พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... รวมเล่ม
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน....... รวมเล่ม  (อ่าน 120189 ครั้ง)

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
เด็กมหาลัยยกมือขึ้นรัวๆ
ยิ่งใกล้สอบนี่คือนรกมากกกก 5555

ขอบคุณคนเขียนค่ะ

ออฟไลน์ cinn1st

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ Min*Jee

  • เอวรี่ติงจิงกะเบล
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-5
โอ จริงหรือนี่ เพื่อนสนิทแบบนี้ลำบากหน่อยนะ
รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ TrafalgarLAW

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 52
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-1
 แชคคนบ้า อุตส่าห์ชอบ :sad4:

ออฟไลน์ MiddaySuN

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-0
    • พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน




บทที่ 13 ผู้ชายขายน้ำ



“ตั้งใจสอบนะ”เปลวว่าพร้อมโบกมือลา ผมยิ้มแหยๆกลับไป



วันนี้เป็นวันสอบวันสุดท้าย หลังผ่านพ้นช่วงอ่านหนังสืออันโหดร้ายมาได้ก็กำลังจะได้ฟังเพลงมันส์ๆกินของอร่อยๆกันแล้วในงาน First night คืนนี้



ความจริงข้อสอบมันก็ไม่ได้ยากอะไรหรอกมันติดอยู่ที่ไม่มีคนให้ลอก เอ๊ยยย ช่วงหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาผมมัวแต่คิดมากเรื่องไอ้ซีซีอยู่ ถามมันมันก็ไม่ยอมบอกอะไรสักคำ อมเอาไว้อยู่นั่นแหละปากจะเน่าอยู่แล้วยังไม่ยอมคายออกมา แต่ก็พอจะเดาๆได้ว่าปัญหาไม่ใช่การทะเลาะกันแต่เป็นเรื่อง เอ่อ...ไม่รู้สิ...



ขอโทษครับ ผมน้ำเงินนะครับไม่ใช่ริวจิตสัมผัสจะได้มองกรรมของคนได้ผ่านดวงตาและพลังงานบางอย่างรอบตัว



“เห้ยๆ มึงอ่านชีวะมาละเอียดรึป่าววะ”เสียงห้าวของกิ๊บดังขึ้น(?) ยัยนี่เป็นคนที่นั่งสอบติดกับผมครับ โรงเรียนผมมีระบบจัดห้องสอบแบบสลับหญิงแถวชายแถว พวกเราซึ่งเป็นเลขที่แรกของฝ่ายชายและฝ่ายหญิงจึงนั่งติดกันตลอดตั้งแต่ม.ต้นแล้ว ซึ่งนั่นเป็นหายนะของผมครับ



ด้ายซ้ายเป็นหน้าต่าง ต่างหน้าเป็นกระดานดำ ด้านซ้ายเป็นยัยกิ๊บสาววายตัวแม่...ไม่มีทางให้ลอกข้อสอบแม้แต่น้อย ต้องพึ่งตัวเองล้วนๆ



อย่างที่บอกไป หล่อนเป็นสาววายตัวแม่ เปิดเพจแต่งนิยายลงเน็ตมากมายแถมยังมีชุมนุมในทวิตเตอร์ที่ต้องมีตติ่งอะไรก็ไม่รู้อีก เวลาเรียนก็อ่านฟิค จะเอาอะไรมาทำข้อสอบหละครับ นอกจากดินสอกับปากกา...และโพยจากผม


เกลียดจริงอะไรจริง หล่อนเป็นผู้หญิงนะ!! ต้องอ่อนหวานสิ!! เห็นคนหล่อต้องอ่อนข้อให้เซ่!! นี่อะไร นอกจากจะไม่ทำอย่างที่ว่าแล้วยังตรงข้ามกันอีก...หลังจากการร้องเพลงจีบกันข้างบ่อน้ำของผมกับเปลวจนวันนี้ก็โดนแซวตลอด อายจนม้วนไปแปดตลบเลย



โอ้ววว ไม่!! ยัยผู้หญิงแซวผู้ชายยย!!



“อ่านมาเท่าที่ปอติวให้ วิชานี้กูเกลียดพอๆกับที่เกลียดมึงเลยช่างแม่งไป”ผมตอบ ถ้อยคำกวนตีนเรียกใบหน้างอง่ำจากเจ้าหล่อนเป็นอย่างดี



“มึงคิดดีแล้วใช่มั้ยถึงพูดอย่างงั้น...น่าเสียดายนะกูกะจะบอกว่าเมื่อคืนกูตะลุยอ่านมาจนจำได้ทุกวรรคทุกตอน ถามไรตอบได้ยิ่งกว่าอับดุล ด้วยความกตัญญูเลยกะจะส่งโพยให้มึงสักหน่อยแต่ก็เอาเถอะ ในเมื่อถูกเกลียดแบบนี้ก็คง...”คดีพลิก เมื่อเจ้าแม่ของผมกอดอกเชิดหน้ามองตามประสาคนถือไพ่เหนือกว่า



อีท่านี้นายน้ำเงินจะทำอะไรได้หละครับ...



“เห้ย เดี๋ยว ท่านกิ๊บครับ เมื่อกี้ล้อเล่นน่านะ อย่าคิดเล็กคิดน้อยเลย”



“อ้อนวอนสิ”ได้คืบเอาศอกยิ่งกว่าเปลวก็ผู้หญิงคนนี้แหละครับ ยัยบ้านี่ทำหน้าน่าหมั่นไส้หันมายิ้มเยาะอย่างได้ที



“ได้ ให้กระผมลอกด้วยเถิดท่านกิ๊บ สาววายจงเจริญ เห้!!”



เท่านั้นแหละครับ จบการหยอกล้อกันก่อนเข้าห้องสอบ เอาจริงๆแล้วผมไม่ได้เกลียดอะไรเธอหรอกเหตุการณ์ทั้งหมดเมื่อกี้คือเพื่อนเล่นกัน เล่นกับหมาหมาเลียปากอะไรทำนองนั้น...



การสอบเสร็จสิ้นไปได้ด้วยดีมีหลายข้อเลยที่ผมตอบไม่ได้แต่ก็พึ่งใบบุญโพยจากโต๊ะข้างๆทำให้รอดพ้นมาได้
..


“สอบเสร็จแล้ววววว ฮูเร่!!”ไอ้แชคชูมือขึ้นฟ้าแหกปากอย่างยินดี เย็นนี้มันก็รับหน้าที่ตากล้องประจำงานเหมือนเดิมส่วนพวกที่เหลือวันนี้ไม่มีหน้าที่รับผิดชอบอะไรเพราะรับงานตอนวันเกษียรมาเยอะแล้วเป็นโอกาสอันดีงามที่จะได้เดินเล่นตามซุ้มและกระโดดเย้วๆฟังเพลงร็อคมันส์ๆได้...ทว่า...





ยังจำวันที่สุชาติจับผม เปลว สมชายได้คาหนังคาเขาว่าโดดเรียนได้ไหมครับ





เรื่องมันไม่จบลงอย่างมีความสุขแบบนั้น ถัดจากวันนั้นไปสองสามสัปดาห์ก็มีประกาศเสียงตามสายเรียกให้พวกเราสามคนไปพบพร้อมบทลงโทษอันโหดร้าย...



มาตรการกำจัดเด็กนิสัยเสียสามคนของท่านอาจารย์ฝ่ายปกครองคือ




...ให้เฝ้าซุ้มน้ำของส่วนกลางอันเป็นบูทที่ขายดีแบบชิบหาย งานยุ่งชนิดที่ว่าไม่มีใครอยากมาเฝ้า...



หลังจากเดินซีดออกจากห้องปกครองซึ่งแอร์เย็นมากแล้วผมแทบจะก้มลงกราบตีนขอขมาเชี่ยเปลว



ซุ้มนี้งานยุ่งมากจริงๆยิ่งขายกันแค่สามคนยิ่งแล้วใหญ่ เปลวจะเอาเวลาที่ไหนไปร้องเพลงให้วงของมัน...



“กูขอโทษมึงจริงๆนะ”น้ำเงินกล่าวเสียงอ่อย เดินหูตกตามเปลวตะวันซึ่งมุ่งหน้าไปยังโรงอาหารเพื่อซื้อน้ำแข็ง สมชายเข็นรถเข็นบรรจุน้ำอัดลมเดินตามมารีบเอ่ยขัด



“เราต่างหากที่ต้องขอโทษ วันนั้นเราซ่อนไม่ดีทำให้สุชาติจับได้แถมยังวิ่งไปทางพวกนายเอง”รายนี้ก็เสียงอ่อยไม่แพ้กัน



“ขอโทษนะเปลวววววว”สองเสียงประสานโอดครวญขอโทษ เปลวหันมามองอย่างอ่อนใจ เขาพูดคำว่าไม่เป็นไรไปเป็นพันรอบแล้วเจ้าสองคนนี้ก็ยังไม่ยอมหยุดขอโทษเขารอบที่หมื่นเสียที จะโกรธก็เพราะเรื่องนี้มากกว่า “ไม่เป็นไรหรอก ขึ้นเวทีร้องมาบ่อยแล้ว ปีนี้ได้ทำอะไรแปลกใหม่แถมยังได้อยู่กับน้ำเงินอีก ดีจะตาย”



คำตอบของมันทำเอาคนที่มีชื่ออยู่ในนั้นเสียหลักเล็กน้อย น้ำเงินเหลือบมองสมชายผู้เข็นน้ำตามด้วยสีหน้าปกติแล้วก็ลอบถอนหายใจออกมาที่ไอ้สมชายมันไม่เอะใจ



หยอกได้ไม่อายสมชายเลยนะมึง



“ป้าครับ ผมมาเอาน้ำแข็งสองกระสอบที่อาจารย์สุชาติฝากซื้อไว้ครับ”เปลวบอกป้าร้านน้ำก่อนเราสามคนจะนำกระสอบดังกล่าวมาวางบนรถเข็นแล้วสมชายก็ก้มหน้าก้มตาเข็นออกไปอย่างขยันขันแข็ง ส่วนที่เหลือเดินตัวปลิว



สถานที่ตั้งของร้านขายน้ำอยู่กึ่งกลางระหว่างโรงยิมซึ่งจัดเวทีเตรียมพร้อมสำหรับการแสดงของแต่ละห้องเรียนกับคอนเสิร์ตและลานหน้าเสาร์ธงซึ่งตัวแทนห้องคนอื่นๆกำลังจัดซุ้มของห้องตนอยู่ โซนต้นไม้มีม้าหินอ่อนข้างตึกสายศิลป์สถานที่ตั้งร้านขายน้ำจึงยังไม่มีผู้คนเดินผ่านไปผ่านมา



