เสพติดอันตราย...รักผู้ชายพันธุ์โหด
ตอนที่ 16 (ครึ่งแรก)
ในที่สุดมันก็เป็นแบบนี้ไปได้
ธีร์เริ่มรู้สึกว่าตัวเองกำลังนั่งตัวไม่ค่อยตรง เอนไปเอนมาเหมือนจะล้มอยู่รอมร่อ แต่ก็ต้องกัดฟันทนฝืนต่อไป เพื่อที่จะได้ทำงานให้เสร็จ แม้ว่าการคุยวันนี้มันแค่นิดเดียวเกี่ยวกับรายละเอียดต่างๆ แต่สำหรับคนที่กำลังไม่สบายก็ถือว่านานอยู่ดี
หวังว่า...คงจะไม่เป็นลมต่อหน้าคนอื่นหรอกนะ
“ว่ะ...” ในจังหวะที่พัฒน์กำลังจะถามร่างบางที่นั่งอยู่ข้างกายว่าไหวหรือเปล่า ก็ต้องกลืนคำพูดเหล่านั้นเข้าลำคอคืนไป เพราะ
ใครอีกคนที่คุยงานกันตั้งแต่ 10 โมงจนตอนนี้ก็ผ่านมาชั่วโมงกว่าๆ แล้ว พูดตัดหน้าเขาไปก่อน
ธีร์เลยไม่รู้ว่า ต้นเหตุที่ทำให้ตัวเองต้องไข้ขึ้น ก็เป็นห่วงตนเหมือนกัน
“คุณธีร์เป็นอะไรหรือเปล่าครับ หน้าดูซีดๆ” พชรถามเมื่อสังเกตว่าร่างบางเริ่มที่จะหน้าซีดลง ใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อ ทั้งๆ ที่
อากาศก็ไม่ได้ร้อน
“เปล่าครับ คุยงานกันต่อเลย” ธีร์พูดเพื่อไม่ให้อีกคนไม่สบายใจ
เขาอยากจะคุยให้เสร็จๆ ไป
“ไหวแน่นะครับ”
“ครับ” ธีร์พยักหน้านิ่งๆ ทั้งที่ในใจอยากจะหลับตาเสียให้รู้แล้วรู้รอด
“ตอนนี้ทางคาสิโนที่เหลืออยู่ตอนนี้พร้อมขายใช่หรือเปล่าครับ ราคานี้รวมทั้งตัวคาสิโนและที่ดินแล้วหรือครับ ผมว่าผมให้ราคา
สูงกว่านี้นะ” พชรถามเรื่องของธุรกิจต่อไป
“ใช่ครับ รวมหมดแล้วทุกอย่าง แต่ที่ลดให้เพราะคุณใช้บริการของ PLEUNG ด้วยนี่ครับ ไหนๆ ทางเจ้านายผมก็อยากที่จะวางมือ
แล้ว จะได้มากหรือน้อยก็ไม่สนแล้วล่ะครับ” พัฒน์ตอบ
“คุณดิน คุณเพลิงนี่ท่าทางจะเป็นคนเก่งมาก ผมยังไม่เคยมีโอกาสได้คุยกันเลย”
“ท่านงานเยอะน่ะครับ”
“แต่ผมได้ข่าวมาว่ามีคนขอซื้อเยอะไม่ใช่หรือครับ” พชรถามต่อในสิ่งที่ตนสงสัย
“ครับ แต่ก็เป็นพวกที่ทำงานผิดกฎหมายด้วยน่ะครับ” พัฒน์ยังคงแย่งธีร์ตอบ
ใจเขาน่ะอยากจะให้อีกคนพัก แต่ร่างโปร่งดันไม่ได้คิดแบบนั้น เขากำลังคิดว่า พัฒน์กำลังจะเอาหน้าคนเดียวโดยไม่เปิดโอกาส
ให้เขาพูดเลยทั้งๆ ที่เรื่องนี้เขาเป็นคนดูแลมาก่อนที่จะถูกให้พัฒน์เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องด้วย
“ก็เลยเลือกผม แต่ผมก็ดีใจนะครับ เพราะพื้นที่แต่ละที่ช่างเหมาะกับธุรกิจของผมเหลือเกิน”
“ถ้าเช่นนั้น ตามใบเสนอราคาของคาสิโนทุกสาขานี้ คุณพีชตกลงที่จะซื้อใช่หรือเปล่าครับ” ธีร์ถามขึ้นบ้าง
“แน่นอนสิครับ ผมไม่มีทางปล่อยให้หลุดมือไปหรอก”
