https://www.youtube.com/v/1_374c5JFv8เอี๊ยดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด“ไอ้สัส! ขับให้มันดีกว่านี้ไม่เป็นหรือไงห๊ะ” เสียงเบียดล้อกับพื้นถนนดังลั่นในตอนที่เอสเลี้ยวเข้ามาจอด แคปหัวเกือบโขกหน้ารถแล้วไหมล่ะ
“บ้าฉิบ” ปากสวยยังด่าต่อ แต่คนขับอย่างเอสไม่ยี่หระกับคำด่าอะไรอีกแล้ว ตรงๆคือหูชาโดนมันด่ามาตลอดทางจะไม่ให้อารมณ์เสียเลี้ยวรถเข้ามาจอดลงแรง ๆ ได้ยังไง
“กดล็อคให้กูสิวะ รถเหี้ยนี่ก็บ้าไม่มีปุ่มเปิดล็อค ประสาทแล้วมึงซื้อรถยังไงห๊ะ” แคปหันไปพาลใส่มั่วแล้ว เอสกดเข็มขัดนิรภัยออกแต่ยังนั่งนิ่ง ๆ ไม่ยอมหันมาพูดจาอะไรเลยสักคำ
“กูบอกให้ปลดล็อคให้กูหูหนวกเรอะ” แคปหันไปตะโกนใส่อีกครั้ง เขาตะปบมือข้ามไปจะกดออกเองเจอเอสคว้าหมับเข้าให้แล้วบีบ
“โอ๊ยไอ้เหี้ย” แคปเบ้หน้าเพราะโดนบีบแขนแล้วบิดแรงมากเหมือนกัน
“คุยกันหน่อย..” เสียงทุ้มต่ำที่ดังเย็นเฉียบเหมือนคนที่นั่งอดทนมาตลอดแล้วถึงจุดระเบิด แคปพยายามจะดิ้นออกแต่อีกคนก็แค่ผลักเขาจนหลังติดเบาะตามด้วยร่างกายสูงใหญ่ของมันตามเข้ามาคร่อม มือหนาเลื่อนเข้าไปจัดการเอนเบาะลงจนเกือบจะสุด
“ไอ้สัสปล่อยกูเว้ย ขึ้นมาทับทำไมห๊ะกูอึดอัด อื้ออ”
“อยากลองในรถไหมหื้อ..”
“อย่ามาพูดเรื่องบ้าๆ!” แคปเสียงดังลั่นจนเอสต้องบีบปากเล็กเอาไว้ เบามือไม่ได้เสียด้วยพยศตัวพ่อจริง ๆ
“บอกกูมาซิ มึงเป็นอะไรของมึงอารมณ์เสียเรื่องอะไรวะห๊ะ จู่ ๆลากกูออกมามีเรื่องแบบนั้น พอกูขึ้นๆมามึงสู้ไม่ได้มึงก็รู้อยู่แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
“อย่ามายุ่งกับกู!”
“บอกกูมา มึงเป็นอะไร!” เอสตะคอกเลยคราวนี้หน้านิ่งจนแคปผงะไปนิดๆ
“จะพูดไม่พูดแคป อย่าให้กูขึ้นไปกว่านี้นะ”
“ไอ้สัส กูหนัก”
“งั้นก็บอกมา พูดมาให้หมดมึงเป็นอะไรของมึง”
“กูเคยบอกไปแล้วยิ่งได้แล้วกูยิ่งหวงแต่มึงก็ยังจะทำ!”
“กูทำเหี้ยอะไร” เอสสวนขึ้นมาทันทีจ้องแคปตาไม่กระพริบ
“มึงนอกใจกู!” แคปตะคอกใส่หน้าด้วยน้ำเสียงสั่นระริก
“...........”
“อย่ามาคิดว่ากูโง่ เห็นอยู่เต็มสองตา จะหลอกกูอีกนานแค่ไหนกันล่ะ จบกันไปสิมึงอยากควงใครแบบไหนเชิญมึงเลยแต่อย่าทำตัวเหมือนกูเป็นควายที่มึงจะหลอกกูไปทางไหนก็ได้ รู้จักกันใช่ไหมล่ะ เหมาะสมกันใช่ไหมล่ะ มึงกับแม่นั่นก็ควรคู่กันแล้วนี่มายุ่งกับกูอีกทำไมปล่อยกูไปสิวะห๊ะ!”
“แคป!”
“เถียงไม่ออก หึ เถียงไม่ออกเพราะมันคือความจริงใช่ไหมห๊ะ!!” แคปแค่นเสียงเหยียดใส่เต็มที่ ปิดท้ายด้วยตะคอกใส่ไอ้คนที่นิ่งเฉยอย่างดังสุดแรงของเสียง แต่เอสก็แค่ขยับสายตามองคนใต้ร่างตะโกนใส่เขาอยู่แบบนั้น
“.............”
“กูไม่เสียใจเลยไอ้เหี้ย! ไม่เลยสักนิด ไม่เสียใจหรอกโว๊ยเรื่องแค่นี้กูไม่เสียใจเลยมึงรู้บ้างไหม!!!”
“..............”
