เสพติดอันตราย...รักผู้ชายพันธุ์โหด
ตอนที่ 24
PLUENG Real Estate
ธีร์เดินทางมาทำงานในเช้าวันใหม่ด้วยสีหน้าที่สดชื่น มองเลขาด้านหน้าด้วยความปลื้มใจ เธอมาทำงานไวมากๆ สมแล้วที่เป็น
คนที่อัคนีหามาให้
“สวัสดีค่ะคุณธีร์ มาทำงานเช้านะคะ”
“คุณเอมก็เหมือนกันนะครับ ถ้ามีเอกสารเร่งด่วนก็เอาเข้ามาได้เลยนะครับ ผมจะดูแบบจำลองคอนโดของลูกค้ารอ แล้วถ้าแบบ
จำลองของโรงแรมสาขาใหม่เสร็จแล้ว ให้เขาส่งไฟล์มาเลยนะครับ” ธีร์บอกอย่างจริงจัง
“ได้ค่ะคุณธีร์”
“เดี๋ยวประมาณ 9 โมงช่วยเอาตารางงานมาให้ผมด้วยนะครับ อ้อ! แล้วประมาณ 10 โมงผมจะลงไปแผนกการตลาด ช่วยติดต่อ
แผนกนั้นให้ด้วยนะครับ”
“ได้ค่ะ”
ธีร์เดินเข้าห้องทำงานของตัวเองไปอย่างอารมณ์ดี ถึงขนาดตื่นเร็วกว่าพัฒน์และออกมาทำงานก่อนพัฒน์อีกนะเนี่ย มันช่างเป็น
อะไรที่สนุกแบบนี้
อยากจะเห็นหน้าอีกคนเหวอจริงๆ
“อ่า...โครงสร้างนี้สวยจริงๆ” ธีร์ตรวจงานอย่างมีความสุข แม้ว่าจะไม่ได้เป็นคนออกแบบเอง แต่แบบนี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน
ยังไงก็ได้ทำในสิ่งที่เขาชอบล่ะนะ
Rrrrrrr…
“มึงมีอะไรเนี่ย จะโทรมาทำไม” พัฒน์ว่าออกไปเมื่อเห็นเบอร์คนโทรมา
(มึงออกไปตอนไหน)
“ทำไม กูจะมาทำงานเช้าไปได้หรือไง”
(มันแปลก) ประโยคสั้นๆ แต่ทำเอาธีร์ถึงทำหน้าเหมือนปลาขาดน้ำ
“ทำไมวะ คนอย่างกูจะมาทำงานเช้าๆ ไม่ได้หรือไง”
(ไอ้ได้มันก็ได้ แต่มันเช้าเกินไปหรือเปล่าวะ) ปลายสายถาม
“ก็กูมีเรื่องดีๆ นี่หว่า ทำไม มึงจะสงสัยอะไรกูนักหนา”
(เปล่านี่ ตอนนี้อยู่ที่ทำงานใช่ไหม)
“เออ” ธีร์ตอบไป มือก็ใช้เม้าส์เลื่อนดูงานต่อ
(ทำอะไรอยู่)
“ทำงานสิวะไอ้นี่” ธีร์ชักมีน้ำโห เมื่ออีกคนถามหาแต่เรื่องไร้สาระแล้วไม่ยอมเข้าประเด็นสักที “แล้วสรุปมีอะไร”
(ตอนเที่ยงว่างไหม กูมีเรื่องจะคุยด้วย)
“เรื่องอะไร”
(ไอ้ยงยุทธ์) พัฒน์พูดบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ตอนเที่ยงกูพัก”
(เดี๋ยวกูไปหาก็แล้วกัน)
“อือ”
(แล้วกูจะโทรหา) พัฒน์พูดแค่นั้นก็วางสายไปทันที ธีร์เองก็ยกยิ้มน้อยๆ ช่วงนี้พัฒน์มักโทรหาเขาบ่อยๆ จนกลายเป็นความ
