Chapter 4 แสงสว่างของดวงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาภายในห้องนอนซึ่งมีเด็กหนุ่มนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงนอนตามลำพัง เมื่อรู้สึกอุ่น มือหยาบจึงปัดผ้าห่มที่คลุมตัวอยู่ออก ก่อนจะลืมตา เขาค่อยๆ หันศีรษะซ้ายขวาเพื่อสำรวจบนเตียง แล้วจึงลุกขึ้นนั่ง
...เจ้านายไม่อยู่ ก็นั่นสินะ สว่างขนาดนี้ละนี่ ถ้างั้นตอนนี้มันกี่โมงกันแล้วนะ
เร็นค่อยๆ ลุกออกจากเตียง เขาก้มลงตรวจดูเสื้อคลุมที่สวมอยู่พร้อมกับใช้มือลูบไปตามลำตัว ไล่ลงไปยังกางเกงชั้นใน เมื่อคืนไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเขากับเจ้านายเลยแม้แต่น้อย พวกเขาแค่นอนร่วมกันบนเตียงเท่านั้น
...ไม่อยากเชื่อเลยแฮะ จะว่าไป ผู้ชายคนนั้นก็คงไม่ได้เลวร้ายอะไรนัก เขาควรจะดีใจที่ได้ลูกค้าแบบนี้
เด็กหนุ่มเดินออกจากห้องนอนของเจ้านายกลับไปยังห้องนอนของตนเพื่อจัดการล้างหน้าล้างตาและเปลี่ยนเสื้อผ้า พอเรียบร้อยแล้วจึงลงไปยังชั้นล่างของบ้าน
“คุณคิมุระ ตื่นแล้วเหรอคะ นอนหลับสบายดีมั้ยคะ” แม่บ้านออกมาต้อนรับร่างสูงทันทีที่ได้ยินเสียงเดินลงบันได
เร็นยกมือขึ้นลูบท้ายทอยแบบเขินๆ “สบายครับ ผมไม่ได้นอนเตียงนุ่มๆ แบบนี้มานาน เลยนอนเพลินเลย”
“หิวรึยังคะ” เธอยิ้มรับ “ดิฉันจะจัดอาหารเช้าให้นะคะ เชิญคุณที่ห้องอาหารเลยค่ะ”
“อ่า... ครับ” เร็นก้าวเข้าไปนั่งรอที่โต๊ะอาหาร สักพักแม่บ้านก็นำอาหารออกมาเสิร์ฟ
“คุณคิมุระจะรับกาแฟ ชา หรือน้ำผลไม้ดีคะ”
“กาแฟก็แล้วกันครับ ขอบคุณครับ” ดวงตาคมกริบมองตามหญิงวัยกลางคนที่กุลีกุจอไปหลังเคาน์เตอร์เพื่อจัดการชงกาแฟ “เจ้านาย... ออกไปเมื่อไหร่น่ะครับ ว่าแต่ตอนนี้กี่โมงแล้ว”
“สิบโมงกว่าแล้วค่ะ ส่วนคุณท่าน ออกไปตั้งแต่ตีห้าแล้วค่ะ” เธอตอบพร้อมกับยกถ้วยกาแฟมาวางลงบนโต๊ะอาหาร แล้วถอยออกไปยืนรอเผื่อว่าเด็กหนุ่มต้องการอะไรอีก
เร็นจัดการกับอาหารของเขาไปอย่างเงียบเชียบ ซึ่งในสำรับมีทั้งข้าวสวย ซุปร้อนๆ ปลาย่าง เครื่องเคียง ไข่ม้วน... เขาไม่ได้รับประทานอาหารเช้าแบบนี้มานานมากแล้ว ตั้งแต่ตอนที่มารดาล้มป่วย
พอนึกถึงมารดาแล้ว วันนี้เธอคงจะยังไม่ได้เข้ารับการผ่าตัดละมั้ง... คงจะเร็วไปสักหน่อย เพราะทางแพทย์บอกว่าจะต้องมีการประชุมกันก่อนจะทำการผ่าตัด แต่สำหรับตัวเขาน่ะร้อนใจ เขาอยากให้มารดาได้รับการผ่าตัดโดยเร็วที่สุด
มือที่ถือตะเกียบอยู่วางลงข้างถ้วยใส่ข้าวสวย จากนั้นจึงถอนหายใจเสียงเบา
แม่บ้านก้าวเข้ามาค้อมศีรษะ “อาหารไม่อร่อยเหรอคะคุณคิมุระ ให้ดิฉันเปลี่ยนใหม่มั้ยคะ”
“ไม่ใช่อย่างนั้นครับ อาหารอร่อยมาก... ผมไม่ได้กินอาหารเยอะแยะขนาดนี้มานานแล้ว”
“คุณอยากทานอะไร สั่งดิฉันไว้ได้นะคะ มื้อเที่ยงวันนี้ดิฉันเตรียมสปาเก็ตตี้ไว้ค่ะ”
เร็นหัวเราะเบาๆ “ผมคงอ้วนตายแน่... ว่าแต่... เดี๋ยวผมจะออกไปเดินเล่นข้างนอกบ้านหน่อยนะครับ”
“ทางด้านหน้า ขอให้เดินอยู่ภายในเขตรั้วบ้านนะคะ จะมีบอดี้การ์ดคอยเฝ้าและดูแลคุณคิมุระอยู่ค่ะ ส่วนด้านหลังมีสวนกับชายหาดเล็กๆ จะลงไปว่ายน้ำก็ได้นะคะ”
“ชายหาดที่นี่... เอ้อ...”
