เสพติดอันตราย...รักผู้ชายพันธุ์โหด
ตอนที่ 28
วันนี้เป็นวันเสาร์ ที่ธีร์จะเดินทางกลับจากเชียงใหม่เพราะกำหนดการงานต่างจังหวัดทุกๆ อย่าง ธีร์จัดการมันเสร็จทุกอย่างไปแล้ว ในเช้าของวันนี้เขาเลยได้เดินทางกลับกรุงเทพ และได้พักผ่อน 2 วันเต็มๆ ซึ่งก็คือวันเสาร์กับวันอาทิตย์ ที่ปกติแล้วพนักงานทุกคนได้หยุดกันแน่ๆ แต่พวกฝ่ายบริหารอย่างเขาได้หยุดก็เมื่อไม่มีงานจริงๆ เท่านั้น ถ้าเสาร์หรืออาทิตย์มีงาน เขาจะหยุดวันพฤหัสฯ แทน
ระหว่างที่ธีร์นั่งรอเวลาขึ้นเครื่อง เอมิกาไปซื้อเครื่องดื่มให้กับเขา ธีร์นั่งตอบไลน์คุยกับเจโรมีไป แต่สักพักก็มีไลน์ของใครอีกคนเด้งขึ้นมา ทำเอาธ์ถึงกลับแปลกใจ
“วันนี้ไม่โทรมาแฮะ”
ตั้งแต่แรกจนถึงวันสุดท้ายที่เขามาทำงานต่างจังหวัด พัฒน์ก็โทรหาทุกวัน ไม่ได้ถามว่าเป็นยังไงบ้าง งานหนักหรือเปล่า หรืออะไรที่ดูเหมือนมันจะเป็นห่วงเขาน่ะ ไม่มีหรอก ไม่โทรมาหาเรื่องก็โทรมาด่า ขยันหาเรื่องดุด่าเขาได้ทุกวันจนบางทีเขาก็สับสนว่าไปทำความผิดไว้ตอนไหน
ธีร์เลิกสนใจเจโรมีแล้วหันมาคุยไลน์กับพัฒน์แทน
ไอ้โหด// อยู่ไหน
ธีร์// นั่งรอเวลาขึ้นเครื่อง
ไอ้โหด// ถึงกี่โมง
ธีร์// ถึงคอนโดประมาณ 10 โมงกว่าๆ มั้ง
ไอ้โหด// วันนี้กูแวะมาเคลียร์งานที่บริษัท อาบน้ำแต่งตัวเสร็จมาหากูด้วย
ธีร์// คำสั่งหรือว่าอะไร
ไอ้โหด// คำสั่ง!
ธีร์// เออๆ ให้ซื้ออะไรเข้าไปไหม
ไอ้โหด// ไม่ต้องมาแต่ตัวก็พอ
ธีร์// โอเคๆ
จากนั้นพัฒน์ก็ไม่ตอบอะไรกลับมาอีก แต่ขึ้นว่าอ่านแล้ว ธีร์ก็เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าเมื่อมีเสียงประกาศให้เตรียมตัว เป็นจังหวะ
เดียวที่เอมิกากลับมาพร้อมกาแฟร้อน 1 แก้ว ซึ่งประกาศเมื่อสักครู่ไม่เกี่ยวกับพวกเขา ธีร์จึงมีเวลานั่งดื่มกาแฟอีก 5 นาที
“ขอบคุณครับ”
“ค่ะ”
“วันหยุดพักผ่อนคุณเอมคงจะพาลูกไปเที่ยวสินะครับ”
“ใช่ค่ะ เด็กๆ ร้องไห้กันใหญ่เลยที่ไม่พามาต่างจังหวัดด้วย” เธอตอบยิ้มๆ
“ฮ่าๆ ดีจัง มีลูกนี่ก็คงมีความสุขมากๆ สินะครับ”
“เป็นความสุขที่สุดในชีวิตเลยล่ะค่ะ”
ธีร์ยิ้มให้เลขาตัวเองน้อยๆ ก่อนจะนิ่งคิดไป เขาจะสามารถมีลูกให้กับพ่อกับแม่ดีใจได้หรือเปล่า ในเมื่อตอนนี้ความคิดทุกอย่าง
ของเขามันเปลี่ยนไปแล้ว
เอาวะ เพิ่งจะ 23 เอง คิดตอน 30 ก็คงไม่สาย
…
…
ร่างโปร่งออกจากสนามบินก็แยกกับเลขาทันที โดยเอมิกาขอกลับเท็กซี่เองเพราะจะไปซื้อของเข้าบ้านก่อน ส่วนธีร์คนของเขาก็