เคยชิน ที่หนึ่งวัน พัฒน์ต้องโทรมาหาไม่ต่ำกว่าสองครั้ง
“ให้ตายสิ ทำไมมีความสุขแบบนี้วะ”
ธีร์นั่งทำงานต่อ รู้สึกว่าวันนี้มันเป็นวันแห่งความสนุกเสียจริงๆ มองนาฬิกาบ้างว่าใกล้จะถึงเวลาเยือนแผนกการตลาดหรือยัง
ทางฝั่งพัฒน์ที่วางสายไปแล้วก็ยกยิ้มน้อยๆ ความเป็นจริงแล้วไม่ได้มีเรื่องเกี่ยวกับยงยุทธ์เลยสักนิด เพียงแค่อยากจะเจอแค่นั้น
“สงสัยต้องหาเรื่องไปพูดแล้วล่ะมั้ง” พัฒน์คิดได้ดังนั้นก็ต่อสายตรงไปหาลูกน้องที่เป็นทั้งเพื่อนทั้งคนสนิททันที
(ครับคุณพัฒน์)
“เรื่องของยงยุทธ์ไปถึงไหนแล้ว”
(ผมกำลังจะบอกอยู่เลยว่าพวกมันเริ่มเคลื่อนไหวแล้วครับ)
“รู้หรือเปล่าว่าทำทำอะไรอยู่”
(รู้สึกมันจะดึงพวกเลกซัสเข้าพวกด้วยนะครับ )
“เลกซัส? มี่รายชื่อผู้บริการไหม”
(ผมจะหาให้ภายในสามวันครับ แต่ตอนนี้คนของผมสืบมาได้แค่นี้ พวกมันจะนัดเจอกันอาทิตย์ละครั้งครับ)
“โอเคเจ็ม แค่นี้ฉันก็พอรู้อะไรบ้างแล้วล่ะ” พัฒน์วางสายไป
แม้จะรู้ว่าฝั่งยงยุทธ์จะเริ่มเคลื่อนไหวอะไรบางอย่าง แต่พัฒน์ก็ไม่มีท่าทีหรือมีสีหน้าที่วิตกเลยสักนิด เพราะแน่นอนว่าแผนนับ
ร้อยที่เขาคิดเอาไว้รองรับก็ไหลเวียนอยู่ในหัว
“คงต้องเตือนให้ไอ้ธีร์ระวังไว้แล้วล่ะ”
เพราะคนที่ไม่รู้อะไรเลยอย่างธีร์น่าจะมีปัญหาที่สุด
...
...
...
10 โมงตรงที่แผนกการตลาด
“สวัสดีค่ะคุณธีร์” ผู้จัดการแผนกทักทายอย่างเป็นทางการ ซึ่งพนักงานทุกคนก็ต่างลุกขึ้นไหว้อย่างพร้อมเพรียงกันเพราะเตรียม
มาก่อนหน้านั้นแล้ว
ธีร์พยายามมองหาคนที่ดูเหมือนเธอคนนั้นแต่ก็ไม่พบเพราะพนักงานแผนกนี้เยอะเกินไป เขาเลยไม่สนใจที่จะมองหาเธอแล้ว
แน่นอนว่าเธอคงเห็นเขา
“ผมแค่มาตรวจอะไรนิดหน่อยเท่านั้นครับ ทุกคนไม่ต้องเกร็ง เชิญทำงานต่อได้” ธีร์บอกพนักงานอย่างเป็นกันเองเพื่อไม่ให้
พนักงานในแผนกการตลาด พวกพนักงานก็พากันนั่งทำงานต่อทันที
พยายามที่จะไม่คิดว่ามีเจ้านายอยู่ในแผนกให้เกร็งเปล่าๆ
“คุณธีร์ต้องการจะตรวจอะไรหรือคะ” เอมิกาเลขาของธีร์ถาม เพื่อที่จะจัดการติดต่อกับผู้จัดการแผนกได้ถูก โดยไม่ต้องให้เจ้า
นายของตัวเองต้องจัดการเอง
