เสพติดอันตราย...รักผู้ชายพันธุ์โหด
ตอนที่ 35
ธีร์กำลังเดินไปเดินมามองร่างสูงหยิบนู่น หยิบนั่นลงหม้อ ทั้งๆ ที่บอกว่าอยากกินไข่เจียวหมูสับ ต้มจืดวุ้นเส้น สองอย่างเท่านั้น แต่อีกคนเห็นว่าวุ้นเส้นมันเหลือ ไว้นานก็กลัวไม่ได้กินเลยทำยำวุ้นเส้นเพิ่มอีกอย่าง ธีร์เดินไปมาประท้วงอีกคนว่าเมื่อไหร่จะทำเสร็จ แม้จะกินเจลลี่ถุงนั้นหมดไปแล้วก็ตาม
“เสร็จหรือยังเนี่ย”
“อย่าบ่นได้ไหม ถ้ายังยืนนิ่งไม่ช่วยอะไรแบบนี้” พัฒน์บ่น ปิดเตาลงเพราะทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยพอดี ร่างสูงถอดผ้ากันเปื้อนสีเข้มออก
“ก็กูทำไม่เป็น” ธีร์โกหกออกไป
“งั้นก็ฝึกซะ เวลาอยู่คนเดียวจะได้ไม่เดือดร้อน” พัฒน์พูดประโยคนี้ออกไป ทำให้ธีร์ถึงกับหน้าเจื่อนลง ความรู้สึกมีความสุขก่อนหน้านี้มันมลายหายไป
อยู่คนเดียวงั้นหรือ...
มันพูดแบบนี้แสดงว่าไม่ได้คิดที่จะอยู่กับเขาตลอดไปสินะ รู้แบบนี้ก็ดี จะได้ทำใจเอาไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ เวลาจากกันจริงๆ ธีร์จะได้ยืนหยัดต่อไปได้
“จริงสินะ ยังไงกูกับมึงก็ไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอดไปนี่เนอะ เดี๋ยวกูยกต้มจืดไปที่โต๊ะก็แล้วกัน” ธีร์พูดบอกอีกคนเบาๆ ก่อนจะยกต้มจืดออกไป ไม่รอให้อีกคนพูดอธิบายเลยสักนิด
ความหมายของพัฒน์ที่ต้องการสื่อคือ เวลาที่เขาไม่อยู่ ไปต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ ไม่มีใครคอยหาอะไรให้ธีร์ทาน ร่างโปร่งจะได้ทำเองได้
“มึงเป็นอะไรหรือเปล่าวะ”
“ไม่นี่ รีบไปยกข้าวมากูหิวแล้ว” นั่งลงฝั่งหนึ่งของโต๊ะ ส่วนพัฒน์ก็เดินไปยกหม้อข้าวมา ก่อนจะตักให้ธีร์และตัวเอง
พัฒน์นั่งลงฝั่งตรงข้ามกับธีร์ เลือกที่จะมองหน้าร่างโปร่งที่พยายามทำสีหน้าให้ปกติทั้งๆ ที่สายตากลับไม่ได้รู้สึกแบบนั้นจนพัฒน์ไม่สบายใจ
“ธีร์” พัฒน์เรียกอีกคนเสียงต่ำ ซึ่งร่างโปร่งก็เงยหน้ามองร่างสูงน้อยๆ ก่อนจะก้มหน้าก้มตาทานอาหารตรงหน้าต่อ ธีร์รับรู้รสได้ว่ามันอร่อย อร่อยมาก แต่ข้างในหัวใจมันกลับขมขื่นอย่างบอกไม่ถูก
คงไม่ใช่อาหารมื้อแรกและมื้อสุดท้ายที่เขาจะได้ทานฝีมือของพัฒน์หรอกนะ
ขอเวลาอีกนิดเถอะ แค่อีกนิดเดียวจริงๆ
“อร่อยนะ มึงนี่ทำอาหารอร่อยไม่เข้ากับหน้าจริงๆ” ธีร์แสร้งทำเป็นแขวะอีกคนไป เพื่อไม่ให้บรรยากาศมันดูอึม ครึมไปมากกว่านี้