มารับถึงสนามบินพร้อมกับผู้ติดตามสองคนที่กลับรถคันเดียวกับเขา
“กลับคอนโดเลย” ธีร์สั่ง ซึ่งคนขับรถของเขาก็รับคำสั่งก่อนจะออกรถไปทันที
ธีร์อาบน้ำเปลี่ยนชุดใหม่ ใส่ชุดสบายๆ กางเกงยีนส์สีดำเข้ารูปกับเสื้อยืดพอดีตัวสีดำ ดูธรรมดาแต่ยี่ห้อที่ใช้ก็ไม่ธรรมดาอย่างที่
เห็น รองเท้าผ้าใบยี่ห้อดังราคาแพง ผมสีน้ำตาลของตนถูกเซ็ตอย่างดี ใครๆ เห็นก็ต้องกรีดร้องด้วยความหล่อเหลามีเสน่ห์ของ
ธีร์แน่ๆ
ก่อนออกจากห้องธีร์ฉีดน้ำหอม Bvlgari Extreme ที่เป็นกลิ่นเอกลักษณ์ของเขา ให้ความรู้สึกเย็น สะอาดสดชื่น เหมาะกับฤดู
ร้อนอย่างนี้มากๆ
“โอเคพร้อม”
ธีร์ขับรถออกจากคอนโดด้วยรถที่อัคนีให้ไปหาพัฒน์ที่บริษัททันที ตลอดทางธีร์ก็ร้องเพลงไปด้วยอย่างมีความสุข ใจก็คิดไปด้วย
ว่าพัฒน์ที่เห็นหน้าเขาจะรู้สึกยังไง
ธีร์เดินเข้าไปในบริษัทจากประตูด้านหลังของโรงจอดรถเพราะวันเสาร์อาทิตย์บริษัทจะปิด จะมีเพียงพนักงานที่ต้องทำงานนอกเวลาเท่านั้น ซึ่งก็มีไม่เยอะ เพราะฉะนั้น ถ้าจะเข้าบริษัทในวันหยุด จะต้องเข้าทางด้านหลังเท่านั้น และต้องมีบัตรพนักงานยืนยัน
แต่ธีร์ไม่ต้องมีก็สามารถเข้าไปเดินเล่นได้สบายๆ
“เชิญครับคุณธีร์ ไม่เจอกันนานยังหล่อเหมือนเดิมนะครับ”
“ลุงก็พูดเกินไป ผมก็เหมือนเดิม” ธีร์พูดอย่างเป็นกันเองกับลุงรปภ.ของบริษัท ที่เขาค่อนข้างจะสนิมเมื่อตอนที่ฝึกงานอยู่
“ฮ่าๆ แล้วนี่คุณธีร์มาหาคุณพัฒน์หรือครับ”
“ใช่แล้วครับ”
“งั้นเชิญเลยครับ”
“ขอบคุณครับ”
ร่างโปร่งเดินเข้าไปในตัวลิฟต์ที่จะขึ้นไปยังชั้นบนได้ทันที กดเลขชั้นที่ต้องการ
“ที่จริงกูควรต้องนอนพักนะเนี่ย”
ทำไมต้องบ้าจี้มาตามที่มันต้องการด้วยเนี่ย
ธีร์เปิดประตูเข้าไปในห้องทำงานของพัฒน์โดยไม่ต้องโทรบอกล่วงหน้าหรือไม่เคาะประตูเลยสักนิด หันมองรอบๆ ห้องก็ไม่
เห็นจะมีใครอยู่
“ไปไหนของมัน” พึมพาเบาๆ ก่อนจะเดินไปเปิดประตูห้องพักผ่อนในห้องทำงานของพัฒน์ดูก็ไม่เจอ
หายไปไหน?
แต่ยังไม่ทันที่ธีร์จะหยิบโทรศัพท์โทรถามอีกคน เจ้าของห้องก็เปิดประตูเข้ามา มองธีร์น้อยๆ ก่อนจะเดินมาหาร่างโปร่งที่ยืนนิ่ง
อยู่กลางห้อง
“มานานยัง” พัฒน์ถาม
ร่างแกร่งอยู่ในชุดธรรมดาเสื้อโปโลคอปกสีดำกับกางเกงเข้ารูปสีดำรองเท้าผ้าใบ ไม่ใช่ชุดทำงานแต่มันเป็นวันหยุดจะใส่ชุด
อะไรมาก็ย่อมได้
นัดกันใส่สีดำหรือไง...