“ผมอยากดูแผนการตลาดคร่าวๆ ของโครงการใหม่น่ะครับ อันที่จริงก็แค่อยากจะมาเยี่ยมเยียนเท่านั้น” ธีร์บอกออกไป
“ค่ะคุณธีร์” เธอรับคำสั่งแล้วตรงไปหาผู้จัดการแผนกทันที ส่วนธีร์ก็เดินไปนั่งยังจุดที่พนักงานเตรียมไว้ให้เพื่อขอดูแผนการตลาด
ของโครงการอันใหม่
“รับน้ำอะไรดีคะ” พนักงานสาวคนหนึ่งเดินมาถามธีร์
“ไม่เป็นไรครับ ผมอยู่ไม่นานหรอก มีงานต้องไปทำอีกเยอะ” ธีร์ตอบยิ้มๆ ส่วนเธอคนนั้นก็เดินออกไปอย่างโล่งใจ
ธีร์เองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมทุกคนต้องเกรงกลัวเขา ทั้งๆ ที่ผ่านมาก็ไม่เห็นจะมีบรรยากาศแบบนี้เลย
“คุณธีร์คะ ได้แล้วค่ะ” เลขาของธีร์เอาเอกสารมาให้ ซึ่งร่างโปร่งก็รับมานั่งเช็คทันที ก่อนจะให้เลขาเรียกผู้จัดการมาสอบถาม
อะไรบางอย่าง
“คะคุณธีร์?”
“ผู้จัดการเวลาร่างแผนงานนี่แบ่งให้ธีมแต่ละทีมทำแล้วค่อยคัดเอาแผนที่ดีที่สุดใช่ไหมครับ” ธีร์ถามผู้จัดการไป ซึ่งเธอก็ตอบ
กลับมาด้วยนอบน้อม
“ใช่ค่ะ”
“ผมอยากจะให้ปรับใหม่หมดแล้ว มันเป็นแผนการตลาดที่ซ้ำซากมากเลยครับ ผมอยากจะเห็นอะไรใหม่ๆ” ธีร์บอกความต้องการ
ของตัวเองไป ซึ่งผู้จัดการแผนกก็ขานรับอย่างเต็มใจ
“ทราบค่ะ จะปรับเปลี่ยนแล้วเดี๋ยวจะส่งขึ้นไปให้ตรวจอีกครั้งนะคะ”
“รบกวนด้วยนะครับ”
“ค่ะ คุณธีร์มีอะไรแนะนำอีกหรือเปล่าคะ” ไม่ครับ เชิญทำงานต่อได้ เดี๋ยวผมขอเดินดูการทำงานอีกนิดก็จะไปทำงานต่อแล้วล่ะ
ครับ” ธีร์บอก ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วบอกพนักงานอย่างเป็นกันเอง
“ผมจะเดินดูนะครับ ไม่ต้องเกรงจนทำงานพลาดล่ะ”
ธีร์จะรู้ไหมว่ารอยยิ้มกับใบหน้าหล่อๆ ขอตนทำให้ผู้หญิงที่เป็นพนักงานแผนกการตลาดถึงกับใจเต้นแรง บางคนก็ทรุดตัวลงไป
เขินอยู่คนเดียว
ร่างโปร่งลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปตามช่องต่างๆ ที่พนักพากันนั่งทำงานอย่างตั้งใจ เขาเอ่ยทักคนนั้นคนนี้อย่างเป็นกันเอง จนคนใน
แผนกเริ่มจะเป็นกันเองและพูดคุยกับร่างโปร่งอย่างสบายใจได้ จนกระทั่งธีร์มาหยุดยืนอยู่ด้านหลังของผู้หญิงคนหนึ่ง ที่มี
