มาละครับ....
ตอนพิเศษตอนแรกที่เขียนไว้ช่วงตอนทำบทที่ 70-80 เขียนเก็บมาเรื่อย ๆ เป็นเนื้อเรื่องที่ว่า เมื่อบิ๊กกับแทน อายุ 30 ชีวิตสองคนนี้คร่าว ๆ ในแบบว่าที่หนุ่มใหญ่จะเป็นอย่างไรกันบ้าง เป็นสิ่งที่ผมไม่ได้คิดไว้ตอนทำฉบับแรก เพราะตอนเขียนยังเด็กอยู่ ตอนนี้ตัวผมเองมีอายุพอสมควรแล้ว เลยพอจะถ่ายทอดได้ว่า ถ้าจะเป็นผู้ชายวัย 30 ที่รู้สึกว่า เออ เราโอเคกับชีวิตคู่แบบไหน ความสำเร็จอย่างไร และโลกมันควรเป็นแบบไหน
มี 3 ตอนนะครับ ตอนแรกวันนี้ ขอตัดมาส่วนนี้ก่อน เดี๋ยวส่วนที่สอง เหลือเขียนอยู่สองท่อน และส่วนสุดท้าย ยังไม่ได้เริ่มเขียน แต่ร่าง ๆ ไว้ละครับ
เชิญอ่านกันครับ^^
*************
Special Chapter "30" (Part 1) ปีนี้เป็นปีที่15 ที่ผมกับบิ๊กใช้ชีวิตมาด้วยกัน ทั้งผมกับบิ๊ก อายุ 30 ปีกันแล้ว มีเรื่องเศร้าเรื่องเดียวที่พึ่งผ่านไปเมื่อสองปีก่อน คือคุณยายผมจากผมตลอดไปแล้ว ท่านจากไปอย่างสงบ นอนหลับในคืนวันที่ท่านวางสายหลังจากที่ผมโทรคุยกับผมก่อนนอน แล้วเช้าวันรุ่งขึ้น ท่านก็จากผมไปอย่างสงบ ถึงผมจะเสียใจ แต่ท่านก็ได้อยู่ดูความสำเร็จผม ทั้งปริญญาตรี / โท นิติศาสตร์ สอบเป็นผู้พิพากษาได้ เปิดสำนักงานกฎหมายเล็กๆ ที่ลูกความส่วนใหญ่ จะเป็นลูกความที่ไม่สามารถจ้างทนายได้ หรือลูกความที่เสียเปรียบจากคู่กรณีที่มีอำนาจมากกว่า และหน้าที่สำคัญที่ผมได้รับคือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ตอนอายุ 27 ซึ่งถือว่าเป็นรัฐมนตรีที่อายุน้อยที่สุด
บิ๊กเปิดอู่แต่งรถซิ่งกับรุ่นพี่อีกสองคน โดยในบริเวณเดียวกันนั้น มีฟิตเนสเล็ก ๆ ที่บิ๊กเปิดขึ้นในราคารายเดือนที่ไม่แพง โดยเกือบทุกปี ไม่บิ๊กก็ลูกทีมในฟิตเนสนี้ จะต้องไปประกวดบนเวทีประกวดเพาะกายเสมอ ได้รางวัลมาก็มากพอสมควร ลูกค้าของฟิตเนสบิ๊กถือว่าเยอะพอสมควร ดารา นายแบบ รวมถึงต้า ก็เป็นลูกค้าของที่นี่ด้วยตารางตลอดสัปดาห์ของบิ๊กจึงค่อนข้างแน่น ไม่ว่าจะงานในฟิตเนส งานจูนรถ งานเอกสารอู่ และในบริเวณของฟิตเนสบิ๊ก มีร้านอาหาร ร้านกาแฟเล็กๆ ที่ผมคิดเมนูสำหรับลูกค้าทั้งอู่รถกับฟิตเนสได้มาใช้บริการกัน และในร้านอาหารนี้ ก็เป็นสำนักกฎหมายของผมไปในตัวเช่นกัน
