่สวนสนุกแห่งนี้
ผมโอบไหล่น้องเข้าหาตัว และได้แต่จ้องใบหน้าด้านข้างที่แสนอิ่มเอิบ ซึ่งเต็มไปด้วยความสุขของน้อง อย่างไม่อาจละสายตาได้ ลูกหมูเองมีเงยหน้าส่งยิ้มให้ผมนิด ก่อนจะหมดความสนใจไปจากผม และละสายตาไปจากผมทันที เมื่อขบวนพาเหรดกำลังเคลื่อนผ่านหน้าเรา ด้วยท่าทางตื่นเต้นแบบเด็กๆ ไม่ต่างจากเด็กผู้ชายสิบกว่าขวบที่ยืนอยู่ข้างๆน้อง ลูกหมูยิ้มได้เต็มหน้าหัวเราะได้เต็มเสียง แถมยังตื่นเต้นจัดกระตุกชายเสื้อผม และชี้ชวนผมให้ดูตัวตลกโบโซ่ที่โยนลูกบอลสามลูกไปมากลางอากาศ
แม้เราจะรับรู้กันว่าหมูน้อยของผมเป็นหนุ่มน้อยใกล้วัยทำงานแล้ว แต่สิ่งที่เห็นขณะนี้และความเป็นจริงช่างสวนทางกัน คงเป็นอีกมุมที่ผมไม่เคยเห็นจากน้องมาก่อน เพราะคนที่เคยแต่สร้างความกดดันให้แก่ตัวเอง และปิดกั้นความรักจากคนในครอบครัวมาตลอด ย่อมพยายามสร้างตัวตนให้เป็นผู้ใหญ่เกินกว่าอายุจริง ทำให้ในวัยเด็กของน้องขาดสีสันในชีวิตอย่างที่ควรจะมี และคงโหยหาความสนุกแบบเด็กๆอยู่ลึกๆ คงเป็นปมในใจที่น้องซ่อนเอาไว้ ดังนั้นพอปมในใจถูกคลายออก ความรู้สึกแบบเด็กๆจึงถูกปลดปล่อยอย่างที่ได้เห็น
ผมคิดไม่ผิดจริงๆที่ตั้งใจพาหมูน้อยมาเที่ยวสวนสนุกเช่นนี้ ด้วยต้องการชดเชยความผิดที่ผมไม่ตั้งใจสร้างปมด้อยแก่น้อง ผมตั้งใจไว้ว่าจะพยายามให้หมูน้อยแสดงตัวตนที่แท้จริง และแสดงความเป็นตัวเองออกมาให้หมด ไม่เก็บกดเหมือนแต่ก่อน แต่มานาทีนี้ผมชักไม่ถูกใจแล้วสิ เพราะตัวตนที่แสนสดใสของลูกหมูกลับได้รับความสนใจจากชายอื่นเข้าเสียแล้วสิครับ
“ครับ!? เอ่อ...ไอศกรีมนี่ คือ!?” แม้ลูกหมูจะยังคงสับสนกับไอศกรีมโคนที่ถูกยื่นมาให้ตรงหน้า แต่ผมน่ะเข้าใจในเจตนาของคนให้ได้ดี จึงได้แต่ส่ายหน้าและลอบถอนใจอย่างหน่ายๆ
“ผมซื้อให้ พี่รับไปเสียสิ” ก็ดูเอาสิครับ ว่าเพราะอะไรผมถึงมีอาการดังกล่าว
เด็กผู้ชายที่ผมจำได้แม่น ว่าเป็นคนเดียวกับคนที่ยืนดูขบวนพาเหรดอยู่ข้างๆลูกหมู ที่สำคัญผมสังเกตได้ว่าไอ้เด็กนี่มันแอบมองลูกหมูอยู่หลายครั้ง แต่ผมไม่นึกว่ามันจะแก่แดดถึงขั้นเดินตามเรา เพื่อจีบแฟนผมแบบเด็กๆอย่างการให้ไอศกรีมแก่คนที่ชอบ ขนาดผมก้มหน้าจ้องตามัน ไอ้เด็กแก่แดดยังกล้าต่อตากับผมอยู่อีก ลูกหมูเองก็ยืนหยุกหยิกทำตัวไม่ถูก มองผมทีมองไอ้เด็กตรงหน้าที