ลักษณะคล้ายกับผู้หญิงที่เป็นเพื่อนเก่าของพัฒน์
“สวัสดีครับ” ธีร์ทักไป
“สวัสดีค่ะ” เธอทักกลับ แต่ไม่หันมามองจนเลขาของธีร์ตำหนิ
“นี่คุณ คุณธีร์ท่านคุยกับเธออยู่นะ เสียมารยาทไม่มองท่านได้ยังไง”
“ไม่เป็นไรหรอกครับคุณเอม ผมไม่ถือสาหรอก ที่ไม่หันมามองผมคงไปทำให้เธอไม่พอใจล่ะมั้ง” ธีร์พูดขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะ
พึมพำเบาๆ แต่เหมือนว่าเธอคนนั้นก็ได้ยิน “ทั้งๆ ที่ฉันควรไม่พอใจมากกว่า”
เธอรีบหันมามองทันที และแน่นอนว่าถูกคนแล้ว เธอคือคนๆ เดียวกับคนเมื่อวานที่อวดอ้างสรรพคุณเหลือเกิน
“ขอโทษค่ะ เมื่อวานดิฉันไม่ทราบจริงๆ” เธอหันมาโทษขอโพย
“ไม่รู้...คุณทำแบบนั้นกับคนที่ไม่รู้จักนี่นะ” ธีร์ขมวดคิ้ว
เป็นผู้หญิงแบบไหนกันเนี่ย
“คุณธีร์รู้จักเธอหรือคะ” เอมิกาถาม
“ไม่หรอกครับ” ธีร์รีบตอบกลับไป “นอกจากคุณเพลิงแล้ว ผมก็ไม่รู้จักใครเป็นพิเศษแล้วล่ะครับ ยังไงฝากคุณเอมช่วยดูแล
พฤติกรรมของพนักงานคนนี้ให้ด้วย เมื่อวานผมโดนด่า แต่เธอไม่รู้หรอกว่าผมเป็นเจ้านายของเธอ เลยไม่เอาเรื่องอะไร” ธีร์พูด
เบาๆ กับเลขาของตน
เพราะถ้ามีคนแบบนี้ ถ้ามีรุ่นน้องหรือเลื่อนขึ้นเป็นหัวหน้า เธอคงจะอวดเบ่งหน้าดู เพราะฉะนั้นแล้ว ธีร์ไม่ชอบที่จะทำลายอนาคต
ใคร แต่เธอคนนี้คงต้องระวังไว้หน่อย
“ได้ค่ะ”
“เอาล่ะ ผมกลับแล้วนะครับ ตั้งใจทำงานนะครับ ถ้างานดีจะบอกให้คุณเพลิงขึ้นโบนัสให้” สิ้นเสียงพนักงานก็ร้องเฮอย่างดีใจ
ร่างโปร่งกับเลขาเดินออกจากแผนกการตลาดแล้วตรงขึ้นชั้นผู้บริหารทันที ก่อนทั้งคู่จะตรงไปที่นั่งของตัวเองเพื่อทำงานต่อ ธีร์
เองก้มองนาฬิกา มองแล้วมองอีกว่าใกล้ถึงเวลานัดกับพัฒน์หรือยัง
ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตัวเองจะตื่นเต้นราวกับจะได้เดทกับแฟนคนแรก...
แฟนคนแรกงั้นหรือ...
“ใช่! ตอนมีแฟนคนแรกเราก็มีความรู้สึกแบบนี้เลย”
หลังจากที่เจ็บปวดกับรักแรกไป ธีร์ก็ไม่เคยที่จะรักใครอีก เพราะกลัวความเจ็บปวดนั่นมาทำร้ายเขา และหวังว่าคราวนี้ก็คงจะ
ไม่ใช่ความรักหรอกนะ
ก็แค่ความชอบ...ไม่นานก็หายไป
...
...
...
