ตอนที่ 14 ครึ่งหลัง
บรรยากาศรอบๆ รีสอร์ทที่ล้อมไปด้วยป่า เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบธรรมชาติและป่าไม้เป็นอย่างดี ทั่งร่มเย็น ทั้งสดชื่น ทำให้ธีร์ที่เพียงก้าวเท้าเข้าไปตัวรีสอร์ทถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตะลึงในความสวยงามของรีสอร์ทแห่งนี้
“ข้างนอกสวยแล้ว ตัวรับรองแขกสวยกว่าอีก แล้วตามบังกะโกจะเป็นยังไงเนี่ย คงจะหรูสมราคาแน่ๆ” ธีร์พึมพำด้วยความตื่นเต้น
มือก็ถือกระเป๋าเดินตามพัฒน์ไม่ห่าง
“อย่ามัวแต่ตื่นเต้น มาทำงานนะไม่ใช่มาเที่ยว” พัฒน์ต่อว่า
“อ้าว ก็คุณดินคุณเพลิงบอกเองว่าให้มาเที่ยว หึหึ กลับตั้งมะรืน ก็เหมือนเที่ยวแหละวะ” ธีร์เถียง
“ไม่ทราบว่าได้จองไว้หรือเปล่าคะ” ประชาสัมพันธ์ถามเสียงหวาน เห็นหนุ่มหล่อทั้งสองคนแล้วเธอ แล้วแผงอกล่ำๆ ของพัฒน์
อีก เธออยากจะเข้าไปซบยิ่งนัก ไหนจะคนขาวๆ ที่หุ่นน่ากอดนั่นอีก
ช่วงนี้มีแต่ลูกค้าผู้ชายหน้าตาดีจริงๆ
“จองไว้ครับ” ธีร์ตอบยิ้มๆ เป็นการหว่านเสน่ห์ไปในตัว
“ในนามคุณอะไรคะ” ถามกลับด้วยใบหน้าที่แดงซ่าน
“ธีรไนยกับพีรพัฒน์ครับ” ธีร์ยังคงทำหน้าที่ตอบคำถาม แต่คราวนี้เท้าแคนลงกับเคาท์เตอร์ด้วยท่าทางที่ทำให้สาวๆ แถวนั้นถึง
กับใจละลาย
“ส่ะ...สักครู่นะคะ” เธอบอกเสียงสั่น ก่อนจะก้มหน้าหาข้อมูลการจองด้วยชื่อที่ธีร์บอก
“รอได้เสมอครับ” ทางนี้ก็ไม่หยุดหยอดสาวเสียที เลยได้รับแรงตบที่ศีรษะเบาๆ จากคนที่ยืนข้างๆ ธีร์หันไปมองคนทำตาขวางแต่
ร่างสูงที่อยู่ในชุดไพรเวทสบายๆ กางเกงขายาวเข้ารูปกับเสื้อคอวีสีขาวตัวกว้างที่โชว์แผ่นอกแข็งแกร่งและกำยำทับด้วยเสื้อคลุม
ราคาแพงสีดำ
ดูดีสุดๆ เลยวันนี้
ก็เลยไม่อยากจะมองมันไงเล่า มองแล้วหน้าร้อนแปลกๆ มันดูดี ดูเท่ห์เกินไป ทั้งๆ ที่ใส่แค่ชุดธรรมดานะเนี่ย...
แต่ธีร์ก็ใช่ย่อย กางเกงยีนส์สีดำรัดรูป กับเสื้อคอปกสีฟ้าอ่อนยี่ห้อดังสบายๆ ทำให้ธีร์ดูเหมือนคุณชายเข้าไปใหญ่ แต่ความเป็น
จริงก็เหมือนกับบุคลิกของธีร์นั่นแหละ เป็นคุณชายแห่งอมรไพพิจิตร
“ขอโทษนะคะ ไม่มีชื่อคุณธีรไนยในระบบค่ะ มีแค่คุณพีรพัฒน์ค่ะ จองเอาไว้เป็นบังกะโล เตียงเดี่ยว 2 เตียงค่ะ ถูกต้องนะคะ”
ธีร์เตรียมจะแย้ง แต่พัฒน์ก็จัดการพูดตัดหน้าไปก่อน
“ตามนั้นเลย” ได้ยินแบบนั้นเธอก็จัดการบันทึกการเช็คอินแล้วยื่นกุญแจบังกะโลมาให้ ก่อนจะผายมือไปยังพนักงานที่จะพาไปยัง
ที่พัก ธีร์เองก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่เดินหน้าบูดตามร่างสูงไป
เอาอีกแล้วนะเจ้านาย หักหลังกันอีกแล้ว...