น้องคงงงกับสถานการณ์ตรงหน้าไม่น้อย แต่ขืนผมไม่ทำอะไรนอกจากจ้องตาเอาเรื่องมัน พวกเราคงได้ตกเป็นเป้าสายตาในไม่ช้า ผมคงได้ผิดสัญญากับคุณโจเซฟ ที่เตือนไม่ให้ผมทำตัวโดดเด่นต่อหน้าสาธารณชน เพราะกลัวผมตกเป็นข่าวก่อนได้แถลงข่าวจริงๆ เรื่องผลงานเพลงในเร็ววันนี้
อย่างการมาเที่ยวครั้งนี้ ผมเองยังต้องอำพรางตัวให้เป็นที่วุ่นวายกว่าจะออกมาจากคอนโดได้ แต่ก็ถือว่าคุ้มเพราะทั้งแจ็คเก็ต หมวก แว่น หนวด!! ทำให้คนรอบตัวไม่มีใครจำผมได้ นอกจากคนข้างกายที่รับรู้แต่แรกว่าผมเป็นใคร
“นี่เจ้าหนู เอาไปกินเองเถอะ เราจะกลับกันแล้ว” ผมเอ่ยปฏิเสธและเตรียมจูงข้อมือลูกหมูเดินออกมา
“ลุงยุ่งไรด้วยเนี่ย! เด็กๆเค้าจะจีบกัน!” ฟังมันเถอะครับ เรียกผมเสียแก่ แถมยังปากดีบอกผมอีกว่าจะจีบแฟนผม
ผมที่เตรียมขยับตัวเดินเข้าหาไอ้เด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ต้องชะงักค้าง เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักจากคนที่ผมไม่คิดว่าจะหัวเราะออกมายามนี้ได้
เมื่อลูกหมูเห็นว่าผมจ้องหน้าอย่างขอคำตอบ น้องรีบตะครุบปากปิดกลั้นเสียงใสๆ ก่อนจะพยายามส่งยิ้มหวานเฉียบเพื่อเอาใจมาให้ จนผมเองยังโกรธน้องไม่ลง แต่ไม่ใช่กับไอ้เด็กที่ไม่รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่อย่างมันตรงหน้า
“คิกๆๆๆ...เอ่อ อ่า พี่ครับใจเย็นๆ น้องยังเป็นแค่เด็กนะครับ...น้องครับ พี่ขอบใจสำหรับไอศกรีม แต่เราน่ะยังเด็กไม่ควรพูดจาไม่ดีแบบนั้นนะ” ผมต้องยั้งใจไม่ให้เอามือไปผลักหน้าผาก เจ้าของใบหน้าที่กำลังทำหูทวนลมนั่น พร้อมๆกับท่าทางเลียไอศกรีมอย่างไม่รู้ไม่ชี้
ผมจึงได้แต่ยืนข่มอารมณ์ไม่ให้ทำตัวเป็นผู้ใหญ่รังแกเด็กต่อหน้าสาธารณชน ทั้งๆที่อยากสั่งสอนมันใจแทบขาด ลูกหมูเองก็ได้แต่ส่ายหน้ายิ้มๆกับท่าทางของไอ้เด็กตรงหน้า เหมือนเอ็นดูมันนักหนาทั้งๆที่ทำตัวไม่สมกับเป็นเด็ก เห็นแล้วผมเริ่มไม่พอใจจ้องน้องไม่กระพริบ เจ้าตัวก็เหมือนเริ่มรู้ตัว ส่งมือลูบแขนผมเบาๆและยิ้มน้อยๆอย่างง้องอน ผมแกล้งเบือนหน้าหนีให้น้องรู้ชัดๆไปเลย ว่าผมไม่ถูกใจกับพฤติกรรมของน้องที่ชักจะเห็นคนอื่นดีกว่าแฟนอย่างผม
แม้สมองซีกที่ใช้เหตุผลจะเตือนมาว่าผมทำไม่ถูก แต่เรื่องรักอารมณ์ย่อมอยู่เหนือเหตุผล ยิ่งรักมากผมย่อมอยากงอนคนรักมากเป็นธรรมดา แต่แล้วผมแทบจะควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ เมื่อได้ยินประโยคจี้ใจดำที่ดังขึ้น