“จบกันไปเหอะว่ะแม่งเอ๊ยยยย อ่ะ!! อื้ออออ...พอ ไม่...” อย่าคิดว่าเอสจะทนไหว ความอดทนขาดลงทันทีที่ได้ยินคำว่าจบกันจากปากของแคป ริมฝีปากหยักเบียดบด ขยี้ลงทำโทษคนที่พูดคำๆนี้ออกมาได้ง่าย ๆ โดยที่ไม่รู้เลยว่าคนฟังจะมีความรู้สึกแบบไหนอยู่ ลิ้นร้ายต้อนแล้วเกี่ยวรัดดูดดุนราวเปลวเพลิงขณะที่แคปจะเบือนหน้าหนีหลบ มือหนาสอดเข้าไปกระชากผมนิ่มให้หน้าเริ่ดล็อคทุกอย่าง ลิ้นที่สร้างความวาบหวามแต่ช่างรุนแรงตะกลุมตระกลามไร้ความอ่อนโยนแม้แต่ขบกัดจนได้กลิ่นเลือดฝาดอยู่เต็มปาก เอสใช้ปากสั่งสอนอีกคนอยู่แบบนั้นจนพอใจก่อนถอนริมฝีปากออกมาแล้วปล่อยลิ้นสากลากไล่บี้ไปตามกกหู “ฮื้มม....” เสียงครางหลุดออกมาอย่างไร้อาย แคปเนื้อตัวสั่น
“ผู้หญิงคนไหน” เสียงทุ้มต่ำถามขึ้นนิ่งๆ
“ยังจะมีหน้ามาถาม” แคปว่าทั้งที่ยังหอบ ปากเจ่อไปหมด
“คนไหนล่ะมึงบอกสิ”
“มีเยอะหรือไงถึงต้องให้กูระบุตัวน่ะห๊ะ อย่ามาล้อเล่นกับกูนะเว้ย”
“..............”
“สมกันฉิบหายมึงกับแม่นั่น พอเหอะว่ะเรื่องของเราแม่ง มันไม่ใช่เลยสักนิด”
“.............”
“กูโคตรโง่เลย...” ไม่ใช่แค่น้ำเสียงที่แสดงออกว่าน้อยใจ แคปพูดแล้วยังต้องเบือนหน้าหนีจากไอ้คนด้านบนแต่เอสกลับจับใบหน้าเล็กบีบคางให้หันมามองหน้าเขาดี ๆ
“ฟังนะ..”
“..........”
“มึงจำไว้นะแคป.....ไม่ว่าเราสองคนจะทะเลาะะกันแค่ไหน อย่าพูดคำว่าเลิกกันออกมาง่ายๆอีก กูกับซายไม่ได้มีอะไรกันทั้งนั้น เขาก็เป็นแค่หนึ่งในกลุ่มเพื่อน รู้จักกันมานานแล้วถ้ากูจะชอบเธอจริงๆกูจีบไปตั้งแต่ปีหนึ่งแล้วไม่มารีรอจนถึงตอนนี้ค่อยคบหรอกมึงรู้นิสัยกูดีอยู่แล้ว”
“................” กูคงเชื่อมึงหรอก นึกในทางกลับกัน ถ้าแฟนกูซักฟอกกูก็จะบอกแบบนี้เหมือนกันนั่นล่ะ
“เลิกคิดเรื่องไม่เป็นเรื่อง” เอสใช้ความเร็วงับปลายจมูกแคปแรง ๆ หนึ่งที คนถูกทำฟาดผั๊วะลงมากลางหลัง
“ก็พี่ชายกูบอกว่าพวกมึงสองคนคบกันอยู่ จะให้กูเข้าใจว่ายังไงห๊ะ” แม่งสวยหล่อเหมาะสมกันอีกกูก็คิดมากสิ นมตู้มขายาวเรียวสวยในขณะที่กูแบนแต๊ดแต๋ไม่มีเหี้ยไรเลยแบบนี้
“พี่ชายมึง...เฮียเต้น่ะเหรอ?”
“ก็มีคนเดียวนั่นแหละ!”
“มึงถูกเฮียเต้หลอกแล้วไอ้แคป”
“ห๊ะ!”
“บอกตรงนี้เลยนะกูไม่ได้คบผู้หญิงคนไหนทั้งนั้น นอนกับมึงอยู่ทุกวี่ทุกวันจะมีเวลาไปคบกับใครได้อีกล่ะหื้อ เรียนก็หนักไหนจะงานที่ต้องรับผิดชอบ ถึงจะมีผู้หญิงผู้ชายหน้าไหนมาติดกูก็ไม่รู้ด้วยแล้วเว้ยเรื่องนั้นน่ะ”
“เหอะ กูเชื่อมึงหรอก ทำเป็นพูดดีใครๆก็พูดได้ทั้งนั้น” มันโกหกชัวร์
“ไม่ต้องเชื่อหรอก บังคับไม่ได้อยู่แล้ว” เอสยังคงทำหน้านิ่งๆได้เหมือนเดิมของมันไม่เปลี่ยน
“ก็แล้วมึงจะทำยังไงล่ะห๊ะ แก้ปัญหาสิวะ กูโกรธเนี่ย ทำไงกูจะหายล่ะเว้ยมึงคิดสิ” แคปเริ่มทำอะไรไม่ถูกโวยวายขึ้นมาอีกเมื่อคิดว่าตัวเองอาจหูเบาโดนพี่ชายหลอกเข้าแล้วจริง ๆ โถ่เว้ยไม่มาอยู่ในสถานการณ์เขาบ้างอย่ามาตัดสินว่าเขาใช้อารมณ์ ก็เพราะว่าไอ้ตัวอันตรายนี่มันทำตัวให้คิดทำไมล่ะ
“นั่นสิ ทำยังไงดีล่ะ” น้ำเสียงเอสเหยียดนิดๆเยาะหน่อย ๆ มันพูดเหมือนกับว่ากำลังหยั่งเชิงแคปอยู่ นั่นยิ่งทำให้แคปโมโหเข้าไปใหญ่
“บ้าเอ๊ย!”