“ถ้าอย่างนั้นเราจะนัดวันเซ็นสัญญาซื้อขายกับโอนกรรมสิทธิ์วันไหนดีครับ เอาเมื่อคุณพีชกลับกรุงเทพแล้วนะครับ เพราะพรุ่งนี้
พวกผมก็เดินทางกลับแล้ว” ธีร์รีบพูดรวบรัด เพราะเขาแนบจะไหลไปกับโซฟาแล้ว
“เอาเป็นวันจันทร์หน้าเลยก็แล้วกันครับ ผมสะดวกแล้วก็มีธุระแถว PLEUNG พอดี เอาประมาณบ่ายๆ นะครับ ผมจะเข้าไป” พชร
บอกยิ้มๆ
“โอเคเลยครับ แล้วนี่เป็นแบบเกรดวัสดุต่างๆ ของบริษัทนะครับ ให้คุณพีชเอาไปให้ทีมงานเลือกดูก่อนได้ แล้วแบบกับดีไซน์เรา
จะตกลงกันอีกทีนะครับ หรือคุณพีชจะเริ่มเลยไหมครับ” ธีร์ถาม
“ผมว่าไว้วันหลังดีกว่านะครับ เพราะผมว่าคุณธีร์ไม่น่าจะไหวแล้ว” พชรปฏิเสธ เพราะเสียงของธีร์เริ่มแหบจนพวกเขาได้ยิน
ชัดเจน
“ผมไหว” เถียงออกไป
“ผมว่ามันไม่ไหวแล้วล่ะครับ เมื่อคืนมันแช่น้ำนานไปหน่อย ยังไงคุณพีชมีธุระคุยกับลูกค้าต่ออีกใช่ไหมครับ ผมขออนุญาตพามัน
ไปพักผ่อนก่อนได้หรือเปล่าครับ” พัฒน์ถาม แต่ตาก็มองไปที่ร่างบางที่มองตนด้วยตาที่ปรือๆ เหมือนจะหลับ
“ได้เลยครับ มีอะไรโทรบอกผมได้เลยนะครับ”
“ขอบคุณครับ”
“คุณธีร์ แล้วเจอกันอาทิตย์หน้านะครับ” พชรบอกร่างโปร่งยิ้มๆ
ยิ่งมองก็ยิ่งเหมือนกับพี่ชายของเจ้าตัวเสียจริงๆ
“ครับ สวัสดีครับ” ธีร์พูดเสียงแผ่ว ส่วนพัฒน์ก็ได้แต่ก้มหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงขออนุญาต ก่อนจะจับเข้าที่แขนของธีร์เพื่อดึงให้อีก
คนลุกขึ้น แต่สัมผัสแรกที่เขารู้สึกคือ ความร้อนผ่าวของร่างกายที่บ่งบอกได้อย่างดีเลยว่าร่างโปร่งบางกำลังมีไข้
“ลุก” สั่งเสียงเข้ม ซึ่งธีร์ก็ลุกขึ้นแต่โดยดี โดยมีพัฒน์ประคองไม่ห่าง โดยปกติแล้วธีร์จะไม่ยอมให้ใครถูกตัวเวลาป่วย แต่กับ
พัฒน์เขากลับรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก
แค่ยืนข้างๆ กันตอนนี้ เขาก็รู้สึกดีแล้ว
ในจังหวะที่เขาสองคนเดินเกือบจะถึงบังกะโลของตัวเอง พัฒน์ก็มีความรู้สึกตามสัญชาตญาณในทันทีว่ามีคนซุ่มดูเขาอยู่แถวนี้
แน่ๆ และตอนนี้ก็ไม่ค่อยมีคนด้วย เนื่องจากทางรีสอร์ทมีกิจกรรม คนเขาก็ทยอยไปร่วมกิจกรรมกันส่วนใหญ่ และส่วนมากคนที่
จะพักที่นี่ได้ก็จะมีแต่ระดับฐานะค่อนข้างดี
“แปลกๆ ว่ะ” พัฒน์หันซ้ายขวาหน้าหลัง เพื่อตรวจดูว่ามีใครอยู่หรือเปล่า ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเมื่อเช้าตนหงุดหงิดที่เจโรมีมา
ทำงานต่อให้เสร็จไม่ได้ ทำให้คลาดกับยงยุทธ์ไป
งานเข้าแล้วไง!