ไม่รู้ว่าสมชายเป็นคนขยันอยู่แล้วหรือมันอยากทำงานงานไถ่โทษ ตั้งแต่กลับมาที่ซุ้มมันก็วิ่งเทน้ำแข็ง วางขวด จัดเงินทอนและอื่นๆอีกมากมายจนผมไม่มีอะไรทำ “แล้วเพื่อนร่วมวงมึงทำไงวะ”เลยหันไปชวนเปลวซึ่งยืนมองสมชายทำงานงกๆอย่างสบายใจ(เลวทั้งคู่)



“ฟงมันเปลี่ยนมาร้องนำแทน วงกูมีมือกีตาร์อีกคนไม่เป็นไร”ได้ยินอย่างงั้นผมก็โล่งใจไปเปราะหนึ่ง



เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ขนาดนั่งอยู่ในเต็นท์ซึ่งนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ยังร้อนขนาดนี้ แดดเมืองไทยจะอัพเลเวลไปถึงระดับไหนกันนะ



“มึงไม่เศร้าใช่ป่ะ”ถามพลางตักน้ำแข็งใส่แก้วอีกใบหนึ่ง



เปลวตะวันผู้ดังแล้วแยกวง(?)เลิกคิ้วเหลือบมองผมที่เดินถือแก้วน้ำแดงมายื่นให้มัน มันรับไปดื่มเงียบๆพร้อมรอยยิ้ม



“ไม่หรอก เพลงที่อยากให้ได้ยินก็ได้ร้องให้ฟังไปแล้ว ไม่มีอะไรจะต้องเสียใจ”



คำพูดคำนั้นของคนคนนี้ส่งผลต่ออัตราการเต้นของหัวใจของผมเสียยิ่งกว่าจำนวนอ็อกซิเจนในอากาศหรือความดันโลหิตเสียอีก...ไม่รู้ว่าสีหน้าตอนรับฟังของผมเป็นอย่างไรแต่สีของหน้าผมพอจะเดาได้นะ...



สายลมเบาๆพัดผ่านกลางระหว่างเราสองคน ผมยังคงไม่ละสายตาจากใบหน้าของเปลวตะวัน เสียงสมชายลากเก้าอี้ดังแจ่มชัดในโสตประสาต หลังจากคำพูดของผมรอบตัวของพวกเราก็ไม่มีเสียงอื่นใด



ช่วงเวลานี้ผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดถูกเรียกไปนั่งแบ่งตามชั้นเรียนรอพวกส่วนกลางและพวกตัวแทนห้องซึ่งประจำตามซุ้มต่างๆห้องละห้าคนจัดงานเรียบร้อยแล้วค่อยถูกปล่อยลงมา มีบางคนกลับบ้านไปก่อนแต่เกินเก้าในสิบก็อยู่รอร่วมงานกันทั้งนั้น
เพราะงานโรงเรียนผมไม่ได้จัดกันแบบไก่กา อย่างที่เคยบอกแล้วไปว่านักเรียนโรงเรียนนี้กระเป๋าหนักกันทั้งนั้น แบกตำราเป็นสิบเล่มมาเรียน ผิดๆ บ้านรวยกันทั้งนั้นต่างหากเล่า!



“อีกห้านาทีจะปล่อยคนเข้างานแล้วนะครับ”อาจารย์สุเทพช่วยประสานงานตะโกนบอกซุ้มต่างๆให้ วันนี้เฮียแกใส่ชุดสูทเต็มยศท้าทายอำนาจแดดเมืองไทย แถมยังใส่วิกผมมาอีกต่างหาก ไม่ต้องสงสัยว่าแกจะไปออกงานเดินแบบที่ไหนเพราะวันนี้เปิดให้คนนอกมาร่วมงานด้วย ทั้งสมาคมแม่บ้านทั้งเด็กโรงเรียนอื่นแห่กันมาเต็ม



“สุชาติแม่งทำตัวไม่เกรงใจลูกเมีย”ผมส่ายหน้ามองแกอย่างหน่ายๆ อายุก็ปูนนี้แล้วทำตัวเป็นเด็กๆ



“แชคบอกว่าแกยังไม่ได้แต่งงาน”นายน้ำเงินเบิกตากว้างหันขวับไปมองนักร้องนำปลดประจำการ



“มิน่าหละ...วัยทองเก็บกดแถมยังโสดอีก ไม่มีที่ระบายเลยมาสร้างพฤติกรรมรุนแรงที่โรงเรียน”เด็กห้องคิงผู้ไม่คุ้นชินกับการถูกลงโทษบ่นอุบอิบ ทำเอาคนโดนทำโทษจนชินส่ายหน้าอย่างระอา



“บาปกรรม”เปลวดุเด็กปากพร่อยเข้าให้



“รับน้ำอะไรดีครับ”รู้ตัวอีกทีก็ได้ยินเสียงสมชาติพูดกับลูกค้า คนอู้งานสองคนโงหัวออกมาจากโลกส่วนตัวแล้วก็พบเข้ากับกองทัพเด็กทั้งในโรงเรียนและนอกโรงเรียนแห่แหนกันเข้ามา



เพราะโรงเรียนย่านนี้ก็สอบเสร็จวันนี้เช่นกันทำให้หลายๆคนเลือกมาฉลองปิดเทอมกันที่งาน First night แห่งนี้



เด็กผู้หญิงม.ต้นใส่คอซองสวมชุดซึ่งไม่ใช่เครื่องแบบโรงเรียน ผมเดินเข้ามาสั่งน้ำ”เอาน้ำเขียวค่ะ”



ผมซึ่งนั่งง่อยอยู่ข้างถังน้ำแข็งเพิ่งสำนึกได้ว่าควรช่วยสมชายบ้างอะไรบ้างจึงดึงแก้วพลาสติกออกจากถุงหันขวับกลับมาเตรียมตักน้ำแข็ง ตอนนั้นเองแก้วพลาสติกซึ่งมีน้ำแข็งอยู่เต็มแก้วก็ถูกยื่นมาตรงหน้า



“เอาไปสิ ลูกค้ารอ” ผมมองหน้าเปลวซึ่งแย่งงานผมเซ็งๆ



“อ่ะนี่”คฑากรโรงเรียนรับหน้าที่เทน้ำยื่นให้ลูกค้า นักร้องนำวงโรงเรียนดำรงตำแหน่งผู้ตักน้ำแข็งใส่แก้ว และนายธรรมดารับหน้าที่จิปาถะ



เด็กผู้หญิงคนนั้นรับแก้วจากมือน้ำเงินไปก่อนจะมองหน้าหล่อๆของคนตรงหน้าเธออย่างประหลาดใจ แต่แปลกใจอยู่ได้ไม่นานก็ถูกเขี่ยกระเด็นออกไปโดยน้ำมือเด็กผู้หญิงม.ปลายกลุ่มใหญ่ มากันห้าหกคนแต่ละคนสั่งไม่เหมือนกันสักอย่าง สมชายรับออเดอร์ตาเหลือก ส่วนเปลวก็ทำหน้าที่ตักน้ำแข็งอยู่เงียบๆด้านหลัง



“อุ๊ย!! หนูขอแก้วนั้นค่ะ”เด็กท่าทางเปรี้ยวแต่งหน้าหนาจัดแม้วันสอบชี้นิ้วมายังแก้วใบน้อยในมือของเปลวตะวันพร้อมมองคนถือด้วยสายตาหลงใหล”นั่นใช่พี่เปลวรึป่าวคะ?”เธอถามอย่างไม่แน่ใจนัก



“อ่า...ใช่ครับ”ผมตอบแทนเจ้าตัว



“กรี๊ดดด ตัวจริงหล่ออ่ะแก ฉันขอน้ำพี่เปลวด้วย”อีกคนพูดแทรกได้ชวนคิดลึก



“อ่า..ใจเย็นๆนะครับ”สมชายเห็นว่าพวกหล่อนเกาะกลุ่มอยู่หน้าร้านนานเกินจึงพยามไกล่เกลี่ย



“เงียบไปใครพูดด้วยไม่ทราบ ไม่รู้แหละ ชั้นจะกินน้ำที่ผู้ชายคนนั้นเทให้!! ถ้าไม่ใช่ฉันไม่ยอมนะยะ!!” ผมนี่ถึงกับโยนขวดแป็ปซี่ใส่มือคุณเปลวเลยครับ เรื่องนี้นำเงินจะไม่ยุ่ง...



แต่เดี๋ยวนะ...



พวกเธอไม่เห็นผมอยู่ในสายตาขนาดนี้ก็หมายความว่าผมโดนจัดอยู่ในคลาสเดียวกับสมชายหนะสิ!!



โอ้ววววว ม่ายยยยย!!



เปลวไม่แสดงสีหน้าใดใดต่อสถานการณ์นี้ มันเดินมาเทน้ำให้พวกผู้หญิงกลุ่มนั้นด้วยรอยยิ้มตามแบบฉบับ จากนั้นซุ้มน้ำของพวกกระผมก็ถูกกลืนกินโดยเหล่าสาวๆเป็นกองทัพ



โชคดีที่เหล่าสหายรักอย่างนาว ปอ อาร์ต ไอซ์ ซีซีแวะมายังร้านและผลัดเวรกันมาช่วยคนละสิบนาที



โชคดีหรือโชคร้ายก็ไม่รู้ที่ฟงเดินมาเปลี่ยนป้ายราคาน้ำเป็นแก้วละ 30บาท...จากสิบบาท...ค้ากำไรเกินควรมากมึงสมแล้วที่เป็น
ลูกคนจีน  มันบอกว่างานจะได้เบาลงแต่กำไรเท่าเดิม...เออ จะว่าไปก็ฉลาด



หลังจากเชี่ยฟงจากไปแล้วงานก็ค่อยเบาลงหน่อยเปลวท่าทางพอใจกับไอเดียเพื่อนมันมากส่วนผมกับสมชายรู้สึกร้อนๆหนาวๆกลัวสุชาติด่าข้อหาโก่งราคาค่าตัวแต่ก็ไม่ได้ไปแก้ไขราคาให้เหมือนเดิมเพราะความสบายย่อมมาก่อนความกลัว



สุดท้ายของสุดท้ายเพื่อนเวรแชคมันประกาศออกเสียงตามสายว่าวันนี้นักร้องนำวงโรงเรียนไม่ขึ้นร้องเพราะขายน้ำอยู่ที่ซุ้ม





อิเหี้ยยยยยยยยยยยยยยย พ่อมึงเป็นสรยุทธเหรอสาดดดดดดด!!! ไม่ป่าวประกาศสักเรื่องก็อยู่ได้มั้ยมึง





จากที่งานเบาลงไปหน่อยตอนนี้ลูกค้าเยอะกว่าตอนขึ้นราคาอีกครับ เจริญเถอะ...



