ทดลองรัก
บทที่ 2
“อ้าวฝุ่น มารอพี่ชายเหมือนเดิมเหรอ”
เสียงทุ้มที่ดังมาจากด้านหลังส่งผลให้ใบหน้าที่ซ่อนอยู่ภายใต้แว่นสายตาอันใหญ่เกือบครึ่งหน้าถึงกับเปลี่ยน
สีเป็นแดงเรื่อทันตาเห็นเมื่อเขากำลังจะขึ้นรถญี่ปุ่นมือสองที่พี่ชายตัดใจซื้อมาใช้ ร่างเพรียวที่สูงกว่าพี่ชายหันกลับไปยิ้ม
ให้ผู้กำกับหนังจีวีแล้วเอ่ยคำทักทายกลับ
“ครับพี่เปา”
“นี่ใกล้จะสอบแล้วสิ ตั้งใจเข้านะอยากจะเรียนอะไรล่ะเรา”
“อยากเรียนด้านการแสดงครับพี่เปา ฝุ่นอยากเป็นผู้กำกับหนัง”
มือใหญ่ของเปายกมาวางบนศีรษะของฝุ่นอย่างเอ็นดูยิ่งเห็นเด็กหนุ่มในชุดนักเรียนกางเกงขาสั้นทำหน้าเก้อ
เขินเขาก็ยิ่งยิ้มกว้างให้
“ฝุ่นเก่งอยู่แล้วพี่เชื่อว่าฝุ่นจะทำได้แน่ๆพี่คงจะได้เห็นฝีมือกำกับหนังของฝุ่นในเร็วๆนี้นะ”
“จะคุยกันอีกนานไหม”
เสียงขัดคอดังมาจากตำแหน่งคนขับรถที่เอื้อนเอ่ยลอยลมออกมา
“ง่วง เหนื่อย อยากนอน ถูกคนใช้งานหนักอยากพักผ่อนเข้าใจรึเปล่า”
ฝุ่นถึงกับหน้าเสียเมื่อพี่ชายพูดเสียงขุ่นจนเปาถึงกับทำหน้าเคร่งทันทีที่ได้ยิน เขายิ้มเจื่อนให้เปาแทนคำขอ
โทษ
“พี่ฝิ่นคงจะเหนื่อยจริงๆพี่เปาอย่าถือสาเลยนะครับ”
เปาหัวเราะเบาๆแล้วจึงตอบเสียงดังพอจะส่งให้คนที่นั่งรออยู่ในรถได้ยิน
“ไม่เป็นไรฝุ่น พี่ไม่ถือคนบ้าไม่ว่าคนเมา”
“ไอ้พี่เปา”
ทนไม่ไหวจนฝิ่นต้องเปิดประตูแล้วลงมายืนเผชิญหน้า
“น้อยๆหน่อยเหอะวะปากเนี่ย ว่างๆก็ไปหาหมอให้เขาผ่าเอาหมาออกไปบ้างก่อนมันจะขยายพันธุ์ในช่อง
ปาก”
“พี่ฝิ่น เบาๆ”
ฝุ่นห้ามเสียงหลงเมื่อชักจะไปกันใหญ่กับขาประจำในการปะทะคารม เขาไม่เข้าใจว่าพี่ชายของเขากับเปาที่
เป็นผู้กำกับฝีมือดีจะทะเลาะอะไรกันได้ทุกครั้งที่เจอหน้ากันจนเขาต้องกลายเป็นคนห้าม ก็คงจะพอๆกันกับที่ฝุ่นทะเลาะ
กับกายเพื่อนพี่ชายนั่นแหละ
“ผมกลับดีกว่าพี่เปาก่อนที่พี่ฝิ่นจะหงุดหงิดมากกว่านี้ ไปล่ะครับ”
“ไปเร็วๆก่อนพี่จะฟาดปากมันเหอะ แล้วอย่าลืมอีกสองอาทิตย์ไปทะเลนะฝุ่น”
“ฝุ่นจะนอนที่นี่ใช่ไหมพี่จะไปแล้วนะ”
“ไป พี่ฝิ่นขึ้นรถเร็วๆ ง่วงไม่ใช่หรือไง”
ฝุ่นรีบยกมือไหว้เปาลวกๆก่อนผลุบหายเข้าไปในรถ นายเอกหนังจีวีถือโอกาสยกนิ้วกลางส่งให้ผู้กำกับ
เป็นการสั่งลาอีกครั้งแล้วจึงก้าวเข้าไปสตาร์ทรถและขับถอยหลังจนเปาแทบจะกระโดดหลบไม่ทัน
“พี่ฝิ่นไปหาเรื่องพี่เปาเขาทำไม”
