ตอนที่ 20 ครึ่งหลัง
ณ ผับ XXX
ร่างโปร่งนั่งดื่มตรงเคาท์เตอร์ สั่งแก้วแล้วแก้วเล่า ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะเมา หรืออาจจะเมาแต่ก็ไม่ได้แสดงออกมากนัก บาร์เทนเดอร์ก็เหมือนหนักใจมากเวลาที่ธีร์สั่งเพิ่มในแต่ละแก้ว
“เอามาอีก”
“ผมว่าคุณดื่มเยอะไปแล้วนะครับ”
“เกี่ยวอะไรกับนายไม่ทราบ ฉันจะดื่มหรือไม่ดื่ม เยอะหรือไม่เยอะมันก็เรื่องของฉัน เอามาอีก” ธีร์สั่งเสียงเข้ม ก่อนที่บาร์เทนเดอร์หนุ่มจะทำได้เพียงชงให้ตามคำขอเท่านั้น พยายามลดความแรงของแอลกอฮอล์แทน
ปกติบาร์เทนเดอร์ไม่มีหน้าที่ต้องมาคอยเตือนลูกค้าหรอก แต่ที่ทำเพราะ พชรที่เป็นเจ้าของผับนี้เป็นคนสั่งต่างหาก เขาเลยจำเป็นต้องทำตามคำสั่งของเจ้านาย
หลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ
“นี่นาย!” ธีร์เรียกบาร์เทนเดอร์ที่ทำหน้าที่อยู่ตรงหน้าของตนเบาๆ
“ครับ”
“นายคิดว่าไอ้พวกที่ชอบโมโหเรา ทั้งๆ ที่เราไม่ได้ทำอะไรผิดนี่ มันยังไง” ถามออกไปอย่างต้องการใครสักคนให้คำปรึกษา
“ผมว่า คงจะไม่ชอบหน้าเรามั้งครับ”
“ทำไมตอบแบบนี้วะ!” ธีร์ตะคอก เพราะมันไปจี้ใจดำของเขาเลยทีเดียว
“ผมผิดอะไรอ่ะ”
“ไม่ได้เรื่องเลย เอามาอีกแก้วดิ๊!”
เขารู้...ว่ามันไม่ชอบหน้าเขาเหมือนเดิม เหมือนวันแรกที่เจอกัน ยังไงก็อย่างนั้น
แต่ทำไมพระเจ้าถึงต้องทำร้ายเขา ให้เขาเป็นคนที่ต้องเป็นคนเดียวที่เปลี่ยนความรู้สึกด้วย ถ้าทุกวันนี้เขาไม่รู้สึกอะไรเกินกว่าคำ
ว่าว่า คนรู้จัก
เขาก็ไม่ต้องมาเจ็บปวดแบบนี้
...
“ธีร์ พอได้แล้ว เป็นบ้าอะไรเนี่ย ดื่มเอาดื่มเอาทำอย่างกับดื่มน้ำเปล่า” มือปริศนาดึงแก้วที่กำลังยกดื่มออกไปพร้อมกับบ่นไปด้วย
ร่างโปร่งหันมาก็ต้องเบิกตากว้างอย่างตกใจ
ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ ธีร์ไม่ได้เมามาก ยังพอควบคุมสติตัวเองไหว ถึงได้รู้ว่าใครกันที่มาห้ามเขาในเวลาแบบนี้
“พี่ธิน มาได้ไง”
“ก็นี่มันผับของพีช ฉันจะมาไม่ได้หรือไง เห็นแกตั้งแต่เดินเข้ามาแล้ว แล้วดูทำตัวเข้า ตำแหน่งใหญ่โตของบริษัทใหญ่มาเมา
แบบนี้ใช้ได้ที่ไหน” ธินตำหนิน้องชาย
ธีร์ร้องอ้อเบาๆ
ผับของแฟน ก็จะเข้าออกยังไงก็ได้...
