Chapter 17 : คู่หมั้นณ ตึกสูงเสียดฟ้าซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่เครือบริษัทรอสร่างผอมบางนั่งอยู่หลังโต๊ะตัวเขื่องที่เต็มไปด้วยแฟ้มงาน ใบหน้าสวยหวานนั่นแทบจะไม่ได้เงยขึ้นมาเหนือกองเอกสารพวกนั้นเลยแม้แต่น้อย จนท้องฟ้าด้านนอกเปลี่ยนเป็นสีหม่น พนักงานประจำในบริษัททยอยกันกลับบ้านกันไปจวนจะหมดแล้ว
ก๊อกๆ
ชายสูงวัยในชุดสูทราคาแพงระยับก้าวเข้ามาในห้องหลังเสียงเคาะประตูนั้น
“ไง ดาริล ขยันทำงานจริงนะ หลานตา”
ดาริลวางเอกสารในมือลง แล้วยืนขึ้นต้อนรับคุณตา “สวัสดีครับคุณอเล็กซิส มีอะไรด่วนรึเปล่าครับถึงต้องลำบากเดินทางมาถึงที่นี่”
"อเล็กซิสอะไร นี่เวลาเลิกงานแล้ว" ชายสูงวัยติง "ตาจะชวนแกไปกินข้าว ชวนทางคุณฟูจิฮาระเอาไว้แล้ว”
ดาริลชะงัก ช่วงนี้ดูเหมือนว่าคุณตาจะพยายามให้เขาสนิทสนมกับทางครอบครัวฟูจิฮาระมากเหลือเกิน ซึ่งก็ไม่แปลก เพราะคู่หมั้นของเขา คาโอรุ คือลูกสาวคนเดียวของตระกูลฟูจิฮาระ แต่นี่ ท่าทางเร่งรัดให้ไปพบกันบ่อยๆ ขนาดนี้... แสดงว่าคงใกล้เวลามากแล้ว เนื่องจากพวกเขาต่างจบการศึกษาและเข้าประจำตำแหน่งในบริษัทของครอบครัวเรียบร้อย ดังนั้นอิสระของเขาและเธอ คงกำลังจะถูกลิดรอนไปในไม่ช้า
“...ไปที่ร้านไหนดีครับ เดี๋ยวผมจะไปรับคาโอรุเอง” ชายหนุ่มพูดพร้อมยิ้มบาง เขาชินกับบทบาทคู่หมั้นหนุ่มที่แสนดีนี่แล้วล่ะ
ฟูจิฮาระ คาโอรุ เธอเป็นเพื่อนสนิทที่คบหากันมาตั้งแต่สมัยเขาย้ายมาอยู่ที่ญี่ปุ่นใหม่ๆ พวกเขามีสถานะและฐานะเดียวกัน เรียนโรงเรียนเดียวกัน อยู่กลุ่มเดียวกัน นั่นจึงเป็นหนึ่งในหลายสาเหตุที่ทำให้เขากับเธอ... ถูกบังคับให้หมั้นหมายกันมาตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ไฮสคูล พวกเขารักกันก็จริง แต่ก็ฉันเพื่อนเท่านั้น และไม่มีวันเปลี่ยนแปลงไปได้มากกว่านี้
ดาริลยังจำได้แม่น เมื่อทั้งสองรู้ว่าผู้ใหญ่ตกลงให้หมั้นหมายกัน พวกเขาเพิ่งจะขึ้นชั้นไฮสคูลปีหนึ่งเท่านั้น ทั้งสองจึงนำเรื่องหมั้นหมายนั้นมาปรึกษากันที่โรงเรียน ต่างคนต่างนั่งหมดแรงอยู่บนพื้นที่ด้านหลังห้อง สองมือประสานกันไว้หลวมๆ
“...ขอโทษนะ ที่เรื่องมันเป็นแบบนี้”
คาโอรุยิ้มบาง “ไม่ใช่ความผิดของนายสักหน่อย... อย่าทำหน้าอย่างงั้นสิ”
เด็กหนุ่มหันไปสบสายตากับเธอ “แต่คาโอรุ แล้วรุ่นพี่ซาโต้...”
