[นิยายแนวม.ปลาย] (Updated จบซีรียส์ อัพ 14/05)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [นิยายแนวม.ปลาย] (Updated จบซีรียส์ อัพ 14/05)  (อ่าน 58314 ครั้ง)

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7
มันจะดีนะ ลงทีเดียวจนจบเลยน่ะ 555555

 :pig4: :pig4: :pig4:

งั้นเดี๋ยวศุกร์นี้จัดไปเลยครับ สอง


 o13 o13 o13

ออฟไลน์ akiraakka

  • Deus Deorum (God of Gods)
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
    • เพื่อน(?)ผมเป็นผู้วิเศษ ภาคแรก
ศุกร์นี้ ขอดับเบิ้ล ให้สองตอนครับ

บทที่ 25
การตัดสินใจ


เสียงฝนตกกระทบหลังคาทำให้แบงค์ค่อยๆรู้สึกตัวขึ้นมาหลังจากที่นอนซมอยู่บนเตียงทั้งวัน ตอนช่วงบ่ายเขาลุกขึ้นมาชาร์จโทรศัพท์มือถือที่แบตหมดไปตั้งแต่เมื่อวานและพบข้อความแจ้งว่ามีคนโทรเข้ามาตอนปิดเครื่องหลายสาย นั่นนรวมถึงพี่ท็อปที่โทรเข้ามาเป็นสิบๆสายตลอดทั้งเช้า ส่วนพี่กายเขาโทรไปบอกให้รุ่นพี่ไม่ต้องเข้ามาหาเขาในวันนี้ ใจหนึ่งก็เพราะว่าเกรงใจที่พี่กายต้องมาคอยดูแลเขา อีกใจหนึ่งเขาอยากจะอยู่คนเดียวบ้าง ไม่อยากนั่งรื้อฟื้นอะไรกับใคร อยากจะอยู่เงียบๆลำพังคนเดียว

ตัวของเขาร้อนเพราะพิษไข้ อาการเจ็บช้ำจากแรงต่อยที่พี่คาร์พทำกับเขายังคงระบมอยู่แม้ว่าเลือดจะหยุดไหลไปแล้วแต่อาการแสบร้อนอยู่ในจมูกยังคงมีให้รู้สึก เขาพลิกตัวมองออกไปนอกหน้าต่างที่ฝนตกกระหน่ำลงมา ยิ่งทำให้บรรยากาศมันช่างเหงาจับใจเหลือเกินในค่ำคืนที่เขารู้ว่าต่อไปนี้เขาจะไม่มีพี่ท็อปอีกแล้ว

ในสมองยังคงวนเวียนอยู่กับภาพที่เขาเห็น คำพูดที่พี่ท็อปเคยบอกเขา คำสัญญาต่างๆนานา ช่วงเวลาที่เคยได้ใช้ร่วมกัน ความขี้อ้อนของพี่ท็อป รวมถึงทุกอย่างที่พี่ท็อปทำให้เขาตลอดช่วงเกือบปีที่ผ่านมายังถูกบันทึกไว้อย่างดีในสมองของเขา น้ำตาค่อยไหลๆออกมา ในสมองยังคงวนเวียนอยู่กับคำถามที่ไม่มีคำตอบ ถ้าพี่ท็อปไม่ใช่คนส่งข้อความพวกนั้นมาแล้วใครเล่าจะส่งมา แต่ไม่ว่าใครจะส่งมา มันก็ทำให้เขาได้เห็นความจริงว่าพี่ท็อปเป็นคนแบบไหน

เขาค่อยๆลุกขึ้นนั่งบนเตียง สะอึกสะอื้นร้องไห้ออกมาไม่หยุด ทำไมพี่ท็อปถึงทำกับเขาแบบนี้ คำว่ารักของพี่ท็อปคืออะไรกันแน่
ในขณะที่เขากำลังร้องไห้อยู่นั้น เขาได้ยินเสียงขลุกขลักอยู่ที่บริเวณข้างล่าง แม้ว่าตอนนี้ฝนจะยังตกกระหน่ำอยู่ก็ตามแต่เสียงที่ดังอยู่ข้างล่างนั้นกลับยังฟังชัดเจนจนรู้สึกเหมือนกับว่ามีใครกำลังอยู่ข้างล่าง โดยเฉพาะในยามวิกาลที่เขาอยู่คนเดียวเช่นนี้
เขานิ่งเงียบแล้วก้าวลงจากเตียงช้าๆ จากนั้นจึงค่อยๆแง้มประตูออกมาให้เบาที่สุด เพื่อฟังเสียงว่าข้างล่างนั้นมีใครอยู่จริงหรือเปล่า

เสียงเหมือนมีคนพยายามจะงัดเข้ามาในตัวบ้านดังก๊อกแก๊กๆเบาๆ แบงค์เปลี่ยนจากความรู้สึกเหงาเศร้าเมื่อสักครู่มาเป็นตื่นตระหนก ในตอนนี้เขาอยู่บ้านแค่คนเดียวเท่านั้น แล้วใครกันที่พยายามจะงัดแงะเข้ามาในบ้านแบบนี้ถ้าไม่ใช่ขโมย
แบงค์ย่องกลับเข้าไปในห้อง พยายามหาอาวุธที่เหมาะมือที่สุดเพื่อที่จะไปปะทะกับผู้ไม่หวังดีที่อาจจะซุ่มรออยู่เบื้องล่าง แต่ทว่าในห้องนี้กลับไม่มีอะไรที่พอจะใช้เป็นอาวุธได้เลย เขาจึงเดินลงบันไดมาอย่างเบาที่สุดเพื่อหาทางแอบเข้าไปในห้องครัว อย่างน้อยในห้องนั้นก็มีทั้งหม้อ กะทะ สาก มีด ค้อน อุปกรณ์แสวงเครื่องสารพัดชนิดที่เขาสามารถนำมาใช้ต่างอาวุธได้

เมื่อเขาย่องเข้าไปถึงในครัว เพื่อไม่ให้เจ้าขโมยรู้ตัวเขาจะต้องไม่เปิดไฟ เขาอยากจับมันให้ได้คาหนังคาเขา แบงค์พยายามเพ่งมองในความมืดเพื่อปรับสายตาให้คุ้นเคยแล้วเดินเบาๆไปยังตู้เก็บอุปกรณ์ต่างๆ แล้วคว้าสากไม้ขนาดใหญ่ที่แม่เก็บเอาไว้ทำอาหารขึ้นมา ถ้าซัดไม้นี่ไปเต็มแรง อย่างน้อยไอ้ขโมยก็คงน็อกแน่ๆ เขาจะได้มีเวลาโทรเรียกตำรวจมาลากคอมันไปเข้าคุก
แบงค์เดินกลับออกมาบริเวณห้องนั่งเล่นที่มีเสียงกุกกัก เขาเห็นเงาตะคุ่มๆตรงกระจกใกล้ๆกับห้องนั่งเล่น มันกำลังพยายามทั้งกระชากทั้งงัดด้วยอุปกรณ์ที่หาได้ใกล้ๆเพื่อที่จะเปิดหน้าต่างเข้ามาให้ได้ แบงค์จึงได้แต่เฝ้ามอง และรอจนกว่าอีกฝ่ายจะสามารถเปิดเข้ามาเพื่อที่จะจู่โจมกลับไป

ในไม่ช้าก็มีเสียงปลดล็อกหน้าต่างได้แต่หน้าต่างนั้นกลับเปิดเพียงด้านเดียว แบงค์กระชับสากเอาไว้ในมือและเตรียมพร้อมที่จะพุ่งใส่เป้าหมาย เสียงฝนข้างนอกชัดเจนและตัวของขโมยนั้นเหมือนจะเปียกมะล่อกมะแล่ก มันค่อยๆแทรกตัวเข้ามาอย่างทุลักทุเล เพราะตนเองทั้งเปียกและทางที่จะเข้ามาก็แคบเหลือเกิน

“ไอ้หัวขโมย !!!” แบงค์ร้องลั่นเมื่อชายแปลกหน้ากำลังจะเดินเข้ามาในบ้าน พร้อมกับเหวี่ยงสากไม้เข้าไปเต็มแรง

“อย่านะแบงค์ !!! พี่เอง” เสียงคุ้นเคยร้องลั่นก่อนที่จะซัดโดนจุดสำคัญของเป้าหมาย

“พี่ท็อปเหรอ?” แบงค์ถามกลับไป แม้สายตาจะคุ้นชินกับความมืดบ้างแล้วแต่เขาก็มองไม่เห็นหน้าของผู้บุกรุกชัดเจน จึงเดินไปเปิดสวิทช์ไฟที่อยู่ใกล้ๆ “พี่ท็อปงัดบ้านแบงค์เข้ามาทำไม”

“พี่กลัวว่าต่อให้พี่พยายามกดออดเรียกแบงค์ แบงค์ก็คงไม่เปิดให้พี่” พี่ท็อปบอก ก่อนจะจามออกมาเสียงดัง ถึงสองสามรอบติดกัน “พี่อยู่หน้าบ้านแบงค์มาชั่วโมงกว่าแล้ว พยายามหาทางเข้ามาในบ้าน แต่บ้านมืดมาก พี่ เลย.....ฮัดชิ้ววว ...คิดว่า.....ฮัดชิ้ว แบงค์น่าจะหลับอยู่”

แบงค์เห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งไปที่ห้องซักรีดของแม่ที่อยู่หลังบ้าน คว้าเอาผ้าขนหนูผืนใหญ่มาให้พี่ท็อปที่กำลังเริ่มจามจนตัวโยนเพราะตากฝนมากว่าชั่วโมง พร้อมกับเสื้อผ้าของเขาที่พี่ท็อปพอจะใส่ได้

“พี่ท็อปนั่งลงก่อน อย่าเพิ่งเดินไปไหน เดี๋ญวพื้นจะเปียกหมด” แบงค์บอกเสียงแข็ง

ท็อปในตอนนี้ว่าง่ายราวกับเป็นแมวเชื่องๆ เขานั่งลงกับพื้นแล้วแบงค์ก็จัดการเช็ดผมที่เปียกให้เขาในขณะที่เขาก็ยังจามไม่หยุด “บอกกี่หนแล้วว่าอย่าตากฝน เคยฟังกันบ้างไหม ถอดเสื้อออกด้วย” แบงค์บอก

ท็อปจึงรีบถอดเสื้อออกแล้วแบงค์ก็รีบเช็คตัวพี่ท็อปเสียจนแห้งแล้วจับพี่ท็อปสวมเสื้อแห้งตัวใหม่ให้เรียบร้อย จากนั้นจึงยื่นกางเกงให้ “เปลี่ยนเองนะครับพี่ แบงค์เอามาให้พี่แล้ว”

“เปลี่ยนให้พี่ไม่ได้เหรอ?” ท็อปถามหน้าทะเล้น แอบมีความหวังขึ้นมาบ้างว่าอย่างน้อยวันนี้แบงค์ก็ยอมคุยกับเขา แต่สีหน้าของแบงค์นิ่งและเรียบเฉย ไร้อารมณ์อีกทั้งดูเฉยชา เขาจึงหยิบกางเกงไปเปลี่ยนในห้องน้ำแล้วเดินออกมา

“แบงค์อนุญาตให้พี่อยู่ที่ข้างล่างจนกว่าฝนจะหยุดตกนะครับ ถ้าฝนหยุดแล้วรบกวนพี่ท็อปออกจากบ้านแบงค์ไปด้วย ป่านนี้พ่อพี่งตามหาพี่แย่แล้ว” แบงค์บอกเมื่อเห็นท็อปเปลี่ยนชุดเรียบร้อย

“แบงค์จะยอมฟังพี่ก่อนไหม?” เขาพูดน้ำเสียงอ้อนวอน “พี่อยากให้แบงค์ปรับความเข้าใจกับพี่ก่อน”

“ไม่ครับพี่ท็อป มันจบแล้ว แบงค์จะไม่ปรับความเข้าใจอะไรทั้งนั้น ทุกอย่างมันเห็นคาตา แบงค์ลืมไม่ลงหรอกพี่ ก่อนหน้านี้พี่ท็อปจะเป็นยังไงแบงค์ไม่รู้ แต่พี่ท็อปบอกแบงค์ว่าตอนนี้พี่ท็อปรักแบงค์ แต่พี่ท็อปทำไมทำกับแบงค์แบบนี้” แบงค์พูด น้ำตารื้นขึ้นมาด้วยความเจ็บปวด “พี่ท็อปไม่คิดเหรอว่าแบงค์จะเสียใจแค่ไหนถ้าเกิดต้องมารู้ทีหลังว่าพี่ท็อปไปทำอะไรมา”

“พี่ขอโทษแบงค์ พี่มันไม่ดีเอง” ท็อปบอกพยายามเดินเข้าไปกอดน้อง แต่แบงค์พยายามปัดป้องและเดินหลบ “แบงค์ อย่าเดินหนีพี่ไปแบบนี้ดิ”

“แบงค์ทำใจไม่ได้เลยพี่ท็อป จนถึงตอนนี้แบงค์ก็ยังทำใจไม่ได้ แบงค์ไม่เข้าใจเหตุผลของพี่ท็อป ว่าทำไมพี่ท็อปถึงทำอะไรแบบนั้นลงไปได้ยังไง ปากบอกอย่างแต่การกระทำอีกอย่าง แบบนี้แบงค์จะไว้ใจพี่ท็อปได้เหรอ ในอนาคต” แบงค์ถามตัดพ้อ

“พี่รู้ว่าพี่ผิด พี่มันหน้ามืดตามัว พี่ปล่อยให้อารมณ์มันพาไป พี่ไม่มีข้อแก้ตัวอะไรเรื่องที่พี่ทำลงไปวันนั้นแม้แต่ข้อเดียว พี่ขอสารภาพผิดทุกอย่าง แต่พี่ขออย่างเดียว แบงค์ให้โอกาสพี่ได้ไหม? พี่อยู่ต่อไม่ได้แน่ ถ้าเราเลิกกัน พี่จะใช้ชีวิตต่อไปยังไงถ้าแบงค์ไม่อยู่กับพี่อีก” ท็อปบอกน้ำตาไหลออกมาทันที

“แบงค์ให้อภัยพี่ท็อปได้นะ เพราะแบงค์เข้าใจว่าพี่ท็อปมีความต้องการสูง” แบงค์บอกน้ำเสียงประชด “แต่แบงค์จะไม่กลับไปคบกับพี่ท็อปในสถานะเดิมอีก เรากลับไปเป็นคนรู้จักกันอย่างเดิมก็พอแล้วล่ะ” น้ำตาของเขาก็ไหลออกมาเช่นกัน

“ไม่เอาดิแบงค์ อย่าทำกับพี่แบบนี้” ท็อปร้องโฮออกมา แล้วรีบเดินไปคว้าแขนแบงค์เอาไว้แต่แบงค์กลับพยายามสะบัดออกอย่างไม่ใยดี ท็อปจึงกอดแขนของแบงค์ไว้แน่นแล้วทรุดตัวลงกับพื้นเพื่อไม่ให้แบงค์เดินหนีเขาไปไหนอีก “พี่จะอยู่ยังไง ถ้าแบงค์ไม่อยู่กับพี่แล้ว พี่จะอยู่ยังไง” เขาร้องไห้ออกมาเสียงดัง

แบงค์จำต้องทรุดตัวนั่งลงด้วยเพราะว่าท็อปดึงแขนเขาเอาไว้แน่น เขาพยายามกระชากแขนของตัวเองออกมาแต่ยิ่งกระชากก็ยิ่งสู้แรงยื้อของท็อปไว้ไม่ได้ ท็อปดึงน้องเข้าไปกอดแน่น ร้องไห้ออกมาเสียงดังอย่างที่แบงค์ไม่เคยเห็นมาก่อน

“ไม่เอาแล้ว พี่ไม่เอาอีกแล้ว ต่อไปนี้พี่จะไม่ทำให้แบงค์เสียใจอีก แบงค์หายโกรธพี่เถอะนะ พี่ขอร้อง” เขาคร่ำครวญ

แบงค์ได้แต่น้ำตาไหล เมื่อวานเขาร้องไห้ไปเสียจนน้ำแทบจะหมดตัว ไม่ต่างจากพี่ท็อปวันนี้เลย หากแต่ตอนนี้น้ำตาของเขายังคงไหลออกมาเรื่อยๆ ไม่ได้ฟูมฟายเช่นเมื่อวาน “แบงค์ไม่อยากเสียใจเพราะพี่ท็อปอีกแล้ว ความรักบางทีเราไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกันก็ได้ แค่พี่ท็อปเก็บแบงค์ไว้ในใจตลอดไปก็พอให้เรื่องที่ผ่านมาของเราเป็นความทรงจำดีๆได้ไหมพี่ท็อป” เขาบอก พยายามกล่อมให้พี่ท็อปตัดใจ แต่ตัวเขาเองข้างในนั้นกลับทรมานเหลือเกินกับการพูดในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับหัวใจของตนเอง

“ไม่ได้ พี่จะต้องมีแบงค์อยู่กับพี่ทั้งในความทรงจำ ความฝันแล้วก็ความจริง พี่ไม่มีแบงค์อยู่แล้วพี่จะเดินต่อไปยังไง พี่รักแบงค์หมดหัวใจไปแล้ว แล้วแบงค์จะทำกับพี่แบบนี้เหรอ?” พี่ท็อปบอกหันหน้ามามองแบงค์ หน้าแดงก่ำ น้ำตาไหลพราก แถมยังจามออกไม่หยุด

แบงค์เอื้อมมือไปคว้าเอาผ้าขนหนูที่เช็ดหัวให้พี่ท็อปเมื่อกี้มาคลุมหัวให้พี่ท็อป แล้วเช็ดใบหน้าเปื้อนน้ำตาให้รุ่นพี่อย่างแผ่วเบา “หวัดกินแล้วนะพี่ท็อป” เขาบอก “พอเถอะพี่ แบงค์เหนื่อยแล้ว แบงค์ไม่อยากพูดเรื่องเดิมๆซ้ำอีก”

“แบงค์ไม่คิดมั่งเหรอว่าอาจจะมีคนไม่หวังดีอยากให้เราเลิกกัน อาจจะมีคนแกล้งเรา แบงค์บอกพี่ว่ามีคนส่งข้อความมาหาแบงค์ว่าพี่บอกว่าให้ไปหาที่ห้องพยาบาลไม่ใช่เหรอ? พี่อยากรู้ว่ามันเป็นใคร?” ท็อปบอกพยายามหาเหตุผลต่างๆมาง้อรุ่นน้อง

“พูดแบบนี้ก็ไม่ถูกนะพี่ท็อป พี่จะหาว่าคนนั้นเขาเป็นต้นเหตุเหรอ แล้วที่แบงค์เห็นพี่กับพี่หวานทำอะไรกันนั่นก็จัดฉากเหรอ? แต่ที่แบงค์เห็นเหมือนพี่ดูจะให้ความร่วมมือมากกว่านะพี่ท็อป” แบงค์บอกเสียงเรียบ

“พี่ขอโทษ พี่บอกแล้วไงว่าเหมือนพี่โดนเขาแกล้งให้แบงค์มาเจอจะได้โกรธกับพี่แล้วเราสองคนจะได้เลิกกัน สมใจ แบงค์ก็รู้ว่ามีคนตั้งหลายคนพยายามจะแย่งแบงค์ไปจากพี่อยู่นะ”

“พี่ท็อปนิสัยไม่ดีเลย โทษคนนั้นคนนี้ทำไม ถ้าพี่ท็อปรักแบงค์จริงๆ ทำไมไม่ปฏิเสธเขาไปล่ะ ไปอยู่กับเขาสองต่อสองทำไม พี่ปฏิเสธได้นี่นา ทำไมไม่ทำ แล้วตอนนี้ปัญหามันเกิดแล้วพี่มาสำนึกผิดทีหลังแบบนี้ไม่คิดเหรอว่าแบงค์จะเสียใจขนาดไหน แบงค์ร้องไห้แทบบ้ามาสองวันนับแต่เกิดเรื่อง พี่ท็อปรู้ไหม?” แบงค์ตะคอกใส่พยายามสะบัดพี่ท็อปออกไปเพราะพี่ท็อปยังคงกอดเขาไว้แน่น

“พี่ขอโทษ พี่ยังไมได้มีอะไรกับหวานเลยนะ พี่ว่าเขาต้องพยายามจัดฉากให้แบงค์มาเจอแน่ๆ เชื่อพี่สิ มันต้องเป็นแบบนี้แน่ๆ” ท็อปบอก

“เหอะ...พี่ท็อป อย่าทำแบบนี้อีกเลย มันไม่ทำให้พี่ดูดีขึ้นมาเลยนะ ยิ่งพี่พูดออกมาอีกมันยิ่งทำให้พี่ท็อปดูแย่ในสายตาแบงค์มากขึ้นเรื่อย ๆ สรุปวันนี้พี่จะมาทำอะไร? มาง้อแบงค์ มาบรรยายความเลวของตัวเอง หรือมาทำอะไรกันแน่” แบงค์บอก

ท็อปร้องไห้ไม่หยุดเหมือนเด็กเล็กๆไปแล้วเมื่อแบงค์ตอกกลับเขาอย่างไม่ใยดี เขาคิดว่าวันนี้คงเป็นวันสุดท้ายแล้วจริงๆและในที่สุดคงไม่สามารถจะกลับไปคบกันอย่างเดิมได้แน่ๆ ส่วนแบงค์แม้ในใจจะอยากคืนดีจนใจจะขาดแต่เขาไม่อยากให้ประวัติศาสตร์เดิมซ้ำรอยอีก เขาอยากให้พี่ท็อปเรียนรู้จากความผิดพลาดนี้แล้วเดินหน้าต่อมากกว่าจะมานั่งจดจ่อกับเรื่องความสัมพันธ์กับเขา

“แบงค์ไม่รักพี่แล้วใช่ไหม?” ท็อปสะอึกสะอื้น “แบงค์รักไอ้รุ่นพี่ม.6 คนนั้นแล้วใช่ไหม ?” ท็อปค่อยๆผละตัวออกจากแบงค์ ใช้แขนทั้งสองข้างเช็ดน้ำตาของตัวเอง หน้าของเขาแดงแจ๋

แบงค์เอื้อมมือมาจับแก้มซ้ายของพี่ท็อปอย่างแผ่วเบาเฉกเช่นในคืนนั้นที่พี่ท็อปถูกพ่อตบหน้ามา เพ่งพินิจที่ใบหน้าอันบอบช้ำของรุ่นพี่ เห็นรอยเขียวๆเป็นจ้ำๆ แม้แบงค์จะไม่รู้ว่าเป็นรอยอะไรแต่ก็เดาได้ไม่ยากว่าคงไปมีเรื่องกับใครมาอีกแหงๆ

“พี่ท็อปจะเป็นคนเดียวที่แบงค์รัก ตามที่แบงค์สัญญา ถึงแบงค์จะแสดงออกไม่ค่อยเก่ง แต่แบงค์ยังคงบอกพี่ท็อปได้เต็มปากว่า แบงค์รักพี่มาก มากเสียจนไม่อยากเสียพี่ไป” แบงค์บอก น้ำตาไหลออกมาอย่างช่วยไมได้ “แต่แบงค์ก็อยากจะขอโทษพี่ท็อปเหมือนกัน ว่าแบงค์ไปต่อไม่ไหวจริงๆนะพี่ท็อป” แล้วเขาก็ปล่อยโฮออกมาบ้าง

ท็อปรีบกอดน้องเอาไว้ ส่วนแบงค์ก็ได้แต่กดหน้าลงกับบ่าของพี่ท็อป ร้องไห้สะอึกสะอื้นเหมือนเขื่อนแตก “แบงค์ไม่เคยรักพี่กายเลย พี่ท็อปก็มายัดเยียดอะไรก็ไม่รู้ให้แบงค์ทำ แถมบังคับให้แบงค์ต้องไปอยู่กับพี่กายทั้งสัปดาห์ พี่ท็อปทิ้งแบงค์ไปทำไมก็ไม่รู้ ไม่ถามความเห็นความสมัครใจของแบงค์สักคำ แบงค์น้อยใจที่สุดเลยนะพี่ท็อป”

“พี่ขอโทษที่พี่ปากพล่อยไปท้าแข่งอะไรบ้าๆแบบนั้นไป โดยไม่คิดถึงใจแบงค์เลย พี่ขอโทษ” ท็อปบอกกอดแบงค์แน่น

“แบงค์คิดถึงพี่ท็อปอยู่ตลอดเวลา แต่แบงค์ก็พูดอะไรมากไม่ได้ พี่กายเขาก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร แบงค์ก็ต้องทำตามที่พี่ท็อปบอก เพราะว่าแบงค์รักพี่ท็อปถึงได้ยอมอยู่นี่ไง แบงค์ถึงยอมไปอยู่กับพี่กาย พี่ไม่เข้าใจแบงค์เลยเหรอ? แล้วพี่ท็อปก็มาทำกับแบงค์แบบนี้อีก แล้วต่อจากนี้แบงค์จะโดนพี่ท็อปทำร้ายจิตใจแบงค์ด้วยอะไรอีกล่ะพี่? แบงค์ถามหน่อย พี่ท็อปจะทำให้แบงค์เจ็บปวดอีกนานแค่ไหนเหรอพี่?” แบงค์ร้องไห้ไป พร่ำบ่นถึงความอัดอั้นที่มีอยู่ในใจออกมา

ท็อปได้แต่น้ำตาไหล ตอนนี้เขารู้แล้วว่าทำไมแบงค์ถึงไม่ค่อยพูดและเริ่มอารมณ์เสียหลังจากที่เขาทำตัวระรานและใช้อารมณ์ตัดสินปัญหา ทั้งๆที่เรารักกันแต่ทำไมยิ่งรักกันแต่กลับยิ่งมองข้ามความรู้สึกของคนที่รักไปกลายเป็นสนใจแต่เพียงความรู้สึก การเอาชนะ ความพึงพอใจของตนเองเพียงฝ่ายเดียว มากกว่าจะยอมปรับความเข้าใจกัน ที่ผ่านมา แบงค์ทำตามท็อปตลอดโดยไม่ขัดขืนและคอยปรามท็อปอยู่เรื่อยๆเวลาท็อปทำตัวไม่เหมาะไม่ควร เขามาถึงจุดที่เข้าใจแล้วว่าทำไมจึงทำให้เขาหลงรักแบงค์มากขนาดนี้และไม่แปลกใจเลยที่ทำไม พี่กายถึงอยากลองคบแบงค์ดูบ้าง เพราะความอ่อนโยนแต่เข้มแข็งแบบนี้แหละที่หาได้ยากนัก

“พี่ขอโทษ พี่ไม่รู้จะสรรหาคำพูดไหนมาบอกแบงค์ได้อีกแล้ว” พี่ท็อปบอก กอดแบงค์แน่น “พี่อยากบอกแบงค์ว่าพี่ขอโทษจริงๆ ต่อจากนี้พี่จะไม่ทำให้แบงค์เสียใจอีก พี่รู้แล้วว่าคนที่รักพี่ที่สุดก็มีแต่แบงค์เนี่ยแหละ และคนที่พี่รักมากที่สุดก็มีแค่แบงค์เหมอืนกัน ทุกอย่างที่ผ่านมาพี่ขอสารภาพความผิดทั้งหมด แบงค์อภัยให้พี่ได้ไหม? พี่สัญญาว่าต่อไปนี้พี่จะเริ่มใหม่ พี่ไม่เอาอีกแล้วนิสัยเดิมๆเรื่องเดิมๆ”