“ช้าๆ ค่อยๆ ดีมาก อีกที อีกที เยี่ยมครับ” บิ๊กรับบาร์น้ำหนักที่ผมกำลังนอนยกท่าอกบนอยู่ ผมลุกขึ้นดื่มน้ำ เช็ดเหงื่อนิดหน่อย
“เหลืออีกสามท่า แทนไปวิ่งอีก 30 นาทีนะครับ” เทรนเนอร์ผมคนนี้สอนฟรี แต่สอนโหดเท่ากับลูกค้าทุกคน
“วันนี้เรากลับดึกนะครับ มีงานแต่งงานของลูกชายรองนายกฯ” บิ๊กพยักหน้าขณะปรับแผ่นเหล็กน้ำหนักใหม่
“แทนจะขับรถไปเองหรือให้บิ๊กไปรับไปส่งดีครับ” ผมกลับลงไปนอน แล้วเตรียมท่าสำหรับยกต่อ และคิดถึงตารางงานตัวเอง
“ขับไปเองดีกว่า ต้องไปสองสามที่ ไปงานเลี้ยงอีก วันนี้บิ๊กไม่มีนัดเทรนเหรอ” ผมยกบาร์น้ำหนักออก ก่อนจะเริ่มยกเช็ทสุดท้ายต่อ
“เลื่อนนัดไปสองคน เลยว่างอะ 5...6...7...8...9...10...11...12...ทีนึง...อีกที...อีกที ดีมาก” พอถึงครั้งที่ 12 สามครั้งสุดท้าย จะเป็นบิ๊กมาเซฟให้
“วันนี้บิ๊กเคลียร์งานเถอะ เห็นทำเอกสารฝั่งอู่รถกับเขียนตารางเทรนให้ลูกค้าดึกมาสองวันแล้ว เดี๋ยวทำงานไม่ทัน” บิ๊กยิ้มๆ ก่อนจะหยิบสมุดบันทึกการเทรนของผมมาจด
หลังจากออกกำลังกายเสร็จ ผมรีบอาบน้ำ แต่งตัวให้เรียบร้อย ก่อนจะลงมาทานมื้อเช้าที่บิ๊กเตรียมให้ผม กาแฟดำ อกไก่ย่าง ไข่ต้ม ผักต้มกองใหญ่ กำลังเข้าปากผมขณะที่อ่านเอกสารไปด้วย ส่วนบิ๊กเองก็นั่งทานกับผมไปด้วย
“วันนี้ขับคันไหนไปทำงานดีครับ” อันที่จริง ผมไม่ค่อยชอบขับรถที่บิ๊กมีไปทำงานเท่าไหร่ ผมเองก็ไม่ได้ซื้อรถของตัวเองใช้ รถทุกคันที่ผมขับไปทำงานเอง หรือบิ๊กขับไปส่ง เป็นรถของบิ๊กหมดเลย ไม่ว่าจะ Audi R8 V10 Plus / Nissan GT-R Nismo / Tesla Model X / Mercedes-AMG G63 / BMW i8 และ BMW M4 Convertible แต่ถ้าวันไหนผมรีบจริงๆ ผมก็ซ้อนท้าย Ducati 1299 Panigale S สีแดงสลับขาวคันเก่งของบิ๊กไปทำงาน
“คันเดิมละกันครับ” นั่นคือ Tesla Model X รถที่ผมคิดว่าดูเรียบร้อยที่สุดในการขับไปทำงานแล้ว อีกอย่าง มันตั้งขับอัตโนมัติเองได้ บางทีผมอยากใช้เวลาตอนเดินทางทำงานไปด้วยแหละ
“ที่จริง แทนน่าจะใช้รถประจำตำแหน่งก็ได้นะ ไม่ก็ซื้อ Benz / BMW เล็กๆ สักคันขับไปทำงานก็ได้นะ” และเหตุผลที่ผมจะไม่ซื้อรถคือ
“เราอยากให้บิ๊กไปรับไปส่งเรามากกว่า” แน่นอนว่าเรื่องนี้เราคุยกันซ้ำหลายที แต่ผมก็ยืนยันว่า ผมอยากให้คนรักของผมไปรับ ไปส่งแบบนี้เสมอ
