[นิยายแนวม.ปลาย] (Updated จบซีรียส์ อัพ 14/05)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [นิยายแนวม.ปลาย] (Updated จบซีรียส์ อัพ 14/05)  (อ่าน 66110 ครั้ง)

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7


เหลืออีก 4 ตอนเองก็จบแบ้วครับ อดทนหน่อยนะครับ อิอิ ^^ (แนะนำให้ไปช่วยอ่านเรื่องใหม่ 55+)

แหนะๆๆ มีแผนๆ 55555

 :hao3: :hao3: :hao3:

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ไม่น้าาาา ขอให้แบงค์อย่าเป็นอะไรเลย ใครก็ได้ช่วยแบงค์ที

เค้าไม่ชอบนะถ้าจบไม่แฮปปี้เนี่ยะ มันทำให้จิตตกไปเป็นอาทิตย์ๆ เลยอ่ะ ฮืออออ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
อีคาร์พอีกรึป่าวเนี่ยะ มันชั่วมากๆๆๆๆๆ แบงค์จะเป็นไรไหมนะ เฮ้อออ สงสารแบงค์มากๆ :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ naoai

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-5
แบงค์ตาย ท็อปหันมารับรักคราฟ จบ สบายใจ เหอๆ ถ้าเป็นแบบนี้จะเกลียดคนแต่ง

ออฟไลน์ brookzaa

  • Chill out
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-7
จิ้มๆๆ ทิ้งไว้ อดทนรออีก เดือนจบแล้วค่อยอ่านรวดเดียว ทำใจก่อนอ่านเม้นแล้วยังไม่อยากอ่าน  :mew2:

ออฟไลน์ akiraakka

  • Deus Deorum (God of Gods)
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
    • เพื่อน(?)ผมเป็นผู้วิเศษ ภาคแรก
ขอกำลังใจให้แบงค์หน่อย   :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ LeeGwakNAT

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 8
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
พรุ่งนี้เเล้วสินะที่จะได้อ่านต่อ เป็นกำลังใจให้นะครับ :D

ออฟไลน์ akiraakka

  • Deus Deorum (God of Gods)
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
    • เพื่อน(?)ผมเป็นผู้วิเศษ ภาคแรก
ก่อนจะอ่านบทที่ 31 ขอให้ฟังเพลงนี้ไปพลางๆครับ เรื่องจริง:Singular

บทที่ 31
ความทรงจำ   

                     
ท็อปกำลังนอนอ่านหนังสือการ์ตูนเล่มเก่าที่เขาซื้อมาไว้หลายวันแล้วแต่ยังไม่ได้เริ่มอ่านขึ้นมา พร้อมกับคว้ามันฝรั่งทอดกรอบขึ้นมาเคี้ยวเล่นเพลินๆ อากาศเย็นๆ สบายๆในวันหยุดแบบนี้  ไหนจะได้ไปเที่ยวเล่นกับแบงค์อย่างที่เขารอคอย ก็ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายไปได้มากทีเดียว

หลังจากที่อ่านไปได้สักพัก เขาก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่า โทรศัพท์มือถือของเขาแบตเตอร์รี่กำลังจะหมดตั้งแต่เมื่อเย็น จึงรีบเดินเอาโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาและพบว่า โทรศัพท์นั้นยังคงแบตหมดและดับไปนานแล้ว ทันทีที่เขาเปิดเครื่องและเสียบสายชาร์จ ก็มีข้อความแจ้งเตือนสายที่ไม่ได้รับหนึ่งสายขึ้นมา

- - แบงค์ - -

“เอ๊ะ ทำไมรีบโทรกลับมาจัง ทั้งๆที่เพิ่งแยกกันได้แป๊บเดียวนี่นา” ท็อปพึมพำ เมื่อมองดูเวลาที่มีสายเรียกเข้ามา “ไหนบอกว่า อยากมีเวลาคิดถึงกันไง” ท็อปพูด ยิ้มให้กับตัวเอง ก่อนที่จะลองโทรกลับไป แต่ว่า โทรไปกี่ครั้ง โทรศัพท์ก็ไม่มีใครรับสาย
“คงหลับไปแล้วมั้ง ?” ท็อปคิด ก่อนที่จะมีเสียงออดดังขึ้นที่หน้าห้องชุดของเขา

“ท็อปไปดูซิ ว่าใครมา” เสียงพ่อตะโกนบอกจากในห้องทำงานที่อยู่ติดกับห้องนอนของเขา เขาจึงเดินออกจากห้องของตนแล้วไปดูที่หน้าห้องว่าใครมา

เสียงออดยังคงกดอย่างต่อเนื่องจนน่ารำคาญ ท็อปรีบวิ่งไปเปิดประตูให้เร็วเพื่อให้รู้ว่าใครกันที่มาหายามดึกดื่นป่านนี้
“อ้าว....หวาน เธอมาทำไมเนี่ย? ดึกขนาดนี้” ท็อปอุทาน เมื่อเห็นหวาน ยืนหน้าตาตื่นอยู่ที่หน้าประตู การพบเจอหวานที่หน้าประตูบ้านในตอนนี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาคาดหวังนัก

“ท็อป....ฟังที่เราพูดให้ดีนะ....” หวานพูด อ้ำอึ้ง เมื่อเห็นหน้าเพื่อน

“ทำไม ? มีอะไร ?” ท็อปถามอย่างรำคาญ เรื่องอะไรที่ทำให้หวานถึงกับจำเป็นต้องดั้นด้นมาถึงบ้านของเขา

“เมื่อกี้มีแจ้งเข้ามาที่โรงเรียน พอดีว่า วันเสาร์นี้ เราอยู่ที่โรงเรียน ช่วยงานเอกสารอาจารย์ที่ห้องปกครองจนดึกกับพวกครูที่เขากำลังวางแผนเรื่องงานปีใหม่ แล้วแม่ของแบงค์ก็โทรแจ้งเข้ามาในโรงเรียน....”

ท็อปเริ่มรู้สึกไม่ชอบมาพากลกับสิ่งที่หวานกำลังพูด ยิ่งนึกถึงโทรศัพท์ที่แบงค์ไม่ยอมรับสาย ยิ่งทำให้ท็อปรู้สึกหวั่นๆในใจ

“แบงค์ถูกคนดักตีตอนระหว่างทางกลับบ้าน ตอนนี้บาดเจ็บสาหัส ศีรษะได้รับการกระทบกระเทือน เสียเลือดมากโข เหมือนว่าแขนจะหักด้วย ตอนนี้ตำรวจกำลังรีบรวบรวมพยานหลักฐานว่ามันเกิดอะไรขึ้น เราเลยรีบมาบอกท็อปก่อน เพราะเรารู้ว่าท็อปยังไม่มีโทรศัพท์มือถือใช้.....” หวานรีบพูด

ท็อปรู้สึกเหมือนหัวใจหล่นวูบไปอยู่ที่ตาตุ่ม นี่มันอะไรกันเนี่ย ? ทั้งๆที่พวกเขาห่างกันได้ไม่นาน ทำไมถึงเกิดเรื่องที่ไม่คาดฝันแบบนี้ขึ้นมาได้อย่างไร

“หวาน....เธออำเราเล่นรึเปล่า ไม่ตลกเลยนะ” ท็อปพูด หน้าซีดเผือด หวังในใจลึกๆว่านี่คือเรื่องล้อเล่น

“เราไม่ล้อเล่นกับเรื่องคนเจ็บหรอกนะ...เขานอนอยู่ที่เซนต์หลุยส์ จะไปดูอาการไหม?” หวานบอก

“งั้น เดี๋ยวเราไปเอากุญแจรถก่อน” ท็อปพูด มือสั่น ใจสั่นไปหมด พลางวิ่งไปควานหากุญแจรถมอเตอร์ไซค์ที่วางอยู่เมื่อเย็น แต่ด้วยความตกใจกับอารามขวัญเสีย ทำให้หาข้าวของไม่เจอ

“ใครมาน่ะลูก?” อาจารย์สายัณห์เดินออกมาข้างนอก เห็นหวานยืนอยู่ที่หน้าประตู “อ้าว หทัยรัตน์... มาทำอะไรดึกป่านนี้”

“สวัสดีค่ะ อาจารย์ หนูมาบอกท็อปว่า ตอนนี้แบงค์เขาโดนคนทำร้าย อาการบาดเจ็บสาหัสอยู่นอนอยู่ที่โรงพยาบาล ตอนนี้ เพื่อนๆกับแม่ของแบงค์น่าจะไปถึงที่โรงพยาบาลกันแล้ว” หวานแจ้งข้อมูล

อาจารย์สายัณห์ก็ตกใจไม่แพ้กันเมื่อได้ยินข่าว หันหน้าไปมองลูกชายที่กำลังหากุญแจรถอย่างกระวนกระวาย ยิ่งหา ยิ่งไม่เจอ มือไม้ของเขาสั่นไปหมด

“งั้น ท็อปกับหนู ตามพ่อมา เดี๋ยวพ่อพาไปเอง อารมณ์นี้ท็อปมันคงขับมอเตอร์ไซค์ไม่ไหวแน่...” พ่อพูด ท็อปหันมามองพ่อด้วยความรู้สึกขอบคุณอย่างสุดซึ้ง เขารีบสวมกางเกงขายาวที่เพิ่งถอดเอาไว้ จากนั้นจึงรีบออกจากห้องตามเพื่อนและพ่อออกมาให้เร็วที่สุด เพื่อที่จะไปดูอาการของแบงค์ที่กำลังนอนอยู่ที่โรงพยาบาล

“หมอได้บอกอะไรเพิ่มเติมมาบ้างไหม? หวาน?” ท็อปถาม เมื่อรถเริ่มแล่นออกจากคอนโด

“ทันทีที่เรารู้ เราก็รีบออกมาเลย รายละเอียดเรื่องอาการเราก็ไม่รู้อะไรเท่าไร พวกเราคงต้องไปถึงโรงพยาบาลก่อน เดี๋ยวพี่กายก็จะตามมาด้วย เราเห็นว่าพวกเธอทั้งหมดน่าจะสนิทกัน ก็เลยรีบมาบอก” หวานเสริม

ท็อปรู้สึกโกรธตัวเองอย่างมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เจ็บใจเสียยิ่งกว่าเจ็บใจ ถ้าเกิดว่า เขาอยู่ด้วยแต่แรก เรื่องแบบนี้ก็คงไม่เกิด น้ำตาลูกผู้ชายค่อยไหลรื้นขึ้นมาจนเต็มเบ้าตา อ.สายัณห์เหลือบมองดูลูกชายที่นั่งตัวสั่นอยู่ด้านที่นั่งเบาะหลังของรถ รู้สึกสงสารจับใจ

-----------------------------------------------------------------------------

เมื่อไปถึงโรงพยาบาล แม่ของแบงค์ที่รออยู่หน้าห้อง นั่งร้องไห้ไม่หยุดเรื่องลูกชายของเธอถูกทำร้าย พร้อมป้าอีกคนหนึ่งที่ดูเหมือนจะเป็นคนที่ผ่านมาเจอแบงค์นอนสลบเหมือดอยู่จึงเรียกรถพยาบาลและตำรวจมาช่วย ป้าคนนี้จำแบงค์ได้ว่าเป็นลูกชายของบ้านหลังไหน จึงรีบไปแจ้งข่าว พร้อมกับช่วยให้การกับตำรวจเรื่องสถานการณ์ทุกอย่างที่เพิ่งเกิดขึ้น

เปิ้ลและเกด ต่างยืนร้องไห้สงสารเพื่อนอยู่หน้าห้อง จะมีเหลือก็เพียงเกมส์ที่ยังนั่งอยู่อย่างกระวนกระวายใจ เมื่อเห็นพี่ท็อปอ.สายัณห์ และหวานเดินเข้ามา จึงรีบวิ่งไปหา

“มันเกิดอะไรขึ้น เกมส์ บอกพี่มา มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมมันถึงเกิดเรื่องแบบนี้” ท็อปถามเสียงสั่น

“เท่าที่ผมได้ยินจากป้าแก้วที่เจอแบงค์ ไม่มีใครรู้ว่าใครเป็นคนทำ เพราะไปถึงก็เจอแบงค์นอนจมกองเลือดอยู่ ตอนนี้แบงค์ยังไม่รู้สึกตัวครับพี่ แล้วหมอก็ยังตอบอะไรไม่ได้ เพราะว่า แรงตีสาหัสจนกระโหลกด้านหลังเหมือนจะร้าว” เกมส์บอก ตัวเขาเองก็รู้สึกใจหายไม่แพ้กัน “ผมเพิ่งรู้อีกอย่างจากแม่ของแบงค์” เขาเสริม

