บทที่11 ศึกคนชนคน
เวลาสิบห้านาฬิกาสามสิบนาที วันอาทิตย์
ผม...กำลังยืนอยู่หน้าร้านอาหารตามสั่งแห่งหนึ่ง แม่ค้าหน้ามันแผลบเทสะเก็ดหมู่กับกองถั่วฝักยาวและแครอทหั่นลงในกระทะที่คาดว่าจะเป็นเมนูกะเพราสะเก็ดหมูก่อนจะเดินเอาไปเสริฟลูกค้า ไม่เข้าใจจริงๆว่ากะเพราะสมัยนี้ทำไมใส่แครอทกับข้าวโพด
ราคาก็โครตแพง แต่คนขายให้น้อยยังกับเฉือนเนื้อตัวเองออกมาปรุงถึงได้ประหยัดเสียขนาดนั้น แต่ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่เรื่องราคากับข้าวหรอกครับ
ปัญหาก็คือคนที่ผมกำลังยืนรออยู่ต่างหาก...
ถัดจากปากทางเข้าหมู่บ้านจะมีร้านอาหารตามสั่งซึ่งก็คือร้านที่ว่านั่นแหละกับย่านชุมชน ผมได้รับคำสั่งให้ออกมารอรับเพื่อนของแม่ที่จะมาทานข้าวกระชับมิตรกันที่บ้าน และคนคนนั้นก็พาลูกชายของเขาที่เพิ่งเข้าสอนอังกฤษห้องผมไปเมื่อวันก่อนมาด้วย...
พี่เอิทกำลังจะมา...
ไม่ได้จะอะไรกะพี่แกหรอก แต่คือ...ตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมาพี่แกทำหน้าเหมือนมีอะไรอยากจะพูดแต่ฐานะอาจารย์มันค้ำคอร์เลยไม่อาจคุยเรื่องส่วนตัวกับนักเรียนขณะปฏิบัติงานได้...
เอาละความผิดที่ก่อไว้มีอะไรบ้างลองไล่ดูทีละข้อเลยนะ
หนึ่ง จีบพี่แกและผองเพื่อนกลางศูนย์อาหาร
สอง เปลวมาฉุดออกไปปานแฟนหนุ่มตามหึงหวง
สาม เอาเรื่องพี่แกเป็นชายรักชายมาแฉบุพการี
นายน้ำเงินยกนิ้วขึ้นนับอย่างหวาดๆเกรงว่าเกรดวิชาอังกฤษซึ่งไม่ได้ดีอะไรอยู่แล้วจะดิ่งลงเหวเข้าไปใหญ่ ยังไม่ทันได้ตั้งตัวดีรถบีเอ็มสีขาวก็ขับมาจอดเทียบ กระจกรถเลื่อนลงโดยผู้หญิงวัยกลางค่อนปลายคนคนหนึ่ง”น้ำเงินรึป่าวลูก” เธอถามอย่างอ่อนโยน
“ครับ สวัสดีครับ”เพื่อนแม่ชี้ให้ผมขึ้นไปนั่งเบาะหลัง ภารกิจของผมคือบอกทางในหมู่บ้าน...หมู่บ้านไม่ได้ซับซ้อนขนาดนั้นแค่แม่อยากต้อนรับเพื่อนอย่างสมเกียรติ(?)เลยส่งลูกชายออกมา พี่เอิทหันมามองผมผ่านกระจกมองหลัง
“แฮ่ๆ หวัดดีคับครูเอิท”
“สวัสดีครับน้ำเงิน ทำการบ้านของครูรึยัง”
“ยังครับรอลอกเพื่อนพรุ่งนี้”เห้ย หลุดปาก...ครูเอิทที่เคารพมองจิกผ่านกระจกหลังเหมือนเดิม รถเคลื่อนเข้าสู่ตัวบ้านพอดีทำให้พี่เขาต้องไปทักทายพ่อแม่ผมไม่สามารถมาเอาความอะไรศิษย์เอกตัวดีได้