“ไม่ต้องหายหรอก โกรธต่อไปเหอะ”
“ไอ้โรคจิต”
“โกรธนานๆเลยนะ อย่าหายโกรธล่ะเมียเพราะกูจะไม่ง้อ” เอสแสยะยิ้มนิดๆส่งเสียงทุ้มต่ำในคอ แคปนี่กัดปากแน่นเลยเหอะ “ไอ้...”
“ชู่ว์~ จูบกันดีกว่า ยิ่งโกรธกันยิ่งจูบมันส์ เดี๋ยวกูจะทำให้มึงดู ดูดลิ้นแรงๆมึงชอบใช่ไหม”
“มึง..อ๊ะ อย่าเพิ่งสิวะไอ้สัสนี่..
“ไม่รอแล้วเว้ย”
“อ่ะ..อื้มมม” ริมฝีปากนิ่มถูกเบียดลงมาพร้อมกับปลายลิ้นชื้นแฉะดุนดันเข้าไปกวาดต้อนคราวนี้อ่อนโยนลงจากเมื่อตะกี้เยอะ สองมือเล็กขยุ้มลงที่เสื้อเนื้อดีด้วยความรู้สึกหวามในโพรงปาก “อือออ..” แคปครางรับเสียงอ่อนล้าก่อนทุบลงไปที่ต้นแขนแกร่งแรง ๆ แต่ก็ยอมเปิดรับและตอบสนองและตอบโต้ มือหนาสอดเข้ามาถึงยอดอกแคปตาโตขึ้นมาเมื่อรู้สึกได้ว่าถูกสะกิดและบีบส่วนสำคัญเข้าแล้ว
“อ่ะ...เดี๋ยว อ๊ะ...มึง ยะ...อย่าเพิ่งสิวะ อื๊ออ..” สันจมูกซุกลงมาที่ซอกคอพร้อมๆกับริมฝีปากที่ดูดดึงเล่นอย่างที่มันชอบทำ แคปเผลอเอียงคอให้อีกฝ่ายได้ทำแบบเต็ม ๆ เอสเก็บเกี่ยวสัมผัสไปทุกตารางนิ้วจูบแล้วดูดจนเนื้อนิ่มเป็นรอยนิดๆ เขารู้น้ำหนักดีอยู่แล้ว และก็รู้ทุกจุดที่แคปจะเผลอร้องครางขึ้นมา ลิ้นร้ายไล้เลียไปในตอนที่เขากัดลงเบา ๆ แล้วดูดดุนให้แดง ขณะที่แคปหลับตาจิกมือลงที่สองแขนคนจู่โจมแน่น
เขาเผลอคิดไปได้ยังไงชั่ววูบหนึ่งว่าสองคนนั้นเหมาะสมกัน
เผลอคิดไปได้ยังไงชั่ววูบเดียวที่ว่าเอสมันคงจะรู้สึกชอบเธอ
เขาเผลอคิดเรื่องแบบนั้นลงไป ทั้งที่ก็เห็นอยู่ตลอดแล้วว่าเอสทำอะไรแบบไหนอยู่กับเขาตลอด
“อื้มมม..” แคปครางออกมาลืมตัวอีกครั้ง เอสละสายตาขึ้นมองแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์พอใจ
“ไม่ต้องมามอง”
“ชอบเสียงมึงคราง”
“เหอะ” แคปหน้าร้อนขึ้นมาสิแดงก่ำไปหมด แต่ก็ปล่อยให้มันมองต่อไป ทำยังไงได้ดันมันเท่าไหร่ก็ไม่ยอมลุกออกไปเสียที
“กูไม่นอกใจมึงหรอกไม่ต้องคิดอะไรโง่ๆเลย มึงดุขนาดนี้กูคงไม่เอาตัวเองไปเสี่ยงหรอกวะ หึหึ”
“มึงไม่มีสิทธิ์นอกใจกูอยู่แล้ว คนที่ทำได้มีแค่กูคนเดียว และมึงไม่มีสิทธิ์เลิกกับกูด้วย คนที่บอกเลิกได้ต้องมีแค่กูเหมือนกัน!”