“กูอยู่ด้านในแล้ว” พัฒน์โทรคุยกับธีร์เมื่อตัวเองเข้ามาในบริษัท ซึ่งพนักงานก็รู้จักพัฒน์ดีเลยต้อนรับราวกับแขกคนหนึ่ง
(เออๆ เดี๋ยวลงไป อยู่ตรงไหน)
“อยู่ห้องรองรับแขก”
(มึงไปทำอะไรในนั้น) ธีร์ด่าพัฒน์ออกมา
“ก็ช่วงนี้คนออกไปกินข้าวเยอะ กูไม่ชอบอะไรที่คนเยอะเท่าไหร่” พัฒน์ตอบออกไป
(เออๆ 10 นาทีกูจะไปหาที่นั่น)
“ได้ แต่ถ้ามาช้ามึงตายนะ”
(เออ ชอบขู่จังวะ แค่นี้แหละ) ธีร์วางสายใส่หูพัฒน์ไปทันที ร่างสูงเองก็ยิ้มออกมาน้อยๆ ที่ได้กวนโมโหธีร์ถึงแม้จะเล็กๆ น้อยๆ ก็ตามที
เพียงแค่นี้ก็ทำให้แต่ละวันของพัฒน์ไม่น่าเบื่อแล้ว
ไม่นานธีร์ก็ลงมาหาพัฒน์ที่ห้องรับรองแขก มองอีกคนที่ยังคงนั่งนิ่งราวกับว่าที่นี่คือบริษัทของตัวเอง ธีร์เองก็บอกไม่ถูกเหมือน
กัน ทั้งๆ ที่เจอกันทุกวัน
จะดีใจอะไรนักหนาที่ได้เห็นพัฒน์น่ะ
“จะพากูไปไหน” ธีร์ถาม
“ไปร้านอาหารก่อนเถอะ กินไปด้วยคุยไปด้วย” พัฒน์เสนอ
“โอเคๆ”
ทั้งสองคนเดินออกจากห้องรับแขกเพื่อไปยังร้านอาหารข้างๆ มีพัฒน์ประกบข้าง เหล่าพนักงานที่ทยอยพักกลางวันมองผู้ชายรูป
หล่อ ฐานะดีทั้งคู่ เวลาอยู่ด้วยกันมันรู้สึกดีแปลกๆ
อาหารตาชั้นเลิศ...
ทั้งสองคนมาถึงร้านอาหารใกล้ๆ ก่อนจะสั่งอาหารง่ายๆ มาคนละอย่างเพื่อประหยัดเวลาในการทาน เพราะพัฒน์ต้องเดินทาง
กลับบริษัทที่อยู่กันคนละฝั่งกับที่เขาอยู่
“มีเรื่องอะไรงั้นหรือวะ” ธีร์เปิดประเด็น
“ไอ้ยงยุทธ์มันดึงกลุ่มเลกซัสเข้าพวก กูก็เลยอยากจะเตือนให้มึงระวังตัวเอาไว้” พัฒน์บอก
“เรื่องแบบนี้คุยกันที่ห้องก็ได้นี่”
“กูบังเอิญมีงานแถวนี้พอดี เลยนัดมึงออกมาคุยดีกว่า” พัฒน์โกหกออกไป
“อือๆ แล้วมีข้อมูลอะไรเพิ่มเติมไหม” ธีร์ถามจริงจัง
เรื่องของยงยุทธ์ไม่ใช่เรื่องที่พวกเขาจะประมาทกันได้เลย
“กูกำลังให้เจ็มสืบอยู่ว่าผู้บริหารของพวกมันคือใคร แต่ที่แน่ๆ เข้าร่วมกับไอ้ยงยุทธ์ได้ พวกมันก็ต้องทำงานผิดกฎหมายเหมือน
กัน” พัฒน์บอกข้อมูลที่ตัวเองคิดได้ไป
“อืม...กูว่างานนี้เราทำเดี่ยวๆ ไม่มีกฎหมายไม่ได้หรอกว่ะ” ธีร์บอก
“กูก็คิดว่าอย่างนั้น”
“เอาแบบนี้ไหม กูรู้จักกับคุณเทียนเพื่อนสนิทคุณดินคุณเพลิง ตอนนี้เป็นตำรวจอยู่”
พัฒน์ขมวดคิ้ว...
