เสพติดอันตราย...รักผู้ชายพันธุ์โหด
ตอนที่ 33
พัฒน์คงต้องขอขอบคุณฤทธิ์ยาที่สามารถทำให้ธีร์นอนหลับสนิทตลอดทั้งขึ้น ไม่ตื่นมางอแงเหมือนตอนที่ป่วยที่ต่างจังหวัดคราวก่อน และไข้ก็ลดลงมาก คงเป็นเพราะได้นอนหลับพักผ่อนอย่างสบายมาทั้งคืน หรือต้องบอกว่ามีกำลังใจดีที่ทำให้อุณหภูมิของร่างกายธีร์ลดลงเป็นปกติ
ธีร์ตื่นขึ้นมาในช่วงสายของอีกวัน ร่างกายรู้สึกดีขึ้น แต่มีแผลที่ยังคงเจ็บมากๆ อยู่ พัฒน์ก็ทำหน้าที่หาอาหารให้ธีร์ทาน และทานยาเสร็จสรรพ นั่งดูทีวีโดยมีพัฒน์นั่งทำงานผ่านโน๊ตบุ๊คและกองเอกสารที่อยู่ตรงหน้า ซึ่งเขาให้เลขาเอามาให้ที่นี่
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูก่อนที่ร่างบางของหญิงสาวที่เป็นสาเหตุให้ธีร์มานอนอยู่ในโรงพยาบาลแบบนี้จะเข้ามาในห้อง สอดส่องมองหาพัฒน์เล็กน้อยด้วยความกลัว
“ฉันมาเยี่ยมธีร์น่ะค่ะ” เมนีที่มาพร้อมกับกระเช้าผลไม้และช่อดอกไม้มาเต็มไม้เต็มมือ ทำเอาธีร์ถึงกับมองด้วยความตกใจ
“ขอบคุณนะครับ ที่จริงไม่ต้องเอามาก็ได้” ธีร์บอกยิ้มๆ
“เอ่อ...ขออนุญาตนะคะคุณพัฒน์” เธอหันไปขออนุญาตผู้ชายหน้าโหดที่มองเธออย่างไม่เป็นมิตรอยู่ตรงโซฟาของห้อง
“ตามสบาย” เมนีเอาของไปวางไว้บนโต๊ะแล้วเอาดอกไม้มาวางไว้ที่โต๊ะตรงหัวเตียง ก่อนจะนั่งลงตรงเก้าอี้ข้างเตียงที่มี
“นายเป็นยังไงบ้าง ฉันขอโทษนะที่ทำให้นายต้องมาเจ็บตัวแบบนี้” เธอขอโทษด้วยสีหน้าสำนึกผิด
“ไม่เป็นไร ไม่ใช่ความผิดของคุณสักหน่อย ถ้าจะโทษก็โทษคนทำเถอะ ว่าแต่คนที่แทงผมนี่เป็นยังไงบ้าง” ธีร์ถามเพราะความอยากรู้
“ฉันแจ้งความในข้อหาเจตนาฆ่า” เมนีตอบอย่างโมโห ยังคงโกรธอดีตคู่หมั้นอยู่
“ไม่แรงไม่หรือไง ยังไงเขาก็รักเธอนะ”
“แต่ฉันไม่ได้รักเค้า และไม่มีทางรักด้วย นายไม่รู้อะไร กว่าฉันจะถอนหมั้นได้ ฉันต้องลำบากลำบนขนาดไหน ผู้ชายเลวๆ แบบนั้นฉันไม่อยากจะเป็นร่วมชีวิตด้วยสักนิด”
“อ่า...ครับ”
“แล้วนาย ยังเจ็บแผลอยู่หรือเปล่า”
“เจ็บครับ แต่ก็ไม่เป็นไรมากหรอก ขอบคุณที่มาเยี่ยมนะครับ”
“ฉันขอรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการรักษาเองนะ” เธอขอ เพราะถ้าหากไม่ให้เธอทำแบบนี้ หญิงสาวจะไม่มีทางมีความสุขไปชั่วชีวิตแน่ๆ
“ไม่เป็นไร” ไม่ใช่ธีร์ที่เป็นคนตอบ แต่เป็นร่างสูงที่นั่งทำงานอย่างเคร่งเครียดอยู่ต่างหากที่เป็นคนตอบ
“แต่คุณพัฒน์คะ” เธอตั้งใจจะค้านเต็มที่
“อย่าคิดขัดความต้องการของฉัน”
เมนีหันมาขอความช่วยเหลือกับธีร์ ซึ่งร่างโปร่งก็ส่ายหน้าไปมาเป็นเชิงบอกว่า ไม่สามารถช่วยอะไรได้เช่นกัน หญิงสาวถอนหายใจอย่างจำยอม
“ยังไงฉันก็ขอโทษอีกครั้งนะ และก็ขอบคุณที่ไม่เอาเรื่องฉัน เอาไว้หายแล้วขอเลี้ยงข้าวสักมื้อสองมื้อนะ” เธอเอ่ยชวนเอาไว้
ยังอยากที่จะสานสัมพันธ์ให้มากกว่านี้ เธอไม่ได้หวังอะไรมากหรอก เพราะรู้ดีแก่ใจว่าหัวใจของธีร์ไม่มีที่ว่างและไหนจะคนโหดที่ขี้หวงสุดๆ นั่นอีก
ถามว่าเสียดายไหม ก็เสียดาย เพราะพัฒน์กับธีร์ก็ดูเป็นผู้ชายแมนๆ คนหนึ่ง การต้องมาเสียประชากรชายหน้าตาดี และฐานะรวยไป ทำให้เธอต้องตระหนักให้มากๆ เพราะศัตรูหัวใจไม่ได้มีแค่ผู้หญิง
แต่...ได้แค่เพื่อนก็พอ...
“ได้สิครับ” ธีร์รับคำชวนยิ้มๆ แต่คนที่นั่งทำงานอยู่ถึงกับขมวดคิ้วแน่นด้วยความไม่พอใจเล็กน้อยที่ธีร์มีท่าทีที่เป็นมิตรกับคนน่ารำคาญอย่างเมนี
“ถ้ากูอนุญาตนะ” พัฒน์พูดขึ้นมา ทำเอาธีร์กับเมนีถึงกับเสียงสันหลังวาบ
“ขี้หวงจังเลย” เมนีพึมพำเบาๆ ส่วนธีร์ก็นั่งนิ่งหน้าแดงเพราะคิดว่าพัฒน์จะหวงตน ไม่อยากให้ตนไปกับใคร คิดเข้าข้างตัวเองไป ทั้งๆ ที่ยังไม่เคลียเรื่องผู้หญิงที่อยู่ในร้านอาหารนั้นเลย
พอคิดได้แบบนี้ ธีร์ก็ทำหน้านิ่งลงทันที
“แล้วนี่จะกลับตอนไหนครับ” ธีร์ถาม
“เดี๋ยวก็กลับแล้ว ฉันแค่มาเยี่ยมแป๊บเดียว เดี๋ยวจะกลับไปศึกษางานที่บริษัทต่อ วันหนึ่ง ฉันอยากจะเป็นลูกค้าที่ดีกับธีร์นะ”
ธีร์ยิ้มอย่างจริงจังไปให้ ทำเอาร่างบางถึงกับเขินไปกลับรอยยิ้มที่ดูจริงจังและอ่อนโยนของธีร์ เธอรู้แล้วว่า ความรู้สึกที่เรียกว่ารักหรือชอบจริงๆ มันเป็นยังไง
“ยินดีครับ ถ้าอยากร่วมงานกับ PLEUNG เมื่อไหร่ก็ติดต่อมาได้เลย”