“รู้อะไรเหรอ เกมส์ บอกพี่มาเดี๋ยวนี้” ท็อปถามอย่างร้อนใจ

“แบงค์เป็นฮีโมฟีเลีย... ผมก็ไม่รู้ว่ามันคือโรคอะไรจนพี่พยาบาลมาเล่าให้ผมฟังว่า มันคืออาการเลือดไหลไม่หยุดกับพวกเลือดออกตามข้อแล้วก็กล้ามเนื้อได้ง่าย” 

ท็อปแทบจะทรุดลงทั้งยืน แต่มีพ่อช่วยพยุงตัวเอาไว้ “ทำใจดีๆไว้ท็อป ไปนั่งที่เก้าอี้ก่อน” พ่อพูด โอบตัวลูกชายที่อยู่ในสภาวะตกใจขึ้นมา

เขานึกถึงอาการต่างๆที่แบงค์มีหลังจากเกิดเรื่องที่คาร์พชกหน้าของน้อง ไม่ว่าจะเป็นเลือดกำเดาที่ไหลมาให้เขาเห็นเป็นระยะ อาการเขียวเป็นจ้ำๆของแบงค์ตามแขนและขา หลายครั้งที่เขาไปนอนด้วยกันและได้เห็นแบงค์ถอดเสื้อบ้าง ถอดกางเกงบ้าง เขามักจะเห็นว่าแบงค์มีรอยเขียวจ้ำเยอะกว่าที่เคย แต่แบงค์ก็มักปฏิเสธว่าเขาเดินชนของบ้าง ล้มบ้าง จนท็อปต้องคอยบอกว่า “อย่าซุ่มซ่ามสิ”

“พ่อ...ท็อปปล่อยให้น้องกลับบ้านคนเดียว ถ้าท็อปไปส่ง น้องก็คงไม่โดนเรื่องแบบนี้” ท็อปโวยวายอย่างเจ็บใจ หันหน้าไปซบพ่อกอดพ่อร้องไห้ลั่น

“โทษตัวเองไปก็ไม่ทำให้อะไรดีขึ้นมาหรอก ตั้งสติก่อน”

“นี่น้องท็อปใช่ไหมครับ?” ตำรวจที่เพิ่งคุยกับป้าแก้วเสร็จก็เดินเข้ามาหาท็อป “เท่าที่ผมตรวจดูหลักฐานจากโทรศัพท์ที่โทรออกเบอร์สุดท้าย เหมือนว่าเบอร์น้องจะเป็นเบอร์สุดท้ายที่โทรออก ผมอาจจะต้องให้น้องไปให้ปากคำเล่าเรื่องนิดหน่อยว่า เรื่องมันเกิดขึ้นอะไรมายังไง ทำไมถึงมีมูลเหตุจูงใจให้ผู้เสียหายถูกทำร้ายสาหัสขนาดนี้”

ท็อปเงยหน้าขึ้นมา “ดะ..ได้ครับ”

“งั้นเชิญห้องนี้เลย ผมจะขอเก็บข้อมูลคร่าวๆก่อน จะได้นำไปทำเรื่องต่อที่สน.” ตำรวจจึงนำพี่ท็อปไปสอบสวนที่ห้องว่างที่จัดไว้

“พวกหนูรู้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมแบงค์ถึงมีคนมาดักตีแบบนี้? เขาไปทะเลาะอะไรกับใครที่ไหนหรือเปล่า?” แม่ของแบงค์ถามขึ้นเมื่อทุกๆคนมาอยู่กันพร้อมหน้า แต่ไม่มีใครที่พวกเขารู้สึกว่าสงสัยมากพอที่จะเป็นเหตุจูงใจถึงขั้นมาทำร้ายกันซึ่งหน้าแบบนี้ ยิ่งตอนนี้ทุกคนไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ต้องรอให้แบงค์ฟื้นเพียงอย่างเดียว

ปลาคาร์พที่รู้เรื่องทีหลังจากแม่จึงรีบตามมาหาที่โรงพยาบาล มาถึงก็เจอแค่หวานกับอาจารย์สายัณห์และกลุ่มเพื่อนรุ่นน้องที่กำลังนั่งซึมกันอยู่ทั้งหมด “ตอนนี้ทุกอย่างเป็นยังไงมั่ง” ปลาคาร์พถามขึ้น

หวานจึงเรียกคาร์พมานั่งใกล้ๆ แล้วเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง

“แล้ว...ใครล่ะที่เป็นคนทำแบบนี้?” คาร์พพูด เขาเองก็ตกใจไม่น้อยที่เกิดเหตุการณ์ที่รุนแรงแบบนี้ หวานได้แต่อ้ำอึ้งพูดไม่ออกเพราะตัวเธอเอง เมื่อเห็นสภาพท็อปที่เสียใจอย่างหนัก ทำให้เธอรู้สึกเสียใจอยู่ลึกๆไปด้วย

“เรื่องนี้ แบงค์เท่านั้นที่จะให้คำตอบเราได้ เรามารอฟังคำตอบหลังจากที่น้องฟื้นขึ้นมาแล้วจะดีกว่านะ” หวานบอกจบ พอดีกับที่ท็อปออกมาจากห้องที่เข้าไปให้ปากคำกับตำรวจเพียงลำพัง

“เป็นไงมั่งท็อป” คาร์พทักเพื่อนเมื่อเห็นเพื่อนคอตกเดินมา

“กูจะฆ่ามัน ไม่ว่ามันจะเป็นใครที่ไหน ที่มาทำแบบนี้กับแบงค์” ท็อปพูด กัดฟันกรอด “ไม่ว่ายังไง กูจะต้องรู้ให้ได้”

ปลาคาร์พมองเพื่อนที่ส่งสายตาอาฆาตแค้นไปให้กับบุคคลที่ไม่รู้จักแม้แต่หน้าตาหรือชื่อแซ่ หน้าของท็อปแดงไปหมดด้วยความโกรธ เกลียด แค้น เขากลืนน้ำลาย ไม่บ่อยนักที่จะได้เห็นท็อปในโหมดแสดงความโกรธมากขนาดนี้มาก่อน

พี่กายรีบวิ่งหน้าตาตื่นมาที่ห้องฉุกเฉินไล่ๆกัน สายตากวาดหาทั้งท็อปและหวานที่ส่งข่าวไปบอกเขา “ทำไมมันเป็นแบบนี้ล่ะ? มันเกิดอะไรยังไงกันแน่ ทำไมถึงปล่อยให้แบงค์โดนทำร้ายได้ยังไง” เขาโวยวาย เดินปรี่ไปหาท็อป

ท็อปที่ร้องไห้และโกรธจนหน้าแดง ก้มหน้าหลบสายตาพี่กายอย่างสำนึกผิด “ผมผิดเองครับพี่ ผมไม่ได้ไปส่งน้องที่บ้าน เรื่องมันเลยเกิดแบบนี้”

“แล้วมึงรู้ไหมว่าแบงค์ไม่สบายอยู่ แบงค์บอกมึงไหมว่าเขาเป็นโรคเลือดไหลไม่หยุด” พี่กายร้องไห้ออกมาทันที ปากยังคงโวยวาย เขย่าตัวท็อปอย่างแรง ท็อปไม่ได้ตอบ ได้แต่ร้องไห้สะอึกสะอื้น จนอาจารย์สายัณห์ต้องรีบเดินเข้ามาห้าม

“กายสิทธิ์ อย่าไปถามหาเลยว่าใครผิดใครถูก เรามาช่วยกันภาวนาเถอะให้ปาฏิหาริย์มันเกิด ขอให้เจนภพฟื้นขึ้นมาก็พอแล้วตอนนี้ อย่าได้เป็นอะไรมากเลย” อาจารย์สายัณห์บอก

พี่กายทิ้งตัวลงนั่งข้างท็อป แล้วทั้งคู่ต่างก็ร้องไห้ออกมา เสียใจกับสิ่งที่ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นในวันนี้เหลือเกิน

-------------------------------------------------------------------------------------------------

ผ่านมาแล้วห้าวัน ข่าวเรื่องแบงค์ถูกทำร้าย กระจายไปทั่วทั้งโรงเรียน ทำให้โรงเรียนต้องออกกฏให้นักเรียนกลับบ้านให้เร็วขึ้นและพยายามอย่าเดินในที่เปลี่ยว เนื่องจากภัยร้ายในมุมมืดเหล่านี้ เราไม่ทราบแน่ชัดว่าจุดประสงค์ของผู้ก่อเหตุคืออะไร ตำรวจยังพยายามหาหลักฐานแวดล้อม เพื่อให้ได้รู้ว่า ใครกันแน่ที่เป็นคนก่อเหตุ  พยานบุคคลนั้นก็หาได้ยากเต็มที ยิ่งผู้เสียหายยังคงไม่ฟื้นและนอนหลับอยู่ตลอดหลายวันแบบนี้ยิ่งทำให้การตามล่าตัวคนร้ายยังอยู่ในความมืดบอด

ท็อปไม่เป็นอันเรียน ต้องคอยเทียวไปเทียวมาทั้งเช้าและเย็น ยิ่งแม่ของแบงค์นั้น ถึงกับผอมซูบตอบลงไปในเวลาไม่กี่วัน เนื่องจากตัวเธอเองอยู่ลำพังกับลูกชายมาตลอด ถ้าหากว่าแบงค์เกิดเป็นอะไรไปขึ้นมา เธอก็คงไม่ให้อภัยตัวเองเช่นกันที่ย้านถิ่นฐานมาที่นี่

ในช่วงบ่ายวันนี้ ท็อปแอบโดดเรียน มาเฝ้าแบงค์ที่ยังคงนอนหลับไหลไม่รู้ตัวอยู่ ตอนนี้แม่ของแบงค์กลับไปที่บ้านเพื่อนำเสื้อผ้าและของใช้บางอย่างมาเปลี่ยน จึงฝากท็อปให้ช่วยดูแลแบงค์ชั่วคราวตอนช่วงบ่ายนี้ ท็อปได้แต่จ้องมองแบงค์ที่ยังคงสลบ มีเครื่องช่วยให้ออกซิเจนเสียบอยู่ที่ปาก ชีพจรยังคงดังอยู่อย่างต่อเนื่อง หมอที่ตรวจอาการได้แจ้งให้เหล่าเพื่อนๆทราบว่า แบงค์นั้นยังไม่พ้นขีดอันตราย บวกกับยังมีเลือดคั่งในกระโหลกและมีทีท่าว่าจะยังไม่หยุดไหล เจ้าตัวก็ยังไม่รู้สึกตัว ทั้งนี้หมอก็กำชับทุกๆคนว่าจะพยายามเต็มที่ที่จะยื้อชีวิตของแบงค์เอาไว้ให้ได้ สมองของแบงค์ยังได้รับการกระทบกระเทือนกว่าจะฟื้นตัวรอบนี้จึงอาจจะนานเป็นพิเศษ บวกกับอาการเลือดไหลไม่หยุดของเขาที่ต้องคอยให้เลือดและฉีดแฟ็คเตอร์เข้าเส้นอยู่เป็นระยะเพื่อรักษาลิ่มเลือดให้ทำงานอยู่ในสภาพปกติ

พี่กายก็เช่นเดียวกัน เขาแวะเวียนมาหาแบงค์ทุกวันไม่ต่างจากท็อป เขาสารภาพกับท็อปว่า เขาเป็นอีกคนที่รู้ว่าแบงค์มีอาการฮีโมฟีเลียและแบงค์ก็กำชับเขาเช่นกันว่าอย่าได้บอกเรื่องนี้กับใคร เขาไม่อยากให้ใครเป็นห่วง

ยิ่งได้ฟังแบบนั้นแล้ว ท็อปยิ่งปวดใจ “ทำไมแบงค์ไม่ยอมบอกพี่ ทำไมแบงค์ถึงปิดพี่แบบนี้ ถ้าพี่รู้ว่าแบงค์ไม่สบายแบบนี้ พี่จะได้ดูแลแบงค์ให้ดีกว่านี้” เขาร้องไห้ทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องเดิมๆ

“อย่าไปโกรธน้องเลยนะ ท็อป” พี่กายบอกเมื่อมีโอกาสได้อยู่กับท็อปตามลำพัง “แบงค์เขาบอกแล้วก็กำชับพี่ตลอดว่า อย่าบอกพี่ท็อปนะ เขากลัวมึงจะเป็นห่วงจนไม่ทำอะไร แค่เห็นน้องเลือดไหลมึงก็เป็นห่วงจนอยู่ไม่สุขแล้ว ถ้ามึงรู้ว่าน้องเป็นโรคที่รักษาไม่หายแบบนี้ น้องมันเลยเดาได้เลยว่ามึงจะยิ่งไม่เป็นอันทำอะไรแน่”