“กูก็รู้จัก แต่ไม่สนิทกันเท่าไหร่” พัฒน์พูดบอก
“แต่กูค่อนข้างสนิทนะ เคยทำงานด้วยกันครั้งหนึ่ง”
พัฒน์เริ่มสงสัยทันทีว่าทำไมร่างโปร่งถึงได้รู้จักกับเพื่อนสนิทของปฐพีและอัคนีได้ ทั้งๆ ที่เขาเองก็รู้จักกับปฐพีและอัคนีด้วยเวลา
ที่พอๆ กัน แต่ไม่เคยได้ทำงานกับเทียนเลยสักครั้ง
“งานอะไร”
“ก็แอบลักลอบค้ายาข้างๆ คาสิโนนั่นแหละ กูให้เขามาจับกุมบ่อยๆ พร้อมกับปกปิดคาสิโนให้ด้วย” ธีร์ตอบ พัฒน์เองก็เข้าใจ
ทันที
เพราะตอนที่รู้จักใหม่ๆ พัฒน์ดูแลสนามแข่งรถ ส่วนธีร์ดูแลคาสิโน ก่อนที่เขาจะเข้าไปช่วยนี่แหละ ปฐพีกับอัคนีกำลังขึ้นแท่นนัก
ธุรกิจหนุ่มไฟแรง เพราะฉะนั้นสิ่งกฎหมายที่พวกเขาเคยทำ ต้องรีบทำลายออกไปทันทีก่อนที่จะมีคนขุดคุ้ยมันขึ้นมาทำลายเจ้า
นายของพวกเขาได้
“ถ้างั้นมึงก็ให้ข้อมูลคุณเทียนไปด้วยก็ได้ แล้วถ้าเจ็มมีอะไรคืบหน้ากูก็จะบอกมึงเรื่อยๆ”
“แล้วที่มึงบอกว่าให้กูระวังตัวนี่ หมายความว่าไงวะ” ธีร์ถามด้วยความสงสัย
“ก็ยงยุทธ์มันสนใจมึงอยู่ไม่ใช่หรือไง”
“มึงรู้ได้ไง”
“กูรู้ก็แล้วกัน ยิ่งฟังคำพูดของมันตอนนั้นก็เห็นชัดแล้ว”
“เออว่ะ”
พัฒน์จะบอกธีร์ไม่ได้เด็ดขาดว่าเริ่มสืบเรื่องของยงยุทธ์ตั้งนานแล้ว ก่อนจะโดนทำร้ายในป่าเสียอีก ไม่เช่นนั้น ธีร์คงหาเรื่องด่า
เขาแน่ๆ
ไม่ได้กลัว แต่ไม่อยากฟังก็เท่านั้น
“เอาเป็นว่ากูจะระวังตัว ไปไหนก็จะพาลูกน้องไปด้วยก็แล้วกัน” ธีร์เอ่ยอย่างจริงจัง
เขารู้ตัวเองดีว่าสู้คนเดียวไม่มีทางไหว เพราะฉะนั้น ควรจะเอาลูกน้องไปด้วยดีที่สุด ก็พวกนั้นมีปืน ส่วนเจ้านายอย่างเขาแค่พก
มันไว้ในรถ ติดกับตัวก็ไม่ได้
นักธุรกิจนะไม่ใช่มาเฟีย…
“ก็ดี คิดได้แบบนั้นก็ดี”
“นี่มึงหลอกด่ากูอยู่หรือเปล่าวะไอ้พัฒน์” ธีร์ถามออกไปทำให้พัฒน์ถึงกับหลุดหัวเราะในความระแวงของเจ้าตัวจริงๆ
“หึหึ เปล่านี่”
“งั้นหรือวะ” ธีร์เองก็ยังคงมีสีหน้าที่ไม่น่าเชื่อเท่าไหร่นัก
