เสพติดอันตราย...รักผู้ชายพันธุ์โหด
ตอนที่ 12 ครึ่งแรก
ธีร์ไม่ใช่คนที่ตื่นเช้า เพราะฉะนั้นเขาจำเป็นต้องตั้งนาฬิกาปลุกเอาไว้ ซึ่งคนที่ลุกขึ้นมาคนแรกกลับไม่ใช่เจ้าของห้องเสียนี่ แต่เป็นร่างสูงที่มานอนห้องนี้ตั้งแต่เมื่อคืนด้วยเหตุผลที่ว่า ‘แอร์เสีย’
“นอนกินบ้านกินเมือง” พัฒน์บ่นพึมพำ ไม่มีอาการของคนที่เพิ่งตื่นเลยสักนิด
“นอนแบบนั้น เดี๋ยวก็เผลอทับแขนตัวเองตายห่า” ร่างสูงบ่น ก่อนจะจับให้อีกคนให้นอนตรงๆ ก่อนจะตบแก้มปลุกอีกคนแรงๆ
คิ้วของธีร์ขมวดแน่นเมื่อรู้สึกรำคาญ เพราะใครบางคนกำลังก่อกวนการนอนของเขา ก่อนจะลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ เมื่อทนความเจ็บ
ที่แก้มไม่ได้ ก่อนจะตะครุบมือใหญ่เอาไว้แน่นแล้วเลื่อนมาไว้ที่หน้าอกของตน ตาพยายามที่จะปรับโฟกัส ก่อนจะเบิกกว้างเมื่อ
เห็นใบหน้าที่ใกล้เพียงแค่คืบของพัฒน์ ซึ่งด้วยความตกใจ ธีร์ก็ถีบเข้าที่กลางลำตัวของพัฒน์แรงๆ จนถึงคนหงายหลัง แล้วกุม
ท้องด้วยความเจ็บ
“ไอ้เหี้ยธีร์” ด่าร่างบางกลับไป มือก็ลูบตรงที่โดนถีบ
“ก่ะ ก็มึงยื่นหน้ามาทำไมล่ะวะ”
“ก็แค่ปลุก เห็นมึงไม่ตื่นสักที”
“ก็ไม่ต้องยื่นหน้ามาก็ได้ กูขนลุกแต่เช้าเลย” พูดพร้อมกับค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งช้าๆ
“แค่ยื่นหน้าทำเป็นตกใจ ใกล้กว่านี้ก็ผ่านมาแล้ว” พัฒน์บ่น ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงบิดเนื้อบิดตัวคลายความเมื่อยล้า แล้วเดินมา
หาธีร์ ซึ่งเขาก็มองพัฒน์อย่างไม่ไว้ใจว่าร่างสูงคิดจะทำอะไร
พรึ่บ!!!
“เฮ้ย!!” อุทานเสียงดังด้วยความตกใจ จนต้องรีบเอาแขนขวาโอบเอวสอบตามสัญชาตญาณเพราะกลัวจะตกลงที่พื้น ตายังคง
ค้างอยู่เช่นเดิมเมื่อรู้สึกว่าตัวเองลอยจากที่นอนด้วยฝีมือของคนตัวใหญ่กว่า
ธีร์ยังคงตะลึงอึ้งงงเมื่อโดนช้อนตัวจากที่นอนนุ่ม ก่อนจะรู้สึกตัวเมื่อร่างสูงวางเขาลงตรงอ่างล้างหน้า แล้วจึงสั่งธีร์ให้รีบทำธุระ
ส่วนตัวให้เรียบร้อย
“ให้มึงเดินมาเองคงช้า เพราะงั้นก็รีบล้างหน้าแปรงฟัน น้ำไม่ต้องอาบมันหรอก ไม่ได้ไปไหน ค่อยอาบตอนเย็นเลยก็แล้วกัน
ยัง...ยังนิ่งอีก แปรงฟันล้างหน้า!” ขึ้นเสียงโหดใส่เมื่อเห็นว่าธีร์ยังคงมองหน้าเขานิ่ง
“อ่ะ อือ” ธีร์ทำอะไรไม่ถูก รีบหันหน้า คว้าแปลงคว้ายาสีฟันมาบีบอย่างลนลานและประหม่าอย่างไม่เคยเป็น ก้มหน้าก้มตาแปรง
ฟันโดยไม่สนใจภาพสะท้อนของพัฒน์ที่ยืนยิ้มอย่างผู้ชนะ
ถ้าได้เห็นปฏิกิริยาแบบนี้ ทำไปนานแล้ว