“...ฉันบอกเขาไปแล้วล่ะ... เขาก็ตกใจน่าดู” เธอเงยหน้าขึ้นพิงศีรษะไว้กับกำแพง “ดาริล... ฉันเพิ่งเคยเห็นไดอิจิร้องไห้เป็นครั้งแรก เขาบอกว่า เขาคิดไว้อยู่แล้วว่าฉันคงจะต้องถูกผู้ใหญ่จับแต่งงานกับใครที่มีหน้ามีตาในวงสังคมเข้าสักวัน แต่โชคดีที่คนคนนั้นคือนาย เขาเลยวางใจ...” หยดน้ำตาใสๆ รินไหลออกมาจากดวงตาของเธอช้าๆ
“หมายความว่ายังไง”
“...เขาบอกว่ายังไงก็ไม่มีทางสู้นายได้” เสียงของเธอแหบพร่า
ดาริลรู้ดีว่าเพื่อนรักเสียใจมากเพียงไหน น้ำตาของเธอทำให้เขาเจ็บปวดไปพร้อมกับเธอด้วย คาโอรุคบหากับรุ่นพี่ที่เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยชื่อว่า ซาโต้ ไดอิจิ พวกเขาดูเหมาะสมกันดี แล้วเขาก็ให้เกียรติ คอยดูแลและทำให้คาโอรุมีความสุขอย่างสม่ำเสมอ แต่ครอบครัวของไดอิจิเป็นครอบครัวธรรมดา ไม่ได้ร่ำรวย ไม่ได้มีหน้ามีตาในสังคมอย่างที่ครอบครัวฟูจิฮาระต้องการ
คาโอรุเป็นทั้งเพื่อน ทั้งพี่สาวและน้องสาว เธอเป็นคนน่ารัก ฉลาด อ่อนโยน และจิตใจดี เป็นเพื่อนคนแรกที่ยื่นมือเข้ามาหา ปกป้องและยืนเคียงข้างเขา
...เมื่อครั้งที่ย้ายมาอยู่ญี่ปุ่นใหม่ๆ ดาริลเพิ่งเรียนภาษาญี่ปุ่นได้ไม่นานก็ต้องมาเข้าเรียนชั้นจูเนียร์ไฮสคูลในโรงเรียนที่ดีที่สุดที่มารดาบุญธรรมและคุณตาเลือกให้ แน่นอนว่าเขาแตกต่างไปจากนักเรียนทุกคน เพราะเป็นชาวต่างชาติที่มีผมสีทองและดวงตาสีเขียว ทำให้ถูกจ้องมองอยู่ตลอดเวลา ราวกับเป็นตัวประหลาด... ในตอนนั้นไม่มีใคร ไม่มีเลยสักคนที่จะเข้ามาทักทาย
(ย้อนกลับไปเมื่อตอนเข้าโรงเรียนใหม่ๆ)ช่วงวันแรกๆ ที่ต้องนั่งอยู่ตามลำพังคนเดียว นั่งรับประทานอาหารคนเดียว ดาริลนึกอยากกลับไปที่อังกฤษใจจะขาด แต่เขาก็ไม่ได้แสดงความอ่อนแอออกมาให้ใครเห็น
ขณะที่นั่งเบื่อๆ อยู่บนม้านั่ง เด็กผู้หญิงท่าทางขี้อายคนหนึ่งก็ก้าวเข้ามา เธอตื่นเต้นจนใบหน้าซีดเผือดและเอ่ยทักทายเขาเสียงสั่น “...ฮะ... เฮล... โล... ฮาวดู... ยูดู?”
ดาริลหัวเราะกับท่าทางของเธอ หากเมื่อเด็กหญิงเห็นว่าเขาหัวเราะ เธอก็ทำท่าเหมือนจะร้องไห้
ในเวลาเดียวกันก็มีเด็กนักเรียนในชั้นก้าวเข้ามาดึงแขนเธอออกไป อีกคนเดินมากระชากคอเสื้อเขาแล้วตะคอกใส่ “นึกว่าเป็นฝรั่งแล้วจะหัวเราะเยาะคนอื่นได้รึไง! โดนสักทีดีมั้ยแก!” พร้อมกับง้างหมัดขึ้น
“หยุดนะ!” เด็กหญิงที่ดูอ่อนแอคนนั้นสลัดแขนให้หลุดออก แล้ววิ่งเข้ามารั้งหมัดไว้ “ปล่อยเขาเดี๋ยวนี้นะ!”
“ฟูจิฮาระ! แต่ไอ้หมอนี่มันหัวเราะเยาะเธอนะ! มันหยิ่งนัก! มาอยู่โรงเรียนของคนญี่ปุ่นแท้ๆ ต้องสั่งสอนให้รู้จักเจียมตัวซะบ้าง!”