พัฒน์ไม่ชอบท่าทางที่พยายามจะเข้มแข็งของอีกคนทั้งๆ ที่สายตามันฉายชัดว่ากำลังอ่อนแอ
“อ้อ! แล้วที่มึงบอกว่าให้กูหัดทำอาหารน่ะ มึงไม่ต้องห่วงหรอกน่า ระดับกูแล้ว อาหารไม่ใช่เรื่องยาก กูทำเป็นอยู่แล้ว เคยช่วยแม่บ่อยๆ น่ะ” ธีร์เอ่ยบอกไป ใบหน้ายิ้มแต่ใจกลับอยากห้องไห้
ยอมรับว่าเรื่องที่ทำอาหารเป็นพัฒน์รู้อยู่แล้ว เพราะถ้าหุงข้าวเป็น อาหารก็ต้องเป็น
“มึง...เป็นอะไรไป” พัฒน์ถามเสียงเครียด
“เปล่านี่ กินต่อดิวะ เดี๋ยวก็ชืดหมด”
พัฒน์เลยตัดสินใจที่จะทานอาหารต่อแล้วค่อยรอคุยตอนที่ทานและเคลียร์จานเรียบร้อยแล้ว พัฒน์ไม่ยอมให้อีกคนเข้าใจเขาผิดแบบนี้ต่อไปแน่ๆ
ทั้งๆ ที่มันควรเป็นบรรยากาศที่มีความสุข แต่ทุกอย่างกลับตาลปัตรไปหมด
เมื่อทานอาหารจนหมดแล้วธีร์ก็เป็นคนอาสาจัดการล้างจานทั้งหมดเอง ให้เหตุผลว่าพัฒน์ทำอาหารแล้ว แต่พัฒน์ไม่ยอม
“มึงไปกินยาแล้วพักไป หรือจะเอาเค้กมากินก่อนก็ได้แล้วค่อยกินยา จานกูทำเอง”
“แต่...”
“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น ไปได้แล้ว” พัฒน์ไล่ เสียงเครียดจากที่ไม่เข้าใจร่างโปร่งเลยพาลทำให้อารมณ์ของพัฒน์ไม่มั่นคงเท่าไหร่
ธีร์เม้มปากแน่นก่อนจะเดินไปที่ห้องนอนเอายาออกมากินแล้วเดินไปที่ห้องน้ำเพื่ออาบน้ำเตรียมตัวนอน และหนีหน้าร่างสูงไปด้วย
พัฒน์ที่ล้างจานกับทำความสะอาดโต๊ะเสร็จแล้ว เข้าไปตามธีร์ที่ห้องนอนก็ไม่เจอกับอีกคนแต่ได้ยินเสียงน้ำไหล เลยเดินไปยืนรอร่างบางที่หน้าห้องน้ำ
“กูไม่ยอมให้มันค้างคาแบบนี้แน่ๆ”
รอนานเกือบ 20 นาที ร่างโปร่งก็ไม่ออกมา ทั้งๆ ที่แผลไม่ควรโดนน้ำมากแท้ๆ ทำเอาพัฒน์ถึงกับโมโหที่เริ่มเข้าใจว่าธีร์ต้องการหลบหน้าเขา
“ธีร์ เข้าไปนานแล้ว ออกมาได้แล้ว” พัฒน์เรียกเสียงเข้ม
“อือ...ขออีก 10 นาที”
“กูให้ 1 ออกมาเดี๋ยวนี้” พัฒน์สั่ง
“งั้นขอ 5 นาที” ยังคงต่อรอง
“กูให้แค่ 3”
“เออๆ”
รอไม่นานธีร์ก็ออกมาจากห้องน้ำด้วยชุดนอนตัวเก่งของตน มองร่างสูงน้อยๆ ก่อนจะหลบตา
“จะอาบน้ำหรือวะ โทษที เพลินไปหน่อย”
“เพลินบ้าอะไร หมอไม่ให้แผลโดนน้ำไม่ใช่หรือไง” พัฒน์ถามเสียงดุ ทำเอาร่างโปร่งที่กำลังน้อยใจถึงหน้างอ
“ก็ไม่โดน”
“ให้มันจริงเถอะ แล้วเป็นอะไร ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว” พัฒน์ถามถึงสาเหตุที่อีกคนทำหน้าเศร้าๆ แบบนั้นทันที
“เปล่า”
“มึงเป็น”
“มึงไปอาบน้ำก่อนก็ได้ เดี๋ยวออกมาค่อยคุยกัน” ธีร์พยายามที่จะถ่วงเวลาให้นานที่สุด