“ไม่ได้เมาเสียหน่อย เอาแก้วผมมาคืนนะ” ร้องเรียกแก้วของตัวเองคืน แต่ธินไม่ให้ยกดื่มเองจนหมดแล้ว ก่อนจะวางเงินไว้บน
เคาท์เตอร์เป็นแบงค์สีเทาสองใบ ก่อนจะกระชากแขนน้องชายให้เดินตาม
“จะพาผมไปไหนเนี่ยพี่ธิน”
“ก็จะพาไปส่งที่คอนโดน่ะสิ ไม่มีรถนี่” ธินตอบ พลางออกแดงลากธีร์ให้เดินตาม ส่วนร่างโปร่งของธีร์ก็เดินตามอย่างช่วยไม่ได้
อยู่คนเดียวก็ไม่ทำให้จิตใจดีขึ้น ฟังพี่ชายบ่นอาจจะช่วยได้ก็ได้...
ธินพาธีร์ออกมาที่ลานจอดรถด้านนอก ก่อนจะลืมไปว่ายังไม่ได้บอกพชรว่าตนจะกลับแล้ว โทรเข้าไปหาตอนนี้ก็ไม่ได้เพราะพชร
กำลังตรวจงานและประชุมกับลูกน้องอยู่
“รอฉันอยู่ตรงนี้ เข้าใจนะ”
“อือ” ธีร์ยืนพิงตัวรถ อยากจะสูบบุหรี่มันก็ไม่มีให้สูบ ก็ได้แต่เงยหน้ามองดาวที่มีอยู่อันน้อยนิดบนท้องฟ้า คำพูดของร่างสูงก็ยัง
คงตามหลอกหลอน
เขามันก็แค่คนที่มันไม่ชอบหน้าแต่ไหนแต่ไรแล้วนี่
“จะตอกย้ำตัวเองให้ได้อะไรวะ” ธีร์หัวเราะเบาๆ ก่อนจะรู้สึกว่าคนกลุ่มหนึ่งเดินมาหาตน แต่ธีร์ก็ไม่สนใจมองเพราะคิดว่าคงจะมา
เอารถใกล้ๆ กับที่เขายืนอยู่
“สวัสดี” เสียงทักที่เขาจำได้ดีเพราะเพิ่งจะได้ยินมันมาเมื่อวานนี้ทำเอาเขาต้องลดหน้าจากการมองท้องฟ้ามามองคนทักอย่าง
แปลกใจ ก่อนจะตกใจเล็กน้อยที่คนที่เขาไม่คิดว่าจะอยู่ที่นี่กลับอยู่ตรงหน้าเขาพร้อมกับเพื่อนอีกสามคนยืนมองหน้าเขาอย่างเอา
เรื่อง
“ไอ้เปรม” ธีร์เรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงเครียด
“แกชื่อธีร์สินะ เมื่อวานปากดีมากเลยนะแก ไอ้ฉันก็ให้คนตามสืบ แต่ไม่คิดว่าตัวเองจะได้มาเจอที่นี่”
“แกให้คนตามสืบเรื่องของฉันทำไม”
“ก็อยากรู้ว่าอยู่ระดับไหนถึงได้คบกับไอ้พัฒน์มันได้ แต่เห็นกับตาตอนนี้แล้วล่ะว่า รวยน่าดู ทั้งเสื้อผ้า นาฬิกา แล้วก็รถ ฉันล่ะ
เกลียดพวกที่รวยแล้วไม่ยอมแบ่งปันคนอื่น” เปรมพูด แต่เป็นประโยคที่เห็นแก่ตัวจนธีร์เบะปากใส่
“นี่น่ะหรือ คนที่มึงเล่าให้ฟัง” เพื่อนคนหนึ่งของเปรมถาม
“ใช่ มันนี่แหละ ปากดีฉิบหาย” มันตอบแล้วมองหน้าธีร์อย่างเคียดแค้น
