Part XXVII.1.4
ตื่นเช้ามาอย่างผิดปกติ ทั้ง ๆ ที่เมื่อคืนก็นอนอย่างดึกเลยไม่สิเกือบเช้ามืด นี่ก็เกือบ 8 โมง แล้ว ได้นอนมั้งปะเนี่ย วันนี้จะตระเวนทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้บรรดาเจ้ากรรม นายเวรเจ้าบุญ นายคุณ ปู่แถน ย่าแถน ทั้งหลาย ให้ตกไปกับไฟ ไหลไปกับน้ำ เห็นเอ็กซ์นอนอยู่ก็เลยไม่อยากปลุก กำลังจะลุกออกจากเตียงก็มีมือของใครไม่รู้มาดึงผมลงไปนอนต่อ
“เฮ้ย เอ็กซ์ มะ.. มุ.... เมอ.... เฟอร์ จะกลับละ” เกือบเรียกชื่อจริงไปแล้วงัย
“อีกนิดดินะ ขอ 5 นาที” ว่าแล้วมันก็หลับไป
“ตามใจ มุยไปก่อนละกัน” ถึงจะลา ผจก. เขต ไปแล้ว แต่ก็ต้องไปลาพี่ ๆ ที่ สำนักงานเขต รวมทั้งเข้าไปเก็บข้าวของที่หอพักด้วย วันนี้ตั้งใจจะทำบุญ 9 วัดสักหน่อย อะไร ๆ มันจะได้ดีขึ้น อีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าก็ต้องจากไปละ จิตใจจะได้สงบปราศจากความกังวล และไปเริ่มตั้งหัวใจให้คงที่ใหม่ที่กรุงเทพฯ
“เดี๋ยวดิคับ ขอต่ออีก 5 นาที นะครับ เดี๋ยวผมไปส่ง”
“อือ ๆ ก็ได้” แล้วมันก็หลับไป ผมก็เขียนโน็ตทิ้งไว้ให้มันโทรหา เสร็จผมก็ย่องออกมาจากห้อง จากบ้านมันแล้วก็มายืนเอ๋ออยู่หน้าปากซอยบ้านมัน
“เฮ้อ กู เอางัยดีวะเนี่ย” นึกถึงไอ่แซกขึ้นมาอะ ก็เลยโทรไปหามัน
“โหล แซกทำไรอยู่”
“ซื้อของอยู่กาดต้นลำไย ทำไมเหรอ”
“เฮ้อ ดีละ มารับพี่หน่อยดิที่ถนน .............. รอยู่หน้าเซเว่นปากซอย....................”
“แล้วไปทำไรที่นั่นหละ มันคนละที่กับที่ทำงานเลยนะ” มันจะสงสัยอะไรของมันเนี่ย
“เอ่อ เมื่อเช้ามีธุระนิดหน่อยอะ แล้วจะมาได้ปะละ”
“แป๊บนึงอะ กำลังซื้อของอยู่ใกล้จะเสร็จแล้ว แล้ววันนี้ไม่ไปทำงานหรืองัย แปดโมงกว่าละ”
“วันนี้ลาอะตอนแรกว่าจะครึ่งวัน แต่เดี๋ยวจะโทรไปลาเต็มวันเลยละกัน วันนี้พอว่างปะละ”
“ก็ว่างอยู่ครับ สำหรับพี่ว่างเสมอ ว่าแต่ทำไม”
“ก็กะว่าจะไปไหว้พระสัก 9 วัดอะ แต่ไม่มีใครไปเป็นเพื่อนเลยอะ ทำงัยดีหละ ช่วยคิดหน่อยดิ”
“ไม่ต้องคิดแล้วมั้ง จะให้ไปเป็นเพื่อนว่างั้นเหอะ”
“ก็รู้แล้วจะไปได้มั้ยหละ”
“คร้าบ ได้คร้าบ แต่ต้องเข้าบ้านก่อนนะ ไปกินข้าวกันก่อน”