นานพอที่จะคิดหาข้อแก้ตัวได้
“กูไม่อาบ จนกว่าจะรู้เรื่องที่ทำให้มึงทำหน้าไม่มีความสุข” เริ่มขึ้นเสียงใส่ธีร์นิดๆ
“นะ มึงไปอาบน้ำก่อน กูยังไม่อยากพูดตอนนี้ และกูก็เจ็บแผลด้วย ขอไปนั่งรอที่เตียงนะ” ธีร์ขอร้องด้วยสีหน้าที่จะร้องไห้เต็มที
และมันทำให้เขาทั้งใจอ่อนและอยากจะรังแกให้ร้องออกมา
“ก็ได้ นั่งรอที่เตียง แล้วหาเหตุผลให้ได้” พัฒน์ยอมแต่ก็กำชับร่างบางให้หาคำตอบเอาไว้ ซึ่งธีร์ก็พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะเดินออกจากห้องแต่งตัวมาที่ห้องนอนทันที
และเรื่องอะไรที่ธีร์จะยอมรออีกคนอย่างที่พัฒน์ต้องการกันล่ะ
“ขอก็แล้วกันนะ พรุ่งนี้กูยอมโดนด่าเลยว่ะ”
ร่างโปร่งเดินไปที่ห้องทำงานของร่างสูงที่ตอนเขามาอยู่ที่นี่แรกๆ ตอนบาดเจ็บก็ขอที่จะนอนห้องนี้แต่พัฒน์บอกว่าไม่ได้ แอร์เสีย แต่เขามาอยู่และเข้ามาในห้องบ่อยๆ ก็ไม่เห็นว่าจะเสียตรงไหน ยังนอนได้สบายๆ เลยด้วยซ้ำ
“ขอนอนห้องนี้ก็แล้วกัน”
กริ๊ก!!
ธีร์ล็อกประตูและคิดอย่างมั่นใจว่าพัฒน์ไม่มีทางเปิดประตูเข้ามาได้แน่ๆ เพราะเขาหากุญแจสำรองทุกซอกทุกมุมแล้วก็ไม่เจอ
นั่นอาจจะเป็นเพราะว่ามันหายไปแล้ว
“หรือไม่ก็อยู่กับมัน”
ร่างโปร่งมองประตูอย่างชั่งใจว่าจะทำยังไงดี ถ้ามันมีกุญแจก็หมายความว่าพัฒน์จะเข้ามาตอนไหนก็ได้ แต่ห้องนี้ก็ไม่มีความปลอดภัยให้กับเขาเลยสักนิด
“ทำไมมันไม่มีกลอนวะ!” ธีร์หัวเสีย แต่ก็ตัดสินใจที่จะเดินไปเปิดแอร์แล้วขึ้นไปนอนบนเตียงช้าๆ มองไปยังประตูด้วยหัวใจที่เต้นแรงอย่างตื่นเต้น รอฟังเสียงว่าอีกคนจะมาตอนไหน
หรือบางที อาจจะไม่เข้ามาก็ได้
“มันอาจจะรำคาญแล้วก็ไม่อยากรู้แล้วแน่ๆ”
ธีร์ค่อยๆ หลับตาลงเพราะแอร์ที่เริ่มเย็นสบายกับฤทธิ์ยาที่กำลังออกฤทธิ์ ธีร์จึงนอนหลับได้ง่ายๆ แม้จะรู้สึกว่ายังค้างคาและยังรู้สึกไม่ดี
แต่ธีร์กำลังจะหลับ และภาวนาให้เช้าวันใหม่เป็นวันที่สดใสด้วยเถอะ
…
…
พัฒน์ออกจากห้องน้ำ รีบเดินไปแต่งตัว ก่อนจะเดินมาที่ห้องนอนก็พบว่าไม่มีร่างโปร่งที่ควรนอนรอที่เตียงเลยสักนิด และรับรู้ได้ว่าธีร์ต้องหนีเขาแล้วแน่ๆ
“ให้มันได้อย่างนี้” พัฒน์กัดฟันแน่น คาดโทษอีกคนไว้ในใจว่าถ้าเจอตัวเมื่อไหร่ คงได้เจอดีกับเขาแน่ๆ
“เห็นว่ากูใจดีมาตลอด แล้วจะทำตัวเอาแต่ใจได้ตลอดหรือไง”
แบบนี้มันต้องสั่งสอน ให้รู้ว่าไม่ควรที่จะดื้อหรือขัดคำสั่งเขา!!