แบงค์ไม่ตอบ ได้แต่ปาดน้ำตาตัวเอง สะอึกสะอื้นเสียใจ

“จะเป็นอะไรไหม? ถ้าแบงค์บอกว่าแบงค์ให้อภัยพี่ท็อป แต่แบงค์จะไม่กลับไปคบกับพี่ท็อปอีก” แบงค์บอกมองจ้องตาท็อปกลับมา

“ทำไมล่ะ? แบงค์ ... พี่ขอเถอะ ให้โอกาสพี่ได้ไหม พี่ขอร้องล่ะ ถ้าไม่มีแบงค์ พี่ต้องตายแน่ๆ” ท็อปโอดครวญ น้ำตามาอีกระลอก

“บอกแล้วไงอย่ามาพูดเรื่องตายๆแถวนี้ ก่อนหน้านี้ไม่มีแบงค์พี่ยังอยู่ได้เลย ถึงต่อไปเราจะไม่มีกันเราก็ต้องอยู่ให้ได้นะพี่ท็อป แบงค์ไม่เอาแล้ว แบงค์เหนื่อย....” เขาร้องไห้ออกมา “แบงค์ยังเด็กเกินไปที่จะเข้าใจความรู้สึกพวกนี้ มันทั้งเจ็บปวด ทั้งทรมาน แต่ขณะเดียวกันมันก็กลับมีความสุขเหลือเกินที่ได้อยู่ใกล้ๆกัน มันสับสนเกินไป พี่ท็อป แบงค์รับความรู้สึกเหล่านี้ไม่ไหวอีกแล้ว”

“ต่อไปนี้พี่จะไม่เร่งเร้าอะไรแบงค์อีกแล้ว ให้เราค่อยเป็นค่อยไปก็ได้นะ แค่อย่าเลิกกับพี่เลยนะ พี่ขอร้อง” ท็อปบอก

แบงค์ไม่ตอบได้แต่อิงหัวซบลงบนบ่าพี่ท็อป สะอึกเบาๆเพราะร้องไห้มานาน “แบงค์ร้องไห้จนเหนื่อยแล้วพี่ท็อป แบงค์ไม่อยากพูดเรื่องพวกนี้อีกแล้ว ปล่อยแบงค์ไปเหอะพี่”

“แล้วแบงค์จะทนได้เหรอ ถ้าแบงค์ต้องเลิกกับพี่จริงๆ” ท็อปถามย้อนลูบหัวแบงค์ที่ยังคงซบเขาอยู่

“ทนไม่ได้หรอก” แบงค์ตอบ “แต่ก็ต้องทน เหมือนยาขมๆถ้าอยากหายก็ต้องกิน เดี๋ยวเวลาจะรักษาบาดแผลของมันเอง แต่ต่อจากนี้แบงค์ก็แค่ต้องทนไปจนกว่ามันจะหาย”

“แต่ถ้าแบงค์ยังรักพี่ต่อไปแล้วเรายังอยู่ด้วยกัน มันก็น่าจะช่วยรักษาได้ไม่ใช่เหรอ กับรอยร้าวที่มันเกิดขึ้น ดีกว่ารักษาไปตามยถากรรมนะ” ท็อปถามย้อน

“แล้วถ้าแบงค์ต้องเจ็บปวดอีกล่ะ แผลจะไม่ลึกกว่าเดิมเหรอพี่ท็อป” แบงค์ย้อนถาม เงยหน้าขึ้นมามองรุ่นพี่

“พี่สัญญาว่าจะไม่มีวันนั้นเด็ดขาด พี่ขอสัญญาด้วยชีวิต” พี่ท็อปบอกเสียงแข็ง จ้องตาแบงค์เพื่อให้เขามั่นใจในคำพูด
แบงค์ถอนหายใจออกมาช้า ๆ หยิบผ้าขนหนูที่หล่นกองอยู่กับพื้นขึ้นมาขยี้หัวให้พี่ท็อปอีก “ร้องไห้จนผมแห้งแล้ว พี่ท็อป”

“อือ หน้าเปียกแต่หัวแห้ง” ท็อปบอก ค่อยๆยิ้มออกมาแก้เขิน

แบงค์เอาผ้าขนหนูห่มคอให้พี่ท้อปเหมือนผ้าพันคอ แล้วเงยหน้าขึ้นมองรุ่นพี่ช้า ๆ สีหน้าครุ่นคิด เขายืนนิ่งไปพักนึง ก่อนจะถอนหายใจยาวๆ ส่วนท็อปก็ได้แต่กลั้นหายใจรอดูปฏิกิริยาตอบของแบงค์

“ถ้าอย่างนั้น พี่ท็อปสัญญาแล้วนะ” แบงค์พูดออกมาในที่สุด “ด้วยชีวิตของพี่ท็อปเอง”

“หืม? หมายความว่าไง ? แบงค์ยอมคืนดีกับพี่แล้วเหรอ?” ท็อปยิ้มหน้าบานออกมาอย่างดีใจที่สุดเท่าที่เคยมีมาในชีวิต

“ใจจริงก็ไม่อยากคืนดีหรอก แต่ความรักลบล้างความผิดได้ เคยได้ยินไหมพี่ท็อป” แบงค์บอก “ถึงแบงค์จะโกรธพี่ท็อปมาก แต่มันก็เอาชนะความรักที่แบงค์มีให้พี่ท็อปไมได้หรอก ที่แบงค์ร้องไห้หนักมาสองวันก็เพราะแบงค์พยายามที่จะยอมรับว่าแบงค์จะต้องไม่รักพี่ท็อปอีกต่อไป...สุดท้ายก็รู้อยู่แก่ใจว่าทำไม่ได้” เขาบอกหน้าเศร้า “ถ้าขาดพี่ท็อปไป แบงค์ก็ไม่รู้จะรักใครได้เหมือนอย่างที่รักพี่หรือเปล่า”

ท็อปหอมแก้มแบงค์ฟอดใหญ่ด้วยความดีใจ แล้วกอดแบงค์แน่นเสียจนรุ่นน้องเกือบหายใจไม่ออก

“พี่ท็อป !! หายใจไม่ออกแล้ว”

“พี่ดีใจที่สุดเลย” เขาร้องไห้ออกมาอีก “ในที่สุด แบงค์ก็ยอมฟังพี่สักที ต่อจากนี้พี่จะไม่ทำให้แบงค์เสียใจอีกแล้ว ไม่เอาแล้ว เข็ดแล้ว”

“ไม่ต้องร้องไห้แล้วพี่ท็อป” แบงค์บอกแต่เขาเองกลับร้องไห้ออกมาอีกเหมือนกัน “ว่าแต่หน้าไปโดนอะไรมาเขียวๆ”

“พี่ต่อยกับคาร์พมา เลยโดนเรียกเข้าห้องปกครองมาอีกรอบน่ะ” ท็อปบอกสั้นๆ

“อ้าว ไปต่อยกันทำไม เพื่อนรักกันไม่ใช่เหรอ?” แบงค์ถาม ตกใจในคำตอบของท็อป

“ไม่มีอะไรหรอก คืนดีกันแล้ว ทะเลาะกันนิดหน่อย” ท็อปบอก “ไม่ต้องสนใจเรื่องอื่น สนใจเรื่องเรากันอย่างเดียวก็พอแล้ว” ท็อปบอกแล้วยื่นหน้าเอาจมูกของตนมาบี้จมูกของแบงค์ด้วยความรักใคร่ๆ

“โอ๊ย เจ็บ พี่ท็อป” แบงค์บอกแล้วรีบสะบัดหน้าหลบพี่ท็อป แล้วเลือดก็พุ่งออกมาจากจมูกอีกครั้ง เขารีบลุกไปหยิบเอากระดาษทิชชูที่วางอยู่บนโต๊ะหน้าโซฟามาซับเลือดเอาไว้

“เป็นอะไรมากหรือเปล่าเนี่ยแบงค์ ทำไมแผลยังไม่หายอีกเหรอ? ดั้งหักหรือเปล่า?” พี่ท็อปถาม รีบเดินตามมาดูแบงค์

“ไม่มีอะไรหรอกพี่ แผลมันยังไม่หายดี” แบงค์บอก

“สองวันแล้วนะ ยังไม่หายอีกเหรอ? คาร์พมันต่อยแรงขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย” ท็อปพึมพำ “พี่ไม่น่าพลาดปล่อยให้มันทำแบงค์ได้เลย”

“ไม่เกี่ยวกับพี่คาร์พหรอกพี่...จริงๆมันควรจะหายแล้วแหละ” แบงค์เสริมแล้วยัดทิชชูอุดรูจมูกเอาไว้

“แล้วทำไมแบงค์ถึงยังไม่หายล่ะ?” ท็อปถามน้ำเสียงเป็นห่วง

แบงค์ยิ้มตอบเจื่อนๆ “ไม่รู้เหมือนกัน คงเป็นเคสพิเศษมั้ง แต่เดี๋ยวก็หายแล้วแหละ” เขาพูดจากนั้นก็เดินไปหารุ่นพี่ “คืนนี้ช่วยกอดแบงค์ทั้งคืนได้ไหมพี่ท็อป?”

“ไม่กลัวติดหวัดละเหรอ? หืม?” พี่ท็อปถามหันหน้ามองอย่างสงสัย

“กลัวไม่ได้อยู่ใกล้ๆพี่ท็อปมากกว่า” พูดเสร็จเขาก็เกาแก้มของตัวเองด้วยความเขิน

ท็อปลูบหัวแบงค์อย่างรักใคร่ก่อนจะดึงแบงค์เข้าไปจุบที่หัวและหน้าผาก “ต่อไปนี้พี่จะไม่ให้ใครพรากเอาของสำคัญของพี่ไปอีกแล้ว พี่จะคิดถึงแบงค์ก่อนเสมอ พี่จะไม่ทำให้แบงค์เสียใจอีกแล้ว พี่สัญญา”

แบงค์กอดท็อปตอบอิงแอบอยู่ที่บ่าอุ่นๆของรุ่นพี่ น้ำตาไหลรื้นขึ้นมา แม้จะรู้สึกปวดแปลบๆข้างในหัวและในโพรงจมูกอาจจะเพราะพิษไข้และการร้องไห้หนักต่อเนื่องมาสองวัน แต่เขาก็มีความสุขเหลือเกินจนอยากจะหยุดช่วงเวลาเช่นนี้ไว้ตลอดไป

“ขอบคุณนะครับพี่ท็อป ที่รักแบงค์” เขาพึมพำเบาๆแล้วซุกหน้าให้ชิดแนบแน่นกายของรุ่นพี่



ออฟไลน์ akiraakka

  • Deus Deorum (God of Gods)
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
    • เพื่อน(?)ผมเป็นผู้วิเศษ ภาคแรก
บทที่ 26
บทสรุปของเกมส์เดิมพัน


แบงค์กับท็อปยังคงนอนอิงแอบกันจนถึงเช้าวันเสาร์ แต่เพราะเสียงความเคลื่อนไหวยามเช้านอกบ้านเป็นผู้ปลุกแบงค์ให้ตื่นจากการหลับใหล ทว่าเขายังคงนอนหันหน้ามองพี่ท็อปที่ยังคงหลับสนิทไม่รู้เรื่อง เขารู้สึกเหมือนนานเป็นอาทิตย์ ที่ไม่ได้นอนกอดกับพี่ท็อปแบบนี้ ทั้งๆที่เมื่อต้นสัปดาห์ยังมานอนอยู่ด้วยกันอยู่เลย แต่เรื่องที่เกิดขึ้นมาในปลายสัปดาห์กลับทำให้แบงค์รู้สึกเหมือนเวลามันช่างยาวนานชั่วกัปชั่วกัลป์

หน้าของพี่ท็อปตอนหลับเหมือนเด็กน้อยที่นอนหลับไม่รู้เดียงสา พี่ท็อปจะนอนเผยอปากน้อยๆเสมอ ทำให้เขากรนเบาๆ เพื่อสูดออกซิเจนเข้าปอดทั้งจากทางปากและจมูก แบงค์เคยบอกพี่ท็อปหลายครั้งว่าให้นอนหลับแล้วหายใจทางจมูกอย่างเดียว แต่พี่ท็อปก็ชอบบอกว่า เขาไม่เคยนอนกรนสักหน่อย แบงค์ก็เลยต้องเถียงกลับตลอดว่า พี่ท็อปหลับอยู่จะไปรู้ได้ยังไงว่าตัวเองกรนหรือเปล่า

แบงค์เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองอัดวิดิโอตอนที่พี่ท็อปกำลังนอนกรนออกมา เพื่อเอาไว้บอกพี่ท็อปตอนตื่น หนนี้จะได้เลิกเถียงเขาสักที ถึงเสียงกรนของพี่ท็อปจะไม่ได้รบกวนการนอนหลับมากมาย แต่แบงค์กลัวว่าถ้าพี่ท็อปโตขึ้นอาการนอนกรนของพี่ท็อปอาจจะลุกลามและทำให้พี่ท็อปกลายเป็นคนนอนกรนเสียงดังมากกว่านี้ก็ได้ในอนาคต เพราะเขาเคยดูสารคดีว่าคนนอนกรนมากๆก็มีโอกาสเสี่ยงกับโรคหลายโรคเช่นเดียวกัน

“ชอบนอนกรนดีนัก ต้องอัดวิดิโอไว้ให้ดู” แบงค์พูดเบาๆ ก่อนจะอัดวิดิโอหน้าท็อปไปร่วมนาที

จู่ๆเขาก็เกิดอาการปวดแปลบที่ข้างในศีรษะตั้งแต่ช่วงโพรงจมูกขึ้นไป แล้วเลือดสีแดงก็เริ่มหยดออกมาเปื้อนผ้าห่มของเขาทันที แบงค์รีบลุกจากที่นอนเดินไปหากระดาษทิชชูที่วางอยู่บนโต๊ะใกล้ๆ ก่อนจะมองไปที่กระจก เห็นเลือดไหลลงมาถึงคางแถมยังมีเลือดกรังๆที่น่าจะไหลออกมาตอนที่เขาหลับอยู่ด้วยเป็นรอยคราบเลือดแห้งๆเกาะอยู่รอบๆปาก อาการปวดแปลบในโพรงจมูกยังไม่หยุด แถมยังทำให้เขาปวดหัวขึ้นมาด้วยเหมือนมีใครมาบีบขมับของเขาอีก

“ผ่านไปตั้งสองวันแล้ว ทำไมมันยังไม่หายอีกเนี่ย?” แบงค์พึมพำ พยายามเอาทิชชูซับเลือด ที่ยังไหลออกมา “ที่ผ่านมา เราไม่เคยมีเลือดออกไม่หยุดขนาดนี้เลยนี่นา” เขามองดูรอยช้ำที่จมูกที่โดนพี่คาร์พต่อยแต่เท่าที่ดูจากภายนอกแล้วก็ไม่มีอะไรแค่รอยเขียวช้ำเท่านั้น

แบงค์รื้อกระเป๋าเป้ของตัวเองหายาที่หมอเอามาให้เขากิน แล้วรีบเดินลงมาข้างล่างเพื่อหาน้ำกินกับยา รู้สึกถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจนว่าทำไมเขาถึงมีอาการแบบนี้ได้ วันนี้ผลตรวจเลือดจะออกและเขาจะต้องไปรับผลกับพี่กาย วันนี้พี่กายก็คงมารับแบงค์ไปโรงพยาบาลอย่างแน่นอน

เขาจึงรีบเช็ดหน้าตาแล้วกลับขึ้นไปบนห้องอีกครั้งเพื่อตรวจดูโทรศัพท์ เมื่อคืนเขาใช้เวลาอยู่กับพี่ท็อปทั้งคืนจนไม่ได้สนใจโทรศัพท์เลยว่าพี่กายอาจจะติดต่อเขามา เขาเห็นสายที่ไมได้รับอยู่ประมาณ สี่ห้าสาย และข้อความที่ส่งเข้าหาเขามาจากพี่กาย

<GUY : พี่สงสัยว่าแบงค์คงหลับไปแล้ว พรุ่งนี้เดี๋ยวสักสิบโมงพี่จะไปรับพาไปตรวจร่างกายกับรับผลตรวจเลือดด้วยกันนะ สักแปดโมงเดี๋ยวพี่โทรหาอีกที เผื่อว่าคืนนี้แบงค์ไม่ได้อ่านจะได้เตรียมตัวทัน>

แบงค์หันหน้ามองดูนาฬิกาปลุกตัวเลขที่อยู่เหนือเตียงบอกเวลา 7.45 ในอีกไม่ช้า พี่กายคงโทรมาหาเขาแน่นอน และพี่กายก็จะต้องรู้ว่าแบงค์กับพี่ท็อปยอมคืนดีกันแล้วจากการที่พี่ท็อปมาอยู่ที่นี่

“ฮัดเช้ย” เสียงพี่ท็อปจามออกมา พร้อมกับที่รุ่นพี่งัวเงียตื่นขึ้นมานั่ง พลางขยี้ตาให้ตนเองตื่นตัว “แบงค์ตื่นทำไมแต่เช้าเนี่ย”
“อ๋อ....แบงค์ลุกขึ้นมากินน้ำ” แบงค์บอก “คอแห้ง...ก็เลยตื่นได้สักพักแล้ว”

พี่ท็อปตบที่นอนเป็นเชิงเรียกให้แบงค์มาหา “มานั่งตรงนี้หน่อย หมาน้อย”

แบงค์ถอนหายใจเบาๆ แล้วก็เดินไปนั่งที่เตียงข้างๆพี่ท็อป ที่หัวฟูยุ่งเหยิงเพราะนอนโดยที่ผมยังชื้นอยู่แม้จะถูกเช็ดให้แห้งแล้วก็ตาม พี่ท็อปใช้มือทั้งสองข้างจับแก้มของแบงค์แล้วใช้นิ้วหัวแม่มือเช็ดคราบน้ำตาและรอยเกรอะกรังยามตื่นนอนให้กับแบงค์

“ร้องไห้จนตาช้ำเลยนะเนี่ย แสดงว่าคงคิดถึงพี่มากๆเลย” พี่ท็อปแซว

“อือ ใช่ดิ แถมยังโดนรังแกสารพัดด้วย” แบงค์บอก “พี่ท็อปมือร้อนๆนะ เริ่มไม่สบายแล้วหรือเปล่า”

“อืมก็รู้สึกหัวหนักๆนิดหน่อย” เขาพูดแล้วแบงค์ก็ใช้อุ้งมือจับหน้าของพี่ท็อป

“แหงแล้วแหละ ไม่สบายแล้ว ตากฝนมาสองวันแล้วนะพี่ท็อป” แบงค์บอก

ท็อปจามออกมาสองครั้งติดกันเป็นคำตอบก่อนจะสูดน้ำมูกเสียงดัง “ท่าจะจริง เป็นหวัดซะแล้วสิ ทีนี้ก็กอดแบงค์ไม่ได้แล้วสิเนี่ย แย่เลย”

“กอดได้ดิ” แบงค์บอกแล้วลุกไปกอดคอพี่ท็อปเบาๆ แก้มทั้งสองคนแนบชิดกัน “ยิ่งกอดร่างกายยิ่งอุ่นนะ จะได้หายไวๆ”
ท็อปยิ้มออกมาแล้วกอดน้องตอบ

“ขอบคุณนะ ที่รักคนนิสัยไม่ดีอย่างพี่” พี่ท็อปบอกลูบหลังแบงค์

“แบงค์ก็ขอบคุณพี่ท็อปนะ ที่รักแบงค์ก่อน เหมือนฝันไปเลยว่าได้เป็นแฟนกับพี่ท็อปเนี่ย” แบงค์บอกหัวเราะออกมา

เนื่องจากทั้งสองคนนั่งกอดกันอยู่ท็อปจึงอาศัยจังหวะ จับแบงค์ให้นอนลงกับเตียงแล้วเลิกผ้าห่มที่วางอยู่แล้วดึงแบงค์มากอดอีกครั้ง “ไม่เอาแล้วพี่ แบงค์อยากตื่นแล้ว ไม่อยากนอนแล้วล่ะ”

“แต่พี่ยังอยากนอนกอดแบงค์อยู่เลยนี่นา” พี่ท็อปอ้อน

“แน่ใจนะว่าอยากนอนกอดอย่างเดียว ไม่ได้อยากทำอย่างอื่นด้วย” แบงค์ถามเอามือไปดึงหูรุ่นพี่

“ถ้าได้ก็ดี” ท็อปบอกแลบลิ้นใส่หน้าน้อง “แต่แค่พี่ได้นอนกอดมองหน้าแบงค์แค่นี้ก็พอแล้ว อย่างอื่นไม่ต้องหรอก ให้มันเป็นขนมหวานของความรักเราดีกว่า”

“เอ๊ะ ๆ คำพูดใครเนี่ย คุ้นๆ” แบงค์บอกยิ้มๆ

“ขอพี่จูบแบงค์ได้ไหม” ท็อปถามเขินๆ มือเลื่อนขึ้นมาจับใบหน้าของรุ่นน้อง

“ไม่เอา....เหม็นปาก กอดก็พอแล้ว ตัวเองฟันก็ไม่แปรง เพิ่งตื่นนอนแท้ๆ ยังจะมาขอยังงี้อีกแน่ะ พี่ท้อปนี่ ทะลึ่ง” แบงค์บอก
ท็อปหัวเราะร่า

“วันนี้พี่กายจะมานะพี่ท็อป ตอนสิบโมง เราอาจจะต้องสรุปเรื่องราวทั้งหมดให้พี่กายได้รู้ว่าแบงค์เลือกพี่ท็อปนะ รู้ไหม?” แบงค์บอก ส่วนท็อปก็ทำหน้างงๆว่าพี่กายจะมาทำไมกัน

“ทำไมเขาต้องมาล่ะ?” ท็อปถาม

“แบงค์ยังต้องไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลอีก วันนี้หมอนัดดูอาการเพิ่มเติม พี่กายอาสาจะไปส่งให้เพราะคั้งที่แล้วพี่กายช่วยเดินเรื่องให้แบงค์หมดเลย” แบงค์บอกข้อมูล

“พี่กายคนนี้เขาเป็นคนดีมากเลยนะ เท่าที่พี่ดู เขาชอบแบงค์แบบบริสุทธิ์ใจมาก แค่ขอให้ได้ทำดีด้วย อยู่ใกล้ๆด้วย ดูพี่เขามีความสุขมากๆเลยนะเวลาได้อยู่กับแบงค์ พี่เห็นทีไรก็อิจฉาทุกที” ท็อปเสริม

“พี่เขาเป็นคนดีจริงนั่นแหละพี่ท็อป ถ้าแบงค์เจอกับพี่กายก่อนพี่ท็อป ใครจะรู้ว่าแบงค์คงจะเลือกคบพี่กายไปก็ได้นะ พี่เขาเป็นผู้ใหญ่ดีแล้วก็พึ่งพาได้แทบทุกเรื่องเลย”

“พี่เลยตกกระป๋องเลย แสดงว่าพี่ไม่มีอะไรดีเลยเหรอ?” พี่ท็อปถาม “น้อยใจจัง”

“แบงค์ไม่ได้รักพี่ท็อปที่นิสัยพี่ท็อปหรอกนะพี่ ... แบงค์รักพี่ท็อปเพราะพี่ท็อปรักแบงค์ก่อน แบงค์เห็นสิ่งที่พี่พยายามทำให้ เห็นสิ่งที่พี่แสดงออกว่าพี่รักแบงค์ขนาดไหน แบงค์ถึงยอมตกลง ถึงตอนแรกที่เจอกันมันจะไม่น่าจดจำเท่าไร แต่มาจนถึงตอนนี้แบงค์รักพี่ไปหมดใจแล้ว อีกอย่างแบงค์รักพี่ท็อปที่พี่ท็อปเป็นตัวเองเนี่แยหละ ถึงลิงท็อปของไอ้หมาน้อยจะดื้อ แถมขี้เหวี่ยงแต่ก็เหวี่ยงเพราะรักทั้งนั้นนี่นา ใช่ไหม?” แบงค์ถาม แก้มของพี่ท็อปแดงระเรื่อด้วยความเขินกับสิ่งที่แบงค์สารภาพ

“ไม่ไหวแล้ว พูดน่ารักแบบนี้ พี่ขอสักทีเหอะ” ท็อปบอกแล้วพุ่งเข้ามาฟัดคอแบงค์

“ไม่เอาแล้วพี่ท็อป สายแล้ว ไว้ดึกๆก็ได้ ตอนนี้ไปอาบน้ำก่อน เดี๋ยวเราไปทำอะไรกินข้างล่างรอพี่กายมาดีกว่า จะได้อธิบายทุกอย่างให้หมด เกมส์ของพี่ท็อปจะได้จบๆสักที” แบงค์บอกรีบเอามือยันหัวพี่ท็อปเอาไว้

“งั้นขอพี่หอมหนึ่งที่เดี๋ยวจะได้ไปอาบน้ำละ” ท็อปบอก แบงค์จึงยื่นแก้มให้ พี่ท้อปหอมอีกครั้ง “โอเค อาบน้ำละ” จากนั้นท็อปจึงรีบลุกจากเตียงแล้วคว้าเอาผ้าขนหนูผืนเดิมแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป แบงค์รู้สึกเจ็บแปลบมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังทนอยู่ อีกสักพักจะได้ไปโรงพยาบาลถ้าได้มีโอกาสเช็คสภาพร่างกายอีกครั้งก็คงจะดี เขาจะได้ถามหมอให้แน่ชัดด้วยว่าทำไมเลือดของเขาถึงไม่หยุดไหลแบบนี้



เมื่อถึงเวลาจวนจะสิบโมง แบงค์เตรียมเอาข้าวต้มทรงเครื่องอย่างง่ายๆที่ตนเองทำมาเสิร์ฟให้พี่ท็อปที่นั่งคอยอยู่ที่โต๊ะ สายตาที่พี่ท็อปมองน้องมันเต็มไปด้วยความชื่นชมและประทับใจ ถึงจะเป็นของกินที่ทำได้ง่ายๆแต่ก็เป็นสิ่งที่แบงค์เต็มใจทำให้เขา

“มาแล้ว ข้าวต้มหมูสับร้อนๆ มาเสิร์ฟให้ท่านชายท็อป” แบงค์บอก ยกถ้วยมาวาง

“ไม่ได้กินกับข้าวที่แบงค์ทำนานแล้วนะเนี่ย น่ากินจัง หอมด้วย” ท็อปบอก หยิบช้อนขึ้นมา “ขอลองชิมหน่อยนะ”

“ระวังร้อนนะพี่ท็อป เพิ่งเอาลงจากเตา” แบงค์บอก

เสียงออดดังเรียกจากหน้าบ้าน... แบงค์และท็อปหันไปมอง ก็เห็นพี่กายยืนกดออดอยู่ ทั้งสองคนกลืนน้ำลายมองหน้ากัน ในใจต่างก็หวั่นอยู่ว่าจะต้องเริ่มต้นเล่าให้พี่กายฟังอย่างไรดีแล้วพี่กายจะยอมรับทุกอย่างได้หรือไม่

แบงค์ค่อยๆ เดินไปที่ประตู แล้วทักทายพี่กาย “มาแล้วเหรอพี่กาย เข้ามากินข้าวก่อนไหม แบงค์ เพิ่งทำข้าวต้มหมูเอาไว้”