“ขายดีไหม กูอุตส่าห์ช่วยโปรโมทให้”ตัวต้นเหตุเดินไม่รู้อิโหน่อิเหน่เข้ามายังซุ้มซึ่งแปะป้ายหยุดชั่วคราวเนื่องจากน้ำแข็งหมด...ตอนนี้สมชายกำลังไปขอซื้อต่อจากร้านน้ำโรงอาหารส่วนผมมีหน้าที่รับมือกับลูกค้าที่ยืนออกันอยู่



“คราวหลังไม่ต้องช่วยจะเป็นพระคุณกว่า”ผมหันไปเหน็บมัน



“อะไรกัน กูอุตส่าห์มาช่วยยังมาว่าอีก เนอะเปลวเนอะๆ”ตัวแสบแชคหันไปหาพวก เปลวมองสบตามันด้วยสีหน้าเรียบเนือยๆ ไร้ความรู้สึก...ไม่ใช่หน้าแต่เป็นมือนะครับที่ไร้ความรู้สึก ตักน้ำแข็งจนมือชาหมดแล้ว



“พี่น้ำเงินคะ ทำไมร้านปิดอ่ะคะ”เด็กผู้ชาย เอิ่ม...ไม่น่าจะใช่... ม.สี่ยื่นหน้ามาถามซะชิดชนิดจมูกแทบชนกัน คนถูกจู่โจมถึงกับสะดุ้งโหยงถอยหนีแทบไม่ทัน



“นะ...น้ำแข็งหมดครับ”



“น้ำแข็งหมดงั้นเอาน้ำเงินมาก่อนก็ได้นะคะ”



“ฮิ้วววววววว”เพื่อนชาย(?)ที่มาพร้อมกันร้องวี๊ดว๊ายมือไม้ออก



“แรงงง อะแก”



“แหม มันก็นิดนึง...โอกาสอย่างงี้หาได้จากไหนอีก ผู้ชายเขาขายน้ำ ผู้หญิงก็ต้องแหกขา อุ๊บส์ แหกกระเป๋าตังค์ซื้อสิจ๊ะ”



“เหอๆๆๆ”ทำอะไรไม่ได้นอกจากยิ้มรับ ประสบการณ์กว่าสามชม.สอนให้ผมรู้ว่าสถานการณ์ไหนควรจะสู้สถานการณ์ไหนควรจะถอย เปลวตะวันกล่าวว่าจนด้วยถ้อยคำก็จงรวยด้วยรอยยิ้ม...



“พอเลยมึง เดี๋ยวกูจัดการตรงนี้เอง มึงไปพักเถอะ”แชควางกล้องไว้บนเก้าอี้พับก่อนจะปัดมือไล่ผมให้เข้าหลังร้านไปตรงนี้มันจัดการเอง ผมเลยเดินเข้าไปหาเปลวซึ่งนั่งสะบัดมือแดงๆของมันไปมา




“เป็นไงบ้างอ่ะ”น้ำเงินคว้ามือของหัวหน้าแผนกตักน้ำแข็งขึ้นมาถูไปถูมากับมือตัวเองอย่างพยามเพิ่มความอบอุ่นให้



“ไม่เป็นไร มันแค่แดงเพราะเลือดมารวมตัวกันเพื่อเพิ่มอุณหภูมิ ไม่ได้เจ็บอะไร”เปลวตอบ



“อืม เดี๋ยวที่เหลือกูตักให้เอง มึงไปพักเถอะ”ผมสั่งให้มันหยุดงาน เพราะไอ้แชคมันอาสามาช่วยซุ้มนี้ด้วยตัวของมันเอง



คือก็ว่าแล้วว่ามันโฆษณาออกสื่อไปให้ด้วยความหวังดี พอรู้เอาตอนหลังว่านำความฉิบหายมาให้ก็รีบขอโทษขอโพย เสนอตัวรับผิดชอบ จะไปว่านิสัยมันก็น่ารักดีนะ ถึงจะเหี้ยไปบ้างเป็นครั้งคราวก็ตาม



“แล้วเราต้องขายไปอย่างงี้จนถึงเมื่อไหร่เหรอ”เปลวถาม



“อืม...จนกว่าน้ำซ่าจะหมดหละมั้ง เหลือไม่เยอะแล้วด้วย ดีเลย!!หลังจากนี้จะตักน้ำแข็งน้อยๆเทน้ำเยอะๆจะได้จบซะที” เสียงหัวเราะผมดูเหมือนจะชั่วร้ายไปหน่อย สมชายที่เข็นรถใส่น้ำแข็งมาครึ่งกระสอบถึงกับสะดุดเศษฝุ่นหน้าเกือบทิ่ม



“เดินดีดีมึง เดี๋ยวได้กลับไปขนใหม่อีกรอบหรอก ฮ่าๆ”คนล้มเราไม่ข้ามแต่เราซ้ำเติมคือคติพจน์ผมเองครับ



น้ำเงินลุกขึ้นจากเก้าอี้ทำท่าจะเดินเข้าไปหาสมชายผู้ยกถุงน้ำแข็งพยามเทใส่ถังอย่างทุลักทุเลแต่ก็ถูกมือของใครบางคนคว้าเอาไว้ก่อน





“ปิดร้านแล้วไปดูคอนเสิร์ตด้วยกันนะ”




คำเชิญชวนอันแสนแผ่วเบา คำพูดที่ได้ยินกันแค่สองคน ท่ามกลางผู้คนหลายสิบที่ออกันอยู่หน้าร้าน น้ำเงินพยักหน้าตอบรับคำขอนั้นด้วยรอยยิ้ม




++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

สวัสดีปีใหม่ไทยค่าาา  :mc4:

สงกรานต์ไปเที่ยวไหนกันมาคะ คนแต่งไม่ได้ไปไหนเลย อยู่บ้าน...(แล้วทำไมไม่อัพ)555


ออฟไลน์ suck_love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
สวัสดีปีใหม่ไทยเช่นกันค่ะ :hao7:
ถ้าเปลวจะฮิตฮอตขนาดนั้นนะ น้ำเงินรีบเลยลูกรีบรับรักเปลวเถอะ
เดี๋ยวโดนแย่งนะ 55555

รอตอนไปดูคอนค่ะ  :hao6:

ออฟไลน์ PURE LOVE

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
โหย ๆ น่ารักตลอดอ่ะเรื่องเนี้ย ชอบจัง  :impress2:
ฟงกับพี่ทวนก็อยากอ่าน แชคกับซีซีก็อยากอ่าน
แต่เปลวตะวันกับน้ำเงินน้อย ก็ทำให้ฟินตลอด ๆ เลย
ชอบตอนน้ำเงิน เอามือเปลวมาถู ๆ ให้ความอบอุ่นจัง
เปลวตะวัน คงอุ่นไปจนถึงขั้วหัวใจแล้วนั่น น่ารักอ่ะ  :o8:
รอตอนหน้า ตามไปดูคอนเสริต์ด้วยคนน้า

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ MiddaySuN

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-0
    • พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน




บทที่ 14 เกมส์พระราชา





“เฮ้!!หมดแล้ว หมดๆๆๆ ของหมดจ้า ปิดร้านแล้ว มาทางไหนไปทางนั้นเลย น้ำแข็งเปล่าเราไม่ขาย”แชคตะโกนประกาศอิสรภาพเสียงดัง เหล่าลูกค้าที่ยืนออกันอยู่ต่างถอยกลับไปด้วยสีหน้าเซ็งๆ มันจัดการกวาดขวดเปล่าใส่กระสอบน้ำแข็งและยื่นให้สมชายเอาไปทิ้งก่อนจะหันมาบอกลาพวกผมและปลีกตัวไปเก็บภาพในงานต่อ



“เก็บโต๊ะกันเถอะ”เปลวกล่าวพลางเอาผ้าเช็ดโต๊ะที่มีน้ำหกเลอะเทอะอยู่  พวกเราก้มๆเงยๆทำความสะอาดกันอยู่สักพักก่อนสมชายจะเดินกลับมาบอกว่าท่านอาจารย์สุชาติที่เคารพให้เอาเงินไปให้และแยกย้ายได้ แน่นอนว่าผู้รับผิดชอบนำเงินไปส่งก็คือสมชายอีกนั่นแหละ



เดินไปเดินมาทั้งบ่ายชีวิตซวยมากมึง กูว่ามึงควรไปหาหมอดูเปลี่ยนเชื่อได้แล้วนะ สมชายนายธรรมดาไม่เป็นศิริมงคลกับชีวิตมึงเลย



ผมกับเปลวพับโต๊ะเก็บเข้ามุมเพื่อให้ไม่เกะกะ เห็นว่าหลังเลิกงานส่วนกลางจะมาจัดการต่อเอง เป็นคนช่วยงานว่าลำบากแล้วเป็นคนจัดงานลำบากกว่าหลายเท่า ดีนะที่ไม่ได้สมัครเป็นส่วนกลาง



“ตอนนี้กี่โมงแล้ว”ผมถาม



“สี่โมงห้าสิบ จะไปดูคอนเสิร์ตเลยหรือว่าเดินหาอะไรกินในงานก่อน”เปลวตะวันถามความคิดเห็นของผม งานโรงเรียนของผมเริ่มตั้งแต่บ่ายโมงครึ่งจนถึงสองทุ่ม โดยช่วงบ่ายบนเวทีจะมีการแสดงของห้องต่างๆและตั้งแต่หกโมงเป็นต้นไปจะเป็นคอนเสิร์ต



“เดินเล่นกันก่อนเถอะ การแสดงไร้สาระไม่ต้องไปดูก็ได้”หากกิ๊บมาได้ยินผมได้กลายเป็นหมูบะช่อแน่เพราะการแสดงของห้องผมปีนี้เธอเป็นผู้กำกับส่วนนักแสดงนำก็ไม่พ้นปอ อาร์ต ไอซ์ ที่พวกมันหายไปช่วงบ่ายแก่ก็เพราะไปซ้อมบทนี่แหละ



“ไม่ไปดูเพื่อนเล่นเหรอ ตอนนี้ก็ใกล้แสดงแล้วหละมั้ง”



“ไม่เป็นไร เดี๋ยวดูจากคลิปที่ไอ้แชคถ่ายมาก็ได้”มีเพื่อนเป็นตากล้องก็ดีอย่างงี้แหละครับ



“ดูของจริงกับดูผ่านจอมันไม่เหมือนกันนะ”



“ช่างมัน หิวเว้ย!!”เห็นว่าเซ้าซี้ไม่เลิกนายน้ำเงินจริงเผยไต๋ออกไป ระหว่างมิตรภาพและของกินเห็นทีอาหารจะเป็นฝ่ายชนะขาดลอย...