“ผมไม่เข้าใจ ทำไมถึงต้องปิดผม ทำไมแบงค์เขาไม่คิดบ้าง ว่าถ้าผมรู้เข้าจะได้คอยช่วยดูแล ผมเห็นอาการน้องหลายครั้งหลายหนก็ได้แต่สงสัย ถามกี่ทีก็บอกปัดว่าไม่มีอะไร แล้วผมมารู้ทีหลังแบบนี้ มันโคตรเจ็บใจเลยนะพี่ ผมโคตรรู้สึกแย่มากกับการที่ผมไม่รู้อะไรเลย ไม่แม้แต่จะฉุกคิดจริงจัง” ท็อปบอก น้ำตาไหลออกมาอีกอย่างกลั้นไม่อยู่

“พี่ก็ตั้งใจว่าจะไม่มายุ่งกับพวกมึงแล้ว แต่ก็อดไมได้ ต้องคอยถามอาการแบงค์อยู่ตลอด หลังๆมานี่ เหมือนแบงค์มีความเสี่ยงเรื่องเส้นเลือดในสมองแตกอีกด้วย เพราะบ้านนี้เขามีประวัติเรื่องฮีโมฟีเลียอยู่ ทุกวันอาทิตย์แบงค์มันไปเช็คร่างกายตลอดเลยนะ เพื่อดูอาการอย่างใกล้ชิด เพราะตอนนี้อาการมันเพิ่งเห็นได้ชัดกว่าแต่ก่อน” พี่กายบอกข้อมูล

“ถ้าวันนั้นปลาคาร์พไม่ต่อยน้องจนเลือดออก แบงค์ก็คงไม่มีอาการนี้ใช่ไหมครับพี่? เหมือนมันไปกระตุ้นโรคนี้หรือเปล่า?” ท็อปถาม พยายามโยงเรื่องทั้งหมดให้มาเป็นความผิดของตนเองให้ได้ “ผมเป็นสาเหตุของเรื่องทั้งหมด”

“ไม่ใช่หรอกท็อป แบงค์เขาเป็นโรคนี้อยู่แล้ว เพียงแต่ว่ามันไม่ได้แสดงอาการมากนักเท่านั้นเอง เขามีประวัติเข้ารับการรักษาเพราะเลือดไหลไม่หยุดอยู่ด้วยนะตั้งแต่เด็ก แค่ตอนนี้น้องโตแล้วและอาการของโรคมันพัฒนาขึ้นจนเห็นได้ชัดมากขึ้นแค่นั้นแหละ” พี่กายบอกอย่างเศร้าใจ

“แล้วแบบนี้ แบงค์จะตายไหมครับพี่ ถ้าแบงค์ตาย ผมคงไม่ให้อภัยตัวเองไปตลอดชีวิตแน่ๆ” ท็อปร้องไห้ออกมา

พี่กายได้แต่นิ่งเงียบ ไม่สามารถหาคำไหนมาปลอบใจตัวเองและท็อปได้อีก

“พี่ไม่รู้ว่ะ พี่ตอบอะไรไม่ได้เลย ตอนนี้ หมอบอกว่าเลือดน้องยังคั่งอยู่แล้วก็มีทีท่าว่าจะหยุดไหลยาก ถ้าเกิดผ่านไปอีกอาทิตย์แล้วยังไม่ดีขึ้น พี่ว่าแบงค์อาจจะ.....” พี่กายพูดไม่จบประโยค เสียงสั่นเครือ

“ผมจะทำยังไงดี ผมจะช่วยน้องได้ยังไง ให้ผมตายแทนน้องได้ไหม ผมจะอยู่ยังไงต่อล่ะ พี่กาย ผม.....ผม.....” ท็อปสะอึกสะอื้น ร้องไห้ออกมาไม่หยุด กายลากน้องเข้ามากอดได้แต่ตบหลัง

“น้องต้องหาย เชื่อพี่ น้องต้องหาย” พี่กายพูดสั้นๆ

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ผ่านไปหลายสัปดาห์จนปีใหม่ได้มาถึง บรรยากาศรอบๆตัวในเมืองนั้นต่างก็เต็มไปด้วยความชื่นชมยินดีในการเตรียมเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ แต่สำหรับท็อปนั้น ไม่มีอะไรจะน่ายินดีไปกว่าการที่ได้เห็นแบงค์ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อทักทายเขาอย่างเช่นทุกวัน ยิ่งท็อปมองหน้าแบงค์ที่หลับไม่รู้เรื่องก็ยิ่งรู้สึกจุกอยู่ในอกและลำคอ ถ้าเพียงเขาอยู่ด้วยในวันนั้น ป่านนี้พวกเขาก็คงจะหัวเราะมีความสุขและเตรียมตัวรับเทศกาลแห่งความสุขพร้อมๆกับคนอื่นๆเหมือนกัน

“แบงค์” ท็อปพูด “แบงค์จำได้ไหม? ว่าเราเจอกันครั้งแรกทีไหน” เขาพึมพำ แม้จะไม่หวังว่าผู้ฟังจะได้ยินเขาก็ตาม “เราเจอกันครั้งแรกที่โรงอาหาร ตอนปฐมนิเทศน์ แต่ตอนนั้นจะเรียกว่าเรารู้จักกันก็คงไม่ถูก เพราะจริงๆแล้ว เรามาเจอกันจริงๆ ตอนลูกบาสนำโชคนั่นต่างหาก” ท็อปพูดพลางหัวเราะ น้ำตาค่อยๆไหลลงมา “ถ้าไม่มีลูกบาสลูกนั้นลอยมา เราก็คงไม่ได้เจอกันจริงๆ มันคงเป็นโชคชะตาที่นำเรามาเจอกัน” ท็อปเริ่มสะอื้น “แล้วทำไม โชคชะตาถึงต้องพาให้เราเจอกอะไรแบบนี้ด้วยนะ....”

ท็อปเริ่มสังเกตเห็นแบงค์เริ่มขยับมือข้างที่ไม่ได้ใส่เฝือก เปลือกตาเริ่มขยับ

เขาตกใจระคนดีใจ จ้องมองปฏิกิริยาร่างกายของแบงค์ตาไม่กะพริบ “แบงค์” เขาตะโกน “แบงค์รู้สึกตัวแล้วเหรอ?” แบงค์ค่อยๆลืมตาอย่างช้าๆ มองเกลือกตาไปมารอบๆอย่างตาลอยๆ ท็อปเห็นอาการดังนั้นจึงรีบกดปุ่มเรียกพยาบาลให้เข้ามาดูอาการ ไม่เกินห้านาที เมื่อหมอและพยาบาลต่างกรูกันเข้ามาในห้อง ท็อปจึงขอให้รออยู่ด้านนอกของห้อง เพื่อให้หมอได้เช็คอาการของคนไข้อย่างละเอียด เขาได้แต่กระวนกระวายใจ จึงรีบโทรไปแจ้งแม่ของแบงค์เพื่อให้รีบกลับมา เพราะตอนนี้แบงค์มีอาการตอบสนองและลืมตาได้แล้ว

เมื่อแม่ของแบงค์มาถึงก็พอดีกับที่หมอตรวจอาการของแบงค์เสร็จ จึงเชิญทั้งแม่และท็อปเข้ามาฟังผลตรวจเพิ่มเติม

“ยินดีด้วยนะครับ ตอนนี้น้องมีการตอบสนองที่ค่อนข้างดีมาก ยังดีที่ส่วนที่กระโหลกร้าวนั้น ไม่ได้ทำลายสมองไปด้วย ตอนนี้เท่าที่คุยกับน้องเมื่อกี้ น้องก็สามารถพูดโต้ตอบได้ แต่ยังแบบค่อยเป็นค่อยไป เพราะร่างกายยังไม่ฟื้นเต็มที่ อาการเลือดไหลไม่หยุดคงที่แล้ว ปาฏิหาริย์เหมือนกันนะครับที่เจ้าตัวมีอาการที่ดีขึ้นหลังจากรักษามาร่วมเดือน”

ท็อปกับแม่ได้ยินดังนี้ก็ดีใจจนแทบจะกระโดดร้องไชโยลั่นโรงพยาบาล

“แต่ข้อเสียนิดนึง ตรงที่ว่า ความจำของน้องจะขาดๆหายๆไปเป็นบางช่วง เหมือนตอนนี้ น้องยังเข้าใจว่าตัวเองเพิ่งย้ายลงมาจากเชียงใหม่ เท่าที่คุยกับคุณแม่เมื่อหลายวันก่อนว่า คุณแม่พาน้องย้ายมาจากเชียงใหม่เมื่อต้นปี ตอนนี้น้องเข้าใจว่า เขากำลังรอเรียนเทอมใหม่ที่กรุงเทพอยู่ เหมือนว่า ความทรงจำที่เกิดขึ้นตั้งแต่มาอยู่กรุงเทพฯ หายไปเฉยๆ ดื้อๆเลย”

แม่ฟังดังนั้นก็รู้สึกตกใจ แต่ก็ไม่ได้แย่เท่าไรนัก ถ้าความทรงจำบางอย่างหายไปในระยะเวลาสั้นๆแบบนี้ ก็น่าจะเริ่มใหม่ได้ไม่ยาก “โอ้ คุณพระช่วยแท้ๆเลย ยังดีที่ลูกชั้นไม่ได้สมองเสื่อมไปเลย นี่แค่จำเรื่องหลังลงมาจากเชียงใหม่ไม่ได้ คุณพระคุณเจ้ายังเมตตา” แม่แบงค์พูด น้ำตารื้น แต่สำหรับท็อปนั้น เขามองหน้าหมออย่างตกใจ

“ยังไงเดี๋ยวต้องลองให้คุณแม่ช่วยคุยกับคนไข้นิดนึง เพื่อเช็คอาการนะครับ” คุณหมอพูดก่อนที่จะนำแม่ไปยังเตียงคนไข้ ที่แบงค์ยังลืมตาปรือๆ มองมา

“แม่...” แบงค์พูด “แบงค์ปวดหัวจังเลย ทำไมแบงค์มานอนที่โรงพยาบาลล่ะแม่?” แบงค์ถามช้า ๆ

“อ๋อ อุบัติเหตุน่ะลูก นอนพักสบายๆไปก่อน เดี๋ยวถ้าหายแล้ว ก็ได้กลับไปนอนอยู่บ้านเราแล้ว” แม่พูด น้ำตาไหลด้วยความยินดี เธอเขยิบไปนั่งข้างเตียง มองไปที่คุณหมออย่างปลื้มใจที่ลูกชายจำตัวเองได้”

สิ่งที่ท็อปกลัวที่สุดกำลังจะมาถึง แม่เรียกท็อปให้เดินมาข้างเตียงอีกฝั่ง ท็อปจ้องมองแบงค์อย่างหวั่นๆ “แบงค์ จำพี่คนนี้ได้ไหม? พี่เขามารับแบงค์ไปเที่ยวเล่นวันเสาร์บ่อยๆไง แถมมานอนค้างที่บ้านเราก็หลายหนนะ”

แบงค์หันหน้ามามองท็อปอย่างพินิจพิเคราะห์ ตั้งแต่หัวจรดเท้า อยู่พักนึง ก่อนจะส่ายหน้าช้า ๆ

“ไม่อะครับ เราเพิ่งลงมาจากเหนือไม่ใช่เหรอแม่ ทำไมถึงมีรุ่นพี่มารู้จักไวจัง”

“แน่ใจนะว่าลูกจำไม่ได้จริงๆ” แม่ถาม ดึงตัวท็อปเข้ามาใกล้แบงค์ให้เขาเห็นชัดๆ

นี่นับเป็นครั้งแรกที่ท็อปได้จ้องมองเข้าไปในดวงตาของแบงค์นับตั้งแต่วันที่แบงค์นอนป่วย แววตาที่ปรากฏให้เห็นนั้นไร้วี่แววของความรัก ความถวิลหา ความรู้สึกเดิมที่แบงค์เคยเป็น มันคือแววตาหวาดกลัวเหมือนครั้งแรกที่เขาทั้งสองได้พบเจอกัน เขากลั้นใจมองหน้าแบงค์อย่างจริงจัง แต่ก็กลัวคำตอบที่แบงค์จะพูดออกมาเหลือเกิน

“ขอโทษนะครับพี่...ผมจำพี่ไม่ได้จริงๆ” แบงค์บอกเสียงสั่น

แม่ส่งสายตาเสียใจมาให้ท็อปที่กำลังยืนเม้มปากกลั้นน้ำตาอยู่ คุณหมอและพยาบาล ต่างจดบันทึกเหตุการณ์และสภาพของคนไข้ที่ดีขึ้น เมื่อเห็นว่าแบงค์จำเรื่องที่เกิดขึ้นที่โรงเรียนไม่ได้ คุณหมอจึงบอกให้คนไข้พักผ่อน และให้ญาติออกมาจากห้อง

ท็อปแอบเดินออกมานั่งร้องไห้ลำพังที่ระเบียงโถงทางเดินมืดๆที่ไม่มีใครเห็น ทุกอย่างที่เกิดขึ้น ความสัมพันธ์ความทรงจำดีๆที่มีขึ้นมาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ตอนนี้นั้นกลายเป็นเพียงความฝันและอากาศธาตุไปหมดเสียแล้ว ทุกครั้งที่เขารู้สึกว่าเริ่มรักใครสักคนจริงๆจังๆ ทุกคนก็มักจะจากเขาไปแบบนี้เสมอไม่ว่าวิธีใดวิธีหนึ่ง ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งเจ็บใจตัวเอง ที่ปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมา เขาปล่อยโฮออกมาอย่างคุมตัวเองไม่ได้ ต่อจากนี้ไป ... คำว่า "เรา" คงไม่มีสำหรับ เขาและแบงค์อีกต่อไป เพราะความทรงจำเหล่านั้นไม่มีเหลืออีกแล้ว

------------------------------------------------------------------------------------------

จบบทที่ 31 ครับ ...
ตอนต่อไปขอมาวันศุกร์ครับ

มาเม้นกันมั่งนะครับ อิอิ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-04-2015 00:44:08 โดย akiraakka »

ออฟไลน์ brookzaa

  • Chill out
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-7

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
 :katai1: :katai1: :katai1: สงสารทั้งแบงค์และท๊อปเลย ร้องไห้หนักมากกกก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ LeeGwakNAT

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 8
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เศร้า T^T อยากรู้ต่อไปเเล้วอ่ะ ว่าจะจำได้หรือเปล่า

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
เศร้าอ่ะ อ่านไปน้ำตาไหลออกมาเองเลยตอนนี้ สงสารแบงค์กับท็อปมากเลย  :hao5:

ออฟไลน์ zipboy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-0
นั่งอ่านเป็นเงามาหลายตอน ตอนนี้ขอสั้นๆ คำเดียวครับ....