“แน่ใจนะว่าจะกินข้าวอย่างเดียว” ไม่ค่อยไว้ใจเลย เด็กสมัยนี้
“จริง ๆ สาบาน ให้พี่เป็นแฟนผมเลยเอ้า”
“เร็ว ๆ ไม่ต้องเล่นเลย รีบซื้อของให้เสร็จ มารับด้วย จะกลับหอพักก่อน จะไปเก็บเสื้อผ้า แล้วค่อยไปบ้านแซก จากนั้นหลังกินข้าวเสร็จก็พาไปไหว้พระด้วย เริ่มจากวัดพระสิงห์ จะไหว้พระธาตุประจำปีเกิด แล้วค่อยไปดอยสุเทพ จากนั้นค่อยไปวัดอื่น ๆ เสร็จแล้วเย็น ๆ มาส่งขึ้นเครื่องด้วย”
“คร้าบ ๆ รู้แล้ว สั่งจัง สั่งอยู่นั้นแหละ เดี๋ยวค่อยคุยกันได้มั้ย ซื้อของไม่เสร็จกันพอดี”
“อือ เร็ว ๆ หละ รออยู่”
“ครับผม ”
หลังจากที่นั่งรอมันหน้าเซเว่นพักใหญ่ ๆ มันก็มารีบ ดีเหมือนกันไม่ต้องรอนาน
“ซื้อของไวจัง”
“ก็ใกล้เสร็จแล้วตอนที่โทรไปหนะ แล้วนี่มาอยู่แถวนี้ได้งัย”
“ซื้อไรมั้งหละ”
“ก็เยอะแยะของกินของใช้ ทำไมมาอยู่ที่นี่หละ”
“แล้วแม่ไม่ได้มาด้วยเหรองัย”
“ไม่ได้มา แม่ทำกับข้าวอยู่ เมื่อกี้โทรไปบอกว่ามุยจะไปกินด้วย ก็เลยเพิ่มนิดหน่อย”
“เหรอ”
“แล้วนี่จะบอกได้ยังว่าทำไมถึงมาอยู่ที่นี่”
“วันนี้หนาวดีเนอะ”
“5555555+++”
“เฮ้ย หัวเราะทำบ้าไร ตกใจหมด”
“ป่าวหรอก เห็นคนมีพิรุธมันตลกอะ” ไอ่เด็กเปรต ประสาทแดรกละ
“ไม่ได้มีพิรุธไรนี่”
“เอ่อ ช่างพี่เหอะ ไปไหนมาไม่ตอบก็ไม่ต้องตอบ”
“ก็บอกแล้วงัยว่าไปหาเพื่อนมา ไม่ได้ฟังหรืองัย” ขึ้นเสียงข่มนิดนึง
“เอ่อ ๆ ตามใจ กินไรมายังหละ หยิบปาท่องโก๋ น้ำเต้าหู้กินก่อนก็ได้นะ อยู่เบาะหลังอะ”
“มีเหรอ อืม กินดิ กำลังหิวพอดี”
“ไม่ต้องกินเยอะละ กับข้าวที่บ้านยังมีอีกเพียบ”
“ได้เลยไอ่น้อง 555+” หัวเราะออกละ คลายเครียดไปเยอะ
กินไปได้สักพัก
“โห คนเรานี่กะว่าจะนั่งกินคนเดียวเลยเหรองัย”
“อ้าว ก็ไม่รู้นิ นึกว่ายังไม่หิว อะ อ้าปาก อ้ามมมมมมม เร็ว ๆ”
“ครับ ๆ ใจร้อนจริง คนขับรถอยู่นะจะตามใจทันทีทันใดได้งัย เดี๋ยวก็โครมกันพอดี”
“งัย อร่อยปะ”
“อ้าว ก็อร่อยดิ ไม่อร่อยจะซื้อมาเหรอ เจ้าประจำด้วยนะ แซกซื้อมาตั้งกะเด็ก ๆ ละ ชอบอะดิ”
“ก็อร่อยดี”
สักพักก็มาถึงหอ ก็รีบเดินขึ้นห้องและก็เก็บข้าวของอย่างรวดเร็ว ไอ่แซกมันก็ช่วยเก็บนู้นเก็บนี่ เก็บไปบ่นไป
“โหยนี่กะมาอยู่เป็นปีหรืองัย เอาไรมาเยอะแยะ”
“...........................”