“โหย! งอนยิ่งกว่าเด็ก แก่แล้วยิ่งงอนยิ่งน่าเกลียด...เว้ยยย!! คนแก่จะรังแกเด็กรึไง!” ทีนี้ละทำเป็นกลัวแต่ยังปากเก่งได้อีก ทั้งๆที่กระโดดหลบผมไปเสียไกล หน้าที่เคยตีรวนก็ซีดเซียวอย่างเห็นได้ชัด
“เฮ้ย! ใจเย็นครับพี่ลีโอ!...อย่ามีเรื่องเลยนะครับ คนเริ่มมองแล้วด้วย” ลูกหมูตะครุบเอวและกอดผมไว้ได้ ก่อนที่ผมจะถึงตัวไอ้เด็กปากเก่งไม่เกินช่วงตัว บวกเข้ากับถ้อยคำตักเตือน ทำให้ผมต้องหลับตาสูดลมหายใจลึกๆ เพื่อรวบรวมสติและข่มกลั้นอารมณ์
“กลับกันลูกหมู ขืนอยู่ต่อพี่ได้ผิดสัญญาคุณโจเซฟแน่ๆ ส่วนนาย...อย่าไปทำปากเก่งกับใครที่ไหนแบบนี้อีก รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่เสียบ้าง ทำตัวแบบนี้พ่อแม่จะเสียใจเอา” ผมตักเตือนไอ้เด็กแก่แดดตรงหน้าด้วยน้ำเสียงที่พยายามกดให้นิ่งที่สุด และพอจับสังเกตได้ว่ามันเองก็มีสีหน้าสลดลงเหมือนสำนึกผิดเช่นกัน
ระหว่างที่ผมลากข้อมือลูกหมูเดินจากมานั้น กลับมีเสียงตะโกนดังขึ้นตามหลัง
“ไอ้ลุงบ้า!! ไม่รู้อะไรแล้วอย่าพูดดีกว่า...พ่อแม่ของผม พวกเค้าไม่เสียใจหรอก เวลาที่จะให้ในวันเกิดลูกตัวเองยังไม่มีด้วยซ้ำ อย่าหวังว่าจะมาสนใจเรื่องนี้เลย!!” เจ้าของประโยคใส่อารมณ์นี้ พูดจบก็หมุนตัววิ่งจากไป แต่ผมก็ยังทันเห็นดวงตาคู่เรียวของเด็กนั่นเอ่อคลอได้ด้วยน้ำตา
“พะ...พี่ครับ” ไม่เฉพาะน้ำเสียงที่ออดอ่อยเท่านั้น แต่ตาคู่เรียวของหมูน้อยก็อ่อนแสงฉายแววเห็นใจชัดตา
ผมพรูลมหายใจระบายความหนักอก ก่อนจะบรรจงลูบแก้มใส และขยับปีกหมวกบนหัวให้น้อง พร้อมส่งยิ้มปลอบใจ ลูกหมูไม่ต้องขอร้องผมก็พอรู้ว่าน้องต้องการอะไร
“เด็กน้อเด็ก ไปครับ เราไปตามหาไอ้เด็กเจ้าปัญหากัน” สิ้นคำชวนผมเท่านั้น ใบหน้ากลมๆของคนรักก็สว่างไสวจากรอยยิ้มสดใสทันที พร้อมกับผมที่เป็นฝ่ายถูกจูงกึ่งลากไปตามทางที่เห็นร่างเล็กวิ่งหนีไป
ผมกับลูกหมูพยายามสอดส่ายสายตาหาร่างเล็กของเด็กชายที่เรายังไม่ทันรู้จักชื่อคนนั้น แต่ด้วยจำนวนคนที่เดินกันพลุกพล่าน เพราะต่างแยกย้ายเหมือนผึ้งแตกรัง หลังจากชมขบวนพาเหรดของสวนสนุกจบ ทำให้เราไม่เห็นแม้แต่เงาของเด็กนั่น
“ไปอยู่ไหนกันนะ หวังว่าจะกลับไปแล้ว ไม่ใช่หลงอยู่ในสวนสนุกหรอกนะ เฮ้อออ” ลูกหมูถอนใจเฮือกใหญ่อย่างทดท้อ ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้อัลลอยด์ข้างทางเดิน หลังจากเราทั้งคู่เที่ยวเดินหาไปทั่วจนเริ่มเหนื่อย และเป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวของพื้นที่ในสวนสนุกเท่านั้น