พัฒน์เดินไปหาคีย์การ์ดของห้องธีร์ที่ซ่อนเอาไว้มา แล้วเดินไปที่ห้องของอีกคนทันที โดยจำไม่ได้ว่าคีย์การ์ดทั้งหมดของธีร์อยู่กับตนเพราะฉะนั้นพัฒน์ที่เข้าไปในห้องที่ร่างโปร่งปิดตายเอาไว้ด้วยความจำเป็น เนื่องจากโดนตัวเขาเองบังคับ
“ไม่มี แสดงว่ามันยังอยู่ที่ห้อง” พัฒน์เดินออกจากห้องของอีกคนแล้วตรงไปยังห้องของตัวเองคืน กลับไปดูที่ห้องนอนอีกครั้งก็ไม่พบ ถ้าอย่างนั้น ก็มีแค่อีกห้องเท่านั้น จึงเดินไปหากุญแจห้องมา แล้วเดินไปอีกห้อง
ห้องที่เป็นห้องทำงานของเขา
พัฒน์เปิดประตูเข้าไป ไอความเย็นของเครื่องปรับอากาศก็กระทบกายเขาบ่งบอกว่ามีอีกคนอยู่ในห้องนี้ พัฒน์เดินเข้าไปหาร่างโปร่งที่นอนหลับอยู่บนเตียง ก่อนจะแทรกตัวเข้าไปในผ้าห่มผืนเดียวกัน ก่อนจะตะแคงมองดูคนที่นอนหลับไปแล้ว
“เอาไว้คุยพรุ่งนี้เช้าก็ได้”
พัฒน์ใช้ความคิดเล็กน้อย คิดว่าพรุ่งนี้จะคุยอะไร ยังไง และเรื่องงานจะไปทำตอนไหน เขาไปทำงานโดยที่เคลียร์กับอีกคนไม่ได้หรอกนะ
จุ๊บ!
พัฒน์จุมพิตเบาๆ ที่หน้าผากมน แล้วทิ้งตัวลงนอนข้างๆ คืน อยากจะกอดอีกคนให้แน่นๆ แต่แผลธีร์ยังไม่หายดีนัก กลัวเผลอจะทำให้ร่างโปร่งเจ็บถ้าเขาหลับไปแล้ว
พัฒน์คว้ามือของธีร์มากุมเอาไว้ก่อนจะหลับตานอนหลับไปกับร่างโปร่งที่นอนสบายอยู่ เขาอยากจะอยู่แบบนี้กับธีร์ไปเรื่อยๆ และเห็นแก่ตัวมากพอที่จะบอกว่าไม่รู้ว่าตนรู้สึกยังไงกันแน่
รุ่งเช้า
ธีร์ตื่นขึ้นมาเพราะอากาศที่เย็นเพราะแอร์ ก่อนจะพยายามลืมตาขึ้นอย่างยากลำบากเพราะแสงสว่างที่แยงเข้ามาในม่านตา รู้สึกชื้นๆ ที่ฝ่ามือข้างซ้ายเหมือนกับมีบางอย่างกุมเอาไว้ ซึ่งธีร์ก็หันไปมองข้างๆ อย่างสงสัยก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าใครอีกคนนอนกุมมือเขาเอาไว้
ฝันหรือความจริง
“พัฒน์” ธีร์พูดชื่อของอีกคนเบาๆ ก่อนจะใช้มือที่เป็นอิสระอยู่เอื้อมไปจับใบหน้าคมเข้ม ใช้ปลายนิ้วลูบใบหน้าของพัฒน์เบาๆ
มึงจะคิดแบบที่กูคิดไหม...
