เสพติดอันตราย...รักผู้ชายพันธุ์โหด
ตอนที่ 30
พวกเขานั่งเรือไปยังจุดที่สามารถดำน้ำดูปะการังได้ในช่วง สายๆ 10 โมงของวัน ที่จริงกะจะมาดำตอนบ่ายกว่าๆ แต่อากาศมันร้อนธีร์เลยค้าน ขอมาก่อนเที่ยง
“สุดยอด” ขณะที่เรือยังแล่น ธีร์ก็เดินไปเดินมาไปไม่หยุด ไปฝั่งนั้น ฝั่งนี้ ทำเอาพัฒน์ พุฒิและเจโรมีที่นั่งหลบแดดอยู่ในร่มถึงกับ
ส่ายหน้าไปมากับความเห่อยิ่งกว่าใครของธีร์
พอมาถึงจุดที่จะดำน้ำ ผู้เชี่ยวชาญหรือครูฝึกที่โรมันเพื่อนของพุฒิเตรียมมาให้ก็จัดการยื่นชุดดำน้ำมาให้ทุกคนสวมและด้วยการ
ที่พวกเขาดำในน้ำลึก และคงต้องดำลงไปลึกมากๆ ถึงจะเจอปะการัง หรือหมู่ปลาต่างๆ จึงต้องใช้ชุดที่รัดกุมมาก เพราะยิ่งลึก
อุณหภูมิก็ยิ่งต่ำ
พอทุกคนอยู่ในชุดดำน้ำเรียบร้อยแล้ว พัฒน์ก็อดมองรูปร่างของธีร์ไม่ได้ ยิ่งใส่ชุดแบบนี้ก็ยิ่งทำให้รู้สึกว่าหุ่นของธีร์บางมาก
กล้ามเนื้อที่เขาเคยเห็นตอนแรกๆ ที่เจอ ตอนนี้ก็ไม่มีแล้ว หุ่นของธีร์ตอนนี้ก็แค่ความผอมกับกล้ามแขนน้อยๆ ทั้งสะโพก ทั้งเอว
ที่คอด ทั้งเรียวขา
ชุดดำน้ำนี่มัน โชว์สัดส่วนของร่างกายชะมัด แล้วไอ้พวกผู้เชี่ยวชาญนี่ก็มองกันจังเลยนะ
“คิดผิดหรือคิดถูกวะเนี่ย” พัฒน์สบถอย่างนึกรำคาญสายตาของครูฝึกว่ายน้ำที่โรมันส่งมาให้ร่างโปร่ง
“บ่นอะไรวะ” ธีร์ที่สนใจกับอุปกรณ์ต่างๆ หันมาถามคนข้างกายที่พูดอะไรไม่รู้อยู่คนเดียว แต่ก็ต้องหันหนีด้วยความเขิน เพราะร่าง
สูงที่อยู่ในชุดดำน้ำก็ยิ่งทำให้ร่างแกร่งดูล่ำมากขึ้น อวดกล้ามอก หน้าท้อง ลาดไหล่ ท่อนขา ทุกอย่างดูสมกับความเป็นผู้ชาย
ทำให้ดูเหมือนว่าธีร์จะตัวเล็กลงไปถนัดตา
เอาเวลาที่ไหนไปออกกำลังกายวะ
“เปล่า ตอนลงไปในน้ำ ห้ามห่างจากกูเข้าใจไหม” พัฒน์สั่ง
“ทำไมกูต้องตามมึงด้วย อยู่กับมึงกูว่าอันตราย ขอไปกับครูฝึกดีกว่า” ธีร์ตอบ พัฒน์หันไปมองครูฝึกที่ว่าด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจ
แอบเห็นว่าครูฝึกคนนั้นจะยิ้มน้อยๆ อย่างพอใจด้วย