ตอนนี้พวกเรากำลังเดินอยู่ในลานหน้าเสาธงซึ่งร้านรวงต่างๆกำลังขายดิบขายดี เนื่องจากเวลานี้ใกล้ถึงเวลาเริ่มคอนเสิร์ตแล้วนักเรียนจากภายนอกเลยยิ่งแห่แหนกันเข้ามามากขึ้น



แต่ละปีแต่ละปีโรงเรียนของเราจะมีแขกจากต่างถิ่นเข้ามาเยี่ยมเยียนจำนวนมากจนเป็นเหมือนประเพณีไปแล้ว นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าคู่หูแสบตาอย่างฟงและเปลวทำไมถึงครองตำแหน่งบุคคลผู้มีอิทธิพลที่สุดในละแวกนี้ไป



“ลูกชิ้นทอดมั้ย”ผมหันไปถามความเห็นมัน”เห้ย ไม่เอาดีกว่ากูว่าเกี๊ยวกล้วยนี่แหละเด็ด!!”พูดจบก็วิ่งเข้าไปซื้อหน้าระรื่น



“คนเห็นแก่กิน”เปลวว่ายิ้มๆ



“ว่าแต่กูเหอะ รักเพื่อนนักก็ไปกับเพื่อนเลยไป ฟงรออยู่ตรงโน๊นนนน”เมื่อเถียงไม่ได้เราก็แถสิครับรออะไร ผมรีบชี้โบ้ชี้เบ้ไล่มันเป็นหมั่นไส้



“สำหรับเปลว คนที่รักก็สำคัญกว่าเพื่อนเหมือนกัน นิดนึง”



คำพูดของมันทำเอาถ้วยเกี๊ยวกล้วยราดช็อคโกแลตแบบจัดเต็มของผมแทบร่วง



ผมว่าผมอยู่กับมันนานวันเข้าผมต้องหวั่นไหวแน่ๆ พี่แกเล่นหยอดทุกครั้งที่มีโอกาสเลยนี่หน่า



“พี่เปลวคะ พี่น้ำเงินคะ”เสียงใสๆของเด็กผู้หญิงดังขึ้นพวกเราเลยหันไปตามต้นเสียง นักเรียนชั้นม.สี่คนหนึ่งเดินออกมาจากซุ้มด้วยสีหน้ามีความหวัง เธอเข้ามาคว้ามือของผมและเปลวเอาไว้ก่อนจะเอ่ยน้ำเสียงขอร้อง “พี่ช่วยมาเล่นเกมส์ซุ้มหนูหน่อยได้มั้ยคะ ไม่ค่อยมีลูกค้าเลย”



บริเวณทางเท้าตรงนี้ผู้คนหนาแน่นจนจะเหยียบกันตายอยู่แล้วแต่ร้านของเธอกลับมีลูกค้าประปราย การดึงเอาพรีเซ็นเตอร์ชื่อดังมาก็เป็นแนวทางโปรโมทร้านที่ดี



เด็กคนอื่นๆในร้านก็มองมาทางพวกผมด้วยสายตาอ้อนวอน ผมกับเปลวสบตากันอย่างเข้าใจความหมาย...ขืนปฏิเสธไปมีหวังโดนสังคมรุมประณามแหง



“เกมส์อะไรเหรอครับ”เปลวตะวันเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้มนุ่มลึก มันเดินนำเข้าร้านอย่างช่วยไม่ได้



“เกมส์พระราชาค่ะ!!”เด็กสวมมงกุฎกระดาษคนหนึ่งวิ่งออกมาหาพวกเราอย่างดีใจก่อนจะออกคำสั่งให้เพื่อนเรียกลูกค้าเข้าร้านอย่างรู้งาน



“เกมส์พระราชาค่า...เกมส์พระราชา ตาละ20บาท คนชนะสามารถสั่งให้ประชาชนทำอะไรก็ได้หนึ่งอย่าง...”เสียงตะโกนของหล่อนเรียกความสนใจจากคนรอบๆได้อย่างดี



“ทีเด็ดของเรารอบนี้ก็คือ พี่เปลวกับพี่น้ำเงินก็เล่นด้วยค่า...รับแค่รอบละห้าคนเท่านั้น ช้าหมดอดนะคะ!!”
สิ้นคำเท่านั้นแหละครับประกายไฟก็ลุกโชติช่วงในดวงตาของเหล่าพี่น้องแฟนเพลงทางบ้าน ทั้งผู้หญิงทั้งผู้ชายวิ่งปรี่เข้ามาทาง
ร้านอย่างหมายมั่น...เดี๋ยวนะ ทำไมมีผู้ชาย



“ไอ้เหี้ยนั้นมันมาปล้นร้านหรือมาเล่นเกมส์วะ”นายน้ำเงินลากแขนเปลวหลบฝูงชนไปด้านหลังโต๊ะของร้านก่อนจะเอามือป้องปากแล้วกระซิบข้างหูคนข้างๆ สายตาโฟกัสไปที่เด็กนักเรียนชายโรงเรียนอื่นซึ่งผิวดำคล้ำตัวใหญ่อย่างกับหมีแถมยังตะโกนเสียงดังแรงควายเบียดผู้หญิงกระเด็นไปหลายคน



เปลวมองตามที่น้ำเงินบอกก่อนเขาจะเบิกตาอย่างตกใจ “นั่นมัน...”เสียงเบาหวิวเล็ดลอดออกจากริมฝีปากได้รูป



“ใครวะ”ผมถาม



“อริไอ้ฟงมัน ถ้าจำไม่ผิดคงเป็นแฟนของผู้หญิงสักคนที่ฟงไปซิวมา”



“เห้ย! แล้วมันอยากเล่นเกมส์กับเราไมวะ”ไม่มีคำตอบจากร่างสูงเพราะตัวคนถามก็รู้คำตอบอยู่แก่ใจ มิตรของศัตรูก็คือศัตรู เฮียหมีคนนั้นสุมด้วยไฟแค้นราวกับรอระเบิดได้ทุกวินาที



ในเมื่อยามปกติไม่อาจทำอะไรคู่หูคู่นี้ได้โอกาสอันดีงามอย่างเกมส์พระราชาที่ฟ้ามอบให้จะไม่ปล่อยให้หลุดมือเป็นอันขาด!!



“หวังว่ามันจะไม่ได้เป็นสามคนที่ได้เล่นกับเรานะ”เด็กห้องคิงผู้ไม่เคยก่อเหตุทะเลาะวิวาทกลืนน้ำลายลงคออย่างหวาด ใจนึกภาวนาให้คนอื่นๆเบียดชนะ



“ห้าสิบบาท!! ชั้นจ่ายค่าตั๋วห้าสิบ ให้ฉันเล่นเกมส์นี้เถอะ เสียงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นท่ามกลางก้อนมวลมหาประชาชนซึ่งเหยียบกันตายอยู่หน้าร้าน



“ชั้นให้ร้อยนึง! ฉันอยากสั่งให้พี่น้ำเงินคบกับฉัน แค่ในงานนี้ก็ยังดี!!”อีกเสียงหนึ่งดังขึ้น ไอเดียของเธอยิ่งจุดชนวนความโกลาหลเข้าไปใหญ่



จากราคาเริ่มต้นยี่สิบบาท มูลค่าของมันเพิ่มขึ้นห้าเท่าตัวด้วยบุคคลทั้งสอง น้ำเงินถึงกับยืนมองสถานการณ์ตรงหน้าอย่างตกใจ เกิดมาไม่เคยรู้มาก่อนว่าเรตติ้งตัวเองจะดีขนาดนี้เลย...ร้านน้ำก็ทีนึงแล้ว



“กูเป็นที่นิยมขนาดนี้เลยเหรอวะ กับมึงกูไม่แปลกใจหรอกเห็นผู้หญิงในห้องเพ้อถึงบ่อยๆ”



“น้ำเงินมีดีเยอะแยะ ใครๆก็ชอบ ขนาดเปลวยังชอบเลย หึหึ”



“โอ๊ย กูไม่คุยกับมึงแล้ว!”



“จะ...ใจเย็นๆนะคะ”เสียงของเจ้าของซุ้มส่งไปไม่ถึงลูกค้าเสียแล้ว ไอ้หมีควายคนดังกล่าวคว้าเอาตั๋วในมือของเธอไปก่อนจะควักเงินยี่สิบบาทออกมาจ่าย 



ผู้ชนะเลิศคนแรกคือนายหมีนามสมมุติ



“อีจอย ถ้าแกไม่ขายตั๋วให้ฉัน ฉันจะแฉเรื่องของแก!!!!”เสียงคุ้นๆดังขึ้น เด็กที่ถือตั๋วอยู่ผมเพิ่งรู้ว่าเธอชื่อจอย เธอรีบยื่นตัวไปให้ผู้ชายคนหนึ่ง ทันทีที่เลื่อนสายตาสบมองใบหน้าเยี่ยงชายชาตรีประดับด้วยไรหนวดและลิปสติกของเด็กหนุ่ม(?)คนนั้นทำให้น้ำเงินตื่นตะลึง...ตุ๊ดทัพบก!!



ผู้ชนะคนที่สองคือตุ๊ดทัพบกซึ่งโผล่มาจากไหนก็ไม่ทราบ หล่อนเดินนวยนาดเข้าซุ้มมาอย่างกับได้เหรียญทองโอลิมปิก ใบหน้าขาวปากแดงคอดำเชิดขึ้นจิกเหล่าชะนีผู้พ่ายแพ้สงคราม



จากนั้นผลผู้เข้าแข่งขันคนสุดท้ายก็เข้าสู่สนาม เธอเป็นเด็กม.หนึ่งผู้โชคดีหรือโชคร้ายก็ไม่ทราบที่ต้องมาเล่นเกมส์กับเสือสิงกระทิงแรด เด็กน้อยเดินจุ๋มกรู๋เข้ามาด้วยสีหน้าประหม่า



เพราะความโกลาหลคนจัดซุ้มจึงใช้วิธีชี้สุ่มเอาเลยซึ่งมันสร้างความไม่พอใจให้หลายๆคนแต่ก็ไม่มีใครทักท้วงอะไร ผู้คนรอบซุ้มบางตาลงบางส่วนก็เดินชมงานต่อแต่ส่วนใหญ่ยังรอดูอะไรสนุกๆกัน



ผมแอบกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ มองตุ๊ดทัพบกซึ่งส่งสายตาปิ๊งๆมาให้ไม่หยุดเล่นเอาเสียวสันหลังวูบวาบ ก่อนจะเขยิบตัวเข้าใกล้ไอ้เปลวซึ่งมีสีหน้าไม่ต่างกัน



 เชี่ยหมีผู้ต้องการแก้แค้นยิ้มย่องอย่างหมายมั่นก่อนจะยกมืออวบอูมขึ้นชี้ใบหน้าหล่อๆของคนข้างกายผมและประกาศกร้าว!!