“มานี่มา นั่งรอที่โซฟาก่อนเลย หวัดดีจะเอิท เป็นไงลูกชายแม่ดื้อไหมถ้าเกเรหละก็ตีก้นได้เลยนะจ๊ะ”แม่ที่น่ารักเดินนำแขกทั้งสองไปที่ห้องรับแขก ป้าตาเอาน้ำมาเสริฟอย่างรู้งาน พ่อเดินออกจากห้องทำงานมาทักทายเพื่อนแม่ก็เหมือนเพื่อนพ่อพูดคุยเรื่องงานกันเล็กน้อย ส่วนผมยืนเป็นวอล์เปเปอร์ประกอบฉากสะดุ้งโหยงเมื่อแม่ทักพี่เอิท
“น้ำเงินเป็นเด็กหัวดีครับ ไม่ดื้อเลยแต่ขี้เกียจสุดๆ การบ้านก็ไม่ยอมทำเองเอาแต่ลอกเพื่อน”พี่เอิทนะพี่เอิท นินทากันซึ่งๆหน้าเลยนะ
“แหม น้ำเงินทำไมเหลวไหลห๊ะ ไม่ทำแบบฝึกหัดแล้วจะทำข้อสอบได้ยังไง”แม่หันขวับมาดุวอล์เปเปอร์จำลองทันที เห็นควรจะแปลงร่างเป็นกระสอบทรายแทนเพื่อให้เข้าสถานการณ์
“โหยยย แม่ เดี๋ยวตอนสอบก็ทำได้เองแหละน่า อีกตั้งนาน”
“นานอะไรหละคะคุณน้ำเงิน อีกสองอาทิตย์ก็สอบปลายภาคแล้วนะ”แม่เท้าเอวทำหน้าดุใส่
“เห้ย จริงดิ!?”
“จริงครับ”ครูเอิทช่วยยืนยัน
“งั้นผมขอตัวไปอ่านหนังสือก่อนนะครับ บาย”ชิ่งหนีแบบไม่เนียน ตอนแรกตกใจจริงๆไม่รู้ว่าใกล้สอบแต่ตอนหลังถือเป็นโอกาสดีในการบอกลา เกลียดสุดเลยคือการเป็นเด็กคนเดียวในวงสนทนาของผู้ใหญ่ขึ้นไปเล่นกับน้ำตาลสบายใจกว่าเยอะ
“พี่คะ พี่คะ”พูดยังไม่ทันขาดคำเด็กผู้หญิงน่ารักๆก็เปิดประตูออกจากห้องของผมที่ชั้นสองเดินตรงมาหาพอดี
“อะไรครับน้ำตาล”น้องสาวที่น่ารักกระโดดกอด ผมจึงอุ้มขึ้นมาอย่างเอ็นดูก่อนจะพากลับเข้าไปในห้อง เด็กน้อยยื่นมือถือของผมมาให้
“น้ำตาลจะขอยืมมาเปิดศัพท์ค่ะ”
“ได้สิครับ อยากได้คำว่าอะไร”
“เปิดไปแล้วค่ะ แต่เมื่อกี้มีคนโทรมาพอดีน้ำตาลเลยรับสาย เขาบอกว่ารออยู่หน้าบ้านให้ลงไปเปิดประตูให้หน่อยแล้วก็วางสายไป น้ำตาลเลยจะลงไปเปิดให้เขาค่ะ”น้องผมเด็กดีจัง น่ารักอ่ะ พูดตาแป๋วเสียงเจื้อยแจ้ว
“อยู่หน้าบ้านเหรอ? พวกโทรมาป่วนรึป่าว ใครจะมาบ้านเราเอาตอนนี้ครับ หืม?”ลูบหัวนุ่มอย่างเพลินมือ
“ไม่ใช่คนแปลกหน้านะคะ เพราะพี่น้ำเงินบันทึกชื่อเขาเอาไว้”
“เห? แล้วเค้าชื่ออะไรหละครับ”
“เปลวตะวันค่ะ”
“!?”