“จริงเหรอ? แบบนี้ต้องตักมาให้พี่ลองสักถ้วยแล้วล่ะ แบงค์อุตส่าห์ทำไว้รอพี่....” พี่กายพูด แล้วเดินตามแบงค์เข้ามาในห้อง แต่แล้วก็สะดุดกับภาพที่เห็นตรงหน้า เมื่อเดินเข้ามาในห้องแล้วเห็นท็อปนั่งอยู่ที่ห้องครัวที่อยู่ใกล้ๆกับห้องนั่งเล่น

“เอ่อ...สวัสดีครับ พี่กาย” ท็อปบอก ยกมือไหว้ตามมารยาท แล้วก้มหน้าลงไปตักข้าวต้มกินต่อ

พี่กายหันหน้าไปมองแบงค์ด้วยสีหน้าต้องการคำตอบ แบงค์ได้แต่ยืนมองทั้งพี่ท็อปและพี่กายด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน พลางเอามือลูบคอตัวเองเพราะไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรดี “พี่กายนั่งลงก่อนดีกว่า แบงค์จะได้เล่าให้ฟัง....จะกินข้าวต้มไหมครับ? เดี๋ยวแบงค์ตักให้”

“งั้นไม่ต้องแล้วล่ะ พี่กินมาบ้างแล้ว” พี่กายบอก ค่อยๆเดินมาหย่อนตัวลงที่เก้าอี้ หันหน้ามามองแบงค์ที่กำลังนั่งลงที่เก้าอี้เช่นเดียวกัน “ช่วยอธิบายให้พี่ฟังหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น”

“พี่กาย...แบงค์ขอโทษนะครับพี่ แบงค์ทำใจเลิกกับพี่ท็อปไม่ได้จริงๆ” แบงค์บอก ก้มหน้าไม่สบสายตารุ่นพี่ พี่กายมองแบงค์อย่างตะลึงงันกับสิ่งที่แบงค์พูดออกมา

“ทั้งๆที่ท็อปมันทำให้แบงค์เสียใจจนแทบบ้าเนี่ยนะ คิดอะไรของแบงค์อยู่เนี่ย” พี่กายพูด

พี่ท็อปได้แต่นั่งเงียบ หยุดกินแล้วนั่งฟังบทสนทนาที่เกิดขึ้น เขารู้ตัวว่าในตอนนี้เขายังไม่ควรเข้าไปแทรก

“แบงค์พยายามตัดใจจากพี่ท็อป แต่พี่ท็อปก็พยายามมาปรับความเข้าใจกับแบงค์เมื่อวาน พอแบงค์มาคิดๆดูแล้ว ถึงแบงค์จะต้องเลิกกับพี่ท็อปจริงๆ แบงค์ก็คงไม่ไปคบกับพี่กายหรือคบกับคนอื่นอยู่ดี เหมือนอย่างที่แบงค์บอกพี่วันก่อน ว่าแบงค์รักพี่ท็อปจริงๆ ไม่ใช่แค่จะมาแข่งกันอาทิตย์เดียวแล้วแบงค์จะเปลี่ยนใจมาคบกับอีกคนนึงได้ แบงค์ให้พี่ท็อปหมดแล้วทั้งหมด ทั้งตัวทั้งใจ แบงค์ตัดใจไม่ได้จริงครับพี่กาย แบงค์ขอโทษพี่กายจริงๆนะครับ” แบงค์พูด ก้มหน้า

“สรุปว่าเกมส์นี้จบที่บทสรุปนี้แล้วใช่ไหมเนี่ย?” พี่กายพูดเสียงสั่นๆ

“พี่กายเป็นคนดีมากเลยนะครับพี่ แต่แบงค์ขอโทษพี่กายที่รักพี่กายตอบไม่ได้จริงๆ” แบงค์บอกด้วยความรู้สึกผิด

“ถ้าเราเจอกันเร็วกว่านี้ก็คงดี พี่ว่าแบงค์อาจจะมีความสุขมากกว่าที่ผ่านมาก็ได้” พี่กายบอกหันหน้ามามองท็อปแล้วถอนหายใจยาวๆ ส่วนพี่ท็อปได้แต่นั่งเงียบ ไม่พูดอะไรจนผิดวิสัยพี่ท็อป (พยายามทำตัวสงบเสงี่ยมไว้ เพราะไม่อยากสร้างปัญหาให้ใครอีกแล้ว)

“อย่าพูดแบบนั้นเลยครับพี่กาย คงมีคนที่ดีกว่าแบงค์เขารอรักพี่กายอยู่ก็ได้นะครับพี่” แบงค์บอกเมื่อเห็นแววตาเศร้าๆ ของรุ่นพี่ “ขอบคุณที่พี่กายมาดูแลแบงค์ ตลอดที่ผ่านมา ถ้าไม่ได้พี่กายมาช่วยแบงค์ แบงค์คงแย่เหมอืนกัน”

พี่กายยิ้มตอบ “ไม่เป็นไรหรอก พี่ยินดีทำด้วยใจ.... แล้วคืนดีกันแน่นะ?”

“ครับ” แบงค์ตอบ

“ไม่ใช่ว่าท็อปมาใช้กำลังบังคับขู่เข็ญอะไรนะ แบงค์” พี่กายถามย้ำอีก

แบงค์รีบส่ายหน้า “ไม่มี แบงค์ยอมคืนดีกับพี่ท็อปเอง เมื่อคืนพี่เขามาสารภาพกับแบงค์หมดแล้ว แบงค์เลยตัดสินใจที่จะไปต่อ ถึงต่อจากนี้จะเจ็บปวดแค่ไหน ทรมานแค่ไหน แบงค์ก็จะอยู่กับพี่ท็อป” เขาพูดเสียงหนักแน่น

“สุดท้ายก็แห้วเลยเรา” พี่กายพูด เอนหลังกับพนักพิงเก้าอี้ “แต่พี่ก็ดีใจนะ ที่สุดท้ายแบงค์ก็มั่นใจในหัวใจตัวเองแล้ว”

แบงค์พยักหน้าหันหน้ามองพี่ท็อปที่วันนี้เงียบเป็นหุ่น “ครับ แบงค์ขอโทษพี่กายนะครับพี่ แบงค์ยังอยากเป็นเพื่อนกับพี่กายต่อไปอีก อย่าให้เราตัดขาดกันไปเลยเหมือนอย่างที่พี่ท็อปกับพี่กายสัญญากันว่าถ้าใครแพ้เกมส์นี้จะต้องเลิกยุ่งกับแบงค์ไปเลย อย่างน้อยเราก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้”

“ได้สิ ไม่มีปัญหาอยู่แล้วล่ะ” พี่กายบอก “ปัญหาพี่จะมีก็แค่....ท็อป” พี่กายเรียกเสียงดัง

“ครับ” พี่ท็อปขานรับ สะดุ้งจนตัวโยน “อะไรเหรอครับพี่”

“พี่แพ้แล้ว หนที่แล้วพี่ชนะในเกมส์กีฬา แต่หนนี้พี่แพ้แล้วในเกมส์หัวใจ ฝากดูแลแบงค์ด้วย ต่อจากนี้อย่าให้พี่เห็นว่าทำร้ายน้องอีกนะ ไม่งั้นพี่ตามมาเก็บนายแน่” พี่กายขู่ ชี้หน้าพี่ท็อป

พี่ท็อปได้แต่นั่งนิ่งแล้วตอบสั้นๆ กลับไป “ครับ ผมสัญญาว่าต่อจากนี้ผมจะไม่ทำให้น้องเจ็บอีก”

“แปลกแฮะ วันนี้หงอยเป็นลูกแมวเลย ไอ้ท็อป ปกติออกจะซ่าไปทั่วนี่นา” พี่กายพูด หัวเราะออกมา พยายามเปลี่ยนบรรยากาศ “เกมส์จบแล้ว ผู้แพ้ก็ต้องไป ผู้ชนะก็ได้รางวัลไปครอบครอง ถูกต้องแล้วล่ะ”

“พี่กายไม่โกรธแบงค์กับพี่ท็อปใช่ไหมครับ” แบงค์ย้อนถาม

“ไม่โกรธหรอก ดีใจซะอีก ที่ทุกอย่างลงเอยสักที พี่ยังหวังอยู่เสมอนะว่าแบงค์จะลองมาคบกับพี่ได้ แต่ถ้าลงเอยทั้งสองคนยืนยันขนาดนี้ พี่ก็เป็นผู้ใหญ่พอที่จะไม่ตื๊อต่อแล้ว ขอโทษกับทุกอย่างที่ผ่านมาด้วยนะ” พี่กายบอก

“วันนี้เรื่องที่จะต้องไปตรวจสุขภาพ แบงค์ขอให้พี่กายช่วยพาแบงค์ไปอีกครั้งได้ไหมครับพี่” แบงค์ถามอย่างเกรงใจ “หนที่แล้วพี่เดินเรื่องให้แบงค์ แบงค์ไม่กล้าไปเอง”

“ได้สิ พี่ตั้งใจจะพาแบงค์ไปอยู่แล้ว อีกอย่างใบนัดหมออยู่ที่พี่ ยังไงพี่ก็จะพาไป” พี่กายบอก “แล้วท็อปจะไปด้วยกันหรือเปล่า”
“ไปครับพี่ ผมอยากไปด้วย ผมเห็นน้องเลือดไหลไม่หยุดมาสองสามวันแล้ว อยากรู้อาการเหมือนกันว่าจะต้องคอยดูแลน้องยังไงบ้างจะได้หายขาดสักที” พี่ท็อปพูด

พี่กายหันหน้ามาสบตากับแบงค์ เหมือนกำลังจะถามว่ายังไม่ได้เล่าอาการที่หมอวินิจฉัยเบื้องต้นให้ท็อปฟังหรือ? แบงค์สายหน้าน้อยๆประหนึ่งจะบอกเป็นนัยว่า อย่าเพิ่งพูดอะไรออกมาตอนนี้จะดีกว่า

“เดี๋ยววันนี้ก็คงรู้แหละ ผลตรวจเลือดก็จะได้รู้ผลด้วย ให้หมอเช็คสภาพร่างกายอีก ยังเจ็บจมูกอยู่ไหมล่ะ หืม?” พี่กายถาม

“ไม่ค่อยเจ็บแล้วแหละครับพี่ จริงๆ พี่คาร์พเขาไม่ได้ต่อยโดนจมูกตรงๆหรอก เยื้องไปตรงแก้มขวามากกว่า แต่แรงกระแทกทำให้เส้นเลือดฝอยมันแตกก็น่าจะช้ำตรงช่วงข้างๆจมูก” แบงค์บอกชี้ให้พี่ท็อปและพี่กายดู

“ขอโทษนะแบงค์ พี่ไม่น่าปล่อยให้คาร์พมันทำได้ขนาดนี้เลย” ท็อปบอกด้วยความรู้สึกผิด

“อย่าคิดมากเลยพี่ท็อป เรื่องมันผ่านไปแล้วแหละ เจ็บหนเดียว บทเรียนราคาแพง นี่ถ้าแม่รู้เข้ามีหวังโดนดุเละเลย” แบงค์บอก

“งั้นเดี๋ยวพี่รอ แบงค์ก็รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ท็อปด้วย อีก 30 นาที เราจะได้ไปกัน พี่จะขับไปส่งให้” พี่กายบอก แบงค์จึงรีบวิ่งขึ้นไปบนห้อง ส่วนท็อปยืนยันว่าจะไปทั้งๆชุดนี้เลย เพราะเขาไม่ได้เอาเสื้อผ้ามาจึงกะสวมเสื้อยืดกางเกงขาสั้นของแบงค์ไป

“ท็อป พี่ขอถามหน่อย” พี่กายถามท็อปขึ้นมา ทั้งสองยืนอยู่ที่หน้าบ้านเพื่อรอแบงค์แต่งตัวให้เสร็จ “มึงรักแบงค์จริงเหรอ? หรือว่าแค่แหย่ให้สนุกไปวันๆวะ?”

“อะไรทำให้พี่คิดกับผมลบขนาดนั้น” พี่ท็อปถามกลับ สีหน้าสงสัย

“ใครๆก็รู้จักคาสโนว่าตัวพ่ออย่างมึง มึงคบแต่ผู้หญิงมาตลอดตั้งแต่พี่เคยได้ยินเรื่องมึงมา แล้วจู่ๆมึงก็มาคบกับแบงค์ พี่เลยสงสัยว่ะ ว่ามึงรักน้องจริงๆหรือว่าแค่เห็นน้องเป็นของเล่นชิ้นใหม่ที่ไม่เคยสัมผัสกันแน่”

“ผมรักแบงค์จริงๆครับ พี่ ที่ผ่านมาผมทำไม่ดีกับน้องไว้เยอะ จนมาถึงจุดที่รู้ว่า ต่อให้ผมแย่แค่ไหน แบงค์ยังคงมีเหตุผลกับผมมากกว่าอารมณ์ มีแต่ตัวผมเองที่เอาแต่ใจ ผมไม่เคยเจอใครอย่างแบงค์และผมสัญญากับตัวเองไว้แล้วว่าผมจะไม่ปล่อยน้องไปไหนอีกแล้ว” ท็อปบอก

พี่กายถอนหายใจแรงๆแล้วหันหน้ามามองท็อป “พี่จะบอกมึงเอาไว้เลยนะ ว่า แบงค์น่ะรักมึงมาก คืนวันที่มึงมายืนเกาะรั้วขอเข้าบ้าน น้องมันร้องไห้ทั้งคืนจนพี่ไม่รู้จะปลอบยังไงแล้ว แผลก็ยังไม่หาย ทั้งเลือดทั้งน้ำมูก ทั้งน้ำตาเละไปหมด พี่ได้แต่ยืนมองแล้วก็รู้ชัดเจนว่ายังไงแบงค์ก็ไม่มีวันเลือกพี่ เขารักมึงไปหมดหัวใจแล้วจริงๆ”

ท็อปน้ำตารื้นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้เมื่อได้ยินเรื่องเล่าของพี่กาย จึงเอาแขนเสื้อเช็ดน้ำตาที่ใกล้ๆจะรินออกมา แล้วสูดน้ำมูก “ขอโทษนะครับพี่ที่ทำให้ลำบากกันหมด ผมผิดเอง”

พี่กายมองท็อป ตบบ่ารุ่นน้องเบา ๆ “พี่ก็ขอบใจมึงเหมือนกัน มึงเปิดโอกาสให้พี่ได้รู้จักแบงค์ว่านิสัยใจคอของน้องเป็นยังไง แล้วพี่ก็รู้ได้เลยว่า ความรักที่ไม่ต้องการอะไรตอบแทนนอกจากแค่ได้รักมันเป็นแบบนี้นี่เอง แบงค์เขาไม่เคยชอบพี่ แต่ก็ไม่เคยตัดน้ำใจพี่เลย แถมยังยอมทำตามเกมส์ที่มึงอยากให้ทำ ทั้งๆที่ตัวเองรู้อยู่แก่ใจว่าอยากอยู่กับมึงมากกว่า”

“ครับ นี่แหละครับ แบงค์ล่ะ” ท็อปบอกยิ้มๆเมื่อนึกถึงหน้าแบงค์ขึ้นมา

“อย่าเผลอนะมึง ไม่งั้นพี่จะขอสอยคืนกลับมาให้ได้เลยคอยดู” พี่กายพูดขู่ ๆ ในขณะที่แบงค์ก็เดินออกมาที่หน้าบ้านพอดี

“เสร็จแล้วครับ ไปกันเถอะ” แบงค์บอก แล้วเอากุญแจบ้านมาไขปิด

จบบที่ 26 นะครับ

ตามสัญญาบอกว่าจะมาให้ สองตอนรวด ...
วันจันทร์ที่ 6 ผมไม่อยู่นะครับ ไปเชียงใหม่ ^^ จะมาอัพอีกทีก็วันศุกร์ที่ 10 เลยครับ
ก็ถือโอกาสให้เพื่อนๆได้อ่านสองตอนรวดไปเลยครับ


ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
ดีกันแว้ววววว. ว่าแต่แบงค์เป็นโรคอะไรอะ ร้ายแรงมากไหมอะ.  :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7
ตอนจบคงไม่มาม่าใช่ไหมอ่ะ ตะหงิดๆๆ ตรงแบงค์เลือดไหลไม่หยุดเนี่ยแหละ :ling1: :ling1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ brookzaa

  • Chill out
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-6

ออฟไลน์ Armmiumiu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ชอบมากกกกกกกกกกกก
ปกตินี่อ่านแต่เรื่องที่คนอ่านเยอะ แต่เรื่องนี้ทำให้รู้ว่ายังมีเรื่องดีๆซ่อนอยู่จริงๆ
เรื่องดูดำเนินไปแบบมี plot และ conflictทำให้เรื่องดูมีปมและแก้ไปเรื่องแทนที่จะเล่าแบบลอยไม่มีจุดหมายเพียงแค่เสนอความมุ้งมิ้งระหว่างตัวละคร ชื่นชมคนแต่งจริงค่ะ เป็นกำบังให้นะคะ เดี๋นวต้องมีคนเข้ามาอ่านเยอะขึ้นเรื่อยๆแน่ๆ :))
แต่ !!! ดูแววตอนจบต้องเศร้าแน่ๆเลย ไม่อยากให้เศร้าเลยยยย มันชอกช้ำอ่าาาอยากให้สมหวังจัง

ออฟไลน์ akiraakka

  • Deus Deorum (God of Gods)
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
    • เพื่อน(?)ผมเป็นผู้วิเศษ ภาคแรก
ชอบมากกกกกกกกกกกก
ปกตินี่อ่านแต่เรื่องที่คนอ่านเยอะ แต่เรื่องนี้ทำให้รู้ว่ายังมีเรื่องดีๆซ่อนอยู่จริงๆ
เรื่องดูดำเนินไปแบบมี plot และ conflictทำให้เรื่องดูมีปมและแก้ไปเรื่องแทนที่จะเล่าแบบลอยไม่มีจุดหมายเพียงแค่เสนอความมุ้งมิ้งระหว่างตัวละคร ชื่นชมคนแต่งจริงค่ะ เป็นกำบังให้นะคะ เดี๋นวต้องมีคนเข้ามาอ่านเยอะขึ้นเรื่อยๆแน่ๆ :))
แต่ !!! ดูแววตอนจบต้องเศร้าแน่ๆเลย ไม่อยากให้เศร้าเลยยยย มันชอกช้ำอ่าาาอยากให้สมหวังจัง

ขอบคุณมากๆครับ อ่านเผินๆแบบเหมือนไปจ้างหน้าม้ามาเม้นให้เลยอะ 555+ ขอบคุณจริงๆครับ คอมเมนต์ของท่านทำเอาผมยิ้มอ่านซ้ำไปซ้ำมาเป็นสามร้อยรอบละ 55+ ยังไงก็ช่วยเอาใจช่วยท็อปกับแบงค์ และทุกๆคนในเรื่องด้วยนะครับ แต่ละคนถ้าสังเกตจะมีสตอรี่ของตัวเอง บทบาทแต่ละคนจะไม่หายไปไหน เราจะเห็นมุมมองและแนวคิดของตัวละครทุกตัวอย่างชัดเจน ว่าทำไปแต่ละอย่างไปเพื่ออะไร หลายคนอาจจะอยากเกลียดคาร์พในสิ่งที่เขาทำไป แต่ผมคิดว่าทุกคนคงเข้าใจว่าทำไม ถ้าลองเอาตัวเองเป็นคาร์พ หรือถ้าลองคิดว่าตัวเองเป็นท็อปหรือแบงค์ก็จะพอเข้าใจว่าอะไรทำให้เขาตัดสินใจอะไรไป เหลืออีกราวๆ 9 ตอนก็จะจบแบ้ววว อย่าเพิ่งเดาตอนจบนะครับ ให้อ่านไปเรื่อยๆครับ 555  :z13:

ออฟไลน์ Armmiumiu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
มาต่อจากคอมเม้นที่แล้วลืมเพิ่มเติมว่า ชอบคนแต่งจริงๆ เหมือนคนอ่านวรรณกรรม มาเยอะๆๆ อ่าา แบบมีการเขียนโดย ใช้ third person point of view ซึ่งมันจะเขียนยากมากเพราะเรื่อง มันจะผูกๆกันไปหมด และ อาจทำให้หมดอรรถรสได้เพราะคนอ่านจะรู้หมดเลยว่าตัวละครคิดอะไร แต่ละอย่างเกิดขึ้นได้ยังไงไม่ได้ทิ้ง ปริศนาอะไรไว้การจะแต่งให้สนุกนี่ทำยาก แต่คนแต่งแต่งเริ่ดดเกินเหตุ ใช้ส่วนนี้ให้เป้นประโยชน์โดยการเลือกส่งอารมณืืตัวละครด้วย นอกเหนือจากกแค่การเล่าาาาา โอ๊ยยยยยยยยยย ชอบไม่รู้จะชอยยังไง

ออฟไลน์ akiraakka

  • Deus Deorum (God of Gods)
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
    • เพื่อน(?)ผมเป็นผู้วิเศษ ภาคแรก
มาต่อจากคอมเม้นที่แล้วลืมเพิ่มเติมว่า ชอบคนแต่งจริงๆ เหมือนคนอ่านวรรณกรรม มาเยอะๆๆ อ่าา แบบมีการเขียนโดย ใช้ third person point of view ซึ่งมันจะเขียนยากมากเพราะเรื่อง มันจะผูกๆกันไปหมด และ อาจทำให้หมดอรรถรสได้เพราะคนอ่านจะรู้หมดเลยว่าตัวละครคิดอะไร แต่ละอย่างเกิดขึ้นได้ยังไงไม่ได้ทิ้ง ปริศนาอะไรไว้การจะแต่งให้สนุกนี่ทำยาก แต่คนแต่งแต่งเริ่ดดเกินเหตุ ใช้ส่วนนี้ให้เป้นประโยชน์โดยการเลือกส่งอารมณืืตัวละครด้วย นอกเหนือจากกแค่การเล่าาาาา โอ๊ยยยยยยยยยย ชอบไม่รู้จะชอยยังไง
ไย้เขินหมดแล้ว ชมกันซึ่งหน้าเลย เหมือนว่าจะสมัครมาเพื่อตอบกระทู้เลยนะครับเนี่ย ... เรื่อง third person point of view ยังมีอีกหลายทีเด็ดนะครับ รออ่านต่อไปนะครับ  จะว่าไปความรักคสามสัมพันธ์ในเรื่องนี้มันเป๋นแบบ ครู-ศิษย์/เพื่อนรักเพื่อน/รุ่นน้องรัก-รุ่นพี่/รุ่นพี่ชอบรุ่นน้อง/พ่อ-แม่รักลูก - - ผมชอบความหลากหลายที่เป็นเอกภาพและสามารถจำแนกแจงออกมาเพราะว่าผมคิดว่าทุกตัวละครมีสตอรี่ของตัวเอง แล้วต่างคนก็ต่างอยากเล่าเรื่องของตัวเองเหมือนกัน เลยต้องพยายามนำ point of view ที่ต่างกันมาผนวกให้เนื้อเรื่องตามๆกันไปด้วยกันให้เกิดเอกภาพทางเนื้อเรืองครับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ everlastingly

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 476
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
 :pig4: รออ่านตอนต่อไปนะ แต่ยังแอบหมั่นไส้ไอ้พี่ท๊อปเบาๆ เรื่องห้องพยาบาลกับหวาน
มันติดเป็นภาพแย่ๆ ของไอ้พี่ท๊อปไปโดยปริยายเลย สำหรับคนอ่าน

ออฟไลน์ akiraakka

  • Deus Deorum (God of Gods)
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
    • เพื่อน(?)ผมเป็นผู้วิเศษ ภาคแรก
บทที่ 27
วันแห่งคำพิพากษา


เมื่อไปถึงโรงพยาบาลเดิมที่กายพาแบงค์มาเมื่อหลายวันก่อน แบงค์จึงถูกนำไปซักประวัติและตรวจร่างกายทั้งหมดอีกครั้ง โดยที่รุ่นพี่ทั้งสองคนได้แต่เดินตามอยู่นอกห้องตรวจ

“เดี๋ยวเชิญ คุณเจนภพ ไปลงชื่อรับผลตรวจเลือดแล้วมานั่งรอหน้าห้องวินิจฉัยนะคะ คุณหมออรรถพลที่ตรวจเมื่อวันพุธจะเข้ามาดูอาการเพิ่มเติมให้ค่ะ เดี๋ยวพี่จะเอาผลตรวจเลือดไปให้คุณหมอดูเสร็จแล้วจะได้เรียกให้เข้ามาคุยเลย” พี่พยาบาลสาวคนเดิมเข้ามาหาเมื่อเห็นหน้าแบงค์และพี่กาย

“ครับ” แบงค์ตอบ “เดี๋ยวพี่กายกับพี่ท็อปรอแบงค์ตรงนี้นะ อย่าทะเลาะกันล่ะ” เขาแซว

“จะนั่งรออย่างดีเลยคร้าบ” ท็อปบอกลากเสียง “อย่าให้รอนานนะ”

แบงค์ยิ้มให้ทั้งคู่จากนั้นจึงเดินตามพี่พยาบาลไปในใจยังรู้สึกหวาดหวั่นกับสิ่งที่ตนเองต้องเผชิญต่อจากนี้ ส่วนพี่กายก็มองตามแบงค์ไปด้วยสีหน้าเป็นห่วงเรื่องคำวินิจฉัยของหมอกับการตรวจเลือดครั้งนี้จะเป็นอย่างไร

“เดี๋ยวน้องเจนภพเซ็นชื่อตรงนี้นะคะ แล้วนั่งรอตรงนี้สักแป๊บนึง ห้องคุณหมออยู่ใกล้ๆ พี่จะได้พาไปเลย” พยาบาลสาวบอก แล้วชี้ตำแหน่งที่ต้องลงชื่อให้แบงค์เขียนชื่อรับทราบการรับผลเลือด แบงค์ก็ได้แต่ภาวนาว่าอย่าให้ตนเองเป็นอะไรมากมาย เขาไม่ชอบบรรยากาศในโรงพยาบาลนัก การที่จะต้องมาโรงพยาบาลบ่อยๆจึงไม่ใช่เรื่องนี่น่าอภิรมย์เลยสำหรับเขา

เสียงโทรศัพท์ดังเตือนข้อความเข้า ดัง “ตริ๊ง” แบงค์จึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดดู

GUY : แบงค์ยังไม่ได้บอกท็อปเหรอว่าครั้งที่แล้วหมอบอกว่าแบงค์เสี่ยงมีอาการของโรคชื่อยาวๆนั่นน่ะ

Bank : ยังเลยครับ ... แบงค์ไม่กล้าบอก

GUY : แล้วนี่รอผลอยู่ใช่ไหม ?