“มันก็อยู่คนเดียวแล้ว เล่นเลยดีไหมวะ” หนึ่งในเพื่อนที่ยืนข้างๆ กับเปรมถามอย่างคนอยากมีเรื่องเต็มที อีกสองคนก็ทำท่าหักนิ้ว
มือดังกรอบ เอียงคอไปมาราวกับกำลังยืดเส้นสายเตรียมพร้อมที่จะมีเรื่อง
“คิดจะหมาหมู่หรือวะ ถ้าจะมีเรื่องก็ตัวต่อตัว ทำอย่างนี้แม่งโคตรแมนเลยว่ะ” ธีร์พูดประชด ยืดตัวตรงเตรียมพร้อมรับหมัดรับเท้า
ที่อีกฝ่ายมีเยอะกว่าอย่างระมัดระวัง
ในใจก็ภาวนาให้พี่ชายของตนออกมาได้ทัน
“พวกกูไม่สนเว้ย เอาไววะเปรม มึงจะเอาเลยไหม หมั่นไส้หน้าว่ะ หล่อกว่ากู” อีกคนถามอย่างเร่งรีบ
คนเรานี่ก็แปลก ไม่ใช่เรื่องของตัวเองแท้ๆ แต่กลับใจร้อนยิ่งกว่าเจ้าของเรื่อง
“เดี๋ยวก่อนเว้ยพวกมึง ถ้ากูทำไอ้ห่านี่ไป มันก็เอาไปฟ้องไอ้พัฒน์สิวะ มึงก็รู้ว่าไอ้พัฒน์มันทำอะไรได้บ้าง แล้วฐานะของไอ้นี่ก็ไม่
ใช่เล่นๆ ถ้าเราโดนจับได้มีหวังซวยทั้งชาติแน่”
คิดเป็นด้วยหรือไง...ธีร์คิดในใจ
“เราก็อย่าทำให้ใครเห็นสิวะ จะกลัวอะไร” เพื่อนยังคงยุ
“จะดีหรือวะ” เปรมมีท่าทีลังเล
“จะทำก็ทำ กูไม่ใช่พวกปากมาก ชอบฟ้องชาวบ้านมันไม่แมน แต่ถ้าจะทำก็ทำให้ตาย เพราะถ้ากูไม่ตายก็ไม่รับประกันว่าพวกมึง
จะรอด” ธีร์พูดขึ้นด้วยความโมโห จงใจท้าทายออกไป
อยากเจ็บ...
“ขู่พวกกูเหรอวะ”
“แล้วทำไมวะไอ้เปรม มึงมาตั้งหลายคนจะกลัวอะไรกับกูคนเดียว เรื่องไอ้พัฒน์มึงสบายใจได้ ตอนนี้กูกับมันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไร
กันแล้ว กระทืบกูทีสิวะ!!” ธีร์ตะคอกอย่างหมดความอดทน
ที่ผ่านมาธีร์เครียดก็ชอบกัดปากจนเลือดไหล ชอบไว้เล็บยาวเพราะเวลากำมือมันจะจิกเข้าที่เนื้อตัวเองให้เจ็บได้ แต่เพื่อนสนิท
อย่างอินทัชคอยดูแลและคอยปลอบมาเสมอ อาการพวกนั้นเลยลดน้อยลงมาก
ชอบทำร้ายตัวเองเมื่อคิดมาก แต่มันก็แค่เล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น ไม่ถึงกับเป็นโรคทางจิตแต่อย่างใด พอรู้สึกเจ็บเขาก็จะหายทันที
“มึงเป็นบ้าหรือไงวะ” เปรมถามเสียงเครียด
“เออ!! กูบ้า แล้วยังไงล่ะ พวกมึงจะกระทืบกูก็ทำดิ ทำไม หรือกลัวอำนาจของกู อิจฉาไม่ใช่หรือไง กูรวยกว่า หน้าตาดีกว่า งาน