“ถ้านายชกเขา! ฉันจะไปฟ้องครูใหญ่! เขาเป็นนักเรียนใหม่นะ นายต้องต้อนรับเขาสิ!” มือเล็กของเธอผลักเด็กชายตัวโตสุดแรง “บอกให้ปล่อยไง!” หากเพราะตัวเธอเล็กกว่าเด็กชายคนอื่นๆ มาก พอออกแรงผลักแรงหน่อย กลับเป็นตัวเธอที่กระเด็นออกไปล้มลงบนพื้น
ดาริลปัดข้อมือของมือที่ขยุ้มคอเสื้อตัวเองอยู่ออกอย่างแรง “ปล่อย”
อีกฝ่ายชะงัก พลางคลายมือออก ไม่คิดว่าดาริลจะเข้าใจภาษาญี่ปุ่นเลยด้วยซ้ำ “เฮ้ย!”
“ถ้าทำให้รู้สึกแย่ ก็ขอโทษด้วย” ดาริลพูดเสียงเรียบ ก่อนจะก้าวไปทางเด็กหญิงที่นั่งจุมปุ๊กอยู่บนพื้น แล้วส่งมือให้เธอใช้จับยึด “ขอโทษที่หัวเราะ แต่ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำให้รู้สึกไม่ดี แค่คิดว่าคุณพยายามพูดได้น่ารักดี”
คาโอรุเลิกคิ้วขึ้น พวงแก้มเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ เธอจับมือเขาพร้อมกับลุกขึ้น แต่พอลุกแล้วก็ยังไม่ยอมปล่อย เด็กหญิงบีบมือของดาริลแล้วเชกแฮนด์รัวๆ “ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ฟูจิฮาระ คาโอรุ ฝากตัวด้วยนะ”
ดาริลค้อมศีรษะลง “รอส ดาริล ครับ”
เด็กหญิงยิ้มกว้าง ดวงตาของเธอเป็นประกายสดใส “ชื่อเป็นฝรั่งเลย แต่คุณรอสพูดภาษาญี่ปุ่นเก่งมาก แล้วคุณพูดภาษาอังกฤษได้มั้ย”
เด็กชายหัวเราะ “ภาษาญี่ปุ่นผมยังไม่ค่อยดีหรอกครับ ถ้าพูดอะไรผิดก็ขอโทษด้วย... but I think I can speak English fluently. (แต่ผมคิดว่าผมสามารถพูดอังกฤษได้ดีทีเดียว)"
คาโอรุเบิกตาโพลง เธอเพิ่งเคยได้คุยกับคนที่มีสำเนียงภาษาอังกฤษแบบบริติชเป็นครั้งแรก “โอ้โห!! เหมือนฝรั่งเลย สุดยอด!”
นั่นเป็นการเริ่มต้นมิตรภาพของทั้งสอง ซึ่งดำเนินอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
(กลับมาในห้องเรียน)“แล้ว... นายตอบรุ่นพี่ไปว่าไง”
“...ฉันบอกเขาว่า ฉันรักนายนะ ดาริล แต่เราเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น...” ไหล่เล็กของเธอสั่นน้อยๆ “นายล่ะ ถ้าต้องแต่งงานกับฉันจริงๆ นายจะทำไง”
“...ฉันเหรอ... ยังไงก็ได้ ถึงยังไงก็คงไม่มีโอกาสได้เลือกเอง เอาจริงๆ ให้แต่งกับนายก็ยังดีกว่าแต่งกับคนอื่น” ดาริลเสตาหลบ “...แต่ฉันไม่อยากให้นายเสียใจ เพราะนายรักรุ่นพี่ซาโต้ ส่วนฉันน่ะ คงไม่มีวันจะรักใครอย่างคนรักได้หรอก”
“ดาริล! ทำไมพูดอย่างนั้น” คาโอรุตบไหล่เพื่อนรักป้าบใหญ่
“โอ๊ย!” เด็กหนุ่มยกมือขึ้นลูบบริเวณที่ถูกตี
“อย่าพูดเหมือนนายเป็นคนสิ้นหวังอย่างนั้นสิ! สักวันนายจะต้องเจอคนที่นายรักเหมือนกันแน่ๆ” เธอกุมมือเด็กหนุ่มแน่น “ถ้าสักวันนายพบคนที่นายรัก ฉันจะเป็นที่ปรึกษาหัวใจให้กับนายเองนะ”
“ทีอย่างนี้ล่ะ เข้มแข็งขึ้นมาเชียว” ดาริลหัวเราะ “เรื่องของตัวเองน่ะ เอาให้รอดก่อน... จะเอาไงกับรุ่นพี่ซาโต้ล่ะ”
คาโอรุชะงัก แล้วพูดเสียงอ่อย “...ไดอิจิขอเวลาแยกกันสักพัก...”