“เอาแต่ใจน่าดู”
“เรื่องของกูสิ”
“แต่ว่านะแคป..มึงลองนอกใจกูสิ ไม่ต้องอื่นไกล แค่ครั้งเดียวเท่านั้น คนของมึงตายก่อนส่วนมึงกูจะเอาให้ค่อยๆตายทั้งเป็นแบบที่มึงคิดไม่ถึงเลยล่ะ”
“กูกลัวมึงหรอกไอ้สัส ไม่ต้องมาขู่เลย เรื่องตัวเองเอาหัวมึงให้รอดเหอะ ไม่ใช่ว่าพรุ่งนี้กูจับได้ว่ามึงมีนอกมีในนะ กูอาละวาดแน่”
“น่ากลัวจริงนะ”
“จะลุกออกจากตัวกูได้หรือยัง” ชั่งใจอยู่นิดหน่อยแต่ในที่สุดเขาก็ยอมลุกออกมา แคปเลื่อนปรับเบาะจากนั้นหันมองไอ้คนที่นั่งเฉยอยู่ยังไม่ยอมปลดล็อคออกให้
“จะลงไหมห้อง อย่าเรื่องมาก”
“ขึ้นไปกูจับมึงฟัดแน่”
“ทำได้ก็ลองดู”
“..........” เอสหันมามองแล้วแสยะยิ้มเหี้ยม มีครั้งไหนบ้างที่เขาทำไมได้เหรอหื้อ เสียงปลดล็อคดังขึ้นแคปมันก็แค่เปิดรถเดินหน้าตึงเข้าไปในตัวอาคารด้านในเพื่อรอขึ้นลิฟต์ก็เท่านั้น ขณะที่ไม่ไกลจากรถที่สองคนเพิ่งเดินลงไป ปอกับอาร์มาถึงกันได้สักพักแล้ว
“กูบอกแล้วว่ามันไม่ได้ทะเลาะกัน นั่นน่ะวิธีแสดงความรักของพวกมันสองคน..” ปอพูดขึ้นเบา ๆ มือข้างที่เท้ากับพวงมาลัยตบฉาดลงไปหนึ่งทีจากนั้นฟันธงเลย พวกเขามองรถที่ขย่มไปขย่มมาอยู่นานแล้ว
“แต่สยองว่ะ” อาร์พูดพร้อมทำหน้าสยองอย่างว่าจริง ๆ
“หาแบบนี้สักคนไหมล่ะมึง”
“แบบใคร แบบไอ้เอสก็เอาอยู่แต่แบบไอ้แคปกูไม่เอานะ หึงโหดสัสๆ”
“ไอ้เอสก็ใช่ย่อยหรอก มึงรู้เรื่องไอ้แบงค์นั่นรึเปล่า อย่าให้มีอีกเป็นพอไม่งั้นกูว่ามันได้ไปหยอดน้ำข้าวต้มแน่ๆ”
“อึ๋ย ถ้าแค่น้ำข้าวต้มกูก็ยังพอว่านะ แต่มึงก็รู้ตระะกูลอัครรัชชานนท์ ถ้าคิดจะเก็บใครมันก็ทำได้ป่ะวะ”
“เฮ้ย มันคงไม่รุนแรงขนาดนั้นหรอกไอ้เหี้ยอาร์ มึงก็พูดซะกูกลัว กูทำงานให้เขาอยู่นะเว้ย” ปอหันมาดูแบบจริงจังเลยสิ ไอ้อาร์ชอบพูดอะไรติดลบตลอดศกถึงจะเอาความจริงมาอ้างอิงก็เถอะ
“เวลาเปลี่ยนอะไรๆก็เปลี่ยน อีกสองปีกูว่ามึงไม่ใช่แค่เลขาหรอกไม่ใช่แค่คนขับรถมันด้วย ตำแหน่งบอดี้การ์ดของไอ้คุณชายเอสเธอร์ก็คงไม่พ้นมึงล่ะสิ”
“ห๊ะ?!”
“ทำใจเหอะไอ้ปอ กูว่าเดี๋ยวมึงไม่แคล้วต้องถูกจับฝึกอาวุธแน่ ๆ แล้วเผลอๆไอ้แบงค์แม่งเหยื่อรายแรกของมึงเลยเชื่อสิ”
“สัสอาร์มึงนะมึง อย่าพูดสิวะ”
ขณะเดียวกันอีกฝากหนึ่งของพี่ชายคนเดียวของเจ้าแคป เต้ผิวปากอารมณ์ดีขับรถกลับห้องโดยมีรัฐนั่งอยู่ข้าง ๆ เหมือนทุกวัน
“มึงก็ไปแกล้งน้องนะเต้ อาร์มันหน้าเสียขนาดนั้นน่าสงสารออก ตกใจกันทั้งกลุ่มไหมล่ะนั่นอุตส่าห์มาแอบดูสาวถึงคณะเรา เคยซะที่ไหน”
“หึหึ ก็มันน่าขำนี่หว่า มันไม่เจียมตัวอ่ะมึงคิดดูเตี้ยขนาดนั้นผู้หญิงอย่างแวร์ซายสูงร้อยเจ็ดสิบสามจะไปมองมันได้ยังไงวะ เวลาคุยต้องก้มหน้าลงไปคุยกับแฟนงี้เหรอ” เต้ละสายตามาแสดงท่าทางนิดๆหน่อยๆรัฐถึงกับหน้างอ
“ลาเต้แม่งทุเรศ มึงไม่ต้องแสดงท่าทางประกอบไม่มีใครเขาว่าหรอกเว้ย”
“ก็มันจริง”
“จริงก็ช่าง”
“กูไม่อยากให้มันเสียใจไง ผู้หญิงน่ารักที่เหมาะสมกับมันยังมีอีกเยอะ มองๆไปสิ มึงก็รู้คุณหนูแวร์ซายเขาเป็นยังไงไม่ใช่สูงแค่ตัว หัวก็สูงด้วย”