ดีกว่า” ธีร์พูดอวดตัวเองเพราะต้องการให้ทั้งสี่คนนั้นหมดความอดทนแล้วเข้ามาทำร้ายตนเสียที
ในเมื่อทำอะไรคำพูดนั้นไม่ยอมหายไปจากหูและความทรงจำสักที ก็ต้องมีทางเดียวคือขอให้ร่างกายเขาเจ็บมากๆ จนลืมคิดเรื่อง
ของอีกคนไปเลย
“งั้นก็จัดตามคำขอของคุณชายเขาหน่อย” คนที่อิจฉาใบหน้าของธีร์พูดขึ้นก่อนจะเดินมาหาร่างโปร่ง
“เอาสิ” ธีร์เชิดหน้าท้าทาย
“กูก็ไม่ไหวแล้วโว้ย คนเหี้ยอะไรกวนฉิบหาย” เพื่อนของเปรมอีกคนก็เอ่ยปากอย่างทรไม่ไหว เดินเข้าหาธีร์เพื่อเป็นแนวร่วมกับ
เพื่อนอีกคน
“เอาไววะเปรม” เพื่อนอีกคนก็ยังยืนอยู่ข้างเปรมถามขึ้น ก่อนที่เปรมจะแสยะยิ้มร้าย พูดออกไปอย่างไม่รู้สึกกลัวภัยในภายภาค
หน้า
“เล่นแม่ง!!! แต่ไม่ต้องเอาถึงตาย กูก็อยากรู้หมือนกันว่ามันจะทำอะไรได้” เปรมสั่ง ก่อนที่ตัวเองกับเพื่อนอีกคนจะเข้าไปสมทบ
จากนั้นไม่ต้องให้รอนาน ร่างโปร่งบางก็ถูกคนทั้งสี่รุมซ้อมอย่างที่ต้องการ มือและเท้า 4 คู่ ระดมทำร้ายเข้าที่ร่างกายของคนๆ
เดียว ด้วยความเจ็บมากธีร์จึงล้มตัวลงนอนกับพื้น แต่พวกนั้นก็ยังไม่สาแก่ใจ กระทืบเท้าลงไปซ้ำบ้าง จนร่างของธีร์ช้ำเขียว
“อึก...อัก” ธีร์กัดฟันแน่พยายามไม่ให้เสียงร้องดังเล็ดลอดออกไปให้มากที่สุดเที่จะทำได้ ตัวงอเพราะคนความเจ็บไม่ไหว แต่
พวกนั้นก็ยังไม่คิดที่จะเลิก
“ปากเก่งดีนัก กูจะทำจนมึงพูดไม่ได้ไปหลายเดือนเลยไอ้สัตว์” เปรมว่าอีกคนก่อนจะขยี้เท้าไปที่แขนของธีร์แรงๆ จนอีกคนร้อง
ออกมาอย่างเจ็บปวด
“อ๊ากกก...”
เขารู้ว่ามันเจ็บมากๆ ตอนนี้ แต่หัวเขากลับไม่ได้คิดที่จะเอาชีวิตรอดเลยสักนิด กลับกันเขายังเห็นใบหน้าของพัฒน์วนเวียนไปมา
ร่างโปร่งปล่อยน้ำตาแห่งความเจ็บทางกายออกมา พร้อมกับตัดสินใจอย่างแน่วแน่ผ่านความเจ็บนี้
ขอให้ความรู้สึกกูที่มีต่อมึงหายไปกับความเจ็บปวดทางกายนี้
ในวันพรุ่งนี้ที่กูตื่นขึ้นมา...
กูจะเกลียดมึงให้มากกว่าเดิมร้อยเท่า!
กูจะไม่ให้มึงเห็นหน้า แล้วก็ความรู้สึกดีๆ ที่มีให้มึง...
กูจะให้มันหายไปกับรอยตีนของพวกมัน!!