เขาหันไปในจุดที่รู้สึกว่ามีคนมองมาจากทิศนั้นก็พบว่าพุ่มไม้สั่นไหวทั้งๆ ที่ไม่ลมเลยสักนิด ก็คิดได้ว่ามันคงจะอยู่แถวๆ นี้ และ
แน่นอนว่าพวกมันได้เปรียบเพราะมีอาวุธมาด้วย แต่พัฒน์กลับพกมันมาแต่เอาไว้ในรถ ไปเอาก็คงไม่ทัน จะหนีกลับก็คงไม่ได้ ใน
เมื่อธีร์ยังคงเดินไม่ค่อยไหวแบบนี้
“ทำไมมึงต้องมาป่วยตอนนี้ด้วยวะ” พัฒน์บ่นอย่างหงุดหงิด พยายามแสร้งทำเป็นลืมของเพื่อจะเดินกลับไปยังทางเดิม เพราะ
อย่างน้อย ไปจุดที่คนพลุ้งพล่าน มันปลอดภัยกับเขาสองคนมากกว่า แต่ไม่รู้ว่าชีวิตของเขาสองคนถึงฆาตแล้วหรืออย่างไร ยง
ยุทธ์กับลูกน้องอีกคนก็ออกมาจากที่ซ่อนพร้อมใช้ปืนขู่
“อยู่เฉยๆ จะหนีไปไหนล่ะ” ยงยุทธ์ถามเสียงเย้ยหยัน พัฒน์ก็ประคองธีร์หันกลับมา ร่างโปร่งที่สภาพใกล้หมดแรงมองหน้ายง
ยุทธ์นิ่งๆ แต่ในใจก็รู้สึกอยากจะเข้าไปต่อยให้หายหงุดหงิด
เขาหงุดหงิดตัวเองที่ต้องมามีเรื่องกับอีกคนในสภาพแบบนี้จริงๆ
“คิดจะขายคาสิโนให้ใคร ฉันบอกแล้วไงว่าฉันอยากจะได้ แต่พวกแกก็พากันปฏิเสธ ทำไม ได้เงินจากฉันนี่พวกแกไม่อยากได้
หรือไง ฉันก็ให้ราคาสูงกว่า แต่พวกแกก็กลับปฏิเสธมัน” ยงยุทธ์พูดออกมาอย่างโกรธแค้นที่ไม่ว่าเขาจะทำวิธีไหน เขาก็ไม่
สามารถที่จะต่อร้องขอซื้อมันมาได้เลย
“ก็เงินของแกมันสกปรก เอามาก็เป็นเงินร้อน ทำอะไรก็ไม่ขึ้น” ธีร์ตอบทั้งๆ ที่สังขารตัวเองแทบจะไม่ไหว ต้องมีพัฒน์พยุงตลอด
เวลา
“สภาพของนายตอนนี้ไม่มีทางที่จะสู้พวกเราได้หรอก ฉันสองคนมีปืน ส่วนพวกแก ฮ่าๆ งานนี้ฉันชนะเห็นๆ” ยงยุทธ์หัวเราะออก
มาอย่างสะใจ
เขาชอบความรู้สึกที่อยู่เหนือคนอื่นเสียจริงๆ
“แล้วแกคิดว่าทำอะไรพวกฉันไป แล้วจะได้งั้นหรือ” พัฒน์ถามไปด้วยสีหน้านิ่งๆ ไม่มีความรู้สึกกลัวหรืออะไรเลยสักนิด
อย่างเขาไม่กลัวอะไรอยู่แล้ว แค่ลูกปืน...โดนมาหลายครั้งแล้วล่ะ
“หึหึ...ฉันมีวิธีของฉันล่ะนะ” พูดตอบด้วยน้ำเสียงที่มีเลศนัยมองธีร์อย่างเล้าโลม จนธีร์หันหนีด้วยความรังเกียจ ด้วยการกระทำ