“กูดำน้ำปีละ 5 ครั้ง แต่ปีนี้เป็นครั้งแรก แค่นี้มึงพอจากฝากชีวิตได้หรือเปล่า” พัฒน์ถามด้วยน้ำเสียงโมโห แต่เป็นคำถามที่ทำเอา
ใจของธีร์เต้นแรง
ไม่รู้ว่าตื่นเต้นหรือหวั่นไหวกับคำพูดของพัฒน์
ฝากชีวิตหรือ? ตอนนี้ก็ฝากอยู่ไม่ใช่หรือไง
“เออ!!” รับคำอย่างทำอะไรไม่ได้
“พัฒน์ ฉันกับเจ็มลงไปก่อนก็แล้วกัน” พุฒิพูดบอกกับพัฒน์ ก่อนจะได้รับคำตอบเป็นพยักหน้าน้อยๆ แล้วเจโรมีกับพุฒิที่ติด
อุปกรณ์ดำน้ำเรียบร้อยทุกอย่างก็จับมือกระโดลงน้ำพร้อมกัน สองคนนั้นไม่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่ เพราะการดำน้ำเป็นกิจกรรมเวลา
ว่างๆ ของทั้งคู่อยู่แล้ว ส่วนพัฒน์จะหนีมาคนเดียวเสียมากกว่าเวลาต้องคิดอะไร
“ครับ” ธีร์รับฟังที่ครูฝึกอธิบายเรื่องอุปกรณ์อย่างตั้งใจ พัฒน์ที่ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ลงไปรอในน้ำ รอเพียงแต่ธีร์ลงมา
เท่านั้น
ไม่นานร่างโปร่งก็กระโดดลงมาในทะเลที่ทีมีพัฒน์อยู่ ตามด้วยครูฝึกเองก็ลงตามมาด้วย ดูเหมือนว่าธีร์จะจะลงมาผิดท่าเล็กน้อย
น้ำเลยกระทบที่หน้าอย่างจัง ร่างแกร่งว่ายเข้าไปหา
“ระวังหน่อย” พัฒน์เตือน ใช้มือใหญ่ลูบเบาๆ ที่หน้าใส ธีร์ที่ไม่นึกฝันมาก่อนว่าพัฒน์จะทำแบบนี้ก็ได้แต่นิ่งอึ้งไป มองหน้าพัฒน์
อย่างเหม่อลอย
“อืม”
“เอาล่ะมึงลองหายใจด้วยท่อหายใจดู ส่วนคุณขึ้นไปรอพวกเราข้างบนเรือก็ได้ ทางนี้ผมจัดการได้” พัฒน์สั่งธีร์ก่อนจะหันไปบอก
ครูฝึกที่ลอยอยู่ใกล้ๆ ด้วยสีหน้าและน้ำเสียงเรียบๆ
ครูฝึกได้ยินแบบนั้นก็รีบถอยห่างและปีนขึ้นเรือไป
“เป็นไง” พัฒน์ถามธีร์
“สบายมาก กูเป็นนักกีฬาว่ายน้ำนะเว้ย เคยดำน้ำตื้นมาแล้ว แต่น้ำลึกนี่เป็นครั้งแรก” ธีร์พูดบอก แต่พัฒน์ก็ไม่พูดอะไรอีก จัดการ
ให้ธีร์คาบท่อหายใจเอาไว้ เอาหน้ากากลงมาให้ธีร์ พัฒน์ถามเบาๆว่าอีกคนพร้อมหรือเปล่า ได้คำตอบเป็นการพยักหน้าน้อยๆ
เขาก็จัดการของตัวเองบ้างคว้ามือที่เล็กกว่ามาจับไว้ ก่อนจะพาร่างบางดำลงไปในทะเล ธีร์เองก็ยอมให้ร่างแกร่งเป็นคนนำ
เพราะตระหนักได้ว่านี่เป็นครั้งแรกกับน้ำลึกๆ คงต้องพึ่งอีกคนไปก่อน