น้องชายต่อว่าไม่จริงจังนักแต่พี่ชายก็เคืองจนต้องยกมือมาผลักศีรษะฝุ่นอย่างหมั่นไส้
“แล้วเราน่ะไปชื่นชมอะไรนักหนาไอ้ผู้ชายเฮงซวยอย่างนั้น แอบชอบมันหรือไง”
จบคำพูดน้องชายก็ถึงกับหน้าแดงลามไปถึงใบหูจนฝิ่นถึงกับเม้มปากเมื่อสิ่งที่คาดไว้น่าจะเป็นเรื่องจริง เขา
สังเกตมาหลายครั้งแล้วเมื่อฝุ่นเจอเปาทีไรต้องแสดงอาการให้เห็นทุกครั้ง ดวงตาที่อยู่หลังแว่นกรอบใหญ่นั่นจะบอกถึง
ความชื่นชมเป็นพิเศษ
“ไม่ พี่จะไม่ยอมให้ฝุ่นชอบไอ้พี่เปาเด็ดขาด”
ฝุ่นหันไปมองหน้าตาบึ้งตึงของพี่ชายอย่างสนเท่
“ทำไม พี่ฝิ่นมีเหตุผลอะไรถ้าผมจะชอบพี่เปาขึ้นมาจริงๆ พี่เปาไม่ดีตรงไหน”
ไม่ดีตรงไหนงั้นหรือ
ฝิ่นกัดฟันกรอดมองถนนเบื้องหน้าเมื่อความหลังตั้งแต่สมัยทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟในผับชื่อดังเมื่อสองปี
ก่อนกลับมาในห้วงแห่งความคิดอีกครั้ง
เสียงเพลงจังหวะเร้าใจดังจนหัวใจต้องเต้นตามพร้อมกับแสงไฟวูบวาบที่ผลัดกันส่องจนลายตาแต่ร่างเพรียว
ที่ใส่เสื้อยืดสีดำของพนักงานเสิร์ฟก็ต้องอดทนที่จะไม่เวียนหัวตาลายไปกับมันเมื่อเขากำลังทำงานในช่วงใกล้ตีสองที่
เป็นช่วงใกล้ปิดแล้ว โต๊ะที่ฝิ่นต้องดูแลกำลังเช็คบิลเขาโค้งอย่างงดงามเมื่อได้ทิปมาเยอะอยู่ จนกระทั่งแขกลุกไปแล้ว
เขาก็หันไปมองเพื่อนที่สะกิดแขนยิกๆ
“ฝิ่น กูฝากดูโต๊ะกูหน่อย เช็คบิลแล้วแต่เหล้ากับมิกเซอร์ยังเหลือ เมาได้ที่ละมึงคงจะใกล้กลับแล้วล่ะ”
ฝิ่นมองหน้าเพื่อนพลางเลิกคิ้ว
“มึงจะไปไหน”
“กูปวดขี้ นี่กูยืนกลั้นอยู่ตั้งนานแม่งก็ยังไม่กลับ กูไปห้องน้ำก่อนที่กูจะขี้ตรงนี้ละมึง”
เพื่อนรีบวิ่งไปทันที ฝิ่นส่ายหน้าอย่างระอาก่อนจะเดินเข้าไปใกล้และชงเหล้าให้เมื่อเห็นว่าน้ำสีอำพันในแก้ว
เหลืออยู่ไม่มากนัก แขกที่นั่งอยู่เพียงลำพังกำลังฟุบหน้ากับท่อนแขนตนเองเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์เงยหน้าขึ้นมอง
จนฝิ่นสะดุ้ง
ดวงตาของแขกคนนี้ช่างคมเหลือเกินแถมยังฉายแสงคุโชนจนฝิ่นใจสั่น ฝิ่นฝืนยิ้มเมื่อวางแก้วเหล้าที่ชงเสร็จ
ลงบนโต๊ะ แต่เมื่อจะชักแขนกลับก็ต้องชะงักเมื่อมันถูกผู้ชายที่เมามายคว้าไว้ทันที
“เอ่อ มีอะไรหรือเปล่าครับ คุณลูกค้าต้องการอะไรหรือเปล่า”
“ทิ้งผมทำไม”
ฝิ่นงงหนักกว่าเดิม เขาก้มหน้ามองชายคนนั้นอย่างแปลกใจ
“ยังไงนะครับ คือ ผม...”
“ฟ้าทิ้งผมทำไม”
“ผมไม่ใช้ฟ้า...”