Bank : ครับ


“น้องเจนภพ เชิญพบคุณหมอค่ะ” ไม่ทันขาดคำ พี่พยาบาลก็เรียกแบงค์ เขาจึงเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกงแล้วเดินตามเข้าไปในห้องเพื่อพบคุณหมอคนเดิมที่เคยเจอหน้ากันมาก่อน แบงค์นั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆคุณหมอ พร้อมด้วยพี่พยาบาลยืนอยู่ข้างๆกัน คุณหมอพลิกผลการตรวจสองสามหน้า แล้วหยิบเอาระเบียนเอกสารการตรวจจากครั้งที่แล้วมาเปิดดูแล้วจดข้อมูลบางอย่างลงไป ก่อนที่จะเหล่ตามองแบงค์ที่นั่งมองดูหมออย่างเงียบๆ

“เลือดยังไม่หยุดไหลใช่ไหม?” หมอถามขึ้นมา

“ครับหมอ ยังไม่หยุดไหลครับ” แบงค์ตอบ

“ตรงจุดที่เจ็บครั้งที่แล้วไม่เกี่ยวข้องกับจมูกเนอะ แค่ช่วงจมูกถูกกระทบกระเทือนเฉยๆ ไหนขอหมอดูข้างในหน่อยสิ” หมอบอกแล้วหยิบไฟฉายเล็กๆพร้อมส่องเข้าไปในโพรงจมูก แล้วให้แบงค์เงยหน้าขึ้น

“เลือดยังไม่แห้งดีเลยนะ แสดงว่าตั้งแต่เช้ามานี่ก็ยังไหลอยู่เลยใช่ไหม?” หมอถามย้ำอีก

“ก็ยังไหลอยู่ครับ บางทีมันก็หาย บางทีมันก็ไหล” แบงค์บอก “แต่เท่าๆที่ผ่านมาผมก็ไม่ค่อยมีอาการที่เลือดกำเดาไหลไม่หยุดแบบนี้เท่าไรนะครับหมอ”

“อืม...เพราะแรงกระแทกน่าจะแรงด้วยล่ะ หนนี้ เห็นว่าไปต่อยกับเพื่อนมาใช่ไหมล่ะ?” หมอแซว ยิ้มขำๆ

แบงค์ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆตอบกลับไปอย่างเกรงใจ ไม่อยากให้หมอคิดว่าเขาเป็นเด็กเกเรที่ชอบต่อยตีกับคนอื่นไปทั่ว

“หมอดูประวัติจากที่เคยถามหนูมาหนนึง ว่าเมื่อก่อนเคยโดนรถเฉี่ยวจนหัวแตกแล้วนอนโรงพยาบาลเพราะเลือดไหลไม่หยุดมาก่อน หนูเคยเขียวแล้วหายช้าบ้างไหม?” หมอถามอีก

แบงค์นั่งนึกๆเขาไม่ค่อยเล่นกีฬาแรงๆหรือว่าถูกกระแทกจากอะไรเท่าไรนัก แต่เมื่อมีรอยเขียวช้ำเท่าที่เขาจำความได้แต่เด็กก็หายช้าพอสมควร “ก็หายช้าครับ แต่ส่วนนึงเพราะผมชอบไปกดแผลเขียวๆเล่นด้วยแหละครับ มันเจ็บๆดี”

“ทีหลังอย่าทำนะ” หมอพูดเตือน “หายไวๆยิ่งดีเลย แล้ววันนี้มีผู้ปกครองมาไหม? พ่อแม่พี่น้อง วันก่อนรู้สึกจะเป็นเพื่อนรุ่นพี่ใช่ไหมที่พามา ไม่ใช่ญาติ”

“ครับ แม่ผมไปสัมมนา พรุ่งนี้ถึงจะกลับครับ” แบงค์ให้ข้อมูลหมอเพิ่ม

“จริงๆหมออยากให้แม่ของหนูมานั่งฟังคำวินิจฉัยด้วยกันจะได้รู้ว่าต่อไปต้องปฏิบัติตัวยังไง อีกอย่างจะได้ซักถามประวัติทางครอบครัวหนูด้วยว่าเป็นยังไงบ้าง เพื่อฟันธงได้ 100 % ถึงยังไงตอนนี้หมอก็แน่ใจไป 99% แล้วล่ะ จากผลการตรวจเลือด” หมอบอกสีหน้าเคร่งเครียด

แบงค์เริ่มรู้สึกใจไม่ดีกับสิ่งที่หมอพยายามจะบอก “หมอหมายถึงยังไงครับ? อาการผมไม่ดีเหรอครับ?”

“ผลการตรวจเลือดพบว่าการแข็งตัวของเลือดหนูผิดปกติ แฟคเตอร์หมายเลข 8 ในเลือดของหนูน้อยเกินไป ทำให้หนูมีผลการวินิจฉัยว่าเป็นโรคฮีโมฟีเลีย ชนิด เอ อย่างที่หมอคาดไว้แต่แรกจริงๆ เพราะตั้งแต่หนก่อนพอยิ่งซักประวัติเท่าไรๆก็ดูเหมือนว่ามีแนวโน้มจะเป็นโรคเลือดแข็งตัวช้า แต่หมอยังหวังว่าว่าหนุ่มอาจจะกินวิตามินมาเยอะหรือลิ่มเลือดแข็งตัวช้าเฉยๆ แต่พอถามเรื่องในวัยเด็ก ประวัติการรักษาจากโรงพยาบาลที่หนูเกิดที่เชียงใหม่ กับเอาผลเลือดไปตรวจมันเลยยิ่งทำให้ชัดเจนเลยว่าหนูป่วยเป็นโรคนี้จริงๆ มีบันทึกจากตอนที่หนูเข้าโรงพยาบาลตอนนั้นว่า เด็กชายเจนภพ มีแนวโน้มสูงที่จะเป็นโรคเลือดแข็งตัวช้า แต่เนื่องจากยังวินิจฉัยได้ไม่ชัดเจน ต้องส่งเลือดไปเข้าห้องปฏิบัติการเพื่อทำการตรวจให้แน่ชัด แต่เหมือนว่าจะยังไม่ทันได้ตรวจ หนูก็หายเสียก่อนการตรวจละเอียดเลยพับไป ต้องลองถามแม่หนูว่ามีญาติๆผู้ชายที่เคยเป็นโรคนี้ไหมถ้าเป็นก็มีโอกาสที่หนูจะได้รับพันธุกรรมมา” หมอบอก

“ตาผมเสียเพราะเส้นเลือดในสมองแตก” แบงค์บอก “แต่ผมไม่คิดว่ามันจะเกี่ยวกับฮีโมฟีเลีย” เขารู้สึกเหมือนจะเป็นลม

“มีแนวโน้มเป็นไปได้นะ ต้องคุยเรื่องนี้กับแม่ของหนูแล้วล่ะ ถ้าเป็นไปได้ หมออยากนัดหนูมาคุยกับหมออาทิตย์หน้า แล้วก็พาแม่มาด้วย เพราะตอนนี้อาการของฮีโมฟีเลียค่อนข้างชัด ต้องระมัดระวังอย่าให้ไปโดนกระแทกอะไรอีก ดีที่ยังไม่เคยมีอาการแบบเลือดออกตามข้อหรือกล้ามเนื้อเยอะ แสดงว่ายังเป็นในระดับน้อยอยู่ แต่ก็ต้องเฝ้าระวังเพราะบางทีมันอาจจะแค่ยังไม่แสดงอาการ หนูยังเด็กอยู่ด้วย ยีนมันอาจจะพัฒนาตัวเองได้อีกจนกระทั่งเห็นชัดเจนนั่นแหละว่าอาการของหนูจะรุนแรงแค่ไหน” หมอบอก

แบงค์จุกอยู่ในคอพูดอะไรไม่ออก “ผม....จะตายไหมครับหมอ”

“อย่าเพิ่งคิดมากพ่อหนุ่ม โรคนี้ถึงมันจะไม่หายขาดเพราะเป็นโรคทางพันธุกรรม แต่ก็ไม่ทำให้ถึงกับตายหรอกถ้าเทียบกับมะเร็งแล้วโรคนี้ยังรักษาง่ายกว่าเยอะ” หมอบอกพยายามพูดให้แบงค์หายกังวล “ขอแค่อย่าไปทำอะไรให้เลือดออกแบบเดิมอีก เพราะถ้าเลือดออกจนหยุดไหลไม่ทัน หนูอาจจะตายเพราะเสียเลือดมากถ้าได้รับการรักษาไม่ทัน อีกอย่างถ้าต่อไปอาการของฮีโมฟีเลียชัดเจนขึ้นว่าความรุนแรงของหนูอยู่ในระดับรุนแรงมาก หมอจะได้รักษาอย่างใกล้ชิด ยิ่งถ้ารู้ว่าคุณตาเสียเพราะมีอาการฮีโมฟีเลียล่ะก็หนูก็อาจจะมีโอกาสเป็นแบบเดียวกัน”

แบงค์ได้แต่นิ่งเงียบ หมอตบบ่าแบงค์เบาๆ เพื่อพยายามเรียกขวัญกำลังใจ “อย่าเพิ่งคิดมาก มีคนเป็นโรคนี้อยู่เยอะเหมือนกันนะ แถวภาคเหนือ หมอเคยอ่านรายงานว่า บางหมู่บ้านเนี่ย ใน 100 คนเป็นกันถึง 15 คนก็มีนะ เพราะว่าชาวเขาเอยอะไรเอยแต่งงานกันอยู่ในเผ่า เลยทำให้โรคนี้ไม่หมดไป ลูกๆหลานๆก็เป็นกันหมด แต่ก็รักษากันตามอาการ แค่ตอนนี้พยายามอย่าโดนอะไรกระแทก หรือมีแผลก็พอ”

แบงค์ได้แต่นั่งนิ่งอึ้ง แล้วจู่ๆเลือดก็หยดลงมาจากจมูกอีกโดยที่เขาไม่รุ้ตัว “หมอครับ เลือดมันไหลอีกแล้ว”

“ช่วงนี้เป็นหวัดด้วยหรือเปล่าเนี่ย? ใช้จมูกสุดน้ำมูกเยอะ เส้นเลือดมันเลยไม่หายแตกสักที ต้องระวังนะต่อจากนี้” หมอบอก ส่วนพี่พยาบาลก็รีบเอาสำลีมาซับเลือดที่กำลังไหลออกมา แบงค์พาลนึกถึงสองสามวันที่เขาร้องไห้หนักๆ คงเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เลือดไม่ยอมหยุดไหลง่ายๆหลังจากที่ได้รับการกระทบกระเทือนไป

“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวเรื่องการดูแลกับปฐมพยาบาลเบื้องต้น คราวหน้าหมอจะนัดให้หนูมาพร้อมกับคุณแม่นะ จะได้ฟังพร้อมกันทีเดียว เพราะหมออยากจะดูอาการหนูเป็นระยะๆ ว่ามีเลือดออกตามกล้ามเนื้อหรือข้ออะไรไหม? เพราะถ้าเริ่มมีต่อจากนี้อาจจะต้องสอนเรื่องของการฉีดพวกแฟคเตอร์เข้าในร่างกายเองเพื่อปฐมพยาบาลเบื้องต้นจะได้ไม่ต้องมาหาหมอบ่อยๆ แล้วก็รักษาเองได้เลยที่บ้านด้วย"

แบงค์ได้แต่พยักหน้า หมอจึงอนุญาตให้แบงค์กลับบ้านได้ โดยมีพี่พยาบาลเดินออกมาส่ง เขารู้สึกเหมือนขาทั้งขาของเขาหนักอึ้งก้าวไม่ออก อาการปวดหัวแปลบๆที่เกิดขึ้นแต่เช้าก็กลับมาให้เขาได้รู้สึก ในระหว่างที่กำลังเดินกลับไปหารุ่นพี่ทั้งสองคนที่นั่งรออยู่แบงค์หยิบโทรศัพท์มากดส่งข้อความหาพี่กาย

Bank : พี่กาย  หมอสรุปผลตรวจเลือดแล้วนะครับ

GUY : ว่าไงมั่ง

Bank : แบงค์เป็นฮีโมฟีเลียจริงๆ หมอบอกว่าดีที่รู้ทันก่อนที่จะเป็นหนักกว่านี้

GUY : เฮ้ย อย่ามาล้อพี่เล่นนะ

Bank : T^T

GUY : คงต้องบอกแม่แล้วล่ะนะ ต่อจากนี้

Bank :พี่อย่าเพิ่งบอกพี่ท็อปนะ แบงค์กลัวเขาเป็นห่วง
          รายนี้ถ้ารู้เข้าล่ะก็มีหวังไม่เป็นอันเรียนแน่เลย เกาะแจตลอดเวลาแน่ๆ

GUY : จะปิดไว้ตลอดไปไม่ได้หรอกนะแบงค์ นี่เรื่องใหญ่นะ

Bank : ไว้แบงค์จะบอกเขาเองครับ หมอบอกว่ามันยังไม่ได้อันตรายอะไรแค่อย่าให้มีแผลเท่านั้น
           ไม่ร้ายแรงเท่ามะเร็งแค่ไม่หายขาดเฉยๆ

GUY : ไม่ได้รู้สึกดีขึ้นเลย....รีบมานะ พี่ๆรอกันอยู่


แบงค์เดินออกมาจากมุมตึกเห็นพี่กายและพี่ท็อปนั่งรออยู่ พี่ท็อปยิ้มร่าทันทีที่เห็นแบงค์ เขารีบลุกขึ้นมาหา ส่วนพี่กายยังคงยืนรออยู่ที่เก้าอี้ มองแบงค์ด้วยสายตาเป็นห่วง แบงค์นั้นจ้องมองพี่กายกลับไปขบกรามแน่น สายตาที่เขาพยายามจะสื่อนั้นกำลังจะบอกเป็นนัยว่า “ได้โปรด ทำตัวตามปกติด้วยนะครับพี่กาย”

“ผลเป็นยังไงมั่ง ไอ้หมาน้อยของพี่จะหายแล้วใช่ไหม?” ท็อปถาม จับหน้าน้องเบาๆ

แบงค์ยิ้มตอบ พยักหน้า ในมือรีบกำกระดาษผลตรวจเลือดที่หมอให้มาด้วยแล้วยัดใส่กระเป๋ากางเกงไว้ไม่ให้พี่ท็อปเห็น “ไม่เป็นอะไรมากแล้วล่ะครับพี่ท็อป พี่ท็อปไม่ต้องเป็นห่วงแบงค์แล้วล่ะนะ”

“เป็นห่วงดิ เรายังไม่หายดีนี่นา มีสำลียัดออกมาอีกแล้ว นี่ยังไม่หายอีกเหรอ?” พี่ท็อปจับคางของแบงค์เชิดขึ้นเพื่อมองดู

“ก็แบงค์เป็นหวัดติดมาจากพี่ท็อปเนี่ยแหละก็เลยทำให้มันหายช้า” แบงค์บอกปัดๆ “แต่เดี๋ยวก็หายแล้วแหละ ขอบคุณนะครับพี่กายที่มาส่ง”พี่กายพยักหน้าตอบ เขาหายใจเข้าลึกๆ เพราะรู้ว่าน้องกำลังเผชิญกับความรู้สึกกดดันและทรมานข้างใน เพียงแค่ว่าในเวลานี้เขายังแสดงออกมาไม่ได้ต่อหน้าท็อปเท่านั้นเอง พี่กายก็ไม่ได้คิดว่าทุกอย่างมันจะมาลงเอยแบบนี้ ถ้ามองในแง่ดีก็ทำให้แบงค์รู้ว่าร่างกายของตนเองมีอาการผิดปกติอย่างไร แต่ถ้ามองในอีกแง่ ต่อจากนี้แบงค์จะใช้ชีวิตต่อไปได้อย่างไร ถ้าเขาไม่ยอมบอกท็อปแล้วปิดไปเฉยๆแบบนี้

“หิวน้ำไหม? เดี๋ยวพี่วิ่งไปซื้อน้ำมาให้” ท็อปอาสา เขามองไปที่ตู้กดน้ำอัตโนมัติที่ตั้งอยู่ไม่ไกลนัก

“เอาสิ พี่กายจะเอาอะไรไหม?” แบงค์หันหน้ามาถาม ตีสีหน้าระรื่น

พี่กายส่ายหน้า “ท็อปไปซื้อมาให้น้องกับตัวเองเถอะ พี่ไม่หิวเท่าไรหรอก”

“เดี๋ยวดูเศษในกระเป๋าสตางค์ก่อนว่ามีพอไหม?” ท็อปพูดแล้วหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาเปิดดู

“ตู้นั้นมันรับแบงค์ร้อยได้ด้วย พี่ท็อป เทคโนโลยีเขาไปถึงไหนต่อไหนแล้ว” แบงค์บอก เอามือชกบ่าพี่ท็อปเบา ๆ

“งั้นก็เจ๋งเลย เดี๋ยวพี่มานะ หรือว่าจะเดินไปด้วยกัน?” ท็อปถาม

“แบงค์เหนื่อย ขอนั่งรอตรงนี้ก็แล้วกันนะ” แบงค์บอกแล้วค่อยๆหย่อนกายลงที่เก้าอี้ใกล้ๆ จากนั้นท็อปจึงเดินไป

พี่กายจับบ่าแบงค์ที่กำลังนั่งตัวสั่นอยู่ เขาค่อยๆย่อตัวลงบีบบ่ารุ่นน้องแน่น “จะดีแน่เหรอแบงค์ถ้าไม่บอกท็อป”

“แบงค์กลัว พี่กาย แบงค์กลัวว่าแบงค์จะต้องตาย” แบงค์บอก ตาค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีแดงเพราะเขาพยายามกลั้นอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ตลอดที่อยู่ต่อหน้าท็อป

“ทำไมแบงค์คิดอย่างนั้นล่ะ....หมอบอกว่าโรคนี้รักษาไม่หายแต่ก็ไม่ถึงกับตายเหมือนมะเร็งนี่” พี่กายถาม

“ตาแบงค์อาจจะเป็นฮีโมฟีเลียเหมือนกัน เขาเส้นเลือดในสมองแตก ตั้งแต่แบงค์เด็กๆแล้ว แบงค์ไม่ค่อยได้ถามเรื่องของตากับแม่เท่าไร แต่เท่าที่หมอซักประวัติดู ถ้าระดับความรุนแรงแบบนั้น แบงค์ก็อาจจะมีโอกาสเหมือนกัน” น้ำตาไหลหยดลงมา

พี่กายลูบหัวแบงค์ ในใจอยากจจะกอดให้กำลังใจแต่ก็เกรงใจว่าท็อปอาจจะเดินกลับมาเห็นแล้วไม่พอใจเอาอีก “พี่กายจะอยู่ข้างๆแบงค์เอง ต่อจากนี้ถ้าแบงค์มีปัญหาก็คุยกับพี่ได้นะเรื่องนี้ ถ้าแบงค์ยังไม่อยากบอกท็อป”

“ถ้าพี่ท็อปรู้เข้า พี่ท็อปจะต้องเครียดแน่ๆ แบงค์ไม่อยากให้พี่เขาคิดมากเรื่องแบงค์ แบงค์อยากให้พี่ท็อปมีความสุขทุกวันเหมือนอย่างที่เคยเป็น ถ้าเขารู้เรื่องนี้ไป แบงค์กลัวว่าพี่เขาจะเป็นห่วงจนไม่เป็นอันทำอะไร” แบงค์อธิบาย

“พี่กลัวว่าถ้าวันนึงมันรู้ว่าพวกเราปิดมันเอาไว้ มันจะยิ่งโกรธไปใหญ่น่ะสิ โดยเฉพาะพี่ที่รู้เรื่องนี้มาตลอด พี่ไม่อยากหมางใจกับมันอีกแล้ว” พี่กายบอก

แบงค์ไม่ได้ตอบอะไรได้แต่นิ่งเงียบ “สักวันแบงค์จะบอกพี่เขาเองครับ ตอนนี้หมอแค่บอกว่าอย่าให้แบงค์เป็นแผลอีก แต่ถ้าเกิดอการมันชัดเจนมากกว่านี้ ก็ค่อยมาว่ากันอีกที”

พี่กายได้แต่ถอนหายใจ กับสิ่งที่แบงค์ตัดสินใจ

“บางทีความสุขก็มาไวไปไวเหลือเกิน” พี่กายเอ่ยขึ้นมาเช็ดน้ำตาน้อง “แบงค์ก็อย่าฝืนนะ เวลาคนเรามันสั้น อย่าให้อะไรมาพรากความสุขไปจากชีวิตของเรา ต่อจากนี้ พี่จะอยู่ห่างๆเพื่อช่วยเหลือน้องเอง แค่ได้เห็นแบงค์มีความสุขกับคนที่น้องรักพี่ก็เป็นสุขเหมือนกัน”

“พี่กาย” แบงค์เรียก หันหน้าไปมองพี่กาย น้ำตาไหลออกมาอีกอย่างกลั้นไม่อยู่ พอดีกับที่พี่ท็อปเดินกลับมาพร้อมขวดชาเขียวเย็นๆสองขวดพอดี แบงค์จึงรีบเช็ดน้ำตาด้วยแขนเสื้อแล้วตีหน้าสดใสกลับไปหาท็อป

“ได้มาแล้ว ชาเขียวเย็นๆที่แบงค์ชอบ” พี่ท็อปบอกอย่างร่าเริง แล้วยื่นมาให้ “พี่กายไม่เอาแน่นะครับ?”

พี่กายยิ้มตอบ ส่ายหน้า “กลับกันเลยไหม? พี่ว่าแบงค์กลับไปนอนพักดีกว่า จะได้แข็งแรงไวๆ”

แบงค์พยักหน้ารับ ท็อปเปิดขวดแล้วกระดกดื่มอย่างรวดเร็วไปครึ่งขวด หันหน้ามามองแบงค์อย่างเอ็นดู
ระหว่างทางกลับบ้านแบงค์กับท็อปนั่งอยู่ตรงเบาะหลังของรถ โดยที่แบงค์เอนตัวพิงไหล่ของพี่ท็อป มองเหม่อไปข้างหน้าอย่างไม่มีจุดหมาย ส่วนพี่กายก็ทำหน้าที่เป็นสารถีพาน้องๆทั้งสองคนกลับไปส่งที่บ้าน

“แบงค์....พี่อยากรู้ว่าใครส่งข้อความมาหาวันนั้น” ท็อปถามขึ้นมาเมื่อนึกขึ้นได้

“ไม่รู้เหมือนกัน เบอร์แปลกๆ แบงค์คิดว่าพี่ท็อปยืมโทรศัพท์ใครมาละมั้ง” แบงค์ตอบกลับไป

“ขอดูเบอร์ได้ไหม?” ท็อปถาม แบงค์จึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดให้รุ่นพี่ดู

“เบอร์นี้ไม่รู้จักเลยแฮะ เบอร์ใครวะ?” ท็อปงงกับตัวเลข แล้วก็ลองกดโทรศัพท์ออกดูเพื่อเช็คว่าเจ้าของเบอร์คือใคร แต่ก็ได้ยินเสียงอัตโนมัติตอบกลับมาว่า “หมายเลขที่ท่านเรียก ยังไม่เปิดใช้บริการ” “อ้าว ยังไม่เปิดใช้บริการด้วย มันไม่ชอบมาพากลซะแล้วสิ”

“จะให้พี่ลองถามยัยหวานดูไหมล่ะ ว่ารู้เห็นเป็นใจอะไรกับเรื่องนี้ไหม พี่ไม่เห็นยัยนั่นออกมาจากบ้านหลายวันละนะ เก็บตัวเงียบเลย” พี่กายบอก เหลือบตามองน้องๆจากกระจกส่องหลัง

“ไม่ว่าเขาจะวางแผนมา หรืออะไรก็ตาม ผมไม่อยากโทษเขาหรอกครับพี่ ผมผิดเองตั้งแต่ต้นเรื่อง ไม่อยากจะไปรื้อฟื้นมันแล้ว แค่แบงค์ยอมคืนดีกับผมก็ดีเกินพอแล้วล่ะครับ” ท็อปบอก “ผมแค่สงสัยว่าพวกเขาน่าจะตั้งใจจัดฉากให้ผมกับแบงค์ทะเลาะกันหรือเปล่าก็แค่นั้น”

“ก็คาสโนว่าตัวพ่อดันไปเจ้าชู้หว่านเสน่ห์ไว้กี่คนล่ะ น่าอิจฉาจริงๆมีแต่คนรุมแย่ง” พี่กายพูดแซว

“เข็ดละครับพี่ ผมกลัวที่สุดก็คือแบงค์จะไม่รักผมอีกแล้วเท่านั้นแหละตอนนี้ ผมว่าพี่น่าจะเข้าใจผมดีที่สุดนะครับ ในฐานะ คนที่เรารักดันเป็นคนๆเดียวกัน” ท็อปแซวกลับ

พี่กายยิ้มตอบ แล้วหันหน้ามองข้างหน้าตั้งใจขับรถกลับไป ส่วนแบงค์ยังคงเหม่อมองไปนอกรถ เรื่อยเปื่อยราวกับไม่ได้มีตัวตนอยู่ในรถ จิตใจของเขาลอยละล่องออกไปไกล ความสุขที่ได้อยู่ข้างๆพี่ท็อปจะอยู่ได้อีกนานสักเท่าไรหนอ อาการปวดแปลบๆจากโพรงจมูกขึ้นไปถึงบริเวณขมับทั้งสองข้างก็เริ่มมีมาเรื่อยๆ เขาไม่อยากจะคิดระแวงแต่อาการปวดมันก็ค่อยๆชัดขึ้นมาอีก เขาได้แต่ภาวนาว่าอย่างน้อยที่สุดถ้าทุกอย่างมันแย่ลงจริงๆ ก็ขอให้เขาได้อยู่กับคนที่เขารักให้นานที่สุดก็เพียงพอแล้ว

จบตอนที่ 27

ตอนที่ 28 - 29 จะมาวันจันทร์นะครับ เนื่องจากเป็นหยุดจะแถมให้ 1 ตอนครับ

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7
แววดราม่ากะลังทะลักมาใหญ่เลย

 :serius2: :serius2: :serius2:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
เฮ้ออออ สงสารแบงค์จัง  :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:

ออฟไลน์ brookzaa

  • Chill out
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-6
เตรียมตัวแหลกมาม่าชามโตกันเลย  :hao6:

ออฟไลน์ sang som

  • เจ็บจิต!!
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-6
จะหักมุมไหมเนี่ย อย่าจบแบบดราม่าเลยยย

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ไม่เอามาม่านะ เค้าอยากให้จบแบบแฮปปี้อ่ะ :hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ akiraakka

  • Deus Deorum (God of Gods)
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
    • เพื่อน(?)ผมเป็นผู้วิเศษ ภาคแรก
:pig4: รออ่านตอนต่อไปนะ แต่ยังแอบหมั่นไส้ไอ้พี่ท๊อปเบาๆ เรื่องห้องพยาบาลกับหวาน
มันติดเป็นภาพแย่ๆ ของไอ้พี่ท๊อปไปโดยปริยายเลย สำหรับคนอ่าน

หมั่นไส้แรงๆก็ได้ครับ ^^ แต่สุดท้ายผมว่าใครทำอะไรก็ได้สิ่งนั้นครับ
ท็อปเป็นตัวแทนของตัณหา/การเอาชนะ/ความเป็นชาย (ฮอร์โมนเทสโทสเตอร์โรนสูง) ...
แต่สุดท้ายก็แพ้ความดีและความอ่อนโยนในตัวแบงค์ในที่สุดถึงยอมมาตามง้อ
และสำนึกกับสิ่งที่ตัวเองทำผิดไป...ก็ลองให้โอกาสเขาดูนะครับ ^^ (แต่ถ้าผมเป็นแบงค์คงไม่ให้อภัยอะ)
ยังไงก็ติดตามไปอีกนิดนะครับ อีก แค่ 6 ตอนก็อวสานละครับ ^^ มาเฝ้าดูบทสรุปด้วยกันครับ

ออฟไลน์ chaiwat13030

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :serius2: :mew4:  :mew4: :mew4:
อย่าให้แบงค์เป็นอะไรเลยนะ
ขอเถอะนะ 
อย่าเป็นอะไรเลย