เช่นนั้นเองที่ทำให้ยงยุทธ์โมโหจนเลือดขึ้นหน้า
“เชิดไปเถอะ สักวันนายจะต้องร้องขอฉัน”
“ฉันล่ะอยากจะรู้จริงๆ ว่าไอ้วันนั้นน่ะ มันจะมาในชาติไหน” ธีร์ยังคงปากดีต่อไป แม้ว่าตัวเองจะไข้ขึ้นก็ตาม
“ปากดี กำลังจะตายอยู่แล้วนะมึง” พัฒน์กระซิบด่าเบาๆ
“เรื่องของกู” แต่ธีร์ก็ไม่สนใจ
“ถ้ายังไม่อยากตาย ก็อยู่เงียบๆ ไปซะ กูให้ทำอะไรมึงก็ต้องทำ เข้าใจนะ” พัฒน์ถามแกมบังคับ
“เออ...เคยขัดอะไรมึงได้ที่ไหน” ธีร์ตอบเบาๆ
“เฮ้ย!! กระซิบกระซาบอะไรกันต่อหน้าฉัน คิดจะหนีหรือไง บอกไว้ก่อนถ้าหนีนี่ยิงจริงๆ” ยงยุทธ์ขู่ออกไป เพราะคิดว่าทั้งสองจะ
ต้องกลัวอย่างแน่
“ต่อให้แกยิงพวกเรา แกก็จะไม่มีสิทธิได้ที่ที่แกอยากได้ เพราะคุณดินคุณเพลิง เขาส่งมอบคาสิโนตรงนั้นให้กับฉันกับไอ้ธีรคนละ
ครึ่งแล้ว ซึ่งมีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรด้วย” พัฒน์บอกไปด้วยความใจเย็น แต่คนที่ตัวเริ่มร้อนขึ้นเนื่องจากพิษไข้ก็หันมา
มองพัฒน์อย่างสงสัย
เพราะเขาไม่รู้มาก่อนว่าผู้เป็นนายจะโอนมาเป็นของพวกเขาแล้ว
“ม่ะ ไม่จริง” ยงยุทธ์ส่ายหน้าไปมาอย่างไม่เชื่อ
“จริง ต่อให้แกฆ่าเราสองคนก็ไม่มีทางได้”
“หยุดพูดไปเลยไอ้พัฒน์ ยังไงฉันก็ต้องเอามาให้ได้” ยงยุทธ์บอกอย่างไม่ยอมแพ้ “พาพวกมันไปที่รถ ฉันจะเอามันไปขังไว้
จนกว่าพวกมันจะยอมขายให้ฉัน” หันไปสั่งลูกน้องที่มาด้วย ซึ่งลูกน้องของยงยุทธ์ก็เข้าหาพัฒน์กับธีร์ก่อนจะใช้ปืนขู่ยิงให้ทั้งคู่
เดินไปที่ด้านหลังรีสอร์ทที่เป็นป่า เขาแอบเอารถไปจอดไว้ที่ถนนใหญ่หลังป่า เพราะรู้ว่าวันนี้รีสอร์ทจัดงานที่ด้านหน้า ทำให้ยาก
ลำบากต่อการพกปืนขู่ทั้งสองคนแน่ๆ
พัฒน์เดินล้วงกระเป๋าข้างหนึ่ง ทำอะไรบางอย่างอยู่ในกระเป๋ากางเกงนั่น ไม่มีใครรู้และจับได้หรือสงสัยแต่อย่างใด ก่อนที่เขาจะ
เดินประคองธีร์ไปด้วย
ธีร์พยายามที่จะเดินด้วยตัวเอง ผลักพัฒน์ให้ออกห่างจากกายเพราะเริ่มรำคาญและหงุดหงิด ซึ่งทั้งหมดก็มาจากพิษไข้ทั้งนั้น