พัฒน์ส่ายหน้าน้อยๆ แม้ว่าใบหน้าจะหุบยิ้มไปแล้วก็ใช่ว่าจะตีหน้าเรียบนิ่งหรือหน้าโหดเหมือนปกติ มันเป็นใบหน้าธรรมดาที่ไม่
ยิ้มหรือไม่โกรธ ความอคติต่อร่างบางก็ลดลงบ้างแล้ว
ส่วนธีร์เองก็ไม่อยากจะเงยหน้าขึ้นสบอีกคนเสียเท่าไหร่ เพราะยังเขินกับเหตุการณ์เมื่อกี้อยู่ พวกเขาสองคนตัวสูงเกือบพอๆ กัน
พัฒน์สูงกว่าเล็กน้อย น้ำหนักก็มากกว่า ความหนาของร่างกายก็มากกว่า แต่เขาเองถึงแม้จะผอม แต่ก็ใช่ว่าจะไม่หนักเลย แล้ว
ทำไมพัฒน์ถึงอุ้มมาแบบไม่แสดงสีหน้าอะไรเลย
ผู้ชายตัวใกล้เคียงกัน อุ้มกันแบบนี้ ใครเห็นนี้อ้วกแตกตายห่า จักจี้หัวใจฉิบหาย...ธีร์บ่นในใจ
พัฒน์ไม่อยากทำให้อีกคนมันประหม่าไปมากกว่านี้ เลยเดินเลี่ยงออกมาจากห้องน้ำ แล้วมารื้อตู้เสื้อผ้าของอีกคนแทน พร้อมกับ
เลือกชุดใส่ไปทำงานในวันนี้ให้เสร็จสรรพ
“ทำไมมึงไม่ไปอาบน้ำล่ะ” ธีร์ที่ออกจากห้องน้ำด้วยชุดเดิมถามขึ้น
“แล้วมึงจะเปลี่ยนเสื้อผ้าเองได้?”
“ก็ไม่”
“ก็อยู่ช่วยนี่ไง”
“ไม่จำเป็น ไม่ได้ขอร้อง” ตอบอย่างอวดดี
“ถ้างั้นมึงก็จัดการเองไปก็แล้วกัน ไปทำงานสายกูจะรายงานคุณเพลิงทันที” พัฒน์ทำท่าจะเดินหนี แต่ก็ต้องหยุดนิ่งกับที่แล้ว
แอบยิ้มเบาๆ เมื่อธีร์เรียกเขาไว้
“เดี๋ยว”
“อะไรอีกล่ะ”
“มีคนช่วยก็ดี” ธีร์พูดเบาจนแทบไม่ได้ยิน แต่นี่คือคอนโดหรู เสียงด้านนอกไม่สามารถเล็ดลอดเข้ามาด้านในได้แน่ เพราะฉะนั้น
พัฒน์ได้ยินมันแน่นอน แต่แกล้งทำเป็นไม่ได้ยินเพราะต้องการแกล้งธีร์
“อะไรนะ”
“ก็แขนกูเจ็บอยู่ไง ใครจะเปลี่ยนเสื้อให้กูล่ะ” ทำหน้ายุ่งใส่ด้วยความโมโหทันทีที่โดนกวนประสาทแต่เช้า
“ไม่รู้สิ มึงจะไปขอร้องใครก็เรื่องของมึง กูจะไปอาบน้ำแต่งตัวแล้ว”
“เดี๋ยว”
“หึ” หัวเราะในลำคอเสียงเบา ก่อนจะหันมามองหน้าธีร์ช้าๆ ด้วยแววตาที่กวนประสาทเต็มที่
“ก็มึงไง มึงพูดกับไอ้อินแล้วว่ามึงจะดูแลกูแทนมัน”
“แล้วไง” เลิกคิ้วใส่ร่างโปร่ง
“ไม่แล้วไง แต่มึงต้องรับผิดชอบคำพูดตัวเอง!” ธีร์ขึ้นเสียงใส่อย่างโมโห จนร่างสูงสาวเท้าเข้ามาใกล้ๆ แล้วจัดการถอดผ้าที่
ประคองแขนของธีร์ไว้อย่างเบามือที่สุด ที่ไม่คิดว่าพัฒน์จะทำได้ ธีร์สังเกตใบหน้านิ่งๆ ยามที่อีกคนกำลังเปลี่ยนชุดให้เขาอยู่ด้วย
ความรู้สึกแปลกใหม่
หัวใจเต้นแรงกับความอ่อนโยนที่ไม่เหมาะกับใบหน้าดุเป็นอย่างยิ่ง
“มึงเคยดูแลใครไหม” ธีร์ถามเรื่องที่คิดออกมาทันที
ร่างสูงมองสบกับคนถามเล็กน้อยก่อนจะตอบความจริงออกมา
“พ่อกับแม่”
“แค่นี้?”