“มีอะไรโทรศัพท์เรียกพนักงานตามเบอร์ที่แจ้งไว้ข้างโทรศัพท์เลยนะครับ ผมขอตัวก่อนนะครับ” พนักงานชายเดินเอากระเป๋า
ของพัฒน์กับธีร์เข้าไปในตัวบังกะโล ก่อนจะพูดบอกกับทั้งคู่แล้วขออนุญาตออกมา
ธีร์กับพัฒน์ยืนมองหน้ากันสักพัก ก่อนที่ธีร์จะเป็นฝ่ายยอมแพ้เดินถือกระเป๋าของตัวเองไปทิ้งไว้ในตู้ โดยไม่รื้ออะไรออกมาสัก
อย่าง แล้วเดินไปเลือกเตียงนอนของตัวเองทันที ซึ่งพัฒน์ก็หยิบเสื้อผ้าที่จะใส่ในช่วง 3 วัน 2 คืนมาแขวนไว้ในตู้เดียวกันกับธีร์
ก่อนจะเอาของส่วนตัวยิบย่อยไปทิ้งที่เตียงของตน
“ห้ามละเมอมาที่เตียงกูนะ” ธีร์สั่งด้วยใบหน้ากระเง้ากระงอด
“บอกตัวเองเถอะ”
“กูไม่ใช่คนนอนละเมอ”
“กูก็เหมือนกัน” พัฒน์บอกเสียงเรียบ
จากนั้นต่างคนก็ต่างเงียบไปทันทีที่เถียงกันพอหอมปากหอมคอเสร็จแล้ว
“นัดกินข้าวกับคุณพีชกี่โมง” ธีร์ถามขึ้น
“ตอน 5 โมงเย็น” พัฒน์ตอบ
“อือ”
แล้วก็เงียบกันไปอีก...ธีร์นอนกลิ้งไปกลิ้งมาด้วยความเบื่อหน่าย อยู่กับพัฒน์ก็เอาแต่เงียบ ถ้าไม่ถามก็ไม่พูดด้วย เพราะฉะนั้น
แล้ว กว่าจะถึงเวลานัด ก็อีกตั้งหลายชั่วโมงเพราะนี่ก็แค่บ่ายโมงกว่าๆ
ก็คงต้องไปค่าเวลาด้วยการเดินเล่นแล้วล่ะมั้ง
“จะไปไหน” พัฒน์ถามขึ้นเมื่อเห็นอีกคนเดินไปที่ประตู
“เที่ยว” ตอบไปสั้นๆ
“ก็ระวังตัวหน่อยก็แล้วกัน” พัฒน์พูดแต่ไม่มองหน้า
“ทำไม เป็นห่วงหรือไง” ถามอย่างล้อๆ
“เปล่า...เดี๋ยวทรัพย์สินเขาเสียหาย ขี้เกียจตามรับผิดชอบ”
“ไอ้เว่อร์ กูไม่ได้โง่ขนาดนั้นนะเว้ย ไปดีกว่า เบื่อหน้ามึง” ธีร์สะบัดหน้าหนีแล้วเดินเปิดประตูออกจากที่พักทันที ส่วนร่างสูงก็ได้
แต่นอนส่ายหน้าไปมาอยู่บนเตียง ก่อนจะอ่านอีเมลงานทั้งหมด แล้วสั่งงานผ่านระบบออนไลน์
ลมหายใจเข้าออกของพัฒน์คือทำงาน แม้ว่าปฐพีจะมาให้เที่ยวด้วยส่วนหนึ่ง แต่เขาก็เลือกใช้เวลานี้ไปกับการทำงานดีกว่า
แต่สำหรับธีร์คือการมาเที่ยวก็คือเที่ยว งานก็เอาไว้กลับไปค่อยทำ การพักผ่อนสำคัญที่สุด
“บรรยากาศดีมากๆ เลยว่ะ น่าจะพาไอ้อินมาด้วย” ธีร์เดินมองไปรอบๆ อย่างชื่นชอบ สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อรับเอาออกซิเจน
เข้าปอดให้มากที่สุด
“วันนี้ผมมาพักผ่อนนะ ไหนจะมีนัดทานข้าวกับลูกค้าตอนเย็นด้วย วันนี้ไม่สะดวกหรอก อยู่ที่ไหนก็ได้ คุณไม่จำเป็นต้องรู้หรอก”
ธีร์แอบหลบให้กับผู้ชายตัวใหญ่กว่านิดๆ และสูงกว่าเขา น่าจะประมาณพัฒน์ได้ กำลังเดินคุยโทรศัพท์ด้วยสีหน้าที่หงุดหงิดเต็ม
ที่ แต่ก็เหมือนจะหลบไม่พ้น เพราะมือที่เขาใช้ประกอบท่าทางดันฟาดโดนธีร์อย่างแรงในจังหวะที่ธีร์เดินเลี่ยง
เพี๊ยะ!!