“ปล่อยจะได้ไหม กูรำคาญ” ธีร์หันหน้าแดงมาตะคอกใส่ร่างสูงที่เดินจับนั่นนี่เพื่อไม่ให้ธีร์ล้ม
“ปล่อยมึงก็ล้ม เจียมสังขารบ้าง” พัฒน์ด่ากลับ
“กูหงุดหงิด ไม่ชอบให้มาถูกตัว เข้าใจไหม!” ขึ้นเสียงอีกหน่อย
“ถ้าอยากตายกูจะปล่อยแล้วทิ้งให้มึงอยู่ที่นี่แหละ” พัฒน์ขู่ แต่หารู้ไม่ว่าร่างโปร่งไม่มีทางเชื่อหรอกว่าคนอย่างพัฒน์จะทิ้งเขา
ต่อให้เกลียดกันขนาดไหน ก็ไม่ถึงกับจะฆ่าจะแกงกันหรอก
“ไอ้ยงยุทธ์มันไม่ยอมทิ้งฉันไว้หรอกน่า” ธีร์บอกอีกคนออกไปยิ้มๆ อย่างมีชัย แม้จะเป็นชัยเล็กๆ ที่อยู่ท่ามกลางความอันตรายก็
เถอะ
“หึ...เสน่ห์แรงเหลือเกินนะ ไง สนใจจะไปอยู่กับมันใช่ไหมล่ะ คนอย่างมึงก็คงจะเห็นแก่เงินมากกว่าบุญคุณของคุณเพลิงอยู่แล้ว
ใช่ไหม” พัฒน์ที่โดนยั่วโมโหเล็กน้อยก็เริ่มเดือนพูดจาดูถูกธีร์ออกไป ทำให้ธีร์มองหน้าคนพูดด้วยแววตาที่แสนจะน้อยใจ
เขามันก็ได้แค่นี้ใช่ไหม ทำอะไรดีๆ ไม่เคยเห็นค่า แต่พอพลาดท่าขึ้นมาก็ซ้ำเติมกัน
“ใช่! กูอยากจะไปกับมันจะแย่แล้ว กูอยากสุขสบายกับเงินสกปรกๆ ของมันจะแย่ ทีนี้มึงก็ปล่อยมือจากแขนกูได้แล้ว มีปัญญา
เดินเองได้” ธีร์สะบัดแขนอย่างแรงจนมือที่จับอยู่ที่แขนหลุดออกไป เขาเดินจ้ำอ้าวไปข้างหน้าที่มียงยุทธ์เดินนำอยู่ไกลมากไป
ส่วนลูกน้องของยงยุทธ์ก็ถือปืนขู่ด้านหลัง
รอบตัวมีแต่ป่า หนีไปทางไหนก็ลำบาก
ธีร์เวียนหัวจนแทบไม่อยากเดินต่อ แต่ก็ต้องกัดฟันฝืนเดินไป เผื่อถึงถนนใหญ่แล้ว จะหาคนช่วยพวกเขาได้ ไม่ว่าจะเป็นใคร ก็ขอ
ให้มีคนช่วยเขาด้วยเถอะ
“อึก...”
พัฒน์มองปฏิกิริยาของธีร์อยู่เป็นพักๆ เพราะกลัวว่าอีกคนจะล้มพับลงไปมันจะลำบากต่อการหาทางหนีอีก สำหรับเขานั้นเขามี
ทางหนีอยู่แล้ว แต่ว่าร่างกายของธีร์ มันไม่ใช่สภาพที่พร้อมจะทำอะไรที่เหนื่อยๆ เลยสักนิด
ไหนจะแดดที่ร้อนจ้าแบบนี้อีก เดินอยู่กลางป่า ระยะทางที่เดินเอาๆ ทำให้ธีร์หมดแรงเรื่อยๆ แน่ และอาจจะหมดแรงเลยก็ได้ถ้า
ไปถึงถนนใหญ่ ถึงคราวนั้น
ก็ไม่มีทางหนีได้...