“งั้น อย่าบ่นเรื่องนักข่าวนะครับ” ใช่แล้ว นักข่าวเคยพยายามขุดคุ้ยว่าทำไมผมขับรถแพงมาทำงานได้ มันดูสวนกับภาพลักษณ์ทนายคนยากที่ผมเป็นอยู่
ผมยื่นรายการทรัพย์สินส่วนตัวแล้วเป็นรัฐมนตรีที่จนสุด เพราะเงินที่ผมใช้กิน ใช้อยู่ รถที่ผมใช้ ก็ของบิ๊กทั้งหมด เรียกว่าผมตอบนักข่าวได้เต็มปากเลยว่า “แฟนเลี้ยงครับ” สถานะแฟนผู้ชาย ถ้าสอบทุจริตแบบสามีภรรยาปกติ ก็คงจะไม่ได้ แถมผมกับบิ๊กก็ไม่เคยทำธุรกรรมอะไรรวมกัน ข้อนี้ถึงจะเคยโดนขุดมาหาเรื่อง แต่ก็ตกไป
ผมดื่มกาแฟเสร็จ ดื่มน้ำเปล่าอีกแก้ว ตามด้วยลูกอมดับกลิ่นปากสักเม็ด บิ๊กหิ้วกระเป๋าเอกสารกับ MacBook ของผมมาส่งที่รถ
“ทำงานราบรื่นนะครับ” นี่คือคำอวยพรของบิ๊กทุกเช้า ไม่ว่าจะไปส่งผม หรือผมจะขับรถออกไป และที่แน่ ๆ จูบก่อนไปทำงานที่ริมฝีปากกับลิ้นได้สัมผัสกัน คือสิ่งที่ดีที่สุดในทุกเช้าของผม เว้นแต่วันที่นั่งซ้อนท้ายมอไซค์ ที่ผมจะแค่โบกมือลาก่อนเดินเข้าที่ทำงาน
ทุกวันที่ผมทำงาน ผมยิ้มและสดชื่นเพราะบิ๊กนี่แหละครับ
………….
การมีกิจการของตัวเอง เป็นอะไรที่ดีนะ ผมดีใจที่ผมทำงานทุกอย่างได้ดี ผมมีเงินเลี้ยงแม่ให้เกษียณจากงานได้ ทำฝันตัวเองให้เป็นจริง ไม่ว่าจะเรื่องรถที่ผมชอบ เรื่องออกกำลังกาย รวมถึงเอามาช่วยแฟนผมทำฝันที่อยากช่วยเหลือคนได้สำเร็จ และร้านอาหารเล็กๆ ที่แฟนผมอยากทำ ก็ช่วยให้ผู้ด้อยโอกาสได้มีงานทำ อู่ผมกับฟิตเนสผม ก็มีหลายคนที่ทำงานอยู่ เป็นคนไม่ได้เรียนหนังสือ แต่ผมสอนงานจนสามารถจูนรถ ซ่อมรถเป็นแล้ว รวมถึงเป็นเจ้าหน้าที่ในฟิตเนสที่ทั้งล่ำ เท่ห์ เป็นหน้าเป็นตาให้กับฟิตเนสผมได้อีก
“พี่บิ๊กครับ ลูกค้ารถเสียกำลังโวยวายเลยพี่” ผมพึ่งเทรนให้ลูกค้าเสร็จพอดี เด็กที่ฝั่งอู่วิ่งหน้าตื่นมาหาผม
“พี่ซันกับพี่อ๋องละ” เอาเข้าจริง พี่ซันกับพี่อ๋องมักจะรับหน้าได้ดีกว่าผมเสมอ
“ไม่อยู่ครับพี่ เอารถไปส่งลูกค้าทั้งคู่เลยพี่” ผมพยักหน้ากับตบไหล่เด็กผมว่า
“เชิญพี่เค้านั่งให้สบายๆ หาน้ำให้เค้าดื่มนะ พี่ขอห้านาที เดี๋ยวไปคุยให้นะ” ผมรีบไปหยิบเสื้อยืดคอกลมทับกับเสื้อ Dry-Fit ที่ใช้ใส่เทรนลูกค้า ก่อนจะรีบไปล้างหน้าให้สะอาด แล้วไปที่อู่โดยไว