“มันน่ารังเกียจมากนักหรือไงที่ผมเลือกอาชีพนี้ สำหรับคนอย่างฟ้า”
ไม่ได้การ!
ฝิ่นพยายามพลิกแขนตัวเองที่ถูกอีกฝ่ายยึดไว้แต่มือนั่นก็เหนียวยิ่งกว่าตุ๊กแก เขาหันรีหันขวางพลางมองหา
เพื่อนพนักงานแต่ทุกคนก็ยุ่งเกินกว่าจะมีใครมอง
“ผมว่าคุณลูกค้าเมามากแล้ว ควรจะกลับได้แล้วนะครับกรุณาปล่อยผมเถอะ”
“ทั้งที่มันก็เป็นอาชีพที่สุจริตแต่ฟ้าก็ยังรังเกียจ ทั้งที่ผมทำทุกอย่างเพื่อสร้างฐานะให้เรา คนใจร้าย”
“ปล่อยผม”
ฝิ่นขึ้นเสียงท่ามกลางเสียงดังของดนตรีในผับ ดวงตากลมเบิกโพลงอย่างหวาดหวั่นเมื่อเห็นท่าทีคุกคาม
ทำให้เขาตัดสินใจสะบัดแขนอย่างแรงแต่มันก็ไม่สำเร็จ ซ้ำร้ายผู้ชายตรงหน้ายังใช้แขนอีกข้างโอบเอวเข้ามาใกล้จนดิ้น
ไม่หลุด ฝิ่นอยากจะร้องไห้เพราะไม่กล้าส่งเสียงโวยวาย หากเขาทำอย่างนั้นก็จะกลายเป็นมีเรื่องกับลูกค้าและผู้จัดการ
ต้องไล่เขาออกแน่
“ปล่อยผมเดี๋ยวนี้นะ”
“ไม่ปล่อย ฟ้าลืมไปแล้วหรือไงว่าเราเป็นอะไรกัน ก็ได้ ผมจะตอกย้ำให้ฟ้าได้รู้จนจำขึ้นใจ”
เหล้าแก้วสุดท้ายถูกยกกรอกปากทีเดียวหมดแก้วก่อนที่ผู้ชายร่างสูงใหญ่จะกระชากแขนฝิ่นจนตัวลอยให้เดิน
ตามออกมาด้านนอกของผับ สายฝนตกกระหน่ำอย่างไม่ลืมหูลืมตาแต่ฝิ่นก็ต้องก้าวตามเขามาอย่างขัดขืนไม่ได้จน
กระทั่งร่างเพรียวของฝิ่นถูกผลักเข้าไปด้านหลังของรถกระบะสี่ประตู
ฝิ่นผวาหนีเมื่อผู้ชายคนนี้ก้าวตามแล้วปิดประตูดังปัง เอวของฝิ่นถูกคว้าไว้อย่างรวดเร็วและกางเกงยีนส์เปียก
ฝนก็ถูกกระชากออก ฝิ่นน้ำตาไหลพลางยกมือพนมไว้ที่อก
“ปล่อยผม ผมไม่ใช่ฟ้าแฟนของคุณ ผมชื่อฝิ่น อะ อย่านะ”
ฝิ่นถูกขึงพืดอยู่กลางเบาะแคบด้านหลังรถกระบะ เนื้อตัวเปียกชื้นสั่นเทาเป็นลูกนกเมื่อสบตากับดวงตาคมคู่
นั้นที่ยังไม่มีสติ เสื้อยืดสีดำสกรีนชื่อผับถูกเลิกขึ้นจนเห็นเนินเนื้อหน้าอกสีขาวละเอียด ฝิ่นสะดุ้งสุดตัวเมื่อคนใจร้ายฝัง
เขี้ยวลงกับลานนมอ่อนนุ่ม
“โอ๊ย เจ็บ ปล่อยกู”
เสียงร้องของฝิ่นดังลั่นรถ ร่างบางดิ้นไปมาอย่างร้อนรนเมื่อท่อนล่างถูกร่างใหญ่ทับไว้ กางเกงยีนส์ของผู้ชาย
คนนั้นกดเบียดถูไถเนื้อรอบจุดอ่อนไหวจนแสบร้อน ฝิ่นสะดุ้งเมื่อรับรู้ถึงความแข็งขืนภายใต้ร่มผ้าจนกระทั่งเขาปลด
กระดุมรูดซิปและดึงมันออกมาโชว์หราให้เห็นถึงความใหญ่โตของมัน
“สัส มึงจะทำอะไรกู ปล่อยกูเดี๋ยวนี้”
ฝิ่นดิ้นพล่านเมื่อเขาคนนั้นใช้ไอ้นั่นมาฟาดอยู่บนหน้าท้องพร้อมกับก้มหน้าใช้ลิ้นและปากโลมเลียอยู่ตรงยอด