“แต่มึงก็สมมติคู่แข่งน่ากลัวไป๊ เล่นเอาไอ้เอสมาพูดเป็นตุเป็นตะ น้องมันก็ใจเสียเลยสิ ใครจะไปสู้ได้วะ น้องรหัสมึงตัวท็อปแบบนั้น”
“เหยมึงก็อย่าป๊อดดิไอ้รัฐ ถ้าไอ้อาร์มันรักจริงมันอาจจะสู้ก็ได้ใครจะรู้ หึหึ”
“เป็นมึงๆสู้ไหมล่ะ”
“ไม่ล่ะ ผู้หญิงแบบนั้นกูขอบาย”
“แต่เธอสวยนะเว้ยไม่สนใจจริงดิ กูเห็นตอนรับน้องยังมาพี่เต้อย่างนั้นพี่เต้อย่างนี้อยู่เลยกูจำได้เหอะ”
“อย่าพูดเรื่องเก่าๆได้ป่ะวะ”เต้เหลือบมองมาที่เพื่อนรักอีกหน เห็นรัฐนั่งทำปากปั้นหน้านึกย้อนอดีตแล้วรู้สึกบอกไม่ถูก
“ทำไม แทงใจมึงเหรอ”
“แน่นอนสิวะ พอเธอเจอไอ้เอสก็เปลี่ยนเป้าหมายเลยทันที ไม่ให้เรียกว่าแทงใจให้เรียกอะไร”
“แน่เร้อ ได้ยินรุ่นน้องมันพูดกันว่าพี่เต้ไม่เล่นด้วยทั้งที่เธอตื้อตั้งนาน คนสวยเลยเปลี่ยนเป้าหมายมาเป็นไอ้เอสแทนไง แต่รายนั้นก็นะไม่สนอีก จนต้นเทอมได้ยินข่าวว่าไปควงกับหนุ่มทันตะอยู่พักนึง ไปๆมาๆตอนนี้ไหงกลับมาเกาะติดไอ้เอสอีกแล้ววะเนี่ย”
“กรรมของมันนั่นล่ะ แต่มันยังว่างนี่เดี๋ยวก็จัดการสนองเธอไปเองนั่นแหละ ผู้หญิงเขาอยากขนาดนั้นกูไม่เคยเห็นมันขัดศรัทธาได้นานหรอก”
“จะแน่เหรอวะ”รัฐคิ้มขมวดเหมือนนึกอะไรสักอย่าง
“ทำไมอ่ะ”
“กูไม่เห็นมันควงใครมาพักใหญ่ ๆ แล้วนา ปกติไม่เคยว่างแบบนี้เลยนี่หว่ามึงว่าป่ะ”
“..........”
“แปลกไหมมึงว่า”รัฐๆนึกไปตามข้อสงสัยที่เขาตั้งขึ้น พยายามเรียบเรียงเหตุการณ์อยู่เหมือนกันแต่เหมือนมันติดๆขัดๆอยู่ที่ตรงไหนสักแห่ง นึกไม่ออก
“นิดๆ”
“เฮ้อ แต่ก็ช่างเหอะมันอาจจะมีตัวจริงที่ท่านพ่อท่านแม่มันจัดการหาให้แล้วมั้ง พวกตระกูลคนจีนร่ำรวยขนาดนี้เป็นถึงลูกชายคนเดียวของท่านเจ้าสัวรัชชา คุณหญิงแม่มันคงจัดการหาให้แน่อยู่แล้ว การแต่งงานก็คือธุรกิจอย่างหนึ่งของเขาเหมือนกันนะมึงอย่าลืมข้อนี้”
“มันจะใช่ไหมล่ะมึง พ่อแม่มันอาจจะใจดีนะเว้ย”
“ขอให้มันจริงอย่างนั้นเถอะ แต่กูว่าไม่เข้าข่ายสักนิด เออเฮ้ยนั่นรถขายผลไม้” รัฐพูดไปเรื่อย ๆ พอสายตาเหลือบเห็นรถเข็นขายผลไม้ทางเข้าคอนโดรีบร้องขึ้นมาบอกเต้ว่าให้จอด
“จะกินเหรอ..”
“เอออยากกินอ่ะ แต่กูขี้เกียจลงแดดร้อนว่ะ เดี๋ยวขึ้นห้องแล้วมึงลงมาซื้อให้ใช่ไหมวะ”
“ห๊ะ?” เต้หันมาถาม ดูเหมือนหูเขาจะฝาดไหมหรือยังไง
“กูบอกว่ามันร้อนกูขี้เกียจลง เดี๋ยวขึ้นห้องแล้วมึงค่อยลงมาซื้อให้ก็แล้วกัน มึงดำกว่ากูมึงไม่ร้อนหรอก เอาเหมือนเดิมที่เคยกินอ่ะ สัปปะรด มะม่วง แตงโม ฝรั่งแล้วก็ชมพู่ด้วยล่ะ อ้อ น้ำจิ้มเอากระปิเปียกแซ่บๆนะ ”
“นี่มึงท้องป่ะเนี่ย” เต้หันไปมองแล้วทำหน้ายุ่งเลย ตัวเองบอกร้อนขี้เกียจลงไปซื้อมีอย่าที่ไหนให้เขาไปซื้อให้ แล้วสั่งอะไรบ้างล่ะนั่น น่าอายชะมัด
“ท้องกับมึงหรือไงไอ้เหี้ย กูจะท้องได้เรอะ” รัฐด่าเข้าให้ เต้เหวอไปเลย
“อ้าวขับต่อไปสิวะจอดทำไมไม่ได้ยินกูบอกมึงอ่อ?”