ลูกค้าที่มีปัญหา เป็นรถ Civic ที่มาจูนกล่องกับปรับช่วงล่างใหม่เมื่อสัปดาห์ก่อน เป็นเด็กมหาลัยน่าจะไม่เกินปีสาม แต่ดูท่าจะเอาเรื่องอยู่ ลูกค้าคนนี้ผมไม่ได้คุยเอง แต่เป็นพี่ซันคุย ผมยิ้มเดินเข้าไปห้องรับรองลูกค้า ก่อนจะสวัสดีแล้วนั่งลงเก้าอี้โซฟาฝั่งตรงข้าม
“แนะนำตัวก่อนนะครับ ผมบิ๊ก เป็นหนึ่งในหุ้นส่วนของอู่ น้องไม่ต้องกังวลนะครับ รถเป็นอะไร พี่แก้ให้นะครับ” แทนสอนผมเสมอว่า ถ้าเค้าร้อนมา เราต้องเย็นก่อนเสมอ
“ทำไมรถผมขึ้น Dyno แล้วได้ม้าไม่ถึงตามที่จูนละครับ นี่ยังไม่นับตอนเกียร์สามเข้าแล้วรถสั่นอีกนะ พี่หลอกแดกผมเปล่าเนี่ย” เด็กหนุ่มพูดอย่างมีอารมณ์ใส่ผม ผมยิ้มแล้วลุกขึ้น
“เราไปดูรถกันดีกว่าครับ” ที่จริง ผมไม่ชอบลูกค้าแบบนี้นะ แต่ถ้าผมไม่เย็นก่อน รับประกันว่าทุกอย่างจะพังทันที
ผมจับขึ้น Dyno กับดูเอกสารประวัติการปรับแต่งของร้าน แล้วเช็คทุกอย่างด้วยตัวเอง เลยรู้ว่า ลูกน้องผมทำงานไม่เรียบร้อยเอง ผมเรียกลูกน้องมาอธิบายตรงหน้างานอย่างใจเย็น แล้วจบด้วยรอยยิ้มว่าบอกหมดแล้วนะ และนั่นก็ทำให้ลูกน้องผมรู้สึกสยองเสมอ เพราะทุกคนที่ทำงานด้วยชอบบอกว่า ถ้าผมเล่าใจเย็นๆ ดูน่ากลัวยิ่งกว่าตอนผมเหวี่ยงด้วยซ้ำ
“เรียบร้อยครับน้อง ลองไปขับวนแถวนี้สักรอบแล้วกลับมาบอกด้วยนะครับ เดี๋ยวพี่เลี้ยงข้าวเลี้ยงน้ำด้วย” ผมส่งกุญแจให้เจ้าของรถ
“โอเคครับพี่ เดี๋ยวผมมานะครับ” ผมยกมือไหว้ส่งลูกค้า พอลูกค้าขับรถออกไปแล้ว
“ช่างทุกคนมาประชุมกับผมเดี๋ยวนี้” ผมเดินกลับไปรอกลางอู่ให้ช่างทุกคนมาล้อมผม
“เมื่อสักครู่ พี่พึ่งแก้ Civic ลูกค้าไป พี่อยากย้ำอย่างนะครับ ความพอใจลูกค้าคือสิ่งที่ทำให้เราทุกคนมีกินมีใช้ทุกวันนี้ได้ รถที่เราแต่งทุกคัน แต่งให้ดีกว่ารถเราเอง ทุกคนที่ได้ยืนตรงนี้ เป็นโอกาสที่พิเศษที่ไม่ใช่ทุกคนจะได้นะครับ รถที่สร้างชื่อในสนามกับถนนหลายคัน คือรถที่ทำให้พวกเราทุกคนมีงานทำกัน อย่าทำงานโดยไม่ใส่ใจ ต่อให้เค้าจะเอารถเก่าๆ หรือรถธรรมดามาให้เราแต่งเราก็ต้องใส่ใจทำ ให้เท่ากับที่เราทำรถแพงๆ เหมือนกัน ขอบคุณครับ” ช่างทุกคนไหว้ผมก่อนจะแยกย้ายไปทำงาน
ผมไม่ชอบตำหนิลูกน้องตัวเองง่ายๆ ถ้าไม่สุดๆ จริงๆ และถ้าจะตำหนิ ขอคุยแค่สองคน ไม่ตำหนิใส่ต่อหน้าใครจะดีที่สุด ผมถอนหายใจสักครู่ ก่อนจะรีบกลับไปที่ฟิตเนส เพราะผมเลทเวลาลูกค้าที่รอเทรนกับผมไป 15 นาทีแล้ว