อก ร่างกายที่หนาวสั่นพลันร้อนวูบวาบขึ้นมาอย่างฉุดไม่อยู่จนฝิ่นเจ็บใจตนเองเหลือเกิน
“ชอบใช่ไหม ฟ้าชอบให้ผมรุนแรงกับฟ้าใช่ไหม ดีล่ะ”
“อย่านะ”
หัวใจของฝิ่นร่วงไปกองกับพื้นเมื่อต้นขาถูกดันขึ้นสูง สองมือพยายามผลักไสกำแพงยักษ์ที่ไม่สะเทือนเมื่อ
ท่อนเนื้ออุ่นชื้นจ่อเข้ากับช่องทางเบื้องล่างและเสียบเข้ามาทันที
ฝิ่นกลั้นหายใจอ้าปากค้าง ดวงตาเบิกกว้างเมื่อความเจ็บปวดที่สุดในชีวิตแล่นวาบเข้ามาอย่างไม่ทันตั้งตัว
เสียงกล้ามเนื้อถูกกระแทกลั่นเปรี๊ยะจนหูดับกล้ามเนื้อเกร็งไปทั้งตัวก่อนจะสั่นระริก ทั้งหมดนั่นทำให้ร่างสูงใหญ่ที่คร่อม
กายอยู่ด้านบนชะงักวูบ
“อะ เหี้ยเอ๊ย ยังบริสุทธิ์อยู่เหรอวะเนี่ย”
ดวงตาคมสบตาคนเบื้องล่างที่ยังตั้งสติไม่ได้ เขากลั้นใจขยับตัวอีกครั้งพลันเสียงร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดก็
ก้องไปทั่วคันรถ
“ใจเย็นๆ อย่าเกร็ง”
เสียงร้องถูกปิดด้วยปากหยาบแตกแห้งของเขา ฝิ่นส่ายหน้าหนีแต่เขาก็ยังตามประกบจนกระทั่งฝิ่นหมด
อากาศหายใจ เมื่อฝิ่นผวาสูดลมลิ้นชื้นก็สอดตามเข้ามาอย่างรวดเร็ว ฝิ่นชักลิ้นหนีแต่ก็ไม่ทันเมื่อมันถูกตวัดเกี่ยว
ซอกซอนจนหน้ามืด
“อะ อื้อ...”
เจ็บแปลบอยู่ตรงสะโพกเมื่อท่อนเอ็นดันลึกเข้ามาทีละน้อย น้ำตาของฝิ่นไหลลงมาตรงหางตาจนกระทั่ง
กล้ามเนื้อชาดิกเมื่อมันฝังเข้ามาจนสุดพอถึงตอนนี้ฝิ่นก็ไร้เรี่ยวแรงที่จะต่อต้าน กลีบปากของฝิ่นถูกเขาค่อยๆและเล็มขบ
เม้มมันทำให้ฝิ่นลืมความเจ็บปวดไปได้บ้าง และยิ่งมือนิ้วสากคีบเม็ดเล็กเหนือยอดอกให้ชูช่อจนขยำเหมาะมือ ความรู้สึก
แปลกประหลาดบางอย่างก็เริ่มเข้ามาแทนที่ความเจ็บปวด
“ฟิตชิบ จะทนไม่ไหวแล้ว”
“อะ ฮึก”
สิ่งแปลกปลอมที่คับแน่นขยับกายจนภายในที่สัมผัสเสียดสีจนฝิ่นเสียววูบ สะโพกเผลอยกลอยขึ้นมาโดยไม่รู้
ตัวเสียงร้องอึงอยู่ในลำคอที่ยังถูกครอบครอง ท่อนเนื้อถูกดึงออกจนรู้สึกถึงอากาศก่อนที่มันจะกระแทกกลับมาอีกครั้ง
และอีกครั้ง
“อ๊า...”
ได้ยินเสียงครางอย่างน่าละอายของตัวเองพร้อมกับความฉ่ำชื้นเปียกแฉะเมื่อกล้ามเนื้อกระทบกันดังสะท้อน
ก้องทั่วรถ ผู้ชายที่เพิ่งจะเห็นหน้ากันไม่กี่นาทีก้มหน้าใช้ปากงับหัวนมจนไหล่บางสะท้านแอ่นกายขึ้นมา สองแขนของฝิ่น
จิกเข้ากับแผ่นหลังชื้นน้ำชื้นเหงื่อจนเลือดซิบแต่ยิ่งกระตุ้นให้เขาครางลึกและเด้งเอวแรงขึ้นไปอีก
“ตอดชะมัด เสียวชิบ”
“อะ ไม่นะ ตรงนั้นมัน..”