ใครที่เดินผ่านแถวนั้นก็ไม่กล้าช่วย ได้แต่วิ่งไปบอกรปภ.ที่อยู่ใกล้ๆ ให้มาดู และประจอบเหมาะที่ธินกับพชรก็ออกมาจากร้าน
พอดี
“ธีร์!!!” เรียกน้องชายเสียงดังก่อนจะวิ่งเข้าไปหาร่างของน้องชาย คนร้ายสี่คนก็วิ่งหนีไปคนละทางเมื่อมีคนรู้จักของธีร์โผล่มา แต่
พชรก็รีบสั่งให้ลูกน้องไปตามตัวกลับมา
“ไปเอาตัวพวกมันมาให้ได้ โทรไปให้ทางฝ่ายดูแลกล้องวงจรปิดตรวจสอบด้วย ไป!!” ร่างสูงของพชรเดินมาหาคนรักที่กำลังทำ
อะไรไม่ถูกกับสภาพน้องชาย ก่อนที่เขาจะบอกให้ธินใจเย็นๆ
“ธีร์ ไอ้บ้า...อย่าเป็นอะไรนะเว้ย อึก...ไม่เอาแบบนี้ดิ ลืมตาสิวะ” ธินเรียกร่างโปร่งที่หมดสติไปแล้วอย่างใจเสีย เห็นน้องชายไม่มี
สติแบบนี้เป็นใครก็คิดไปไกล
“ธินใจเย็นๆ ครับ มาเดี๋ยวพีชจะอุ้มคุณธีร์เอง ธินไปเปิดประตูรถของคุณให้ผมก่อน จะได้พาคุณธีร์ไปโรงพยาบาลนะครับ” พูด
อย่าใจเย็น ทั้งๆ ที่ก็ห่วงน้องชายของคนรักไม่น้อย
“ด่ะ ได้ๆ” ร่างผอมของพี่ชายธีร์รีบหากุญแจรถเพื่อปลดล็อกรถแล้วให้พชรอุ้มธีร์ที่หมดสติไปนอนที่หลังรถ ก่อนที่ธินจะแทรกตัว
เข้าไปนั่งด้วยอีกคน โดยจับศีรษะของธีร์เบาๆ ให้นอนบนตักของตน
พชรทำหน้าที่ขับรถไป ออกรถไปอย่างนุ่มนวลแต่ก็รักษาความเร็วให้ได้มากที่สุด ธินเองก็เอาผ้าเช็ดหน้าของตนมาเช็ดเลือดตาม
ใบหน้าและมุมปากของน้องชายอย่างเป็นห่วง แค่รู้ว่ายังหายใจอยู่ ธินก็สบายใจไปนิดหนึ่งแล้ว ไม่นาน พชรก็พามาจอดที่หน้า
ตึกฉุกเฉินของโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด ก่อนที่ร่างของธีร์จะถูกนำตัวไปโดยบุรุษพยาบาลเพื่อทำการตรวจรักษาในทันที…
…
…
…
หลังจากที่นำเข้าห้องฉุกเฉินไปแล้ว ไม่นานหมอก็เดินออกมาว่าไม่เป็นไรมากแค่ปากแตก ศีรษะแตก กับแขนให้ใส่เฝือกอ่อน มี
อาการช้ำในนิดๆ เพราะโดนเตะซ้ำๆ อยู่ที่เดิม ก่อนที่จะนำไปอยู่ที่ห้องพิเศษตามที่ธินต้องการ แม้ว่าจะดึกมากแล้ว พี่ชายก็ไม่คิด
ที่จะกลับบ้านไป ทั้งๆ ที่มีงานแต่เช้า
ได้แต่นั่งอยู่ข้างเตียง พร้อมกับก่นด่าตัวเองที่ไม่เอาไหน
“ถ้าฉันไม่ทิ้งธีร์ไว้คนเดียว มันก็ไม่เกิดขึ้น” ธินโทษตัวเองอย่างเจ็บใจ
“ไม่เอาน่า ไม่ใช่ความผิดของคุณหรอกธิน”
“ฉันมันเป็นพี่ชายที่แย่ ไม่ว่าครั้งไหนๆ ก็ปกป้องน้องชายตัวเองไม่เคยได้”
“คุณทำดีที่สุดแล้ว”
“ฮึก...ฉันจะบอกพ่อกับแม่ยังไง”