เด็กหนุ่มดึงร่างเล็กเข้ามากอด “คาโอรุ เรื่องหมั้นของเรา ยังไงก็แค่หมั้น อนาคตจะเป็นยังไง ไม่มีใครรู้หรอก” จากนั้นจึงผละออกแล้วลุกขึ้น พร้อมกับส่งมือให้เพื่อนสาว “...ไป... ไปหารุ่นพี่กัน ฉันจะพูดกับเขาให้เข้าใจเอง”
หลังเลิกเรียนวันนั้น ดาริลสั่งให้คนขับรถขับพาเขากับคาโอรุไปที่มหาวิทยาลัยโตเกียว ถ้าลองบอกกับที่บ้านว่าพวกเขาออกไปด้วยกันแล้วละก็ ไม่มีใครขัดใจแน่ๆ เมื่อไปถึงที่หมาย พวกเขาก็พากันไปตามหาไดอิจิ แฟนหนุ่มของคาโอรุ แล้วพากันไปคุยในสวนที่ไม่มีคนเดินผ่านไปผ่านมานัก
ไดอิจิกับดาริลรู้จักกันดี พวกเขายืนประจันหน้ากัน โดยที่ไดอิจิไม่อาจสู้สายตาของเด็กหนุ่มที่อ่อนวัยกว่าได้ หัวใจเขายังเจ็บกับข่าวที่เพิ่งได้รับรู้ เขาไม่แม้แต่จะหันไปมองใบหน้าของแฟนสาว ซึ่งเธอก็ได้แต่ยืนนิ่ง น้ำตาไหลรินเปื้อนแก้ม
“รุ่นพี่... แค่เรื่องหมั้นนี่ ก็ทำให้รุ่นพี่ท้อแล้วเหรอครับ” ดาริลจ้องอีกฝ่ายเขม็ง “คำว่ารักของรุ่นพี่มีความหมายแค่ไหนกัน กะอีแค่เรื่องหมั้น รุ่นพี่จะถอยแล้วอย่างงั้นเหรอครับ รุ่นพี่นึกถึงความสุขของคาโอรุบ้างรึเปล่า”
ไดอิจิหันมาประสานสายตากับนัยน์ตาสีเขียวที่ฉายแววขุ่นมัว “คุณก็พูดได้สิ คุณเกิดมาบนกองเงินกองทอง ในครอบครัวที่มีพร้อมทุกอย่าง! ผมจะเอาตัวเองไปเทียบกับคุณได้ยังไง!” เขากำมือแน่นจนเกร็งไปทั้งแขน “...ผมไม่สามารถซื้อของขวัญราคาแพงๆ ไม่สามารถพาคาโอรุไปเที่ยวทุกที่ที่อยากไป ทุกวันนี้ที่ผมมีปัญญาเรียนมหาวิทยาลัยก็เพราะได้ทุน บ้านคาโอรุไม่มีทางยอมรับผมหรอก มีแต่จะทำให้คาโอรุเสียใจเท่านั้น”
“รุ่นพี่อยากเปรียบเทียบตัวเองกับผมเหรอครับ” ดาริลพยายามระงับอารมณ์ แล้วถามออกไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ “รู้มั้ยว่าเสื้อผ้า นาฬิกา รองเท้าที่ผมใส่อยู่นี่ ราคาเท่ากับรถหรูๆ ทั้งคัน น่าอิจฉามากเลยใช่มั้ยล่ะครับ ผมสามารถซื้อเกาะทั้งเกาะให้คาโอรุได้ เพียงแค่เอ่ยปากขอคุณตา มันเลิศมากเลยใช่มั้ยล่ะครับ” เสียงที่เปล่งออกไปแหบพร่า แฝงไว้ด้วยความเจ็บปวด “...แล้วรุ่นพี่เห็นมั้ยล่ะครับ ว่าคนที่มีพร้อมทุกสิ่งทุกอย่างอย่างผม ไม่สามารถปฏิเสธการหมั้นหมายของผมกับคาโอรุได้ สิ่งที่รุ่นพี่เห็นทั้งหมดนี่ มันเป็นเปลือกนอกเท่านั้นละครับ ผมเป็นแค่ตุ๊กตาหุ่นเชิดตัวนึง ถูกจับให้แต่งตัว ถูกบังคับให้ทำตามคำสั่งของที่บ้าน... คาโอรุเองก็เช่นกัน! ในขณะที่พี่เลือกทางเดินชีวิตของตัวเองได้ สอบขอทุนไปเรียนในมหาลัยที่ต้องการ เลือกใส่เสื้อผ้าที่ใจชอบ อยากไปไหนมาไหนก็ได้ตามใจ แล้วแบบนี้! ใครกันที่น่าสงสารครับ!”