“เป็นชายหาดส่วนตัวของคุณท่านน่ะค่ะ ไม่มีใครเข้ามาได้ เพราะงั้นเชิญคุณคิมุระตามสบายนะคะ”
หลังเสร็จจากมื้ออาหาร เด็กหนุ่มจึงออกไปเดินเล่นรอบตัวบ้าน ซึ่งมีสวนหย่อมขนาดเล็กจัดไว้อย่างสวยงาม ก่อนจะเดินวนไปยังสวนด้านหลังบ้านซึ่งมีขนาดใหญ่ขึ้นไปอีกหน่อย มีศาลาเล็กๆ กลางสวน และเมื่อเดินต่อไปอีกนิดก็พบกับชายหาดขนาดเล็กที่มีเม็ดทรายสีขาวละเอียด พอมองจากที่ชายหาดโดยหันหน้าเข้าหาตัวบ้าน ร่างสูงจึงเห็นได้ว่าทางด้านซ้าย ขวา และด้านหน้าตัวบ้านมีภูเขาไม่สูงนักล้อมไว้ ส่วนด้านหลังติดทะเล ดูไม่ต่างกับคุกตามธรรมชาติเลยทีเดียว เขาถอดรองเท้าเดินย่ำไปบนพื้นทราย สายลมอบอุ่นพัดพาเกลียวคลื่นสาดซัดขึ้นมาบนหาดเป็นระยะ น้ำทะเลค่อนข้างเย็นอยู่สักหน่อย แต่เพราะดวงอาทิตย์ส่องแสงจ้าให้ความอบอุ่น เร็นจึงนึกอยากจะลงไปว่ายน้ำเล่นฆ่าเวลา
ร่างสูงถอดเสื้อกางเกงออกกองไว้บนหาด เหลือเพียงแค่กางเกงชั้นในแบบบ็อกเซอร์ เขาก้าวฉับๆ ลงไปในทะเล จากนั้นก็ว่ายน้ำไปมาโดยไม่หยุดเลยอยู่สักพัก แล้วจึงขึ้นมานอนแผ่หลาบนชายหาด
แต่แล้วก็มีเงาคนพาดผ่าน เร็นจึงยกศีรษะขึ้นมอง “คุณแม่บ้าน”
“จะบ่ายแล้วค่ะ คุณคิมุระไม่หิวเหรอคะ” เธอส่งผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ให้พร้อมกับเสื้อคลุม “ให้ดิฉันยกอาหารมาให้ที่นี่มั้ยคะ”
เด็กหนุ่มส่ายหน้า “ไม่เป็นไรครับ งั้นผมขอขึ้นไปอาบน้ำก่อน แล้วจะไปหาที่ห้องอาหารนะครับ”
เวลาในช่วงกลางวันของเร็นผ่านไปอย่างเอื่อยเฉื่อย เพราะเมื่อก่อนเคยต้องทำงานวิ่งวุ่นอยู่ตลอดเวลา แต่นี่ เขาอยู่เฉยๆ วันเดียวก็เบื่อซะแล้ว แถมมีอาหารมื้อใหญ่พร้อมสามมื้อ แล้วเอาแต่นั่งๆ นอนๆ แบบนี้ด้วย ครบหกสัปดาห์เมื่อไหร่ เขาคงต้องกลิ้งกลับบ้านเป็นแน่
หลังเสร็จจากอาหารมื้อค่ำ เด็กหนุ่มก็พาตัวเองไปนั่งฆ่าเวลาในห้องนั่งเล่น เขาเปิดหน้าต่างภายในห้องออกกว้าง แล้วทอดสายตามองทะเลที่สงบนิ่ง
“คุณคิมุระ”
“ครับ”
“วันนี้คุณท่านจะมาเร็วสักหน่อย อีกประมาณชั่วโมงก็คงมาถึงแล้วค่ะ”
“อา... งั้นผมรีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าดีกว่า” เร็นสาวเท้าตรงไปยังประตูห้องที่แม่บ้านยืนอยู่ เธอหัวเราะ แล้วบอกกับเด็กหนุ่ม
“พอดีคุณเลขาโทรมา ดิฉันเลยบอกไปว่าคุณคิมุระดูเบื่อๆ คุณท่านก็เลยบอกผ่านคุณเลขามาว่าจะรีบมาน่ะค่ะ”
เด็กหนุ่มหยุดกึก “....”