พอธีร์ชิน พัฒน์ก็ปล่อยให้อีกคนแหวกว่ายด้วยตัวเอง ซึ่งเมื่อเป็นอิสระ ธีร์ก็ว่ายลงไปลึกๆ โดยมีพัฒน์ตามอย่างด้านหลัง เขา
แหวกว่ายในน้ำราวกับได้ปลดปล่อย รู้สึกว่าตัวเองเป็นปลาจริงๆ ที่มีเครื่องหายใจแบบนี้ มันทำให้เขาสามารถดำน้ำได้นานมากยิ่ง
ขึ้น
ความสวยงามใต้ท้องทะเลที่เขาไม่เคยได้เห็นกับตาจริงๆ ตอนนี้กำลังปรากฏอยู่ในสายตาของเขา หมู่ปลาสวยงามหลายสาย
พันธุ์แหวกว่ายอยู่รอบๆ ตัวเขา ทำเรากับธีร์เป็นพวกเดียวกับมัน พัฒน์ว่ายตามธีร์อย่างผ่อนคลาย มองไปรอบๆ ด้วยความรู้สึกได้
ปลดปล่อย ไม่ว่าจะดำครั้งไหนๆ ทุกๆ อย่างในทะเลมันก็ไม่เคยเหมือนเดิม ที่สำคัญมันทำให้เขารู้สึกได้ทิ้งความเหนื่อยล้า ทิ้ง
ความวุ่นวายใจออกไป และครั้งนี้มีอีกคนมาด้วย มันเลยกลายเป็นการดำน้ำที่ไม่โดเดี่ยวเหมือนที่ผ่านมา
ครั้งนี้เขามีคู่มาแหวกว่ายข้างๆ กัน มันเป็นอะไรที่มีความสุขและความรู้สึกที่หายไปก็ถูกเติมเต็มด้วยธีร์ พัฒน์ยอมรับว่าอยากจะ
ให้ธีร์อยู่ข้างๆ เขาแบบนี้ต่อไป ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
ธีร์หันมองคนที่ว่ายอยู่ข้างๆ ด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสนุกและมีความสุข อยากจะขอบคุณร่างแกร่งที่พาเขามาทำอะไรแบบ
นี้ แต่ก็ทำได้เพียงเอ่ยในใจก็เท่านั้น
ต้องขอบคุณสายน้ำทะเลที่ช่วยทำให้ธีร์ได้พบคำตอบทุกอย่าง ว่าความรู้สึกดีๆ ที่มีต่อพัฒน์ คำว่าชอบที่ให้กับคนตัวใหญ่ไป
อาการใจเต้นแรงที่ไม่ได้เป็นมานาน ความเขินอายแบบผู้หญิงที่เกิดขึ้นบ่อยๆ ชอบสัมผัสที่อีกคนมอบให้ ความอบอุ่นในใจที่อยู่
ใกล้ๆ ก็รู้สึก ปากที่บอกว่าผู้ชายไม่ใช่รสนิยม...ตอนนี้คงต้องกลืนน้ำลาย
คนที่ธีร์รักคือคนเดียวกันกับคนที่ธีร์เคยเกลียดและไม่ชอบขี้หน้า
รัก...ใช่แล้ว มันคือคำนี้แหละ ธีร์รักพัฒน์ ไม่มีคำตอบไหนชัดเจนได้เท่านี้อีกแล้ว... แต่อีกคนล่ะ ร่างสูงจะคิดแบบเดียวกันกับธีร์
หรือเปล่า
คำตอบที่มันบอกว่าไม่มีให้ จะใช่คำเดียวกับที่เขาเพิ่งจะเข้าใจหรือเปล่า...
...
...
...