ผมเลือกที่จะนั่งลงข้างน้อง และโอบไหล่นิ่มเข้าหาตัว น้องเองก็เอนหัวซบลงบนไหล่ผมเช่นกัน
“อย่าคิดมากไปเลยหมูน้อย เราทำดีที่สุดแล้ว...พี่เองก็ผิดที่ไปว่าเด็กนั่น” ลูกหมูกอดเอวผมไว้จนรอบและขยับตัวเข้ามาซบอกผมยิ่งขึ้น ก่อนผมจะได้ยินเสียงเล็กๆดังขึ้นปลอบใจ ในทำนองที่ว่าผมไม่ต้องคิดมากเช่นกัน
กิริยาออดอ้อนน่ารักๆแบบไม่ตั้งใจของลูกหมูทำให้ผมกลั้นยิ้มไว้ไม่อยู่ จงใจกระชับอ้อมกอดกอดตอบน้อง ยังดีที่บริเวณนี้คนไม่พลุกพล่านมากนัก เพราะไม่ใช่โซนเครื่องเล่นของสวนสนุก และคนที่เคยมาชมขบวนก็บางตาลงมากแล้ว
“คิกๆ ฮ่าๆ พี่ลีโอไม่แกล้ง ลูกหมูจั๊กจี้ ฮ่าๆ หนวดมันทิ่ม พี่อ่ะ คิกๆ พอก่อน ไม่เอา” เสียงหัวเราะใสๆผิวเนื้อนิ่มๆแถวซอกคอ และกลิ่นกายหอมเฉพาะตัวแบบที่ไม่มีใครเหมือน ทำให้ผมไม่คิดจะเชื่อคำห้ามปรามของน้อง
ผมก้มหน้าซุกไซ้ซอกคอและข้างแก้มน้องอย่างไม่คิดห้ามใจ ไม่คิดจะสนว่าจะเป็นจุดสนใจของใครทั้งสิ้น ในเมื่อพลางตัวมาขนาดนี้ และยังไม่มีใครเข้ามาทักว่าผมคือลีโอแห่งวง Chic เลยสักคน แต่แล้วอยู่ๆก็มีเสียงเรียกชื่อผมขึ้นมา ทำเอาผมสะดุ้งเลยทีเดียว
“ลีโอ!...พี่ลีโอกับลุงปากจัดคือคนเดียวกันจริงๆหรือเนี่ย ไม่อยากจะเชื่อ” ไอ้เด็กที่เราเดินตามหาให้วุ่น มันมายืนทำหน้าตาตื่นต่อหน้าผมกับลูกหมูแล้ว และมันก็ยังคงปากดีไม่เปลี่ยน
แต่มันรู้ได้ยังไงว่าผมคือใคร ทั้งๆที่หนวดก็ยังอยู่ ‘หนวดรึ!!’
“พะ...พี่ครับ เอ่อ” ผมก้มมองของในมือของเจ้าของแก้มกลมที่กำลังสุกปลั่ง จึงได้รู้คำตอบว่าทำไมมันถึงรู้ว่าผมคือใคร
หนวดที่ถูกติดมาอย่างดีหลุดตอนที่ผมแกล้งน้อง ลูกหมูแตะแก้มผมและยิ้มเอียงอาย ก่อนจะลงมือติดหนวดติดเคราให้ผมอย่างเบามือ ไอ้ผมเองก็มองเพลินลืมแม้กระทั่งไอ้ตัวยุ่งที่อยู่ๆก็โผล่มา
“จิ๊! ทำหวานอะไรกันเนี่ย ที่ตามหาผมก็เพราะเป็นห่วงไม่ใช่เหรอ” เมื่อผมตีความในสิ่งที่มันพูดได้ นั่นหมายความว่าไอ้เด็กนี่เห็นว่าผมกับลูกหมูวิ่งวุ่นตามหา แต่ก็ไม่คิดจะออกมาให้เจอตัว
ผมเหลือบตามองคนพูด ก่อนจะเบือนหน้ากลับไปช้าๆ เพื่อจ้องตาเอาเรื่องไอ้เด็กกวนประสาท
“นายรู้ว่าเราตามหา ทำไมถึงไม่แสดงตัวแต่แรก หา!!”