มึงจะรู้สึกเหมือนที่กูรู้สึกไหม...
กูอยากจะถามมึง อยากจะสารภาพกับมึง แต่ก็กลัวคำตอบที่จะได้รับ และกูก็ไม่อยากจะเป็นคนที่กลืนน้ำลายตัวเองทั้งๆ ที่ปฏิเสธมึงตั้งแต่แรก
และมึงเองก็เหมือนกันพัฒน์...สำหรับกูตอนนี้ ยังเป็นแค่คนระบายอารมณ์ของมึงเหมือนตอนแรกหรือเปล่า...ทั้งภาพทั้งเสียงของกู มึงก็ยังเก็บไว้...
ใช่แล้ว! ภาพพวกนั้น เสียงพวกนั้น
ธีร์คิดได้ว่าต้องทำลายมันทั้งหมด แต่ก็ไม่รู้ว่ามันอยู่ที่เครื่องไหน เพราะพัฒน์มีโทรศัพท์เยอะมาก และตั้งรหัสทุกเครื่อง เขาไม่สามารถที่จะเข้าไปในความเป็นส่วนตัวของอีกคนได้เลย
ร่างโปร่งพยายามดึงมืออกจากการเกาะกุมอย่างเบาๆ ก่อนจะลงจากเตียงนุ่มให้เบาและไม่มีเสียงที่สุด แต่ในจังหวะที่ขาถึงพื้น ร่างกายบางก็ถูกโอบกอดจากด้านหลังด้วยใครอีกคนที่ธีร์คิดว่านอนหลับ
พรึ่บ!!
“จะหนีไปไหนอีก” กระซิบถามข้างหูเสียงแหบพร่าเนื่องจากเพิ่งตื่นนอน ทำเอาร่างโปร่งถึงกับขนลุกชันแต่เช้า ไหนจะเสียงแหบๆ ของพัฒน์ที่ฟังดูเซ็กซี่นั่นอีก
ทำเอาอ่อนระทวยแต่เช้า
“จะไปอาบน้ำ จะไปทำงาน” ตอบเสียงสั่น
“กูไม่ให้ไป จนกว่าจะเคลียร์เรื่องเมื่อคืนได้”
“ไม่มีอะไรนี่” ทำเฉไฉ
“แล้วทำไมต้องหนีมานอนอีกห้อง”
“กูแค่ไม่อยากนอนกับมึงก็เท่านั้น”
“มึงก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะต่อให้มึงอยู่ที่ไหน กูก็จะตามไป” คล้ายเป็นคำสัญญา แต่ธีร์ก็ไม่อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองอีกต่อไป เพราะมันทำให้รู้สึกเจ็บไปแล้วหวังลมๆ แล้งๆ มากกว่า
“มึงหยุดพูดจาแบบนี้ทีเถอะ” ธีร์พยายามแกะมืออีกคนออกไป แต่ก็ไม่เป็นผล
“กูพูดจริง”
“กูบอกให้มึงหยุดพูดไอ้พัฒน์!!” ธีร์ตะคอกสุดเสียง ร่างสูงค่อยๆ คลายอ้อมแขนออกช้าๆ ร่างโปร่งจึงค่อยๆ ลุกขึ้น หันมาเผชิญหน้าพัฒน์ด้วยสีหน้าที่บ่งบอกว่ากำลังโกรธ แต่สายตามันฉายแววจนเจ็บปวด และมันทำให้คนจ้องตาธีร์อย่างพัฒน์ถึงกับรู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ออก
ไม่ชอบสายตาแบบนี้ของอีกคนเลย
“กูทำอะไรผิดวะ มึงถึงได้โกรธแบบนี้” พัฒน์ถามเสียงเครียด
“มึงไม่ผิดหรอกพัฒน์ คนอย่างมึงไม่เคยทำอะไรผิดเลยสักนิด จะบังคับกู จะทำอะไรกับกู มึงก็ทำได้ มึงไม่เคยคิดถึงความรู้สึกของกู แล้ววันนี้มึงเป็นเหี้ยอะไร มึงจะมาแคร์อะไรนักหนากับกูวะ มึงก็แค่ทำเหมือนเดิม ไม่ต้องสนใจกูก็ได้ กูเหนื่อยว่ะพัฒน์ มึงเข้าใจไหมว่ากูเหนื่อย!!!” ธีร์ระบายออกมาเสียงสั่น พยายามห้ามก้อนสะอื้นที่กำลังจะออกมา เงยหน้าขึ้นมองเพดานเพื่อไม่ให้ความร้อนที่ดวงตารินไหลเป็นน้ำแห่งความอ่อนแอ
เขาไม่อยากร้องไห้ เพราะมันจริงๆ