ปล.สงสารพี่กายนิดนึง

ออฟไลน์ akiraakka

  • Deus Deorum (God of Gods)
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
    • เพื่อน(?)ผมเป็นผู้วิเศษ ภาคแรก
บทที่ 28
การสอบปลายภาค

**แถมให้สองตอนรวดครับ**

เมื่อช่วงเวลาสอบปลายเทอมของภาคเรียนแรกมาถึง แบงค์และท็อปต่างก็มาช่วยกันติวหนังสือให้กันและกัน ท็อปเป็นเด็กหัวดีด้านคณิตศาสตร์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว (พ่อเป็นครูสอนคณิตศาสตร์นี่นา ถ้าไม่เก่งก็แย่แล้ว เสียชื่อพ่อหมด ท็อปบอกแบงค์) ทุกเย็นทั้งสองคนจะนั่งอยู่ที่ร้านนมของพี่หลินเพื่ออ่านหนังสือด้วยกันจนดึก

ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนค่อยๆแนบแน่นมากขึ้นเรื่อยๆ ท็อปกลายเป็นคนใจเย็นผิดกับแต่ก่อนที่เกิดเรื่อง แม้จะมีหึงหวง และน้อยใจบ้างแต่ก็เป็นไปตามประสาวัยรุ่น เนื้อหาวิชาของม.4 เขาโดนทวนซ้ำแล้วซ้ำอีกจากการที่ต้องไปช่วยพ่อตรวจงานให้รุ่นน้อง เขาจึงเป็นติวเตอร์อย่างดีสำหรับแบงค์

“พ่อพี่ท็อปจะเอาอะไรออกข้อสอบ บอกแบงค์มั่งดิ” แบงค์ถาม ในขณะที่ท็อปกำลังนั่งพลิกหนังสือไปๆมาๆ เพื่อหาโจทย์ให้น้องทำ

“พ่อพี่เขารู้แกวพี่แล้วว่าพี่อาจจะมาแอบบอกแบงค์ เขาไม่ให้พี่ช่วยทำข้อสอบด้วยซ้ำ เลยไม่รู้จะบอกแบงค์ยังไงดีน่ะสิเรื่องข้อสอบ” ท็อปบอก ขมวดคิ้วให้แบงค์

“ล้อเล่นน่า...พ่อพี่ท็อปทำถูกแล้ว ต่อให้สนิทกันแค่ไหน กฏก็ต้องเป็นกฏ จะได้ยุติธรรมกับคนอื่นเขา” แบงค์บอกยิ้มๆ “วันนี้เราพอแค่นี้ก็แล้วกันเหอะ พี่ท็อป แบงค์จำไม่หมดแล้ว พรุ่งนี้สอบก็ตามมีตามเกิดก็แล้วกัน”

“โหย พูดแบบนี้ก็เสียชื่อดิ ตัวเองมีแฟนเป็นลูกครูสอนคณิตนะ เดี๋ยวคนอื่นรู้เข้าก็มาว่าพี่ว่าทำไมไม่สอนแฟนตัวเอง” พี่ท็อปพูดแล้วเอื้อมมือมาขยี้หัวของแบงค์เบาๆ

“ไม่เห็นจะเกี่ยวเลย คนเราก็มีความถนัดต่างกัน พี่ท็อปเก่งเลข แบงค์เก่งภาษา ก็ช่วยๆกันไง พรุ่งนี้สอบวันสุดท้ายแล้วแบงค์อยากหัวสมองโล่งๆ” แบงค์บอก

“โล่งมากเดี๋ยวไม่มีอะไรเอาเข้าห้องสอบไปทำนะเออ”

พี่ท็อปยิ้มตอบแล้วเก็บทุกอย่างลงกระเป๋าแล้วเตรียมพาแบงค์ไปส่งที่บ้านอย่างเคย แบงค์เริ่มสังเกตแขนของตัวเองที่เริ่มเป็นรอยเขียวช้ำ เป็นจ้ำๆ โดยไม่รู้สาเหตุ ก่อนหน้านี้เขาก็มีอาการเขียวช้ำบ้างเป็นระยะๆ แต่เขาก็มักคิดว่าเขาอาจจะไปโดนอะไรชนมาแต่หลังจากที่เขาได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นฮีโมฟีเลีย สิ่งเหล่านี้คือสัญญาณบางอย่างที่กำลังเตือนเขาว่าร่างกายของเขาอยู่ในสภาวะที่ไม่ปกติอีกต่อไปแล้ว

หลังจากวันที่เขาไปหาหมอกับพี่ท็อปและพี่กายหนึ่งอาทิตย์ เมื่อแม่รับรู้อาการของลูกชายก็ช็อคกันไปตามๆกัน เพราะแม่ไม่รู้เรื่องตาเป็นฮีโมฟีเลีย และอาการที่ตาเป็นนั้นเหมือนกับที่หมอวินิจฉัยอย่างมาก เช่นมีอาการเลือดออกตามข้อและตามกล้ามเนื้อ ภายหลังมีอาการแทรกซ้อนและเส้นเลือดในสมองแตกจากนั้นจึงเสียชีวิตในเวลาต่อมา ตอนนั้นแม่แต่งงานและมีแบงค์แล้ว การดูแลตา เลยเป็นหน้าที่ของน้าที่ยังคงอยู่ที่บ้านเดิม แม่ไม่ได้รับรู้รายละเอียดเรื่องโรคนี้มากนัก จำได้แค่ว่าตาเป็นคนที่เลือดไหลหยุดยากและมักมีรอยเขียวจ้ำให้เห็นอยู่เสมอ ตาเป็นคนไม่ค่อยพูดเท่าไร ดังนั้นเมื่อเป็นอะไรก็ไม่ค่อยบอกลูกหลาน แม่จึงได้แต่กอดแบงค์เมื่อรับรู้ผลการตรวจ โทษตัวเองที่เป็นคนทำให้ลูกมีอาการแบบนี้

คุณหมอเตือนไว้เพียงว่าไม่ต้องตกใจกลัวเพราะอาการยังไม่ได้รุนแรงอะไรนัก เพียงแค่ระวังอย่าให้เลือดออกและเป็นแผล ถ้าเลือดออกเองแล้วเป็นรอยเขียวจ้ำเยอะเมื่อไร ก็ค่อยมาตรวจร่างกายกันอีก แต่ผู้ป่วยฮีโมฟีเลียที่ใช้ชีวิตอยู่ตามปกติได้ก็มีให้เห็นมากมายเพียงแค่ต้องดูแลตัวเองมากกว่าคนอื่นเป็นพิเศษเท่านั้น ไม่ได้ถึงกับตายเฉียบพลัน

มีเพียงท็อปเท่านั้นและเพื่อนๆที่ยังไม่รู้อาการผิดปกติของแบงค์ เขายังคงเก็บเงียบไม่อยากให้เรื่องของตัวเองไปทำให้คนอื่นลำบากใจและเป็นห่วง โดยเฉพาะพี่ท็อป แค่ได้เห็นรอยยิ้มของกันและกันทุกวันแบบนี้น่าจะดีกว่า

“พี่ท็อป” แบงค์ถามขึ้นเมื่อท็อปกำลังขับมอเตอร์ไซค์คันเก่งของเขาตรงไปยังบ้านของแบงค์ “ถ้าวันนึงแบงค์ไม่อยู่แล้ว พี่ท็อปจะยังคิดถึงแบงค์ไหม?”

“ไม่อยู่ของเราคืออะไร? เรียนต่อที่อื่นเหรอ? หรือว่ายังไง?” พี่ท็อปถามกลับ ตามองตรงไปข้างหน้า

“อืม ก็ราวๆนั้น” แบงค์ตอบกลับสั้นๆ ไม่อยากอธิบายมาก “พี่ท็อปจะคิดถึงแบงค์ไหม?”

“เพิ่งจะอยู่ม.4 เอง คิดเรื่องเรียนต่อแล้วเหรอ แหม แฟนพี่นี่มันคิดการณ์ไกลแฮะ” ท็อปถามเสียงร่าเริง “ยังไงพี่ก็ต้องเรียนจบก่อนแบงค์ปีนึงอยู่แล้วนี่นา คำถามนี้พี่ต้องถามแบงค์มากกว่าหรือเปล่า”

“ถ้าเป็นแบงค์นะ ก็คงคิดสิ คิดถึงพี่ท็อปมากด้วย” แบงค์บอกกอดเอวพี่ท็อปไว้แน่น อิงหน้ากับแผ่นหลังของพี่ท็อป

“พี่ก็คงคิดถึงแบงค์มากเหมือนกัน ไม่ต่างกันหรอก” ท็อปพูด “พี่ไม่อยากให้แบงค์ถามพี่แบบนี้เลย รู้สึกใจคอไม่ค่อยดี”

“คิดมากน่าพี่ท็อป...หลายครั้งแบงค์แค่คิดว่า ทำไมเวลาความสุขมันผ่านไปไวจัง แบงค์อยากอยู่กับพี่ท็อปนานๆ แต่เหมือนอะไรๆก็ไม่ค่อยจะเอื้อเท่าไรเลย”  แบงค์พูดเบาๆ

“พี่สัญญาว่าจะอยู่ข้างๆแบงค์ไปตลอดนั่นแหละ ไม่ต้องกลัวหรอกน่า ไอ้หมาน้อย” ท็อปบอกเพื่อให้แบงค์สบายใจ

รถค่อยๆชะลอลงเมื่อมาถึงบริเวณหน้าบ้าน ฟ้าเริ่มมืดแล้ว นาฬิกาดิจิตอลของท็อปร้องเตือนบอกเวลาหนึ่งทุ่มตรงพอดี แบงค์ถอดหมวกกันน็อกออกยื่นให้รุ่นพี่ แสงไฟในบ้านส่องให้เห็นรอยเขียวบนแขนของแบงค์เป็นจ้ำชัดเจนจนท็อปสังเกตได้

“แบงค์ไปโดนอะไรมา แขนเป็นรอยเขียวแบบนี้” ท็อปจับแขนน้อง

แบงค์ตกใจรีบดึงแขนตัวเองกลับมา “อ๋อ เดินชนโต๊ะน่ะพี่ ไม่เป็นอะไรมากหรอก” เขารีบบอก “มืดแบบนี้ยังจะสังเห็นอีกแน่ะ”

“อ้าว ทุกอย่างในตัวแบงค์พี่สนใจหมดแหละ อย่าซุ่มซ่ามสิ เนี่ยก็เพิ่งจะหายเลือดกำเดาไหลไปหยกๆ พี่เป็นห่วงไอ้หมาน้อยของพี่นะ” ท็อปบอกน้ำเสียงกังวล

แบงค์ยิ้มให้รุ่นพี่ พยายามทำให้น้ำเสียงเป็นปกติ “ลิงท็อปก็เหมือนกัน ดูแลตัวเองดีๆนะ ขับรถอย่าซิ่งด้วย ถนนมันลื่น ฝนตกบ่อยๆ หมาน้อยกลัวลิงท็อปจะเป็นอะไรไปเหมือนกัน”

“โอ๊ย มือระดับนี้แล้ว  ไม่มีจะพลาดหรอกน่า หมวกกันน็อกก็มี ตั้งแต่ขับมาก็เคยล้มแค่ไม่กี่หนตอนขับใหม่ๆ” ท็อปบอก “รีบนอนนะ พรุ่งนี้พี่มารับแต่เช้า”

“ไม่เป็นไร พี่ท็อปไปโรงเรียนเลยก็ได้ เดี๋ยวแบงค์ไปเอง เผื่อคืนนี้พี่ท็อปจะอ่านหนังสือดึกจะได้ไม่ต้องรีบตื่นมารับแบงค์”

“เอางั้นเหรอ? จริงๆพี่ก็ตื่นได้นะ” ท็อปพูด แต่แบงค์ส่ายหน้าปฏิเสธ

“กลับเหอะครับ แบงค์เข้าบ้านก่อนนะ” แบงค์ตัดบทแล้วรีบไขกุญแจเข้าไปในบ้าน ท็อปสตาร์ทรถอีกครั้งก่อนจะโบกมือลารุ่นน้องแล้วขับรถออกไป แบงค์จึงค่อยๆหันหลังมองตามรุ่นพี่ที่จากไป ความกังวลทั้งปวงที่เขามีผุดขึ้นมาอย่างช่วยไมได้ “ขอโทษนะพี่ท็อป แบงค์ขอเก็บเรื่องนี้ไว้จนกว่าจะถึงเวลาที่มันจวนตัวจะต้องบอกจริงๆ แบงค์ไม่อยากเห็ฯหน้าพี่ตอนกังวลแบบนี้อีก” เขาพึมพำพลางถอนหายใจ

----------------------------------------------------

วันนี้ทั้งวันเป็นวันสอบของฝั่งมัธยมปลายวันสุดท้ายของเทอม เกมส์ เปิ้ล เกด ต่างนั่งท่องสูตรต่างๆ ที่จำเป็นต้องจำ และอ่านเนื้อหาเพิ่มเติม

“อ่านเท่าไรก็ไม่จำแล้ว” เปิ้ลโวยวายขึ้นมาเมื่อรู้ตัวว่าอ่านหนังสือไม่ทัน

“มาอ่านตอนสิ้นเทอมจะจำหมดได้ยังไงล่ะ” แบงค์บอก “อ่านสะสมไว้ดิ จะได้ไม่ต้องอ่านเยอะทีเดียว”

“ใครจะไปขยันเหมือนแกล่ะ แถมมีลูกชายอาจารย์เป็นติวเตอร์ส่วนตัว อิจฉาโว้ย” เปิ้ลบอก ผลักบ่าแบงค์หยอกๆ

“เออ แล้วทีนี้เอาไง เรื่องปิดเทอม จะไปเที่ยวกันไหม?” เกมส์ถาม “ไปเที่ยวสวนสนุกกัน เหอะ อยากไป สักวันอาทิตย์หน้า”

“อะไรวะ ยังสอบไม่ทันจะเสร็จเลย คิดจะเที่ยวละเหรอ” เกดแย้ง “ฉันยังไม่เข้าใจอีเรื่องตรรกศาสตร์พวกนี้เลย อาจารย์เอาอะไรมาสอนวะเนี่ย”

แบงค์ได้แต่หัวเราะ “อือก็ดีนะ ไปเที่ยวกันบ้าง เราอยากออกไปโดนแดดโดนลมมั่ง ตั้งแต่ย้ายมา ไม่ค่อยจะได้เที่ยวไหนเลย”

“งั้นไปสวนสยามไหม ใกล้ๆดี  เดี๋ยวเราขับรถพาไป” เกมส์สรุป “เสาร์หน้า นายจะชวนพี่ท็อปไปด้วยก็ได้นะ เราจะขอเอารถตู้พ่อไป จะได้ไปกันหลายๆคนสนุกๆ”

“งั้นอย่าลืมชวนพี่คาร์พมาด้วยล่ะ” เปิ้ลบอก “ชั้นจะได้มีคู่เดินกับเขามั่ง”

“อ่า ได้ ๆ” แบงค์บอก “ไว้จะลองชวนนะ”

“พวกแกคิดเรื่องสอบก่อนเหอะ บ่ายนี้ก็จะจบแล้ว เรื่องเที่ยวเดี๋ยวก็ค่อยว่ากัน ว่างๆกันอยู่แล้วนี่นาปิดเทอม ฉันก็อยากไป เบื่ออยู่บ้านเหมือนกัน” เกดแนะนำ แล้วทุกคนก็กลับไปง่วนอยู่กับการอ่านหนังสือเหมือนเดิม

เมื่อรายวิชาสุดท้ายสิ้นสุดลง ทุกคนต่างร้องออกมาด้วยความปลดปล่อย บ้างก็เอาหนังสือเรียนมาเปิดดูว่าที่ตนเองตอบนั้นถูกหรือไม่ บ้างก็ถามกันและกันว่าข้อนั้นแต่ละคนตอบอะไรกันไป

“พวกแกอย่ามาถามฉัน” เปิ้ลรีบเบรกเมื่อเห็นเกดเตรียมอ้าปากจะถาม “ฉันไม่พร้อมตอบคำถามสื่อใดๆก็ตาม ณ จุดนี้”

“อีบ้า ฉันจะถามแกว่าแกจะกลับบ้านเลยไหม ไม่ถามหรอกเรื่องสอบน่ะ” เกดบอก อารมณ์เสีย

“สรุปว่าวันเสาร์หน้าไปเที่ยวกันนะ” เกมส์ย้ำอีกรอบเมื่อเห็นทุกคนมากันพร้อมหน้า หลังจากที่ตกลงกันเป็นที่เรียบร้อย ทั้งหมดจึงแยกย้ายกันกลับบ้าน โดยไม่ได้ไปฉลองสอบเสร็จต่อทีไหน เพราะต่างคนต่างมึนหัวกับข้อสอบทีได้เจอมา แบงค์รีบเดินลงจากตัวอาคารมากับเกมส์ก็เจอเข้ากับพี่กายพอดี

“หวัดดีครับ พี่กาย” แบงค์ร้องทักเมื่อเห็นรุ่นพี่เดินผ่านมากับกลุ่มเพื่อน

“ไง แบงค์ สอบได้ไหม?” พี่กายถาม หยุดยืนคุยกับรุ่นน้อง “ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เจอเลย สบายดีนะ?”

“ก็สบายดีครับพี่” แบงค์บอก

“อาการแทรกซ้อนๆอื่นๆ ยังไม่มีใช่ไหม?”พี่กายถามขึ้นมา มองหน้าแบงค์ อย่างกังวล “มีรอยเขียวรอยช้ำอะไรหรือเปล่า?”
แบงค์ยิ้มส่ายหน้า “ไม่มีครับ พี่กาย แม่แบงค์บอกว่าถ้าวันไหนว่างๆก็แวะไปเที่ยวที่บ้านได้นะครับ เพราะว่าแม่ก็อยากจะเลี้ยงขอบคุณที่พี่กายพาแบงค์ไปโรงพยาบาลเมื่อหนก่อน”

“อย่าคิดมากเลย พี่เต็มใจทำให้อยู่แล้ว กับท็อป  เดี๋ยวนี้มันนิสัยดีขึ้นแล้วใช่ไหม?” พี่กายถาม

“จริงๆพี่เขาก็เหมือนเดิมแหละ พี่ท็อปจะหงุดหงิดเวลาไม่ได้ดังใจเท่านั้นแหละครับ แต่ก็เย็นลงเยอะหลังจากเรื่องหนที่แล้ว” แบงค์บอก “ถึงพี่เขาจะหัวเสียบ่อย แบงค์ก็ยังชอบพี่เขาอยู่ดี”

พี่กายลูบหัวแบงค์อย่างเอ็นดู “ดูแลกันดีๆก็แล้วกัน ว่าแต่มันยังไม่รู้ใช่ไหม?”

แบงค์พยักหน้า พี่กายจึงถอนหายใจออกมา “อย่าเก็บไว้นานจนไม่มีโอกาสได้บอกนะน้องนะ ท็อปมันจะเสียใจเอา” แบงค์หันหน้ามองตาพี่กายอย่างกระอักกระอ่วนกับประโยคนี้

เมื่อคุยกันจบแบงค์จึงลาพี่กายและเกมส์เพื่อไปหาพี่ท็อปอย่างเคย ตอนนี้ ทั้งท็อปและปลาคาร์พกำลังนั่งอยู่ที่โรงอาหารคุยกับสัพเพเหระถึงกิจกรรมที่ทั้งห้องตั้งใจจะไปกันในช่วงปิดเทอม

“เออ กูโอเค” ท็อปพูดขึ้นมาเมื่อปลาคาร์พคุยแผนงานที่เขาร่างไว้กับเพื่อนๆในห้องเรียบร้อย “งานนี้ใครหัวหอกวะ หวานอีกเหรอ?”

“ก็หลายๆคน คุยกันว่าจะไปน้ำตกกัน ตอนแรกกูก็แย้งนะว่าช่วงนี้ฝนมันตกบ่อยอยู่ แต่มันบอกว่าอาทิตย์หน้าอากาศปลอดโปร่ง ไป ค้าง เสาร์ อาทิตย์เอง อาทิตย์หน้า ยังไงก็ไม่น่ามีปัญหาหรอก คนอื่นๆเขาก็ไปกัน” ปลาคาร์พพูด แล้วดูดน้ำอัดลมที่ซื้อมาเสียงดัง

“อันนี้ไปได้เฉพาะพวกเพื่อนๆในห้องใช่ไหม?” ท็อปถามย้ำ

“ก็มีแต่พวกๆกันอย่างเดียวทั้งห้องอะ ทำไม? มึงจะหนีบไอ้แบงค์ไปด้วยงั้นดิ” ปลาคาร์พถาม

ท็อปหันหน้ามองเพื่อนแต่ไม่ได้พูดอะไรตอบ หรี่ตาขมวดคิ้ว “ทำไมอะ กูเอาไปด้วยไม่ได้เรอะไง?”

“เปิดตัวจังนะ มึง” ปลาคาร์พพูดประชด “ทีคนอื่นๆก่อนหน้านี้ทำเป็นแอบๆซ่อนๆ ทีคนนี้มึงเปิดเผยชะมัดเลยนะ”

“ก็ผู้ชายด้วยกันไปไหนมาไหนคนเขาก็ไม่ได้คิดอะไรอยู่แล้วก็เห็นเป็นพี่ๆน้องๆ แบบนี้สบายใจกว่าป่าววะ?” ท็อปให้เหตุผล
“เออ ยังไงกูก็ไปแหละ เดี๋ยวกูถามแบงค์อีกทีว่าน้องมันอยากไปด้วยไหม?”

“กูว่าคนอื่นๆอาจจะไม่ให้น้องมันไปด้วยอะดิ ไม่สนิทกัน อีกอย่าง น้องมันจะกล้ามาเหรอ?” คาร์พถาม

“งั้นเดี๋ยวแบงค์มา กูถามเลยละกัน” ท็อปบอก แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อกดโทรออก แต่ก็เห็นแบงค์เดินตรงเข้ามาที่โรงอาหารพอดี

“ตายยากจริงๆ พูดถึงก็มาเลย” คาร์พพูดหงุดหงิด เมื่อเห็นแบงค์เดินก้าวเข้ามา
 
“หวัดดีครับ พี่คาร์พ” แบงค์ทักทายคู่กรณีที่เคยปะทะกันอย่างสุภาพ ก่อนหน้านี้ท็อปพาแบงค์กับคาร์พไปปรับความเข้าใจแล้วครั้งนึงว่าพี่ปลาคาร์พไม่ได้ตั้งใจแค่ทำไปตามสัญชาตญาณที่เห็นเพื่อนสนิทกำลังโดนรังแกเท่านั้น แม้ปลาคาร์พจะดูไม่เต็มใจที่จะขอโทษแบงค์เท่าไรนัก แต่ทุกอย่างก็จบลงได้โดยไม่ได้มีปัญหาอะไร

“พี่กำลังคุยกับคาร์พมันอยู่พอดีว่าเสาร์อาทิตย์หน้า ห้องพี่มีจัดไปเที่ยวน้ำตกที่กาญจนบุรีกันค้างคืนนึง พี่เลยว่าจะชวนแบงค์ไปด้วยกัน จะได้สนุกๆ” ท็อปเสนอ

“งั้นคงไปไม่ได้หรอกครับพี่ท็อป พอดีแบงค์นัดกับเพื่อนๆจะไปเที่ยวสวนสยามกันเสาร์หน้า พี่ท็อปไปเถอะ อีกอย่างห้องพี่ที่แบงค์รู้จักก็มีไม่กี่คนกลัวไปแล้วจะไม่สนุกเอา” แบงค์บอก

“อ้าว ไหงดันมาชนกันเฉยเลย เราไม่เคยได้ไปเที่ยวไกลๆกันมั่งเลยนะ มากับพี่เหอะ” ท็อปขอร้อง “แบงค์กับเพื่อนๆเลื่อนวันไปไม่ได้เหรอ?”

ปลาคาร์พหันหน้ามองท็อปแบบไม่พอใจ “มึงไปขอให้น้องเลื่อนเนี่ยนะ? ต่างคนต่างไปก็จบแล้วไหม?”

“กูอยากให้น้องไปกับกูก็แค่นั้นแหละ” ท็อปบอกอย่างอารมณ์เสีย

“อย่าทะเลาะกันเลยพี่ พี่ท็อปไปอยู่กับพี่คาร์พบ้างเหอะ เราเจอกันแทบจะตลอดเวลาอยู่แล้วนี่นา ปิดเทอมพี่ท็อปก็แวะมาหาที่บ้านบ้างก็ได้ ถ้าอยากเจอ เรื่องเที่ยวไกลๆ แถมเป็นน้ำตกอีก แบงค์กลัวจะโดนเงี่ยงหินบาดเป็นแผลเอา” แบงค์บอก ในใจก็คิดถึงอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นกับเขาไปด้วย

ท็อปเคาะนิ้วบนโต๊ะอย่างครุ่นคิด หันหน้ามองแบงค์ทีปลาคาร์พที ตัดสินใจไม่ได้ เพราะถ้าเกิดแบงค์ไม่ได้ไปด้วยเขาก็ไม่ค่อยอยากไปเท่าไรนัก แต่ก็เห็นแก่ปลาคาร์พถ้าเขาไม่ไป ปลาคาร์พก็คงไม่พอใจแน่นอน

“อืม งั้นตามใจแบงค์ พี่ไปกับห้องพี่ก็ได้ ส่วนแบงค์ก็ไปกับเพื่อน” พี่ท็อปสรุปในที่สุด “รอบนี้มึงชนะ ไอ้คาร์พกูยอมไปกับมึง”

“โถ่ ไอ้เชี่ยท็อป มึงไม่อยากไปก็ไม่ต้องไปก็ได้” ปลาคาร์พตะคอกอย่างหงุดหงิดก่อนจะเก็บกระเป๋าแล้วลุกขึ้นเดินอาดๆออกไปจากโรงอาหาร

“อ้าว มึงอยากให้กูไปด้วยกูก็ไปแล้วนี่ไง มึงจะเอาอะไรอีกวะ” ท็อปพูดเสียงดัง “เดี๋ยวนี้มึงโคตรเรื่องมากเลยว่ะ”

ปลาคาร์พหันหลังมามองเพื่อนด้วยสายตาโกรธ ปากของเขากระตุกเพราะอารมณ์ที่กำลังปะทุออกมา

หรือมึงอยากจะนอนกับกูมากนักวะ ให้กูไปบ้านมึงเลยไหมคืนนี้?” ท็อปตะคอก “มึงอยากทำอะไร กูให้มึงหมดเลย จะได้เลิกงี่เง่าสักที”

“พี่ท็อป มันจะเยอะเกินไปแล้วนะพี่ อย่าทะเลาะกันดิ มันไม่ใช่เรื่องอะไรใหญ่โตเลยนะ ไม่เอา ไม่เอา” แบงค์รีบห้าม “ไหนสัญญาแล้วไงว่าจะไม่ใช้อารมณ์กัน พี่ท็อป นี่เพื่อนรักพี่เลยนะ”

ท็อปหันหน้ามองแบงค์ แล้วถอนหายใจ ส่วนปลาคาร์พก็ได้แต่ยืนนิ่ง “กูขอโทษมึงละกัน กูไปหาแม่กูละ เดี๋ยวเรื่องรายละเอียดมึงไปอ่านเอาในเฟซกลุ่มห้อง 5/1 ละกัน” พี่คาร์พบอก แล้วจึงเดินจากไป

“พี่ไปพูดแบบนั้นกับพี่คาร์พได้ยังไง คนอยู่กันเยอะแยะ พูดเสียงดังเดี๋ยวคนเขาก็หาว่าพี่..” แบงค์เอ่ยขึ้นมาขณะที่มองดูพี่ท็อปจ้องหลังปลาคาร์พที่กำลังเดินชึ้นตึกเรียนหมวดภาษาอังกฤษไป

“คิดมากน่า” ท็อปบอกปัดๆ อย่างหงุดหงิด

“หรือที่เขาลือๆกันมันจะจริง ? ว่าพี่สองคนเคยคบกันมาก่อน” แบงค์ถามขึ้นมา

“เมาแล้วไอ้หมาน้อย ไปเอามาจากไหน ไม่เคยเห็นใครเขาพูดกันสักหน่อย” ท็อปพูด ขมวดคิ้วส่งสายตางงๆให้รุ่นน้อง

“ก็พี่เล่นถามว่าพี่คาร์พอยากมีอะไรกับพี่รึเปล่าไม่ใช่เหรอ? จะไม่ให้คิดได้ยังไง” แบงค์ถามกลับ

ท็อปอึ้งไปสามวินาทีก่อนจะลูบหัวน้อง พยายามหาเรื่องคุยใหม่ “พี่ก็ล้อมันเล่นไปงั้นแหละ กลับกันดีกว่า”

“ไหนจะเรื่องพี่หวานอีก พี่ไปขอโทษเขาแล้วรึยังที่ไปทำไม่ดีกับเขาวันนั้น” แบงค์ถามขึ้นมา

ท็อปอ้ำอึ้ง เอามือเกาหัว “ขอโทษไปแล้ว....หายโกรธกันแล้ว แต่แค่มองหน้ากันไม่ค่อยติดเฉยๆ” ท็อปบอก หลบสายตาแบงค์

“เปลี่ยนเรื่องเถอะ .... คืนนี้ขอนอนบ้านแบงค์นะ สอบเสร็จแล้ว”

“อย่าทะเลาะกันเพราะแบงค์เป็นต้นเหตุอีกเลยนะพี่ท็อป” แบงค์พูด “อะไรๆมันเกือบจะดีขึ้นอยู่แล้ว อย่าให้เราต้องตัดความสัมพันธ์กับคนรอบข้างเพราะเราเอาแต่สนใจที่จะอยู่ด้วยกันอย่างเดียวนะพี่ แบงค์เคยบอกพี่แล้ว ความรักมันไม่ใช่แค่เรื่องของคนสองคน.....”