“พี่ครับใจเย็นๆ ให้ลูกหมูคุยกับเด็กเองนะครับ...น้องครับ น้องไม่เป็นอะไรอย่างที่พวกพี่กังวลก็ดีแล้ว คราวหลังอย่าทำให้ใครเป็นห่วงอย่างนี้อีกล่ะรู้มั้ย แล้วนั่น ขาไปโดนอะไรมา!” ผมเหลือบตาลงไปตามที่ได้ยิน จึงเห็นว่าไอ้เด็กตรงหน้ามีเลือดออกที่หัวเข่า
หมูน้อยย่อตัวลงและใช้ผ้าเช็ดหน้าของตัวเองซับเลือดที่หัวเข่าให้ โดยที่ไอ้เด็กเจ้าปัญหาที่แต่แรกขยับตัวออกอย่างตกใจ มันถึงกลับยืนอึ้งและก้มหน้าจ้องการกระทำของลูกหมูตาไม่กระพริบ
“เจ็บมั้ย แสบรึเปล่า บอกพี่ได้นะ...อ๊ะ! ร้องทำไม พี่ทำเจ็บเหรอ โอ๋ๆ ไม่ร้องนะครับ” ลูกหมูรีบลุกขึ้นมาลูบหัวปลอบเด็กขี้แย แต่ยิ่งปลอบก็ยิ่งดูเหมือนว่าไอ้เด็กนั่นจะยิ่งร้อง จนคนปลอบมีสีหน้าเหยเกเริ่มทำตัวไม่ถูก และหันมามองผมส่งสายตาขอความช่วยเหลือมาให้
ผมถอนใจเฮือกใหญ่และระบายยิ้มให้หมูน้อย ตัดสินใจคว้าข้อมือคนทั้งคู่เดินหลบออกมา ให้ห่างจากสายตาอยากรู้อยากเห็น ขืนโดนเข้าใจผิดว่าเป็นผู้ใหญ่รังแกเด็กจนร้องไห้แล้วจะวุ่น
“เอ้า เลิกร้องได้แล้ว ดื่มน้ำก่อน...เราเองก็ดื่มด้วย แล้วหิวรึยัง นี่ก็เลยเวลาอาหารเย็นมานานแล้ว” คนที่ผมตั้งใจส่งคำถามให้ ทำเพียงแค่ยิ้มหวานและส่ายหัวตอบ แต่คนที่ไม่ได้ถามดันตอบซะเสียงใสว่าหิว ทั้งๆที่แก้มยังเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาและเปลือกตาบวมน้อยๆ แต่ปฏิกิริยาดังกล่าวของมัน ก็ทำให้ลูกหมูหัวเราะคิกคักอย่างถูกใจ
สุดท้ายผมก็ต้องเป็นคนไปซื้อแฮมเบอร์เกอร์และพวกเฟรนซ์ฟรายกลับมาให้สองเพื่อนใหม่ต่างวัยได้กิน ซึ่งเราก็ได้รู้ว่าเด็กที่บังเอิญได้รู้จักชื่อวาเลนไทน์ เพราะเจ้าตัวเกิดวันแห่งความรักพอดี
“ถึงผมจะชื่อวาเลนไทน์ แต่ชีวิตจริงตรงข้ามกับความหมายวันดีๆแบบนี้แทบไม่เหลือเค้าเลยล่ะ หึ! อย่าพูดถึงดีกว่า...อ่ะ! ผมให้” ผมขมวดคิ้วใส่ชิ้นมะเขือเทศที่เพิ่งถูกหย่อนลงในชิ้นเบอร์เกอร์ของตัวเอง จะโวยรึก็ดูไม่สมกับเป็นผู้ใหญ่ จึงได้แต่ฝืนกินทั้งๆที่เกลียดมันแทบขาดใจ
“คิกๆ น้ำครับ ดื่มหน่อยจะได้คล่องคอนะครับ...พี่ลีโอคนเก่ง คิกๆ” ผมดูดน้ำพร้อมจ้องแววตารู้เท่าทันของคนตัวกลมไปด้วย
ดูเอาเถอะรู้ทั้งรู้ว่าผมไม่ชอบกินมะเขือเทศ แต่ก็ไม่คิดจะช่วยกัน แถมยังหัวเราะล้อเลียนใส่ผมอีก แต่ผมให้อภัยได้ เมื่อในนาทีต่อมาน้องใช้กระดาษซับมุมปากที่เลอะซอสให้ผม
“วาเลนไทน์ โอเคๆ ไทนี่ก็ไทนี่ เรานี่น้า...กินให้มันดีๆสิเลอะหมดแล้ว” ผมเบือนหน้าหนีภาพที่ลูกหมูเช็ดปากให้ไอ้เด็กวาเลนไทน์ เพราะรู้แก่ใจว่าน้องเอ็นดูไอ้เด็กนี่ในฐานะน้องชายเท่านั้น แต่มาขัดใจกับรอยยิ้มกวนๆที่มันส่งมาข่มผมนี่แหละ
พวกเรานั่งกินแฮมเบอร์เกอร์อย่างง่ายๆ โดยลูกหมูชวนไทนี่คุยเบาๆไปเรื่อยๆ ทำให้เราได้รู้ถึงเหตุผลในคำพูดแปลกๆของไทนี่ ด้วยดูเหมือนว่าไทนี่เป็นเด็กขาดความอบอุ่น เพราะพ่อแม่กับพี่ชายเป็นนักธุรกิจที่มัวแต่ทำงาน จนไม่มีเวลาใส่ใจลูกและน้องของตัวเอง ขนาดพามาเที่ยวที่ฮ่องกงแท้ๆ พวกเขายังออกไปดิวงานกับลูกค้า จนวันนี้ลูกชายหนีออกมาเที่ยวสวนสนุกแต่เช้า แต่พ่อแม่และพี่ชายก็ยังไม่รู้ว่าลูกหรือน้องไม่อยู่บ้าน