ถอนหายใจ....ครับ

ออฟไลน์ TukOO9726803

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 39
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เศร้าจังเลยท็อบ :monkeysad: :sad11: :m15:

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ ขนมถ้วยฟู

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :sad4: :o12: ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ทำไมกลายเป็นแบบนี้อะ เสียใจ

ออฟไลน์ akiraakka

  • Deus Deorum (God of Gods)
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
    • เพื่อน(?)ผมเป็นผู้วิเศษ ภาคแรก

ออฟไลน์ everlastingly

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 476
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
 :pig4: รออ่านตอนต่อไปนะ เรื่องมันเศร้า สงสารทั้งแบงค์และท๊อป

ออฟไลน์ akiraakka

  • Deus Deorum (God of Gods)
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
    • เพื่อน(?)ผมเป็นผู้วิเศษ ภาคแรก
แนะนำให้ฟังเพลงนี้ก่อน ผูกพัน คลิกเบย

บทที่ 32
ความหวังที่เลือนราง


ท็อปยังคงร้องไห้ฟูมฟายอยู่ในห้องนอนของตัวเองมาหลายวัน เขาไม่กล้าที่จะออกไปเจอหน้าแบงค์อีกแล้วที่โรงพยาบาล เพราะตอนนี้ทุกอย่าง ทุกความทรงจำที่เคยเกิดขึ้นได้อันตรธานไปจากความทรงจำของแบงค์โดยสิ้นเชิง ทุกอย่างเหมือนฝันไปสำหรับแบงค์ที่ตอนนี้เขาได้ตื่นขึ้นมาและหลงลืมไปว่าตัวเขาและท็อปต่างก็มีใจให้กัน

ท็อปยังคงทำใจไม่ได้กับเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นได้แต่ปิดกั้นตัวเองและไม่ออกไปเจอหน้าใคร อาจารย์สายัณห์ต้องคอยเคาะประตูห้องของท็อปทุกเช้า เพื่อดูสภาพจิตใจของลูกชายตัวเอง

“ท็อป เปิดประตูให้พ่อหน่อยสิลูก เราน่าจะออกมาคุยกันหน่อยนะ” อาจารย์ร้องเรียก เคาะประตูเสียงดัง

“ผมไม่เป็นไรครับพ่อ” ท็อปร้องบอกกลับไปแต่น้ำเสียงยังคงสะอึกสะอื้น

“พ่อรู้ว่าลูกกำลังเสียใจ แต่ช่วยเปิดประตูให้พ่อหน่อยได้ไหม? พ่ออยากคุยกับท็อปนะลูกนะ ลูกไม่ได้ไปโรงเรียนมาหลายวันแล้ว เดี๋ยวจะเสียการเรียนเอา คาร์พเขาก็ถามหาลูกทุกวันนะท็อปนะ”

“พ่อปล่อยผมไว้คนเดียวสักพักได้ไหมครับ ผมยังไม่อยากพูดอะไรตอนนี้” ท็อปบอก

อาจารย์สายัณห์ได้แต่แนบหน้าของตนกับประตูห้องนอนของลูกชายด้วยความเป็นห่วง “พ่อรู้ว่าลูกเสียใจแค่ไหน แต่เชื่อพ่อเถอะ เปิดประตูให้พ่อดีกว่า พ่ออยากฟังเรื่องของท็อป อย่าลืมสิ ว่าพ่อรับฟังทุกอย่างของลูกได้นะ พ่อเป็นพ่อท็อปนะลูกนะ เรามีกันสองคน ถ้าพ่อเป็นที่พึ่งให้ลูกไม่ได้ พ่อคงจะเป็นพ่อที่ดีของท็อปไม่ได้เหมือนกัน” อาจารย์พูดเสียงสั่น “เปิดประตูให้พ่อเถอะ”

ท็อปหันหน้ามามองประตู ก่อนจะสูดน้ำมูกเสียงดัง เขาเองก็ไม่อยากให้พ่อเป็นห่วงเขามากนัก แต่เขายังทำใจไมได้กับเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้น เขายังคงเฝ้าโทษตัวเองว่าเป็นสาเหตุและถ้าเขาไปส่งแบงค์ แบงค์ก็คงไม่เป็นอะไร

ท็อปค่อยๆยันกายตัวเองลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูให้กับพ่อช้าๆ ไม่กล้าสบตา ในใจนั้นปวดร้าวเหลือเกินกว่าจะพูดอะไรออกมาได้อีก

อาจารย์สายัณห์มองหน้าลูกชายของตนที่ตอนนี้อยู่ในสภาพย่ำแย่เต็มที่ หนวดเส้นเล็กๆยาวหรอมแหรมเพราะเขาไม่ยอมโกน ผมเผ้ายุ่งเหยิงและดวงตาที่ช้ำแดงเพราะร้องไห้ต่อเนื่องมาหลายวัน ทันทีที่เห็นหน้าลูกชายเปิดประตู พ่อก็รีบดึงตัวท็อปเข้าไปกอดเอาไว้แน่น ท็อปเองก็เช่นกัน เขากดหน้ากับอกของพ่อ กอดตอบพ่อแน่น แล้วร้องไห้โฮออกมาอย่างไม่อาย

“ผมผิดเองครับ พ่อ ผมผิดเอง ผมทำให้ทุกอย่างมันเกิดขึ้น เพราะผมประมาทเอง ผมไม่น่าปล่อยให้เรื่องมันเกิดขึ้นเลยครับพ่อ” ท็อปโวยวาย ร้องไห้อกมาอีก

“มันเป็นเรื่องสุดวิสัยลูก อย่าไปโทษตัวเองเลย” อาจารย์สายัณห์บอกพยายามปลอบลูกชายตัวเอง “โบราณบอกว่าทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะมีกรรมเวรผูกกันมา ถึงเราจะเสียใจมากแค่ไหน แต่เรื่องที่เกิดขึ้นไปแล้วเราก็แก้ไขอดีตไม่ได้ เลิกโทษตัวเองสักทีเถอะท็อป มันไม่ใช่ความผิดของลูกเลยนะ” อาจารย์สายัณห์บอก

“ตอนนี้แบงค์ฟื้นแล้วก็จริงแต่เขาเสียความทรงจำเรื่องของผมไปหมดเลยครับพ่อ” ท็อปบอกสะอึกสะอื้น “เขาจำผมไม่ได้เลย”

“พ่อว่ามันดีแค่ไหนแล้วที่เขาฟื้นขึ้นมา ถึงเขาจะจำลูกไม่ได้แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าในอนาคตเขาจะนึกมันไม่ได้ไม่ใช่เหรอ ตอนนี้อาจจะยังนึกไม่ออก แต่ถ้าเราคอยดูแลเขาดีๆ สักวันพ่อว่ามันอาจจะดีขึ้นก็ได้นะลูก” อาจารย์สายัณห์ปลอบ

“ผมก็ได้แต่ภาวนาขอให้แบงค์จำผมได้ แต่หมอก็บอกว่าสมองส่วนนั้นถูกกระเทือนหนักจากแรงตี คงยากที่จะทำให้หายดีและกลับมาเป็นเหมือนเดิม” ท็อปคร่ำครวญ “ผมเป็นสาเหตุ ผมอยากจะเป็นแทนน้องด้วยซ้ำคัรบพ่อ”

“อย่าพูดแบบนี้นะท็อป พ่อมีท็อปคนเดียว ถ้าท็อปเป็นอะไรไป พ่อคงไม่ให้อภัยตัวเองเหมือนกัน” อาจารย์สายัณห์บอก พร้อมกับจับหน้าลูกชายที่กำลังร้องไห้งอแงเหมือนเด็ก “เรามีกันแค่สองคนพ่อลูก ต้องดูแลตัวเองดีๆรู้รึเปล่า”

ท็อปพยักหน้าช้า ๆ “แต่ผมก็ไม่อยากให้น้องเจ็บแบบนี้นี่ครับ ทางนั้นก็มีกันแค่สองคนแม่ลูกเหมือนกัน ไม่ต่างกับพวกเราเลย”
“นั่นแหละพ่อถึงเข้าใจเขาไง ถ้าเกิดเป็นท็อป พ่อคงออกล่าคนร้ายด้วยตัวเองไปแล้วที่มาทำลูกพ่อแบบนั้น” อาจารย์สายัณห์บอก “แต่จนป่านนี้ตำรวจก็บอกว่า ยังหาเบาะแสเพิ่มเติมไม่ได้นี่นา”

“ผมก็ได้แต่ขอพระทุกวันว่าให้มีเบาะแสไวๆ ผมอยากเห็นคนผิดโดนลงโทษ” ท็อปพูดเสียงหนักแน่น

“แต่ยังไงก็อย่าอาฆาตจองเวรกันเลยนะลูกนะ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันมีเหตุผล มีที่มาที่ไปของมันทุกเรื่อง ถ้าเราเริ่มไปทำเขาก่อน ผลกรรมก็มาตกอยู่ที่เรา ท้ายสุดแล้ว เราไปทำใครเขาเสียใจมากแค่ไหน สุดท้ายเราเองก็จะเสียใจกลับมาเป็นสองสามเท่าเลยเชียว” พ่อสอน “นี่คือสิ่งที่พ่อพยายามบอกลูกมาตลอด ว่าต้องระงับอารมณ์ตัวเองใช้เหตุผลนำหน้า ไม่อย่างนั้นลูกเองจะเป็นคนที่เสียใจที่สุด”

“ผมเข้าใจแล้วครับพ่อ ผมเข้าใจแล้ว ที่ผ่านมาผมเอาแต่ทำให้น้องเสียใจ ทำให้น้องเจ็บปวด คราวนี้ก็ถึงตาผมเองแล้วที่ต้องเจ็บปวดเสียเอง” ท็อปพูดเสียงสั่น แล้วก็ปล่อยโฮออกมาอีกรอบ “ผมผิดเอง...ฮือ...พ่อครับ ท็อปไม่ไหวแล้ว ผมรู้สึกเจ็บข้างในหัวใจเหลือเกินครับพ่อ เหมือนจะตายซะให้ได้ตรงนี้ ทำไมมันถึงทรมานแบบนี้ล่ะครับ ผมจะทำยังไงต่อไปดี ผม....”

“เลิกคิดมากได้แล้วลูกพ่อ ท็อปคนเก่งของพ่อไปไหนแล้ว ปกติท็อปไม่ใช่เด็กขี้แยนะ ล้มเองก็ลุกเองทุกทีนี่” พ่อปลอบ

“แต่นี่มันไม่ได้แค่หกล้มนะครับพ่อ คนทั้งคนต้องมาเกือบตายเพราะผม” ท็อปบอกอีก

“ลูกไม่ใช่สาเหตุหรอก ปล่อยวางเรื่องนี้เถอะ อย่างน้อยตอนนี้ถึงเจนภพเขาจะยังจำไมได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าต่อจากนี้ลูกจะยังรักเขาไม่ได้นี่นา” พ่อพูด

“ยังไงครับพ่อ?” ท็อปถาม “พ่อหมายถึงอะไร?”