“มาถึงเมื่อกี้แหละ กำลังจะโทรถามเลย ว่าแต่มึงไปไหนมา” ร่างโปร่งทิ้งตัวนั่งลงที่โซฟานุ่มขณะถามอีกคน ร่างแกร่งเดินมานั่ง
ลงข้างๆ
“กูไปคุยกับคุณดินมา”
“งานมึงเสร็จแล้วหรือไง”
“เสร็จเมื่อกี้แหละ เพิ่งเอาไปให้คุณดิน” พัฒน์ตอบ
“แล้วมึงจะให้กูมาทำไม”
“ไปหาอะไรกินไง”
“แค่นี้?” ธีร์ถามเสียงสูง
ที่มันให้เขามาหามันที่นี่ก็เพื่อไปหาอะไรกิน เรื่องแค่นี้น่ะนะ
“เออ...”
“กูควรได้นอนพักผ่อน”
“จะนอนอะไรนักหนา เวลานอนค่อยนอน” พัฒน์พูดบอก
“งั้นมึงจะหมายความว่า มึงจะพากูเที่ยว?”
“ทำนองนั้นมั้ง” พัฒน์ตอบนิ่งๆ
ถึงว่าหัวใจจะเต้นแรงด้วยความดีใจและปลื้มใจไปแล้ว ธีร์ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมอีกคนถึงคิดพาเข้าเที่ยวกัน มันต้องมีอะไรแน่ๆ
“เที่ยวที่ไหนล่ะ ในกรุงเทพเนี่ยนะ”
“แล้วมึงอยากจะไปไหน”
“มึงจะถามกูทำไมเนี่ย กูไปเชียงรายกับเชียงใหม่มาแล้ว อาทิตย์นี้เที่ยวจนเหนื่อย” ธีร์ใช้คำว่าเที่ยวก็จริงแต่ความหมายของมัน
คือการทำงานไม่หยุดต่างหาก
ไปต่างจังหวัด แต่ไม่ได้ไปไหนเลยนอกจากคุมงาน
“ทำอย่างกับว่าได้เที่ยวนะมึง” พัฒน์แขวะ
“ก็ไม่ไง สรุปกินข้าวเสร็จกลับห้องนอนก็แล้วกัน” ธีร์ตัดสินใจแทน เพราะที่เที่ยวในกรุงเทพก็ไม่ค่อยอยากจะไปเท่าไหร่ อากาศก็
ร้อน
ไม่สนุกแน่ๆ
“เวลาตั้งเยอะ พรุ่งนี้กูก็ไม่มีงาน จะอยู่แต่ในห้องเนี่ยนะ” พัฒน์ถามอย่างไม่พอใจ
ถึงเขาจะเป็นคนนิ่งๆ เงียบๆ ชอบความเงียบสงบ และเกลียดความน่ารำคาญ แต่ใช่ว่าจะชอบอยู่เฉยๆ เวลาไม่มีงานทำ
“แล้วทำไมอ่ะ ก็กูชอบนอนนี่” ธีร์เถียง
“นอนทั้งวันจนจะเป็นหมูแล้วอ่ะมึง”
“นี่มึงว่ากูอ้วนเหรอ!!” ธีร์ชักจะมีน้ำโห
เรื่องรูปร่างธีร์จะอ่อนไหวง่ายเสมอ
“เปล่านี่!”
“มึงว่ากูชัดๆ” ธีร์หันมาเอาเรื่องพัฒน์ที่นั่งไขว่ห้างด้วยท่าทางที่สบายๆ อยู่ข้างๆ กับเขา
“สรุปเอาไง กูจะได้จัดการ” พัฒน์เร่งคำตอบ ซึ่งธีร์ก็คิดหนักพอสมควร ไม่รู้ว่าพัฒน์จะพาเขาไปไหน
“มึงจะพากูไปไหนล่ะ”
“ในประเทศนี่แหละ”
“มึงตอบตรงๆ จะตายไหม!!”
“กูจะพาไปทะเล” พัฒน์ตอบสั้นๆ
“จังหวัด?”