กว่าทั้งสี่คนจะเลิกดำน้ำเสร็จก็กินเวลาไปเที่ยงกว่าๆ ท้องเริ่มประท้วงออกมาด้วยความหิว ก็เลยพากันขึ้นเรือแล้วตรงกลับบ้าน
พักตากอากาศของโรมันทันที และเมื่อมาถึงธีร์กับเจโรมีก็วิ่งลงเป็นคนแรก ตรงไปยังห้องของแต่ละคนทันทีเพื่อครองห้องน้ำ
พัฒน์กับพุฒิเดินตามช้าๆ ไม่รีบอะไรมาก เพราะยังไงก็อาบห้องอื่นๆ ได้
“ระหว่างแกกับเด็กคนนั้น ยังไงกันวะ” พุฒิถามระหว่างเดิน
“ไม่รู้สิ” พัฒน์ตอบสั้นๆ
“หมายความว่าไง ไม่รู้”
“ก็ไม่รู้”
“เอ๊ะ!! กวนหรือไงไอ้พัฒน์” พุฒิเริ่มมีน้ำโห
“ฉันไม่ได้กวน แต่ไม่รู้จริงๆ ว่ารู้สึกยังไงกับมัน รู้แค่ว่าไม่ชอบเวลาที่มันยิ้มหรืออยู่กับคนอื่น หวงเมื่อมีคนมองมัน และฉันเองก็
สบายใจที่ได้อยู่กับมันด้วย ไม่รู้เหมือนกันว่ารู้สึกยังไง” พัฒน์พูดออกไปอย่างเหม่อลอย ไม่แน่ใจกับความรู้สึกตัวเอง พุฒิได้ยินก็
ยกยิ้มน้อยๆ ที่ได้เห็นน้องชายรู้สึกสับสนเป็นครั้งแรก คนที่สูง 195 เฉียด 2 เมตรที่สูงกว่าอย่างพุฒิ พาดแขนไปบนไหล่น้องชาย
“ฉันรู้ว่าแกรู้สึกยังไง” พุฒิบอกออกไป
“ถ้าอย่างนั้นช่วยบอกหน่อยสิวะ” พัฒน์หันไปขอร้องพี่ชายด้วยน้ำเสียงแข็งๆ สายตาและสีหน้าที่เป็นการบังคับสุดๆ จนทำเอา
สิงโตยิ้มยากอย่างพุฒิมีสีหน้าที่ขบขันออกมา
เรื่องทุกอย่างพัฒน์เก่งและรู้เท่าทันมาโดยตลอด แต่เรื่องนี้กลับซื่อบื้อ สมแล้วที่ไม่เคยรักใคร แม้แต่แฟนคนแรกยังคบแค่เพื่อ
อยากลองอยากรู้ก็ยังไม่เคยรักหรือมีความรู้สึกให้สักนิด จากบรรดาคู่นอนของพัฒน์ทั้งหมด พุฒิยังไม่เคยเห็นใครมีอิทธิพลกับ
น้องชายของเขาได้มากเท่าธีร์มาก่อน
เรื่องรบน่ะเก่งนัก แต่เรื่องรักนี่...
“เรื่องแบบนี้แกต้องรู้ด้วยตัวเอง”พุฒิพูดทิ้งท้าย ก่อนจะตบไหล่แกร่งของน้องชายแล้วเปิดประตูเข้าห้องไปทันที ทิ้งให้น้องชาย
มองด้วยสีหน้าโกรธๆ
“ถ้ารู้แล้วทำไมไม่บอก” พัฒน์พึมพำ
ร่างแกร่งเปิดประตูห้องเข้าไป หยิบเสื้อผ้าที่จะใส่ออกมาแล้วเดินออกจากห้องไปยังอีกห้องหนึ่งที่ว่างเพื่ออาบน้ำชำระร่างกาย
แล้วค่อยพากันออกไปหาอะไรทาน
บ่ายโมงกว่าๆ พัฒน์กับธีร์และพุฒิกับเจโรมีมารวมตัวกันที่ห้องรับประทานอาหารของทางบ้านพักที่เหล่าแม่บ้านเตรียมอาหาร
แบบจัดเต็มเอาไว้ ธีร์กับเจโรมีลงมือทานแบบไม่รอร่างแกร่งทั้งสองเลยสักนิด ทั้งสี่คนทานอาหารด้วยความเอร็ดอร่อย ธีร์กับเจ
โรมีก็พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน จะมีแค่พัฒน์กับพุฒิ พี่น้องเสือกับสิงโตที่นั่งเงียบฟังทั้งสองคุยตลอดการรับประทานอาหาร