 "มึงตาย!!"เสียงเข้มพอกับหน้า หมีนามสมมติตะโกนเสียงดังจนตุ๊ดทัพบกสะดุ้งโหยง



 "ตายเตยอะไร อย่ามาหยาบคายกับผู้ชายในสังกัดชั้นนะยะ เอาเถอะยังไงผู้ชนะก็คือชั้นและวันนี้ทั้งวันชั้นจะได้ครอบครองน้ำเงินแต่เพียงผู้เดียว โฮ๊ๆๆๆ"เสียงทุ้มห้าวพยามดัดให้สูงเสียดฟ้าหัวเราะหยามไอ้หมีจนเลือดขึ้นหน้า



"ราดน้ำมันเข้ากองไฟ"



 "หายนะชัดๆ"



พวกเราพูดโดยไม่มองหน้ากัน ถึงจะไม่ได้สบตาแต่ก็รู้ได้โดยความรู้สึก เสียงในใจมันร่ำร้องราวกับลางบอกเหตุ ต่อให้ต้องเดิมพันด้วยชีวิตก็แพ้ไม่ได้เด็ดขาด!!



 เพลิงสู้ในตัวของผู้เข้าแข่งขันสี่คนโหมกระพือจนเต็นท์แทบไหม้(เว่อร์) หน่วยกล้าตายประจำซุ้มถูกผลักออกมาจากกลุ่มเพื่อนเพื่อเริ่มดำเนินเกมส์



เด็กผู้ชายที่ถูกผลักออกมาพร้อมกระบอกสีเงินขนาดพอสมควรหัวเราะเสียงแห้งเมื่อเผลอสบตาเข้ากับใครคนใดคนหนึ่งในพวกผมสี่คน มือผอมแห้งของกรรมการยื่นเจ้ากระบอกดังกล่าวออกมาก่อนพูดเสียงดังฟังชัดว่า... "ขออธิบายกติกานะครับ สั้นๆง่ายๆเลยคือ...!!"



 "..."



"จับฉลาก!!!!!"



“!!?”



“ในกระบอกนี้มีหมายเลขอยู่หลายแผ่นตั้งแต่ 1-15 มีเลขซ้ำกันสามชุด ใครได้หมายเลขเยอะที่สุดคือผู้ชนะถ้าหากได้เลขมากสุดซ้ำกันจะต้องเล่นเกมส์พิเศษเพื่อตัดสินครับ!!"



 อิเหี้ยยยย กติกาบ้าบอคอแตกอะไร เสียเงินตั้งยี่สิบเพื่อจับฉลากแกล้งคนเนี่ยนะ สมควรแล้วที่ไม่มีลูกค้า ไอ้น้องพี่ถามจริงใครเป็นตัวต้นคิด...



 "นี่ครับ..."กระบอกถูกยื่นมาให้ผู้เข้าแข่งขันทีละคนซึ่งถูกกำชับให้รอเปิดดูหมายเลขพร้อมกันเพื่อความลุ้นละทึก เด็กผู้หญิงคนสุดท้ายหยิบกระดาษขึ้นมาพร้อมสัญญาณบ่งบอกว่าเปิดดูด้านในได้แต่อย่าเพิ่งให้ใครเห็น นายน้ำเงินเช็ดมือชื้นเหงื่อกับขา
กางเกงก่อนค่อยๆคลี่กระดาษแผ่นน้อยในมือออก



ทันทีที่สิ่งที่ปรากฏในกระดาษแผ่นนั้นนัยน์ตาสีดำขลับก็วูบไหวและเบิกกว้างอย่างตื่นตะลึง



...3...



ชิบหายตายแน่น้ำเงิน ดูจากความอ่อนด้อยของตัวเลขแล้วยังไงก็ไม่มีทางชนะ



ตายๆๆๆ ถ้าเชี่ยหมีนั่นชนะคนซวยคือเปลว ถ้าตุ๊ดทัพบกชนะคนซวยก็คือผม ถ้าเด็กผู้หญิงชนะคงไม่ร้ายแรงเท่าไหร่แต่เพื่อความปลอดภัยขอให้ไอ้เปลวชนะทีเถอะ มึงเป็นผู้ชายดวงแข็งใช่มั้ย บอกกูทีมึงถูกหวยบ่อยสินะ



 "เอาละครับ อยากรู้เลขของใครก่อนเอ่ย"ไอ้เด็กท่าทางกล้าๆกลัวๆตอนแรกกลับมาสวมวิญญาณเจ้าของซุ้ม มันถือโทรโข่งเดินไปหาผู้ชมยังกับเล่นเกมส์โชว์ เสียงเซ็งแซ่ดังขึ้นเป็นชื่อคนจนแทบจะแยกคำไม่ออกแต่เท่าทีผมจับความได้ดูเหมือนคำว่าเปลวจะดังเยอะสุด



"งั้นเรามาดูของพี่เปลวก่อนเลยนะครับ!!"เด็กนั่นเดินมาหาเปลวตะวันซึ่งยื่นแผ่นกระดาษเล็กๆในมือให้ด้วยท่าทางสุขุม ดวงตาคมกริบจ้องมองไปข้างหน้าอย่างไม่มีความลังเล ร่างสูงยืนพิงเสาซุ้มก่อนยกมือขึ้นกอดออก ท่าทางไม่ทุกข์ร้อนแถมยังยืนซะเท่ห์จนนึกว่ามาถ่ายแบบทำเอาผู้เข้าแข่งขันคนอื่นร้อนๆหนาวๆ



 โห...นิ่งขนาดนี้แสดงว่าได้เยอะชัวร์ เลขอะไรๆๆๆ 15ใช่มั้ย!?



 "หมายเลยที่ออกคือ...!"



 "...."



"..หนึ่ง...."



"...."ความเงียบเข้าปกคลุม ทุกคนลุ้นรอคำประกาศต่อไปอย่างตื่นเต้น หนึ่งอะไร บอกพี่มาสิน้อง หนึ่งห้าใช่มั้ย



"1 ครับ มองอะไรกันอยู่เหรอครับ"



 "หาาาาา"ผมเผลออุทานออกไปอย่างตกใจไม่ต่างจากคนอื่นๆ ความรู้สึกเหมือนโดนกะละมังตกใส่หัว เดี๋ยวนะ ช้าก่อน...ได้ 1ก็หมายความว่ากระจอกสุดเลยสิ ไอ้เหี้ย โอ๊ย อยากจะบ้า แล้วมึงจะสุขุมทำหอยโข่งอะไร



เพราะเขาห้ามคุยกันผมจึงได้แต่จิกกัดด้วยสายตา ร่างสูงด้านข้างก็เบือนหน้าหนีไปอีกทางซะนั่น



 หนอย!! ไม่ต้องหนีความผิดเลยมึง ด้วยความหมั่นไส้ผมเลยเหยียบเท้ามันไปหนึ่งที แม่งสะดุ้งแล้วก็หันมามองผมตาเหลือกเลย เจ็บหละสิ สม...



"2ครับ!!"เสียงพิธีกรดังเรียกสติ หมายเลข2เป็นของเด็กหญิงม.1 ความหวังน้อยๆของนายน้ำเงินพังไม่เป็นท่า เท่านี้ก็เหลือแค่ตัดสินกันว่าตุ๊ดทัพบกหรือหมีควายจะเป็นฝ่ายชนะ



 "ขอโทษนะครับ ขอดูหน่อย โอ้วววว ไม่น่าเชื่อ!!!"พิธีกรเดินเข้าไปขอฉลากในมือตุ๊ดห้องผมก่อนจะร้องอุทานออกมาเสียงดัง ผมรีบชะเง้อคอมองอย่างตกใจ อย่าบอกนะว่ามึงชนะ...



 "1ครับ นี่มันอะไรกันเนี่ย ผู้เข้าแข่งกันรอบนี้ถือว่าโชคดีพระเจ้าเข้าข้าง จนกินกันไม่ลงเลยทีเดียว คะแนนนำตอนนี้คือน้องดาว เลข2นะครับ!!"เด็กพิธีกรกวนตีนเรียกเสียงฮาจากรอบข้าง



ก่อนเดินไปคว้ากระดาษจากมือไอ้หมีอย่างคึกคัก ก่อนจะทำตาตื่นแหกปากเสียดังลั่นว่า "โว้ววววววว คนนี้แหละครับคนจริง หมายเลยในมือผมตอนนี้ทิ้งห่างผู้เข้าแข่งขันคนก่อนๆชนิดไม่เห็นฝุ่นเลย!!!"



“ทายสิครับว่าเขาได้เลขอะไร!?”



 "3ครับ!! สุดยอดมาก ในกระป๋องมีเลข1-15ตั้งสามชุด คะแนนนำตอนนี้คือ 3ครับ!! ครั้งแรกในประวัติการณ์เลยก็ว่าได้ โอ้ววว!!"เสียงหัวเราะดังพรืดจากผู้ชมและเปลวตะวัน อิตุ๊ดทัพบกแทบจะพุ่งตัวเข้าตบเด็กปากเสีย



เหมือนมันจะสบายใจที่เลขของมันไม่ต่างจากคนอื่นเท่าไหร่นัก คือยังไงมึงก็แพ้มั้ย สู้กูก็ไม่ได้ กูได้เลข3 เท่ากับไอ้หมีเลย


หืม...เดี๋ยวนะ อย่างงี้ก็หมายความว่า...



 "ผู้ชนะคือพี่น้ำเงินกับนายมวยปล้ำหุ่นล่ำโรงเรียนข้างๆคร้าบบบบ"โดยไม่รู้ตัวฉลากในมือก็ถูกเจ้าพิธีกรคว้าไปอ่าน ไอ้เด็กเวรประกาศหมายเลขพร้อมแซวพอเป็นพิธีจากนั้นก็ขานชื่อคนชนะ..!



ผมถูกลากให้ไปยืนคู่ไอ้หมีก่อนเจ้าเด็กผีจะวางโทรโข่งและชูมือผู้ชนะสองคนขึ้นฟ้าท่ามกลางเสียงเชียร์ของเหล่าไทยมุง นายน้ำเงินยืนเอ๋ออย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง ในหัวมีเพียงคำคำเดียวดังซ้ำไปซ้ำมา ปาฏิหาริย์!!



 ...นี่มัน...ปาฏิหาริย์...บังเกิดขึ้นแล้ว...!!





++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



แดดเมืองไทยร้อนมากมาย พอต้องออกจากบ้านทีนึงก็นึกแค้นคุณเปลวตะวันทีนึง

อย่าตามมาเผาไหม้ฉันอีกเลย ตามติดน้ำเงินของเธอต่อไปเถอะนะ



 :heaven :heaven :heaven

ออฟไลน์ PURE LOVE

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
หูย เดทกันในงานโรงเรียน น่ารักจริงเลย  :o8:
เปลวนี่มีช่องเมื่อไร ต้องหยอดเมื่อนั้นเลยนะ
ดีแล้ว ๆ หยอดเข้าไป ๆ น้ำเงินหวั่นไหวใหญ่แล้วนั่น
งานนี้ ให้คนต่างถิ่นเข้ามาได้ จะมีพี่ทวนมาดูฟงร้องเพลงไหมอ่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Celestia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 833
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
เอ่อ.... เลขดี๊ดีนะคะ แต่ละคน 5555

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ MiddaySuN

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-0
    • พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน




บทที่15 ป็อกกี้สื่อรัก!?