“คุณอย่าพูดเหมือนน้องคุณกำลังจะตายสิครับ คุณธีร์ไม่ได้เป็นอะไรมากหมอก็บอกอยู่ ช้ำในเล็กน้อย ปากแตก หัวแตกนิดหน่อย แขนขวาก็ใส่เฝือกอ่อน แค่รอคุณธีร์ตื่นขึ้นมาในตอนเช้าแค่นั้นเองครับ” พชรปลอบ
“ฉันจะตามไปจัดการพวกมัน ให้สาสมที่มันทำกับน้องชายฉัน!” ธินพูดขึ้นอย่างโกรธแค้น
“ลูกน้องผมจับตัวได้ 2 คน อีก 2 คนหนีไปได้ ยังไงก็ไม่รอดแน่ๆ ครับ พีชจะส่งให้ถึงตำรวจเลย ภาพในกล้องก็ชัดเจน ไม่ยากหรอกนะธิน สบายใจได้ เอาล่ะ ทีนี้ธินก็กลับบ้านอาบน้ำนอนเตรียมเดินทางวันพรุ่งนี้นะ”
“แล้วใครจะดูแลน้องฉัน”
“พยาบาลเยอะแยะครับ เดี๋ยวไปบอกคุณพ่อ คุณแม่ ตอนเช้าท่านก็คงมาอยู่กับคุณธีร์เองแหละครับ”
“ฉันไม่อยากปล่อยให้ธีร์อยู่คนเดียว ที่ผ่านมาฉันไม่เคยดูแลธีร์เลย แต่ตอนที่ฉันป่วยหรือไม่สบาย ธีร์ก็ดูแลฉันตลอด ไม่เอา ไม่ไป ฉันจะยกเลิกงานพรุ่งนี้” ธินพูดเสียงสั่น
เขายอมทิ้งทุกอย่างเพื่อทำอะไรให้น้องชายบ้างก็ยอม
“ไม่เอาน่าธิน งานพรุ่งนี้สำคัญกับธุรกิจของครอบครัวธินเลยนะ เอาอย่างนี้เดี๋ยวพีชโทรตามคุณพัฒน์ให้เอาไหม ให้เขามาดูแล
คุณธีร์ไง” พชรเสนอ
เพราะตอนนี้มีเพียงคนเดียวที่เขาคิดออกก็คือพัฒน์ ถ้าจะให้พ่อแม่ของธินกับธีร์มาก็จะดึกเกินไป ลำบากท่านเปล่าๆ แต่จะติดต่อ
ใครอีกก็ไม่ได้ เพราะเขาก็รู้จักพัฒน์แค่คนเดียว
“เอาอย่างนั้นก็ได้ แต่ถ้ามันไม่มาฉันจะอยู่นะ ธุรกิจก็ช่างมันสิ ยังไงน้องฉันก็สำคัญกว่า”
“โอเคครับ งั้นเดี๋ยวพีชขอไปคุยโทรศัพท์นะครับ เดี๋ยวมา ดูคุณธีร์ดีๆ ล่ะ”
“รู้แล้วน่า”
พชรเดินออกมาตรงระเบียงของห้องพิเศษในโรงพยาบาลที่ธีร์มารักษาตัว ยกโทรศัพท์ค้นหายรายชื่อของพัฒน์ก่อนจะโทรออก
ทันที...
ทางฝั่งพัฒน์ที่กำลังนอนเช็คหุ้นอยู่ก็ต้องขมวดคิ้วอย่างแปลกใจว่าทำไมถึงมีคนโทรศัพท์มาในเวลานี้ แต่เมื่อเห็นชื่อก็ต้องสงสัย
เข้าไปอีก
“ครับ”
(เอ่อ...คุณพัฒน์ครับ ผมขอรบกวนอะไรหน่อยได้หรือเปล่าครับ) ปลายสายเปิดประเด็นด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเกรงใจ ทั้งๆ ที่พัฒน์
ควรเป็นฝ่ายเกรงใจมากกว่าเพราะพชรเป็นลูกค้าของตน
แต่ก็เป็นการยืนยัน ไม่ว่าจะสถานะไหน พัฒน์ก็ดูน่ากลัวจริงๆ
แค่นี้ก็เกร็งจะแย่อยู่แล้ว
“ได้ครับ ตอนนี้คุณพีชอยู่ไหน”
(อยู่โรงพยาบาลครับ)
“เกิดอะไรขึ้นครับ” พัฒน์ถามด้วยความสงสัย
อย่าบอกนะว่าที่จะให้ช่วยคือเรื่องนี้
มีใครเป็นอะไรหรือไง...