“หน้าฉันดำหมดแล้วอ่ะที่ไปดำน้ำเมื่อกี้” ธีร์บ่นเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากมาย ผิวเขาขาวไว แม้จะตากแดจนดำ บำรุงไม่
นานมันก็กลับมาขาวได้คืน
“แหม...ฉันไม่ดำเลยนะ” เจโรมีแขวะ
ทั้งคู่ต่างก็คล้ำลงทั้งนั้น แต่ก็ไม่ได้ทำให้ทั้งคู่ดูไม่ดีหรือว่าอย่างไร เพราะมีแค่หน้าเท่านั้นที่หมองลง เนื่องจากชุดที่ใส่ตากแดด
ค่อนข้างรัดกุม พัฒน์กับพุฒิเป็นผู้ชายผิวสีแทน ไม่ถึงกับเข้มมาก ยิ่งโดนแดดก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่เหมือนธีร์กับเจโรมีที่เป็นคน
ขาว
“ฮ่าๆ ก็ดำด้วยกันนั่นแหละ” ธีร์หัวเราะ
“ว่าแต่ว่าจะไปไหนอีกหรือเปล่า” เจโรมีถาม
“ไม่รู้ดิ แต่ฉันยังไม่ลองเดินรอบๆ เกาะเลยอ่ะ” ธีร์ตอบ แสดงอาการอยากจะสำรวจเกาะขึ้นมาจนเก็บอาการไม่อยู่
“งั้นเดี๋ยวฉันพาเที่ยว เกาะนี้ฉันมาหลายรอบแล้ว ชำนาญๆ” เจโรมียักคิ้วหลิ่วตาให้ จนธีร์หลุดหัวเราะออกมาด้วยความตลก
“ได้ แต่ไม่เล่นน้ำแล้วนะ เอียน” ธีร์พูดบอก
“โอเค ได้ตามที่ต้องการ”
“ใครบอกว่าจะให้ไป” พุฒิเอ่ยแทรกบทสนทนาระหว่างร่างโปร่งบางทั้งคู่ทันทีที่เห็นว่ากำลังตกลงกันเสร็จสรรพไม่ถามความเห็น
พวกเขาเลยสักนิด
“คุณก็ไม่ต้องไป” ธีร์บอกพุฒิไป
“ใช่ๆ ผมจะไปกับธีร์สองคนเอง” เจโรมีเสริมทัพ
“กล้าขัดฉันหรือเจ็ม” พุฒิถามเสียงโหด ทำเอาลูกนกอย่างเจโรมีตัวสั่นด้วยความกลัว แต่ก็ยังทำใจดีสู้สิงโตที่พร้อมจะตะครุบเหยื่อทุกเมื่อ
“ป่ะ เปล่าสักหน่อย”
“เรามีนัดกันนะเจ็ม ให้ไอ้พัฒน์พาเที่ยวไปก็แล้วกัน” ประโยคหลังพุฒิหันมาพูดบอกกับธีร์ด้วยสีหน้าที่เหนือกว่า
“จริงด้วย ธีร์ขอโทษด้วยนะ พอดีวันนี้เราต้องออกไปทำธุระในเมืองต้องขึ้นฝั่ง” เพื่อนใหม่ของธีร์พูดด้วยน้ำเสียงสำนึกผิด ที่ทำ
เอาธีร์ส่ายหน้าไปมา
“ไม่เป็นไร เกาะแค่นี้เอง ฉันเดินคนเดียวก็ได้”
“ฉันว่าไอ้พัฒน์มันไม่ให้นายไปคนเดียวหรอก จริงไหม!!” หันไปถามน้องชายด้วยสีหน้าที่เจ้าเล่ห์สุดๆ ทำเอาพัฒน์อยากจะลุก
ขึ้นต่อยพี่ชายสักหมัด
“เออ” พัฒน์รับไปสั้นๆ เพราะเดี๋ยวเรื่องจะไม่จบ
เมื่อสรุปตารางเที่ยวกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทั้งสี่คนก็ลงมือทานอาหารตรงหน้าต่อ โดยมีธีร์กับเจโรมีเป็นขาเม้าท์ประจำโต๊ะเหมือน
เดิม
ก็ดีกว่าเงียบๆ ล่ะนะ นับได้ว่าเป็นสีสันบนโต๊ะอาหาร
...
...