“เอาละครับ ผู้ชนะเชิญทางนี้ครับ ส่วนคนแพ้จะไปไหนก็ไป ไป๊!”เด็กเวรโบกมือไล่โดยเน้นไปทางตุ๊ดทัพบกอย่างกวนบาทา เลยโดนโบกกบาลไปหนึ่งทีก่อนตุ๊ดจะสะบัดหน้าเดินออกจากซุ้มไปแบบสวยๆพร้อมกับเด็กผู้หญิงอีกคนที่เดินก้มหน้าก้มตาออกไป...



ทั้งสองคนถูกกักตัวไว้โดยเด็กเจ้าของซุ้มคนอื่นๆเพราะคนแพ้มีสิทธิ์ถูกลงโทษโดยพระราชา



ส่วนเปลวตะวัน...ยังคงยืนอยู่ที่เดิมแบบไม่รู้ร้อนรู้หนาว และไม่มีใครกล้าไปไล่พี่แกด้วย



ก็ดีนะ ขืนให้เผชิญหน้ากับไอ้หมีนี่ตัวต่อตัวคงไม่ไหว น้ำเงินไม่ขอสู้ ผมว่าผมไม่ได้เตี้ยอะไรนะแต่พอมายืนคู่กันแบบนี้แล้วสูงเลยไหล่มานิดเดียว โอ้โห พ่อมึงเป็นเหยาหมิงนักบาสจีนในNBAเหรอ!? ไม่สิ ไม่ได้ เหยาหมิงเขาขาว...



“เกมส์ตัดสินแห่งโชคชะตาของเราก็คือนี่ครับ!! ป็อกกี้สื่อรัก!!!”ไอ้เด็กพิธีกรดำเนินรายการของมันต่อ มือข้างที่ไม่ได้ถือโทรโข่งชูกล่องขนมสีชมพูขึ้นฟ้าเรียกเสียงฮือฮาจากผู้ชมรอบทิศ



ป็อกกี้!?



อย่าบอกนะว่า...เกมส์นี้มัน!!



น้ำเงินเบิกตากว้างอย่างตื่นตะลึงเมื่อเห็นไอเท็มในตำนาน แต่ผู้จัดซุ้มก็ยังดำเนินรายการต่อไปอย่างไม่ปราณีนักแสดงรับเชิญซึ่งถูกลากเข้ามาเล่นแบบไม่รู้อิโหน่อิเหน่



“เบสิคสุดเลยครับ ให้ผู้ท้าชิงสองคนกัดป็อกกี้คนละด้าน ค่อยไล่เข้ามาทีละคำละคำสลับกัน ใครหยุดก่อนคนนั้นแพ้!!”



ไม่นะ ไม่!! ให้เล่นเกมส์หวานแหวนแบบนี้กับไอ้เชี่ยนี่ ไม่เอานะ ยอมแพ้ๆ ไม่แข่งแล้ว สยอง!!



ฉับพลัน สายตาของผมที่เกือบยงธงขาวไปแล้วก็สบเข้ากับนัยน์ตาของเปลวตะวันซึ่งมองมาอย่างสั่นไหว...จริงสิ ลืมไปเลย ถ้าเกิดผมแพ้เปลวจะโดนสั่งให้ทำอะไรก็ได้



สีหน้าแตกตื่นในทีแรกดูสงบลงเหมือนท้องฟ้าหลังพายุซา ผมจ้องร่างใหญ่ตรงหน้าด้วยแววตามุ่งมั่น



...วันนี้มันไม่ได้ขึ้นร้องเพลงก็เพราะผม แต่ผมจะไม่ปล่อยให้มันขายหน้าเพราะผมเด็ดขาด...



“เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า ทั้งคู่เขยิบเข้าหากันหน่อยครับ อีกนิดครับอีกนิดนึง อา...ใกล้อีกครับ ฮ่าๆๆ”ผมว่าแม่งแกล้งแล้วหละ ดูจากเสียงหัวเราะมีความสุขของมัน ปลายเท้าของน้ำเงินกับหมีแตะกันพอดีจนคฑากรโรงเรียนต้องเอนตัวไปข้างหลังอย่างหวาดหวั่น



ทำใจอยู่สักพักก็สร้างเสียงกรีดร้องเซ็งแซ่ดังจากผู้ชมที่หวาดเสียวตามเมื่อผมหยิบป็อกกี้ขึ้นมางับก่อนจะยื่นหน้าไปให้ไอ้หมี
ร่างเทอะทะต้องย่อตัวลงเพื่องับปลายฝั่งอีกข้าง สมน้ำหน้ามึง อยากสูงผิดมนุษย์เอง



ด้วยระยะห่างสิบเซนติเมตรทำให้ผมสามารถเก็บลายละเอียดบนหน้ามันได้แบบจะๆ ผิวสีดำคล้ำเกรียมแดดและด้วยความเป็นคนผิวดำอยู่แล้วจึงดำแบบเท่าทวีคูณ จมูกบานๆพ่นลืมหายใจฟืดฟาดประดับด้วยสิวหัวช้างเม็ดเบ้อเริ่มราวกับจะปริออกได้ทุกเมื่อ ยังไม่นับรวมกลิ่นเหม็นเขียวจากร่างกายโทรมเหงื่อนั่นอีก



โอยย ขอเวลานอก ขออนุญาตพาผู้เข้าแข่งขันไปอาบน้ำล้างหน้าพบวุฒิศักดิ์แปปได้ไหม



โดยไม่ทันทักท้วงสัญญาณเริ่มเกมส์ก็ดังขึ้นพร้อมกับใบหน้าสุดจะทนของไอ้เหมีควายเคลื่อนเข้ามาใกล้...ใกล้ไปนะมึง! แม่งงับทีเดียวครึ่งแท่งเลยทำเข้าไปได้ไงวะ มันไม่ทิ่มลิ้นไก่มึงแหกเหรอ



โอ๊ยย น้ำเงินจะไม่ทน!!



 “ตาพี่น้ำเงินครับ เอาคำใหญ่ๆเลย อ้ำๆ มิดด้ามเลยทีเดียว ถ้าหมดแท่งแล้วยังไม่มีคนแพ้จะถือว่าเกมส์นี้ไม่มีผู้ชนะ พี่จะได้เป็นอิสระนะครับ!!”ไอ้เด็กพิธีกรยุแยงท่ามกลางเสียงกรี๊ดของคนดู



“อย่านะคะน้ำเงิน!!”



“ไม่นะคะ อ๊ากกก ทนดูไม่ได้ แก ฉันจะเป็นลม”



เอาจริงๆผมว่ากติกาแม่งไม่แฟร์หวะ คู่ต่อสู้หน้าอย่างกับอึ่งอ่างใครที่ไหนจะต่อกรได้ แค่ลมหายใจก็ส่งกลิ่นตุๆออกมาแล้วใครจะกล้าเข้าไปใกล้วะ ไม่ๆๆ น้ำเงินเอ๊ย!! เปลวทำอะไรให้มึงตั้งมากมายแค่นี้มึงช่วยมันไม่ได้หรือไงวะ!?



ผมตัดสินใจแล้ว งับแม่งหมดนี่แหละจะได้จบๆไปไม่ต้องมานั่งทน



คฑากรโรงเรียนหลับตาปี๋ก่อนจะอ้าปากกว้าง ใบหน้าหล่อเหลาเคลื่อนเข้าใกล้ไอ้หมีทีละนิด เสียงร้องโหวกเหวกก็ดังขึ้น



“กรี๊ดดด”



ใกล้ขึ้นอีกนิด ภาพรอบข้างเหมือนมีคนมากดปุ่มสโลว์โมชั่น



“กรี๊ดดดดดดดดดดดด”



ใกล้ อีกไม่ถึง 1เซนติเมตรปากของเราก็จะโดนกัน เสียงร้องยิ่งดังขึ้นอย่างทนไม่ได้



“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”



“...”



“โอ๊ยยย!!”



สรรพเสียงรอบข้างนิ่งสงบ แขนของผมถูกแรงกระจากอย่างแรงจนเซถอยไปด้านหลัง ปากที่อ้าเพื่องับขนมเข้าปากหุบทันทีอย่างตกใจผลที่ได้คือกัดเข้าเต็มๆริมฝีปากตัวเอง เลือดสีแดงไหลท่วมปากเลยตอนนี้



ผมหันไปมองหน้าคนก่อเหตุอย่างตื่นๆ เปลวตะวันซึ่งพรวดพราดเข้ามาคว้าแขนผมก่อนวินาทีที่ปากจะสัมผัสกับไอ้หมีนั่นก็แสดงสีหน้าตื่นตะลึงไม่แพ้กัน



”ทำอะไรของมึง...”



“มึงนั่นแหละทำเหี้ยอะไร!!!!”



เปลวผู้ใจเย็น เปลวตะวันผู้ประดับด้วยรอยยิ้มเสมอกลับมองผมด้วยแววตาวาวโรจน์แถมตวาดเสียงดังจนคนรอบๆหันไปมองหน้ากันตื่นๆ...



“หลบ!!”มันหันไปดันหน้าไอ้เด็กพิธีกรที่เดินเข้ามาเพื่อประกาศผู้ชนะซะหน้าหันก่อนจะลากแขนผมออกจากซุ้มไปท่ามกลางสายตาตกใจของผู้ชม!!



เปลวลากผมออกมาเรื่อยๆอย่างไม่รู้จุดหมาย”มึงจะไปไหนหนะ เห้ย!”



“เปลวมึงเป็นเหี้ยไรเนี่ย!!?”



“...”



“มีอะไรก็พูดกันดีดีดิเห้ย!!”



เสียงของผมที่ตะโกนถามมันมาตลอดทางนั้นไม่เข้าหูแม้แต่น้อย ภาพแผ่นหลังของเปลวที่เดินนำหน้าผมตอนนี้ส่งกลิ่นไอต่างจากที่เคย ความรู้สึกหวาดกลัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนเข้ามาเกาะกุมจิตใจ



“เปลว...”น้ำเงินพยามเรียกชื่อคนตรงหน้าเสียงอ่อย แต่เหมือนความเร็วการสับขาจะเพิ่มขึ้นจนแทบจะกลายเป็นวิ่งไปแล้ว แรงบีบที่ข้อมือก็เพิ่มขึ้นจนเจ็บ



ประตูห้องเรียนศิลปะถูกเปิดออกอย่างแรงเปลวดึงผมเข้ามาข้างในก่อนเปิดไฟปิดประตูและทรุดตัวลงนั่งมุมห้องโดยยังไม่ปล่อยมือออก



“เจ็บ”ผมบอกมันให้ปล่อยด้วยสีหน้าสำนึกผิด ตลอดทางมานี้ผมไม่โง่พอจะไม่รู้ว่ามันโกรธผมเรื่องอะไร



“กู...กูขอโทษ”ผมเหลือบมองสีหน้าของอีกฝ่ายด้วยความสำนึกผิด คำขอโทษนี้เอ่ยเพราะยอมรับผิดแต่โดยดีไม่ใช่เอ่ยให้มันหายโกรธหรือปล่อยมือ เปลวตะวันหันมามองตาผมก่อนจะคลายแรงบีบที่มือและเอนตัวลงมาพิงไหล่ผมและเปรยเบาๆว่า



“อืม โทษที เมื่อกี้เลือดขึ้นหน้า”



“ไม่เป็นไร”



“เจ็บไหม”มันเกลี่ยนิ้วโป้งไปมาบนข้อมือแดงแจ๋



“ไม่เป็นไร แค่มึงบอกว่ายกโทษก็พอ...”