“แล้วก็มึงนี่ไง สำหรับพ่อแม่กูทำด้วยความเต็มใจ ส่วนมึงนี่ภาระและหน้าที่ล้วนๆ อย่าสำคัญตัวเองผิดล่ะ” แม้จะเป็นประโยคที่
ร้ายกาจมาก แต่ใจของธีร์ก็ยังเต้นแรงแทบจะทะลุออกมานอกอก เพราะนอกจากพ่อับแม่ของพัฒน์แล้ว เขาเป็นคนอื่นคนแรกที่
พัฒน์ดูแล
แม้จะตามหน้าที่ก็ตามที
“ร้อนตัว กูยังไม่คิดอะไรเลย”
“อยากจะเปลี่ยนเองไหมไอ้ธีร์” ขู่เสียงเข้ม
“เออ...ไม่พูดแล้วก็ได้วะ”
แม้จะอายและเขินมากที่ต้องมายืนแก้ผ้าให้อีกคนเปลี่ยนชุดให้แบบนี้ แต่ก็ตีสีหน้านิ่งๆ ไม่ให้พัฒน์รู้ว่าตนอายแค่ไหน แต่ก็หารู้ไม่
ว่า ภายใต้ใบหน้าที่แสนเย็นชาของพัฒน์ หัวใจแกร่งก็หวั่นไหวได้ง่ายๆ เมื่อต้องมาทำแบบนี้ให้ธีร์เช่นกัน
ต่างคนก็ต่างเขิน แต่แกล้งทำเป็นไม่รู้สึกอะไร...
พัฒน์เปลี่ยนชุดให้กับธีร์เสร็จแล้วก่อนจะจ้องตากับอีกคนนิ่งๆ อยู่นาน ไม่พูดอะไรออกมา ก่อนที่พัฒน์จะแสร้งถอนหายใจแล้ว
พูดออกมาเพื่อไม่ให้บรรยากาศมันเงียบ
“เสร็จแล้ว ตามกูมา” พัฒน์สั่งอีกคน
“ไปไหน”
“ห้องกู กูจะไปอาบน้ำแต่งตัว มึงก็ไม่รอกูที่นั่นแหละ ขี้เกียจมาตามอีกรอบ”
“อือ เดี๋ยวกูใส่ถุงเท้ารองเท้าก่อน”
“เออๆ”
เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ธีร์ก็เดินตามพัฒน์ออกจากห้องไปโดยไม่ลืมคีย์การ์ดและข้าวของของตัวเองไปด้วย ทั้ง
สองเดินเข้าไปในห้องของพัฒน์ ห้องที่เขาเคยมานอนที่นี่แล้วครั้งหนึ่ง ห้องที่มีความทรงจำมากมายที่ธีร์ไม่อาจจะลืมได้
ร่างโปร่งบางรู้สึกถึงไอความเย็นที่ปะทะเข้ามาที่ตัว มองไปยังเครื่องปรับอากาศก็พบว่ามันยังคงทำงานอยู่ จ้องแผ่นหลังกว้าง
เขม็ง
นี่มันโกหกกูอีกแล้วสินะ
“ไหนว่าแอร์เสีย” ถามไปอย่างเอาเรื่อง
“แอร์ห้องนอน” ร่างสูงตอบแต่ไม่หันมามองหน้า เดินตรงไปยังห้องนอนของตัวเองทันที
“ก็นอนข้างนอกก็ได้นี่!”