“อื้อ...งั้นฉันขอเข้าห้องน้ำก่อนกลับก็แล้วกัน” เธอขอพลางลุกขึ้นยืน ซึ่งธีร์ก็ตอบด้วยการพยักหน้า หญิงสาวก็ลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำไป ส่วนพัฒน์ก็ลุกขึ้นมาหาธีร์
“ผู้หญิงมาหา เสน่ห์แรงนะมึง”
คนที่เคยชอบพัฒน์ หวังในตัวพัฒน์ทุกคนมักจะเปลี่ยนเป้าหมามาเป็นธีร์ในตอนหลังตลอด แน่นอนว่าเขารู้เหตุผลนั่น และพยายามดึงตัวของธีร์ออกจากทุกคน
จะบอกว่าเขาหวงมันก็ใช่
“อย่ามาหาเรื่อง”
“กูไม่ได้หาเรื่อง นี่มองไม่ออกหรือไงว่าเธอคิดยังไงกับมึง” พัฒน์ถามเสียงเครียด
“แล้วไง”
ทำไมธีร์จะไม่รู้ว่าหญิงสาวคิดอะไร เขาไม่ได้ใสซื่อ ไร้เดียงสา หรือประสบการณ์ความรักน้อยถึงจะมองไม่ออก แต่ในเมื่อเขาไม่อยากจะสนใจ
ไม่รัก ไม่ชอบ คำตอบมันก็ยังคือไม่
“ก็ไม่แล้วไง แต่แค่จำเอาไว้…”
จุ๊บ!
พัฒน์ก้มลงสัมผัสเบาๆ ที่กลีบปากบางสวยได้รูปของธีร์ แล้วผละออกมาพูดเบาๆ ก่อนจะเดินกลับไปทำงานต่อ ประโยคที่ได้ยินทำเอาตัวธีร์แข็งทื่อ
“มึงเป็นของกูคนเดียว...”
ให้ตายสิ กูจะคิดเข้าข้างตัวเองได้หรือเปล่าว่ามึงเองก็คิดแบบเดียวกับกู แบบที่กูคิดเข้าข้างตัวเองอยู่จนทั้งเจ็บทั้งสุขพร้อมๆ กันแบบนี้
เมื่อไหร่กูจะได้คำตอบนั้นสักที
“หวงสุดๆ นะนั่น” เมนีพึมพำเบาๆ เมื่อแอบมองจากฝั่งประตูห้องน้ำเห็นว่าพัฒน์กำลังโน้มตัวไปหาธีร์ ซึ่งถาพแบบนี้ก็มีคำตอบเดียวคือ ทั้งสองคนกำลังจูบกัน
แล้วแบบนี้เธอจะเข้าไปทำอะไรได้...
เมื่อเมนีเห็นว่าร่างสูงกับไปนั่งทำงานเหมือนเดิมก้ออกมาอย่างอยู่รู้หน้าที่ เธอหยิบกระเป๋าของตัวเองขึ้นมาแล้วเอ่ยลาธีร์ที่นั่งอยู่บนเตียง
“กลับแล้วนะ ขอให้หายไวๆ”
“ขอบคุณครับ เดินทางกลับอย่างปลอดภัยนะครับ”
“กลับก่อนนะคะคุณพัฒน์ แล้วก็ขอโทษสำหรับทุกอย่างที่ผ่านมาค่ะ” เธอโค้งตัวให้กับพัฒน์เล็กน้อย แต่พัฒน์ก็ไม่ได้สนใจจะมอง ทำให้ธีร์มองด้วยความหมั่นไส้กับท่าทีที่หยิ่งยโสของร่างสูงนั่น
“อืม” ยังดีหน่อยที่ยังรับคำสั้นๆ