“พี่น้ำเงินรู้จักรึป่าวคะ”รู้จักครับ รู้จักดีเลยหละ ผมรีบวางน้องสาวลงที่เตียงก่อนจะกำชับว่า”พี่ลงไปรับเพื่อนก่อนนะ น้ำตาลเป็นเด็กดีรออยู่ตรงนี้นะ”
“ไม่เป็นไรคะ พี่น้ำเงินเล่นกับเพื่อนไปน้ำตาลกลับไปดูการ์ตูนที่ห้องค่ะ”น้องสาวที่น่ารักเดินออกมาจากห้องพร้อมผมบอกก่อนแยกย้ายกัน ผมตาลีตาเหลือกวิ่งลงบันไดไป
ผ่านชั้นล่างที่มีบรรดาผู้ใหญ่พูดคุยกันอยู่ คุณแม่ที่เคารพเห็นผมเดินลงมาก็ทำหน้าแปลกใจประมาณรู้ทันว่าเมื่อกี้จงใจชิ่งออกจากวงแล้วจะเดินลงมาอีกทำไมยังไม่ถึงเวลาทานข้าวสักหน่อย ผมยิ้มให้น้อยๆก่อนก้มหัวเดินออกนอกบ้านไปท่ามกลางสายตามึนงง
ไฟหน้าบ้านเปิดขึ้นด้วยฝีมือป้าตาแม่บ้านแสนขยัน ทำให้ผมมองภาพคนที่ยืนพิงรั้วรออยู่ได้ถนัดตา
“มึงมาแล้วทำไมไม่กดออดวะ”ตามจริงควรจะถามว่ามาหากูทำไมวะแต่เหมือนจะรู้เจตนากันอยู่เลยถามแบบนี้แทน
“เห็นมีคนอยู่เยอะเลยไม่กล้ากด เดี๋ยวเขาแห่กันออกมาต้อนรับ”เปลวบอกขณะเดินตามผมเข้ามาในบ้าน
“อ้าว เปลว”แม่ผมทักขึ้น มันยกมือไว้รอบทิศก่อนจะค้างตรงคิวพี่เอิท มันกับพี่แกมองหน้ากันแบบตกใจหน่อยๆต่างฝ่ายต่างไม่คิดว่าจะเจอกันที่บ้านผม พ่อหันไปถามแม่แบบงงๆว่าใคร แม่ก็ตอบไปว่าเพื่อนลูกเพราะแม่ก็รู้แค่นั้น
“ครูเอิทเขาเป็นลูกชายของเพื่อนแม่นะจ่ะ”แม่ช่วยแถลงไขให้มัน มันยิ้มรับน้อยๆก่อนจะขอตัวขึ้นไปข้างบน
ก่อนที่ผมจะตามมันขึ้นไปพี่เอิทหันมายิ้มให้ผมอย่างมีเลศนัย ชิบหายหละที่ห้างเมื่อวันนั้นพี่เอิทคิดว่าผมกับมันกุ๊กกิ๊กกันอยู่นี่หว่า(จริงๆแล้วตอนนี้พวกเอ็งก็กุ๊กกิ๊กกันอยู่ไม่ใช่เรอะ)แต่ผมตีหน้าซื่อยิ้มกลับให้พี่แกงงเล่นก่อนจะรีบแจ้นตามเปลวขึ้นบันได
“มึงมาไม”น้ำเงินถามแขกที่มานั่งบนเตียงตัวเองอย่างถือสิทธิ์ เคยมาแค่ครั้งเดียวก็จำทางทั้งทางมาและทางในบ้านได้ขนาดนี้...สโตรกเกอร์ชัดๆ!
“สอนเคมีหน่อย พรุ่งนี้มีสอบย่อย”เปลวฝากตัวเป็นศิษย์ก่อนจะลากโต๊ะญี่ปุ่นมากางกะพื้นข้างเตียง นั่งจ๋องรออย่างมั่นใจว่าจะไม่ถูกปฏิเสธ มึงไปเอาความมั่นใจผิดๆอย่างงั้นมาจากไหน เรื่องก็คือกูก็ไม่ได้มีความรู้อะไรมากมายมั้ยมึง
“อ่านเองไม่ได้ไง๊”
“อ่านเองได้แต่มีคนบอกว่าบอกว่าจีบคนเรียนเก่งต้องให้เขาติวให้”ตรงไปนะมึง คนที่หน้ายิ้มพูดเรื่องพรรคนี้ออกมาก็มีแต่พวกโป๊กเกอร์เฟสเท่านั้น...