“จะถือกลับกรุงเทพคนเดียวไหวเหรอเนี่ย” จะบ้าเหรอ ไม่ได้ยืนกลับนี่ นั่งเครื่องแป๊บเดียว
“..............................”
“โหแล้วเนี่ยเสื้อผ้ายังไม่ได้ซักใช่มะ จะดองเอาไว้ทำไรกินหรืองัย”
“นี่ถ้าคิดจะช่วยก็ไม่ต้องบ่น ถ้าไม่บ่นก็ไม่มีใครว่าหรอก เร็ว ๆ หน่อยเดี๋ยวแม่นุ่นรอ” ต้องเอาแม่มาอ้างซะหน่อย มันจะได้เลิกบ่นซักที มันจะอาไรหนักหนาวะ
พอเก็บเสร็จ คืนกุญแจแม่บ้านเสร็จก็ให้เงินแม่บ้านไว้นิดหน่อยเป็นของขวัญ น้ำใจ เล็ก ๆ น้อย ๆ ค่าทำความสะอาด และค่าดูแลห้อง และก็รีบเดินไปขึ้นรถกันเลยครับ ไม่ได้สนใจใคร ไม่ได้รอใคร พอกันที สำหรับที่นี่ แต่ก็แปลกครับ ทั้งตึกเงียบฉี่ เหมือนไม่มีใครเลย พอมาคิดดู ก็จะไปมีใครได้งัย ทุกคนคงจะไปทำงานกันอะครับ เหลือผมคนเดียวที่ไม่ได้ไป แต่ก็ไม่เป็นไร คงไม่มีใครคิดถึงผมหรอก ป่านนี้พวกมันคงเม้าท์กันสนุกปาก แบ่งตังค์กันเรียบร้อย เอแต่ตังค์พวกมันอยู่ที่ผมนี่นา แล้วเมื่อคืนผมก็ไม่ได้จ่ายค่าไรเลยอะ ว่าจะเลี้ยงซะเปล่า สรุปแล้วไม่ได้ออกตังค์ซักบาท วันนี้ขอนำตังค์ไปทำบุญซื้อข้าวของ ซื้อของฝากมั้งหละ 555+ ไม่เปลืองตังค์ตัวเอง แถมได้ทำบุญล้างบาป ได้กินอิ่มอีก 5555+++ หัวเราะอย่างคนเสียสติ
พอขึ้นรถได้ประกอบกับความเย็นของแอร์ แดดแรง หนังตาก็ชักเริ่มจะปิดแล้วครับ เพราะทั้งนอนน้อย บวกกับเหนื่อยมาทั้งคืนมั้งเนี่ย ยังไม่ 9 โมง เลย ขอสักงีบเหอะ กว่าจะถึงบ้านแซกก็เป็นชั่วโมง แล้วผมก็เคลิ้มหลับไปโดยไม่รู้ตัว (เพื่อน ๆ ลองไม่นอนมาทั้งคืน ตอนเช้ามันจะแสบตามาก และพอเจอแดด มันจะทำให้ตาเราแทบปิด เหมือนเราลอย ๆ ยังงัยไม่รู้บอกไม่ถูก คงเคยไม่นอนทั้งคืนกันมานะครับ)
“มุย มุยครับ ถึงแล้ว”
“อืมมม ถึงแล้วเหรอ ไมไวจังอะ”
“ก็เล่นหลับสนิทขนาดนั้น จับนู้นจับนี่ก็ไม่ยอมตื่น 555+ ดีจริง”
“หะ เล่นไรลามก”
“คิดไรทะลึ่งปะ จับแขนเฉย ๆ หรือว่าอย่าให้จับไร”
“เอ่อ ๆ ๆ เร็ว ๆ จะขึ้นบ้านแล้ว อยากเจอแม่ จะมาลาด้วยก่อนที่แม่จะออกไปไร่”
“โห ใจร้อนจริง บ้านไม่หนีไปไหนหรอกครับ”
“จะคุยอีกนานมั้ย เร็ว ๆ” แล้วผมก็เปิดประตูออกไป