“ลูกก็ไปดูแลเขาเหมือนว่าเป็นเรื่องปกติ อย่างน้อยถ้าโชคเข้าข้างเรา สักวันเขาต้องจำท็อปขึ้นมาได้บ้างล่ะ พ่อเชื่ออย่างนั้น” อาจารย์สายัณห์พูด “เลิกเอาแต่นอนร้องไห้อยู่ในห้องได้แล้ว ไปอยู่กับน้อง ดูแลเขาซะ ลูกบอกพ่อเองนี่นา ว่าเกิดมาไม่เคยรักใครเท่าเขา พ่ออนุญาต ทำตามที่หัวใจลูกเรียกร้องไปเลยก่อนที่โอกาสจะหมดไป”

“แต่....ผมคิดว่า ถึงผมจะทำดีไปมากแค่ไหน มันก็ไม่เหมือนเดิมอยู่ดี ที่ผ่านมาความทรงจำที่พวกผมทำไว้มันจะมาเริ่มสร้างใหม่มันไม่ใช่ง่ายๆนะครับพ่อ” ท็อปพยายามอธิบาย “ผม....คงไม่ไหวแน่ๆ”

“อย่าเพิ่งท้อสิ ไอ้ลูกชาย ปกติเล่นกีฬาเคยยอมใครด้วยเหรอ หืม?” พ่อบอกขยี้ผมลูกชายอย่างรักใคร่ “เลือดนักกีฬาของลูกอยู่ไหนแล้ว? สู้สักตั้งดูนะลูกนะ พ่ออยู่ตรงนี้ ถ้าลูกท้อแท้หมดหวัง ก็อย่าลืมว่าพ่อยังเชื่อมั่นในตัวท็อปเสมอ”

ท็อปไม่ได้พูดอะไร ได้แต่จ้องมองพ่อกลับไป

“กลับไปหาน้อง ไปดูแลเขาเหมือนอย่างที่ลูกเคยทำซะ อย่างน้อย ลูกก็จะได้รู้ใจตัวเองมากขึ้นว่าลูกยังรอและมีความหวังกับมันหรือเปล่า” พ่อบอก

“ถ้าเกิดว่าท้ายที่สุดแล้ว เขาจำผมไมได้จริงๆ ผมจะทำยังไงต่อไปดีล่ะครับพ่อ ผมควรจะเลิกยุ่งกับน้องไปเลยไหม? ให้เขามีชีวิตใหม่ ความทรงจำใหม่ๆ....”  ท็อปพูดยังไม่ทันจบประโยคก็ร้องไห้ออกมาอีก

“ทำตามหัวใจของลูกเถอะ ลองคิดดูนะ ถ้าอย่างน้อยเราเต็มที่กับมันแล้ว ลูกพยายามแล้วเพื่อที่จะให้ทุกอย่างมันดีขึ้น ถึงมันจะไม่ได้ดีขึ้นมาเลยสักอย่างมันก็ดีกว่านั่งอยู่เฉยๆแล้วนอนร้องไห้อยู่แบบนี้ ลูกยังบอกกับตัวเองได้ว่าลูกเต็มที่แล้ว สุดกำลังตัวเองแล้ว....จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจทีหลังอีก” อาจารย์สายัณห์บอกกับลูกชาย

“ครับ พ่อ ... ผมจะเชื่อพ่อ” ท็อปบอก เช็ดน้ำตากับแขนเสื้อของตัวเอง “ผมจะลองดูสักตั้ง เพื่อให้น้องกลับมาจำผมให้ได้”

“ชีวิตคนเราถ้าไม่มีความหวังเลย ก็เหมือนเปลือกหอยกลวงๆ ได้แค่อยู่รอวันย่อยสลายไปตามธรรมชาติ แต่ถ้าเรามีความหวัง ก็เหมือนเปลือกหอยที่มีปูเสฉวนอยู่ข้างใน ลูกเห็นไหม สมัยเด็กๆที่พ่อพาไปเที่ยวทะเล ลูกวิ่งตามตัวปูเสฉวนไป นั่งดูชีวิตของมัน ความหวังก็เหมือนตัวปูข้างใน มันขับเคลื่อนชีวิตของเรา ไปหาสิ่งที่ดีกว่า พาเราก้าวไปข้างหน้า ... ถึงเวลาแล้วนะ ที่จะต้องลองดูสักตั้ง เอาแต่ร้องไห้อย่างเดียวโดยไม่ลองชนกับมัน ดูไม่ใช่นิสัยลูกชายของพ่อเลย”

“ผมขอโทษครับพ่อ ที่ให้พ่อเป็นห่วงอีกแล้ว .... ผมแค่เสียขวัญกับทุกอย่างที่มันเกิดขึ้น มันเร็วจนผมตั้งตัวไม่ทันเอาซะเลย” ท็อปบอก

“ได้เวลากลับไปแก้ไขอะไรที่ลูกคิดว่าผิดพลาดไปแล้วได้แล้วล่ะ ออกไปเผชิญหน้ากับมันซะ พ่ออยู่ข้างๆท็อปเสมอ”

ท็อปสวมกอดพ่ออีกครั้ง อาจารย์สายัณห์ยิ้มให้กับลูกชายของตนที่ในที่สุดก็ยอมรับฟังถ้อยคำของเขา

“ขอบคุณครับ ผมจะไม่ทำตัวแบบนี้อีกแล้ว ผมดีใจที่สุดเลยครับที่มีพ่ออยู่กับผมอย่างนี้” ท็อปบอกก่อนที่จะคลายสวมกอดออกมา “ผมจะลองดูสักตั้งครับ ถึงมันจะไม่ดีขึ้น แต่มันคงไม่แย่ไปกว่าเดิมแน่ๆ”

“ต้องอย่างนี้สิ ซูเปอร์ท็อปของพ่อ ตอนนี้ไปล้างหน้า อาบน้ำ โกนหนวด ทำผมเผ้าให้สะอาดซะ ถ้าไม่อยากไปเรียนแล้วอยากไปเจอกับเจนภพ พ่ออนุญาต แต่ต่อไปนี้ต้องกลับมาตั้งใจเรียนแล้วนะ ไม่เอาแบบนี้แล้ว ต้องแยกแยะด้วยแล้วก็มีอะไรปรึกษาพ่อได้ พ่อไม่อยากให้ลูกปิดกั้นตัวเอง คิดอยู่คนเดียว พ่อรักท็อป ถ้าอะไรดีและเหมาะสมพ่อสนับสนุนลูกแน่นอน”

“ครับ” ท็อปยิ้มให้พ่อ สายตาเปี่ยมด้วยความหวังอีกครั้งที่จะลุกขึ้นไปต่อ

============================================================


เมื่อผ่านไปหลายวัน เพื่อนๆที่รู้ข่าวการฟื้นของแบงค์ ต่างก็ทยอยมาเยี่ยมกันทั้งห้อง

“เนี่ยไอ้เกมส์ มันนั่งข้างๆแกไงแบงค์ สนิทกันกับแกมากๆเลยนะ วันๆมันเอาแต่ดูหนังโป๊ ไม่ยอมอ่านหนังสือ” เกดเล่าให้แบงค์ที่นั่งอยู่บนเตียงฟัง เสียงสดใส “ส่วนเราชื่อเกด กับเปิ้ล เพื่อนแก๊งเดียวกันกับแก เราไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ” พยายามรื้อฟื้นความทรงจำให้เพื่อน แต่แบงค์ก็ได้แต่ส่ายหน้า จำอะไรไม่ได้เลย แต่ตัวแบงค์เองก็รู้สึกดี ที่มีคนคอยแวะเวียนมาหา แม้ว่าเขาเองจะจำอะไรไม่ได้ก็ตาม

“แบงค์จำพี่ท็อปได้ไหม?” จู่ๆเปิ้ลก็ถามขึ้น ในขณะที่ทุกคนก็ร้องปรามกันขึ้นมา

“ทำไมเหรอ? พี่ท็อป? คนที่เราเพิ่งได้เจอตอนฟื้นวันแรกน่ะเหรอ” แบงค์ถามย้อน นั่งนึกๆถึงชื่อนี้คุ้นๆ

“จำอะไรไม่ได้เลยเหรอ?” เกมส์ถาม “แม้แต่เรื่องเดียว”

แบงค์หัวเราะเจื่อน ๆ “ไม่ได้เลย เรานึกถึงอะไรมากๆ แล้วเราจะปวดหัว เราเลยไม่อยากนึกเท่าไร แต่ถ้าเราเป็นเพื่อนสนิทกันจริงๆ เราก็ยังไงก็ขอโทษด้วยนะ ที่เราลืมพวกนายไป เราพยายามนึกแล้ว แต่นึกไม่ออกจริงๆ”

“แหม ยังกะแกตั้งใจลืมซะงั้นแหละ อุบัติเหตุน่า” เกดบอก

“แต่คนชื่อพี่ท็อป เขามาเฝ้าเราทุกวันเลยนะ ทั้งเช้า ทั้งเย็น บางทีก็มาป้อนข้าวเรา ตอนแรกเราคิดว่าเขาเป็นญาติเรา ไม่ก็พี่เราจริงๆซะอีก พอถามแม่ แม่ก็บอกว่าเขาเป็นแค่รุ่นพี่ที่โรงเรียนเฉยๆ แปลกจัง ทำไมต้องมาดูแลเราขนาดนั้น หรือว่าเราไปติดหนี้อะไรพี่เขาหรือเปล่า” แบงค์พูด รู้สึกหวั่นใจ

“ตลกไม่เปลี่ยนเลยนะนาย” เกมส์บอก “ไม่มีอะไรหรอก เป็นเหมือนพี่รหัสน่ะแหละ โรงเรียนเราจะมีระบบรุ่นพี่ดูแลรุ่นน้องน่ะ”

“ดูแลกันดีขนาดนี้เลยเหรอ?” แบงค์ถาม “โรงเรียนเรานี่สุดยอดเลยเนอะ”

ทั้งสามคนมองสบตากันอย่างสำนึกผิด แต่ก็ไม่อาจจะพูดอะไรออกไปมากกว่านี้ได้ ทุกคนต่างสงสารพี่ท็อปจับใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก อย่างมากก็แค่รอปาฏิหาริย์ที่แบงค์จะจำเรื่องราวทุกอย่างได้เหมือนเดิม

พี่กายยังคงแวะมาหาแบงค์บ้างแต่ไม่บ่อยนัก เพราะตอนนี้เขาเห็นว่าแบงค์จำเรื่องราวในอดีตไม่ได้อีกแล้ว จึงพยายามไม่เข้ามาสานสัมพันธ์อะไรอีก เพราะเห็นแก่ท็อปที่ดูจะเป็นคนที่ทุกข์ทรมานกับเรื่องนี้มากที่สุด

“ท็อป ต่อจากนี้พี่ฝากแบงค์ด้วยนะ พี่อาจจะไม่ได้มาเยี่ยมแบงค์บ่อยๆอีกแล้ว เพราะพี่เห็นแก่มึง พี่ยอมรับว่าพี่ก็ยังชอบแบงค์อยู่ แต่ตอนนี้พี่ให้เกียรติมึง ช่วยดูแลน้อง พี่จะไม่เข้ามายุ่งกับความสัมพันธ์ของพวกมึงอีก อีกอย่างพี่จะจบ ม.6 แล้ว คงไม่ได้มาเจอพวกมึงบ่อยๆ ยังไงต่อจากนี้พี่จะภาวนาขอให้แบงค์จำมึงได้ไวๆ จะได้กลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม” กายบอกเมื่อได้มีโอกาสอยู่กับท็อป

“ขอบคุณนะครับพี่” ท็อปบอก “ถึงผมจะรู้อยู่แก่ใจว่าความหวังมันริบหรี่เหลือเกิน แต่ผมก็จะหวังต่อไปครับพี่....” หลังจากวันนั้น ท็อปก็ไม่ได้เจอพี่กายที่โรงพยาบาลอีกเลยนอกจากในโรงเรียนที่มีเดินสวนกันบ้าง ถามอาการของน้องเพิ่มเติมบ้าง

เมื่อทุกคนกลับไป คืนนี้แม่ของแบงค์ต้องไปดูประชุมงานของตัวเอง จึงขอร้องให้ท็อปมาช่วยดูแลแบงค์แทน ตั้งแต่เย็น เมื่อถึงเวลาอาหาร พยาบาลจึงจัดอาหารมาให้คนไข้ โดยที่พี่ท็อปก็ค่อยๆลากเซ็ตอาหารมาที่เตียงแล้วค่อยๆ ปรับเตียงให้แบงค์อยู่ในสภาพที่นั่งได้ แต่ด้วยแขนที่ยังใช้การได้ข้างเดียวทำให้แบงค์ขยับตัวได้ไม่ถนัดนัก ทุกอย่างเลยต้องคอยอาศัยท็อปช่วยพยุง

“พี่ท็อป” แบงค์เรียก เมื่อท็อปเขยิบตัวเข้ามาใกล้ พร้อมที่จะจัดแจงอาหารเป็นคำๆป้อนให้

“หืม?” ท็อปขานสั้นๆในลำคอ โดยที่ตัวเองก็กำลังง่วนอยู่กับการจัดแจงอาหารให้ “หิวแล้วเหรอ?”