“ที่ผ่านมากูต้องทนมึงเพราะว่ามึงมีรูปกับเสียงตอนที่มึงถ่ายครั้งแรกที่มีอะไรกัน แล้วไง! มึงก็ยังเอาเรื่องนั้นมาเป็นข้อต่อรองเพื่อให้กูเป็นตัวระบายความใคร่ และพอกูยอม มึงก็เรื่องอื่นๆ มาบังคับกูอีก ต้องการอะไรจากกูวะพัฒน์ เลิกทำตัวอ่อนโยนกับกู เลิกยิ้มให้กู เลิกทำอะไรให้กูได้แล้ว ถ้ามึงไม่คิดที่จะรู้สึกอะไร เพราะคนที่กำลังคิดไปเองคนเดียวมันคือกู!!! ถ้ามึงทำไปเพราะความไม่ชอบและอยากเห็นกูเจ็บ มึงทำได้แล้วว่ะพัฒน์ มึงทำได้แล้ว” ร่างโปร่งไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่ตัวเองระบายออกไปทั้งหมดนั้น มันกำลังจะทำให้อีกคนรู้ว่าธีร์คิดยังไงกับพัฒน์
พัฒน์ทั้งรู้สึกตื่นเต้น และสับสนไปพร้อมๆ กัน
ทั้งดีใจ...แต่อีกใจก็รู้สึกขมขื่น
“กูไม่ได้ทำเพราะกูไม่ชอบหรือเกลียด แต่ที่กูทำไปเพราะกูอยากทำให้มึงจริงๆ” พัฒน์ตอบออกไปเสียงเรียบ จ้องมองร่างบางที่กำลังกำหมัดแน่นเพื่อห้ามน้ำตา ตัวเล็กๆ นั่นสั่นระริกราวจนน่ากลับ ร่างแกร่งอยากจะคว้าร่างนั้นเข้ามาโอบกอดเหลือเกิน
แต่ทำไมมันกลับทำอะไรไม่ถูก
“ถ้าอย่างนั้นมึงลองให้คำตอบกูได้ไหม ว่าที่มึงอยากทำให้กู มันเป็นเพราะอะไร” ธีร์ถาม ดวงตาก็สบกับอีกคนอย่างคาดหวัง
“กูก็แค่อยากทำ”
“กูกำลังถามถึงความหมาย สิ่งที่มึงทำมันหมายความว่ายังไง”
“มึงอย่าถามอะไรมากมายธีร์ กูบอกแล้วว่าอย่าถามเรื่องนี้ กูไม่มีอะไรจะตอบ” พัฒน์เลี่ยงออกไปเสียงเครียด
“มึงต้องตอบกู และกูไม่อยากจะรอคำตอบที่ไม่มีวันคิดออกอีกแล้ว เอาตรงๆ มาเลยดีกว่า มีให้กูมาอยู่ตรงนี้ในฐานะไหน”
“กูไม่รู้ กูไม่รู้จริงๆ”
ในขณะที่ธีร์ยังคงจมปลักอยู่กับอารมณ์ที่ไม่สามารถจะหยุดได้ สิ่งที่คิดอยู่ในใจ สิ่งที่เขาไม่อยากจะเอ่ยออกมาก็กำลังจะเปิดเผย
“ทั้งๆ ที่ก็อยู่ด้วยกันตลอด ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อย แต่ทำไมต้องมีกูคนเดียววะที่รู้สึกกับมึงเกินกว่าคำว่าเพื่อนหรือเกินกว่าคำว่าคนรู้จัก”
“มึงหมายความว่าไง” พัฒน์ถามเสียงเครียด
“กูรักมึงไง!!!” ธีร์ตะหวาด ทำเอาพัฒน์ถึงกับนิ่ง ตัวแข็งขยับตัวไม่ได้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะได้ยินคำสารภาพแบบนี้จากปากของธีร์
แต่พัฒน์เป็นคนที่ไม่รู้ว่ารักคืออะไร ไม่รู้ว่ากำลังรู้สึกแบบไหน
“กูรักมึง...แม่งเอ้ย! ทำไมต้องเป็นกูด้วย ทำไมต้องเป็นกูคนเดียวที่เป็นบ้าอยู่แบบนี้ทั้งๆ ที่มึงไม่รู้สึกอะไร” น้ำตาของธีร์ไหลออกมาอย่างมิอาจจะทนมันได้
พัฒน์เห็นภาพนั้นแล้วเจ็บแปลบอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
อยากจะเอื้อมไปเช็ดน้ำตานั่นแล้วกอดปลอบซะ แต่ก็ทำไม่ได้...