จุดสำคัญที่ทำให้หมูน้อยของผมเห็นใจและเปิดใจรับไทนี่ยิ่งขึ้น คือทั้งคู่มีชีวิตที่เหมือนกันอย่างไม่น่าเชื่อ ด้วยการที่ลูกหมูกับไทนี่เป็นเด็กกำพร้าและถูกรับมาอุปการะนั่นเอง ซึ่งที่มาของชื่อวาเลนไทน์ที่เจ้าตัวออกอาการระคายหูทุกครั้งที่ได้ยิน จริงๆแล้วไม่ได้มาจากวันที่เกิด แต่เป็นวันที่คนในสถานสงเคราะห์เจอไทนี่ถูกทิ้งไว้ต่างหาก
ส่วนผมก็ต้องจำใจตอบคำถามไทนี่บ้าง อย่างทำไมผมถึงต้องปลอมตัวมาเที่ยวสวนสนุก และผมเป็นแฟนกับลูกหมูได้อย่างไร เป็นแฟนกันมานานหรือยัง ผมซึ่งเห็นแก่ตาช้ำๆของมันก็จึงยอมตอบออกไป แต่คำถามเหล่านั้นก็ทำให้คนที่เคยคุยจ้อข้างตัวมาตลอด ได้แต่นั่งปิดปากเงียบและเคี้ยวหงับๆทั้งๆที่แก้มแดงก่ำแทบระเบิด
กระทั่งของกินทุกอย่างหมดลง ความรู้สึกสบายๆผ่อนคลายของผมมีอันชะงัก เพียงเพราะคำพูดต่อมาของไอ้เด็กไทนี่
“พี่ลูกหมูเลิกกับพี่ลีโอแล้วมาเป็นแฟนผมมั้ย ผมชอบพี่นะ...โอ๊ย! ตาแก่ชอบใช้ความรุนแรง” ผมแค่ผลักหัวมันเบาๆ แต่ดูมันทำหน้าเข้าเถอะ อย่างกับเจ็บเสียเต็มประดา
ยังดีที่ลูกหมูไม่หลงกล ด้วยน้องหัวเราะคิกคักอย่างสนุกสนาน ก่อนจะแสดงกิริยาที่ทำให้ผมฉีกยิ้มได้เต็มหน้า ด้วยการเข้ามากอดแขนผมและหันไปพูดกับไอ้เด็กวาเลนไทน์อย่างอารมณ์ดี
“พี่คบกับใครอีกไม่ได้หรอก เพราะหากไม่ใช่พี่ลีโอ พี่ก็คงไม่คบใครอีกแล้วล่ะ” ผมกดปากและจมูกลงบนไหล่น้องเร็วๆ ก่อนคลี่ยิ้มใส่ตาน้องที่เงยหน้าขึ้นสบตาผมพอดี
การกระทำระหว่างเราคงทำให้ใครที่เหลืออิจฉา ส่งเสียงหึหะเข้ามาขัดจังหวะ จนหมูน้อยต้องหลบตาบี้หน้าลงกับไหล่ผม แต่ก็ทำให้ผมอารมณ์ดียิ่งกว่าเดิม
เมื่อมองนาฬิกาเห็นว่าเกือบสองทุ่มแล้ว ผมจึงเอ่ยปากไปส่งเด็กไทนี่ให้ที่บ้าน เพราะดูท่าหากไม่รีบตัดบทพวกเราคงต้องนั่งในสวนสนุกอีกนาน
“นี่ก็ค่ำแล้ว กลับกันเถอะ ที่พักอยู่ไหนเดี๋ยวไปส่ง” ผมหันไปพูดกับไทนี่โดยเฉพาะ มันเองก็ทำเป็นย่นจมูกใส่
“มันก็ต้องแบบนั้นอยู่แล้วล่ะลุง” ผมได้แต่ถอนใจอย่างทำอะไรไม่ได้ เพราะเชื่อว่าแย้งไปมันก็คงเรียกผมว่าลุงอยู่ดี เหนื่อยเปล่าครับ
ผมขับรถไปส่งเด็กชายวาเลนไทน์ตามคำบอกทางของเจ้าตัว และต้องทึ่งกับบ้านพักหลังใหญ่นอกเมือง บ้านที่มีขนาดใกล้เคียงกับคำว่าคฤหาสน์ และไทนี่คงไม่ต้องบอกถึงฐานะทางบ้านตัวเอง ผมก็รู้ว่าครอบครัวนี้เข้าขั้นระดับเศรษฐีของเมืองไทย เพราะขนาดบ้านพักในฮ่องกงที่ราคาที่ดินแพงกว่าทองยังใหญ่โตขนาดนี้ บ้านที่ไทยจะขนาดไหนกัน
อาการของลูกหมูก็ทำให้ผมรู้ว่าน้องก็คงรู้สึกเช่นเดียวกับผม แต่เราที่พยายามเก็บความแปลกใจไว้ กลับมีเรื่องให้ตื้นตันจนได้ เมื่อได้เห็นภาพของครอบครัวกอดกันกลม พ่อ แม่ น้องชาย และพี่ชาย!?