“เปล่า...แบงค์อยากรู้....พี่ท็อปต้องทำดีกับรุ่นน้องสายรหัสแบบนี้ทุกคนเลยเหรอ?” แบงค์ถาม

ท็อปทำหน้างง ๆ “รุ่นน้อง สายรหัส? คืออะไร ? เอามาจากไหน?”

“ก็เพื่อนๆที่มาหาวันนี้เขาเล่าว่า ที่พี่ท็อปมาดูแลแบงค์ดีแบบนี้ เพราะเราเป็นพี่รหัสน้องรหัสกัน โรงเรียนนี้มีกฏว่าต้องให้พี่ดูแลน้องอย่างดี อะไรแบบนั้น แบงค์ขอโทษพี่ท็อปนะครับ ที่ต้องทำให้ลำบาก มาถึงก็เจอรุ่นน้องที่เจอเรื่องเลย ทำให้พี่เสียเวลาไปหมด” แบงค์เล่า ท็อปถึงบางอ้อ พวกรุ่นน้องคงพยายามช่วยปกปิดความสัมพันธ์เดิมที่เขาเคยมีให้แบงค์ด้วยการกุเรื่องนี้ขึ้นมา

“อ๋อ....เออ ใช่ๆ แต่พี่ไม่ลำบากใจหรอก พี่เต็มใจมากๆเลย” ท็อปบอก ก่อนจะเริ่มป้อนข้าวใส่ปากน้อง “ค่อยๆเคี้ยวนะ เพราะหมอบอกว่า ออกแรงกรามมากมันจะกระเทือนแผล ข้าวต้มมันนิ่มอยู่แล้วแบงค์จะกลืนเลยก็ได้”

แบงค์พยักหน้า ก่อนที่จะเคี้ยวช้าๆแล้วกลืน

ท็อปยิ่งป้อนข้าวให้แบงค์แล้วมองดูสภาพที่ดูไร้เดียงสาของน้อง ที่มีรอยช้ำสะบักสะบอม ยิ่งทำให้เขาอดกลั้นน้ำตาไม่ไหว น้ำตาเม็ดเป้งๆ ไหลลงมาจากตาของเขาโดยไม่รู้ตัว แต่เขาก็พยายามเบือนหน้าหนีไม่ให้แบงค์เห็น ก้อนสะอื้นที่จุกอยู่ในอกมันก็พยายามจะสะอึกสะอื้นออกมา แต่เขาก็ต้องพยายามข่มมันเอาไว้

“พี่ท็อปเป็นอะไร? พี่ท็อปเหนื่อยเหรอ เดี๋ยวแบงค์พยายามกินเองก้ได้นะ พี่ท็อปพักเถอะ” แบงค์บอกเมื่อเห็นท็อปอยู่ในสภาพที่กลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหวแล้ว

“เปล่าครับ เปล่า.....เดี๋ยวพี่มานะ แบงค์รอพี่ก่อนนะ” ท็อปรีบเดินออกจากห้องไปหาระเบียงข้างนอกเงียบๆ แล้วร้องไห้ออกมาอย่างไม่อาย เขาทนเห็นสภาพแบงค์แบบนี้ไม่ไหวแล้ว หนำซ้ำแบงค์เองดูเหมือนจะไม่มีทางรื้อฟื้นเรื่องราวระหว่างกันได้เลย ก็ยิ่งทำให้ใจของเขาปวดร้าวมากขึ้นไปอีก

เสียงโทรศัพท์ของเขาดังขึ้น เป็นเบอร์ที่เขาไม่คุ้นเคยนัก

“สวัสดีครับ น้องท็อปใช่ไหมครับ พี่เป็นตำรวจที่วันนั้นสอบปากคำน้องที่โรงพยาบาลจำได้ไหมครับ?”

“อ๋อ” ท็อปพูด พยายามคุมเสียงให้เป็นปกติ สูดน้ำมูก “จำได้ครับ มีอะไรครับ?”

“ช่วยตามคุณแม่ของผู้เสียหายมาที่โรงพักด้วยได้ไหมครับ แล้วก็น้องด้วย พอดีว่า บ้านหลังใกล้ๆที่เกิดเหตุแจ้งมาว่า มีกล้องวงจรปิดของชั้นสองของบ้านที่จับภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไว้ได้ พี่อยากให้น้องมาช่วยดูว่า เผื่อว่า คนที่อยู่ในวิดีโอจะเป็นคู่อริของผู้เสียหายหรือคนที่น้องรู้จักไหม?” ตำรวจบอก

“ได้ครับ” ท็อปพูด “ผมจะรีบไป”

แม่ของแบงค์จึงจำเป็นต้องยกเลิกการประชุมในคืนนั้นแล้วรีบไปที่สถานีตำรวจพร้อมๆกับท็อป เมื่อไปถึงท็อปและแม่ถูกพาตัวไปยังห้องสอบสวนที่มีการเตรียมการฉายวิดิโอกล้องวงจรปิดและนายตำรวจอีกหลายคนนั่งรออยู่

“จากเท่าที่ผมได้ตรวจสอบกล้องวิดีโอแล้ว ... คนร้ายน่าจะเป็นวัยรุ่นเหมือนกัน” นายตำรวจคนหนึ่งพูดขึ้น “ผมเลยอยากจะให้หนุ่มลองทบทวนดูหน่อยว่าเพื่อนหนุ่มมีใครที่ไม่พอใจเขาบ้างไหม ที่อาจจะแบบอยากมาแก้แค้นคืนแบบที่เด็กวัยรุ่นชอบตีกัน”

“คือถ้าเป็นแบบนั้น ผมว่าน่าจะเป็นผมเองมากกว่านะครับที่น่าจะโดน เพราะผมก็เคยมีเรื่องต่อยตีกันตามประสาวัยรุ่นอยู่บ้างในโรงเรียน แต่สำหรับแบงค์ เขาไม่ใช่เด็กก่อเรื่องเลยครับ เรียนดี หัวดี ช่วยงานโรงเรียน ไม่มีแววว่าใครจะไม่ชอบเขาเลยนะครับ” ท็อปพยายามให้ข้อมูล

“คือที่ผมถามเนี่ย ผมอยากให้น้องช่วยใคร่ครวญกันเบื้องต้นก่อนที่จะดูวิดีโอ เพราะจริงๆ ภาพในวิดีโอมันก็มืด ไม่ได้ชัดเจนถึงขนาดเห็นคนร้ายแล้วบอกได้เลยว่าเป็นใคร เลยอยากให้ลองนึกๆถึงคนที่พอจะเป็นไปได้ก่อน เวลาได้ดูวิดีโอเข้าจริงๆ จะได้จำกัดขอบเขตของคนร้ายได้” ตำรวจอีกคนเสริม

“ดิฉันว่า ลองเปิดดูก่อนเลยก็ได้ค่ะ คิดว่าน้องท็อปถ้าได้ดูแล้วเห็นคลับคล้ายคลับคลาก็น่าจะบอกได้ว่าใครเป็นใคร”

ทุกคนจึงตัดสินใจเล่นภาพวิดีโอให้ดู ภาพนั้นค่อนข้างมืด เพราะว่ามุมกล้องนั้นไม่ได้หันหน้ามาทางที่เกิดเหตุโดยตรงมีเพียงแสงไฟนีออนกลางจอที่ส่องสว่างพอให้ได้เห็นว่าเกิดอะไรขึ้น ภาพเริ่มจากที่แบงค์กำลังเดินก้มหน้า(เหมือนกำลังจะดูจี้ที่ตัวเองห้อยคออยู่) จากนั้นก็มีผู้ชายที่ดูสูงใหญ่กว่าแบงค์เดินเข้ามาฟาดเข้าที่ด้านหลังศีรษะแบงค์ ในขณะที่แบงค์กำลังล้ม ก็ได้สวนถีบแบงค์เข้าอีกครั้งแล้วฟาดไปทีหลังแต่เหมือนจะพลาดไปโดนแขนอีกที ชายคนนั้น โยนไม้หน้าสามทิ้งไว้ ก่อนที่จะหันหลังกลับ ซึ่งภาพนั้น ก็จับหน้าไว้ได้พอดี แม้จะมืด ดูเลือนราง แต่เมื่อซูมใกล้เข้ามา ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

ท็อปก็รู้ทันที ว่าใครคือคนที่ก่อเหตุในครั้งนี้ แม้เพียงเลือนราง แต่กรอบหน้าและเค้าโครงร่างกายที่เห็นในวิดีโอนั้นต่อให้มืดกว่านี้แค่ไหน เขาก็ยังจำได้แน่นอน

“ไอ้คาร์พ....” ท็อปพูดเสียงสั่นเครือ

ส่วนแม่ของแบงค์นั้น ทนดูที่ลูกตัวเองถูกทำร้ายไม่ไหว ร้องไห้ออกมาโฮลั่น ห้องนั้น

จบตอนที่ 32 ครับ
เหลืออีก 2 ตอนก็จะถึงบทสรุปแล้ว ยังไงก็ติดตามกันต่อไปให้ถึงตอนจบนะครับ
ขอเม้นด้วย จะได้ช่วยดันมู้ให้เพื่อนๆที่อ่านเงาได้รู้ว่าอัพเดทแล้วครับ ^^

ออฟไลน์ LeeGwakNAT

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 8
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
จะเป็นไงต่อ จะรอตอนต่อไปนะครับ ^^

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ brookzaa

  • Chill out
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-7

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
อีคาร์ฟชั่วมากๆๆๆ

ออฟไลน์ everlastingly

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 476
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
 :pig4: ไอ้คาร์ฟยังไม่เลิกร้ายอีกเหรอเนี้ยะ สงสัยคงต้องเจอจัดการขั้นเด็ดขาดซะแล้ว

ออฟไลน์ naoai

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-5
จับมันเข้าคุกเลยครับ แม่ง คนที่ไว้ใจร้ายที่สุด ฆ่ามานนนนนนน

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
กรรมใดใครก่อก็ต้องรับกรรมนั้นไปนะคราฟ เตรียมรับผลกรรมนั้นได้เลยนะ

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7
คาร์ฟจะโดนทืบอีกแล้ววววว

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ akiraakka

  • Deus Deorum (God of Gods)
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
    • เพื่อน(?)ผมเป็นผู้วิเศษ ภาคแรก
บทที่ 33
ความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธ


ท็อปเครียดตลอดทั้งคืน เมื่อรู้ความจริงว่า เพื่อนรักของตนเองคือคนที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ คาร์พยังคงทำตัวปกติเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งสองคนยังคงไปกินข้าวกันที่โรงเรียน ไปเรียนด้วยกัน นั่งอยู่ข้างๆกัน แม้ว่าคาร์พจะมีการถามถึงอาการของแบงค์บ้างแต่ก็ไม่มีวี่แววของความสำนึกผิดหรือพิรุธใดๆเลยตลอดเวลาที่ผ่านมาจนกระทั่งวันนี้ วันที่ท็อปรู้ความจริง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจคุยกับท็อปเพื่อจะตามตัวคาร์พมาให้ปากคำในเรื่องนี้ แต่ท็อปขอเอาไว้ เขาอยากจะขอให้แน่ใจว่า คนๆนี้ใช่คาร์พจริงๆหรือไม่ ในตอนแรกตำรวจปฏิเสธแต่ก็เห็นแก่ทุกฝ่ายที่ยังเป็นเพียงเยาวชน จึงยอมให้ท็อปเดินเรื่องต่อเองสักพักโดยที่มีตำรวจคอยดูความเคลื่อนไหวของคาร์พอยู่ตลอดเวลา

ช่วงนี้การสอบปลายภาคใกล้เข้ามาแล้ว นักเรียนแต่ละคนต่างมุ่งหน้าติวเข้มกันเพื่อกวดวิชาให้ได้คะแนนดีๆกันในเทอมสุดท้ายนี้ อากาศหนาวเย็นทำให้ทุกคนในโรงเรียน ต่างหยิบเสื้อกันหนาวสีสวยสดมาใส่กันทำให้โรงเรียนดูมีสีสันไปอีกแบบ ท็อปนั่งเหม่อลอยเมื่อมาถึงโรงเรียนแต่เช้า ดวงตาคล้ำเหมือนคนไม่ได้หลับมาตลอดทั้งคืน ภาพของคาร์พที่ทำร้ายแบงค์นั้นยังคงวนเวียนๆอยู่ในหัวของเขาไม่หยุด

“ท็อป....ท็อป” หวานเอามือแกว่งไปมาอยู่ข้างหน้าเขาเพื่อเรียกเขาให้ตื่นจากภวังค์ “ได้นอนบ้างหรือยังเนี่ย? ท็อปดูสภาพแย่มากเลยนะ”