...คำพูดกับแววตาของดาริลทำให้ชายหนุ่มได้สติ “...ผม... ขอโทษ”
“รุ่นพี่ครับ รุ่นพี่เป็นคนเก่ง ผมเชื่อว่าอนาคตของรุ่นพี่จะต้องรุ่งโรจน์มากแน่ๆ เมื่อถึงเวลานั้น รุ่นพี่จะสามารถสรรหาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับชีวิต ให้กับคาโอรุได้... รุ่นพี่ยังมีโอกาส ผมไม่อยากให้รุ่นพี่ยอมแพ้... พิสูจน์ความรัก ความตั้งใจจริงของรุ่นพี่ให้คาโอรุเห็นสิครับ”
ไดอิจิหันหน้าไปทางที่แฟนสาวยืนอยู่ น้ำตาของเธอส่งผลให้หัวใจของเขาปวดร้าวมากกว่าเดิมเสียอีก ก่อนจะหันกลับไปทางดาริลช้าๆ “...ผมขอโทษนะ พอได้ยินเรื่องหมั้นจากปากคาโอรุ ผมก็โมโหหน้ามืด ขาดสติแล้วยังพาลไปทั่ว... ทำตัวเหมือนเด็กๆ จริงๆ เลย” เขาค้อมศีรษะลงต่ำ “...ขอโทษที่พูดไม่ดีกับคุณ แล้วก็ขอบคุณที่เตือนสติผม”
“รุ่นพี่ครับ... ผมรักคาโอรุนะครับ เขาเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของผม แล้วเขาก็รักรุ่นพี่มาก... ผมขอให้รุ่นพี่สัญญากับผม ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่าอนาคตจะต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากแค่ไหน รุ่นพี่ต้องรักเธอ ไม่ทอดทิ้งเธอเด็ดขาด”
“ผมสัญญา” ไดอิจิตอบอย่างหนักแน่น จากนั้นจึงก้าวไปคุกเข่าลงตรงหน้าคาโอรุ “ผมขอโทษที่งี่เง่า ขาดสติ... ผมขอสัญญาต่อหน้าคุณดาริล ผมจะรัก จะทำทุกอย่างเพื่ออนาคตของเรา... คาโอรุ ยกโทษให้ผมนะ ผมไม่เคยคิดอยากห่างจากคุณเลย ผมรักคุณ”
คาโอรุทรุดตัวลงโอบกอดคนที่เธอรักพลางร้องไห้โฮ “ไดอิจิ ฉันรักคุณ”
เมื่อร้องไห้จนพอใจและเข้าใจกันดีกับคนรักแล้ว คาโอรุจึงก้าวเข้ามาหาเพื่อนรักที่ยืนรอเธออยู่ห่างๆ แล้วเข้าไปสวมกอด “ขอบใจนะ ดาริล นายคือเพื่อนที่ดีที่สุด”
“เดี๋ยวรุ่นพี่ก็หึงหรอก” ดาริลหัวเราะ แล้วหันไปทางรุ่นพี่ “ขออนุญาตนะ” ก่อนจะโอบตอบร่างเล็ก
หลังจากทุกคนเข้าใจกันดีแล้ว พวกเขาจึงเริ่มพูดคุยกันถึงเรื่องสำคัญ
“เราจะจัดการยังไงกับเรื่องหมั้นนี่ดี” คาโอรุถอนหายใจยาว
“ผมคิดว่า... พวกคุณควรจะทำตามที่ผู้ใหญ่จัดการไปก่อน” ไดอิจิตอบหลังจากขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่นาน “...เพราะถึงพวกคุณไม่หมั้นกันเอง พวกคุณก็คงจะต้องโดนจับไปหมั้นกับคนอื่นอีกอยู่ดี”
ดาริลพยักหน้าเห็นด้วย “ผมก็คิดอย่างนั้น ถ้าผมกับคาโอรุทำเป็นเออออ ตกลงไปกับการหมั้น ครอบครัวของเราก็จะไม่สงสัยอะไร อีกอย่างสำหรับผมน่ะ ไม่มีปัญหาอะไรหากพวกคุณคบกัน ไปไหนมาไหนด้วยกัน...”