ครั้งหนึ่งที่ท่อนเนื้อกระแทกตรงจุด ฝิ่นผวากอดร่างใหญ่ไว้แน่น ดวงตาเบิกกว้างเมื่อความเสียวซ่านแผ่วูบมา
จนท่อนขาทั้งสองที่เกี่ยวอยู่กับต้นขาแกร่งนั้นบิดเกร็งไปหมด ราวกับเขาจะรู้เมื่อเอวหนากระแทกจุดเดิมอีกไม่กี่ทีฝิ่นก็
กัดฟันแน่นและปลดปล่อยน้ำคาวขาวขุ่นที่เก็บกักไว้เนิ่นนานออกมา
“เบาๆโอ๊ย รัดจนจะแตกแล้ว”
เอวแกร่งเกร็งตัวแล้วรัวใส่ไม่ยั้งฝิ่นรู้สึกถึงความแข็งขืนอยู่ในช่องทางก่อนที่มันจะพุ่งความเปียกชื้นจนรู้สึกได้
เสียงคำรามดังลั่นอย่างสะใจกรีดลึกลงไปในใจของฝิ่น ร่างสูงใหญ่กัดฟันถอนกายออกมาจนฝิ่นโหวงว่าง เขายันกาย
สบตาลอยคว้างแล้วจึงทิ้งตัวหลับผล็อยอยู่ตรงไหล่ของฝิ่น ฝิ่นยกหลังมือเช็ดน้ำตาเพราะเมื่อถึงตอนนี้ช่วงล่างของฝิ่นก็
ร้าวระบมไปหมด ได้แต่หยิบกางเกงขึ้นมาสวมอย่างยากเย็นพลางเปิดประตูลงไปยืนขาสั่น ทิ้งให้ผู้ชายคนนั้นหลับอยู่ใน
รถของตัวเองก่อนที่ฝิ่นจะซมซานกลับบ้านและนอนซมไข้ขึ้นโดยไม่มีใครรู้เรื่องนี้
ฝิ่นไม่กล้ากลับไปทำงานที่ผับอีกเพราะกลัวเจอเขา เมื่อกลายเป็นคนตกงานอีกครั้งความเครียดก็เริ่มมาเยือน
เพราะใกล้ถึงเวลาเปิดเทอมของทั้งฝิ่นและฝุ่น หลังจากนั้นไม่กี่วันกายก็มาเกลี้ยกล่อมให้ฝิ่นไปทำงานถ่ายหนังจีวี ทั้ง
ความจำเป็นเรื่องเงินที่บีบคั้นและความเสียใจที่ต้องเสียตัวให้กับผู้ชายที่ไม่รู้จักแม้แต่ชื่อทำให้ฝิ่นตัดสินใจครั้งสำคัญ
เพียงแต่เขามีข้อแม้ว่าจะยอมถ่ายหนังที่มีกายเล่นด้วยเท่านั้นหากเป็นคนอื่นฝิ่นจะไม่เล่น นั่นคือช่วงชีวิตสำคัญของฝิ่น
และวันแรกเมื่อฝิ่นไปถึงสตูดิโอถ่ายทำเขาก็อ้าปากค้างเมื่อกายแนะนำว่า ผู้ชายร่างสูงใหญ่หน้านิ่งไร้อารมณ์
ที่นั่งรออยู่ในห้องประชุมท่ามกลางทีมงานทั้งหมดคือผู้กำกับหนังหน้าใหม่ฝีมือดี
จะไม่ให้ฝิ่นตะลึงได้อย่างไรในเมื่อผู้กำกับคนนั้นคือผู้ชายคนแรกของฝิ่น ผู้ชายที่ลากฝิ่นไปปล้ำบนเบาะหลัง
รถกระบะทั้งที่เมามาย และที่ทำให้ฝิ่นต้องกัดฟันแน่นคือไม่มีทีท่าว่าเขาจะจำฝิ่นได้สักนิด มันทำให้ฝิ่นเกลียดขี้หน้าผู้
กำกับเหลือเกิน
ผู้ชายแสนเลวอย่างนี้จะปล่อยให้ฝุ่นไปชอบได้อย่างไร ฝิ่นจะทำทุกวิธีที่จะขัดขวางฝุ่นไม่ให้ไปเสียท่าผู้ชาย
เลวๆ อย่างนั้นแล้วจะต้องมาเสียใจอย่างเขา
มีต่ออีกนิด