“ทั้งปีอ่ะ..” เต้ทำอะไรไม่ได้ออกรถแล้วขับต่อไปเหมือนเดิม ได้ยินแต่เสียงรัฐนั่งยิ้มหัวเราะชอบอกชอบใจ
“หึหึ”
Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr
“รับให้หน่อย..อ่ะ” รถจอดลงที่ช่องจอดพอดี เต้หยิบโทรศัพท์ที่ดังขึ้นมาดูชื่อที่หน้าจอจากนั้นยื่นให้คนข้าง ๆ
“ใครวะ” รัฐรับโทรศัพท์มาถือไว้ มันมีแต่หมายเลขไม่บันทึกชื่อ เขาเงยหน้าถาม
“สาวสวย เธอมาติดกูเจอเมื่อวาน”
“ไม่ชอบเธอเหรอ”
“ไม่อ่ะ เคลียร์ให้ดิ”
“อืม เดี๋ยวกูจัดการเอง มึงเงียบเถอะ” หน้าที่เขาอยู่แล้วตั้งแต่รู้จักกัน ฟีโรโมนของเต้ไม่ธรรมดาดึงดูดผู้หญิงสวยๆมากมายเข้ามาทำให้ปวดหัวได้เสมอ แต่คนที่ทำหน้าที่จัดการทุกครั้งก็ไม่พ้นไอ้เพื่อนสนิทอย่างเขาทุกทีสิน่า
“ฮัลโหลครับ” รอยยิ้มเหี้ยมประดับอยู่บนริมฝีปากสวย ไม่รู้ทำไมเต้ถึงรู้สึกว่าดูน่ากลัวแปลกๆ
.
.
สุดสัปดาห์นั้นมาถึงไวเหมือนโกหก
“แคปโว๊ยยยยยยยยยยยยยยยยย เร็วเข้าสี่ทุ่มกว่าแล้วจะนอนอุตุไปถึงไหนวะ”
แกร๊ก~“ห๊ะ!” แคปที่กำลังใช้ฝ่ามือดันปากไอ้คนที่จู่ ๆ ก็โดดลงมาคร่อมตัวเขาจนมิดแล้วก็ตั้งท่าจะจู่โจมลูกเดียวไม่ได้ดูเวล่ำเวลาเหี้ยไรทั้งนั้น ปอมองภาพสองคนที่นอนคร่อมกันอยู่ด้วยความรู้สึกแบบไหนไม่มีใครอธิบายออกมาได้
“อ่ะ! โทษๆๆๆๆ กูขอโทษลุกเร็วเข้านะ เดี๋ยวไปไม่ทัน มึงต้องเข้าจัดรายการตอนห้าทุ่มไม่ใช่หรือไง แล้วก็มึงด้วยเอสลุกได้แล้วมัวแต่กกเพื่อนกูอยู่นั่นแหละ อาบน้ำเร็วเว้ยอย่ามัวแต่ตีกันอยู่สิ”
“อุ๊บ อ่ะ เฮ้ย!” หมอนปลิวมาจากเตียงใหญ่ของแคป ด้วยแรงเหวี่ยงฝีมือเอสปามาใส่หัวมันนั่นเอง
“ชิ ขัดอารมณ์กูชะมัด” เสียงทุ้มพูดขัดใจ เอสลุกขึ้นนั่งเสยผมอย่างหงุดหงิด ปอยังไม่เดินไปไหนมองภาพสองตัวทำไมมันไม่ใส่อะไรเลยวะช่วงบน
“จะยืนมองกูอีกนานไหมคุณเลขา”
“อะ...เอ่อ...ไปแล้วเว้ย บอกไอ้แคปลุกนะ ปัง!” ปอทำอะไรไม่ถูกแต่ในที่สุดก็ปิดประตูลงได้ เสียงดังเกินไปจนเอสยังหันมองแล้วถอนหายใจ
“น่ารำคาญ เพื่อนมึงแม่ง”
“มึงนั่นแหละบ้า ทำแต่เรื่องลามก สมน้ำหน้ามึงแล้ว” แคปลุกขึ้นเดินไปคว้าผ้าเช็ดตัวจะเข้าไปอาบน้ำ แขนเพรียวโดนเอสดึงแล้วกระชากลงแรง ๆ ตัวคนทั้งคนนั่งคร่อมลงที่ตักใหญ่