“ฮัลโหล ที่รักเหนื่อยไหมครับ” ผมชอบโทรหาแฟนผมเวลาพึ่งเจอเรื่องหนักๆ มาแบบนี้แหละ
“กำลังไปประชุมที่สภาฯ ครับ พึ่งออกมาจากกระทรวงฯ พอดีเลย” แฟนผมก็งานเยอะไม่แพ้กัน
“ขับรถอยู่เปล่า จะได้ไม่กวน” ผมได้ยินแค่นี้ผมก็ยิ้มแล้วแหละ
“นั่งดูเอกสารในรถแหละ ตั้งให้มันขับไปสภาฯ ครับ” ลืมไปว่า แฟนผมเอารถคันที่ขับอัตโนมัติเองได้ไปใช้อยู่
“เปลี่ยนชื่อให้เป็นของแทนเอาไหม จะได้มีรถส่วนตัวไว้ใช้ไงครับ” แทนตอบคำถามนี้เหมือนเดิมคือ
“ไม่เอาดีกว่า ยืมบิ๊กใช้แบบนี้แหละครับ ดีแล้ว” ผมยิ้มหายเหนื่อยเหมือนเดิม
“รักนะครับ เดี๋ยวไปเทรนลูกค้าละ”
รีบกลับมากินข้าวเย็นกับบิ๊กนะครับ คิดถึงจัง
………….
การเป็นนักการเมืองพร้อมกับสถานะ "ชายรักชาย” มันลำบากจริงๆ สายตาของผู้ใหญ่ในพรรคตัวเอง หรือจะพรรคอื่นๆ ถึงตรงหน้าจะยอมรับ แต่หลายเรื่องที่ผมได้ยินมา ก็นินทาผมลับหลัง นี่ยังดีที่ผมอายุยังไม่มาก ไม่ได้ปล่อยตัวให้อ้วนหรือดูเหมือนพวกนักการเมืองแก่ๆ ไม่งั้นผมคงโดนฟาดหัวข่าวว่า "เจ๊ะ" อย่างที่นักข่าวสายการเมืองหลายคนอยากเขียนแน่ๆ แต่ผมว่าหนักสุดคือ ตอนผมได้เป็น สส. ใหม่ๆ มีคนตั้งให้ผมเป็น “นักขุดทอง” แต่ผมไม่โกรธนะ ตอบกลับกวนๆ ด้วยซ้ำว่า “ผมขุดทองไม่เป็น มีแต่ทองให้ขุด สนใจลองขุดไหม” แค่นั้นก็เป็นประเด็นจนโดนผู้ใหญ่เรียกไปตักเตือนอยู่นานเลยแหละ
"สวัสดีครับอาพีระ" นี่แหละครับ คนที่ทำให้ผมได้มาเป็นนักการเมือง คุณพ่อของต้านั่นเอง คุณพ่อของต้าเป็นรองนายกฯ และมักเป็นคนแรกๆ ที่ผมได้ทักทายเวลาเจอที่สภาฯ
"มาไวเหมือนเดิมนะลูก" ผมหันไปกอดแม่ผม ตามด้วยพ่อผม ถึงผมจะไปหาคุณพ่อกับคุณแม่อาทิตย์ละสองสามวัน แต่เมื่อคุณพ่อกับแม่ผมยังอยู่ในบัญชีรายชื่อของพรรค ผมก็จึงได้เจอท่านทั้งสองทุกวันในที่ทำงานเช่นกัน
"ผมไม่ชอบมาสายนะแม่ พ่อโอเคไหมครับ" ระยะหลังๆ พ่อผมสุขภาพไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก
"ยังไหวๆ ไว้ไม่ไหวก็คงพักแล้วแหละ" พ่อผมตบไหล่ผมเบาๆ
"พ่อยังแข็งแรง อยู่กันอีกนาน เราละ ทำงานหนักดูแลตัวเองด้วย" ผมยิ้มให้กับความห่วงใยพ่อผม
“เดี๋ยวผมขอตัวก่อนนะครับ เสาร์นี้เดี๋ยวกลับบ้านนะครับ” ผมแยกตัวจากพ่อ แม่ และอาพีระ เพื่อรีบไปคุยกับทีมงานผม แต่ระหว่างทางนั้น...