“อ่า...ก็ยังไม่ได้นอนหรอก คิดนั่นนี่เยอะแยะ....” ท็อปพูด เอามือขยี้หัวตัวเองเพื่อเรียกสติ

“อ.สายัณห์แกก็บ่นว่าเป็นห่วงอยู่พักหลัง ๆ แต่ท็อปไม่ค่อยเล่าอะไรให้เขาฟัง แกเป็นห่วงนะ” หวานพูดแล้วค่อยๆหย่อนตัวนั่งลงข้างท็อป

ท็อปพยักหน้าน้อย ๆ ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป “แล้วนี่กินอะไรมารึยังล่ะ” ท็อปถามเพื่อน “ไปโรงอาหารกันไหม เราอยากกินกาแฟ เผื่อจะดีขึ้น”

“เดี๋ยวนี้กินกาแฟแล้วเหรอ? ปกติกินแต่น้ำเต้าหู้เอยอะไรเอยนี่นา” หวานถามขึ้น

“ก็ มันไม่ได้นอนมานี่...กลัวว่าเดี๋ยววันนี้จะอยู่ไม่ไหวเอา” ท็อปตอบ ขยี้ตาที่แสนช้ำของเขา

หวานคว้าเอามือของท็อปขึ้นมาแล้วกุมไว้แน่น “ทุกอย่างต้องเรียบร้อยแน่นอน ท็อป...เชื่อเรา ตั้งแต่เรารู้จักท็อปมาตั้งแต่ม.ต้นจนถึงวันนี้ เรารู้ว่าท็อปจะผ่านมันไปได้” เธอให้กำลังใจ พร้อมส่งยิ้มน้อยๆ ตอบมา

ท็อปมองมือตัวเองที่หวานกำลังจับอยู่ ก่อนจะค่อยๆยิ้มออกมา สัมผัสได้ถึงมิตรภาพดีๆในยามอ่อนล้าจากเพื่อนที่เขาทำตัวไม่ดีด้วยมาตลอด

“ขอบใจนะหวาน....ตั้งแต่ตอนที่หวานมาบอกเรื่องแบงค์แล้ว เรายังไม่ได้ขอบคุณเธอเลย ไม่งั้นเราก็คงไม่รู้”

“อย่าคิดมากสิ เพราะเรารู้ว่านายสองคนสนิทกันมาก แล้วเราก็คงรู้สึกผิดถ้ารู้เรื่องนี้เป็นคนแรกๆ แล้วไม่ได้มาบอกท็อปด้วยตัวเอง” หวานบอก แล้วทั้งสองก็ค่อยๆ เดินออกจากม้านั่งใต้อาคารตรงไปยังโรงอาหาร

“ยังไงก็ต้องขอโทษเธอด้วยนะ ที่ผ่านมา...เราทำตัวไม่ดีกับเธอ ทุกอย่างเลย ทั้งที่เจตนาของเธอ....”

“อย่าขอโทษเลย” เธอพูดขัด “มันมีเรื่องอีกหลายเรื่องที่เราก็อยากขอโทษท็อปเหมือนกัน เรื่องวุ่นวายทั้งหมดนี่ ส่วนนึงก็เพราะเราเอง อย่างที่รู้ๆกัน...ท็อปก็รู้ว่าเราคิดยังไงกับท็อป...”

ท็อปไม่ตอบ ได้แต่สูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อเอาออกซิเจนเข้าปอดให้มากขึ้น ในบรรยากาศที่แสนกระอักกระอ่วน ใจนี้ เขารู้ตัวดีว่า เขาคือต้นเหตุของปัญหาทั้งหมด ด้วยความที่ทุกคนต่างก็ชอบเขา แต่เขานั้นเลือกที่จะรักคนที่เขาอยากจะรักเท่านั้น เลยพาลให้คนรอบๆข้างไม่พอใจและทำให้เกิดเหตุการณ์เหล่านี้ขึ้นมา

“เอากาแฟร้อนใช่ไหม?” หวานถามขึ้นเมื่อทั้งคู่เดินมาถึงโรงอาหาร “เดี๋ยวเราเลี้ยง ที่ร้านค้าสวัสดิการมีน้ำร้อนอยู่แล้ว เดี๋ยวเราไปเอามาให้”

“เฮ้ย..ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราไปซื้อเอง” ท็อปรีบบอก ไม่อยากจะกวนเพื่อนมากนัก

“เอาเหอะน่า ถือว่า ไถ่โทษละกัน เดี๋ยวเราซื้อขนมอะไรเล็กๆน้อยๆมาด้วย รู้ว่า ท็อปคงกินอะไรไม่ค่อยลงหรอกตอนนี้” หวานบอกแล้วก็รีบเดินไป

ท็อปจึงนั่งเหม่อมองบรรยากาศรอบๆตัว ทุกอย่างเหมือนดำเนินไปอย่างเชื่องช้าและเอื่อยเฉื่อย กว่าจะตื่นจากภวังค์อีกทีก็ตอนที่หวานยกแก้วกาแฟร้อนมาให้เขาแล้ว

“ขอบใจนะ” ท็อปบอก

“แล้วแบบนี้จะเอายังไงต่อ? ตำรวจเขารู้คนทำผิดหรือยัง?” หวานถาม นั่งลงข้างๆเขา

“ก็รอดูกันไปว่าเป็นใคร ตอนนี้ยังไม่รู้ตัวหรอก” ท็อปพูดหลบตา “เขาสงสัยว่าใครที่มีเรื่องกับแบงค์มาก่อนมากกว่า เพราะว่าไม่มีการชิงทรัพย์อะไรเลย ทำร้ายร่างกายอย่างเดียว”

“แย่เลย แถมจำอะไรไมได้อีกต่างหาก” หวานพึมพำ “แล้วนี่ปลาคาร์พมารึยังอะ?”

“เดี๋ยวก็คงมาแหละ คงมาพร้อมแม่เขา” ท็อปบอก แล้วค่อยๆกระดกกาแฟเข้าไปทีละนิด ๆ เพื่อกระตุ้นให้ตัวเองตาตื่น
กว่าที่คาร์พจะปรากฏตัวก็เริ่มเรียนคาบแรกเข้าไปแล้ว เขาขอโทษอาจารย์แล้วก็รีบเดินเข้าห้องมานั่งข้างๆท็อปที่มองเขาตั้งแต่ตอนที่ปรากฏตัวที่หน้าประตู

“มึงไปไหนมาวะ ตื่นสายเหรอ?” ท็อปถามเพื่อน พยายามทำน้ำเสียงปกติ

“อ่า...กูตื่นสายน่ะ” ปลาคาร์พตอบรีบวางข้าวของลงข้างๆตัวให้เรียบร้อย ดูสภาพจากขอบตาของทั้งท็อปและคาร์พนั้นก็ไม่ต่างกันในเรื่องของความคล้ำจากการอดนอน

“ทำไรอยู่ล่ะ ดึกๆ” ท็อปถามเบาๆ เพราะคาบเรียนกำลังเริ่มสอนต่อ

“ก็ไม่ได้ทำอะไรนะ เอ้อ ก็มีปั่นรายงานแล้วก็พยายามอ่านหนังสือวิชาที่ยากๆ” คาร์พพูด สีหน้าปกติ

ท็อปไม่อยากพูดอะไรมากนัก ทั้งที่ข้างในตัวเองนั้น รู้สึกทั้งโกรธทั้งสงสารเพื่อน ใจหนึ่งก็โกรธเหลือเกินที่เพื่อนรักของเขาทำแบบนี้กับแบงค์ ใจหนึ่งก็สงสารเหลือเกินเพราะรู้ว่าที่เพื่อนของเขาต้องทำแบบนี้ส่วนหนึ่งนั้นน่าจะมาจากเขาเป็นสาเหตุ

“เฮ้ย ท็อป...อะไรติดผมมึง?” คาร์พทักขึ้น ก่อนที่จะเอื้อมมือมาหยิบเศษขนนกเล็กๆ ที่ติดอยู่ที่ผมของท็อป ส่วนท็อปตอนนั้นก็คิดสรตะเรื่อยเปื่อย ใจไมได้อยู่กับห้องเรียนเลยแม้แต่น้อย

“ขอบใจ” ท็อปหันมาพูดสั้นๆ

ปลาคาร์พยิ้มกว้างเป็นคำตอบ ก่อนจะหันกลับไปเขียนหนังสือเหมือนเดิม ปลาคาร์พที่แสนอ่อนโยนและเคียงข้างเขาเสมอ เขาไม่คิดเลยว่านั่นจะเป็นคาร์พจริงๆเหรอ หรืออาจจะแค่คนหน้าคล้ายกันแน่นะ

=================================================


เมื่อถึงเวลาเย็น ปลาคาร์พกับท็อปวันนี้แยกกันกลับบ้าน คาร์พบอกว่ามีติวพิเศษวิชาเคมี ตอนแรกก็ชวนให้ท็อปไปติวด้วยกัน แต่ท็อปปฏิเสธเพราะเขารู้ดีว่า ไปติวเวลานี้ก็คงไม่ได้ช่วยให้อะไรมันดีขึ้นมา เพราในใจของเขาตอนนี้นั้นทั้งสับสนและวุ่นวาย เขาจึงตัดสินใจที่จะรีบกลับไปที่โรงพยาบาลเพื่อดูแลอาการของแบงค์ดีกว่า

“ท็อป... เรามีเรื่องอยากจะคุยด้วย” หวานโผล่มาจากมุมตึก บริเวณที่จอดรถมอเตอร์ไซค์ของนักเรียน

“อ้าว หวาน มาทำอะไรแถวนี้? เธอไม่ได้ขับมอไซค์มานี่น่า?” ท็อปทักขึ้น

“คือ เรามารอท็อปนั่นแหละ รีบไปโรงพยาบาลรึเปล่า?” หวานถามต่อ “ถ้าไม่รีบมาก เรามีเรื่องอยากจะคุยด้วยส่วนตัว”

“ก็ได้นะ เอาสิ มีอะไรก็ว่ามาเลย” ท็อปบอกแล้วพาเดินไปที่อีกด้านของอาคาร เป็นจุดที่ไม่ค่อยมีใครเห็นง่ายๆนัก ถ้าไม่ได้ตั้งใจจะเดินผ่านมา

“ขอโทษที่กวนเวลานะ” เธอเกริ่น “เราแค่อยากจะถามท็อป ว่าเรายังมีโอกาสอยู่ไหม?”

ท็อปไม่คิดว่าจู่ๆ หวานจะพูดเรื่องนี้ขึ้นมา “โอกาส? เรื่องอะไรเหรอ? เรื่องสอบหรืออะไร?” เขาถามซ้ำ พยายามให้แน่ใจว่าสิ่งที่หวานพยายามจะบอกเขาคืออะไรกันแน่

“โอกาสที่ท็อปจะลองมาคบกับเราดูบ้าง...เราเฝ้าดูท็อปคบกับคนนั้นคนนี้ไปเรื่อย แต่มีแค่เราเท่านั้นที่ท็อปยังไม่เคยลองเปิดใจเลย ทั้งๆที่เราชอบท็อปเอามากๆ” หวานบอก ส่งสายตาอ้อนวอนมาให้ท็อป “เรารวบควมความกล้าทั้งหมดเพื่อที่จะมาพูดคุยกับท็อปเพื่อให้ทุกอย่างมันชัดเจนที่สุด”

“หวานก็รู้นี่นา...ว่าตอนนี้เราชอบแบงค์มากขนาดไหนไม่ใช่เหรอ? แล้วนี่หวานจะยังมาถามเราแบบนี้เพื่ออะไรกัน” ท็อปพูด รู้สึกไม่ดีที่ต้องบอกแบบนี้ออกไป “ไม่ใช่ว่าหวานเป็นคนไม่ดีนะ แต่ว่าเราว่ามันอาจจะยังไม่ใช่เว....”

“ท็อปยังไม่เคยให้โอกาสเราสักครั้งเลยนะ” หวานบอก น้ำตาค่อยๆเอ่อขึ้นมา “เราเฝ้าดูท็อปมาตลอด เราว่าสิ่งที่เราพยายามทำให้ท็อปมันบริสุทธิ์จากใจของเรามากที่สุดเท่าที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะทำให้กับคนที่ตัวเองรักแล้วนะ”

“แต่ว่าหวานฟังเราก่อนสิ...”