“มันยังมีปัจจัยจากคนอื่นด้วย......” ท็อปต่อประโยคให้แบงค์ “คร๊าบบบ ที่รัก พี่จำได้แม่นเลย งั้นคืนนี้ให้นอนด้วยไหม?”

“ไม่” แบงค์ปฏิเสธเสียงแข็ง “ยังไม่หายเจ็บ”

ทำกันก็ตั้งหลายหนแล้วนะ แบงค์น่าจะชินได้แล้วนี่” ท็อปถามอย่างสงสัย ลากตัวน้องไปใกล้ๆ

“ลองมาเป็นคนโดนมั่งปะล่ะ” แบงค์บอกอย่างหัวเสีย ผลักพี่ท็อปออกไป “อย่างกับของตัวเองเล็กๆงั้นแหละ ไม่เอา ไปนอนบ้านตัวเองเลย ขอทำโทษที่ไปโมโหใส่พี่คาร์พ”

“ง่า....ผมผิดไปแล้วคร๊าบบบ ขอนอนกอดอย่างเดียวก็ได้ น้า น้า ปิดเทอมแล้วขอฉลองหน่อยน้า” ท็อปอ้อน เอาหัวตัวเองไถกับหน้าแบงค์

“โอ๊ย ... ไม่เอาแล้ว วันอื่นนะ พี่ท็อปนะ คืนนี้แบงค์อยากคุยกับแม่มั่ง” แบงค์บอกผลักพี่ท็อปออกไปเบาๆ ท็อปทำหน้ามุ่ยใส่

“แน่ะ แน่ะ บอกแล้วไงอย่าทำหน้ามุ่ยใส่แบงค์ เดี๋ยวหน้าหล่อๆจะย่นเอาน้า”

ท็อปรีบตีสีหน้าเป็นปกติทันที “เออ เนอะ” แล้วหัวเราะออกมา ทั้งคู่เดินพากันไปที่จอดมอเตอร์ไซค์ที่อยู่ใต้อาคารถัดไป
ส่วนปลาคาร์พเขายังคงไม่ได้ไปไหนไกล เขายืนแอบร้องไห้อยู่ข้างบันไดทางขึ้นไปห้องพักครูที่แม่ของเขาประจำอยู่ เสียใจเหลือเกินกับสิ่งที่เพื่อนรักของเขาพูดกับเขาในวันนี้ แม้จะรู้ว่าเขาคงหมดโอกาส แต่ความรักที่เขาให้ท็อป มันยากเหลือเกินที่จะตัดใจในเมื่อทั้งหมดของหัวใจ เขาได้ฝากไว้ที่เพื่อนสนิทไปจนหมดแล้ว



CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ akiraakka

  • Deus Deorum (God of Gods)
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
    • เพื่อน(?)ผมเป็นผู้วิเศษ ภาคแรก
บทที่ 29
ปิดเทอมหฤหรรษ์


แบงค์สังเกตอาการของตัวเองที่เริ่มเด่นชัดขึ้น รอยช้ำแดงๆเริ่มมีให้เห็นประปรายทั้งกล้ามเนื้อแขนและขา ยิ่งถ้าคืนไหนที่ท็อปมานอนด้วยแล้วเล่นกอดเขาแรงๆ ตื่นเช้ามาเขาจะเห็นว่า รอยช้ำของเขามันชัดเจนมากกว่าแต่ก่อน พร้อมอาการปวดหัวแปล๊บๆ แบบไม่มีสาเหตุที่มารบกวนเขาเป็นระยะ ๆ หลายครั้งที่เขาปวดจนเหมือนจะเป็นลมมักจะตามมาด้วยอาการเลือดกำเดาไหลเสมอ ช่วงนี้แม่จึงพยายามอยู่ใกล้ชิดแบงค์มากกว่าปกติ เพราะทั้งบ้านมีกันอยู่แค่สองคนเท่านั้น ถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นมาก็จะได้ช่วยเหลือกันได้ทันท่วงที

พี่กายมักจะไลน์มาถามอาการของแบงค์เป็นระยะ แต่แบงค์ก็ชอบบอกพี่กายอยู่เสมอว่า “ไม่ต้องเป็นห่วง ไม่มีอะไรแล้ว” เขาไม่อยากทำให้ใครเป็นห่วงมากเรื่องนี้ เพราะถ้าเกิดคนอื่นๆรู้กันมากขึ้นก็จะพาลกังวลแทนเขาไปด้วย แบงค์จึงพยายามสื่อสารและบอกคนรอบๆตัวว่าเขาไม่ได้เป็นอะไร แต่เดี๋ยวนี้เขามักจะพกกระดาษทิชชูติดตัวเสมอ พร้อมกับยาที่หมอให้ไว้ กรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉินเลือดไหลขึ้นมา

“วันนี้ปวดหัวไหมลูก” แม่ถามขึ้นเมื่อเห็นแบงค์ตื่นเช้าขึ้นมาในวันเสาร์ วันนี้เขานัดกับทุกคนว่าจะไปเที่ยวสวนสยามกัน

“นิดหน่อยครับ แม่ แต่ก็พอทนไหวนะ” แบงค์บอก

“จะดีเหรอ ไปทั้งแบบนี้ ไปโดนน้ำโดนลมอีก จะไม่สบายหนักเอานะ แม่กลัวไปหกล้มแล้วเกิดหัวล้างข้างแตก ยิ่งเลือดหยุดยากๆ จะลำบากเอานะ ลูก”

“แบงค์ว่าแบงค์จะไม่ลงน้ำกันน่ะแม่ คงเล่นแค่สวนสนุกเพลินๆมากกว่า” แบงค์บอก

“แต่อากาศร้อนๆ ระวังเลือดกำเดาจะออกนะ” แม่เตือน

“ขอบคุณนะครับแม่ที่เป็นห่วงแบงค์” แบงค์พูด แล้วเข้าไปกอดแม่ “แบงค์อยากทำให้ชีวิตที่เหลืออยู่เป็นปกติมากที่สุด ไม่อยากให้ใครต้องมานั่งกังวลเรื่องของแบงค์มากไป ขนาดตาที่เป็นโรคนี้เหมือนกัน กว่าตาจะเสียก็ตั้งอายุ 50 กว่านี่นา ถ้าเกิดแบงค์โชคร้ายเป็นแบบเดียวกับตาจริงๆ กว่าแบงค์จะไม่อยู่ก็คงอีกตั้งนาน”

“ไม่พูดแบบนี้นะลูก” แม่ดุ “ลูกแม่จะต้องไม่เป็นอะไร แม่ทำนั่นนี่เอาไว้ตั้งเยอะ เอาไว้ให้ลูก ลูกต้องอยู่ดูแลความสำเร็จของแม่ต่อไปนะ ไม่ใช่คิดจะจากไปแบบคุณตา ไม่เอา อย่าพูดให้แม่ได้ยินอีกนะ”

แบงค์ถอนหายใจสั้น ๆ หลับตาซบลงที่อกของแม่ พร้อมกับกอดแม่เอาไว้ เขาระลึกไว้เสมอว่า ความสุขนั้นมาไวไปไว เขาควรจะเก็บเกี่ยวไว้มากที่สุด เผื่อว่าเวลานั้นมาถึงเขาจะได้ไม่เสียดาย

เสียงกดแตรมอเตอร์ไซค์ที่มักได้ยินทุกเช้าดังขึ้นที่หน้าบ้านของแบงค์ ทั้งสองแม่ลูกต่างชะโงกหน้ามาดู เห็นท็อปใส่เสื้อเชิ้ตแขนสั้นลายสก๊อตกับกางเกงยีนส์ พร้อมใส่เยลผมให้ตั้งๆดูเท่ๆ มารอรับที่หน้าบ้าน

“พี่ท็อปมาทำไมเนี่ย พี่ต้องไปกาญจนบุรีกับเพื่อนๆไม่ใช่เหรอ” แบงค์ถาม ในขณะที่เดินออกมาหน้าบ้าน

“พี่หนีมา พี่ไม่อยากไป พี่อยากไปเที่ยวกับแบงค์มากกว่า” พี่ท็อปบอก แล้วดับเครื่องยนต์ ทำท่าจะเข็นรถเข้ามาในบ้าน

“ไม่ได้นะ พี่ท็อป ทำแบบนี้ไม่เอานะ พี่” แบงค์โวยวาย “แล้วนี่พี่มา แล้วบอกใครรึยัง?”

“ยัง แต่เดี๋ยวพี่โทรบอกคาร์พมันว่าพี่ไม่ไปแล้ว เงินพี่จ่ายไปแล้วแต่ช่างมัน พี่ไม่ไป” ท็อปบอก

“อย่าทำแบบนี้ดิ พี่ท็อป พี่คาร์พเขาก็คงอยากไปกับพี่นั่นแหละถึงออกปากชวน อีกอย่างพี่หวานเขาก็ไปด้วย แบงค์รู้ว่าพี่ยังไม่ได้ขอโทษพี่หวานจริงๆจังๆ อย่างน้อยจะได้ลบรอยบาดหมางกันไปได้บ้าง แบงค์ขอร้องเถอะพี่ท็อป อย่าทำแบบนี้เลย”

ท็อปนิ่งอึ้ง “แบงค์ไม่ดีใจเหรอที่พี่มาหาเนี่ย?” เขาถาม “พี่คิดทั้งคืนเลยว่าจะทำยังไงดี สุดท้ายพอพี่รู้ตัว ใจพี่ก็พาตัวเองมาที่นี่แล้ว”

แบงค์เอื้อมมือที่มีรอยช้ำเล็กๆของเขาไปจับแก้มของพี่ท้อป “แบงค์ดีใจที่พี่ท็อปเลือกแบงค์นะ แต่จะดีกว่าไหมถ้าพี่ไปเที่ยวกับเพื่อนๆบ้างตามที่พี่ได้สัญญากับพวกเขาเอาไว้ เรารักกันก็จริงแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าต้องอยู่ด้วยกันตลอดเวลานะพี่ท็อปนะ”

“โห่ แบงค์ทำไมเป็นคนดีอย่างนี้เนี่ย” ท็อปบ่น “พูดซะทำเอาพี่รู้สึกผิดเลย”

“ก็มันจริงนี่นา พี่ท็อปควรไปหาเพื่อนๆพี่นะ ไว้กลับมาเราค่อยมาอยู่ด้วยกันก็ได้ เดี๋ยวแบงค์จะชดเชยให้” แบงค์บอก

“พี่กลัวว่าไปแล้วมันจะไม่สนุกน่ะสิ ใจพี่มันอยู่กับแบงค์ตลอดเลย” ท็อปอ้อน

แบงค์หมดคำพูดที่จะให้เหตุผลกับพี่ท็อป เขาไม่อยากให้พี่คาร์พเกลียดเขามากกว่านี้ เขารู้ตัวดีว่าตอนนี้พี่คาร์พไม่ค่อยปลื้มเขาเท่าไรเพราะกลายเป็นว่าพี่ท็อปเวลามีความรักขึ้นมากลับทิ้งเพื่อนทิ้งฝูงไปแบบไม่คิดหน้าคิดหลัง อยากจะอยู่กับเขาตลอดเวลา แบงค์ไม่ได้อยากให้พี่ท็อปทำแบบนั้นกับเพื่อน เขาอยากให้พี่ท็อปแบ่งเวลาอยู่กับเพื่อนบ้างกับเขาบ้างตามแต่สมควร แบงค์ไม่เคยเรียกร้องเวลาจากพี่ท็อปอยู่แล้ว เพราะตัวเขายังมีหลายๆเรื่องให้คิดทั้งเรื่องแม่ เรื่องอาการป่วยที่เพิ่งรู้สึกตัว เรื่องสอบ เรื่องเรียน แต่ท็อปเล่นเอาแต่เข้าหาเขาอย่างเดียวจนแบงค์ก็เหนื่อยใจ แม้จะรู้ว่าท็อปทำให้ทั้งหมดเพราะรักแบงค์อย่างหัวปักหัวปำเช่นเดียวกัน เขาจึงมักปล่อยเลยตามเลยไปตลอด ไม่อยากขัดใจรุ่นพี่นัก

ท็อปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วกดหาเบอร์ของคาร์พแล้วรีบโทรออก แบงค์จึงยืนมองดูรุ่นพี่ตัดสินใจ

“มึงอยู่ไหนวะ ไอ้ท็อป ทุกคนเขามากันจะครบแล้วนะ” เสียงปลาคาร์พโวยวายดังออกมาจากหูโทรศัพท์ที่ท็อปโทรออกอยู่ทันทีที่ปลายสายรับ

“คาร์พ โทษทีว่ะ ขอไม่ไปแล้วดีกว่า” ท็อปบอกรีบตัดบทสนทนา

“มึงเป็นเหี้ยอะไรของมึงอีกเนี่ย ไอ้สัตว์ ถ้ามึงไม่ไปทำไมมึงไม่บอกกูล่วงหน้าล่ะ มึงมาบอกทำไมเอาป่านนี้” พี่คาร์พโวยวายออกมาดังลั่น

“เฮ้ยๆ ใจเย็นๆ กูไม่ค่อยสบาย เมื่อวานกูไปกินอะไรผิดสำแดงมาก็ไม่รู้ เนี่ยกูถ่ายท้องไม่หยุดเลยว่ะ” ท็อปบอกแกล้งทำเสียงพะอืดพะอม

“อ้าว จริงเหรอวะ มึงเป็นอะไรมากรึเปล่าน่ะ พ่อมึงอยู่บ้านด้วยไหม?” พี่คาร์พถามลดเสียงลง

“อยู่ๆ ถ้าเกิดกูไม่ไหวเดี๋ยวกูว่าจะไปโรงพยาบาลว่ะ” ท็อปบอกเสียงแหบ

“เออ ๆ กูเข้าใจแล้ว มึงดูแลตัวเองดีนะ เดี๋ยวกูกลับมาแล้วกูจะรีบไปหา” ปลาคาร์พบอกด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง

“โทษทีว่ะ เดี๋ยวขอเข้าห้องน้ำก่อนนะ” ท็อปพูดแล้วรีบกดตัดโทรศัพท์ “เป็นไง แค่นี้ก็เรียบร้อย”

แบงค์มองหน้าพี่ท็อปอย่างไม่พอใจเท่าไร ได้แต่ส่ายหน้าแล้วเดินกลับเข้ามาในบ้าน ท็อปจึงเดินตามเข้ามา

“หวัดดีครับแม่”ท็อปไหว้ทักทายเมื่อเห็นแม่ของแบงค์

“สวัสดีค่ะลูก แม่ไม่เห็นท็อปตั้งนานแน่ะ ยังบ่นๆอยู่กับแบงค์เลยว่าไม่ได้เห็นหน้าเห็นตาช่วงหลังๆมานี่” แม่ทักตอบด้วยความเป็นห่วง

“ผมก็เรื่อยๆครับ ไว้ว่างๆผมจะแวะมาหาตอนแม่อยู่บ้านบ่อยๆ จะได้มาช่วยทำกับข้าว” ท็อปบอก

“แล้วนี่จะไปกับแบงค์เหรอ?” แม่ถามท็อป

“ครับ เดี๋ยวผมจะไปสวนสยามกับน้องครับ” ท็อปตอบ

“งั้นก็ดีเลย แม่จะได้ฝากดูแลแบงค์ เผื่อว่าแบงค์มีอากา...”

แม่ ” ยังไม่ทันที่แม่จะได้หลุดปากพูดอะไรออกมา แบงค์ก็ร้องแทรกขึ้นมา จนท็อปและแม่สะดุ้งโหยงไปด้วยกัน  “แม่ไม่ต้องบอกอะไรพี่ท็อปเขาแล้ว แบงค์ไม่ไปเล่นอะไรรุนแรงๆหรอกน่า อย่าเพิ่งเป็นห่วงสิ”

“อ้าว แม่ก็ต้องเป็นห่วงลูกเป็นธรรมดา ช่วงนี้ลูกร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงอยู่นะ” แม่บอก แบงค์ทำตาเขียวใส่แม่เพื่อพยายามสื่อสารว่าไม่ให้พูดอะไรมากไปกว่านี้

“ทำไมเหรอครับ แบงค์เป็นอะไรเหรอครับ?” พี่ท็อปถามขึ้นมา มองแม่ทีแบงค์ทีอย่างสงสัย

“ไม่มีอะไรหรอกครับ พี่ท็อป หมู่นี้แบงค์หน้ามืดบ่อยๆ สงสัยเพราะพักผ่อนน้อยด้วย ปิดเทอมแล้วคงได้พักมากขึ้น เดี๋ยวก็หาย” แบงค์บอกปัด “พี่ท็อปไปเก็บรถมอเตอร์ไซค์เข้ามาจอดในบ้านก่อนเถอะ เกมส์เขาขับรถตู้มา ถ้าจะไปก็ไปด้วยกัน”

เมื่อท็อปเดินออกจากห้องนั่งเล่นไป แบงค์ก็รีบหันหน้ามาขอโทษที่พูดเสียงดังกับแม่ “ขอโทษนะครับแม่ แม่อย่าพูเรื่องฮีโมฟีเลียกับพี่ท็อปนะครับ แบงค์ไม่อยากให้พี่เขารู้ เดี๋ยวจะพาลกังวลกันไปหมด”

“นี่ท็อปยังไม่รู้เหรอ ขนาดกาย ที่เป็นเพื่อนรุ่นพี่เรายังรู้เลย ลูกสนิทกับพี่ท็อปมากกว่าด้วยซ้ำนะ ทำไมไม่บอกให้เขารู้ล่ะ” แม่ถามกลับด้วยความสงสัย

“ก็เพราะสนิทมากนั่นแหละครับแม่....แบงค์เลยไม่อยากให้พี่เขารู้” เขาตอบ เสียงเศร้าๆ หันหน้ามองตามพี่ท็อปที่กำลังเข็นมอเตอร์ไซค์เข้ามาจอดที่โรงรถหน้าบ้าน

เมื่อเกมส์ขับรถตู้ที่พร้อมด้วยเกดและเปิ้ลมาถึง ทุกคนต่างก็ประหลาดใจที่เห็นพี่ท็อปตามมาด้วย

“อ้าว พี่ไม่ได้ไปกับห้องพีเหรอ? เห็นบอกว่าที่ห้องพี่จัดไปเที่ยวกาญจน์นี่นา” เกดถามขึ้นเมื่อพี่ท็อปเข้ามานั่งที่เบาะหลังของรถ อีกมือก็จูงมือแบงค์เข้ามานั่งในรถด้วยกัน

“พี่ไม่ไป อยากเที่ยวแถวๆนี้มากกว่า” พี่ท็อปบอก ส่วนเกดกับเปิ้ลต่างมองหน้ากันอย่างมีเลศนัยเหมือนรู้ว่าเพราะอะไรที่ท็อปถึงเลือกมาทริปนี้มากกว่า

“งั้นพี่ท็อปต้องแชร์ค่าน้ำมันด้วยนะ” เกมส์ตะโกนบอกมาจากด้านหน้าคนขับ “จะได้แฟร์ๆกัน”

“ได้เลย ไม่มีปัญหาครับ เดี๋ยวให้แบงค์จ่าย” ท็อปบอกกวนๆ

“อะไรของพี่ท็อปเนี่ย มาขอไปด้วยแล้วยังให้แบงค์จ่าย ไม่ต้องเลย เราอยู่กันคนละกระเป๋าสตางค์” แบงค์บอก

“อ้าว นึกว่าแต่งเข้าบ้านพี่ซะแล้ว” ท็อปพูด พร้อมกับเสียงเพื่อนๆในรถร้องแซวกันเป็นเสียงเดียวกัน

“โหยยยยยยยย.....หนูชักจะอิจฉาอีแบงค์นี่ทุกวันๆแล้วนะคะ” เปิ้ลร้องบอก “หนูอุตส่าห์ชอบพี่มาตั้งนาน ไม่ลองมาคบกับหนูดูมั่งเหรอ?” เธอแซว

ท็อปได้แต่หัวเราะ แล้วลากตัวแบงค์เข้ามากอดคอ “เอ้า ว่าไง ยอมให้พี่ไปคบกับเค้ารึเปล่า”

“เชิญ เอาไปเลย เอาไปแล้วไม่ต้องเอากลับมานะ ให้แล้วให้เลย” แบงค์บอก ตีหน้าบึ้งใส่

“อ้าว” ท็อปหน้าเหวอเมื่อได้ยินคำตอบของแบงค์

เปิ้ลกับเกดหัวเราะชอบใจ เกมส์จึงเปิดเพลงในรถให้ดังขึ้นเพื่อสร้างบรรยากาศสนุกๆ ให้กับเพื่อนๆ เนื่องจากสวนสยามนั้นอยู่ในเขตทางไปมีนบุรี ซึ่งใช้เวลาไม่นานนักเมื่อเริ่มจากบริเวณบ้านของแบงค์ เกมส์ขับไปราวๆเกือบชั่วโมงก็มาถึงที่หมาย เพราะรถไม่ได้ติดมากมาย แต่บริเวณที่จอดรถยังแน่น เพราะคนเริ่มทยอยกันมาแต่เช้าเพื่อที่จะเข้ามาเล่นในสวนน้ำแห่งนี้

“อยากเล่นน้ำจัง” เกมส์บ่น “เราไม่ได้มาเล่นตั้งนานแล้ว พวกสไลด์เดอร์ยาวๆแบบนี้”

“ไม่เอาอะ เราไม่อยากเล่นน้ำ เดี๋ยวแกก็มาคอยส่องดูหุ่นชั้นอีก” เปิ้ลบอก

“โอ๊ย ใครจะไปอยากดูฟระ หุ่นดีตายเลย” เกมส์แซวกลับ

“กัดกันอีกละอีสองตัวนี้” เกดบ่น “เดี๋ยวเราต้องไปซื้อตั๋วกันก่อน มันมีบัตรสองราคาอะแก จะเอาแบบไหน 900 หรือ 500 ดี”

“คือไหนๆก็มาแล้ว ซื้อ 900 ไปเลยจะเล่นอะไรก็เล่นได้ ไม่ต้องมานั่งดูโซน” พี่ท็อปบอก “พวกเราก็เล่นดะกันไปเลยตั้งแต่เช้ายันเย็น”

“โหย พี่ท็อป แบบนั้นก็เหนื่อยตายเลยดิ ทุกคนว่าไง” เกดถามความเห็น แล้วบทสรุปก็คือซื้อบัตรชนิดเล่นได้ทุกโซนไม่จำกัดรอบไปโดยปริยาย

ทุกคนเดินผ่านซุ้มทางเข้าที่ทำเป็นปราสาทขนาดใหญ่สวยงามเหมือนในการ์ตูนวอลส์ดิสนีย์เข้าไปยังบริเวณเครื่องเล่นด้านใน ตอนนี้ตัวสวนสนุกเพิ่งเปิดให้เข้าเล่นได้ไม่นานนัก คนจึงดูไม่หนาตามาก เมื่อเข้าไปด้านในก็เจอม้าหมุนขนาดใหญ่ที่เป็นจุดแรกไว้ดึงดูดเด็กๆเมื่อเข้ามาที่สวนสยาม

“แกๆ มาถ่ายรูปกัน” เปิ้ลร้องทักแล้วลากทุกคนไป ที่หน้าม้าหมุน

“พี่ขอไม่ถ่ายรูปด้วยนะ” พี่ท็อปรีบออกตัว กลัวว่าตัวเองจะติดอยู่ในรูปเข้า เพราะรุ่นน้องคงจะอัพรูปพวกนี้ลงเฟซบุคแล้วก็คงเห็นกันไปทั่วแน่นอน

“อุตส่าห์มาด้วยกันทั้งทีนะคะพี่ มาถ่ายรูปด้วยกันเหอะ” เกดบอก

เกมส์สะกิดเพื่อน แล้วกระซิบเบาๆว่า “ไม่ต้องไปชวนพี่เขา เขาหนีเพื่อนมาหาไอ้แบงค์ พวกแกยังเดาไม่ออกเหรอ เห็นหน้าแบงค์มันไหม หน้ามุ่ยเป็นตูดเลย”

“อ๋อ...เข้าใจละ”

เมื่อถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันเสร็จ พวกเขาจึงเดินไปในโซนที่มีเครื่องเล่นรถไฟเหาะกันก่อน เพราะเป็นสิ่งแรกที่พวกรุ่นน้องอยากไปปลดปล่อยเสียงกรี๊ดกันหลังจากที่สอบกันมาอย่างหนักหน่วง

“เห็นคนมุงดูอะไรกันแถวทางจะไปฝั่งสวนน้ำ” เกมส์สังเกต คนที่วิ่งตามๆกันไป บ้างก็ถือกล้องถ่ายรูป ส่งเสียงกรี๊ดๆเป็นระยะๆ

“ดาราหรือเปล่า ที่นี่ก็มักมีคนมาถ่ายแบบโฆษณาเป็นระยะๆนะ” แบงค์บอก ชะเง้อมองไปด้วย

“ขอโทษนะครับ ขอทางหน่อยครับ” เสียงเด็กหนุ่มผมดำ วัยไล่เลี่ยกันกับพวกเขาพูดเพื่อแหวกทางไปตามฝูงชนข้างหน้า

“เดี๋ยว” ท็อปเรียก จนเด็กคนนั้นหันหน้ามา “คนเขาวิ่งไปมุงดูอะไรกันน่ะครับ?”