“สวัสดีคุณภัทร ดูรีบนะครับ” ผมหยุดพยักหน้าให้กับผู้ใหญ่ท่านนึงของพรรคฝ่ายค้าน
“มีประชุมทีมงานครับ ขอตัวนะครับ” ผมไม่ค่อยอยากเสวนาด้วยเท่าไหร่ เพราะรู้ว่าทุกครั้งที่เจอ เค้าจะพูดอะไรที่ค่อนไปทางดูถูกผมเสมอ
“อย่าคิดว่าเด็กอย่างคุณจะผ่านกฎหมายไร้สาระได้ โดยเฉพาะกฏหมายเพื่อตุ๊ดอย่างพวกคุณ” นี่ไม่ใช่ครั้งแรก แต่ผมก็อยากให้เป็นครั้งสุดท้ายที่พูดแบบนี้กับผม
“มันจะไร้สาระหรือไม่ ลองไม่อคติดูก็น่าจะมองเห็นนะครับ” ผมยิ้มสู้ก่อนจะขอตัวเดินออกไป
“ปากดีแบบนี้ ระวังจะอยู่ไม่ยืด” ผมได้ยินเสียงพูดลอย ๆ ผมเลยตอบกลับลอย ๆ บ้างว่า
“ชีวิตผมไม่ต้องเกาะการเมืองกินก็อยู่อย่างมีเกียรติได้ครับ” ก็ได้ผลนะ อีกฝ่ายเงียบไปเลย ผมไม่อยากเสวนามากนัก รีบไปทำงานของผมดีกว่า
ผมเข้าห้องประชุมทีมของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ผมเป็นรัฐมนตรีฯว่าการที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ แต่โชคดีที่ท่านหัวหน้าพรรคฯ หรืออีกตำแหน่งก็ นายกรัฐมนตรี เป็นคนที่มีลูกชายอยู่วัยกำลังเข้ามหาวิทยาลัย ซึ่งติดบิ๊กมาก เทรนฯกับบิ๊กหลังเลิกเรียน ห้าวเหมือนกับบิ๊กเป๊ะ เรียนก็ไม่เก่งเหมือนกัน และที่เหมือนบิ๊กก็คือ น้องเจมส์ติดแฟนมาก...
“อาฝากแทนช่วยอย่างนึงซิ บอกไอ้เจมส์ว่าอย่าติดแฟนมาก จะสอบเข้ามหาลัยอยู่แล้ว พาแฟนมาค้างทีไร ไม่เห็นติวหนังสือ แถม...เห้อ...” ผมเข้าใจอยู่ครับ
“คุณอาไม่ต้องห่วงหรอกครับ เดี๋ยวผมบอกให้บิ๊กพูดให้นะครับ ถ้าบิ๊กพูด น้องเจมส์ต้องฟังแน่นอน” ท่านนายกฯ ได้แต่พยักหน้าแบบเอือมนิด ๆ
“อาดูร่างกฎหมายที่เราส่งมาแล้วนะ อามั่นใจมากว่าน่าจะผ่านได้ไม่ยาก ตัวกฎหมายหลัก กฎหมายรอง ข้อย่อยต่าง ๆ ออกมาดีมาก แถมใช้ได้นานแบบแทบไม่ต้องแก้บ่อย ๆ ในอนาคตด้วย” ผมไหว้ขอบคุณในคำชม
“มันเป็นประสบการณ์ส่วนตัวผมครับ ผมเลยคิดว่า ทั้งหมดนี้ น่าจะออกมาครอบคลุม” ท่านนายกฯ ยกข้อมือดูนาฬิกาข้อมือ
“เข้าห้องประชุมกันเถอะ ได้เวลาละ ทุกคนน่าจะมาครบกันละ” ผมกับท่านนายกฯ เข้าห้องประชุมพร้อมกัน