“กูขอโทษ...” พัฒน์พูดออกมาบางเบาๆ ธีร์เงยหน้ามองอีกคนทั้งน้ำตา ร่างเล็กสั่นเพราะแรงสะอื้น มองอีกคนอย่างคาดหวัง แต่สุดท้ายก็พังทลายไม่เป็นท่า
มันจบแล้วล่ะ จบแล้วจริงๆ
“แต่กูเป็นผู้ชาย มึงเองก็เป็นผู้ชาย กูยังยืนยันคำเดิม ว่าผู้ชายไม่ใช่รสนิยมของกู” พัฒน์พูดบอกออกไป ทำเอาธีร์ร้องไห้หนักกว่าเดิมอย่างเจ็บปวด
“และกับมึง เราเข้ากันได้ดีในเรื่องของเซ็กส์”
ไม่ต้องตอกย้ำหน้าที่ของกูอีกก็ได้ แค่นี้ก็เข้าใจทุกอย่างแล้ว
ตอนที่โดนแฟนคนแรกทิ้งเจ็บแล้วนะ แต่คราวนี้เจ็บยิ่งกว่า รู้เลยว่า อกหักจนแทบจะตายได้มันเป็นยังไง
ธีร์ทั้งร้องไห้และพยักหน้าไปด้วย
“ข่ะ เข้าใจแล้ว”
ที่ผ่านมาก็แค่คิดไปเอง คิดไปเองคนเดียว...
“ขอโทษ”
“อือ ฮึก มึงไม่ผิดหรอก ฮือ...มันผิดที่กูเองที่ไม่หักห้ามใจ”
“หยุดร้องเถอะนะ” พัฒน์ขอร้อง
เขาไม่อยากเห็นคนตรงหน้าร้องไห้จริงๆ ทั้งด่า ทั้งว่าตัวเองอยู่ในใจว่าไม่น่าเลย เขาทำร้ายหัวใจมัน และที่สำคัญ ทำไมเขาต้องรู้สึกเจ็บ
ทั้งๆ ที่เป็นคนปฏิเสธออกไปแท้ๆ แต่ใจเขาเองก็ร้องไห้เจียนตายไม่ต่างกัน
“เพราะฉะนั้นแล้ว...
“ปล่อยกูไปเถอะนะ ฮึก...กูขอร้อง” ธีร์เอ่ยขอพัฒน์เสียงสั่น เสียงพูดปนเสียงสะอื้นทำเอาพัฒน์ทำอะไรไม่ได้ อยากจะหนีไปจากตรงนี้ และเขาก็ทำมัน ร่างสูงลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินออกจากห้องไปทันที ทิ้งให้ธีร์ยืนร้องไห้หนักกว่าเดิมอยู่คนเดียว
มึงทำถูกแล้วธีร์ มึงจะได้ไปจากมันสักที แม้จะแลกด้วยการที่มันปฏิเสธ แต่ก็คุ้มกับเวลาที่เหลืออยู่ข้างหน้า
…
…
(มีต่อ)