“กระบี่”
“มันไกลนะเว้ย ขับรถกว่าจะไปถึงนี่ก็หมดเวลาหยุดแล้ว”
“กูก็ไม่ได้บอกว่าจะขับรถไป”
“นั่งเครื่องหรือวะ”
“ก็ประมาณนั้น เอาไงสรุปไปไหม”
เป็นครั้งแรกที่พัฒน์ถามความสมัครใจของเขา ก็ขอเล่นตัวหน่อยเถอะนะ ที่เสียงข้างมากในใจจะตอบตกลงไปแล้วก็ตามที
“คิดยังไงถึงจะไป แล้วไปส่วนไหนของกระบี่” ธีร์แสร้งถาม
“เกาะส่วนตัวของเพื่อนไอ้พุฒิ เดินทางด้วยเฮลิคอบเตอร์ส่วนตัวของเพื่อนมัน ไอ้เจ็มกับไอ้พุฒิรออยู่ที่นั่นแล้ว อยากจะพักเลย
คิดจะพามึงไป”
แอบผิดหวังกับคำตอบของพัฒน์เล็กน้อยที่ไม่ได้ไปกันลำพังสองคนเขากับพัฒน์ แต่ธีร์ก็ดีใจที่ได้ยินว่ามีเจโรมีไปด้วย เพราะ
อย่างน้อย ก็มีเพื่อนคุย ดีกว่ามีเพื่อนเงียบอย่างพัฒน์
“ที่จริงมีงานที่ต้องไปเคลียร์ด้วย” พัฒน์พูดต่อ
“งานอะไร?”
“กูคิดว่า เราควรจะจัดการเรื่องของไอ้ยงยุทธ์ให้มันจบๆ ไปซะ เจ็มมันรายงานแล้วว่ามันไปหาแนวร่วมกับนักธุรกิจใหญ่ที่กระบี่
ด้วย กูว่าถ้าเราไม่รีบตัดไฟตั้งแต่ต้นลม ถ้าเราไม่ทำอะไรสักอย่าง มันเอาพวกมาบังคับให้เซ็นมอบที่ดินกับคาสิโนให้กับพวกมัน
ฟรีๆ แน่” พัฒน์อธิบายต่ออีกอย่างจริงจัง ซึ่งธีร์ก็เห็นด้วย
“เอางั้นก็ได้”
สุดท้ายก็เป็นการบังคับกลายๆ อยู่ดี...
“มึงควรจะลางานเผื่อไว้เลยนะ”
“ไม่ต้องลาก็ได้ ยังไงมันก็เกี่ยวกับคุณเพลิง ก็ถือว่าเป็นงานนี่” ธีร์ไม่ใส่ใจเท่าไหร่
“หึ”
“เดินทางเย็นๆ ก็แล้วกัน เดี๋ยวให้ไอ้พุฒิบอกให้คนเอาฮ.มารับบนดาดของฟ้าคอนโด”
“อือ ตามนั้น”
ธีร์ผิดหวังมาก ที่คิดว่าพัฒน์ชวนเพราะอยากไปเที่ยวกับเขา แต่ที่ไหนได้ งานล้วนๆ แล้วที่เรียกมาก็เพื่อคุยเรื่องนี้สินะ ไม่ใช่
อยากจะเห็นหน้าเขาหลังจากที่ไม่เห็นมาหลายวันเสียหน่อย
ชอบคิดไปเองนะมึง...
“ไป!!” ธีร์แหงนหน้ามองร่างแกร่งที่พูดสั้นๆ แล้วลุกขึ้นยืน
“ไปไหน?”
“หาอะไรกิน” พัฒน์ตอบสั้นๆ แล้วเดินนำธีร์ออกไปจากห้อง ร่างโปร่งบางเองก็ได้แต่ถอนหายใจน้อยๆ ก่อนจะลุกเดินตามอีกคน
ไป
ทั้งสองออกที่ลิฟต์ด้านหลังซึ่งเป็นโรงจอดรถ พัฒน์กระชากกุญแจรถของธีร์มาถือแล้วตรงไปที่รถของร่างบาง ธีร์เบะปากอย่าง
หมั่นไส้ เปิดประตูฝั่งคนนั่งแล้วเข้าไปนั่งข้างร่างหนาที่ทำหน้าที่ขับรถ
“อยากกินอะไร”
“มึงจะถามกูทำไม ในเมื่อสุดท้ายมึงก็บังคับกูไปกินอีกที่อยู่ดี” ธีร์พูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ก่อนจะพึมพำอ้อมแอ้มตอบกลับไป
เมื่อเห็นสายตาดุๆ ของคนข้างๆ “ก๋วยเตี๋ยวต้มยำกุ้ง”
ของโปรดของเขาเลยนะเนี่ย ไม่ได้กินมานานแล้ว บอกไป แต่ไม่รู้ว่าอีกคนจะพาไปทานหรือเปล่า
“ก็แค่นี้ ลีลาอยู่ได้” ตบท้ายด้วยการด่าเขา
ธีร์มองไปยังกระจกข้าง เห็นรถคันหนึ่งขับตามรถเขามาตั้งแต่ออกจากบริษัทแล้ว ตอนแรกไม่ได้เอะใจอะไร แต่ตอนนี้ชักเริ่ม
ระแวง เปิดเก๊ะหน้ารถเพื่อตรวจดูว่าเอาปืนใส่ไว้หรือเปล่า
...