พอขึ้นบ้านก็เจอแม่นุ่นอยู่ในครัวกำลังเตรียมกับข้าวอยู่ ก็ร่ำลากัน สักพักแม่นุ่นก็ขอตัวเข้าในไร่เพราะสายมากแล้ว ส่วนผมหลังจากกินข้าวเสร็จก็ขอตัวนอนต่ออีกแป๊บและโทรไปบอก ผจก. เขต ว่าจะเข้าไปตอนบ่าย ๆ ตอนนี้ขอนอนสักงีบนึงละ ว่าแล้วก็ขึ้นไปนอนห้องไอ่แซกมัน ส่วนมันก็ออกไปส่งแม่ที่ไร่ แล้วผมก็หลับไปฝันดีเอย
ตื่นมาอีกทีก็รู้สึกว่ามีใครมานอนด้วย แถมไม่นอนเปล่า ยังเอาจมูกมาคลอเคลียตรงซอกคอ มือไม้ก็อยู่ไม่สุก แกะนู้น จับนี่ ถอดนั้น จนชักทนไม่ไหว ก็เลยต้องตื่นขึ้นมา เฮ้อออีกสักรอบก็ได้วะ เอาให้มันสุด ๆ ไปเลย ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว
.
.
.
.
.
.
“โอ้ย ไม่ไหวแล้ว เร็ว ๆ หน่อยแซก แรง ๆ เลย”
“อืมมมม อา ได้เลย อา มันส์มั้ย คับ ที่รักของผม”
“อา อา ใกล้แล้ว ใส่มาเลยไม่ต้องยั้ง แรงอีกนิด ไม่ไหวแล้ว โอ้ย ไม่ไหวแล้ว มาแล้ว มาแล้ว โอ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”
“เหมือนกันพี่ รอด้วย โอ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย อา แฮก ๆ ๆ อา อา” ความรู้สึกเหมือนอะไรมันฉีดเข้าไปมากมาย อุ่น ๆ ปรี้ด ๆ รู้สึกเสียวจี๊ด ๆ ข้างในมากมาย และจากการเกร็งของท่อนกล้ามเนื้อของน้องชายมัน เป็นจังหวะ ๆ ก็ทำให้ไปกระทบกับจุดเสียวที่ซ้อนเร้นอยู่เป็นจังหวะเช่นกัน ทำให้เราหวิว ๆ เหมือนลอยขึ้นไปสูง ๆ แล้วตกลงมา แล้วก็ลอยกลับขึ้นไปใหม่
“เหนื่อยไรมากมาย แค่นี้เหนื่อยแล้วเหรอ” แกล้งมันซักหน่อย
“..............................”
“นี่ ๆ ไอ่น้อง หมดแรง ไม่มีแรงพูดเลยหรืองัย”
“ค้าบ ๆ ๆ ยอมแล้ว ๆ แฮก ๆ หมดแรงจริง ๆ เหนื่อยนะเนี่ย แฮก ๆ เห็นใจมั้งดิคับ”
“ค้าบ ๆ ล้อเล่น พี่ก็เหนื่อยนะ เกร็งจนเหนื่อยเลย 555+” อารมณ์ดี
“หิวข้าวแล้วอะ อาบน้ำเสร็จ กินข้าว แล้วเราไปวัดกันนะครับ”
“อืมมมมม ครับ”
“เอ่อ ว่าแต่ เอาออกก่อนได้มั้ย ไม่งั้น ได้อีกรอบแน่ ๆ” จากประสบการณ์ และการอ่านหนังสือที่ผ่านมา ไม่ควรจะให้ค้างไว้แบบนี้ เพราะความฟิตของมันอาจจะไปปลุกอารมณ์อีกรอบก็เป็นได้