เธอหันมายิ้มให้กับธีร์อีกครั้งก่อนจะเดินออกจากห้องพักพิเศษของธีร์ไปอย่างรู้สึกสบายใจ จากคนที่เธอเคยคิดว่าเป็นศัตรู ตอนนี้ก็ไม่ใช่แล้ว
ต้องขอบคุณความดีของธีร์ที่ทำให้เธอตาสว่าง
“อยากได้อะไร ทำไมทำหน้าแบบนั้น” พัฒน์ถามเมื่อเห็นว่าธีร์หน้ามุ่ยเหมือนไม่พอใจอะไรบางขณะนั่งมองเขาทำงานอยู่
“พรุ่งนี้กูจะออกจากโรงบาล กูจะไปทำงาน” ธีร์พูดขึ้น
“ออกจากโรงบาลน่ะได้ แต่ไปทำงานเลยคงไม่ได้”
“กูไปทำงานได้เว้ย”
“อย่างน้อยมึงก็ควรพักสัก 3 วันนะ” พัฒน์บอก
เพราะถ้าธีร์ไม่พักให้เจ็บแผลน้อยลงกว่านี้ จะทำให้ทำงานลำบากเพราะต้องนั่งทั้งวัน ทั้งเดิน ทั้งยืน แผลมันจะกดทับเอาได้เนื่องจากช่วงเดียวจำเป็นต้องมีการงอตัว
แค่นั่งเฉยๆ ไม่ทำอะไรยังเจ็บเลย
“ถ้าครบสามวันต้องให้กูทำงานนะ”
“เออ...กูจะเป็นคนรับส่งเอง”
“จริงนะ” ธีร์ถาม
ดีใจที่ได้ยินอีกคนบอกว่าจะรับส่ง ตอนนี้เริ่มเข้าใจและยอมรับตัวเองมากขึ้นแล้ว ตอนแรกที่บอกว่าผู้ชายไม่ใช่รสนิยม ยังไงก็ไม่ใช่อยู่ดี เขารู้สึกพิเศษแบบนี้แค่พัฒน์คนเดียว
แค่คนเดียวจริงๆ แล้วในช่วงแรกๆ ที่ทะเลาะกัน พัฒน์พูดว่า หากธีร์รักเขาเมื่อใด ก็ให้ออกไปจากชีวิตของเขาซะ เพราะพัฒน์ไม่มีวันที่จะชอบผู้ชายด้วยกันเด็ดขาด!
ธีร์จะใช้เวลาที่พัฒน์ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรนี่แหละ อยู่แบบนี้ไปก่อน...
ชักจะเหมือนผู้หญิงขึ้นทุกทีว่ะกู
“เออ...ดีใจที่กูจะเป็นคนขับรถให้สินะ” พัฒน์แขวะ
“กูไม่ได้บังคับมึงนี่ มึงจะไม่ทำก็ได้นะ”
“เอาเถอะ กูจะทำ ถือว่าช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์” พัฒน์ว่า ทำเอาร่างโปร่งมองแบบค้อนๆ
“ทำงานต่อไปเถอะ”
“หึหึ พอเถียงอะไรไม่ได้ ก็ชอบเปลี่ยนเรื่อง” พัฒน์หัวเราะในลำคอ
“ก็เรื่องของกู ชิ”
“เออๆ ว่าแต่ว่า กูขอถามหน่อยได้ไหมวะ ทำไมมึงถึงว่ากูทิ้งมึง” พัฒน์ถามออกไป เพราะเมื่อวานธีร์พูดคำนี้ออกมาด้วยความน้อยใจสุดๆ
และเขาจะต้องรู้สาเหตุของความน้อยใจนั่นให้ได้
“ไม่มีอะไรนี่”
“พูดมา”
“ไม่มีอะไรจริงๆ มึงทำงานไปเถอะ กูจะดูหนัง” ธีร์เลี่ยงและหลบตาคนถามทันที