การพูดคุยของทั้งคู่ถูกคั่นด้วยอาหารของแต่ละคน พัฒน์เลือกทานข้าวผัดปูธรรมดาเพราะไม่ชอบรสจัดนัก ส่วนธีร์พัฒน์เองก็ชอบ
สังเกตเวลาอีกคนทานจะชอบทานอะไรจัดๆ เพราะฉะนั้นวันนี้ธีร์เลยสั่งข้าวผัดน้ำพริกกุ้งสดมาทาน เมื่ออาหารมาทั้งคู่ก็ลงมือ
ทานอาหารด้วยความหิวทันที
ภาพทั้งหมดอยู่ในสายตาของคนๆ หนึ่งตลอดเวลา ไม่รู้ว่าควรจะโกรธ โมโห หรืออิจฉาดี
“ทำไมพัฒน์ต้องยิ้มให้หมอนั่นด้วย” มีนาพึมพำด้วยความไม่พอใจ
ไม่ว่าใครก็ไม่เคยได้รับรอยยิ้มจากพัฒน์แท้ๆ แม้แต่เพื่อนสนิทอย่างเจโรมี เธอก็ไม่เคยเห็นว่าพัฒน์จะยิ้มให้
“ไม่ใช่แค่เพื่อนแน่ๆ” เธอเดาด้วยสัญชาตญาณของเธอ
ความอิจฉาเริ่มแผดเผาเขาอย่างร้อนรุ่ม เธอแน่ใจว่าพัฒน์ไม่ได้มีรสนิยมผู้ชายด้วยกัน แต่ภาพที่เธอเห็นมันทำให้คิดเป็นอย่างอื่น
ไม่ได้
“ฉันล่ะเกลียดหมอนี่จริงๆ”
เธอได้แต่มองด้วยความโกรธและไม่พอใจมาก ยังไงก็ต้องหาทางเข้าหาพัฒน์ให้ได้
เพราะพัฒน์เป็นคนที่เธอแอบชอบและหวังมานาน พยายามทำทุกอย่างเพื่อเข้าใกล้แต่ก็ไม่เป็นผล พัฒน์ทิ้งตัวห่างจากคนอื่นๆ
มาก ไม่มีใครที่เข้าหาพัฒน์สักคน แม้แต่ลูกหลานไฮโซดังก็ไม่มีสิทธิ์
“ต้องทำให้ได้”
…
…
“โอเค กูไปทำงานต่อแล้ว” ธีร์พูดบอกพัฒน์พร้อมกับเปิดประตูรถเตรียมลงจากรถ
“อืม เจอกัน”
“เออ”
การบอกลาของเขาสองคนก็มีเพียงเท่านี้ ความเป็นจริงธีร์ไม่อยากจะพูดอะไรก่อนลงจากรถด้วยซ้ำ แต่จู่ๆ จะให้เป็นประตูลงไป
เลยมันก็แปลกๆ
แบบนี้แหละโอเคที่สุดสำหรับพวกเขาแล้ว
ธีร์เดินเข้าไปในตึกด้วยใบหน้าที่มีความสุข ก่อนจะขึ้นไปที่ทำงานต่อที่ห้องของตัวเอง ทางด้านพัฒน์เองก็ตรงกลับบริษัทที่อยู่
อีกทานหนึ่งไปด้วยความรู้สึกเต็มอิ่ม
ไม่ต้องทำอะไรมากมาย ไม่ต้องอะไรกันเยอะ แต่ได้เห็นหน้า อยู่ใกล้ๆ ทำไมมันถึงได้มีความสุข ชีวิตที่น่าเบื่อตอนนี้กลับเปลี่ยน
ไป ในทุกๆ วันมักมีสีสันมากยิ่งขึ้น
(มีต่อ)