“คนที่ว่าหนะใคร”ถามไปงั้นแหละมันคงไปหามาจากเน็ตหรือตามโซเชียล
“ฟง”
กรรม ลืมไอ้ตี๋คาสโนว่านี่ไปได้ไง อย่าบอกนะว่ามึงไปปรึกษาวิธีจีบกูกับไอ้เชี่ยนี่ กูแนะนำให้มึงหาวิธีอื่นโดยด่วนเลย ไม่รู้จะทำยังไงจริงๆก็มาถามกูนี่กูยอมบอกวิธีจีบกูกับมึงเลย ขออย่างเดียวมึงอย่าเอาวิธีของเทพฟงมาใช้กับกู...กูกลัว...
“ให้กูสอนเรื่องไร”
“กรด เบส”มันหยิบหนังสือเคมีออกมาจากตู้หนังสือ ไอ่เวรจะให้กูสอนยังไม่ยอมเอาอุปกรณ์การเรียนมาเองมาใช้ของกู
“ไหนมึงสอบตรงไหน อ่อ แล้วมึงมีพื้นฐานถึงไหน รู้ไหมอะไรเป็นกรดแก่เบสแก่ โอเครู้ใช่มั้ยงั้นทำโจทย์เลย เรื่องแบบนี้มึงต้องทำแบบฝึกหัดเยอะๆ อ่ะข้อนี้ๆ”
“...”
“กรดแก่แตกตัวได้สองครั้ง เห้ยมึงอย่าใช้สูตรลัดดิเทียบบัญญัติไตรยางศ์เอา”
“...”
“กรดไฮโดรโบรมิก 0.1โมลา ปริมาตร 50 มล.ผสมกับ...เห้ย! ก็บอกว่าอย่าแทนสูตรไงเล่า!!”
“...”
“เด็กสมัยนี้เอะอะก็ใช้สูตร แทนค่าตอบๆ ความเข้าใจไม่มีพื้นฐานไม่แน่น ต่อยอดไปเรื่อยๆเดี๋ยวได้พังคลืนลงมาสักวัน”
“...”
“กราฟไทรเทรชั่นระหว่างกรดแก่กับเบสแก่ได้หน้าตาแบบนี้ เห้ย! อย่าวาดรูปเล่นสิ ไอ้ตัวไม้ขีดนั่นคือคนกำลังปีนเขาใช่มั้ย นี่มันไทรเทชั่นเคิฟนะไม่ใช่เอเวอเรสต์”
“...”
“คอนจูเกตเบสของตัวนี้คืออะไร เห้ย!! อย่าพึ่งตาย กลับมาก่อน ตอบกูเร็ว!!”ไอ้เปลวลาโลกไปแล้วเรียบร้อย คือผมสอนได้น่าเบื่อมากขนาดนั้นเลยสินะ
“ถามจริงกูสอนไม่ดีหรือมึงไม่ตั้งใจเรียนวะ อยากให้สอนจริงป่ะเนี่ย”
“เปล่า แต่มึง เห้ย บ่อยไป เอ่อ...กูหมายถึงว่า...”ลูกศิษย์เกเรกลอกตาไปมาอย่างพยามหาข้ออ้างเมื่อเขาพบว่าอาจารย์กำลังจ้องเขม็งมาอย่างเอาเรื่อง
“อ่ะ ขอโทษก็ได้ พอดีเมื่อคืนไม่ได้นอน ไอ้ฟงมันโทรมาเล่าวีรกรรมของมันแถมบ่นกระปอดกระแปดไม่หยุดเรื่องคนที่มันเจอมา”โอเค สรุปว่ามันไม่ได้หลับไปเพราะผม
“ฟงมันไปทำอะไรอีกหละ ก่อเรื่องได้ตลอดเลยรายนี้”
“โทษที คราวนี้มันขอไว้ไม่ให้บอกใคร”คนนอกพยักหน้าอย่างเสียไม่ได้ยิ่งเป็นความลับยิ่งอยากรู้แต่ก็ไม่ได้ซอกแซกถามให้ลำบากใจ น้ำเงินทำท่าเปิดสมุดจดวิชาเคมีพร้อมสอนต่อแต่ลูกศิษย์กลับมองอย่างเกียจคร้าน