“นั่นสินะ... เรายังพอมีเวลากว่าจะถึงวันแต่งงาน ฉันคิดว่าคงจะเป็นหลังพวกเราเรียนจบมหาลัย จนกว่าจะถึงเวลานั้น...”
ไดอิจิเอื้อมมือมาจับมือเธอไว้แน่น “เมื่อถึงเวลานั้น ผมคงจะใกล้จบด็อกเตอร์แล้ว... แล้วเมื่อผมได้เป็นด็อกเตอร์ อาชีพการงานของผมก็คงจะมั่นคง มีเงินพอที่จะสร้างครอบครัว... คาโอรุ เรามาพยายามไปด้วยกันนะ”
เด็กสาวยิ้มกว้าง “ค่ะ”
“คุณรอส... ขอโทษที่ทำให้คุณต้องวุ่นวายไปกับพวกเราด้วย แล้วก็ขอบคุณ...” ไดอิจิค้อมศีรษะลงต่ำ
“ผมไม่ได้ลำบากอะไร... ดีซะอีกที่ผมไม่ต้องปวดหัวกับการไปดูตัวบ่อยๆ แล้วก็หมั้นกับใครก็ไม่รู้” ดาริลยิ้มบาง “...แล้วที่สำคัญ คาโอรุก็มีความสุข”
“ดาริล... สักวันนายจะพบคนที่นายรัก แล้วเมื่อถึงวันนั้น ฉันจะยืนข้างนาย จะช่วยเหลือนายทุกอย่าง”
“ผมก็เหมือนกัน... พวกเราจะสู้ไปพร้อมๆ กันนะครับ”
ดาริลหัวเราะ เขาไม่คิดว่าจะมีวันนั้นหรอก เพราะหัวใจของเขา... ถูกปิดตายมานานมากแล้ว การจากไปของคนที่รักเมื่อในอดีต ทำให้ดาริลต้องเผชิญหน้ากับบุคคลที่ต้องการแต่ผลประโยชน์จากตัวเขาตามลำพัง ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงคิดว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเชื่อใจใครสักคนมากพอที่จะไว้วางใจและมอบหัวใจให้ได้ เขาสร้างเกราะหนาไว้เพื่อป้องกันตนเอง แต่ก็ตอบตกลงไปเพื่อให้ทั้งคู่สบายใจ “โอเคครับ"
ดาริลกับคาโอรุเล่นบทคู่หมั้นที่แสนดีของกันและกันไปเรื่อยๆ เมื่อเรียนจบชั้นไฮสคูล ทั้งสองก็เดินทางไปเรียนต่อชั้นมหาวิทยาลัยด้วยกันที่ประเทศอังกฤษ เบื้องหน้าดูเหมือนพวกเขาตัดสินใจไปเรียนต่อด้วยกันตามลำพัง ด้วยความที่เป็นคู่หมั้นกันอยู่แล้วจึงไม่มีใครขัดขวาง โดยที่ไม่ได้มีใครใส่ใจเลยว่า คนรักที่แท้จริงของคาโอรุ ไดอิจินั้นก็ไปเรียนต่อปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยเดียวกันด้วยเช่นกัน ไดอิจิรับบทบาทเป็นรุ่นพี่คนสนิท ผู้ซึ่งคอยติวหนังสือและช่วยเหลือเรื่องการเรียนกับหนุ่มสาวทั้งสอง พวกเขาส่งต่อบทบาทและบทพูดกันอย่างแนบเนียน โดยที่คาซึกิ เลขาคนสนิทของดาริลยังไม่แสดงท่าทีระแคะระคายเลยแม้แต่น้อย
TBC~*ชีวิตดาริลช่างน่าสงสาร
ตอนนี้ยังย้อนเล่าเรื่องทางฝั่งดาริลอยู่นะคะ ทำโทษน้องเร็นให้นอนเหี่ยวอย่างเดียวดายรอไปก่อน อิอิ
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านค่ะ