หลังจากอาบน้ำแต่งตัว กินข้าวกินปลาเสร็จ มันก็พาไปวัดพระสิงห์ ก่อนเป็นแห่งแรก แล้วก็ไปไหว้สา ครูบาศรีวิชัย ขึ้นไปดอยสุเทพ และก็ไปเที่ยวหลาย ๆ ที่ ซื้อของฝากมากมาย สุดท้ายมันก็มาส่งขึ้นเครื่อง ตอนใกล้ ๆ หกโมงเย็น ต้องมาเช็คก่อน 1 ชั่วโมง ด้วยข้าวของพะลุงพะลัง สนุกสุด ๆ เงินก็ไม่ใช่ของเรา ตังค์ก็ไม่เปลือง 555+ อิ่ม ก็ อิ่ม ขอเก็บความสนุกสนาน ลืม ความเศร้ากับคนที่รักเราดีกว่า ต่อไปนี้ เราจะไปเริ่มหัวใจใหม่ ๆ ของเราที่บางกอกหละ
“ขอบใจมากนะ ดีใจที่ได้รู้จัก ดีใจที่ได้เจอกัน”
“อืมม ไม่เป็นไรครับพี่ คุยกับพี่เที่ยวกับพี่สนุกดีออก แล้วเจอกันที่กรุงเทพนะครับ เดี๋ยวมหาลัยก็จะเปิดละ อย่าลืมโทรมาผม และแม่นุ่นด้วยนะครับ”
“ครับ แล้วเจอกัน”
“เอ่อ พี่คร้าบ ผมว่ามันไม่เหมาะไม่สมควร แต่ว่าขอผมได้กอดให้หายคิดถึงได้มั้ยครับ”
“อะนะ ได้ดิครับ มา มา มานี่เร็ว 555+”
“....................คิดถึงจังอะครับ เวลาวันนี้มันผ่านไปไวมาก ๆ”
“นี่แหละครับ ความสุขมันมักผ่านไปเร็วเสมอ แต่ความทุกข์มันยืดยาวเหลือเกิน”
“แล้วพี่จะคิดถึงผมมั้ยครับ” เริ่มกลับเป็นโหมดเด็ก ๆ อีกแระ
“ก็คิดถึงดิครับ แล้วก็จะโทรมาหาบ่อย ๆ”
“จริง ๆ นะครับ แล้วเราจะได้เจอกันอีกมั้ยอะครับ”
“แน่นอนสิครับ ต้องได้เจอแน่นอน แล้วเจอกันที่กรุงเทพนะครับ”
“ครับ”
“ครับแล้วก็ปล่อยสิครับ”
“ครับ”
“เอ่อ ก็ปล่อยซะทีสิครับ”
“ครับ”
“อ้าว ก็ปล่อยดี้”
“ครับ”
“แล้วพี่จะได้ไปมั้ยเนี่ย เดี๋ยวก็ตกเครื่องกันพอดี”
“อะ พี่มุย กำลังซึ้งอยู่เนี่ย จะรีบไรหนักหนา”
“ค้าบ ๆ ปล่อยได้ยัง”
“เฮ้อ ก็ได้ โชคดีนะครับ แล้วเจอกันที่กรุงเทพ”
“ครับ”
“บาย”
“บาย”
ชีวิตไม่มีอะไรจีรังยั่งยืนเลย มีสุข มีทุกข์ มีหัวเราะ มีร้องไห้ มีการพบปะ มีการจากลานี่สินะ สีสันของชีวิต
อายุ 10 ปี๋ อาบน้ำบ่หนาว
อายุ 20 ปี๋ แอ่วสาวบ่ก่าย
อายุ 30 ปี๋ บ่หน่ายสังสาร
อายุ 40 ปี๋ เยี่ยะการเหมือนฟ้าผ่า
อายุ 50 ปี๋ สาวด่าบ่เจ็บใจ๋
อายุ 60 ปี๋ ไอเหมือนฟานโขก
อายุ 70 ปี๋ มะโหกเต็มตัว
อายุ 80 ปี๋ ใคร่หัวเหมือนไห้
อายุ 90 ปี๋ ไข้ก็ต๋าย บ่ไข้ก่ต๋าย
จะเอาอันใด ไปบ่ได้สักอย่าง บ่ซัวะบ่วาง บ่หายหม่นเศร้า
กำบ่าเก่า เล่าไว้มาเมิน เลยวาง.........................