ภาพตรงหน้าสร้างความเข้าใจและสร้างความรู้สึกใหม่ๆให้เกิดแก่ผม และตระหนักว่าสิ่งที่รับรู้มาจากไทนี่เป็นเพียงความรู้สึกน้อยใจของเจ้าตัวเท่านั้น ด้วยพ่อแม่บุญธรรมของไทนี่นั้น รักลูกชายไม่ด้อยไปกว่าพ่อแม่แท้ๆที่รักลูกในอกของตัวเองเลย เพียงแต่ธุรกิจและการทำงานของครอบครัว คงทำให้ขาดความใส่ใจอย่างที่ควรมี ส่งผลให้ลูกที่อยู่ในวัยรุ่นและต้องการความอบอุ่น เกิดความรู้สึกน้อยใจและไขว้เขว จนประชดด้วยการหนีออกไปเที่ยวแบบไม่บอกกล่าว
น้ำตาจากแววตาดีใจสุดขีดที่เห็นหน้าลูกอีกครั้งของแม่ไทนี่ รอยยิ้มอบอุ่นบนใบหน้าเครียดขรึมของพ่อไทนี่ และท่าทางเป็นห่วงเป็นใยจากพี่ชายคนโต ที่พยายามสำรวจร่างกายน้องว่าได้รับบาดเจ็บส่วนไหนบ้างยามนี้นั้น ทำให้ผมและลูกหมูสบายใจว่าไทนี่น้อยของเราไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไปแล้ว ด้วยเหตุการณ์ในวันนี้คงทำให้พ่อแม่และพี่ชายนักธุรกิจของไทนี่ระลึกถึงความเป็นจริงได้
“ขอบคุณพี่ลูกหมูที่ดูแลผมครับ...พี่ลูกหมู พี่สัญญาแล้วนะว่ากลับเมืองไทยไปแล้ว พี่จะแวะไปหาผมที่บ้าน” เด็กไทนี่คลายกอดลูกหมูแล้วก็คว้ามือลูกหมูของผมไปกุมไว้ และย้ำคำสัญญาที่คนทั้งคู่ให้ไว้ต่อกัน
ผมเองได้แต่ยืนมองนิ่งๆ เพราะไม่คิดเข้าไปขัดจังหวะพี่ชายน้องชายคู่ใหม่
“อืม สัญญาต้องเป็นสัญญาอยู่แล้ว น้องชายของพี่ทั้งคนนี่หน่า อย่าลืมที่พี่บอกล่ะ อย่าเป็นคนช่างคิดมาก มีอะไรก็โทรหาพี่ได้ตลอดนะรู้มั้ย” จบประโยคลูกหมูกลับเป็นฝ่ายคว้าไทนี่เข้ามากอด ทำเอาไอ้เด็กนั่นยิ้มกว้าง จนผมที่บังคับตัวเองให้ยืนนิ่งๆได้แต่ลอบถอนใจ
“ครับ...พี่ลีโอผมฝากดูแลพี่ลูกหมูด้วยนะ ถ้าผมรู้ว่าพี่ดูแลไม่ดี ผมจะไปแย่งพี่ลูกหมูมาเป็นแฟนซะเลย” แม้จะสะดุดหูกับชื่อตัวเองที่ไทนี่เรียกผมเป็นครั้งแรก ไม่ใช่คำว่าลุงอย่างทุกครั้ง แต่เพราะคำฝากฝังเกินอายุของไทนี่ ทำให้ผมไม่คิดยอกย้อน แต่เลือกที่จะตอบรับและให้คำมั่นแทน
ผมได้แต่แปลกใจว่าทำไมเด็กแค่สิบสองขวบถึงได้ดูจริงจังได้เหมือนผู้ใหญ่นัก
“สบายใจได้น่า ถึงนายไม่ย้ำฉันต้องดูแลแฟนฉันอย่างดีอยู่แล้ว และเพราะว่ารักนี่แหละ ต่อให้มีใครหรืออะไรมาจับเราแยกออกจากกัน ฉันก็ไม่มีวันยอมห่างลูกหมูหรอก” สิ้นคำผมเด็กไทนี่ยู่หน้าใส่อย่างหมั่นไส้ใส่ผม ทั้งๆที่แววตาระยิบระยับไปด้วยความพอใจ