“พวกแกอย่ามัวแต่คุยกันนะ ถึงจะคิดแผนหนียังไงก็ไม่มีทางรอด เพราะลูกน้องฉันอีก 2 คนอยู่เฝ้าที่รถ” ยงยุทธ์หันมาพูดบอก
ด้วยท่าทางที่บอกว่าตัวเองอยู่เหนือกว่า
พัฒน์ฉุกคิดขึ้นได้ทันทีว่าถ้ารอให้ถึงรถพวกมันก่อนแล้วจะสู้เพื่อชิงเอารถหนี แต่แผนนี้ต้องเปลี่ยนเพราะคนของพวกมันเยอะกว่า
พรึ่บ!!
“เฮ้ย! อั่ก!” ในจังหวะที่ยงยุทธ์หันกลับไปด้านหน้า ธีร์ก็จัดการเดินให้เร็วที่สุดเพื่อที่จะไปถึงตัวของยงยุทธ์ให้ได้ ก่อนจะใช้กำลัง
ทั้งหมดที่มีถีบเข้าที่กลางหลังจนยงยุทธ์เสียหลักล้มลงกับพื้นพร้อมกับปืนที่กระเด็นออกไปไกลจากตัวเอง พัฒน์ที่เห็นดังนั้นก็
พลิกตัวมาหาลูกน้องของยงยุทธ์แล้วจัดการเตะที่กลางลำตัวไปเต็มแรงจนถึงกับกระเด็นไปติดต้นไม้ใหญ่ข้างๆ พัฒน์ตามไปกด
ตัวของลูกน้องยงยุทธ์ให้แนบกับต้นไม้ใหญ่แรงๆ จนมันร้องขอด้วยความเจ็บ
“โอ้ย!! เจ็บๆ ปล่อยผมเถอะครับ”
พัฒน์หักข้อมือจนปืนหลุดออกไป ซึ่งเขาก็รีบต่อยสุดแรง แล้วผลักมันออกไปจนสลบไปก่อนจะเก็บปืนนั้นขึ้นมาเป็นอาวุธของตัว
เอง ก่อนจะหันไปมองทางฝั่งธีร์ซึ่งตอนนี้ร่างผอมโปร่งกำลังนั่งพิงกับต้นไม้อยู่อย่างหมดแรง ยงยุทธ์ที่กำลังวิ่งไปหยิบปืนของตน
มาก็รีบวิ่งไปอย่างสุดแรงเช่นกัน พัฒน์เห็นดังนั้นก็รีบวิ่งไปหาธีร์ ซึ่งธีร์ก็มองร่างสูงเล็กน้อยแล้วหลับตาไปด้วยความเหนื่อย
“อย่าเพิ่งหลับนะเว้ย!” พัฒน์ตบหน้าเรียกสติ
“อือ...กูแค่หลับตาเฉยๆ” เสียงของธีร์เริ่มแหบ
“พวกแกทำฉันเจ็บแสบมากเลยนะ” ยงยุทธ์ที่เก็บปืนของตัวเองได้แล้วก็ตะโกนออกมาเสียงกร้าว เอาปืนจ่อมาที่พวกเขาสองคน
ก่อนจะเดินมาหาอย่างช้าๆ ทางด้านพัฒน์ก็เอาปืนซ่อนไว้ก่อนไม่ให้ยงยุทธ์รู้ว่าเขาก็มีปืน
ถ้าเป็นอย่างนั้นเขาคงจะโดนเล่นงานแน่ๆ
“หึ พวกแกมันโง่ที่มากันแค่สองคนไง พวกฉันก็ไม่อ่อนหัดขนาดที่พวกแกจะดูถูกได้” พัฒน์พูดออกไปด้วยความโมโห และโกรธ
เป็นอย่างมาก
ถ้าฆ่าได้ เขาก็ทำไปนานแล้ว
ถึงจะเคยเกเร เสเพลมาก่อน มีเรื่องชกต่อยไม่เว้นแต่ละวัน แต่สิ่งหนึ่งที่เขาไม่เคยทำและไม่คิดจะทำก็คือการฆ่าคน ที่ไม่ทำอะไร