“ถ้ามึงไม่ตอบกูจะเข้าไปจูบมึง จูบจนกว่าจะตอบ เอาไหมล่ะ” พัฒน์ขู่เสียงเข้ม และเป็นคำขู่ที่พร้อมจะทำจริงทุกเมื่อด้วย
“ย่ะ อย่านะเว้ย กูแค่พูดไปเพราะพิษไข้แล้วก็เพราะเจ็บล่ะมั้ง” พยายามเลี่ยงที่จะตอบความจริง
“กูจะลุกแล้วนะ” พัฒน์บอก
“ก็กูพูดความจริงแล้วไง ทำไมมึงไม่เชื่อเนี่ย” ธีร์โวยวาย
“ก็น้ำเสียงเมื่อวานของมึงมันเหมือนตัดพ้อ น้อยใจน่ะสิ กูเลยอยากรู้ว่าทำไมมึงต้องพูดแบบนั้น” ดูเหมือนวันนี้พัฒน์จะพูดมากผิดปกติ
“ก็มึงอ่ะแหละ” อ้อมแอ้มบอกไป
“กูทำไม หรือเป็นเพราะว่า...กูไม่กลับห้อง” พัฒน์ลองทายสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนที่ธีร์จะบาดเจ็บ ซึ่งถามออกไปธีร์ก็ออกอาการอยู่ไม่สุขทันที
เรื่องนี้เองสินะ...
“แล้วที่กูไม่ยอมโทรบอกด้วยใช่ไหม” ยิ่งพูดก็ยิ่งเป็นการแทงใจดำร่างบางที่แสร้งทำเป็นไม่สนใจ ก่อนจะตอกเข้าไปอีกเรื่องอย่างมั่นใจเลยด้วย
“และเรื่องผู้หญิงที่ร้านอาหารเมื่อวาน”
ธีร์หันมามองคนพูดอย่างตกใจ ที่ไม่คิดว่าพัฒน์จะรู้มากขนาดนี้ แต่ทุกอย่างมันก็ถูกต้องตามที่พัฒน์พูดทั้งหมด ถ้าอย่างนั้น มันคงไม่รู้ใช่ไหมว่าเขารู้สึกยังไงกับมัน
“ชิ!! หลงตัวเอง”
“แล้วไม่จริงหรือไง”
“ไม่จริงเลยสักนิด”
“แล้วทำไมถึงหน้าแดง”
“ร้อนเว้ย!!”
“เหรอ...แต่กูว่าแอร์ออกจะเย็นนะ” พัฒน์ไม่ยอมให้ธีร์เอาตัวรอดหรอก จะต้อนจนอีกคนไปไหนไม่ได้เลย เห็นธีร์ทำอะไรแล้วมีความสุขเหลือเกิน
ไม่สิ ไม่ว่าอะไร ธีร์ก็ทำให้เขามีความสุขเสมอ แม้ว่าจะไม่ได้แสดงทางสีหน้ามากนัก แต่หัวใจของเขามันรับรู้ได้เองว่ารู้สึกยังไง
“ทำงานต่อไปเถอะมึงน่ะ”
“ก็ได้ๆ กูแค่พูดลอยๆ คนเดียวละกัน เมื่อวานนี้ไปกินข้าวกับแม่ แต่ใครจะไปรู้ว่าแม่จะพาผู้หญิงที่ไหนไม่รู้ไปด้วย” ธีร์หูผึ่งที่ได้ยินแบบนั้น
ดีใจ โล่งใจที่เมื่อวานนี้พัฒน์ไปกับแม่ด้วย แต่ตอนนั้นทำไมเขาถึงเห็นแค่พัฒน์กับผู้หญิงคนนั้นแค่สองคน ก็หันกลับแล้ว แม้จะโล่งใจ แต่ก็ไม่ได้โล่งสุดๆ ไม่มีข้อข้องใจ