“ท็อปจะยังเลือกที่จะไปต่อกับคนที่ท็อปรักและเขาลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นไปหมดสิ้นเชิงแล้วอย่างนั้นเหรอ?” หวานถามแทงใจดำของเขา

ใช่...ความจริงของตอนนี้ก็คือ สิ่งที่เฝ้าวนเวียนหลอกหลอนอยู่ในหัวของเขามาตลอด ความรักที่เขาค่อยๆก่อร่างสร้างมันขึ้นมากับมือร่วมกันกับแบงค์นั้น มันได้สูญสลายหายไปหมดแล้ว เหลือเพียงความทรงจำเพียงครึ่งเดียวที่มีเพียงเขาเท่านั้นที่จำได้ทุกฉากทุกตอน สิ่งที่แบงค์ได้อยู่เคียงข้างเขาและค่อยๆเปลี่ยนแปลงตัวเขาจากการที่ได้อยู่ด้วยกันนั้น มีเพียงเขาเท่านั้นที่ยังคงสัมผัสได้และเข้าใจ มีเพียงแบงค์เท่านั้นที่ได้ถูกลบความทรงจำเหล่านั้นออกไป ตอนนี้เขาสองคนเปรียบเสมือนคนที่ไม่รู้จักกันและการสร้างความสัมพันธ์ให้กลับมาเหมือนเดิมนั้น คงยากเกินกว่าที่ท็อปจะทำไหว เพราะต้องใช้เวลา และยิ่งตัวเขาเองกับแบงค์นั้น เริ่มต้นความสัมพันธ์กันจากความรู้สึกที่ไม่ดีต่อกันแล้วเปลี่ยนมากลายเป็นความเข้าใจใกล้ชิดนั้นมันยากเหลือเกินที่จะให้ทุกอย่างมันย้อนรอยเดิมกลับมา ตัวท็อปเองถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ก็ไม่อยากจะทำร้ายน้องอย่างที่เขาได้ทำลงไป

“ท็อปไม่ลองเปิดใจ เริ่มต้นใหม่กับคนที่รักท็อปอย่างเราดูบ้างล่ะ? เราสัญญาว่าจะอยู่เคียงข้างท็อป ให้โอกาสเราสักครั้งเถอะนะ” หวานอ้อนวอน แล้วโผเข้ากอดท็อปที่ยังคงยืนนิ่งอึ้งอยู่

“เคยได้ยินไหมว่า ความรักมันไม่มีเหตุผล” ท็อปพูดขึ้น ก่อนจะจับบ่าหวานที่กำลังกอดเขาแน่นออกมา “สำหรับเรานะหวาน ใครว่ารักไม่มีเหตุผล แค่เราไม่เข้าใจมันมากกว่า เราเลยหาคำอธิบายมันไม่ได้ ความรู้สึกที่เรามีต่อแบงค์ก็เหมือนกัน เราดีใจที่หวานชอบเรา ตัวเราเองก็ไม่รู้หรอกนะ ว่าไปทำอะไรให้หวานชอบขนาดนั้น แต่เราก็ไม่ใช่คนดีอะไรมากมาย เธอเองก็รู้"

หวานนิ่งฟัง เช็ดน้ำตาที่ไหลอาบหน้าอยู่

“แต่ทุกวันนี้เราเข้าใจหมดแล้วล่ะ สิ่งที่เราจะต้องทำ ไม่ใช่แค่อยู่เพื่อตัวเราเองอย่างเดียว แต่คือการอยู่เพื่อคนอื่น แบงค์เขาคอยสอนเราเสมอ ในวันที่เราไม่มีใคร ในวันที่เราเอาแต่ใจ แบงค์ไม่เคยที่จะโวยวายใส่เราแบบไม่มีเหตุผล เขาใช้เหตุผลเป็นที่ตั้งมาตลอด ถึงเราจะมีโกรธกันบ้างทะเลาะกันบ้างแต่แบงค์สอนให้เรารู้จักให้อภัย ทุกครั้งที่มีปัญหาเกิดขึ้น เขามักจะเลือกเป็นฝ่ายที่ยอมจากไปเสียเอง มากกว่าจะคอยเอาแต่เอาชนะ มันไม่ใช่ความพ่ายแพ้นะ แต่เป็นการที่เราชนะความเกลียดของตัวเองให้ผ่านไปได้ นี่คือเหตุผลที่เรารักแบงค์มาก มากอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เพราะเขาสอนเราให้รู้จักการใช้ชีวิตอยู่เพื่อกันและกันมากกว่าอยู่เพื่อความรักของตัวเองอย่างเดียว” ท็อปอธิบาย หวังว่าหวานจะเข้าใจเขา “ขอโทษนะ ที่จะต้องปฏิเสธหวานอีกครั้ง แต่เรายังเป็นเพื่อนกันได้ เราอยากให้หวานเป็นเพื่อนกันกับเรามากกว่า เพราถ้าวันหนึ่งที่หวานรู้จักเรามากขึ้น หวานอาจจะไม่ชอบเราแล้วก้ได้ หลังจากนั้น เราก็คงอาจจะไม่อยากคุยกันอีก หวานเป็นเพื่อนที่ดีนะ เราก็ไม่อยากจะเสียสถานภาพนี้ไป”

หวานได้แต่ก้มหน้า สูดน้ำมูก เช็ดน้ำตาที่ไหลออกมา “เราเข้าใจนะ ท็อป .... เราดื้อเองแหละที่ไม่ยอมรับความจริง” เธอปาดน้ำตาแล้วหันมายิ้มให้ท็อปที่กำลังมองหน้าเธออยู่

“ร้องไห้เยอะๆ เดี๋ยวไม่สวยนะ” ท็อปพูด “มีผู้ชายดีๆอีกตั้งเยอะ ลองเปิดใจมองกว้างๆ เดี๋ยวหวานก็จะเจอเองเมื่อถึงเวลา”

“อือ เราไม่กวนแล้วล่ะ ท็อปรีบไปเถอะ แบงค์คงกำลังรออยู่” หวานบอก

ท็อปรีบลาเพื่อน แล้วคว้าเอาหมวกกันน็อกมาสวมหัวแล้วรีบบึ่งออกไป เพราะท้องฟ้าเริ่มจะมืดแล้ว หวานหยิบโทรศัพท์มือถือของท็อปที่ตัวเองยังเก็บเอาไว้อยู่มือ กำไว้แน่น เธออยากจะคืนให้กับท็อปในวันนี้ถ้าเกิดเขายอมรับรักของเธอ แต่พอฟังเหตุผลของท็อปที่มีให้แบงค์เธอก็ยังไม่กล้าพอที่จะคืนให้อยู่ดี

==================================================

“อ้าว แม่กินอะไรหรือยังครับ?” ท็อปถามเมื่อเห็นแม่นั่งดูทีวีอยู่ในห้องพักของแบงค์ ส่วนแบงค์ก็นั่งดูทีวีอยู่ด้วยกัน

“มาแล้วเหรอลูก แม่ยังไม่ได้กินเลย ส่วนแบงค์ พยาบาลเขาเอามาให้แล้วล่ะ”

“สวัสดีครับ พี่ท็อป” แบงค์พูด ยกมือไหว้ “อุตส่าห์แวะมา มานั่งเล่นกันก่อนก็ได้นะ”

ท็อปยิ้มให้แบงค์เมื่อเห็นสีหน้าของแบงค์ที่มีอาการดีมากขึ้นเรื่อย ๆ มีเลือดฝาดไม่เป็นแก้มซีดๆเหมือนช่วงแรก ๆ เขาถือถุงน้ำเต้าหู้แล้วก็ขนมอีกสองสามอย่างมาให้

“งั้นเดี๋ยวแม่ขอตัวไปหาอะไรกินก่อนได้ไหม? ขอแม่ฝากน้องแป๊บนึง” แม่ยิ้มให้แล้วเดินออกจากห้อง ทิ้งให้ท็อปนั่งอยู่กับแบงค์สองคนในห้อง

“เป็นไงมั่ง น้องรัก อยู่แต่ในห้อง เบื่อไหม?” ท็อปถาม กระโดดขึ้นมานั่งข้างๆแบงค์บนเตียง

“ก็เบื่อนิดหน่อยครับ แต่ก็รู้ว่าเดี๋ยวเย็นๆ พี่ท็อปก็จะแวะมา ก็เลยรออยู่ครับ” แบงค์พูดยิ้มตอบให้ “เนี่ยพี่มากับของกินตลอดเลลย ออกจากโรงพยาบาลไปมีหวัง พี่ท็อปต้องพาแบงค์ลดน้ำหนักแล้วแหละ” แบงค์หัวเราะ

“ไม่รู้พี่เคยเล่าให้ฟังไหม? ว่าพี่เนี่ยเป็นนักกีฬาแบดเหรียญทองของโรงเรียนเลยนะ” ท็อปพูดโอ่ๆ “ถ้าแบงค์หายแล้ว เดี๋ยวพี่จะชวนไปเล่นด้วย จะได้ลดน้ำหนักได้ด้วยไง”

“โห จริงหรือเปล่า พี่ท็อป โม้เปล่าพี่? หน้าใสๆ ตัวขาวๆงี้ เป็นนักกีฬา แบงค์ไม่เชื่อหรอก” แบงค์พูดขำ ๆ

“จำคำพี่ไว้ก็แล้วกัน” ท็อปพูด หรี่ตาจ้องมองแบงค์ “พี่จะเล่นให้แบงค์ขาเดี้ยงเลย”

ทั้งสองคนหัวเราะอย่างสนุกสนาน เพราะท็อปคอยเล่าเรื่องนั้นเรื่องนี้ที่ผ่านมาในโรงเรียนให้แบงค์ฟัง ในช่วงเวลาแห่งความสุขนี้ ท็อปรู้สึกราวกับว่า แบงค์จำทุกอย่างได้อีกครั้งและกลับมารักเขาได้เหมือนเดิม ในดวงตาคู่เดิมที่เคยจ้องมองกันนั้น ยังคงมีแววใสซื่อ และอ่อนโยนแฝงอยู่ เพียงแค่ความรักที่เคยมีให้กันนั้นมันได้ถูกลบเลือนออกไปจากความทรงจำก็เท่านั้น

“พี่ท็อป...พี่ท็อปมีแฟนหรือยัง?” แบงค์ถามขึ้น เมื่อท็อปหันไปเทน้ำเต้าหู้ใส่แก้วยกมาให้

“ถามทำไมล่ะ?” ท็อปหันหน้ามามองรุ่นน้อง แปลกใจนิดๆกับคำถามที่แบงค์ถามขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

“ก็...พี่ท็อปทั้งหล่อ ทั้งเรียนเก่ง เป็นลูกอาจารย์ นิสัยก็ดี คุยก็สนุก ตั้งแต่แบงค์ลืมตาขึ้นมาได้ แบงค์ก็เจอพี่ท็อปทุกวันเลย แบงค์ว่าพี่ท็อปต้องมีคนมาชอบเยอะแยะแน่ๆ”

“เวอร์แล้ว แบงค์ ไม่ขนาดนั้นหรอก ถ้าถามว่ามีคนมาชอบไหม มันก็เป็นธรรมดาแหละ หลายคนชอบเราก็เพราะเรามีชื่อเสียง บางคนก็ชอบเราเพราะหน้าตา บางคนก็ชอบเราที่ความสามารถ แต่น้อยคนที่ยอมรักเราที่เราเป็นเรา ต่อให้ตัวเราแย่แค่ไหน ก็อยู่ข้างๆกันแล้วคอยขัดเกลากันและกัน แบบนี้มันหายากนะ” ท็อปบอก

“พี่ท็อปพูดอะไร งง?” แบงค์ถามย้อนมา “หมายความว่าพี่ท็อปยังไม่มีแฟนว่างั้น?”

“มีแล้วสิ” ท็อปตอบสั้น ๆ “อยากรู้จักไหมล่ะ?”

“ไม่อะ...ถ้าเจอมีหวังโดนตบหน้าหงายแน่ๆ ก็พี่ท็อปเล่นมาอยู่กับแบงค์ทุกวันแบบนี้ แฟนพี่เขาจะไม่โกรธแย่เหรอครับ” แบงค์บอกหวาด ๆ ส่วนท็อปก็หัวเราะชอบใจ ยกแก้วมาให้น้อง

“อะ ดื่มซะ....น้ำนมถั่วเหลือง มันดีต่อสุขภาพนะ” ท็อปบอกส่งยิ้มแป้นให้แบงค์ที่รับไปดื่มด้วยสีหน้ามีความสุขเช่นกัน

จบบทที่ 33

บทที่ 34 จะเป็นเนื้อเรื่องตอนสุดท้ายแล้วนะครับ
จะมาในวันพฤหัสหน้า พร้อม ภาคผนวกอีกสองตอนว่าด้วยเรื่องของท็อปและปลาคาร์พ
และบทส่งท้ายสรุปว่าสุดท้ายแล้ว รัก 5 เส้านี้จะจบลงอย่างไร

พฤหัสหน้ามารอดูด้วยกันครับ ขอบคุณที่ติดตามกันมาจนโค้งสุดท้ายนะครับ


....

ออฟไลน์ brookzaa

  • Chill out
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-7

ออฟไลน์ LeeGwakNAT

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 8
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
อีคาร์พจะโดนไรนะตอนจบ. เอาให้ตายไปเลย. ชั่วนัก

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด