เสพติดอันตราย...รักผู้ชายพันธุ์โหด
ตอนที่ 11 ครึ่งแรก
ผิดปกติมาก
พัฒน์รู้สึกว่าธีร์ผิดปกติมาก เอามือกุมไหล่ตลอดเวลา เขาที่เป็นคนขับเองก็หันไปมองมันเป็นพักๆ หรือเขาจะกระชากมันแรงไป
อาจจะเคล็ด
“กูดึงมึงแรงมากหรือวะ”
“เออ”
“มึงนี่อ่อนแอเหมือนผู้หญิงจริงๆ”
“เออ”
“ไม่เถียงหรือวะ”
“เออ”
พัฒน์เงียบ มองทางสลับกับมองคนข้างๆ ที่เอาแต่ตอบคำเดียวสั้นๆ แล้วมองแต่ข้างหน้า ไม่มองไปที่ไหนเลยอย่างแปลกใจ
เขาเคยเห็นมันแบบนี้อยู่ครั้งหนึ่งคือวันที่มันดูเหมือนเหนื่อยมากๆ
วันที่เขาแอบตามมันไปตอนที่ไปเคลียร์เรื่องของยงยุทธ์นั่นแหละ
ทั้งคู่นั่งเงียบอยู่นาน เพราะไม่รู้จะคุยอะไรกันดี พัฒน์เองก็ไม่ใช่คนที่ชอบพูดอยู่แล้วด้วย ธีร์เองก็คงไม่อยากพูดกับพัฒน์เท่าไหร่
เพราะมันทำให้เขาเจ็บยิ่งกว่าเดิม
จนเสียงโทรศัพท์ของธีร์ดังขึ้นนั่นแหละ เป็นการทำลายความเงียบของพวกเขาทันที
“ครับเจ้านาย” ปกติธีร์จะรับสายอัคนีด้วยนำเสียงที่ขี้เล่นหน่อยๆ แต่คราวนี้กลับรับด้วยสีหน้าและน้ำเสียงเฉยๆ “รู้ได้ไงอ่ะครับ ไม่
เอาอ่ะ ผมไปเองได้ ครับ อยู่กับมัน ไม่นะเจ้านาย เฮ้ย...ไม่เอาอ่ะ เดี๋ยวไปเอง จริงๆ ไม่ดื้อๆ สัญญาเลยครับ” พัฒน์แอบฟังด้วย
ความสนใจว่าคนข้างๆ คุยอะไรกับปลายสาย
หันไปมองก็เห็นว่าใบหน้าหล่อเง้างอดพร้อมกับเม้มปากแน่นราวกับถูกขัดใจ ก่อนจะหันมามองพัฒน์อย่างจะกลืนกิน แล้วส่ง
โทรศัพท์ให้อย่างไม่เต็มใจ แล้วหันไปข้างหน้าต่างรถทันที
โดนสั่งอะไรมาอีกล่ะ?