“มึงทำอะไรผิด หืม?”



ผมผงะกับคำพูดของมัน ก้มหน้าสบตากับคนพูดชัดๆเพื่อความมั่นใจ พวกเราสู้สายตากันอยู่เพียงชั่วอึดใจก่อนผมจะเป็นฝ่ายยกธงขาวเบือนหน้าหนีเสียก่อน



“อะ...จะให้พูดเหรอ? ไม่ดีมั้ง คือกู คือเอ่อ...กูเขินโอเคมั้ย เอาเป็นว่ากูรู้ว่ากูทำอะไรผิดแล้วกันนะ”



“ไม่ได้ มึงต้องพูด ไม่งั้นกูจะเชื่อมึงได้ยังไงว่ามึงรู้จริงหรือขอโทษไปส่งๆ...”เชี่ยเปลวเงยหน้าขึ้นมา สีหน้าแววตากลับมาเป็นปกติแถมพ่วงความเจ้าเล่ห์เข้าไปอีกหนึ่งส่วน



“บอกมาเร็ว”



“อย่าแกล้งกู”



“ไม่ได้แกล้ง เร็วเข้าจะได้รู้ไงว่ามึงรู้จริงไหมว่ามึงทำอะไรผิด”



“อ๊ากก...”



“กรีดร้องทำไม หึหึ”



“เป๊ลววว...”



“มึงไม่พูดก็ได้ แต่....”



“อะไร!?”



“มึงต้องสาธิตให้ดู”เสียงทุ้มเอ่ยเรื่องแบบนั้นออกมาได้หน้าตาเฉย ใบหน้าของคนได้ยินถึงกับเห่อร้อนอย่างเขินอายกับสิ่งที่ได้ยิน น้ำเงินรีบผลักหัวของคนที่มาซบไหล่ตัวเองออกไปอย่างรนราน



ใบหน้าแดงระเรื่อมองคนตรงหน้าซึ่งแย้มรอยยิ้มกว้างเป็นพิเศษมาให้ มือแกร่งเอื้อมขึ้นมาสัมผัสริมฝีปากซึ่งมีรอยเลือดอยู่อย่างแผ่วเบาก่อนจะกล่าวสมทบว่า”เร็วสิ จะพูด...หรือจะทำ...”



ยังไม่ทันสิ้นคำผมก็เอื้อมมือไปคว้าคอเสื้อนักเรียนของเปลวก่อนจะออกแรงดึงให้ใบหน้าของมันเข้ามาใกล้ ริมฝีปากซึ่งมีรอยแผลอยู่สัมผัสกับกลีบปากของมันอย่างแผ่วเบา โดยไม่รอช้ามือของเปลวก็เลื่อนมาช้อนต้นคอของผมออกแรงดันไว้เผื่อขัดขืน



เสียใจด้วยนะ...กูไม่หลบหรอก...



ผมเผยอริมฝีปากออกน้อยๆเมื่อรู้สึกถึงลิ้นร้อนที่ดุนดันเข้ามาในโพรงปากก่อนจะหยอกเย้าเกี่ยวพันกันอย่างกับคุ้นเคยเป็นอย่างดี



ผมค่อยๆยกมือขึ้นไปเกาะบ่าของมันไว้พร้อมออกแรงจิกเบาเพราะร้อนรุ่มเหมือนถูกเปลวไฟลุกไหม้ในช่องท้อง



“อะ อืมมม”



เปลวตะวันยังคงนึกติดใจการแลกลิ้นกับผมอยู่ จนเมื่อหนำใจของมันแล้วก็ผละออกมาเล็กน้อยก่อนจะใช้ลิ้นไล่เรียงกลีบปากนุ่มซึ่งมีรอยแผลอย่างทะนุถนอม มันคงกลัวผมจะเจ็บเพราะวันนี้ดูเบามือกว่าครั้งก่อนเยอะ...



เปลวประทับริมฝีปากลงมาอีกครั้งอย่างแผ่วเบาก่อนจะปล่อยผมเป็นอิสระอย่างแท้จริง สีหน้าดูกระชุ่มกระชวยซะจนน่าหมั่นไส้



“มึง ขี้อ่อย”



ความเงียบเข้าปกคลุมห้องนี้ทันที ผมรีบหันหน้าหนีไม่กล้าสบตากับมันเมื่อหันไปก็พบกับกระจกบานใหญ่ซึ่งสะท้อนภาพของพวกเรายามนี้เด่นชัด ใบหน้าอันแสนคุ้นเคยของผมเองแดงระเรื่อยังกับมะเขือเทศ นัยน์ตาสีดำแพรวพราวตามความรู้สึกในอกซ้ายที่ดังกึกก้อง



ไม่มีคำพูดใดๆจากน้ำเงินผู้จ้องตัวเองในกระจกอย่างสับสน...คำพูดของเปลวตะวันก็ดังแทรกเข้ามาในหัวอย่างพอเหมาะ



...มึง ขี้อ่อย...



“หึ...ขี้อ่อยเหรอ กล้าพูดเนอะ กูว่า...มันมากกว่าอ่อยแล้วหวะ”



หนึ่งเดือนหลังคำสารภาพรักของเปลว พวกเราก็อยู่ด้วยกันตลอด แทบทุกเวลาที่มีโอกาส ไม่มันมาหาผมก็ผมมาหามัน...น้ำเงินเอ๋ยน้ำเงิน นายไม่ชอบคนประเภทให้ความหวังใช่ไหม นายมักบ่นกับเพื่อนของนายเสมอว่าถ้าไม่รักก็อย่าไปดีกับเขาให้มากนัก...แล้วสิ่งที่นายกำลังทำอยู่นี้หละ...



มันไม่ใช่ ผมเชื่ออย่างสุดหัวใจเลยว่ามันไม่ใช่...



...ไม่ใช่การให้ความหวัง...



กับพระอาทิตย์ตรงหน้า ผมคิดว่าผม...



“จ๊ะเอ๋ แอบมาสวีทกันอยู่ในนี้นี่เอง หาตั้งนานกว่าจะเจอ”



“!!!!?”ฉับพลันเสียงห้าวไม่คุ้นเคยก็ดังมาจากทางเข้า พวกเรารีบผละออกจากกันอย่างตกใจ ผมหันไปมองยังต้นเสียงก่อนจะต้องเบิกตากว้างอย่างตกใจ!! ร่างสูงใหญ่ของเด็กต่างโรงเรียนซึ่งเล่นเกมส์พระราชาด้วยกันเมื่อครู่ยืนจังก้าอยู่หน้าประตูพร้อมกับเพื่อนของมันอีกสามคน!!



“ข่าวใหญ่หวะมึง เปลวเป็นเกย์ ไอ้เหี้ย ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”สมุนของไอ้หมีเดินมาตบไหล่ล่ำๆของบอสมันด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน...



“มึงไม่น่าทักก่อนเลย ไม่แน่นะพวกมันอาจจะจูบโชว์เราก็ได้ กร๊ากกกๆๆๆ”



“นั่นสิ กูว่าจะอัดคลิปไปประจานสักหน่อย พวกผู้หญิงจะได้ตาสว่าง!!!!”



“!!!”




+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

หายไปนานมากแถมหายไปไหนไม่รู้จักบอกจักกล่าวนักอ่านด้วย คนเขียนต้องขออภัยอย่างยิ่งค่ะ //โค้งรอบทิศ

นักอ่านยังไม่ทิ้งเราไปไหนใช่ไหม TvT

พอดีเจอมรสุมสอบปลายภาคพัดผ่านอย่างรุนแรงกว่าจะฝ่าออกมาได้ก็แทบสิ้นลม  :z10:

แต่หลังจากนี้ก็เป็นปิดเทอมเวลาลัลล้าแล้ว อุอิอุอิ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-05-2015 17:11:38 โดย MiddaySuN »

ออฟไลน์ suck_love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
อิหมีออกไปปปปปปป :z6:


ออฟไลน์ Aimiya

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
น่ารักไม่ไหวแล้ววววว อ๊ากกกกก ชอบเปลวกับร้ำเงินมากๆๆๆๆ หนูน้ำเงินทำไมน่ารักอย่างนี้ อ่านแล้วรู้สึกถึงความมุ้งมิ้งแบบเงียบๆ 555+ รออ่านต่อนะคะ // ใครก็ได้มาลากเจ้าหมีต่างโรงเรียนนี่ออกไปสิ!คนเค้าจะสวีทกัน

ออฟไลน์ TrafalgarLAW

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 52
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-1

ออฟไลน์ ycrazy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
เปลวขี้อ่อนน้ำเงินอะะ :hao7:

ออฟไลน์ PURE LOVE

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
 :katai1:  อะไร ๆ หวานกันอยู่ดีๆ
ไหงพวกอิหมียักษ์มาทิ้งระเบิดไว้อย่างนี้น้อ
เปลวกับน้ำเงินจะทำไงอ่ะ ถ้าข่าวแพร่ไปจะทำไงอ่ะ
เปลวไม่เท่าไหร่ กลัวน้ำเงินจะเครียดนี่สิ
ฟงมาช่วยเพื่อนหน่อยเร็ววว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-05-2015 12:55:19 โดย PURE LOVE »

ออฟไลน์ MiddaySuN

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-0
    • พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน



บทที่ 16 ถีบแม่งเลย



"กูก็ว่าแล้ว ตอนมึงเล่นป็อกกี้กับไอ้หล่อนั่น เหี้ยเปลวมองมึงยังกับไปแย่งเมียมัน...ฮ่าาๆ!"



 "ก็แย่งเมียมันจริงนี่หว่า เอ๊ะ หรือว่าผัววะ!?" เสียงหัวเราะประสานดังขึ้นอีกครั้ง



ผมยืนขึ้นตามเปลวด้วยความอับอายแบบไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว พวกนรกยังคงซ้ำเติมเข้าจุดเดิมอย่างสะใจ



"ผู้หญิงมีเยอะแล้วไง ชะนีมีหอยแม่งเบื่อแล้ว หันมาขุดทองดีกว่ารวยกว่าเยอะ!!...เมียมันชื่ออะไรนะ เอ...."เหี้ยหมีผายมือออกสองข้าง สีหน้ามันตอนนี้ดีใจเหมือนโลกทั้งใบตกอยู่ในมือมันยังไงอย่างไง ชิบหายแล้วไง...