“อย่างอแง มาเรียนเลย”ทั้งที่เวลาปกติก็ขี้เกียจตัวเป็นขนแต่เห็นคนอื่นอิดออดแล้วมันอดแกล้งไม่ได้ น้ำเงินเอื้อมมือไปเขย่าๆเปลวตะวันให้รีบโงหัวขึ้นมาเรียนซะ
“ง่วง”
“เรียน”
“พักสิบนาที”
“ไม่ได้ๆ เดี๋ยวกูก็ต้องลงไปกินข้าวกับครอบครัวแล้วก็เข้านอนแล้ว ไม่มีเวลาให้มึงแล้วนะ”น้ำเงินโน้มตัวลงไปใกล้ๆร่างของคนที่ฟุบอยู่กับโต๊ะ พยามสอดมือเข้าไปงัดเด็กดื้อให้ขึ้นมาเรียนต่อ ทันใดนั้นเองมือข้างที่ว่าก็ถูกคว้าหมับเข้าให้เด็กดื้อแปลงร่างเป็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์เงยหน้าขึ้นมาสบตากับน้ำเงินพร้อมรอยยิ้มประหลาด
“งั้นเรามาหาอะไรทำแก้ง่วงกันมั้ย?”บทสนทนาเงียบลงชั่วขณะ บรรยากาศแปลกๆเข้ามาแทนที่คาบเรียนเคมีแบบตัวต่อตัว...
นัยน์ตาคมพราวระยับมองผมอย่างมีความหมายแฝง เปลวเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ได้กลิ่นหอมจางๆจากสบู่ อืม...ดูเหมือนจะอาบน้ำก่อนมาจากบ้านสินะ...
ตอนนี้ใช่เวลาคิดเรื่องนั้นเสียที่ไหน น้ำเงินเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ หาอะไรทำที่ออกจากปากคนคนนี้ต้องมีความหมายแฝงอย่างแน่นอน สัญชาติญาณเอาตัวรอดบอกให้รู้ว่าเขาพลาดเสียแล้ว แม้จะมีคนอยู่เต็มชั้นล่างแต่การเปิดประตูห้องนอนให้ผู้ชายที่ประกาศตัวว่าจะจีบตนนั้นอันตราย...ถึงตัวเองจะเป็นผู้ชายเหมือนกันก็เถอะ
เปลวตะวันคลี่ยิ้ม เอื้อมมือคว้าไหล่ผมกระชับให้เข้ามาใกล้...
“จะ...จะทำอะไร!?”ผมถาม หางเสียงสั่นไหวด้วยความตื่นตระหนก สบมองดวงตาอีกคู่ที่จับจ้องมาก่อนแล้ว ใบหน้าหล่อเหลาสมบูรณ์แบบจนหาที่ติไม่ได้กับบทเพลงที่ร้องให้ฟังเมื่อวันนั้นทำให้สองมือที่ยกขึ้นเตรียมยันอีกฝ่ายออกไปหยุดชะงัก
“น้ำเงิน”
“ห๊ะ อะ อะไร”
“ขอจูบได้ไหม...?”สิ้นคำนั้นจมูกโด่งก็ฉกวูบลงข้างแก้ม ก่อนระเรื่อยตามแนวคางวนกลับมาที่ข้างหูก่อนกระซิบเบาๆว่า”ถ้าไม่กล้าปฏิเสธก็ดิ้นซะนะ ถ้าอยู่เฉยๆถือว่าอนุญาต”พูดจบเปลวตะวันก็เว้นช่วงไปจังหวะหนึ่งเหมือนให้เวลา แต่ตัวผมตอนนี้สะกดคำว่าสติไม่เป็นแล้ว
ก่อนที่จะได้ทำอะไรริมฝีปากอุ่นก็ทาบทับลงมาที่กลีบปากอย่างถือวิสาสะ เบียดตัวเข้ามาจนแนบชิดกัน มือข้างนึงโอบหลังเอาไว้ส่วนอีกข้างใช้ประคองที่ต้นคอ