พัฒน์รับโทรศัพท์มาแนบหู แล้วก็มองทางด้านหน้าไปด้วย
“ครับ”
(ไอ้ธีร์มันเป็นไงบ้าง) ปลายสายเสียงเครียด
“ก็ปกติดีนะครับ”
(ปกติดียังไงล่ะ หัวหน้าช่างที่โครงการโทรแจ้งผู้จัดการที่สำนักงานใหญ่ แล้วเข้าก็แจ้งขึ้นมาเรื่อยๆ จนถึงฉันนี่แหละว่าไอ้ธีร์มัน
ถูกเหล็กหล่นทับแขนซ้ายอย่างแรง) สิ้นคำบอกเล่าของอัคนีแล้ว พัฒน์กันหันไปมองธีร์อีกครั้ง คราวนี้ก็เข้าใจทันทีว่าทำไมร่าง
บางถึงได้ร้องเสียงดังตอนที่เขากระชากแขนซ้ายของธีร์
ที่แท้ก็บาดเจ็บกลับมา ทำอะไรไม่เคยนึกถึงตัวเองอีกแล้วสินะ นี่คงกลัวว่าเขาจะด่ามันว่าอู้ ว่าไม่มีความรับผิดชอบล่ะสิ ถึงได้ฝืน
ตัวเองขับรถมารับเขาแบบนี้
รู้สึกผิดนิดๆ ที่ไปด่าและหาเรื่องคนข้างๆ ไว้
“ครับ”
(พามันไปหาหมอด้วยนะ)
“ได้ครับ แค่นี้นะครับคุณเพลิง” พัฒน์โยนโทรศัพท์ไปที่ตักของเจ้าของมันทันทีที่อัคนีวางสายไปแล้ว เขาเองก็เลี้ยวรถกลับเพื่อ
พามันไปโรงพยาบาลทันที
“อวดเก่งจริงนะมึง”
“เรื่องของกู”
“ตายขึ้นมาจะหัวเราะให้”
“ไม่ได้หวังให้มึงมาเสียใจ ร้องไห้คร่ำครวญอยู่แล้ว” พัฒน์ไหวไหล่น้อยๆ อย่างไม่สนใจ
ก็ยังปากดีเหมือนเดิม...
“ขนาดเจ็บ ยังปากดีอีกนะ”
“อันนี้ก็เรื่องของกูอีก”
“เฮอะ! ให้มันดีแบบนี้ตลอดเถอะ” พัฒน์ตัดรำคาญ
“อะไร” แต่ดูเหมือนธีร์จะไม่เข้าใจ
“ปากมึงไง”
“ดีตลอดแหละ”
“งั้นกูขอลองชิมดู ว่าดีจริงไหม” คนตัวใหญ่ตบไฟเลี้ยวเตรียมที่จะจอดข้างทาง แต่ธีร์กลับโวยวายออกมาก่อนอย่างจำยอม
เพราะกลัวจะถูกพัฒน์ทำอะไรตรงนี้
“เฮ้ยๆ อย่านะมึง ปากกูเสียเองแหละ”
“ก็แค่เนี้ย” พัฒน์ตบไฟเลี้ยวกลับมาที่เลนเดิม เพื่อวิ่งรถด้วยความเร็ว
“พอใจมากสินะ”
“หุบปาก แล้วนั่งนิ่งๆ เถอะ” พัฒน์สั่งเสียงเข้ม
ธีร์ทำตามอย่างว่าง่าย เพราะเหนื่อยเกินกว่าจะโต้เถียงอีกคนด้วย พัฒน์ทำลายความเงียบโดยการเอื้อมมือไปเปิดเพลงจาก
เครื่องเสียง ก่อนจะหรี่เสียงให้เบาและเปิดเพลงที่สบายๆ
“ไหล่หลุดน่ะครับ นี่คงโดนท่อนเหล็กกระแทกแรงเลยสิท่า เพราะหัวไหล่ช้ำมาก ต้องทายาตลอด เวลารู้สึกปวดๆ ก็ให้ประคบ
บรรเทาอาการเอา หมอดึงข้อไหล่ให้เข้าที่แล้ว ส่วนผ้าที่ตรึงคล้องแขนอยู่นี้ ให้ใส่ไว้ 2-3 อาทิตย์นะครับ จากนั้นก็มาให้หมอ
ตรวจดูอีกที ถ้ายังไม่หาย จะได้เริ่มกายภาพบำบัดต่ออีกนะครับ” หมอของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่ใกล้กับคอนโดที่พัฒน์และธีร์