พัฒน์พาธีร์มาเดินเล่นตามชายหาดในช่วงบ่ายสองที่แดดกำลังแรงได้ที่ แต่เพราะธีร์ที่ทนไม่ไหว เดินไปที่ชายหาดได้ไม่ถึงสอง
นาทีก็วิ่งกลับเข้าร่มเหมือนเดิม
อากาศไม่ได้เป็นใจสักเท่าไหร่
“ทางด้านนั้นมีเปลให้นอน จะไปไหม” พัฒน์ถาม
“ไม่เอาอ่ะ ร้อนมาก ใครจะไปนอนลง”
ถึงลมจะพัดแต่ก็เป็นลมที่มาพร้อมกับไอความร้อนของแดดเปรี้ยงๆ ที่แทบจะฆ่าเขาให้ละลายตายไปเพียงไม่กี่นาทีได้
“งั้นก็กลับเข้าไปในบ้านก่อน เย็นๆ ค่อยมาเดิน” ธีร์พยักหน้าตามที่พัฒน์พูด ด่อนจะเดินตามอีกคนเข้าไปในบ้าน ตรงเข้าที่ห้อง
โฮมเธียเตอร์ที่มีเครื่องเสียงและทีวีครบชุด มีหนังให้เลือกดูมากมายจนธีร์ตื่นเต้นกับกิจกรรมใหม่ที่เพิ่งจะได้เห็น
ก็ไม่ได้ดูหนังมานานมากแล้ว หาโอกาสดูตอนนี้ก็ได้
“บรรยากาศใกล้เคียงโรงหนังเหมือนกันนะเนี่ย”
อยากจะมีไว้ที่บ้านสักห้องจังเลย แต่ไม่มีเวลามาดูหรอก เพราะฉะนั้น ตัดออกไปได้เลย เอาไว้บั้นปลายชีวิตก่อนค่อยมีก็ยังไม่
สาย
“จะดูหนัง?” พัฒน์ถาม
“อือ มีแต่เรื่องน่าดูๆ ทั้งนั้นเลย”
“อยากดูเรื่องอะไรก็ดู กูจะนั่งอ่านหนังสืออยู่ตรงนี้แหละ” พัฒน์นั่งลงข้างๆ กับธีร์ที่กำลังเลือกหนังอยู่
“ไม่ไปหาที่นั่งอ่านเงียบๆ วะ” ขมวดคิ้วนิดๆ เพราะสงสัยว่าทำไมต้องมานั่งอ่านตรงที่เขาจะดูหนัง แล้วแบบนี้จะอ่านรู้เรื่องหรือไง
“จะอ่านตรงนี้” เด็ดขาดมาก ธีร์เลยไม่กล้าเถียงอีกต่อไป เลือกหนังได้ก็จัดการเปิดดูทันที แอบมองคนข้างกายน้อยๆ ก่อนจะ
สนใจที่หน้าจอทีวีใหญ่อย่างลุ้นๆ
“เรื่องของมึง”
ใครจะไปรู้ว่าพัฒน์เอาหนังสือมาก็ไม่ได้อ่านมาเท่าไหร่ แค่หาเรื่องมานั่งข้างๆ กับอีกคนก็แค่นั้น แต่ไม่อยากใช้เหตุผลที่ว่าอยาก
จะดูด้วยเท่าไหร่ เพราะหนังก็ไม่ใช่รสนิยมของเขา แต่ดูบ้างเพื่อคลายเครียด
ยิ่งอยู่ใกล้มึง กูก็ยิ่งไม่อยากออกห่างมึง...