“ผมขอโทษครับ เป็นอะไรหรือเปล่าครับเนี่ย แค่นี้ก่อนนะคุณผมเดินชนคนน่ะ เอาไว้เดี๋ยวโทรกลับนะ” เขาหันไปพูดกับปลาย
สายต่อ แล้วเขาก็เอาโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกงไป
“ไม่เป็นไรครับ โดนแค่นี้ไม่เจ็บหรอก ผมผู้ชายบึกบึนครับ” คำว่าบึกบึนของธีร์ทำให้ผู้ชายที่ฟาดมือให้แขนของเขาถึงกับมอง
สำรวจทันที
ก็หุ่นผู้ชาย แต่ดูยั่วยวนแปลกๆ คล้ายใครสักคนที่เขารู้จัก
“แต่ผมก็ต้องขอโทษจริงๆ ครับ พอดีว่าโมโหไปหน่อย”
“ไม่เป็นไรครับ ถ้างั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” ร่างโปร่งทำท่าจะเดินปลีกตัวออกมา แต่ก็ต้องชะงักอยู่กับที่เมื่อโดนเรียกเอาไว้
“เดี๋ยวก่อนสิครับ”
“ครับ? มีอะไรหรือเปล่าครับ” ธีร์ถามอย่างสงสัย
ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรแล้วนี่นา...จะเรียกเราไว้ทำไม หรือว่าเราทะอะไรหล่นไว้หรือเปล่า
“คุณชื่ออะไรครับ ผมชื่อพชรนะครับ เรียกพีชก็ได้รับ” ได้ยินชื่อดังนั้นแล้วธีร์ถึงกับตากว้างด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าโลกจะกลม
กันขนาดนี้
เพราะคนที่เขากำลังคุยอยู่ตอนนี้ก็คือลูกค้าที่เขากำลังจะมาคุยเรื่องการซื้อขายที่กับคาสิโนนี่ล่ะ
“ผมธีรไนยครับ ลูกน้องของคุณเพลิง” ธีร์แนะนำพลางยื่นมือเข้าไปเช็คแฮนด์กับร่างแกร่งที่ยื่นมาก่อนแล้ว
“โอ้! คุณคือคนที่ผมจะต้องคุยงานด้วยสินะครับ บังเอิญจริงๆ เลย” พชร เขย่าแขนร่างโปร่งด้วยความยินดี เพราะไม่คิดว่าคนที่
เขากำลังสนใจอยู่จะเป็นคนเดียวกับคนที่เขาจะคุยงานด้วย
สนใจที่ว่าไม่ใช่ในเชิงชู้สาวแต่อย่างใด แต่เป็นความสนใจที่บอกไม่ถูกเหมือนกัน
“ยินดีที่ได้เจอนะครับคุณพีช”
“ครับคุณธีรไนย”
“ธีร์เฉยๆ ก็ได้ครับ”
“ว่าแต่ว่าคุณธีร์นามสกุลอะไรหรือครับ หน้าคุ้นๆ เหมือนผมเคยเห็นที่ไหนมาก่อน เอ่อ...นี่ไม่ใช่มุกจีบนะครับ ผมรู้สึกอย่างนั้น