อาศัยอยู่พูดขึ้น พร้อมกับอธิบายสาเหตุและวิธีการรักษา
“2-3 อาทิตย์เลยหรือหมอ นานไปแล้วนะ แล้วผมจะใช้ชีวิตยังไงล่ะ” ธีร์ถามเสียงเครียด
“เอ่อ...ต้องพยายามนะครับ ถ้างั้นมันอาจะเป็นอันตรายได้นะครับ ไหนจะรอยช้ำของคุณอีก มันช้ำมาก ยังไงคุณคงเป็นเพื่อนของ
คนไข้ใช่ไหมครับ รบกวนช่วยดูแลอย่างใกล้ชิดด้วยนะครับ” หมอหันไปพูดบอกพัฒน์ที่ยืนพิงกำแพงกอดอกมองสถานการณ์อยู่
ซึ่งร่างสูงกพยักหน้าเบาๆ
มันเป็นภาระอีกแล้วสินะ
“ถ้างั้นเชิญรับยาด้านนอกได้ครับ”
“ขอบคุณครับ” ธีร์เอ่ยขอบคุณอย่างจำใจ นี่เขาจะช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ไปเกือบเดือนเลยใช่ไหม ให้ได้อย่างนี้สิชีวิต
พัฒน์เดินนำธีร์ออกมาข้างนอกห้องตรวจ แล้วเดินไปนั่งที่เก้าอี้เพื่อนั่งรอเรียกรับยาแบบไม่สนใจคนเจ็บอย่างธีร์เลยสักนิด
สำหรับธีร์น่ะคิดว่าอีกคนไม่สนใจ แต่ความเป็นจริงพัฒน์ก็แอบสนใจเล็กน้อย
เพราะต้องเป็นเขาแน่ๆ ที่ต้องดูแลมันตลอดการรักษานี้
“ทีหลังก็ทำอะไรระวังๆ หน่อย” พัฒน์บ่นอีกคนเมื่อร่างเล็กกว่านั่งลงข้างๆ กับเขา
หัวใจของธีร์เต้นแรงอย่างตื่นเต้นและประหม่า เมื่อคิดว่าพัฒน์กำลังเป็นห่วงเขาอยู่ แต่ก็ต้องเปลี่ยนเป็นอารมณ์หงุดหงิดเพราะ
ประโยคถัดมา
“มันจะเป็นภาระกูแบบนี้”
“ไม่หรอกน่า เดี๋ยวกูให้เพื่อนกูมาดูแลก็ได้ เกรงใจมึง” ประโยคสุดท้ายกระแทกเสียงใส่ด้วยความหมั่นไส้
ยังไงเดี๋ยวให้ไอ้อินเข้ามาดูแลก็ได้ ตอนทำงานก็ไปทำปกติ ดีเสียอีก มันจะได้ไม่กล้าใช้เขามากเพราะว่าเขาเจ็บอยู่ ว่าแต่
ว่า...คนอย่างมันนี่เมตตาใครเขาเป็นบ้างวะ
“เงียบๆ ไปเหอะมึง” พัฒน์สั่ง เพราะรำคาญ
“อยากพูดกับมึงตายห่า” บ่นกับตัวเองเบาๆ
พัฒน์ได้ยิน แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก เพราะแค่เห็นมันเจ็บแขนอยู่ แต่ยังปากดีอยู่ก็หมั่นไส้จนอยากจะจับแขนข้างนั้นมาหัก
ทิ้งไปซะให้รู้แล้วรู้รอดไป
ไม่นานพัฒน์ก็ขับรถเข้ามาจอดในโรงจอดรถชั้นใต้ดินของคอนโดที่พักอยู่ พัฒน์หันมาปลอดเข็มขัดนิรภัยก่อนจะมองร่างบางที่
ปลดเข็มขัดนิรภัยอย่างทุลักทุเล เพราะแขนข้างซ้ายขยับได้ไม่มาก แขนดันยาวอีก เวลาปลดเลยต้องเอียงตัวตามไปด้วย
“คงเปิดประตูเองได้นะ มืออีกข้างไม่ได้พิการนี่” พัฒน์ถามอย่างหาเรื่อง
“เปิดไม่ได้ก็ถีบมันออกไป ก็แค่นั้น”
“ถ้าคิดว่าถีบประตูรถที่หนาแน่นที่สุดได้ก็ทำไปสิ กูจะไปพักแล้ว อย่าลืมล็อกประตูด้วยล่ะ” พูดจบร่างสูงก็เปิดประตูรถแล้วแล้ว