(พอดีว่าคุณธีร์ถูกทำร้าย เอ่อ..รุมทำร้ายน่ะครับ ตอนนี้ยังไม่ได้สติอยู่ที่โรงพยาบาล XXX ย่ะ...อยาก...”
“20 นาทีผมจะไปถึง” ยังไม่ทันที่ปลายสายจะพูดจบ พัฒน์ก็พูดแทรกขึ้นก่อน
ยังไม่ทันที่พชรจะบอกจุดประสงค์ เขาก็รู้ได้ทันทีว่าตัวเองต้องทำอะไร
แค่ได้ยินว่าธีร์โดนทำร้ายเขาก็รู้สึกใจเสียมากพอแล้ว กลับต้องมาได้ยินคำว่ารุมอีก ไหนจะคำว่าหมดสติอีก จากที่พัฒน์เป็นคนที่
แต่งตัวเนี้ยบ ดูดีทุกระเบียบนิ้ว ยังใช้เวลาเปลี่ยนชุดไม่ถึง 5 นาที ก่อนจะคว้าของสำคัญอย่างกระเป๋าเงินและโทรศัพท์ออกไป
จากห้องทันที และตรงดิ่งไปยังลิฟต์ทันที
ขอให้ธีร์ไม่เป็นอะไร
เขาขอแค่นั้นจริงๆ
รถคันหรูกระชากตัวออกจากคอนโดด้วยความเร็ว ก่อนจะมาถึงโรงพยาบาลที่พชรบอกก่อน 20 นาทีด้วยซ้ำ ถ้าหากว่ามีตำรวจ
เขาคงถูกจับข้อหาขับรถเร็วเกินอัตราที่กำหนดไปแล้ว
“ห้องไหนครับ” พัฒน์ถามอย่างร้อนรน แต่ก็เก็บอาการได้ดี
(512 ครับ มาถูกนะครับ)
“ครับ”
ร่างสูงกิ่งเดินกึ่งวิ่งไปยังลิฟต์ของโรงพยาบาลทันทีที่วางสายจากพชรไป ซึ่งเมื่อถึงชั้นที่ต้องการแล้ว เขายังต้องมองหาห้องอีก
ซึ่งโชคดีของพัฒน์ที่มันอยู่ถัดจากลิฟต์ไปแค่สองห้อง ไม่ต้องเคาะตู พัฒน์ก็เปิดพรวดเข้าไป เห็นพี่ชายของธีร์นั่งอยู่ข้างเตียง
มองน้องชายที่นอนไม่ได้สติบนเตียงคนไข้
ร่างสูงเดินเข้าไปหา ก่อนจะถามขึ้น
“มันเกิดอะไรขึ้น”
“ไม่รู้ โดนคน 4 คนกระทืบ” ธินตอบ
“ลูกน้องผมโทรมารายงาน ว่าจับตัวคนร้ายได้สองคนส่งให้ตำรวจแล้ว ตำรวจสอบวนได้ว่า พวกมันทำไปเพราะหมั่นไส้และเห็นว่า
เป็นอริกับเพื่อนของพวกมัน” พชรพูดบอกพัฒน์ไป
“เพื่อนมัน ชื่อว่าอะไร” พัฒน์ถามอย่างระงับอารมณ์โกรธ
ถึงแม้ว่าจะไม่รู้หรือคนร้ายไม่เอ่ยปากออกมา เขาก็ตามล่ามันให้ครบ!!!
“เห็นตำรวจบอกว่าชื่อเปรม”
100%

สวัสดีค่า เอาครึ่งหลังมาลงให้แล้วนะคะ ตอนนี้พี่พัฒน์ไม่เด่นหรอกน้า ขอเอา พีชธิน มาเรียกน้ำย่อยก่อน ฮึฮึ ยังไงอ่านแล้วคอมเม้นท์ด้วยนะคะ ไม่มะรืนนี้ ก็วันถัดไปของวันมะรืนจะลงตอนที่ 21 แบบร้อยเปอร์เซ็นให้อ่านนะคะ พูดคุย สอบถาม ทวงนิยาย ได้ที่แฟนเพจเลยนะคะ
https://www.facebook.com/sawachiyuki