“อ๋อ คงไปตามดู นีน่า ละมั้งครับ ไม่แน่ใจว่ารู้จักกันหรือเปล่า ที่เป็นเน็ทไอดอลดังๆ เล่นโฆษณาหลายๆตัวอะครับ” เขาบอก

“อ๋อ นีน่าที่โฆษณานมกล่องไงพี่ท็อป จำได้ไหม?” แบงค์บอกอย่างตื่นเต้น “เค้าสวยมากเลยนะพี่”

“เออ พี่นึกออกแล้ว ที่หน้าอกโตๆใช่ไหม พี่เคยกดไลค์หน้าเพจเขา เห็นอัพเดทหน้าอกทุกวันเลย” พี่ท็อปพูด สีหน้าหื่นกระหายขึ้นมาทันที

“โห....ทีพูดเรื่องหน้าอกนี่ หน้าตาเปลี่ยนเลยนะพี่ท็อป” แบงค์แหวใส่

“อ้าว แล้วจะให้พี่ดูอะไรล่ะ ก็เขาโชว์มานี่ ก็ดูไปตามระเบียบ” พี่ท็อปพูดขำๆ

“ถ้าจะขอลายเซ็นก็ตามผมมาก็ได้นะครับ เดี๋ยวอีกสักพักจะเริ่มถ่ายแบบกันแล้ว แถวนั้นจะปิดไม่ให้คนเข้าชั่วคราวครับ” เด็กหนุ่มบอก

“ไม่เป็นไรครับ” เกมส์รีบบอกปัด เด็กหนุ่มคนนั้นจึงเดินจากไป

“แจ็คพ็อตเลย มานี่ได้เจอดาราแถมได้เที่ยวเล่นสบายใจอีก คุ้มนะเนี่ย” เปิ้ลบอก ยังคงชะเง้อตามกลุ่มแฟนคลับไป

“ช่างเขาเหอะ ไปเล่นรถไฟเหาะดีกว่า” เกมส์ออกความคิด แล้วทุกคนก็รีบเดินตามเพื่อนไป

ทันทีที่ขึ้นไปจนถึงสถานีของรถไฟเหาะ ทุกคนต่างดูตื่นเต้นเว้นแต่พี่ท็อปที่แสดงออกมาอย่างเห็นได้ชัดว่ากำลังหวั่นๆกับเครื่องเล่นตรงหน้า พี่ท็อปคว้ามือของแบงค์เอาไว้ ทั้งเหงื่อและมือที่เย็นเฉียบของพี่ท็อปทำเอาแบงค์ตกใจ

“พี่ท็อปอย่าบอกนะว่ากลัวรถไฟเหาะอะ” แบงค์ทักเมื่อรู้สึกผิดปกติ

“เปล่านะ พี่แค่ไม่ชอบที่สูงๆเฉยๆ” พี่ท็อปบอก บีบมือแบงค์แน่น

“นั่นแน่ ... พี่ท็อปกลัวรถไฟเหาะใช่ม้า” เกมส์แซวหันหน้ามามองพี่ท็อปที่ยืนหน้าตื่นๆอยู่ เกดกับเปิ้ลก็หันมาหัวเราะ

“เปล่านะ พี่ไม่ได้กลัว แค่นี้เอง” พี่ท็อปรีบตีหน้าแข็งขัน เพื่อข่มความรู้สึกของตัวเอง แบงค์หัวเราะออกมาเบาๆเมื่อดูพฤติกรรมของพี่ท็อป เขาไม่เคยเห็นพี่ท็อปจะกลัวอะไรเท่าไรนัก รายนี้มีแต่พุ่งชนทุกอย่างพอมาเจอแบบนี้ก็น่าขำไม่น้อย

เมื่อรถไฟมาจอดเทียบสถานี เกมส์พุ่งไปนั่งหน้าขบวน ตามด้วยเกดและเปิ้ลในที่นั่งถัดมา แบงค์กับพี่ท็อปก็นั่งเป็นคู่กัน พี่ท็อปยังคงบีบมือแบงค์เอาไว้แน่นแม้ว่าจะถูกล็อกเอาไว้กับที่นั่งแล้วก็ตาม

“อย่าปล่อยมือพี่นะแบงค์” พี่ท็อปพูด เหงื่อกาฬผุดออกมาให้เห็นเป็นเม็ดๆ

“ไม่ต้องกลัวนะพี่ท็อป” แบงค์ปลอบ “เดี๋ยวมันก็ผ่านไปแล้ว” แบงค์ระเบิดหัวเราะออกมาเมื่อเห็นหน้าซีดของพี่ท็อป

เมื่อรถไฟเหาะเคลื่อนออกจากสถานีและเริ่มเร่งความเร็ว พี่ท็อป ได้แต่ร้องออกมาเสียงดังลั่น ก้มหน้างุดๆ ไม่ยอมมองไปที่ข้างหน้า แบงค์ก็หัวเราะไปด้วยร้องออกมาด้วยความตื่นเต้นไปด้วย ช่างเป็นช่วงเวลาที่สนุกและเฮฮาจริงๆ พี่ท็อปหลับตาปี๋ แต่มือขวาของพี่ท็อปยังคงกำมือซ้ายของแบงค์ไว้แน่นจนแบงค์รู้สึกเหงื่อชุ่มมือ

เมื่อรถไฟเคลื่อนกลับมาที่สถานี ทุกคนต่างลุกออกจากเครื่องเล่นด้วยความตื่นเต้นไม่หาย มีแต่พี่ท็อปที่เดินขาสั่นออกมาจากที่นั่ง มือยังคงกำแบงค์จนปวด แบงค์ก็ยังคงขำพี่ท็อปไม่หาย

“ขำพี่ท็อปอะ...ไม่คิดว่าพี่ท็อปจะกลัวรถไฟเหาะขนาดนี้” แบงค์พูดขึ้นและหัวเราะไปด้วย

“ตลกตรงไหนล่ะ” พี่ท็อป “พี่ก็บอกอยู่ว่าไม่ได้กลัวสักหน่อย แค่ไม่ชอบเฉยๆ” พี่ท็อปรีบแก้ตัวเพราะเสียฟอร์ม

แบงค์หัวเราะออกมาเบา ๆ แต่ก็รู้สึกปวดหัวแปล๊บขึ้นมาเหมือนหน้ามืดไปแว่บหนึ่ง เขาเซเล็กน้อยอาจจะเป็นเพราะเจอแดดแล้วก็แรงเหวี่ยงจากรถไฟ

“เฮ้ย แบงค์เลือดกำเดาไหล” ท็อปร้องลั่นออกมา แล้วรีบดึงผ้าเช้ดหน้าของตัวเองออกมาจากกระเป๋าเสื้อมาซับให้ แบงค์รีบเบือนหน้าหนีทันทีที่รู้

“ไม่เป็นไรพี่ท้อป แบงค์เอากระดาษทิชชูมาเดี๋ยวผ้าเช็ดหน้าพี่จะเลอะเอา” แบงค์บอกแล้วรีบเงยหน้าพลางเอามือควานหากระดาษทิชชูที่พกไว้ในกระเป๋ากางเกงออกมาซับ

“แบงค์เป็นอะไรน่ะ” เพื่อนอีกสามคนที่เดินนำไปก่อน เห็นว่าแบงค์กับท็อปหยุดยืนกันอยู่ จึงเดินย้อนกลับมา

“ทำไมแบงค์ยังไม่หายอีกเหรอ?” พี่ท็อปถาม “ตั้งแต่ตอนนั้นจนตอนนี้มันก็เป็นเดือนแล้วนะ”

“มันไม่เกี่ยวกันหรอกพี่ท็อป” แบงค์บอก “อากาศคงร้อน เลือดกำเดาก็เลยไหล”

“งั้นไม่เอาแล้ว พี่ไม่ยอมให้แบงค์เล่นกลางแดดแล้วแบบนี้” พี่ท็อปดุ “ทำพี่ใจเสียหมดเลย เห็นเลือดเราออกมาแบบนี้ นึกถึงวันนั้นไม่มีผิด”

นี่คือสิ่งที่แบงค์คิดไว้ตลอด พี่ท็อปจะต้องหาเรื่องห้ามเขาไม่ให้ทำนั่นนี่เหมือนอย่างปกติและจะกังวลเรื่องเขามากแน่นอน ถ้าเขารู้ว่าแบงค์มีอาการเลือดไหลหยุดยากแบบนี้

“พี่ท็อปอย่าคิดมาก แบงค์ก็เป็นแบบนี้เรื่อยแหละตั้งแต่เด็กแล้ว เดี๋ยวจะพาลพาพวกเพื่อนๆหมดสนุกกัน” แบงค์บอก รีบเช็ดเลือดแล้วเอากระดาษทิชชูยัดจมูกเอาไว้ “เห็นไหม หายแล้ว”

“อย่าทำพี่เป็นห่วงดิ ไอ้หมาน้อย” ท็อปพูด ส่งสายตากังวลมา

แบงค์ได้แต่ยิ้มตอบกลับไป “ไม่ต้องเป็นห่วงแล้วพี่ท็อป ไม่เป็นไรแล้ว ไปเล่นอย่างอื่นกันเหอะ จะได้ไม่เสียเวลา”

ท็อปยังคงไม่ละสายตาไปจากแบงค์ ในใจคิดสงสัยว่าแบงค์ปิดบังอะไรเขาอยู่ไหมหนอ ตั้งแต่ตอนเช้าที่แบงค์พูดแทรกแม่ของเขา ไหนจะอาการเลือดกำเดาไหลอีกทั้งๆที่มันน่าจะหายไปแล้ว แต่ถึงอย่างไร ดูแบงค์ก็ยังแข็งแรงปกติดี ทั้งวิ่ง ทั้งหัวเราะอย่างร่าเริง แต่สุดท้ายเขาก็เลิกคิดมากเรื่องแบงค์เมื่อเจ้าตัวชี้ไปที่เรือไวกิ้งขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า แบงค์แยกเขี้ยวยิ้มอย่างสะใจเมื่อกำลังจะบอกพี่ท็อปว่า

“เราไปเล่นไอ้นี่กันเหอะพี่ แบงค์ชอบ มันสูงดี”

ท็อปกลืนน้ำลาย กระพริบตาปริบๆ ยอมรับชะตากรรมที่จะเกิดขึ้นต่อไปอย่างไม่เต็มใจเท่าไร

จบบทที่ 28 - 29 ครับ
ตอนที่ 30 จะมาพบกันวันศุกร์เหมือนเดิมครับ

**ประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะจบภายใน 34 ตอน ไม่นับบทส่งท้ายและภาคผนวกครับ**
**ใครอยากรู้นีน่าเป็นใคร ลองไปอ่านนิยายอีกเรื่องของผมนะครับ เพื่อนผมเป็นผู้วิเศษ เพราะนิยายที่ผมเขียนทุกเรื่องมันจะเป็นจักรวาลเดียวกัน เป็น Parallel World กันครับ มีโอกาสที่ตัวละครในเรื่องนี้จะไปโผล่ในเรื่องอื่นได้เหมือนกัน รักกันก็ติดตามกันต่อไปนะครับ**

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ akiraakka

  • Deus Deorum (God of Gods)
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
    • เพื่อน(?)ผมเป็นผู้วิเศษ ภาคแรก
อัพละนะครับ ^^ มาตามอ่านกันได้เช่นเคยครับ

ออฟไลน์ brookzaa

  • Chill out
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-6
ช่วงนี้ยังไม่ได้ตามอ่านเบยขอเล่นน้ำสงกรานต์แป๊ปแล้วจะกลับมา  :hao6: :hao6:

ออฟไลน์ naoai

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-5
ถ้าท็อปรู้ที่หลังจะโกรธมากไหมนะ แบงก์น่าจะบอกไป จะได้ช่วยกันดูแล

ออฟไลน์ sang som

  • เจ็บจิต!!
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-6
บอกๆท็อปไปเถอะแบงค์จะได้สบายใจแถมท็อปจะได้คอยระวังด้วย

ออฟไลน์ ขนมถ้วยฟู

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
สัมผัสได้ถึงดราม่าที่กำลังจะมาคุอยู่ในตอนที่เหลือต่อจากนี้ !!
ไม่อยากให้จบเศร้าเลยอะค่ะ ..... สงสาร  :ling1:  :ling1:  :ling3:

ออฟไลน์ akiraakka

  • Deus Deorum (God of Gods)
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
    • เพื่อน(?)ผมเป็นผู้วิเศษ ภาคแรก
บทที่ 30
จุดตัดของโชคชะตา


ปลาคาร์พโทรศัพท์ไปหาอาจารย์สายัณห์ทันทีที่ท็อปบอกว่าท้องเสีย เขาต้องการเช็คให้แน่ใจว่าสิ่งที่เพื่อนบอกนั้นเป็นความจริงหรือไม่ เพราะถ้าท็อปโกหกนั่นหมายความว่า ท็อปไม่อยากมากับเขาและอาจจะไปกับแบงค์ก็เป็นได้ตามที่เขาสงสัยเอาไว้

“อาจารย์สายัณห์ครับ ? ท็อปอยู่บ้านไหม?” เขาถามเกริ่นเมื่อปลายสายรับ

ท็อปขับมอเตอร์ไซค์ออกไปแต่เช้าแล้วนี่ เห็นว่าจะไปเที่ยวกาญจน์กับที่ห้องไม่ใช่เหรอ?” อาจารย์สายัณห์ตอบ

“อ๋อ....มันออกมาแล้วใช่ไหมครับ งั้นก็เดี๋ยวก็คงมาถึง” ปลาคาร์พรีบตัดบท เพราะไม่อยากให้พ่อของเพื่อนรับรู้ว่าตอนนี้ท็อปได้เปลี่ยนเป้าหมายการเดินทางไปเรียบร้อยแล้ว

“ฝากดูแลมันด้วยนะ ถ้าถึงแล้วก็ให้มันโทรหาครูด้วย” อาจารย์กำชับ ปลาคาร์พจึงรับปากแล้วรีบตัดสายไป

เขามองออกไปนอกหน้าต่างพยายามสะกดกลั้นความรู้สึกเสียใจเอาไว้ข้างใน สักพักหวานเดินเข้ามาขอนั่งที่ว่างข้างๆเขา เธอจ้องมองดูหน้าของคาร์พพลางถอนหายใจ

“ท็อปไม่มาเหรอ” หวานถามสั้นๆ

ปลาคาร์พพยักหน้า ไม่ตอบอะไรเพิ่มเติม

“สรุปแล้ว ก็กลายเป็นว่าท็อปเหมือนจะโกรธเราไปเลย แย่เลย” หวานบอก “ตอนนี้แค่เห็นเราอยู่ในรัศมีสายตา ท็อปก็เดินหนีเราไปเลย แถมยังหลบหน้าอีก รู้สึกแย่กว่าตอนที่เขาปฏิเสธเราอีก”

“ขอโทษนะหวานที่ดึงเธอมาเอี่ยวกับเรื่องพวกนี้ด้วย” ปลาคาร์พบอก “เราไม่ดีเองแหละ กลายเป็นเรื่องเสียไปหมด”

“ไม่หรอก เราก็ผิดเองด้วย ตอนนี้พี่กายไม่ยอมคุยกับเรา เหมือนยังโกรธที่พวกเราไปแกล้งสองคนนั้นแบบนั้นจนเป็นเรื่องใหญ่โต” หวานบอก “ถึงยังไงก็เหอะ เราปลงแล้วล่ะ ท็อปคงไม่อยากมาคบเราหรอก ปล่อยให้ทั้งสองคนเขาอยู่กันตามลำพังนั่นแหละดีแล้ว เราก็ขอแอบรักอยู่แบบนี้ก็แล้วกัน”

ปลาคาร์พหันหน้ามามอง “คิดจะยอมแพ้แล้วเหรอ?”

“ไม่ถึงกับยอมแพ้หรอก คาร์พ เราแค่ดูความน่าจะเป็น ถ้าขืนฝืนไปมากกว่านี้ เราว่าเราเองก็จะเจ็บ ท็อปก็เจ็บ เด็กคนนั้นก็เจ็บ เราไม่อยากให้มันเสียหายไปมากกว่านี้แล้ว” หวานบอกเสียงเศร้าๆ

“มันหนีไปเที่ยวกับเด็กนั่นแล้วล่ะวันนี้ อุตส่าห์ตกลงกันซะดิบดีว่าจะมาเที่ยวกับพวกเราแท้ๆเลย” คาร์พบ่น

“เราเข้าใจท็อปนะตอนนี้ ถึงมันจะเข้าใจยาก แต่เขาคงรักแบงค์จริงๆนั่นแหละ ไม่งั้นคงไม่ทำถึงขนาดนี้ เราก็รอวันเขาเลิกรักกัน ถ้ายังมีโอกาสเราคงจะขอคบกับท็อปอีก” หวานบอก

ปลาคาร์พได้แต่เก็บความอัดอั้นใจนี้ไว้ ไม่พูดอะไรออกมาอีก

===================================================

เมื่อปิดเทอมได้สิ้นสุดลงก็ถึงเวลาที่เทอมใหม่ได้เริ่มต้นอีกครั้ง ปิดเทอมระยะสั้นๆนี้ ท็อปไปมาหาสู่ที่บ้านแบงค์ตลอดเพื่อมาใช้เวลาอยู่ด้วยกัน ส่วนแบงค์ก็เริ่มสังเกตเห็นอาการฮีโมฟีเลียของตนเองที่มีรอยช้ำหลายจุดมากขึ้น และทุกวันอาทิตย์เขากับแม่ต้องแอบพี่ท็อปไปหาหมอเพื่อตรวจดูอาการและความคืบหน้าว่าอาการของแบงค์จะรุนแรงได้มากกว่านี้อีกไหมแต่เมื่อหมอตรวจ ก็เห็นแนวโน้มที่อาการของแบงค์จะแย่ลงเรื่อยๆ นับว่าเป็นปิดเทอมที่จะสุขก็ไม่สุข จะทุกข์ก็ไม่เชิงของแบงค์ และเขายังคงคิดไม่ตกกับอาการที่หนักลงของตนเองทุกวัน

แต่ที่แน่ๆท็อปยังคงไม่รู้อาการของแบงค์เหมือนเดิมแม้จะสงสัยกับรอยจ้ำที่เห็นบริเวณแขนและขาของแบงค์มากขึ้น ไหนจะอาการเลือดกำเดาไหลออกมาเป็นระยะๆ แต่แบงค์ยังคงแสดงสีหน้าปกติและคอยบอกเขาเสมอๆว่าทุกอย่างเป็นเพราะอากาศที่เปลี่ยนไปเท่านั้น

อากาศหนาวและบรรยากาศของปีใหม่เริ่มอวลเข้ามา ในช่วงต้นเดือนธันวาคมปีนี้อากาศแห้งมาไวและนักเรียนทุกคนเริ่มหยิบเสื้อกันหนาวออกมาสวม ทำให้โรงเรียนเต็มไปด้วยสีสันต่าง ๆ ปีนี้ตามพยากรณ์อากาศระบุว่า อากาศจะเย็นลงเรื่อย ๆ อย่างต่อเนื่อง เหล่านักเรียนต่างตื่นเต้นและครึกครื้น เนื่องจากบรรยากาศปีใหม่กำลังจะเข้ามาใกล้และเทศกาลของขวัญก็กำลังจะมาถึง

วันนี้เป็นวันเสาร์ ท็อปกับแบงค์และเพื่อนๆ ต่างก็นัดกันไปเดินเที่ยวหาของขวัญปีใหม่ที่พวกเขาต้องนำมาจับสลากในกิจกรรมปีใหม่ที่จัดกันที่โรงเรียน บรรยากาศางร้านต่างประดับประดาด้วยซุ้มต้นคริสต์มาสและเสียงเพลงคริสต์มาสสลับกับปีใหม่ ปลาคาร์พก็ติดสอยห้อยตามท็อปมาด้วย เพราะว่าเมื่อวานหลังเลิกเรียนท็อปบอกว่าถ้าเดินซื้อของเสร็จเร็วจะชวนปลาคาร์พไปตีแบดเล่นด้วยกัน เขาจึงพกไม้แบดติดตัวมาด้วยพร้อมกับมาเดินหาซื้อของด้วยกัน

“วันนี้ตั้งใจจะซื้ออะไรกัน?” เกมส์ถาม “เขาตั้งงบให้เราหาของมาจับเท่าไรนะ?”

“ 300 บาท ไง แก ทำเป็นลืม” เกดพูด วันนี้เธอปล่อยผมยาวที่มัดไว้ตลอดให้เห็นผมสีดำเงาสลวยติดโบว์สีฟ้าที่ปลายผมทั้งสองข้าง “อย่าบอกนะว่าเอาเงินมาไม่พอ”

“โห่ ระดับเสี่ยเกมส์ แค่ 300 มันน้อยไปว่ะ พวก” เกมส์โอ่ เพื่อนๆต่างก็พากันหัวเราะ

“พี่ท็อปกับพี่คาร์พจะซื้ออะไรกันเหรอคะ?” เปิ้ลถาม หันไปมองทั้งท็อปและคาร์พที่เดินอยู่ข้าง ๆ ด้วย

“อ่า...ไม่รู้เหมือนกัน ต้องลองไปดูพวกโซนของขวัญ เผื่อจะได้ไอเดีย จะได้เห็นราคาด้วย” ปลาคาร์พบอก

“โซนของขวัญอยู่ที่ชั้น 5 เดี๋ยวขึ้นลิฟท์ตรงใกล้ๆนี้ไปดีกว่า” ท็อปพูดเสนอความคิด ก่อนที่จะดึงตัวแบงค์เดินตามไปด้วย

“แหม...คู่นี้ เห็นแล้วหมั่นไส้ชะมัดเลย” เปิ้ลพึมพำ

“แน่ะ อย่ามาอิจฉาเค้าดิ” เกมส์ แซว “ถ้าไม่รังเกียจให้ยืมควงวันนึง” เกมส์พูด ก่อนจะยื่นแขนไปให้

“ยี้” เปิ้ลเบ้หน้าใส่แบบขยะแขยง ก่อนจะวิ่งไปเกาะแขนเกดที่เดินตามแบงค์ไป

เมื่อไปถึงบริเวณโซนชั้น 5 ซึ่งป็นชั้นที่มีทั้งตุ๊กตา ของขวัญ ของชำร่วย ต่างๆวางเรียงรายอยู่เต็มไปหมด ทุกคนต่างแยกย้ายดูของที่ตัวเองคิดว่าสนใจ พร้อมกับดูราคาของสินค้าให้พอดีกับงบประมาณที่ตั้งไว้

“ดูซิ ตุ๊กตาหมีตัวนี้ ฉันอยากได้อะ” เปิ้ลพูด อุ้มตุ๊กตาหมีสีขาวขนาดเท่าเอวขึ้นมา

“อิเปิ้ล เขาให้มาหาของซื้อไปจับฉลากไม่ได้มาซื้อให้ตัวเอง เข้าใจอะไรผิดปะเนี่ย” เกดว่า ก่อนจะหยิบหมีออกจากอกเพื่อนไปวางไว้ที่เดิม

“โห่ แก... เผื่อว่า ถ้ามีคนเอาของพวกนี้มาจับแล้วชั้นได้มาก็คงดีอะ” เปิ้ลพูด

“แหม...งบแค่ 300 ดูราคาไอ้หมีตัวนี้ดิ 999 บาท คงมีคนใจป้ำซื้อไปจับหรอกน่า” เกมส์เสริม

“ใครจะไปรู้ อาจจะมีคนใจป้ำก็ได้เหอะ” เปิ้ลพูด

แบงค์เองก็กำลังเดินๆ เลือกดูของ อยู่กับเพื่อน ๆส่วนพี่ท็อป กับพี่คาร์พก็เดินไปอีกโซนที่เป็นของขวัญที่ดูผู้ใหญ่ๆหน่อย อย่างปากกาหมึกซึมอย่างดี หรืออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับเครื่องเขียนราคาสูง

“แบงค์ แกจะเอาอะไร?” เกดถาม เมื่อเห็นแบงค์จดๆจ้องๆที่กล่องดนตรี

“อืม....เราว่าเราอยากได้กล่องดนตรีนี้แหละ ราคา 250 บาทด้วยอะ ไม่แพง” แบงค์หยิบขึ้นมาดู เป็นกล่องดนตรีรูปเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงจับมือกัน ยืนอยู่หน้าสวนดอกไม้ เขาบิดเป็นวงกลมเบาๆ จนมีเสียงดนตรีดังออกมา

“เพลงอะไรอะ?” เกมส์ถาม เมื่อเดินเข้ามาฟัง

“คงเป็นเพลงคลาสสิคมั้ง” แบงค์บอก “เราเลือกละ เอาอันนี้แหละง่ายดี”

เมื่อทุกคนเห็นแบงค์เลือกของที่อยากได้แล้ว ต่างก็รีบหาของๆตัวเองกันอย่างชุลมุน แบงค์จึงค่อยๆ เดินไปที่มุมชำระสินค้าและบอกพนักงานให้ห่อเป็นกล่องของขวัญเลย

พี่ท็อปกับพี่คาร์พก็พอดี เดินเข้ามาจ่ายเงินเหมือนกัน พี่ท็อปเลือกปากกาคอแร้งยี่ห้อดี แต่ราคาไม่แพงมากใส่กล่องสวยๆ ส่วนพี่คาร์พเลือกเป็น สมุดโน้ตบุหนังเล่มใหญ่ ที่ดูราคาแพงมาด้วย

“โห พี่ๆ เอาแต่ของแพงๆมาจับกันทั้งนั้นเลยอะ” แบงค์อุทาน เมื่อเห็นของที่รุ่นพี่ถือมา

“ห้องพี่เขาตกลงกันว่า ทุกคนต้องเอาของที่ดีที่สุด ราคาไม่เกินพันอะดิ” ท็อปบอก “ดูกระเป๋าตังพี่ดิ แฟ่บเลย เดี๋ยวแบงค์ต้องเลี้ยงข้าวพี่กับพี่คาร์พแล้วแหละ”

“อ้าว...น้องเกี่ยวอะไรด้วยล่ะ พี่ท็อปไม่ต้องมาหาเรื่องเลย นี่ก็หมดตังแล้ว” แบงค์บอก เมื่อของทั้งสามคนถูกห่อเรียบร้อยแล้ว เพื่อนที่เหลือจึงทยอยกันมาชำระเงินหลังจากที่ทั้งสามเสร็จเรียบร้อย

“เฮ้ย พวกแกจะกินข้าวกันปะ นี่ก็ บ่าย 3 แล้ว หรือจะแยกย้ายกันกลับเลย” เกดถามขึ้นเมื่อทุกอย่างเรียบร้อย

“เออ เราว่าเราจะกลับเลย แม่นัดกินข้าวไว้อะ” เปิ้ลบอก

“งั้นถ้าไม่อยู่กันหมดก็กลับดีกว่า” แบงค์บอก หันหน้าไปมองทุกคนเพื่อขอความเห็น “พี่คาร์พว่าไงครับ?”