โยนกุญแจไว้ให้ธีร์ตรงเบาะฝั่งคนขับ แล้วปิดประตูใส่หน้าร่างเล็กกว่าทันที ธีร์มองตามคนตัวใหญ่ไปด้วยความรู้สึกหมั่นไส้ เอื้อม
มือไปคว้ากุญแจมาถือไว้อย่างไม่สบอารมณ์ แล้วเปิดประตูรถออกไปอย่างลำบาก ตามด้วยการกดล็อกรถที่รีโมทในมือ
“หิวข้าวว่ะแม่ง นี่กูทนได้ยังไงตั้งแต่เที่ยงยัน 1 ทุ่มวะ”
บางทีเขาก็ลืมไปแล้วว่าตัวเองยังไม่ได้กินข้าว แล้วก็พึ่งมานึกได้ก็เมื่อกี้แหละ
“สั่งให้ลูกน้องเอาขึ้นไปให้ก็แล้วกัน จะไปขอร้องไอ้พัฒน์มันทำไม เพราะมันนั่นแหละที่ทำให้กูไม่ได้กินข้าวสักที” ธีร์เดินขึ้นไป
ยังห้องของตัวเองทันที ก่อนที่จะขึ้นลิฟต์ไป ธีร์ก็เดินไปสั่งประชาสัมพันธ์ให้จัดการหาข้าวให้เขาด้วย ซึ่งพนักงานก็รีบทำตาม
ทันทีเพราะธีร์ก็เป็นคนหนึ่งที่เปรียบเสมือนเจ้านายของพวกเขา
ร่างโปร่งเดินไปที่ลิฟต์แล้วตรงไปยังห้องตัวเองทันที
...
หลังจากเขาทานข้าวเสร็จแล้ว ก็ให้พนักงานจัดการจานให้ด้วย เพราะทำอะไรด้วยตัวเองลำบากมาก เพราะขยับได้แค่ข้างเดียว เขาทานยาหลังอาหารเสร็จก็นั่งคิดอย่างหนักใจ
“กูจะอาบน้ำยังไงดี จะให้เช็ดตัวอย่างเดียวก็ไม่ได้ เหม็นตัวเองว่ะ นี่คือไปงานก่อสร้างมานะเว้ย ไม่มีค่อยมีเหงื่อก็จริง แต่ทั้งแดด ทั้งฝุ่น รับไม่ได้ อ้าว? แล้วกูจะทำยังไงล่ะ ไม่ให้แขนข้างนี้มันขยับ” พูดกับตัวเองเครียดๆ จนปัญญาไม่รู้ว่าจะทำยังไง
“ไอ้อิน ว่างป่าววะ” เขาโทรศัพท์ไปหาเพื่อนสนิททันทีด้วยความหวังเต็มเปี่ยม
(ตอนนี้กูเที่ยวกับเด็กอยู่ มึงโทรมาขัดพอดี)
“กูไหล่หลุด ขยับแขนไม่ได้ ไม่รู้จะอาบน้ำยังไง มาอาบให้หน่อย” ขอร้องด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
(ทำอีท่าไหนให้มันหลุดวะ) ถามกลับมาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเล็กน้อย เพราะธีร์โทรมาขัดจังหวะกิจกรรมอย่างว่ากับเด็กๆ อยู่
“กูไปไซต์งานมา โดนเหล็กหล่นทับ”
(ให้มันได้แบบนี้สิเพื่อนกู เฮ้อ...กูต้องทิ้งเด็กๆ เพื่อไปหามึงนี่นะ)
“ก็...กูมีมึงคนเดียว”
(อย่ามาดราม่าไอ้ธีร์ เออๆ เดี๋ยวกูไปหา พอดีอยู่ผับใกล้ๆ คอนโดมึงพอดี ชั้นไหน ห้องไหนวะ) อินทัชเอ่ยออกมาอย่างจำยอม
เขาเป็นอย่างนี้แหละ ใจอ่อนกับธีร์ทุกเรื่อง ไหนจะมันจะเป็นเพื่อนรัก เพื่อนตายด้วยแล้ว ต้องแลกความสุขของตัวเองเพื่อมันก็
ยอมล่ะ
มันจะรู้ไหมว่ากูรักมันมากแค่ไหนเนี่ย...
“มึงน่ารักที่สุดเลยว่ะอิน ชั้นที่...” แล้วธีร์ก็บอกข้อมูลห้องตัวเองไปทันที
(จะเอาอะไรไหม จะซื้อไปให้)
“ไม่เอา เร็วๆ นะมึง กูอยากอาบน้ำจะแย่อยู่แล้ว”
(เออๆ กูจะไปฟัดมึงแทนเด็กๆ ของกู)
“ฮ่าๆ” ธีร์หัวเราะลั่น เพราะรู้ดีว่าความหมายของคำว่าฟัดที่อินทัชมีต่อเขานั่นคืออะไร
ได้เวลาเจ็บตัวอีกแล้วสินะ
ติ๊งหน่อง!
“มาแล้วหรือวะ ขับหรือเหาะมาวะเนี่ย แค่ 10 นาทีเนี่ย” ธีร์เดินไปที่หน้าประตูห้องด้วยความสงสัย แต่ก็เปิดประตูแต่โดยดี ก็พบ
ใบหน้าเรียบนิ่งที่ไม่ได้รับเชิญอย่างพัฒน์อยู่ที่หน้าห้อง
อะไรวะ?
“มีอะไรวะ” ถามออกไป
“นี่มึงยังไม่อาบน้ำอีกหรือวะ สกปรกจริงๆ เลยนะมึง” ถามพร้อมกับกวาดสายตามองตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ทำเอาเจ้าของร่าง
อย่างธีร์อดวูบวาบไปกับสายตาคมกริบที่มองตามร่างกายของเขาไม่ได้
ไอ้หัวใจไม่รักดี...
“แหกตาดูบ้างนะว่ากูอาบไม่ได้”
“หึ...มึงจะขอร้องกูก็ได้นะ เดี๋ยวกูจะใจดีอาบน้ำให้” พัฒน์บอก
“ไม่จำเป็น”
“งั้นก็เน่าไปซะ”
“เรื่องของกู บอกธุระของมึงมาแล้วไสหัวไปซะ”
“หึ...กูมาไม่ถึง 5 นาที ก็ไล่แล้วหรือวะ” พัฒน์ยกยิ้มมุมปากแบบเจ้าเล่ห์มาให้
“บอกธุระมา” ธีร์เลี่ยงที่จะมีเรื่องทะเลาะกับอีกคน เลยถามกลับคำถามเดิม
“อยาก” สั้นๆ ง่ายๆ ได้ใจความ
มือขวาของธีร์กำแน่นด้วยความโทสะอย่างยิ่ง นี่มันเห็นเขาเป็นตัวอะไร แขนก็เจ็บขนาดนี้ ยังจะมีหน้ามาพูดว่าอยากอีก
ต่อยมันสักหมัดจะหายปกเสียไหม แต่คงไม่หรอก เพราะเขาก็เคยต่อยมันแล้ว แถมยังปากหมามากกว่าเดิมด้วยซ้ำ แบบนี้มันน่า
ฆ่าให้ตายมากกว่า
“กูเจ็บอยู่ไอ้เหี้ย มึงนี่แม่งเลวจริงๆ เลยว่ะ” ธีร์ด่ากลับไปอย่างหัวเสีย
“นี่มึงคิดว่ากูอยากอะไร” ถามด้วยรอยยิ้มที่เป็นต่อ
“อย่างมึงก็มีเรื่องเดียวเท่านั้นแหละ หายใจเข้าออกก็เป็นเซ็กส์” ธีร์ตอบ
“งั้นมึงก็คงหายใจเข้าออกเป็นเซ็กส์ด้วยล่ะสิ ถึงได้รู้ว่ากูอยากอะไร” พัฒน์ว่า ทำให้ร่างบางเม้มปากแน่นด้วยความเจ็บใจที่เสีย