เขาก่อน แต่ถ้ายงยุทธ์คิดจะฆ่าพวกเขา
แน่นอนว่าพัฒน์...จำเป็นต้องวิสามัญ
“งั้นก็ตายอยู่ที่นี่ซะเถอะ” ยงยุทธ์เตรียมยิง เขาไม่สนใจอะไรแล้วทั้งนั้น
“เดี๋ยว!” เสียงของธีร์ขัดขึ้นมา มองหน้ายงยุทธ์เล็กน้อย ก่อนจะมองหน้าพัฒน์นิ่งๆ
“มีอะไร”
“เอาตัวฉันไป แล้วปล่อยไอ้พัฒน์ไปซะ ฉันจะยกคาสิโนที่ฉันมีครึ่งหนึ่งให้” ธีร์ต่อรอง ซึ่งมันทำให้พัฒน์จ้องหน้าเขาเขม็ง แต่ธีร์ก็
ไม่ได้สนใจ
“แน่ใจนะ”
“เออ...ฉันจะยกให้ แต่ต้องปล่อยมันไป” ธีร์ต่อรอง
เขาไม่ได้อยากจะทำแบบนี้ แต่ถ้าหากว่าเขายังไม่ทำอะไรสักอย่างล่ะก็ เขาจะพาพัฒน์ไปลำบากด้วย ซึ่งธีร์ไม่ยอมให้ใครมาลำบากเพราะตนแน่ๆ
จะเกิดอะไรก็เกิด แต่ขออย่างเดียว...
อย่าต้องให้มีใครเดือดร้อนเพราะเขาอีกเลย…
ธีร์เองก็ไม่รู้หรอก ว่าพัฒน์จะคิดว่าเขาเห็นแก่เงินหรือว่าอะไรหรือเปล่า แค่เขาไม่ต้องเป็นตัวถ่วงใครแค่นั้นก็พอแล้ว...
“ถ้าอย่างนั้นก็ได้ แต่แน่ใจนะว่าแกจะไม่ตามลูกน้องไปช่วยแกทีหลัง” ยงยุทธ์ถามอย่างระแวง
“ไม่หรอก คนอย่างฉัน ไม่มีใครมาช่วยหรอก” ธีร์บอกออกไปเสียงแผ่ว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะพิษไข้หรืออย่างไรถึงทำให้จิตใจของธีร์
อ่อนแอถึงเพียงนี้
แต่ก่อนที่ธีร์จะรู้สึกสิ้นหวังไปมากกว่านี้ ก็รู้สึกถึงหัวใจที่เต้นอย่างรัวเร็วเมื่อเห็นว่ามีคนเดินมาทางด้านหลังของยงยุทธ์ แม้ว่าจะ
ไม่รู้ว่ามาช่วยเขาหรือเปล่า แต่คนตัวใหญ่ๆ คนนั้น มีโครงหน้าที่คล้ายกับคนที่ดูแลเขาอยู่ตอนนี้
ช่างดูคล้ายกับพัฒน์เลยเกิน
คนที่ดูแลเขาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความหงุดหงิดและโมโหคนนี้... แค่เหมือนกับคนๆ นี้ เขาก็อุ่นใจแล้ว
“ทำไมจะไม่มี!”
50%

ตอนที่ 16 ครึ่งแรกจ้า อ่านให้สนุกนะคะ บางช่วงอาจจะแปลกๆ ไปบ้าง เพราะยังไม่รีไรท์ ไม่ได้เกลา ไม่ได้อ่านซ้ำ กลัวไม่ทันใจคนอ่าน 555+ ให้กำลังใจยูกิด้วยนะคะ ขอบคุณค่า
https://www.facebook.com/sawachiyuki