“อย่าบ้าไอ้เอส กูต้องไปทำงานนะเว้ย”
“จูบก่อน นิดเดียว” ใบหน้าคมคายเงยอ้อนเบา ๆ บอกอีกคนจูบลงมา
“ไม่เอา อย่ามายุ่ง” แคปผลักมันออกแล้วลุกเลยสิ รายนั้นก็แค่นั่งมองนั่นแหละถ้าจะบังคับกันจริง ๆ ก็คงได้แต่ก็ช่างมันเถอะ มือใหญ่เสยผมอีกสองสามทีแล้วคว้าเอาผ้าเช็ดตัวเดินออกไปอาบน้ำบ้างเหมือนกัน
“ผูกสิ หน้าที่มึง” พอแคปแต่งตัวเสร็จกำลังทยอยหยิบบรรดากระเป๋าตังค์โทรศัพท์เครื่องเล่นเพลงอะไรโน่นนี่นั่นใส่กระเป๋าสะพาย เอสก็เดินเข้ามาหาบอกแคปผูกเนคไทให้เขาหน่อย
“มึงจะบ้าเหรอ ดึกดื่นป่านนี้จะผูกไทด์ทำไมวะ” แคปถามขึ้นงงๆ เออยืนแต่งตัวด้วยกันก็ไม่ทันสังเกตนะมันใส่ชุดอะไร
“เออน่าผูกให้หน่อย”
“บ้าไปแล้ว ใส่เสื้อตัวอื่นไปจะใส่เชิ้ตทำไมเล่าไม่ร้อนเรอะ”
“อย่าถามมากกูบอกให้ผูกก็ผูกเหอะ”
“...............” แคปส่ายหัวแต่ก็ยอมขยับเข้ามาผูกให้ เอสยืนมองหน้านิ่ง ๆ แคปไม่อยากจะสนใจหรอก แต่ภาพสะท้อนของพวกเขาสองคนในกระจกตอนนี้มันช่าง...
“จูบด้วยสิ ขอของแถมหน่อย”
“ทำไมถึงมีแต่มึงเท่านั้นล่ะที่มีแต่ได้น่ะ”กูเสียเปรียบทั้งปีใช่ไหม
“นิดเดียว แถมจูบ”
“แถมจูบหัวมึงสิ” แคปพันไปสองรอบแล้วไม่รู้บ้าอะไรวันนี้ถึงได้ผูกผิดๆถูกๆเนี่ยโว๊ะไม่สวยเอาใหม่ก่อน เอสก็เหมือนจะรู้ทันด้วยนะเขายืนเงยหน้านิ่ง ๆ ปล่อยให้แคปทำไปเลย
“เมียกูทำหน้าโหดทำไมวะเนี่ย”
“อย่าปากมาก” ในที่สุดก็ผูกเสร็จ แคปมองไปที่กระจกเห็นเอสมันไม่สำรวจสิ่งที่รัดคอมันอยู่ด้วยซ้ำจ้องหน้าเขาอยู่นั่นแหละ สายตาอบากได้อะไรบางอย่างสุดขีด
“น่ารำคาญว่ะแม่ง วุ๊ย!” มือเล็กกระชากไทด์ที่ตัวเองเพิ่งผูกเสร็จรั้งเข้ามาหาตัวแล้วเบียดริมฝีปากขยี้ไปแรง ๆ เอสโอบมือเข้ารอบเอวบางไม่รีรอ เขารับจูบจากคนที่เตี้ยกว่านิดๆทันที ปลายลิ้นสองคนพัวพันดูดดึงจนเกิดเสียงดังลอดออกมา แคปที่จะผละออกแต่กลับถูกกอดรัดไว้แน่นยิ่งกว่าเก่า
“อื้อออ”
“ยังไม่อิ่ม...” เอสพูดทั้งที่ยังจูบ สันจมูกซุกลงมาที่ซอกคอขณะที่มือซุกซนเลื่อนขึ้นมาบีบเข้าที่ยอดอกผ่านเสื้อตัวบางแคปร้องจ๊ากขึ้นมาทันที
“ไอ้สัสกูเจ็บ!”
“ดีดดิ้นเหรอหื้ออ..”