ตลอดสี่ชั่วโมงของการถกเถียงเรื่องรายละเอียด บางความคิดเห็นในห้องประชุม เป็นไอเดียที่ผมคิดไม่ถึง แต่ช่วยให้ผมแต่งร่างกฏหมายนี้ได้ดีขึ้น โดยเฉพาะท่านนายกฯ ที่พยายามติงกฎหมายลูกที่อาจขัดกับกฎหมายหลักฉบับอื่น ๆ ซึ่งผมเองก็รับไปปรับแก้ให้ทันในอีกสองสัปดาห์ที่จะต้องนำเสนอร่างฯ เข้าสภาฯ
“ขอบคุณมากเลยครับ ผมคิดว่ามันสมบูรณ์ดีแล้ว แต่จริง ๆ มันยังไม่ 100% ดีนัก” ผมพูดกับกับท่านนายกฯ
“คุณอาเองก็แนะนำผมได้ดีมากเลยครับ เนื้อหาของร่างฯ ทั้งหมด น่าจะสมบูรณ์แน่ ๆ” ถึงท่านนายกฯ จะให้ความสนิทสนมกับผมและบิ๊กมาก แต่ผมก็ยังเกร็งไม่หายอยู่ดี
“ขอบใจเธอนะ ฉันคิดไม่ผิดจริง ๆ ที่มอบหน้าที่สำคัญนี้ให้แทนดูแล” ท่านนายกฯ ก็กล่าวเกินไป ผมได้แต่โค้งตัวแบบเขิน ๆ กับคำชมนี้
“ผมคิดว่าผมยังทำได้ไม่ดีเท่าไหร่ ละก็ ผมเองก็ไม่คิดจะเล่นการเมืองหรอกครับ ผมแค่ทำตามฝันที่ผมอยากทำเฉย ๆ” นี่ก็เป็นคำตอบที่ผมชอบบอกกับผู้ใหญ่ในพรรคทุกคนที่ชมผม
“อาเองก็ขอบใจที่เราทำกฎหมายฉบับนี้ออกมานะ เอาตรง ๆ ตอนแรกอาอยากสนับสนุนกฎมายนี้เพื่อฐานเสียงของพรรคเราให้กว้างกว่านี้ แต่พออาเข้าใจไอ้เจมส์ อาก็รู้ว่า กฎหมายฉบับนี้มันสำคัญต่ออนาคตจริง ๆ” เรื่องน้องเจมส์เอง ผมก็พออยู่ในเหตุการณ์มาหลายปี บิ๊กบ้าง ผมบ้าง ที่คอยช่วยประสานครอบครัวนี้ให้ลงตัว ถ้าว่ากันตรง ๆ ก็ไม่ต่างกับครอบครัวผมเท่าไหร่หรอก แต่ที่ดีกว่าคือ มีผมกับบิ๊กที่คอยอธิบาย บวกกับคุณอากับคุณน้า ก็ยอมเปิดใจฟังจนเข้าใจในสิ่งที่ลูกตัวเองต้องการ อีกอย่าง ผมว่าน้องเค้าเป็นเด็กดีขึ้นเยอะหลังจากพาแฟนมาเปิดตัวนี่แหละ
“คืนนี้ไปงานแต่งฯ ท่านรองฯ ใช่มะ” ผมตอบรับคำถามท่านนายกฯ
“โอเค กลับบ้านไปแต่งตัวก่อน ที่เหลือฝากด้วยนะ” ผมไหว้ลาก่อนจะเดินกลับไปที่รถ
ผมก็ได้เวลากลับไปแต่งหล่อเหมือนกัน
To Be Continue
*************
อีกสัก 2-3 วัน หรือเร็วกว่านั้น จะมาลง Part 2 ของตอนพิเศษให้นะครับ ขอบคุณคนอ่านทุกคนที่ยังรักบิ๊กกับแทนนะครับ
ขอบคุณครับ^^