กลิ่นแชมพูและสบู่จากผิวกายของเจ้าของบ้านที่อาบน้ำก่อนออกไปต้อนรับแขกแนบชิดจมูกและริมฝีปาก ทำให้อารมณ์บางอย่างของคนที่เป็นฝ่ายรุกก่อนอย่างเปลวก่อตัวขึ้นในอก ในทีแรกต้องการเพียงแค่หยอกล้อและดูปฏิกิริยาของอีกฝ่ายเพียงเท่านั้น
แต่แรงปรารถนากลับทำให้เขาส่งลิ้นเข้าไปในโพรงปากของอีกฝ่ายอย่างร้องขอการตอบสนองในรูปแบบเดียวกันด้วยสัมผัสที่เว้าวอนอ่อนหวาน
ร่างของน้ำเงินกระตุกน้อยๆ การรุกรานนี้อยู่นอกเหนือความคาดหมาย ของอย่างแรงขัดขืนที่แทบไม่มีอยู่ในตัวอยู่แล้วตั้งแต่แรกถูกดูดไปพร้อมกับสัมผัสอันแสนอบอุ่น ความวาบหวามชวนเคลิ้มเข้าครอบงำจนไม่อาจควบคุมตัวเอง ได้แต่ปล่อยให้คนตรงหน้าครอบครองริมฝีปากของตัวเองนานเท่านานจนแทบลืมหายใจ
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่กว่าพวกเราจะผละออกจากกัน ใบหน้าของผมตอนนี้แดงเถือกไปหมดแล้วแน่ๆ ดูได้จากร้อยยิ้มแพรวพราวของคนตรงหน้า
“ไอ้เปลว ไอ้เลว”ผมด่ามันอย่างที่เพื่อนของมันชอบด่า เปลวหัวเราะอย่างชอบใจที่ถูกเรียกแบบนั้นพร้อมดึงผมที่ตัวแข็งทื่อเข้าไปซบกับออกมัน มืออุ่นยกขึ้นลูบหลังอย่างปลอบประโลม
“มึงจูบไม่เป็น หึหึ”
“ยังมีหน้าว่ากูอี...”
“วันนี้มึงสอนหนังสือให้กูวันหน้ากูจะสอนมึงจูบเองนะ”
“ไอ้เชี่ย ได้คืบเอาศอก กูไม่ยอมมึงแล้วเหอะ วันนี้กูแค่เผลอไปหน่อยเดียวเอง”ผมว่าไม่หน่อยแล้วหละ วิญญาณแทบจะหลุดจากร่างขนาดนั้น”ปล่อยกูเลยด้วยกอดไว้ทำไมร้อนจะตาย”แล้วทำไมกูไม่ดิ้นวะ ไม่ๆๆ มันผิดผมไม่ผิดโทษมันไว้ก่อน
“กูก็ไม่ยอมให้มึงไปจูบคนอื่นเหมือนกัน...”
“น้ำเงิน พาเพื่อนลงมากินข้าวได้แล้วลูก”สุดท้ายข้อต่อรองของเรายุติด้วยการลงไปกินข้าวเย็น บนโต๊ะอาหารพี่เอิทจ้องผมตาแทบจะหลุดออกจากเบ้า ผมว่าพี่แกต้องสัมผัสพลังงานบางอย่างได้แน่ๆ พอกินข้าวเสร็จไอ้เปลวก็ขอตัวกลับบ้าน ตอนแรกแม่พี่เอิทจะพามันไปส่งส่วนแม่ผมชวนมันให้ค้างด้วย
ดีที่มันบอกว่าเรียกให้คนมารับแล้ว เกรงใจไม่เป็นไร
ดีมากมึง กูไม่อยากคิดภาพเลยถ้ามึงค้างบ้านกูคืนนี้จะเกิดอะไรขึ้น...
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
จำได้ไหม ป้าลุงยังจำได้ไหม น้าอาจำได้ใช่ไหม ยังไม่ลืมพระนายของเราใช่ไหม 55555
ตอนนี้พระเอกของเรากลับมาอีกครั้งอย่างยิ่งใหญ่
ขอเสียงคนคิดถึงคู่นี้หน่อยเร็ว!! 