หลังจากล่ำลากันแล้ว ผมกับลูกหมูก็กลับขึ้นรถ โดยที่เบาะหลังเต็มไปด้วยของกินมากมาย ทั้งผลไม้และของคาวหวาน ซึ่งเป็นของฝากแทนสินน้ำใจจากพ่อแม่ไทนี่ ที่จัดแจงให้เด็กรับใช้ขนขึ้นรถ ก่อนที่ทั้งคู่จะปล่อยให้ผมกับลูกหมูล่ำลาลูกชายตัวเอง
“ขับรถดีๆนะลุง บ๊ายบายครับพี่ลูกหมู” ฟังมันเถอะครับ ล้อเลียนผมจนนาทีสุดท้ายจริงๆ
ผมจึงแกล้งออกรถทั้งๆที่มันเพิ่งปล่อยมือลูกหมู แต่ก็อยู่ในความระวังไม่ให้เกิดอันตรายกับพี่น้องหมาดๆของวันนี้ ทำแค่พอให้เด็กไทนี่ตกใจเท่านั้น
“ไอ้ลุงบ้า! ฝากไว้ก่อนเถอะ!” จากกระจกหลังผมเห็นไทนี่ตะโกนลั่นหน้าแดงกล่ำ โดยมีพี่ชายยืนกอดอกจ้องเจ้าตัวยิ้มๆ
“ฮึๆ...เป็นอะไรรึเปล่าหมูน้อย” ผมหัวเราะอย่างถูกใจกับสีหน้าโกรธเคืองปนตกใจของเด็กไทนี่ที่ได้เห็นจากกระจกข้าง แต่แล้วความเงียบบนรถทำให้ผมต้องหันไปให้ความสนใจกับคนข้างๆ
“เปล่าครับ...ผมกำลังตกใจกับปานตรงข้อมือของไทนี่” คำตอบของลูกหมูไม่ทำให้ความสงสัยของผมคลี่คลายลงเลย
ปานอะไรและมันแปลกยังไง แววตาของผมที่สบกับลูกหมูชั่วแวบ คงทำให้น้องรู้ว่าผมคิดอะไร
“ปานรูปปีกตรงข้อมือด้านในน่ะครับ ลูกหมูติดใจยังไงไม่รู้ แต่คงคิดมากไปเอง แหะๆ” รอยยิ้มแหยๆกับเสียงหัวเราะฝืดๆของน้อง ทำให้ผมอารมณ์ดี จึงยื่นมือไปยีหัวเจ้าตัวเล่น
หมูน้อยไม่มีโวยวายทำเพียงแค่หัวเราะคิกคัก และเอนหัวลงซบบนไหล่ผม การกระทำของน้องทำเอาหัวอกผมอุ่นวาบและเต็มตื้นไปด้วยความสุข จึงคว้ามือนุ่มขึ้นกดจูบบนหลังมือเนิ่นนาน เรานั่งข้างกันโดยที่มีผมเป็นคนขับและมีน้องแนบชิดไปตลอดทาง
เส้นทางข้างหน้าผมไม่รู้ว่าจะเจอกับอะไรบ้าง แต่ขอเพียงแค่มีลูกหมูอยู่เคียงข้าง เป็นทั้งกำลังใจและเติมเต็มความรักให้ผมแบบนี้ตลอดไป ผมก็พอใจและพร้อมที่จะต่อสู้กับขวากหนามและอุปสรรคระหว่างทางเต็มกำลังแล้วครับ
“พี่รักลูกหมูมากนะคนดีของพี่ อยู่กับพี่แบบนี้ตลอดไปนะ”
...............................................
โปรดติดตามตอนต่อไป^^กิ๊วๆๆ มีใครคิดช๊อตบทลงโทษไปไกลบ้างเอ่ย จริงๆไม่มีไรน้า
พี่ลีโอแค่หาข้ออ้างพาน้องมาเที่ยวเท่านั้นเอง

แต่อย่าเพิ่งผิดหวัง เพราะตอนหน้าพี่ลีโอจะชดเชยให้น้า
ห้ามพลาด!!!! ต้องติดตามค่ะ
เจอกันวันอังคารค่ะ+1และเป็ดสำหรับทุกเม้นท์ ขอบคุณทุกการติดตามค่ะ