“ก็กูนอนไม่สะดวก”
“แล้วอีกห้องล่ะ”
“ห้องทำงาน เก็บของหมดแล้ว”
“ทนๆ ไปมันจะเป็นอะไรวะ” ธีร์หัวเสีย
ก่อนที่พัฒน์จะเปิดประตูเข้าห้องไป ก็สั่งร่างบางเล็กน้อย
“นั่งรอแถวนั้นแหละ เดี๋ยวกูออกมา”
“เออ” รับคำอย่างช่วยไม่ได้
ธีร์เปิดทีวีดู ก่อนจะคว้ารีโมทแอร์มากดปิดให้ เพราะรู้ว่าถูกใช้งานหนักมาทั้งคืน แบบไม่มีพักแน่นอน เลยปิดพักสักหน่อย ถึง
เจ้าของห้องจะรวยมีปัญญาจ่ายมากแค่ไหน แต่มันก็เปลืองทรัพยากรอยู่ดี
“เป็นคนดีเหมือนกันแฮะกู” ชมตัวเองยิ้มๆ
...
...
ในรถของพัฒน์
“กูจะพามึงไปส่งที่ DINZ แล้วกูจะไปจัดการงานของมึงให้ ส่วนมึงก็เคลียร์เอกสารของกูก็แล้วกัน” พัฒน์บอกขณะขับรถไปยัง
บริษัทฯ
“ไม่จำเป็น กูจัดการเองได้”
“มึงคงอยากจะไปตายสินะ” พัฒน์พูดด้วยน้ำเสียงสมเพช
“เรื่องของกูเถอะน่า ถ้าเกิดกูจะตายก็ตายๆ ไป ถือว่ากูมาได้แค่นี้” พูดแบบไม่หยี่ระอะไร แต่ในใจก็กลัวๆ อยู่เหมือนกัน
“นี่เป็นคำสั่ง” สิ้นเสียงเด็ดขาดของพัฒน์ ธีร์ก็ไม่เถียงอะไรออกไปอีก เพราะรู้ตัวว่าถ้าพูดออกไป ไอ้คนที่ปณิธานแน่วแน่อย่าง
พัฒน์ไม่มีวันเปลี่ยนใจหรือทำตามคำขอของใครแน่ๆ ถ้าหากว่าไม่มีเหตุผลเลวๆ ซ่อนไว้อยู่
“ชิ!”
ร่างสูงจอดรถที่หน้าตก ไม่ได้ไปจอดที่โรงจอดรถแต่อย่างใด เพราะต้องไปจัดการงานของธีร์แทน ซึ่งร่างโปร่งก็ลงจากรถโดยมี
ลูกน้องของพัฒน์คอยคุ้มกันให้ด้วย
ทำอย่างกับเขาเป็นลูกเจ้าพ่อเลย
“กูสั่งข้าวไว้ให้แล้ว อยู่ในห้องทำงานกูนั่นแหละ แล้วก็กินยาหลังอาหารด้วย เข้าใจนะ” ก่อนจะไปก็ยังไม่วายสั่งธีร์อีก ส่วนเขาก็
ทำได้เพียงพยักหน้ารับเพื่อปัดรำคาญ
“มีอะไรอีกไหมวะ”
“หึหึ เดี๋ยวคิดออกจะโทรสั่งก็แล้วกัน”
“เออ!!” ธีร์กระแทกเสียงอย่างหงุดหงิด มองร่างสูงที่ยกยิ้มอย่างสะใจอย่างเคียดแค้น แล้วเดินออกจากตรงนั้นเพื่อขึ้นไปยังตึก
ทันที
พัฒน์แสยะยิ้มก่อนจะขับรถออกจากตรงนั้น แล้วตรงไปที่ไซต์งานที่ธีร์ไปทำมาเมื่อวานทันทีเพื่อจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นให้กับอีก
คน
เพราะธีร์ไม่มีทำเองได้ด้วยสภาพแบบนั้นแน่ๆ
ทางด้านธีร์ก็จัดการทานข้าวทานยาให้เรียบร้อยตามคำสั่งของพัฒน์ แล้วจึงเริ่มทำงานเอกสารของพัฒน์โดยถือวิสาสะนั่งที่โต๊ะ
ทำงานของพัฒน์ไปเลย
“ให้ตายสิ เชื้อขี้เก๊กจะติดตัวกูไหมเนี่ย”
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“เชิญครับ”