แอร์เย็นฉ่ำ หนังที่ตอนแรกธีร์ให้ความสนใจบัดนี้กลับถูกละเลย ศีรษะเล็กๆ ค่อยๆ เอนหาที่นอนก่อนจะได้ที่พิงอย่างสบายใจ ลม
หายใจของธีร์หายใจเข้าออกสม่ำเสมอ ดวงตาพริ้มใบหน้ามีแววความสุขอยู่เต็มดวงหน้า ไม่รู้เลยว่าตัวเองกำลังนอนเอนซบไหล่
ของพัฒน์อยู่
“ไหนว่าจะดูหนัง นี่ให้หนังดูแล้วมั้ง” พัฒน์พึมพำเบาๆ ขยับตัวชิดขอบโซฟา ดึงตัวคนที่หลับไปแล้วให้นอนลงบนตักแกร่งของ
เขา เพราะพวกเขานั่งโซฟาตัวยาวที่อยู่ตรงกลาง มันก็เลยง่ายที่อีกคนจะนอนลง ปล่อยให้หนังเล่นต่อไป ส่วนตัวเองก็ลูบศีรษะ
อีกคนเบาๆ พร้อมกับอ่านหนังสือไปด้วย
สี่โมงเย็นกว่าๆ ธีร์ตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย รู้สึกสงสัยว่าตนนอนบนอยู่อยู่จะลุกขึ้นมอง พบว่าตอนนอนลงบนตักของพัฒน์ทำเอาหน้า
แดงตั้งแต่ตื่นเลยให้ตาย
“กูนอนบน เอ่อ...ตักมึงนานเท่าไหร่แล้ววะ” ธีร์ถาม ไม่กล้าสู้สายตาของอีกคนเท่าไหร่
“ไม่รู้ รู้แค่ว่าตอนนี้สี่โมงกว่าๆ แล้ว” เขาขยับขาเล็กน้อยคลายความเมื่อยที่เกิดจากการอยู่ท่าเดิมๆ เป็นเวลานาน
“แล้วทำไมมึงไม่ปลุกกูล่ะ”
“ก็เห็นว่าหลับสบาย”
“แล้วมึงไม่เมื่อยหรือไง”
“เมื่อยดิ คิดว่าตัวเองตัวเบานักหรือไง” พัฒน์ว่าเข้าให้ ทำเอาธีร์หน้ามุ่ยทันที
ผิดเองนะ ที่ยอมให้เขานอน
“แล้วทำไมมึงไม่ลุกหนีเล่า”
“ก็กูอยากนั่งตรงนี้ ทำไม?” เลิกคิ้วนิดๆ
“งั้นก็อย่าบ่น ชิ!! กูจะไปเดินเล่นแล้ว มึงไม่ต้องตามานะเว้ย” ธีร์ลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกจากห้องโฮมเธียเตอร์นี้ไป ปิดประตูได้ก็วิ่ง
หนีอีกคนทันทีเพื่อกันไม่ให้ใครตามตัวเจอ
ร่างโปร่งค่อยๆ วิ่งลงไปที่หาด แดดเริ่มอ่อนลงเพราะนี่ก็สี่โมงเย็นกว่าๆ ตะวันใกล้จะลับฟ้า ธีร์ที่เดินมาคนเดียวจากที่พยายามวิ่ง
หนีพัฒน์ก็เดินช้าๆ ปกติ ไปยังทางที่มีถ้ำอยู่ มันเป็นจุดที่เห็นได้ง่ายเลยทำให้ธีร์ค่อนข้างสนใจ เขาตรงไปที่นั่นอย่างอารมณ์ดี
เมื่อเดินไปใกล้ตัวถ้ำ ธีร์ก็เร่งความเร็วขึ้นอีก เพื่อจะได้เข้าไปดูว่ามีอะไรอยู่บ้าง
ไม่ได้คำนึงถึงอันตรายที่อยู่ข้างในเลยสักนิด
ธีร์ค่อยๆ เดินเข้าไปในความมืดของถ้ำ กวาดสายตามองรอบๆ ก็พบว่ามันเป็นถ้ำที่ได้รับการดูแลความสะอาดเป็นอย่างดี ด้านข้าง
มีห้องลับๆ อยู่หนึ่งห้อง แต่ประตูมันดูคล้ายตู้คอนเทนเนอร์ขนาดใหญ่ เดินตามแสงที่ส่องมาจากปลายทางอย่างแนวแน่ คิดว่ามัน
ต้องมีอะไรที่วิเศษๆ รออยู่แน่ๆ
“จะมีอะไรอยู่น้า” ธีร์เดินไปเรื่อยๆ ก่อนจะหยุดอยู่ทางออก จะเป็นทางออกหรือเปล่าก็ไม่รู้ เพราะมีประตูกรงปิดเอาไว้ ที่สำคัญมัน
มีอยู่สองประตู ธีร์มองผ่านประตูแรกเข้าไปก็พบว่ามันเป็นถ้ำที่มีหินปกคลุมด้านบนอยู่ครึ่งหนึ่ง นอกนั้นมันเปิดรับแสงแดด ภายใน
เป็นเหมือนธรรมชาติขนาดย่อมที่มีทั้งหญ้า ต้นไม้ แต่ก็ต้องตกใจเมื่อได้ยินเสียงอะไรแปลกๆ ออกมา
ฮึมมมม...