...
...
ธีร์ก็ได้ทานก๋วยเตี๋ยวต้มยำกุ้งสมใจอยาก และลืมเรื่องที่มีคนขับรถตามมาเสียสนิทเมื่อได้เห็นอาหารที่วางตรงหน้า ส่วนพัฒน์ก็ทานเหมือนกับธีร์ ทั้งคู่ทานคู่กับน้ำแตงปั่น ดับความร้อนได้อย่างดี ธีร์มีความสุขกับการทาน ส่วนพัฒน์แค่สั่งตามธีร์เท่านั้น ไม่ได้อยากทานอะไรเป็นพิเศษ
มันอิ่มตั้งแต่เห็นหน้าใครบางคนแล้ว
“อุ๊ย! ตายแล้ว บังเอิญจังนะคะที่ได้เจอคุณพัฒน์ที่นี่” เสียงแหลมๆ ของเมนีดังขึ้นจากทางด้านหลังของธีร์ก่อนที่เจ้าของร่างอรชรจะมายืนข้างโต๊ะที่เขานั่งอยู่
“อึก” ธีร์สำลักด้วยความตกใจ พัฒน์ยื่นแก้วน้ำเปล่าให้กับธีร์อย่างอัตโนมัติ หญิงสาวมองภาพนั้นด้วยความไม่ชอบใจนิดๆ
“ค่อยๆ กินสิวะ” ไหนจะน้ำเสียงที่ดูเป็นห่วงนี่อีก ที่เจ็บใจคือพัฒน์ไม่มีทีท่าว่าจะสนใจเธอเลยสักนิดทั้งๆ ที่เธอเข้ามาทักขนาดนี้
แล้ว
แค่เห็นอาหารกับน้ำที่ทั้งคู่ทานเหมือนกันแล้ว การเอาอกเอาใจของพัฒน์ที่ลูกสาวลูกค้าอย่างเธอไม่มีสิทธิ์ได้รับนั้น การันตีได้
เลยว่าผู้ชายหน้าหล่อที่เธอเห็นคือแฟนของพัฒน์
คิดแล้วก็หมั่นไส้ และไม่ชอบีร์ขึ้นมาทันที
“คุณพัฒน์คะ เมนีคุยกับคุณอยู่นะ” เธอเริ่มจะอารมณ์เสีย
“ใครวะพัฒน์” ธีร์ถามด้วยความสงสัย
“ลูกสาวของลูกค้า” ตอบสั้นๆ ไม่สนใจเธอเหมือนเคย
จะมีครั้งไหนไหมที่มากินข้าวกับมันแล้วไม่มีผู้หญิงเข้ามาทักแบบนี้ แล้วดูสิ นี่เธอคนนี้ประกาศตัวเป็นศัตรูกับเขาทางสายตาทันที
เลยนะ
“เชิญนั่งก่อนได้นะครับ” ธีร์เชิญอย่างสุภาพ เพราะได้คำตอบว่าเป็นลูกสาวของลูกค้า ก็ต้องให้เกียรติเธอหน่อย
“ขอบใจ!” กระแทกเสียงใส่ธีร์ก่อนจะนั่งลงข้างๆ กับพัฒน์
พัฒน์มองหน้าธีร์อย่างคาดโทษ ส่วนร่างโปร่งก็ไม่รู้ว่าตัวเองทำผิดก็ทานอาหารตรงหน้าต่อ
“คุณพัฒน์ให้เมนีนั่งด้วยได้ไหมคะ”
ธีร์อยากจะหัวเราะ ทีกับมันล่ะเสียงอ่อนหวาน ทีกับเขานี่น้ำเสียงแข็งเชียว...