“อ่ะ เอ่อ คุณธีร์หรือครับ” ลูกน้องของพัฒน์ถามด้วยน้ำเสียงสั่นๆ เพราะตอนที่ได้ยิน ‘เชิญครับ’ ก็ตกใจแทบแย่ คิดว่าเจ้านายของ
ตนเป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมถึงมีหางเสียงได้
แต่ก็ต้องโล่งใจที่ไม่ใช่พัฒน์ล่ะนะ
“ครับ มีอะไรหรือเปล่าครับ” ธีร์ถามยิ้มๆ
“คุณพัฒน์ยังไม่มาหรือครับ”
“มันไม่ได้แจ้งคุณหรือ ว่ามันไปทำธุระ”
“ไม่ครับ”
“แล้วมีอะไรหรือเปล่าครับ เผื่อผมจัดการได้” ธีร์ถาม
“จะดีหรือครับ” ลูกน้องของพัฒน์ถามด้วยสีหน้าที่ไม่แน่ใจเท่าไหร่นัก
“ครับ หรือว่าไม่ไว้ใจผม” ถามทีเล่นทีจริง น้ำเสียงติดจะไม่พอใจเล็กน้อยเพื่อความสมจริง จนลูกน้องของพัฒน์ส่ายหน้าไปมา
แรงๆ คอแทบหลุด
“ไม่ใช่นะครับ คือเรื่องนี้มันเป็นความผิดพลาดของฝ่ายเทคนิค รถที่รุ่นใหม่ที่เป็นตัวทดลอง ตัวถังน้ำมันไม่แข็งแรงน่ะครับ เลย
อยากจะให้คุณพัฒน์ไปตรวจสอบแล้วก็เลือกวัสดุชนิดใหม่”
“ถ้าเป็นเรื่องรถผมก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ด้วยสิ” ธีร์ยอมรับออกมาตรงๆ
“ช่วยโทรตามคุณพัฒน์ให้หน่อยได้หรือเปล่าครับ”
“แล้วทำไมไม่ติดต่อเองล่ะครับ” ธีร์ถามกลับ
“ผมติดต่อไม่ได้”
“ถ้างั้นผมก็คงติดต่อไม่ได้” ธีร์บอก
“ทำไงล่ะครับ ต้องรีบทำเพื่อเสนอโครงการกับกลุ่มผู้บริหารในอาทิตย์หน้าด้วย แล้วก็ยังมีอีกหลายอย่างที่ยังทำไม่เสร็จ ถ้าตัวถัง
น้ำมันไม่ได้ อย่างอื่นก็เริ่มไม่ได้ด้วยสิครับ”
“ถ้างั้นพาผมไปนั่นหน่อย บางทีผมอาจจะช่วยเรื่องนี้ได้”
“ถ้างั้นเชิญเลยครับ”
ธีร์เดินตามลูกน้องของพัฒน์ไปทันที ก่อนจะยกยิ้มอย่างมั่นใจว่าตัวเองต้องจัดการเรื่องนี้ได้แน่ๆ พร้อมกับจินตนาการใบหน้าเห
วอๆ ของพัฒน์ไปด้วย
ถ้าเราจัดการเรื่องนี้ได้ มันจะได้เลิกดูถูกเราเสียที...
โดยที่ธีร์ไม่รู้เลยว่า เรื่องนี้มันไม่ได้ง่ายเลยที่อยู่ๆ คนที่ไม่มีความรู้ด้านนี้จะเข้าไปจัดการ คราวนี้ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ไม่โดนพัฒน์ด่า
ก็คงโดนทำโทษแสนสาหัส...
...
...
...
50%

สวัสดีค่า ตอนที่ 12 ครึ่งแรกนะคะ หลังจากตอนนี้ไปแล้ว เราจะเข้าสู่ความเข้มข้นของเรื่องที่ยูกิคิดไปเองคนเดียวว่าต้องสนุกแน่ๆ 555+ ยังไงก็รออ่านกันนะคะ ^_^ แล้วก็ขอคอมเม้นท์ด้วยได้หรือเปล่าเอ่ย ช่วงนี้เม้นท์ตกเยอะมากเลยอ่ะ ไม่สนุกยังไงเม้นบอกกันได้นะคะ
พูดคุยกับยูกิได้ที่แฟนเพจเลยนะคะ
https://www.facebook.com/sawachiyuki