“เสียงอะไรน่ะ” ธีร์พยายามมองหาที่มาของเสียง เขามองไปรอบๆ ผ่านประตูกรงนี้ว่ามีอะไรอยู่ด้านในหรือเปล่า เพราะมันเหมือน
เป็นที่ที่เอาไว้ขังอะไรสักอย่าง เพ่งมองดีๆ ก็ต้องเบิกตากว้างอย่างตกใจที่เห็นเจ้าตัวสีเหลืองส้มพาดด้วยสีดำแซมขาวน้อยๆ ตัว
ขนาดใหญ่ กำลังนอนหลับบนโขดหิน ข้างๆ มีแอ่งน้ำขนาดปานกลางอยู่
“ส่ะ เสือ นี่ที่อยู่ของเสืองั้นหรือ มิน่าล่ะ ประตูถึงได้ดูแข็งแรง ข้างในก็กว้างพอที่จะเป็นที่อยู่สำหรับมันได้” ธีร์พูดคนเดียว แม้ว่า
จะตกใจ แต่ก็อดอึ้งถึงรสนิยมการเลี้ยงสัตว์ของเจ้าของเกาะไม่ได้
เลี้ยงเสือในเกาะส่วนตัวกลางทะเล ที่สำคัญสร้างแหล่งธรรมชาติขึ้นเองแบบนี้ต้องไม่ใช่คนธรรมดา ธีร์ก้าวออกเบาๆ เพราะเวลานี้
ใกล้จะถึงเวลาล่าเหยื่อของเสือเต็มที ธีร์สังเกตเห็นถึงความผิดปกติ จริงเดินไปอีกฝั่งหนึ่งที่มีประตูเหมือนกันกับฝั่งที่มีเสือ
“หวังว่า คงไม่มีตัวอันตรายอีกตัวนะ” ธีร์จ้องไปด้านในประตูกรงอีกฝั่งหนึ่งที่เขาเดินมาอย่างเบาๆ พบว่าฝั่งนี้ก็ไม่ได้ต่างอะไรไป
จากฝั่งนั้นเลยสักนิด ธีร์สะดุ้งเล็กน้อยที่เห็นเจ้าตัวใหญ่อีกตัวเดินเพ่นพ่านราวกับหาอะไรบางอย่าง ธีร์ไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัวแม้
จะรู้ว่ามันฝ่ากรงแข็งแรงนี้มาไม่ได้แต่ก็อดกลัวไม่ได้
ตัวใหญ่โตราวกับเสือตัวเมื่อกี้ ลำตัวและขนสีน้ำตาล แผงคอที่ทำให้สัตว์ที่ถูกขนาดนามว่าเจ้าป่าดูมีอำนาจและทรงอิทธิพลมาก
ยิ่งขึ้น
“ส่ะ สิงโต”
บ้าไปแล้ว...เจ้าของที่นี่ต้องบ้าหรือไม่ก็โรคจิตแน่ๆ ที่เลี้ยงสัตว์กินเนื้อน่ากลัวๆ ถึงสองตัว สองชนิดแบบนี้ ธีร์ตัดสินใจที่จะเดิน
กลับ แต่ก็อดมองมันด้วยความตื่นเต้นไม่ได้
ปุบ!!
มือแกร่งวางลงบนไหล่ของธีร์แรงๆ จนเจ้าตัวสะดุ้งด้วยความตกใจ หันมามองก็พบว่าเป็นคนที่ตนรู้จักดี กำลังมองเขาด้วยหน้าดุๆ
เฮือก!!
(มีต่อ)