ท่าจนได้
“ถ้างั้นมึงอยากอะไรล่ะ”
“กูแค่อยากมา แค่นั้น” ตอบพลางยักไหล่กวนๆ
“งั้นก็ควรอยากไปได้แล้ว กูจะพักผ่อน”
“หึ ไม่คิดจะชวนเข้าไปในห้องหน่อยหรือไง”
“ไม่!!” ธีร์ตะโกนเสียงดัง
“มึงไล่หรือเถียงกูอีกครั้งกูปล้ำมึงแน่”
“อย่านะเว้ยไอ้พัฒน์” ธีร์ค่อยๆ ถอยหลังหนี เมื่อพัฒน์จับประตูเอาไว้แน่นแล้วเอาตัวเองเข้ามาในห้องได้สำเร็จ แต่ยังไม่ทันที่จะ
ปิดประตู เสียงสวรรค์สำหรับธีร์ก็ดังขึ้น
“มีอะไรหรือเปล่าวะ” อินทัชหรืออิน เพื่อนสนิทของธีร์ คว้าประตูเอาไว้ทันก่อนที่จะปิดลง เมื่อเปิดก็พบว่าผู้ชายตัวใหญ่กว่าเพื่อน
ของเขากำลังคุกคามเพื่อนของเขาจนน่าสงสัย
ที่นี่ไม่มีระบบความเป็นส่วนตัวหรือไง
อย่างไอ้ธีร์ไม่น่ายอมให้ใครเข้าห้องอยู่แล้ว ถ้าไม่รู้จักมาก่อน…
“ไอ้อิน มึงมาแล้ว” ธีร์วิ่งมาจับแขนอินทัชอย่างดีใจที่เพื่อนสนิทของเขาได้เสียที
“เออ...ว่าแต่ใครวะ” ถามเพื่อน แต่ตาจ้องคนที่สูงกว่าอย่างต้องการประเมิน
“มันชื่อพัฒน์ คนสนิทของคุณดิน” ธีร์ตอบ
“สวัสดีครับ” อินทัชยกมือไหว้ เพราะดูจากท่าทางแล้ว พัฒน์อายุมากกว่าตนแน่นอน
“อืม” พัฒน์รับคำสั้นๆ
“เพื่อนกูมาแล้ว มึงกลับไปได้แล้ว”
“หึ” พัฒน์เดินมาธีร์หัวเราะในลำคออย่างคาดเดาอารมณ์ไม่ได้ มองธีร์กับอินทัชสลับกันไปมา ก่อนจะก้มลงกระซิบข้างหูเมื่อเดิน
ผ่านอีกคนไปยังประตู
“อย่าหนักมากล่ะ พรุ่งนี้ต้องทำงาน”
ปัง!!
“ชิ!”
...
...
...
50%

ตอนที่ 11 มาแล้วจ้า รอกันนานเลย ^_^ อาทิตย์นี้สอบไฟนอลแล้วค่า อาทิตย์หน้าปิดเทอมอย่างจริงจังสักที คราวนี้จะปั่นให้หนำใจกันไปเลย เอาตัวละครใหม่มา สปอยอีกตอนละกันนะ มีใครคิดบ้างไหมว่าอินทัชจะมาในรูปแบบไหน อิอิ รักนักอ่านทุกคนจ้า เม้นท์กันเยอะๆ นะคะ พรุ่งนี้กะว่าจะลง แต่ลงไม่ได้แล้ว มีสอบ 2 วิชาเลย ยังไงมีอะไรก็ถามทิ้งไว้ในเพจเลยนะคะ ขอไปอ่านหนังสือเตรียมสอบก่อน ^_^
https://www.facebook.com/sawachiyuki