จริงๆ” เขารีบอธิบายเพราะใบหน้าของธีร์เริ่มจะหาเรื่องแล้ว แต่เมื่อได้ยินเช่นนั้นธีร์ก็บอกไปอย่างช่วยไม่ได้ แต่อารมณ์ก็ยังไม่
คงที่อยู่
“อมรไพพิจิตรครับ”
“ถ้าอย่างนั้นคุณก็เป็นน้องชายของธินใช่ไหมครับ”
“คุณรู้จักพี่ชายผมได้ยังไง” ถามไปด้วยความสงสัย
“ฮ่าๆ โลกกลมจริงๆ นะครับเนี่ย ผมเป็น เอ่อ...เพื่อนของธินเขาน่ะครับ” ตอบกลับมาด้วยรอยยิ้ม
“หรือครับ แต่ทำไมผมไม่เคยเห็นหน้าคุณมาก่อนเลยล่ะ”
“เพิ่งรู้จักกันน่ะครับ”
“แต่พี่ธินน่าจะเป็นพี่คุณอีกนะ ทำไมเป็นเพื่อนกันได้” ธีร์ยังคงถามในสิ่งที่สงสัยอยู่
“คือจริงๆ แล้ว” พชรอึกอักเล็กน้อย มองไปตามสวนเพื่อมองดูว่ามีคนอยู่แถวนี้หรือเปล่าก่อนจะสารภาพบางอย่างออกมาจนทำ
ให้ธีร์ถึงกับอ้าปากค้าง
“ผม...” บอกเสียงเบาราวกับกระซิบ แต่ธีร์ก็ได้ยินมันอย่างชัดเจนจนตกใจไปเลย ไม่คิดว่าพี่ชายจอมดื้อด้านอย่างพี่เขาจะรู้จักกับ
คนๆ นี้ได้
ทั้งๆ ที่งานมันคนละสายกัน
“จริงหรือครับ”
“ค่ะ ครับ”
“อ่า...ผมว่ามันเป็นเรื่องของคุณสองคนนะ เอาเป็นว่าผมเอาใจช่วยนะครับ แต่ตอนนี้ผมขอตัวไปเดินเล่นก่อนนะครับคุณพีช” ธีร์
ขอตัวออกมากทั้งๆ ที่ตัวเองก็กำลังอึ้งกับสิ่งที่พชรบอกเมื่อกี้
“เชิญครับ ยังไงก็เจอกันเย็นนี้นะครับ”
“ครับ”
สะตงสะติไม่มีมันแล้วตอนนี้ ช็อคกับโลกใบนี้ไปเสียแล้ว...
อีกทางด้านของพุ่มไม้ใหญ่ มีคนสองคนที่น่าสงสัยกำลังซุ่มมองดูร่างโปร่งอยู่ แต่ไม่เข้าไปหาหรือทักทายเสียที เพราะกลัวอีก
คนจะรู้
“ธีร์ แล้วนายจะรู้ว่า อย่ามาเล่นกับคนอย่างฉัน” ยงยุทธ์ที่แอบตามมาที่นี่มองร่างโปร่งที่กำลังเดินเล่นด้วยความรู้สึกคับแค้น ตั้งใจ
แน่วแน่แล้วว่าต้องเอาธีร์มาเป็นนางบำเรอของตนให้ได้
“ไปหาที่พักกัน รีสอร์ทบ้าอะไร ไม่จองพักไม่ได้”
“ครับคุณยุทธ์”
ทั้งสองยอมถอยออกไป เมื่อเห็นแน่ชัดแล้วว่าธีร์กับพัฒน์มาพักกันอยู่ที่นี่จริงๆ แล้วไอ้คนที่เพิ่งจะเดินออกไปนั้น ก็คือคนที่พวก
นั้นจะมาเจรจาซื้อขายที่กับคาสิโนเป็นแน่แท้
“แกขายให้ใครไม่ได้นอกจากฉัน!!”