“โกหก กูเห็นแค่มึงกับผู้หญิงคนนั้น” ธีร์พูดทั้งๆ ที่ตาก็ยังมองหน้าจอทีวี พูดออกไปทั้งๆ ที่ไม่รู้ตัว คิดว่าตนแค่คิดในใจก็เท่านั้น พัฒน์ได้ยินแบบนั้นก็ยกยิ้มนิดๆ ก่อนจะลุกจากโซฟาเดินมาหาอีกคนโดยที่ธีร์ไม่รู้สึกเลยสักนิด
“หึงหรือไง” พัฒน์ถามข้างหูขาวจนธีร์ตกใจที่เสียงมันใกล้เลยหันมามองร่างสูงอย่างรวดเร็ว ทำให้ใบหน้าของอีกคนอยู่ใกล้กันมาก ปลายจมูกโด่งของทั้งคู่สัมผัสกัน ธีร์หลบสายตามองต่ำ แต่ก็ไม่ได้ผละหนี
“ค่ะ ใครหึง เอาหน้าออกไปเลยนะ” ธีร์สั่ง เพราะถ้าให้เขาเป็นคนผละออกแทน มันจะกระทบถึงแผลที่กำลังประท้วงว่าเจ็บอยู่ตอนนี้
“มึงก็เอาออกเองดิ” พัฒน์พูด
ลมหายใจของทั้งคู่รดใส่กันจนหัวใจของธีร์เต้นแรงจนได้ยินเสียงของตัวเอง ผันหน้าออกเล็กน้อยเพื่อไม่ให้จมูกของทั้งคู่สัมผัสกัน
“กูเจ็บแผล”
“ไม่ตายหรอกน่า เจ็บแค่นี้น่ะ”
มาเป็นกูไหม ไอ้เหี้ยพัฒน์นี่
“เออ!!! อ่ะ โอ้ย” เป็นไปตามคาด แค่พยายามที่จะถอยหลังหนี ก็เจ็บแผลแล้ว แล้วแบบนี้จะหนีไอ้คนใจร้ายที่มันคอยขยับหน้าตามเขาได้ไหมล่ะ
ตอบ...ก็ไม่ได้ไง
“เจ็บแล้วมึงจะขยับทำไม”
“ก็มึงไม่ยอมขยับออกไปอ่ะ” ธีร์เถียง พร้อมกับเอนคอเอนหน้าหนี เท่าที่จะทำได้
“หนีไม่พ้นหรอกน่า...” พัฒน์พูดเสียงเบา ก่อนจะกดริมฝีปากกับจมูกเข้าที่ข้างแก้มขาว หอมแก้มของธีร์เบาๆ แล้วไล่ลงมาเรื่อยๆ ที่ซอกคอหอมกรุ่น ไม่มีการกระทำที่รุนแรง แต่เป็นการสัมผัสอย่างเบาๆ และอ่อนโยน ลมหายใจที่รินรดซอกคอของธีร์ทำให้ร่างโปร่งถึงกับขนลุกซู่ แขนเรียวยกเกาะไหล่แกร่งเอาไว้ ยอมแหงนหน้าให้อีกคนซุกไซร้เบาๆ อย่างชอบใจ ดวงตาหลับพริ้มด้วยความเคลิบเคลิ้ม ร่างสูงเองก็ยกยิ้มพอใจ เพราะรู้ดีว่าจุดไหนที่สัมผัสแล้วร่างโปร่งจะอ่อนลง นอกจากหลังที่ธีร์ชอบให้สัมผัสเวลานอนแล้ว ช่วงที่ธีร์เคลิ้มกับมันที่สุดคือเวลาเขาสัมผัสที่คอ ไม่ว่าจะรุนแรงหรืออ่อนโยน
“อืม...” ครางออกมาแผ่วเบา
พัฒน์ผละออกจากคอแล้วมองธีร์ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหมาย แต่ธีร์ก็มองไม่เห็นอีกตามเคย เพราะยังคงหลับตาอยู่ ไม่กล้าสู้หน้าอีกคนเท่าไหร่