“เดี๋ยว อ่ะ...” ขัดไม่ได้หรอกต้องรอมันซุกจนพอใจนั่นแหละยิ่งต่อต้านมันยิ่งแกล้ง ฟันกระต่ายขาวๆก้มลงมางับเข้าที่ยอดอกอย่างหมั่นเขี้ยวหนึ่งที
“เพี๊ยะ! พอโว๊ย!!” แคปหลุดออกมาได้ในที่สุดชี้หน้าด่าไม่มีดี เอสมันก็แค่พออกพอใจหัวเราะหึหึเดินตามหลังกันออกไป
“ไม่ต้องรอก็ได้ไอ้ปอ เดี๋ยวกูกว่าจะกลับมา” แคปสวมรองเท้าแล้วมองปอที่นั่งแท็กเกมส์อะไรสักอย่างอยู่จอใหญ่มาก มันต่อเข้าทีวีติดผนังเลย
“อืม รอเหมือนเดิมอ่ะแหละ” ปอพึมพำขึ้นมาแต่ไม่ได้หันมอง สองคนตรงออกมาจากคอนโดใช้เวลาสักพักก็มาถึงตึกไพร์ม สวนกับรถมอไซด์คันใหญ่ของแบงค์ด้วย เอสหันมองตามแบบนิ่ง ๆ ขณะที่แคปมัวแต่สนใจสคริปงานที่อยู่ในมือ สายตาคมกริบภายใต้หมวกกันน็อคสีดำแบบเต็มใบเอสไม่สามารถมองเห็นมันได้แน่นอนอยู่แล้ว แต่ว่าถ้าสัญชาตญาณล่ะก็ ไม่แน่
“จะรออยู่ที่เดิม?” แคปถอดแว่นพับเก็บเข้ากระเป๋าพร้อมกับปิดสคริปปึกหนา ๆ ในมือลง รถจอดนิ่งลงแล้ว เขาสองคนเดินลงมาด้วยกัน
“เดี๋ยววันนี้จะแวะเข้าไปเอาของที่บ้าน ตีหนึ่งจะเข้ามารับมึงให้ทัน”
“ไม่เป็นไรถ้ามึงจะค้างที่บ้านกูกลับเองได้นะ”
“ถ้ากูจะให้มึงกลับเองกูคงให้ไอ้ปอออกมารับมึงแทนกูแล้ว แต่ที่ไม่ทำเพราะอะไร”
“................” ไอ้เผด็จการเอ๊ย แคปกลอกตาอย่างเซ็งเลย เออมันพูดถูกแต่วิธีการพูดมีดีกว่านี้ป่ะวะ พูดหวานๆโอ๋กูมั่งก็ได้นี่
“ตีหนึ่งมึงลงมาเห็นกูรออยู่แน่นอน อย่าทำอะไรนอกลู่นอกทางก็แล้วกันนะเมีย”
“ไอ้สัสนรก” แคปด่าเบามากจริง ๆ แต่ไม่น่าเชื่อว่าเอสมันจะหันขวับมาเลย สองคนกว่าจะแยกกันได้เล่นเอาไม่รู้ใครล่ะที่เหนื่อย ช่วงเวลาดำเนินรายการเริ่มต้นขึ้นและมันก็ถูกดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ ขณะที่แบงค์กับแคปสองดีเจเข้าขากันได้ดีมากจนเกิดเป็นคู่จิ้นคู่ใหม่ขึ้นจนได้ ธีมของรายการวันนี้ก็ยังออกแนวอกหักรักสลายอยู่อย่างเดิม
“มีบางคนบอกไว้ว่า...ความรักคือการเดินทางของหัวใจ การใช้หัวใจนำทางเพื่อไปให้ถึงจุดหมายที่มีรักจริงรออยู่.......สุดแล้วแต่โชคชะตาครับ....ฟังเพลงส่งท้ายกัน คืนนี้ต้องลากันไปก่อน ผมดีเจแคป..”
“และผมดีแบงค์ เจอกันอีกทีศุกร์หน้าห้าทุ่มนิดๆ เราสองคนลากันไปแล้วน๊า บ๊ายบายยยยยยยย/บายคร้าบบบบบบบ”
“...เมื่อรักไม่ใช่ทุกอย่าง เสมอ
รักมันไม่ใช่เธอ ฉัน หรือว่าใคร
รักไม่ใช่ความสุข ในบางครั้ง
รักไม่ใช่ความหวัง ในวันที่ฉันเเละเธอต้องจากไป
รักไม่ใช่ทุกอย่าง......”
Tbc.
หกรีฯ มินชดเชยและไถ่โทษที่หายไปนานนะคะ ยาวเฟื้อยยยยย
มินกลับมาแล้วเด้อออ ไม่ใช่ไม่คิดถึงนะแต่สุดวิสัย เกือบๆชนเดือนเลยเนาะ สำหรับคอมได้ตัวใหม่มานานแล้วล่ะค่ะแต่ไปไม่เป็น เลยต้องรอเครื่องนี้เสร็จมั่นใจว่าไดร้ฟ์ดีไม่หายแน่นอน และทุกอย่างก็อยู่รอปลอดภัยจริงๆ พอได้มาปุ๊ปศุกร์ที่แล้วแต่งเลยสิรอทำไม รีบร้อนเหลือหลายเพราะงั้นบทนี้เก็บแบบลวกๆนะคะไม่มีเวลามานั่งแต่งภาษาให้สวยงามเลย เอาแบบบ้านๆไปเลยนะคิดยังไงเขียบแบบนั้นเนาะ
เห็นกำลังใจจากคนที่เข้ามารอเข้ามาให้กำลังใจแล้วแบบ..ขอบคุณมากมายค่ะ ขอบคุณมากจริง ๆ ช่วยเอ็นดูเอสแคปต่อไปด้วย ขอบคุณที่ทิ้งกำลังใจไว้ให้กัน นักอ่านของมินน่ารักมากรอเก่งกันทุกคนเลอออ
อ่านให้อิ่มแล้วรออีกนะคะนะ 
ปล. เหมือนๆหน้านิยายมินมันหายไปเลยอ่ะค่ะ ตอนแจ้งคอมเสียมันอยู่หน้า58นะ พอเข้าเล้ามาอีกทีคือมันเลื่อนลงมาที่หน้า55 ได้ยังไง ถถถถถถถถถถถ มินเหวอไปนิดหน่อย
ดิท ** ขอบคุณสำหรับชี้แนะคำผิดนะคะ