…
…
…
ณ ห้องอาหารของรีสอร์ท
บรรยากาศเต็มไปด้วยความสดชื่นของธรรมชาติละป่าไม้ พร้อมกับเมนูแนะนำของทางรีสอร์ทที่ถูกนำมาวางไว้เกือบจะทุกอย่าง
พัฒน์โค้งให้กับพชรเล็กน้อยก่อนจะผายมือให้พชรนั่ง ซึ่งธีร์ก็โค้งไปพร้อมๆ กับพัฒน์พอเป็นพิธี
“สวัสดีครับคุณพีช ผมพีรพัฒน์นะครับ เรียกพัฒน์ก็ได้ ตัวแทนจากคุณดิน” พัฒน์แนะนำตัวพ้อมกับยื่นมือไปข้างหน้า
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
“เชิญตามสบายเลยนะครับ” พชรบอก
พัฒน์กับธีร์นั่งลงฝั่งตรงข้ามกับพชร พัฒน์ก็ก้มลงถามข้างหูของธีร์ว่าทำไมไม่แนะนำตัว จะเสียมารยาทไปถึงไหน
“ผมกับคุณธีร์ พอดีว่าเราสองคนรู้จักกันแล้วน่ะครับ” พัฒน์หันมามองหน้าคนพูดเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองธีร์เพื่อถามด้วย
สายตาว่าจริงหรือเปล่า
“ตอนไหนหรือครับ” พัฒน์ถาม
“เมื่อตอนบ่ายกว่าๆ น่ะครับ บังเอิญเจอกัน แล้วคุณธีร์ก็หน้าคุ้นๆ เหมือนคนที่ผมรู้จักด้วย ไม่คิดว่าจะเป็นน้องชายของธิน
เอ่อ...พี่ชายของคุณธีร์น่ะครับ ผมเป็นเพื่อนของธิน” พชรอธิบายและชี้แจงให้พัฒน์ฟัง
“ครับ” พัฒน์หันมามองธีร์ด้วยสายตาดุๆ รู้สึกไม่ชอบใจขึ้นมาอย่างประหลาด
“หว่านเสน่ห์อีกแล้วสินะ” พัฒน์กระซิบลงข้างหูอย่างหาเรื่อง
ปกติพัฒน์ไม่ใช่คนที่จะเสียมารยาทต่อหน้าลูกค้าแบบนี้ แต่เพราะต้นเหตุมันคือธีร์ เขาก็มักจะทำอะไรที่ไม่ใช่ตัวของตัวเองเสมอ
“ทำงานก่อนค่อยหาเรื่อง” กัดฟันพูดออกไปเสียงเบา
“ขอโทษนะครับคุณพีชที่เสียมารยาท” พัฒน์รีบออกตัวขอโทษ เมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังทำเรื่องที่ไม่ถูกต้องอยู่
“ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจว่าคงมีเรื่องจะคุยกัน ผมไม่ซีเรียสกับผมสบายๆ ได้เลยครับ ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว เพราะเราน่าจะรุ่นราว
คราวเดียวกัน” พชรบอกด้วยท่าทีสบายๆ
“โอเคเลยครับ ถ้าอย่างนั้นเราคุยไปด้วย ทานอาหารไปด้วยดีกว่านะครับ จะได้ทำความรู้จักไปในตัว” ธีร์พูดขึ้นอย่างเป็นงาน
เป็นการ เพราะถ้าจะให้พัฒน์พูด
มันคงต้องพูดสั้นๆ ห้วนๆ จนพชรอยากจะยกเลิกธุรกิจด้วยกันแน่ๆ
เมื่อทั้งสามคนต่างก็พากันทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้วก็เลือกที่นั่งฟังเพลงสบายๆ พร้อมกับดื่มไวน์กันต่อ แล้วพูดคุยกันอย่าง
สนุกและถูกคอ
สนุกและถูกคอที่ว่าดูเหมือนจะเป็นแค่พชรกับธีร์แค่สองคน เพราะพัฒน์ก็แค่นั่งนิ่งๆ ฟังทั้งคู่พูดเรื่องราวต่างๆ กันอย่างสนุกสนาน
จนเราแทบอยากจะลุกหนี
ท่องไว้พัฒน์ นั่นลูกค้า มึงจะเสียมารยาทกับเขาไม่ได้...
“วันนี้เลยไม่ได้คุยเรื่องงานเลย มัวแต่คุยเรื่องอื่นกันเพลิน ฮ่าๆ นานๆ ทีผมจะเจอคนที่คุยสนุกเป็นคนแรก อยู่ธินผมนี่ปวดหัวมาก
เลย ชวนคุยอะไรก็ไม่คุย เอาแต่เงียบ” พชรแอบบ่นถึงพี่ชายของธีร์
“พี่ธินเขาก็เป็นคนแบบนั้นแหละครับ อายุจะ 27 แล้ว ก็เลยต้องทำตัวให้เป็นผู้ใหญ่หน่อย แต่ที่จริงแล้วชอบเล่นอะไรเป็นเด็กๆ
นะ คุณอาจจะไม่เคยเห็น แต่เพราะเป็นเสาหลักของบ้านเลยต้องทำเป็นเคร่งขรึมตลอดเวลา เอาเข้าจริงๆ พี่ธินจะทำตัวเด็กแค่
กับผมเท่านั้นแหละ พูดถึงแล้วก็คิดถึงนะเนี่ย” ธีร์พูดถึงพี่ชายด้วยรอยยิ้มที่มีความสุข
พี่ชายคนเดียวที่เขารักและภูมิใจ
พี่ชายที่เราอยากเอาเป็นเยี่ยงอย่าง...