“ดีจริงที่คุณคิมุระมาอยู่เป็นเพื่อนให้คุณท่าน เมื่อเช้าท่านอารมณ์ดีมากเลยทีเดียว”
...อยู่เป็นเพื่อนงั้นเหรอ? แม่บ้านคงไม่รู้สินะ ว่าเจ้านายซื้อตัวเขามาด้วยราคาแพงแค่ไหน... “คุณแม่บ้านครับ... คุณท่านของคุณแม่บ้านนี่...”
“ถ้าจะถามว่าหน้าตาของท่านเป็นยังไงละก็ คุณเลขาสั่งไว้ว่าห้ามบอกค่ะ”
เร็นปิดปากทันที... คิ้วหนาขมวดเป็นปม แต่เขาก็ยังอยากรู้อยู่ดี... สงสัยเหลือเกินว่าเจ้านายหน้าตาเป็นยังไง แล้วทำไมต้องปิดบังกันถึงขนาดนี้
“...แต่ดิฉันจะแอบบอกว่า ท่านเหมือนเจ้าชายเลยล่ะค่ะ”
“เหมือนเจ้าชาย?” ...คือหมายความว่ายังไง? ดูดีมีออร่าแบบเจ้าชาย? ถ้าหน้าตาแบบเจ้าชาย... แล้วเจ้าชายนี่หน้าตาแบบไหนกันวะ? หรือจะรวยยังกับเป็นเจ้าชาย?
เด็กหนุ่มหยุดคิด แต่พอเห็นแม่บ้านหันหลังเดินออกไป เขาก็รีบคว้าแขนของเธอไว้ “คุณแม่บ้านครับ เอ้อ... ผมขอปรึกษาอะไรหน่อย”
“คะ มีอะไรให้ดิฉันรับใช้...”
“คือ...” เร็นยกมือขึ้นเกาศีรษะ “...ช่วยผมคิดหน่อยสิครับ ผมควรจะเอาใจเจ้านายยังไงดี”
แม่บ้านหัวเราะ “โธ่... คุณท่านท่านไม่เรื่องมากหรอกค่ะ คุณคิมุระอยากทำอะไรก็ทำเถอะ แค่ตั้งใจทำให้ท่านก็พอ”
ไฟฟ้าภายในบ้านดับลงก่อนหน้าที่รถคันหรูจะเคลื่อนเข้ามาจอดเล็กน้อย เป็นสัญญาณที่บอกให้เด็กหนุ่มรับรู้ไปด้วยในเวลาเดียวกัน เขาเข้าไปนั่งรอเจ้านายภายในห้องนอนเมื่อแม่บ้านขึ้นมาแจ้งเวลาดับไฟ หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนใส่ชุดนอนแขนขายาวที่หยิบมาจากในตู้เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว
วันนี้เร็นไม่ได้ตื่นเต้นและเป็นกังวลเท่าในวันแรก หากภายในศีรษะคิดวางแผนเพื่อที่จะทำความรู้จักไปพร้อมๆ กับการทำหน้าที่เอาใจเจ้านายให้ได้ดีที่สุด
...เขายังคงติดใจ การที่ไม่ได้รับอนุญาตให้เห็นใบหน้าของเจ้านาย หมายความว่าอีกฝ่ายอาจจะเป็นคนดังในสังคม? หรือเป็นคนที่เขารู้จัก? หรือว่า... แค่ขี้อายเฉยๆ กันนะ
เมื่อได้ยินเสียงประตูห้องเปิดออก เร็นรีบลุกจากโซฟาเพื่อต้อนรับเจ้านาย “สวัสดีครับ เจ้านาย”
“สวัสดี” ร่างผอมบางในความมืดก้าวเข้าไปยังโซฟาอย่างเชื่องช้า ก่อนจะถอดเสื้อสูทออก
เร็นถลาเข้าไปรับเสื้อสูทของเจ้านาย “เอ่อ... ผมถอดเนกไทให้มั้ยครับ”
“เอาสิ”
มือหยาบเอื้อมไปปลดปมเนกไทออก ทว่าแม้จะมืดจนมองอะไรไม่ค่อยเห็น เขาก็ไม่กล้ามองหน้าของเจ้านาย แต่ก็รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายกำลังจ้องมองตนเขม็ง เด็กหนุ่มก้มหน้าก้มตาจัดการกับเนกไท แล้วดึงออกจากลำคอช้าๆ พอได้ยืนประจันหน้ากันแบบนี้ เมื่อดูจากความสูงของปมเนกไท เจ้านายคงจะเตี้ยกว่าเขาไม่มากเท่าไหร่
“แกะกระดุมออกให้ด้วยสิ”
“ครับ” เร็นเคลื่อนมือไปปลดกระดุมออก เริ่มจากเม็ดบนและเม็ดถัดลงมา แล้วหยุดไว้แค่นั้น “แค่นี้พอมั้ยครับ” เขารอฟังคำตอบ หากอีกฝ่ายยืนนิ่งไม่พูดอะไร และพอเขาจะดึงมือกลับ ชายหนุ่มกลับรั้งมือของเขาไว้ เร็นจึงเงยหน้าขึ้นมอง “...เจ้านาย”
“อืม” ร่างผอมบางปล่อยมือแล้วทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา
เด็กหนุ่มย่อตัวลงนั่งตรงหน้าเจ้านาย “เอ้อ... ผม... จะนวดเท้าให้เหมือนเมื่อวานดีมั้ยครับ”
“เอาสิ”
เร็นผ่อนลมหายใจออกอย่างแผ่วเบา เขาจัดการยกเท้าของอีกฝ่ายขึ้นถอดถุงเท้าออกแล้วนวดไปอย่างเบามือ
ชายหนุ่มปล่อยให้ร่างสูงนวดเท้าทีละข้าง พลางเอนตัวพิงกับพนักโซฟา แล้วเท้าแขนเอามือข้างหนึ่งยันศีรษะ “นวดขาด้วยได้มั้ย”
มือหยาบเคลื่อนขึ้นมายังท่อนขา “ได้ครับ แต่ว่า... เอ่อ...”
“มีอะไรเหรอ”
“...คือ... กางเกงมัน... ขวาง... เดี๋ยวจะยับหมดนะครับ”
“อ้อ... จะให้ถอดกางเกง?”
ใบหน้าคมสันร้อนวูบ เขาเองก็รู้สึกแปลกๆ ที่ต้องบอกให้อีกฝ่ายถอดกางเกงออก หากเพราะเจ้านายใส่กางเกงผ้าสแล็กทำให้นวดได้ลำบากและผ้าก็จะยับหมดด้วย แล้วตอนที่เคยนวดให้เพื่อนๆ ในทีมเบสบอล พวกเขาแก้ผ้านวดกันเลยด้วยซ้ำ หรือถ้านวดข้างสนาม กางเกงผ้ายืดก็สามารถดึงรั้งขึ้นไปได้สูงเกือบถึงโคนขา “...เจ้านายจะเปลี่ยนกางเกงสักหน่อยมั้ยครับ”
คนที่นั่งอยู่บนโซฟานิ่งไปชั่วครู่ “...แล้วถ้าผมอยากให้คุณเร็นนวดหลังด้วย ผมต้องถอดเสื้อมั้ย”
“...อ่า...” ...เอาแล้วมั้ยล่ะกู หาเรื่องใส่ตัวรึเปล่าเนี่ย... เร็นถอยออกไปตั้งหลัก “แล้ว... แล้วแต่เจ้านายเถอะครับ... แต่... แต่ถ้าถอดหมดเดี๋ยวจะหนาวนะครับ”
ร่างผอมบางลุกขึ้นจากโซฟา พร้อมกับสาวเท้าไปทางที่เร็นนั่งจุ้มปุ๊กอยู่ “ถอดให้ผมหน่อยสิ”
“ถะ... ถอด... อะไรครับ” เร็นลุกขึ้นพรวด ดวงตาคมกริบเบิกโพลง
“ถอดเสื้อกับกางเกงไงล่ะ จะได้นวดได้... วันนี้ผมนั่งประชุมทั้งวัน เมื่อยไปหมดเลย”
“ครับ” เด็กหนุ่มยื่นมือออกไปถอดกางเกงออกก่อน กางเกงของเจ้านายสีดำ พออยู่ในความมืดก็ยิ่งทำให้มองเห็นได้ลำบาก จนเขาต้องสุ่มคลำหากระดุมแล้วรูดซิปลง จากนั้นจึงดึงกางเกงลงมากองอยู่ที่ข้อเท้าของเจ้านาย
...น่าแปลกที่เขาสามารถเห็นท่อนขาเรียวยาวของเจ้านายได้ชัดเจนกว่าแขนของเขาเสียอีก ถ้าอย่างนั้น คงเป็นเพราะผิวที่ขาวมาก... ขาวราวกับงาช้าง
เมื่อดึงกางเกงออกจากขาเรียวไปแล้ว เร็นจึงลุกขึ้นมาปลดกระดุมเสื้อของเจ้านายต่อ ทว่าเพราะรู้สึกประหม่า กว่ากระดุมแต่ละเม็ดจะหลุดออกจากรังดุมได้ก็ใช้เวลาอยู่พักใหญ่ พอเสร็จหมดจึงจับสาบเสื้อของอีกฝ่ายแหวกออก แล้วดึงออกจากสองแขนช้าๆ
ขณะที่เร็นโน้มศีรษะเข้ามาใกล้ ชายหนุ่มก็หันไปกระซิบเสียงแผ่ว “ผมนึกว่าคุณเร็นจะคล่องกว่านี้ซะอีก”
ร่างสูงขมวดคิ้ว “คล่อง? หมายความว่ายังไงครับ?”
เจ้านายไม่ตอบ หากก้าวไปนั่งลงบนเตียง “นวดบนเตียงละกันนะ กว้างดี” จากนั้นจึงคว่ำตัวลงนอน
เด็กหนุ่มเดินไปยืนข้างเตียง ค่อยๆ คลานขึ้นไปนั่งข้างกัน เขาเริ่มต้นจากการนวดท่อนขาช่วงล่างก่อน “เจ้านายครับ”
“.....”
“...ผมไม่ได้ทำเรื่องแบบนี้เป็นอาชีพนะครับ”
“เรื่องแบบไหน”
เร็นกัดฟันกรอด เขาพยายามข่มใจ “คุณเป็นคนแรกที่ซื้อตัวผมมา... และผมก็ไม่คิดจะทำแบบนี้อีก”
“แล้วถ้าเกิดคุณแม่ของคุณเร็นป่วยอีกล่ะ”
เด็กหนุ่มหยุดกึก “...ผมยังมีเงินเหลือจากที่คุณจ้าง เงินเก็บก็พอมีอีกนิดหน่อย แล้วอีกไม่นานผมคงจะเรียนจบ หางานทำแล้วค่อยกู้เงินเอา” ทว่าเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะที่ฟังดูเย้ยหยันจากชายหนุ่ม เขาก็กำมือแน่น “ผมไม่ใช่คนร่ำรวยอย่างคุณนี่! ทางเลือกของผมมีจำกัดแค่นี้! ผมไม่เสียใจหรอกนะที่ขายตัวเองให้กับคุณ เพราะอย่างน้อยแม่ของผมก็จะได้รับการผ่าตัด!”
“ขยับขึ้นมานวดหลังทีสิ”
เร็นนึกอยากจะกดร่างผอมบางที่นอนคว่ำอยู่ให้จมลงไปกับเตียง แต่ก็พยายามสงบสติอารมณ์ เขาวางมือลงบนแผ่นหลังโดยให้นิ้วโป้งทั้งสองข้างชิดกันแล้วแผ่ฝ่ามือสองข้างของเขาออกกว้าง พอวางประกบลงบนลำตัวของเจ้านายแบบนี้แล้ว ระยะทางจากปลายนิ้วก้อยข้างซ้ายไปยังข้างขวายาวกว่าลำตัวของอีกฝ่ายไม่ใช่น้อยเลย เมื่อรู้สึกว่าเจ้านายตัวผอมและให้ความรู้สึกเปราะบาง เด็กหนุ่มจึงกดคลึงลงไปอย่างเบามือที่สุด
“คุณเร็น”
“ครับ” เด็กหนุ่มตอบรับไปอย่างหงุดหงิด
“ที่ผมว่าคุณน่าจะคล่อง... เพราะคิดว่าคุณคงมีแฟนมาเยอะ”
ใบหน้าของเด็กหนุ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ โชคดีเหลือเกินที่อยู่ในความมืดเช่นนี้... เขาโมโหตีโพยตีพายใส่อีกฝ่ายด้วยความเข้าใจผิด! เวรกรรม! “ไม่... ไม่เยอะ... หรอกครับ”
“เฉพาะคนที่นับเป็นแฟนไม่เยอะใช่มั้ย”
เร็นถอนหายใจหนักๆ เขาไม่ค่อยอยากพูดถึงเรื่องสมัยก่อนนักหรอก เพราะตอนนั้นน่ะ เขาเป็นคนดังของทีมเบสบอล จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีคนเข้าหาเยอะ ประกอบกับเขาอยู่ในช่วงวัยที่ฮอร์โมนพลุ่งพล่านซะด้วย แต่ในเมื่อเจ้านายถาม เขาก็ไม่กล้าที่จะโกหก “...จะว่าอย่างนั้นก็ได้ล่ะมั้งครับ”
“.....”
มือหยาบนวดเฟ้นบนแผ่นหลังไปพลางระหว่างที่ชายหนุ่มเงียบไป จากท่อนบนลงสู่บริเวณเหนือสะโพก พอสงบสติอารมณ์ลงได้ ใจก็มาจดจ่ออยู่กับผิวเนื้อของเจ้านาย ซึ่งทำให้เขาชะงักไปเล็กน้อย เพราะเมื่อได้สัมผัสแบบเต็มๆ ฝ่ามือแบบนี้ ผิวของเจ้านายทั้งเนียนและนุ่มมือ ไม่ต่างกับผิวของพวกผู้หญิงเลย
“ผม... เคยมีแฟนหลายคนสมัยที่อยู่ไฮสคูล น่าจะประมาณสิบสองคนได้ครับ ครบโหลพอดี... แต่คบกับใครได้ไม่นานก็ถูกเขาทิ้งหมด... บางทียังไม่ถึงอาทิตย์เลยด้วยซ้ำ”
ชายหนุ่มพูดกลั้วหัวเราะ “งั้นเหรอ”
“สมัยที่อยู่ไฮสคูล ผมเป็นนักกีฬาเบสบอลของโรงเรียน ต้องฝึกซ้อมหนักทุกวันและไปแข่งขันอยู่บ่อยๆ เลยไม่ค่อยมีเวลาให้กับความสัมพันธ์ส่วนตัวสักเท่าไหร่ ผมยอมรับว่าเคยมี one night stand กับผู้หญิงที่เข้ามาหาบ้าง ตามประสาวัยรุ่นน่ะครับ แต่พอเข้ามหาลัย... แค่ทำงานพิเศษกับเรียนก็แทบจะไม่มีเวลานอนแล้ว...”
“งั้นตอนนี้ก็ไม่มีแฟนน่ะสิ”
“ไม่มีครับ ถ้าผมมีแฟน ผมคงไม่... เอ่อ... ไม่ขาย... ตัว”
ร่างผอมบางหันขวับไปทางเด็กหนุ่ม “ทำไมล่ะ”
เร็นเม้มปาก พยายามเพ่งมองใบหน้าของเจ้านายในความมืด “เพราะผมไม่อยากทำให้คนที่ผมรักต้องเสียใจ”
“ไม่ห่วงคุณแม่แล้วรึไง” ชายหนุ่มถามสวนกลับไปทันควัน
เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจเจ้านายเลย ทีแรกก็เหมือนจะกวนประสาท แต่ไปๆ มาๆ ก็เหมือนจะเข้าใจ... แล้วนี่กลับมากวนโมโหเขาอีกแล้ว! “ห่วงสิครับ”
“แล้วจะหาเงินจากไหนล่ะ”
“ขายแฟนผมมั้งครับ ชั่งขายเป็นโลไปเลย” เร็นตอบไปอย่างหัวเสีย ทว่านั่นกลับทำให้ชายหนุ่มหัวเราะลั่น
“คุยกับคุณเร็นนี่... สนุกดีนะ”
“ชมหรือประชดผมกันครับเจ้านาย” มือหยาบนวดเคล้นไปบนแผ่นหลังบาง สัมผัสผิวนุ่มๆ แบบนี้ เขาก็รู้สึกดีอยู่หรอกนะ แต่จะดีกว่านี้ถ้าอีกฝ่ายไม่แกล้งพูดจากวนประสาท เด็กหนุ่มเคลื่อนมือขึ้นไปกดคลึงหัวไหล่ “นวดไหล่หน่อยนะครับ”
“อืม... อา... มือของนักกีฬานี่ดีจังเลยนะ” ชายหนุ่มครางเสียงแผ่ว คราวนี้เขาปิดปากเงียบ ปล่อยให้อีกฝ่ายทำหน้าที่นวดไปเรื่อยๆ
หลังจากนวดไปสักพักใหญ่ เร็นจึงขยับลงไปนวดขาบ้าง “ผมนวดต้นขาบ้างนะครับ เดี๋ยวตัวเจ้านายจะช้ำหมด”
“แล้ววันนี้... คุณเร็นทำอะไรบ้างล่ะ”
“ผมไปว่ายน้ำมาครับ... แต่ไม่มีอะไรทำก็น่าเบื่อเหมือนกัน” เด็กหนุ่มตอบขณะนวดขาท่อนบนให้เจ้านายไปด้วย ซึ่งในใจก็คิดว่าต้นขาของเจ้านายนี่ เล็กชะมัด... ขนาดที่เขานวดต้นขาทั้งสองข้างไปได้พร้อมกันเลยทีเดียว
“งั้นพรุ่งนี้คงไม่เบื่อแล้ว”
“หือ? ทำไมล่ะครับ”
“อืม... เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็รู้” ชายหนุ่มพลิกตัวแล้วลุกขึ้นนั่ง จากนั้นจึงคลานเข้าไปหาร่างสูงช้าๆ จนใบหน้าอยู่ห่างจากเด็กหนุ่มแค่ปลายนิ้วกั้น
เร็นนั่งตัวแข็งเกร็ง “...เจ้านาย”
“คุณเร็นยังกลัวผมอีกรึไง”
“เปล่า... เปล่านะครับ”
“งั้นก็ดี... เพราะปกติแล้ว... ผมพูดไม่ค่อยเก่งนักหรอกนะ”
เด็กหนุ่มเลิกคิ้วขึ้น... หมายความว่า ที่เจ้านายชวนคุย แถมยังกวนประสาทเขาสารพัดนี่ ก็เพื่อให้เขาหายเกร็งอย่างงั้นเหรอ?!
“แล้วก็... ผมมีข่าวดีจะบอกนะ คุณแม่ของคุณเร็นจะเข้ารับการผ่าตัดในอีกสองวันนี้”
น้ำเสียงอ่อนโยนนุ่มนวลจนหัวใจของเด็กหนุ่มเต้นผิดจังหวะไปชั่วครู่ เขาชอบน้ำเสียงของเจ้านายแบบนี้มากที่สุด และเวลาที่ร่างผอมบางอยู่ใกล้ๆ เขาก็ชอบกลิ่นหอมละมุนจากตัวเจ้านายมากเช่นกัน ใบหน้าที่อยู่ชิดกับเขานั่น... ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด แต่เขาคิดว่าอีกฝ่ายกำลังยิ้มให้กับตน “ขอบคุณครับ” เร็นยิ้มกว้าง “เจ้านาย... เรียกผมว่าเร็นเฉยๆ เถอะครับ”
แขนเรียวยาววาดโอบลำคอหนา ขณะที่เจ้าของเรือนร่างผอมบางพาตัวเองขึ้นไปนั่งบนตักของเด็กหนุ่ม เขาแนบริมฝีปากลงบนเรียวปากบางอย่างแผ่วเบา
เร็นไม่ได้ถอยหนี... เขาเองก็ไม่เข้าใจตัวเองในเวลานั้นเช่นกัน อาจเป็นเพราะกลีบปากอุ่นนุ่มหรือกลิ่นหอมเย้ายวนใจของเจ้านาย แขนแกร่งโอบเอวบางตอบรับสัมผัสจากชายหนุ่ม ทว่าก่อนที่จะได้ลิ้มรสจุมพิตจากอีกฝ่าย เจ้านายก็ผละออกแล้วเปลี่ยนไปซุกซบตรงซอกคอของเขาแทน
ดวงตาคมกริบจ้องมองศีรษะเล็กที่ก้มงุดอยู่ใกล้ๆ อย่างนึกเสียดาย...
...เสียดาย? เสียดายอะไรวะ!
แต่จะว่าไป... นานแค่ไหนแล้วนะ ที่เขาไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางกายกับใคร หรือแม้แต่จะปลดปล่อยความร้อนรุ่มออกจากร่างกาย เท่าที่จำได้ก็ตั้งแต่มารดาล้มป่วย เพราะเขาทำงานหนักเสียจนกลับถึงบ้านอย่างไร้เรี่ยวแรงทุกวัน พอได้กอดร่างนุ่มที่มีผิวกายหอมราวกับกลิ่นดอกไม้ไว้แนบชิดแบบนี้แล้ว...
...เดี๋ยวก่อนสิ ไอ้เร็น! เจ้านายน่ะ ผู้ชายทั้งแท่งเลยนะโว้ย!
“เจ้านาย... เจ้านายครับ”
“หืม”
...เสียงงัวเงียเชียว... “ถ้าเจ้านายง่วง ก็นอนดีๆ สิครับ เดี๋ยวจะไม่สบายนะครับ อะ!” เร็นหงายหลังผลึงเพราะแรงดันจากศีรษะเล็กที่ก้มงุดอยู่บนแผ่นอกตน โดยที่มีร่างผอมบางของเจ้านายทาบทับ
“อ้าว! เจ้านายครับ!” เด็กหนุ่มผ่อนลมหายใจออกอย่างอ่อนใจ เขาหันไปดึงผ้าห่มมาห่อร่างตัวเองกับเจ้านายไว้ แล้วนอนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย
“อืม” ชายหนุ่มบดเบียดร่างกายกับคนใต้ร่าง
เร็นช่วยลูบแผ่นหลังให้คนที่ขยับตัวเข้าหาความอบอุ่นของตนจนกระทั่งนิ่งไป เขาอมยิ้ม... คิดว่าแบบนี้เจ้านายก็น่ารักดีเหมือนกัน อย่างกับลูกแมวเลย
“เฮ้อ... ราตรีสวัสดิ์ครับ”
เด็กหนุ่มไม่รู้ว่าตัวเองผล็อยหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่พอลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง แสงจากดวงอาทิตย์ก็ส่องผ่านเข้ามาภายในห้องแล้ว เขายันตัวลุกนั่งพร้อมบิดขี้เกียจ ดวงตาคมกริบกวาดมองหาเจ้าของร่างผอมบางที่ใช้ตัวเขาแทนเตียงกับหมอนมาตลอดทั้งคืน หากในยามเช้าเช่นนี้ ก็ไม่แปลกที่อีกฝ่ายจะไม่อยู่แล้ว
เร็นขยับออกจากเตียงช้าๆ พอก้มลงมองเสื้อนอนแขนยาวที่สวมใส่ จึงเห็นว่าที่ตรงกระดุม... มีเส้นผมสีทองเกี่ยวอยู่ มันไม่ใช่เส้นผมของเขาแน่ๆ แล้วที่ตรงนี้... คือที่ที่เจ้านายก้มงุดอยู่ทั้งคืน
มือหยาบหยิบเส้นผมนั้นออกมาอย่างระมัดระวัง แล้วพิจารณาอยู่นาน... สีทอง... ดูยังไงก็สีทองและไม่น่าใช่สีทองจากการทำสีผม... เจ้านายไม่ใช่คนญี่ปุ่นหรอกเหรอเนี่ย! เขาหันกลับไปที่เตียงแล้วก้มลงสำรวจบนผืนเตียงอีกครั้ง จนกระทั่งพบเส้นผมสีทองอีกหนึ่งเส้น วินาทีนั้น ภาพเทวดาจากในโบสถ์ปรากฏขึ้นในความคิดทันควัน
เขากำเส้นผมสีทองนั้นไว้ในมือแน่น แล้วรีบเดินกลับไปยังห้องนอนของตน
TBC~*เจ้านายมีทิ้งเส้นผมไว้ให้น้องเร็นดูต่างหน้าด้วยยยย 55555
ความสัมพันธ์ในความมืดของทั้งสองก็เริ่มเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นแล้วนะคะ
เค้าโครงของเรื่องเงาจันทร์นี้ (Love & Eros) มาจากปกรณัมกรีก เรื่องของไซคีกับอีรอสค่ะ ถ้าหากสนใจจะอ่านเรื่องย่อมากๆ ของปกรณัมกรีกเรื่องนี้ ฮัสกี้สรุปไว้สั้นสุดๆ ในเพจนะคะ husky's pageขอบคุณทุกคนมากค่ะ ขอกำลังใจให้เค้าด้วยน้าาาาา