“เอาตรงๆ ไหมล่ะ”
“ค่ะ” ยิ้มสู้ไป
“ไม่ให้” สิ้นเสียงเข้มๆ ของพัฒน์ธีร์ก็หลุดหัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ แต่ก็ถูกเมนีจิกตาใส่ด้วยความโกรธ
“คิก...อุ๊บ!!” รีบปิดปากตัวเองเอาไว้ก่อน
ไอ้พัฒน์ก็มีอารมณ์ขันเหมือนกันนะเนี่ย
“ฉันเป็นลูกสาวของลูกค้าของคุณ คุณน่าจะให้เกียรติเมนีบ้างนะคะคุณพัฒน์” เธอโวยวายออกมาอย่างลืมตัว ลืมเรื่องที่พ่อพูด
เอาไว้ไป
ความเอาแต่ใจชนะทุกอย่าง
“ฉันทำธุรกิจกับพ่อเธอ ไม่ใช่กับเธอ” เมนีหน้าเสีย “ถ้าอยากให้ตัวเองมีคุณค่า อยู่เฉยๆ เดี๋ยวผู้ชายก็เข้าหาเอง” ยังคงพูดต่อ
ธีร์อ้าปากค้างกับคำพูดแรงๆ ของพัฒน์ ส่วนหญิงสาวก็นั่งหน้าแดง อับอายกับคำพูดของพัฒน์เป็นอย่างยิ่ง แต่เธอเป็นผู้หญิงจบ
จากเมืองนอก ได้รับวัฒนธรรมตะวันตกมาเยอะ การที่เมนีทำแบบนี้มันเลยไม่ได้ดูเสียหายสำหรับเธอ แต่ไม่คิดให้ดีเสียก่อนว่านี่
ไม่ใช่เมืองนอก
“ไอ้พัฒน์ พูดแรงไปแล้วนะเว้ย คุณเขาเป็นลูกสาวของลูกค้ามึงไม่ใช่หรือวะ ให้เกียรติเธอหน่อย” ธีร์พูดออกไป เพราะพัฒน์ใช้
คำพูดแรงเกินไป
“ลูกค้าก็จริง แต่รายใหญ่ของบริษัทกูไม่ใช่มีแค่บริษัทเดียว”
เพียงเท่านี้เมนีก็รับรู้ได้จริงๆ ว่า บริษัทของปฐพีไม่มีวันง้อบริษัทของพ่อเธอจริงๆ เพราะเสียลูกค้าอย่างพ่อเธอไป ก็ไม่ทำให้
กำไรของ DINZ ลดลงเท่าไหร่นัก
“มึงนี่ปากเสียจริงๆ เลยไอ้พัฒน์ ขอโทษแทนมันด้วยนะครับ มันก็ปากหมาแบบนี้แหละ” ธีร์ขอโทษแทนพัฒน์ แต่เมนีกลับคิดว่า
เป็นการเยาะเย้ยเธอมากกว่า
“ไม่ต้องขอโทษแทนหรอกค่ะ”
เออแฮะ!! กูหวังดี แต่โดนด่าด้วยซะงั้น โอเค งั้นก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของไอ้พัฒน์ต่อไปก็แล้วกัน ผมไม่ช่วยแล้วนะครับคุณผู้
หญิง
“ธีร์ มึงอยากกินอะไรอีกไหม” พัฒน์ถาม
“เอาเค้กให้กูชิ้นหนึ่ง ช็อกโกแลตนะ เปลี่ยนน้ำเป็นโกโก้ปั่นด้วยได้เปล่าวะ”
“กินเยอะระวังปวดท้องนะมึง นั่งฮ.นี่ต้องมีที่จอดถึงจะลงได้นะ” พัฒน์เตือน
“เอามาเถอะน่า กูไม่เป็นไร”
“งั้นเดี๋ยวไปสั่งให้” พัฒน์ลุกขึ้นจากตรงนั้นทันที ไม่สนใจว่ามีเมนีอยู่เลยสักนิด
“เดี๋ยวสิคะ ไม่ถามเมนีหน่อยหรือ” เธอเรียกร่างแกร่งไว้
“อยากกินก็สั่งเอง หาที่นั่งเอง อย่ามายุ่งเวลาพักผ่อนคนอื่น” พัฒน์เดินไป ทิ้งประโยคที่ทำให้เมนีเจ็บใจเอาไว้ ส่วนธีร์ก็ทาน
ก๋วยเตี๋ยวอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร
(มีต่อ)