และเป็นพี่ชาย ที่บางครั้ง น้องชายอย่างเขาก็อิจฉาเพราะความสมบูรณ์แบบของพี่ชาย ที่ไม่ว่าใครๆ ก็ต่างชื่นชมในความเก่ง ที่
เขาไม่เคยมี
“จริงหรือครับ เอาไว้ผมลองเอาไปถามดีกว่า บอกว่าคุณธีร์บอกได้ไหมครับ”
“ได้สิครับ ฮ่าๆ”
พัฒน์ที่นั่งฟังนั่งมองทั้งคู่หัวเราะอย่างสนุกสนานก็กำแล้วไวน์ในมือแน่น ถ้าบีบแรงกว่านี้แก้วอาจจะแตกคามือได้ เขาวางแก้วลง
บนโต๊ะเสียงดังจนทั้งคู่หันมามอง
“ขอโทษครับ ผมวางแรงไปหน่อย เอาอย่างนี้ไหมครับคุณพีช พรุ่งนี้เราจะไปคุยงานที่ร้านกาแฟของรีสอร์ท ประมาณสัก 10 โมง
ได้หรือเปล่าครับ เพราะเราสองคนรู้สึกล้าๆ แล้ว อยากจะพักผ่อนน่ะครับ เดินทางมาทั้งวัน ยังไม่ได้พักเลยน่ะครับ” พัฒน์พูดบอกยาวแต่น้ำเสียงยังคงเรียบๆ
แต่เพราะพัฒน์เป็นอย่างนี้แหละ คนถึงได้รู้สึกเกรงกลัว รวมถึงพชรด้วย
“โอ้! งั้นคุณสองคนไปพักก็ได้ครับ ผมจะขอนั่งต่ออีกหน่อยน่ะ” พชรบอก
“ขอบคุณ และก็ขอโทษด้วยนะครับ” พัฒน์เอ่ย ส่วนธีร์ก็หันมองหน้าพัฒน์ด้วยความสงสัย พอเห็นสายตาดุๆ ที่บ่งบอกว่าอีกคน
กำลังโมโหนั้นก็เป็นคำตอบให้กับธีร์ได้เป็นอย่างดี
ง่วงจนโมโหหรือไงนะ!
“ไม่เป็นไรครับ ฝันดีนะครับคุณพัฒน์ คุณธีร์”
“เช่นกันครับ” พัฒน์บอกกลับ
“ฝันดีครับ ผมขอตัวก่อนนะครับ”
แล้วพัฒน์กับธีร์ก็เดินออกจากร้านอาหาร ระหว่างทางธีร์ก็มองแผ่นหลังกว้างๆ ของพัฒน์ที่เดินนำอยู่ข้างหน้า ระแวดระวังว่าพัฒน์
จะหันมาโมโหใส่หรือเปล่า
“มึง...เหนื่อยจริงๆ หรือวะ” ถามออกไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“เออ”
“แน่นะ ไม่ได้โมโหอะไรอยู่ใช่ไหม”
“ทำไม! คิดว่ากูโมโหอะไร” ร่างสูงหยุดเดินแล้วหันมาถามเสียงเข้ม
“ป่ะ เปล่า”
“แล้วทำไมมึงไปอยู่คุยกับคุณพีชก่อนล่ะ เห็นคุยสนุกนักนี่” ประชดประชันออกไป
“ก็มึงบอกว่าอยากพัก กูก็เลยต้องมาไง”
“ก็ดี ที่อย่างน้อยมึงก็เลือกที่จะมากับกู” พึมพำกับตัวเองเบาๆ ส่วนธีร์ก็ไม่เข้าใจ ไม่ได้ยินว่าร่างสูงพูดอะไร เลยจะถามพัฒน์ว่า
บ่นอะไร แต่ยังไม่ทันที่จะถามขึ้นพัฒน์ก็เลี่ยงแล้วเดินกลับที่พักทันที
“ง่วง!”
“อะไรของมันวะ?” ธีร์บ่นก่อนจะวิ่งตามพัฒน์ไป
100%

เอามาลงให้แล้วจ้าสำหรับครึ่งหลัง อ่านให้สนุกนะคะ แล้วก็อย่าลืมให้กำลังใจยูกิด้วยนะคะ ขอบคุณค่า
https://www.facebook.com/sawachiyuki