“อืม เมื่อวานพี่คุยกับไอ้ท็อปไว้” คาร์พหันหน้าไปถามท็อป “มึงสัญญากับกูว่าจะไปเล่นด้วยกันอยู่ ออกกำลังกายซะบ้าง เส้นยึดหมดแล้ว” พี่คาร์พหันไปหาพี่ท็อป

พี่ท็อปมองหน้าแบงค์แว่บหนึ่ง ก่อนที่จะหันหน้าไปบอกคำตอบ “วันนี้ว่าจะไม่เล่นว่ะ อากาศหนาว มึงชวนไอ้โจ้ไปก็ได้ บ้านมันอยู่อยู่ใกล้ๆคอร์ดแบทตรงสนามกีฬานี่”

พี่คาร์พมองหน้าพี่ท็อปนิ่งๆเหมือนครุ่นคิดอะไรอยู่ก่อนที่จะพยักหน้า “อืมๆ งั้นเดี๋ยวกูแยกกลับตรงนี้ก็ได้ถ้ามึงไม่อยากไป”

“ไม่ได้ไม่อยากไปนะ แต่ว่ามันไม่มีอารมณ์เล่นอะดิ” ท็อปตอบ “งั้นแยกกันตรงนี้เลยก็ได้ มึงจะได้รีบไปดูสนาม” เขาโบกมือให้ จากนั้นพี่คาร์พเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา จากนั้นจึงได้แยกตัวไป พร้อมกับเพื่อนคนอื่นๆ เหลือแค่เพียง ท็อปกับแบงค์สองคน

“เอ้า เอาไงล่ะทีนี้ เหลือเราสองคน” ท็อปถาม ก่อนจะจับมือแบงค์

“หิวไหมล่ะพี่? จะไปกินอะไรไหม หรือว่าเราจะตรงกลับบ้านกันเลยดี” แบงค์เสนอความคิด

“ยังไงๆ วันนี้ก็ว่างกันอยู่แล้ว เราไปนั่งเรือเล่นเลียบแม่น้ำเจ้าพระยาแล้วหาอะไรเที่ยวดูไปเรื่อยๆดีไหม?” ท็อปถาม

“บ่าย 3 แล้วนะ ถ้าไปกว่าจะกลับก็คงเย็นมากอะ” แบงค์บอก เขาเองก็ไม่อยากจะกลับเย็นมากนัก

“น่า...ไปด้วยกัน นานๆทีเราจะได้ไปเที่ยวกันสองคน” ท็อปบอก

แบงค์ก็พยักหน้าแบบเสียไม่ได้ ใจนึงก็อยากอยู่ด้วยกันนานๆ แต่อีกใจหนึ่งก็ไม่อยากจะกลับบ้านเย็นนัก ยิ่งอากาศในหน้าหนาวนี้ ทำให้ท้องฟ้ามืดเร็วกว่าปกติ

ท็อปพาแบงค์นั่งรถไฟฟ้าไปลงที่สถานีสะพานตากสินก่อนที่จะนั่งเรือด่วนเจ้าพระยาที่จอดรอผู้โดยสารอยู่พอดี

“แบงค์ไม่เคยได้นั่งเรือมาเที่ยวแถบนี้เลย พี่ท็อป เปิดหูเปิดตามากๆ” เขาพูด ที่นั่งบนเรือนั้นเต็มไปหมดแล้วเหลือเพียงที่ยืนที่พอให้ทั้งสองคนยืนประคองกันได้ ท็อปโอบน้องเอาไว้ เพื่อไม่ให้น้องตัวน้องโคลงเคลงไปกับแรงโยกของเรือ

“ก็บอกแล้ว ว่าจะพามาเที่ยว นานๆทีได้เที่ยวกันสองคน” ท็อปบอกเขินๆ

“แบงค์ว่าไปกันเยอะๆ มันก็สนุกดีนะ พี่ท็อป อยู่กันแค่สองคนเหงาออก” แบงค์พูด หันหน้ามามองรุ่นพี่ที่กำลังหายใจรดหัวของเขาอยู่

ท็อปเอามือขยี้หัวแบงค์ “อยู่กับพี่นี่ยังจะเหงาอีกเหรอ? เลิกเหงาได้แล้ว”

“มันไม่ได้เหงาแบบนั้น ก็อยู่กับพี่ท็อปมันคนละอารมณ์กัน” แบงค์รีบบอก

“แต่พี่ไม่เคยเหงาเลยนะ ดีใจเสียอีกที่ได้มาอยู่ด้วยกันอย่างนี้ ได้ไปไหนกันเองมั่ง มีความสุขออก” ท็อปตอบยิ้มๆ “ยืนดีๆนะ ระวังล้ม”

ทั้งสองคนแวะลงแถวท่าช้างซึ่งมีทั้งลานตลาดนัดที่จะแวะนั่งกินอะไรอร่อยๆ จากนั้นจึงนั่งเรือข้ามฟากมาฝั่งพรานนก มาเดินดูของทั่วไปแถววังหลัง ที่ยังพอมีให้เดินดูเล่นได้อย่างเพลิน ๆ แม้ว่าตอนบ่ายนี้จะไม่ค่อยมีอะไรให้ดูมากเท่าไรนัก เพราะตลาดเริ่มวายแล้ว แต่ผู้คนก็ยังเดินกันหนาตา

“พี่ท็อปกินไอติมกันไหม?” แบงค์ถามเมื่อไปถึงร้านสเวนเซนส์ที่ติดกับท่าเรือวังหลัง

“เอาดิ หมาน้อยอยากกินเดี่ยวลิงเลี้ยงให้เอง” ท็อปบอก

“จริงอะ?” แบงค์ย้อนถาม

ท็อปพยักหน้าแล้วคว้ามือแบงค์เดินจับมือกันเข้าไปสั่งไอศกรีมในร้านจากนั้นจึงไปนั่งรอ

“พี่ท็อป” แบงค์เรียก เมื่อเห็นพี่ท็อปพลิกเมนูไปมาแม้ว่าจะสั่งไอศกรีมไปเรียบร้อยแล้ว “สักวันนึงพี่ท็อปจะเลิกรักแบงค์ไหม?”

“ถามอะไรแบบนี้อีกละ หมู่นี้เป็นอะไรเนี่ย ถามบ่อยจังเลย ไม่เชื่อใจพี่เหรอ” ท็อปบอก ขมวดคิ้วอย่างสงสัยมาให้

“เปล่า ๆ” แบงค์รีบปฏิเสธ “ไม่รู้สิ แบงค์แค่คิดว่า สักวันเราสองคนก็จะต้องโตขึ้นจริงไหม? ป่านนั้น เราสองคนจะยังรักกันอยู่หรือเปล่าก็ไม่รู้ พี่ท็อปอาจจะต้องแต่งงาน มีครอบครัวที่แสนอบอุ่น มีลูก ถ้าทุกอย่างเป็นแบบนั้นได้ก็คงจะดีเนอะ”

“อย่าคิดไกลขนาดนั้น เพ้อเจ้อใหญ่แล้ว มาพูดเรื่องพี่ไปมีครอบครัว มีลูกเนี่ยนะ ตลกแล้ว พี่ก็บอกอยู่พี่จะมีแบงค์คนเดียว ถ้ามีลูกได้ ก็เดี๋ยวเราไปรับมาเลี้ยงก็ได้นี่ ถ้าแบงค์อยากมี” พี่ท็อปบอก

“เราสองคนยังเด็กเกินกว่าที่จะเข้าใจเรื่องพวกนี้จริงๆนั่นแหละ” แบงค์พึมพำเบาๆ “แบงค์รู้ว่ามันจะต้องเกิด แค่ช้าหรือเร็วก็เท่านั้นเอง” เขามองออกไปนอกหน้าต่างร้าน เอามือท้าวคางให้เห็นรอยจ้ำเขียวปื้นใหญ่ที่อยู่ขนแขน

“แบงค์ แขนเป็นอะไรอีกแล้วเนี่ย เขียวเลย นี่มันออกม่วงเข้มละนะ เป็นอะไรหรือเปล่าหลังๆมันเขียวบ่อยไปไหม?” ท็อปสังเกตจนต้องพูดออกมา

แบงค์รีบเอามือวางไว้ใต้โต๊ะ “อย่าไปสนใจเลยพี่ แบงค์เวลาเขียวแล้วจะหายช้าแบบนี้แหละ เป็นมานานแล้ว” เขาตอบตีสีหน้าเป็นปกติ “ถ้าวันนึงแบงค์ไม่อยู่หรือต้องห่างกับพี่ท็อปไป สัญญานะ ว่าจะไม่ลืมกัน”

“อะไรของแบงค์อีกเนี่ย คำก็บอกเดี๋ยวพี่จะแต่งงาน คำก็บอกเดี๋ยวจะไม่เจอกัน เป็นอะไรเนี่ย หมอดูเหรอไง สนใจแค่ปัจจุบันก็พอแล้วไอ้หมาน้อย อนาคตจะยังไงก็ช่าง วันนี้ ตอนนี้ พี่รักแบงค์ แล้วพรุ่งนี้พี่ก็จะรักแบงค์ โอเคไหม ? บรรยากาศดีๆจะเสียหมดนะแบงค์นะ” ท็อปบอกเสียงแข็ง

แบงค์หัวเราะออกมาเบาๆ “จำคำของพี่ให้ดีก็แล้วกัน พี่ท็อป...วันที่แบงค์ไม่อยู่แล้ว พี่จะได้รู้ว่าพี่จะลืมแบงค์ไหม”

“แค่ไม่เจอกันสองสามชั่วโมงพี่ก็แทบคลั่งแล้ว ถ้าต้องแยกจากกันจริงๆ พี่ขอเป็นคนจากไปเองดีกว่า” ท็อปบอก “เข็ดแล้วจากหนที่แล้ว อย่าให้เกิดอีกเลย”

“อ้าว แล้วแบงค์ล่ะ ถ้าพี่ท็อปทิ้งแบงค์แล้วแบงค์จะอยู่ยังไงล่ะ” แบงค์โวยวายขึ้นมาแทน

“น่ะ ทีนี้มาพูด เมื่อกี้ก็ถามอยู่ได้ พอพี่พูดมั่งก็มาโวยวายซะงั้น... เอ้า ไอติมมาแล้ว พอ พอ ไม่ต้องคิดมากแล้ว ได้เวลากิน ให้ป้อนไหม?” ท็อปบอก รีบตัดบทเมื่อเห็นไอศกรีมมาเสริ์ฟ

“ไม่เอา คนเยอะแยะ กินใครกินมันดีกว่า” แบงค์พูด แล้วเด็ดลูกเชอร์รี่เข้าปาก

อากาศค่อยๆเย็นลงเรื่อยๆเมื่อเวลาคล้อยมาร่วมหกโมงเย็น ทั้งสองคนนั่งเรือย้อนมาแถวสะพานพุทธ ยืนพิงรั้วริมแม่น้ำ พลางมองคนเดินสัญจรผ่านไปมา ทั้งเรือเอยและแสงไฟที่เริ่มเปิดให้เห็นเป็นแสงสีส้มชวนสบายตา อากาศเย็นๆแสงผากผ้าอ้อมบนขอบฟ้าทำให้ทุกอย่างดูผ่อนคลายและไม่รีบร้อน

“เราคบกันมาจะเกือบปีละเนอะ” แบงค์พูดขึ้น หันหน้าไปมองพี่ท็อป “เวลาผ่านไปไวชะมัดเลย” ทั้งสองคนกำลังยืนอ้อยอิ่งอยู่ที่ริมสะพาน

“อืม ช่าย ใกล้จะปีนึงแล้วจริงๆ ทุกๆอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนพี่แทบจะจำไม่หมดเลยล่ะ” พี่ท็อปตอบ

“ถ้าวันนั้น เราสองคนไม่ได้เริ่มตัดสินใจที่จะสานสัมพันธ์กัน ป่านนี้เราจะทำอะไรกันอยู่นะ?” แบงค์ถามขึ้นเล่น ๆ

“ก็...ไม่รู้สิ บางทีพี่ก็คงอาจจะเปลี่ยนแฟนไปเรื่อยๆเหมือนเดิม วันๆก็เอาแต่ทะเลาะกับพ่อ แล้วก็เล่นเกมส์ละมั้ง” ท็อปพูด หันหน้ามามองแบงค์

“แต่ถ้าถามแบงค์ล่ะก็ ... แบงค์ก็คงนึกไม่ออก เพราะตั้งแต่มีพี่ท็อปมาอยู่ข้าง ๆ แบงค์ก็คิดไม่ออกเลยว่า ถ้าไม่มีพี่ท็อป แบงค์จะเดินต่อไปข้างหน้าแบบไหน” แบงค์บอก เขินจนหน้าแดง

“แบงค์” ท็อปเรียก เขาเองก็รู้สึกอึ้งกับสิ่งการที่แบงค์บอกความรู้สึกนี้ออกมา “ถึงแบงค์จะบอกพี่ว่า วันนึงเราอาจจะต้องแยกจากกัน แต่พี่สัญญาว่า เราจะมีกันและกันตลอดไป ถึงแม้อนาคตมันคาดเดายาก พี่ขอสัญญาไว้ตรงนี้วันนี้ ว่าจะอยู่ข้างๆไม่ทิ้งไปไหนแล้ว”

“อืม” แบงค์ยิ้มพยักหน้าตอบ “การจากลาเป็นเรื่องปกติของโลกนะพี่ท็อป มีพบก็ต้องมีจาก มีรักก็ต้องมีเลิก ต่อให้เราสัญญาว่าจะรักกันตลอดไป สักวันไม่เราคนใดคนหนึ่งก็ต้องจากอีกคนหนึ่งไปก่อนอยู่ดี”

“พูดถึงเรื่องจบม.6 หรือเปล่าเนี่ย? จากๆลาๆ” ท็อปถามเริ่มหงุดหงิดที่แบงค์เอาแต่พูดให้เสียบรรรยากาศ

แบงค์แอบปาดน้ำตาออก เขารู้ตัวมาตลอดว่าการพูดถึงการจากลาของเขาหมายถึงอะไร เพียงแต่เขายังบอกพี่ท็อปไม่ได้เท่านั้น
“อือ ถ้าพี่ท็อปจบ ม.6 แล้ว แบงค์ก็อาจจะไม่ได้เจอพี่ท็อปอีกเหมือนเดิม พี่ก็คงยุ่งๆ

“คิดไกลอีกแล้ว ไอ้หมาน้อย” ท็อปบอกลูบหัวน้อง “เดี๋ยวเราค่อยคุยกันก็ได้ว่าจะเรียนม.ไหน พอพี่สอบเข้ามหาลัยได้แล้ว แบงค์ก็สอบตามพี่เข้าไปเรียนด้วยกันสิ ได้อยู่หอเดียวกันได้ด้วยน้า....โดนจัดทั้งวันทั้งคืนแน่ๆ”

แบงค์ได้แต่หัวเราะร่าไปกับรุ่นพี่ ไม่ได้ตอบอะไรสลักสำคัญนอกจากรอยยิ้มที่มีความสุขของเขาที่มอบให้กับท็อปเป็นคำตอบ

ท็อปล้วงมือลงในกระเป๋ากางเกงแล้วค่อยๆจับมือของแบงค์ขึ้นมา พร้อมกับเอากล่องเล็กๆวางใส่บนมือ
“ลองเปิดดูดิ” ท็อปบอก “มีอะไรจะให้”

แบงค์ค่อยๆแกะกล่องน้อยๆออกมาดู ข้างในเป็นจี้สีเงิน รูป แม่กุญแจและลูกกุญแจ โดยที่เป็นจี้แยกกันสองจี้ ส่วนที่เป็นแม่กุญแจเล็กๆนั้น สามารถเปิดออกดูข้างในได้ มีรูปแบงค์และท็อปอยู่กันคนละด้าน ส่วนจี้อีกอันเป็นรูปกุญแจด้านหน้าหลังเป็นรูปของท็อปและแบงคอยู่คนละด้านเช่นกัน

“โห พี่ท็อป สั่งทำเลยเหรอ?” แบงค์อุทานเมื่อเห็นของที่พี่ท็อปให้ “มันสวยมากเลย...แล้วก็ดูท่าจะแพงมากด้วย”

“เรื่องราคาพี่ไม่ยั่น พี่สนที่คุณค่าที่พี่ให้กับใคร...แบงค์เก็บจี้รูปแม่กุญแจไว้ ส่วนพี่จะเก็บรูปลูกกุญแจเอาไว้นะ” ท็อปบอก ค่อยๆ หยิบสร้อยของตนขึ้นมาใส่ให้รุ่นน้อง “เป็นของหมั้นล่วงหน้า

แบงค์รู้สึกหน้าแดงขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดจนท็อปหัวเราะออกมา “ไง ดีใจอะดิ.... พี่เป็นคนโรแมนติกไหม?” ท็อปถามขำๆ

“ก็ไม่นะ ก็ยังซาดิสม์เหมือนเดิม” แบงค์ตอบติดตลก

“ขอบคุณที่อยู่ข้างกันเสมอมานะ” พี่ท็อปบอกก่อนจะลากตัวแบงค์เข้าไปกอด

“อายเค้า พี่ท็อป คนเดินไปเดินมาเยอะนะ” แบงค์บอกเขิน ๆ

“หกโมงกว่าแล้ว มันมืดอยู่ อีกอย่างไม่มีใครสนใจหรอกน่า ขอพี่กอดแบงค์นานๆสักพักนึงนะ ยิ่งอากาศเย็น การได้กอดแบงค์มันทำให้พี่อุ่นไปถึงหัวใจเลย” ท็อปพูด

แบงค์จึงไม่ขัดขืน กอดตอบรุ่นพี่ เขาเองอยากให้ช่วงเวลานี้หยุดไปนานๆแสนนาน

“พี่ท็อป....ต่อไปนี้ ถ้าต้องอยู่คนเดียวบ้างก็อย่าเหงานะ” แบงค์บอกเบาๆ แอบอิงไปกับหน้าของพี่ท็อป เขารู้ตัวดีว่าถ้าหากอาการของเขาแย่ลงเรื่อยๆมากกว่านี้ เขาอาจจะไม่ได้อยู่เที่ยวเล่นกับท็อปแบบนี้อีกแล้ว

“อะไรของแบงค์อีกเนี่ย พูดอะไรแปลกๆเรื่อยเลยนะ มีอะไรปิดพี่หรือเปล่า” ท็อปถาม มองหน้าน้องอย่างสงสัย

“ไม่มีอะไร เผื่อแม่จะพาแบงค์กลับไปหาญาติที่เชียงใหม่ตอนปีใหม่น่ะ เลยบอกไว้ก่อน” แบงค์ปด

 “อ๋อ ปีใหม่มันกี่วันกันเชียว...เดี๋ยวก็ได้เจอกันอยู่ดีแหละน่า” ท็อปบอก มองไปบนท้องฟ้า “มืดแล้ว เดี๋ยวเรากลับกันเถอะ แม่แบงค์จะเป็นห่วงเอา” พี่ท็อปบอก แล้วพาน้องกลับมาที่ท่าเรือ

เมื่อถึงเวลาที่ควรจะต้องกลับบ้านเสียที ทั้งสองคนจึงรีบนั่งเรือแล้วย้อนกลับมาที่เส้นทางเดิม

“พี่ท็อป แล้วตอนนี้พี่มีโทรศัพท์ใหม่ใช้หรือยัง?” แบงค์ถาม เพราะทั้งสองคนเดี๋ยวนี้ตอนกลางคืนจะคุยผ่านการแชทในเฟซบุคมากกว่า

“ก็ใช้รุ่นปกติอะ ไม่ใช่สมาร์ทโฟน พ่อพี่ให้ยืมมาแทนเครื่องเดิม” ท็อปบอก ก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์ธรรมดาๆ เครื่องเล็กๆขึ้นมาให้ดู “เดี๋ยวเดือนหน้าก่อนว่าจะซื้อใหม่แหละ ตอนนี้ใช้แบบนี้ไปก่อน เก็บตังอยู่”

“แล้วเบอร์ จะยังใช้เบอร์เดิมใช่ไหมอะ?” แบงค์ถามอีก

“อือ..ก็ถ้ามีอะไรด่วนก็โทรมาก็แล้วกัน แต่เดี๋ยวพี่จะกลับบ้านไปชาร์จก่อนแบตจะหมดแล้วแหละ” ท็อปแนะนำ

“งั้น วันนี้แบงค์เดินกลับบ้านเองก็ได้นะ พี่ท็อปไม่ได้เอารถมอเตอร์ไซค์มานี่นา เดี๋ยวจะกลับดึกเกินไป” แบงค์บอก “แน่ใจนะว่าเดินกลับเองได้อะ พี่ไปส่งดีกว่าไหม?” ท็อปถามย้ำ ใจจริงเขาอยากตามไปส่งแบงค์มากกว่า

“น่า วันนี้อยู่กันนานละ ให้แบงค์กลับเองบ้าง จะได้มีเวลาคิดถึงพี่ท็อปไง” แบงค์บอก

ท็อปยิ้มก่อนจะเอามือยีหัวคนรัก “ก็ได้...คิดถึงให้เยอะๆล่ะ”

แบงค์และท็อปโบกมือลากัน จากนั้นจึงแยกกันกลับ แบงค์เดินกลับบ้านไปยังตรอกเล็กๆตรอกเดิม ที่พาไปสู่บ้านอันแสนอบอุ่น วันนี้แม่บอกว่า แม่จะกลับเร็ว เป็นไปได้ที่แม่อาจจะทำกับข้าวเอาไว้เผื่อเขาด้วย แบงค์เดินเลาะเข้าตรอกไปเรื่อย ๆ พลางเอามือจับจี้รูปแม่กุญแจที่พี่ท็อปสั่งทำให้เขา เป็นของสำคัญอีกหนึ่งชิ้นที่เขาได้รับจากพี่ท็อป

นับตั้งแต่วันที่ทั้งสองคนได้ตกลงกันว่าจะเป็นคนรักกัน ทุกวันของแบงค์ก็ค่อยๆเปลี่ยนไป จากเด็กที่ต้องเข้ามาใช้ชีวิตในกรุงเทพฯ จากชีวิตที่ไม่รู้ว่าอนาคตจะต้องเจอกับอะไรบ้าง แต่เมื่อมีพี่ท็อปเข้ามาแต่งแต้มสีสันของชีวิต มีทุกข์ มีสุข แบงค์ก็เข้าใจและรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่า นี่คือ ความรัก รักครั้งนี้อาจจะไม่ใช่ครั้งแรกของเขา แต่มันคือ “รักจริงๆ” ที่เขารู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่พี่ท็อปมอบให้และเป็นอีกหนึ่งครั้งที่เขากล้าเรียกได้ว่า รักครั้งนี้นั้น เขาและพี่ท็อปเป็นเจ้าของใจร่วมกัน

ในขณะที่กำลังคิดสระตะเพลินๆ อยู่นั้น ก็มีเงาดำโผล่ขึ้นมาจากมุมตึกด้านหลังของแบงค์ พร้อมกับถือไม้หน้าสามขนาดใหญ่ ในตรอกค่อนข้างมืด จะมีก็เพียงแสงไฟนีออนที่ทิ้งห่างเป็นระยะไกลๆอยู่ให้เห็น เงาดำนั้น ค่อยๆเคลื่อนตัวมาอย่างช้าๆไม่ทันให้แบงค์รู้ตัว เมื่อถึงระยะประชิด เงาดำนั้นจึงฟาดกระหน่ำไม้หน้าสามลงที่ท้ายทอยของแบงค์อย่างแรง แบงค์ล้มลงกับพื้นทันที เลือดสีแดงไหลออกมาจากบาดแผลเป็นก้อน ๆ จากนั้นเงาดำนั้น จึงถีบแบงค์ที่กำลังฟุบลงกับพื้นให้กระเด็นหลบไปกองอยู่ข้างทาง ก่อนจะฟาดไม้ลงที่หลังและแขนของแบงค์อีกครั้งจนเขากระอัก

ไม่ทันที่แบงค์จะได้ร้องขอความช่วยเหลือ โลกทั้งโลกหมุนติ้ว อากาศที่เขาสามารถหายใจเข้าออกได้นั้น เริ่มขาดเป็นช่วง ๆ เขาเห็นเงาดำนั้นค่อยๆวิ่งหนีไป เขาไม่ทันได้เห็นว่า คนที่เข้ามาทำร้ายเขานั้นเป็นใครและเข้ามาทำร้ายเขาทำไม เพราะไม่มีวี่แววของการชิงทรัพย์อะไรทั้งนั้น สิ่งหนึ่งที่เขาคิดเมื่อเห็นเลือดที่ไหลออกมามากมายตรงหน้า....คือเสียงของหมอที่เฝ้าพร่ำบอกกับเขาอยู่ตลอดที่เขาไปหาหมอ “อย่าให้เป็นแผลใหญ่หรือโดนกระแทกอะไรแรงๆก็พอ เพราะเลือดหนุ่มไหลหยุดช้า”

แบงค์พยายามออกแรงสุดกำลังเท่าที่จะทำได้ในการพยุงตัวขึ้นมา อย่างน้อยก็ไปขอความช่วยเหลือจากคนที่อยู่ใกล้ที่สุด เพราะถ้าขืนนอนอยู่ในตรอกนี้ต่อไป เขาคงไม่มีทางรอดเป็นแน่ ยิ่งทั้งตรอกนี้นั้น ไม่ค่อยมีคนเดินผ่านไปมามากนัก แต่ด้วยเหมือนแขนเขาจะหักเพราะแรงฟาดที่ถูกกระทำมา และเลือดที่ไหลไม่หยุด ทำให้เขาค่อยๆหน้ามืดลง ๆ ยิ่งเขาพยายามดิ้นเท่าไร หัวใจก็ยิ่งสูบฉีดเลือดมากขึ้นๆ จนเขาเริ่มมึนหัว อาการฮีโมฟีเลีย ชนิดเอ กำลังทำงานกับระบบร่างกายแบงค์อย่างหนัก

แบงค์ล้มตัวลงนอนขด ภาพที่เห็นเริ่มพร่าและแตกลาย เขารีบใช้มือข้างที่ยังปกติดีล้วงหยิบโทรศัพท์มือถือของตนขึ้นมา พยายามกดเบอร์พี่ท็อปที่เขายังพอจำได้อยู่แล้วกดโทรออก แต่ทว่า....สติของเขาก็ได้หลุดลอยออกไปก่อนที่ปลายสายจะพูดตอบกลับมาว่า

“หมายเลขที่คุณเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ Sorry the number you’ve dialed is not available in this time.....”

จบบทที่ 30 ครับ ....

สำหรับ ตอนต่อจากนี้ผมขออัพเดทเฉพาะวันศุกร์นะครับ ^ ^
ยังไงก็ขอคอมเมนต์มั่งนะครับ ^^ เป็นกำลังใจให้โผมหน่อยยย
  :pig4: :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-04-2015 23:19:44 โดย akiraakka »

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7
ใครหว่าาา ปลาคาร์ฟแหงๆๆเลยอ่ะ

ปล.ได้อ่านอาทิตย์ละครั้งเองหรอออออออออออออ

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ akiraakka

  • Deus Deorum (God of Gods)
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
    • เพื่อน(?)ผมเป็นผู้วิเศษ ภาคแรก
ใครหว่าาา ปลาคาร์ฟแหงๆๆเลยอ่ะ

ปล.ได้อ่านอาทิตย์ละครั้งเองหรอออออออออออออ

 :pig4: :pig4: :pig4:

เหลืออีก 4 ตอนเองก็จบแบ้วครับ อดทนหน่อยนะครับ อิอิ ^^ (แนะนำให้ไปช่วยอ่านเรื่องใหม่ 55+)

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด