ลูกเลี้ยง
บทที่ 4
โกรธ สับสน น้อยใจ
คืออารมณ์ของภาติยะในตอนนี้หลังจากพายุแห่งความปรารถนาผ่านพ้นไปพักใหญ่ เขายังคงนั่งนิ่งอยู่บนแป้น
คีย์บอร์ดเปียโนและธามก็ยังคงโอบกอดเขาไว้ แก่นกายยาวสอดลึกค่อยๆขยับผ่านช่องทางของภาติยะไปทีละน้อยจน
กระทั่งมันหลุดออกไปจนหมดทิ้งไว้แต่ความโหวงว่างจนภาติยะใจหาย
สบตาลูกเลี้ยงอย่างตัดพ้อ ริมฝีปากของภาติยะสั่นระริกจนต้องกัดมันไว้ ภาติยะผลักไสธามให้พ้นตัวแต่ไม่
สำเร็จ
“ปล่อย!”
“ไม่!”
“ฉันบอกให้ปล่อย”
ตวาดใส่หน้าธามเป็นครั้งแรกตั้งแต่อยู่ด้วยกันมา แต่ลูกเลี้ยงของภาติยะช่างดื้อดึงเหลือเกิน สองแขนที่
เหมือนจะผอมแต่กลับมีแรงมากพอที่จะรั้งร่างของพ่อเลี้ยงไว้ในอ้อมกอดไม่ยอมปล่อย
“ผมไม่ปล่อยจนกว่าคุณภีมจะยอมรับว่าเป็นเมียผมแล้ว”
เพียะ!
ฝ่ามือของนักเปียโนลอยละลิ่วเข้าหาใบหน้าคมของธามจนชาดิก ธามยกมือกุมซีกหน้าตนเองพลางมอง
ภาติยะอย่างไม่เชื่อสายตาที่เขาลงมือรุนแรงกับธาม ภาติยะเองก็สีหน้าเปลี่ยนไปวูบหนึ่งก่อนที่เขาจะเชิดหน้าขึ้นและฉวย
โอกาสนี้ผลักธามให้ออกห่าง
ร่างโปร่งเพรียวทิ้งเท้าลงกับพื้นบ้าน ทันใดนั้นภาติยะก็ทรุดฮวบลงไปนั่งกองกับพื้นอย่างหมดแรง ภาติยะเพิ่งรู้
ว่าท่อนขาทั้งสองของเขาสั่นราวกับไปวิ่งรอบสนามฟุตบอลมาสักสิบรอบ ธามตกใจเมื่อเห็นสภาพของภาติยะ เขาขยับ
เข้ามาหาแต่ภาติยะกลับยกมือห้าม
“อย่ามายุ่งกับฉัน”
ร่างเปลือยเปล่าใช้มือยันดันตัวเองให้ลุกขึ้นยืนจนได้ ภาติยะเดินโผเผผ่านธามกลับไปยังห้องของเขาโดยไม่รู้
สึกอับอายว่าตนเองไม่มีเสื้อผ้าอาภรณ์แม้แต่ชิ้นเดียวปกปิด จะอายทำไมเล่าในเมื่อธามก็เห็นร่างกายของเขาและสัมผัส
ไปแล้วทุกสัดส่วนเสียด้วยซ้ำ ภาติยะเดินเข้าไปทิ้งตัวลงบนเตียงนอนแล้วหลับตาลงช้าๆ
ธารี
ผมควรจะมีคุณคนเดียวใช่ไหม
แต่ตอนนี้ผมกลับผูกพันลึกซึ้งกับทายาทที่คุณทิ้งไว้
ผมควรจะทำเช่นใดต่อไปดี
รำพันอยู่ในอกพร้อมกับความกลัดกลุ้มที่เกิดขึ้นในจิตใจ ความรู้สึกวาบหวามกับสิ่งที่เกิดขึ้นยังไม่คลายลงไป
จากเนื้อตัวเหนียวหนับ ภาติยะรู้ว่ามันไม่ใช่การข่มขืนฝืนใจเพราะเขาเองก็ห้ามใจไม่อยู่และเผลอคล้อยตามลูกเลี้ยงอย่าง
ง่ายดาย
เสียงเปิดและปิดประตูทำให้ภาติยะพลิกตัวตะแคงหันหน้าเข้าหาข้างฝา ภาติยะยังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับ
ธามในเวลานี้ แรงอ่อนยวบของเตียงและกลิ่นสาบจากร่างกายเด็กหนุ่มวัยรุ่นทำให้ภาติยะรู้ว่าลูกเลี้ยงนั่งอยู่เบื้องหลังของ
เขานี่เอง
“ผมขอโทษ”
เสียงของธามนุ่มกว่าที่เคยได้ยินรวมถึงมืออุ่นที่วางอยู่ตรงเอวของภาติยะก็แสนจะอ่อนโยนจนภาติยะไม่กล้า
ผลักไสพร้อมกับไม่กล้าหันกลับไปมองเช่นกัน
“ผมมันงี่เง่าเองที่ใจร้อนทำกับคุณภีมโดยที่คุณภีมไม่ได้ตั้งตัว”
ก็ใช่น่ะสิ รู้ตัวก็ดีแล้ว เด็กบ้า
“ผมทำกับคุณภีมทั้งที่ยังไม่ได้บอกคุณภีมเลยว่าผมรักคุณภีมมากแค่ไหน”
ใช่ ไม่ได้บอก
อ๊ะ...อะไรนะ
ภาติยะลืมตาโพลงด้วยความไม่คาดคิดอยู่กับฝาผนังหน้าสายตากับสิ่งที่ได้ยิน
มือสากนิดๆลากไล้ไปตามเนื้อตัวที่เขาทิ้งรอยจางๆไว้แทนคำขอโทษ ธามลอบถอนหายใจเมื่อเห็นภาติยะยัง
คงนิ่งสนิทอยู่ในท่าเดิม
บางทีธามอาจจะเข้าใจผิด ดวงตากลมโตที่เขาชอบมองที่มักจะบอกถึงความขัดเขินยามสบตาของพ่อเลี้ยง
อาจจะไม่ใช่เพราะมีใจให้เขาอย่างที่ธามคิดก็ได้
“ผมรักคุณภีม รักตั้งแต่จำความได้ และแม่ก็รู้ว่าผมคิดยังไงกับคุณภีม”
ดวงตาคมเข้มของหนุ่มลูกครึ่งสลดลงเมื่อพ่อเลี้ยงยังคงนอนนิ่งไม่มีปฏิกิริยาใดๆตอบกลับ ธามโน้มตัวลงจูบ
แผ่วเบาที่ไหล่ของภาติยะแล้วเอียงหน้าซบนิ่ง
“ให้โอกาสผมได้ไหม ให้โอกาสผมได้ดูแลคุณภีมอย่างที่แม่ฝากไว้ คุณภีมครับ แม่จากเราไปแล้วตอนนี้เหลือ
แค่เราสองคนที่ต้องอยู่ด้วยกัน คุณภีมเลิกโกรธและรักผมเหมือนอย่างที่รักแม่จะได้ไหม”
มันเป็นการพูดคนเดียวที่ยาวนานของธาม แต่ภาติยะก็ยังไม่หันมามอง ธามถอนหายใจออกมาแผ่วเบาเมื่อรู้ว่า
ความพยายามของเขาไม่เป็นผล พ่อเลี้ยงที่ดูอ่อนโยนกลับใจแข็งกว่าที่คิด ธามลุกขึ้นจากเตียงและก้าวกลับออกไปช้าๆ
โดยที่ธามไม่รู้ว่ายิ่งเสียงก้าวเดินของเขาห่างไปเท่าไหร่ ภาติยะก็ยิ่งใจหาย
“พรุ่งนี้ผมจะประกวดวงดนตรีที่โรงเรียนตอนช่วงบ่าย ถ้าคุณภีมว่างก็...”
บรรยากาศโรงเรียนมัธยมทำให้ภาติยะรู้สึกสดใสขึ้นมาบ้าง ภาติยะยังคงสับสนว่าเขาคิดถูกหรือเปล่าที่มาใน
วันนี้ หลังจากที่เขาชั่งใจอยู่ตลอดทั้งคืน
หลังจากธามออกไปจากห้องภาติยะก็พลิกกลับมานอนหงาย เขามองเพดานอย่างครุ่นคิดกับคำพูดของลูก
เลี้ยงด้วยความประหลาดใจ
ธามรักภาติยะ
สายตาเด็กหนุ่มที่มองมายังเขาคือความรัก ปริศนาที่เขาสงสัยได้ถูกไขให้กระจ่าง และการที่ธารีรับรู้ความรู้สึก
ของลูกชายคนเดียวมันช่วยบรรเทาความรู้สึกผิดในหัวใจของภาติยะลงได้มาก
แล้วเรื่องอายุล่ะ ธามเด็กกว่าเขาตั้งสิบสี่ปีเชียวนะ
“ความรักกับอายุไม่เห็นจะเกี่ยวกันเลย ผมอายุน้อยกว่าธารแล้วไงล่ะ มันไม่ได้ทำให้ความรักที่ผมมีต่อธาร
น้อยลงเลยสักนิด”
คำพูดที่ตนเองเคยพูดกับธารีผุดขึ้นมาราวกับอะไรบางอย่างมาช่วยสะกิดให้ภาติยะรู้สึกตัว เขาเด้งกายออก
จากเตียงคว้าเสื้อผ้ามาใส่ลวกๆก่อนจะก้าวออกจากห้องเพียงเพื่อพบกับบ้านที่ว่างเปล่าในยามเย็น ภาติยะมองเห็นโฟม
ใส่อาหารวางอยู่บนโต๊ะรับแขกพร้อมกับกระดาษแผ่นนึง
“ผมจะไปซ้อมดนตรีบ้านเพื่อนคงจะนอนบ้านมันเลย คุณภีมกินข้าวและยาที่ผมวางไว้ด้วยนะ เป็นห่วงมากนะ
ครับ”
เพื่อนคนไหน ใช่คนที่พากันมานอนที่บ้านในคืนนั้นหรือเปล่า
ภาติยะตกใจกับความรู้สึกหึงหวงที่แล่นมาเป็นริ้ว
เขากำลังหึงหวงและรู้สึกถึงความเป็นเจ้าของในตัวเด็กหนุ่ม มันไม่ใช่แค่ความรู้สึกผูกพันกันเช่นเดิมอีกต่อไป
แล้ว ปฏิเสธหัวใจตนเองไม่ได้เลยว่าธามก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของภาติยะ ความอ้างว้างเดียวดายตลอดทั้งคืน
เมื่อไม่มีธามอยู่ร่วมชายคายิ่งตอกย้ำความจริงในหัวใจ
ภาติยะเองก็รักธามไม่แพ้กัน
และนั่นคือสิ่งที่ทำให้ภาติยะตัดสินใจมาที่โรงเรียนมัธยมที่ธามเรียนอยู่ในวันนี้
โรงเรียนมัธยมคราคร่ำไปด้วยเด็กนักเรียนและผู้ปกครองในวันงานกิจกรรมของโรงเรียน และตอนนี้ทุกคนต่าง
จับจองพื้นที่ด้านหน้าเวทียกสูงที่เป็นกิจกรรมสุดท้ายกับการประกวดวงดนตรี เสียงกรี๊ดกร๊าดโห่ร้องดังขึ้นตลอดเวลาเมื่อ
นักดนตรีแต่ละวงขึ้นมาแสดงฝีมือ และในที่สุดการรอคอยของภาติยะก็สิ้นสุดลง
เสียงกรี๊ดของเด็กสาวดังมากเป็นพิเศษเมื่อธามและเพื่อนๆก้าวขึ้นสู่เวที ภาติยะที่ยืนหลบแดดยามบ่ายจัดอยู่
ใต้ต้นไม้ด้านหลังกลุ่มคนดูเผลอยิ้มออกมาเมื่อเห็นธามในชุดนักเรียนสะพายกีตาร์ตัวเก่งก้าวมายืนด้านหน้า คิ้วของ
ภาติยะขมวดลงเล็กน้อยเมื่อเห็นกบเพื่อนของธามอยู่ในตำแหน่งมือกลอง แต่ช่างเถอะ เขาควรจะสนใจการแสดงของ
ธามมากกว่าเมื่อเสียงเพลงร็อคเริ่มดังขึ้น
ไม่ต้องบอกฉัน ถึงวันที่เลยผ่าน
ไม่ต้องบอกฉันว่าเคยมีใครคนไหนยังไง
ถ้าเผื่อฉันเผลอ บังเอิญฉันถามเธอไป
เธอก็ไม่ต้องตอบฉันเลย
และฉันคนนี้ ก็มีที่พลาดผิด
ใช้ว่าชีวิตจะดีจะงาม สักเท่าไร
ไม่อยากให้ถาม มันไม่น่ารู้เท่าไร
ไม่ใช่เรื่องจำเป็นของเรา
วันวานมันคืนย้อนมาไม่ได้ และวันพรุ่งนี้ยังไม่รู้
ฉันพร้อมจะอยู่ ฉันพร้อมจะตายเพื่อรักคำเดียว
ไม่ว่าเธอจะเคยเป็นใคร
จะผ่านอะไรมาขอจงอย่าเป็นกังวลนี่คือคนของเธอ
ไม่ว่ามันจะเกิดอะไรต่อจากนี้ไปฉันจะอยู่ดูแลเธอ ด้วยคำว่ารักด้วยใจ
ไม่ต้องบอกฉัน ถึงวันที่เคยผ่าน
ไม่ต้องบอกฉันว่าเคยมีใครแค่ไหนยังไง
แค่บอกว่ารัก แค่เธอรักฉันง่ายง่าย
ฉันต้องการแค่ใจของเธอ
ไม่ว่าเธอจะเคยเป็นใคร
จะผ่านอะไรมาขออย่าเป็นกังวลนี่คือคนของเธอ
ไม่ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น
ต่อจากนี้ไปฉันจะอยู่ดูแลเธอ จะรักเพียงเธอ
(เพลง คนของเธอ / แมว จิรศักดิ์ ปานพุ่ม)
เสียงปรบมือและเสียงกรีดร้องชื่นชมดังยาวนานเหลือเกินเมื่อเพลงจบลง น้ำตาของภาติยะหยดหนึ่งร่วงลงมา
โดยไม่รู้ตัว
มีต่ออีกนิด...