ยอมให้ขนาดนี้แล้ว เมื่อไหร่เขาจะได้ฟังคำตอบนั้นสักที
“กูจะไปทำงานต่อ แต่ขอบอกไว้ก่อนว่ากูกับผู้หญิงคนนั้น ไม่มีอะไรกัน ก็แค่คนที่แม่แนะนำมาเท่านั้น” พัฒน์อธิบายให้ร่างโปร่งฟัง ซึ่งธีร์ก็ลืมตามองสบกับอีกคนด้วยสายตาที่สั่นไหว ทุกความรู้สึกที่คิดไปเอง เศ้ราเอง เสียใจเอง ตอนนี้ก็มลายหายไปแล้วสิ้น เหลือไว้แค่ความสุขที่ธีร์จะเก็บมันเอาไว้
จนกว่าจะได้ฟังคำตอบที่ว่า ตอนนี้เขากับพัฒน์อยู่ในสถานะไหนกันแน่
“เรื่องของมึงสิ จะมาบอกกูทำไม” ธีร์พูดเสียงสั่น แสร้งทำเป็นไม่สนใจ จนพัฒน์หัวเราะในลำคอน้อยๆ กับคนปากแข็งอย่างธีร์
“งั้นหรือ แต่หน้ามึงน่ะ อยากรู้เต็มๆ เลยนะ”
“รีบไปทำงานเลยไอ้พัฒน์ ก่อนที่กูจะลงไปเตะมึง” ธีร์ขู่
“ถ้าทำได้ก็มาสิ” พัฒน์ถอยหลังน้อยๆ ท้าทายร่างบางออกไป เพราะรู้ดีว่าคนเจ็บแบบนั้นไม่สามารถทำอะไรได้แน่ๆ ถึงทำ เขาก็ไม่ยอมให้ธีร์เจ็บตัวอีกแน่ๆ
แค่นี้ก็เจ็บตัวมามากพอแล้ว เขาไม่อยากให้ธีร์ได้รับบาดเจ็บ หรือเรื่องอันตรายแบบนี้อีก
อย่างที่อีกคนพูด เขาเหมือนสัญลักษณ์แห่งอันตรายของธีร์ เพราะตั้งแต่รู้จักกันมา ธีร์ก็เข้าโรงพยาบาลบ่อยๆ ต่อจากนี้พัฒน์จะพยายามปกป้องอีกคนให้ดีที่สุด
“ไปทำงานต่อเลยไอ้ห่า”
“โอเคๆ อยากได้อะไรก็เรียก หิวเมื่อไหร่ก็บอก” พัฒน์พูดทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนจะเดินไปทำงานต่อที่โซฟา ธีร์เองก็มองตามเล็กน้อยก่อนจะหันหน้าหนีเมื่ออีกคนมอง
ชิ! ให้ตายสิ ทำไมต้องมีกูคนเดียวที่ออกอาการหวั่นไหวด้วย ทีไอ้พัฒน์มันยังไม่รู้สึกอะไร แถมยังสนุกที่ได้แกล้งเขาด้วย
ธีร์ดูทีวีต่อ ดูแค่จอสี่เหลี่ยมเท่านั้น ไม่ได้มีกะจิตกะใจสนใจสิ่งที่กำลังฉายอยู่ในหน้าจอเลย เสียงก็ไม่ได้ยินอะไรนอกจากเสียงของพัฒน์ที่ยังรบกวนจิตใจอยู่
ถ้าหากว่ากูมีอันตรายแบบนี้ตลอด เข้าโรงพยาบาลบ่อยๆ เจ็บหนักๆ มึงก็จะมาดูแลกูแบบนี้เสมอ เอาใจ แม้จะแกล้งไปบ้างแต่ก็มีความสุข
ความอันตรายนี้แหละ ที่ทำให้กูเริ่มรู้สึกจะเสพติดมันขึ้นทุกๆ ครั้ง
...
...
...
(มีต่อ)