ส่วนตัวผมไม่ใช่คนกีดกันเพศที่สามอยู่แล้ว ยิ่งมีเปลวมาเป็นปลิงชีวิตยิ่งโคตรจะเปิดใจเลย พอได้ยินคำพูดสกปรกพวกนี้แล้วยิ่งรู้สึกขยะแขยง... พวกคนชั้นต่ำ เอะอะก็ใช้แต่กำลัง เห็นพวกมากกว่าก็เอาจุดอ่อนคนอื่นมาเหยียบซ้ำ คนประเภทนี้สมควรถูกฟงแย่งเมียอีกร้อยครั้งพันครั้ง



"น้ำเงินไงมึง ชื่อออกจะน่ารัก ดูสิตั่วสั่นใหญ่เชียว กลัวเหรอจ๊ะ ไม่ต้องกลัวนะ พวกพี่ไม่ทำอะไรน้องหรอกเพราะพวกพี่...ไม่ชอบเข้าข้างหลัง กร๊ากกกกๆๆ ฮ่าๆๆๆ!" พวกเลว พวกมึง อ๊ากกกก กูไม่รู้จะสรรหาคำใดมาด่าพวกมึงได้อีกแล้ว



คนอย่างงี้พูดไปก็เสียเวลา กระทืบแม่งเลยง่ายกว่า



"อั่ก!!"



โดยไม่ทันตั้งตัว ร่างสูงใหญ่ของไอ้หมีซึ่งกำลังย่ามใจก็กระเด็นหวือไปด้านหลังย่างจังด้วยแรงเตะเข้ากลางอก



เปลวตะวันเจ้าของผลงานเดินเข้าไปกระชากคอเสื้อไอ้หมีซึ่งจุกอยู่ด้วยสีหน้าเรียบเฉย เพื่อนของมันที่ยืนอยู่รอบๆถึงกับผงะอย่างตกใจ ตัวผมเองก็เช่นกัน...



สถานการณ์เช่นนี้อย่าเรียกว่า 4ต่อ2 เห็นๆอยู่ว่า 4ต่อ1 คือกระผมเป็นเพียงเด็กละอ่อนผู้ตั้งใจร่ำเรียนและได้รับการเอาใจใส่จากบิดามารดา การจะออกรบทำศึกกับใครนั้นจึงหาได้ชำนานไม่ หากจะสู้ขอให้เรามาดวลกันทำแบบฝึกหัด เคมีอินทรีย์จะเกิดประโยชน์กว่านะ...



ผมพยามส่งสายตาไปให้เชี่ยเปลวผู้นำทัพออกไปแล้ว คือกูช่วยมึงไม่ได้เลยนะ มากสุดก็แค่ทำตัวให้ไม่เป็นภาระ มึงดูพวกมันแต่ละคนสิ ตัดไซต์ก่อนเข้ากลุ่มหรือเลือกเพื่อนจากหน้าตาก็ไม่รู้ รุ่น heavy weight ทั้งนั้น



"ไปรอตรงโน้น แปป เดี๋ยวเดียวก็เสร็จ"เปลวหันมาเพยิดหน้าไล่ผมให้ไปกองข้างถังขยะมุมห้อง ผมรีบปฏิบัติตามผู้เชี่ยวชาญอย่างว่าง่าย ท่าทีไม่อนาทรร้อนใจของมันทำให้ผมโล่งใจขึ้นโข เมื่อผมเข้ามุมเรียบร้อยแล้วสายตาของคนซึ่งมองมาก็ฉายแววโล่งใจก่อนมันจะหันกลับไปเผชิญหน้ากับศัตรู



ภาพแผ่นหลังให้ความรู้สึกพึ่งพาได้ น้ำเงินค่อยๆย่อตัวนั่งยองๆกับพื้นอย่างกลัวลูกหลงแต่สายตาก็ยังจับจ้องไปยังเปลวตะวันไม่ลดละ หากมีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้นจะได้เข้าไปช่วยทัน



 "พวกมึงคิดว่ากูยืนเงียบเพราะอะไร เพราะกลัว? เพราะอยู่ในเขตโรงเรียน? หรือเพราะอยู่กับแฟน?"เปลวถามเสียงเย็น ไอ้หมีลุกขึ้นยืนคุมเชิง เพื่อนของมันอีกสามคนกระจายตัวล้อมรอบเปลวอย่างรู้งาน



 "ที่กูเฉยก็เพราะรู้ว่ามีเรื่องไปก็เปลืองตีนเปล่าๆ คนอย่างพวกมึงยังไงก็ไม่หลาบจำ"



"แต่ในเมื่อว้อนท์นัก จัดให้หน่อยก็แล้วกัน"สิ้นคำหมัดลุ่นๆก็ชกเข้าเต็มหน้าของลูกกระจ๊อกที่พุ่งตัวเข้ามา ก่อนจะถูกถีบปลิวไปติดกำแพงเสียงดัง คงจะเจ็บน่าดู ไอ้คนนั้นถึงกับนอนกุมเชิงกรานร้องโอดครวญ



 "ปากดีนักนะ!"ไอ้หมีง้างหมัดใส่แน่นอนว่าไม่โดน เปลวตะวันเอี้ยวตัวหลบก่อนจะอาศัยแรงของไอ้หมีให้เป็นประโยชน์จับทุ่มอย่างไม่ปรานี



"ผลั่ก!" เพื่อนอีกสองคนตั้งใจบุกเข้ามาพร้อมไอ้หมีชิงโอกาสที่เปลวกำลังจัดการไอ้หมีกระชากคอเสื้อแล้วก็ต่อยจนหน้าหัน ไอ้เหี้ย นั่นหน้าตาของโรงเรียนเชียวนะ พวกมึงจะต้องโดนผู้หญิงสาปหนังควายเข้าท้อง นายน้ำเงินผู้สนิทสนมกับถังขยะเห็นท่าไม่ดีเกิดลังเลว่าจะออกไปช่วยดีหรือไม่ช่วยดี สีหน้าฉายแววกังวล



ตัวผมไม่ใช่คนขี้ขลาดขนาดทิ้งให้เพื่อนสู้อยู่คนเดียว แต่จากการประเมินคร่าวๆหากมีผมเข้าไปร่วมวงด้วย ความน่าจะเป็นที่จะกลายเป็นตัวถ่วงเท่ากับ 120เปอร์เซ็นต์



"แค่กๆ"เปลวไอเล็กน้อย มีเลือดกกอยู่ที่มุมปากแต่ขณะที่โดนต่อยอยู่ก็ยังมีสติไปขัดขาอีกคนที่เหลือได้ทำให้ได้รับบาดเจ็บแค่จุดเดียว ก่อนจะได้ลุกขึ้นมาเปลวเตะเสยปลายคางไอ้คนนั้นจนนอนนิ่งไปกับพื้นแถมด้วยเหยียบซ้ำอีกหนึ่งที จากนั้นก็หันไปกระชากคอเสื้อแล้วก็ต่อยเข้าเต็มแรงใส่ไอ้คนที่ต่อยมันเมื่อครู่ จากความชุลมุนเมื่อครู่



ทันทีที่ไอ้หมีลุกขึ้นมาด้วยสายตาปวดร้าวและโกรธแค้นนั้นเอง...ทุกอย่างก็เงียบลง พวกเพื่อนๆของมันที่ได้รับบาดเจ็บกันปานกลางยืนมองหน้าไอ้หมีด้วยสายตารู้สึกผิด



เป็นโอกาสดีให้เปลวได้พักหายใจ ผมเห็นว่ามันเริ่มหอบแล้วด้วย



"กูว่าแล้ว แม่งสู้ไม่ได้จริงๆด้วย"พวกที่โดนถีบติดข้างฝาคนแรกกล่าวด้วยเสียงอ่อย



"ขอโทษหวะเม่น พวกกูแม่งอ่อน"อีกคนพูดเสริมด้วยใบหน้าแบบเดียวกัน เห้ย อะไร ทำไมหนังแอคชั่นกลายเป็นละครดราม่าวะ!?



 "เท่าที่สังเกต...พวกมึงไม่ใช่นักเลง?"เปลวเลิกคิ้วถาม ผมรีบหันขวับไปมองไอ้กลุ่มสี่คนซึ่งเดินรวมกันแล้วนึกจะโจรใต้ตั้งแต่หัวจรดเท้าใหม่ ส่วนไหนในร่างกายของพวกนี้ที่บ่งบอกว่าไม่ใช่นักเลงวะ!?



"อืม...พวกกูเป็นวงดนตรีโรงเรียนข้างๆ ไม่ใช่แก๊งค์อะไร"ไอ้หมีหรือชื่อจริงคือเม่นว่าเสียงเรียบ "คนเค้าลือกัน ว่ามึงอ่ะเทพ กูเชื่อล่ะ"เม่นว่า มือคล้ำกำหมัดแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อ ความคับแค้นในอกต้องการที่ระบาย ในเมื่อระบายกับต้นเหตุหรือเพื่อนสนิทของต้นเหตุไม่ได้...



ทางสุดท้ายคือลงกับตัวเอง



"ฟงไปทำอะไรให้โกรธแค้นขนาดนั้น?"คำถามนี้ผมว่าไม่ฉลาดเท่าไหร่นะ ปัญหารอบๆตัวฟงก็มีอยู่เรื่องเดียวนั่นแหละ ตอนแรกมึงก็บอกเองไม่ใช่เหรอเปลวว่าเชี่ยนี่คือผัวเก่าของเมียฟง



 "รักมากขนาดนั้นเลยเหรอ ผู้หญิงคนนั้น?"หลังเว้นช่วงหายใจไปพักหนึ่ง เปลวตะวันก็เปลี่ยนคำถามใหม่



ผมมองลึกเข้าไปในดวงตาของไอ้หมี ตอนเล่นเกมส์ป็อกกี้กันมันอาจไม่แสดงออกถึงความเศร้าหรือความแค้นอะไรเลย แต่ในยามนี้ซึ่งยืนอยู่ห่างกันเกือบสิบเมตร เมื่อพูดถึงชื่อฟง เมื่อพูดถึงผู้หญิงคนนั้น ความรู้สึกซึ่งซ่อนอยู่ก็ไหลทะลักออกมาจนผมสัมผัสได้



"..."



เม่นเดินเข้ามากระชากคอเสื้อเปลว มือสั่นเท่าอย่างโกรธเกรี้ยว ส่วนคนถูกคว้าไว้นั้นกลับมองด้วยสีหน้าเรียบเฉย



 "เพื่อนมึงอ่ะหน้าด้าน! แย่งแฟนกูไป มึงรู้มั้ย ว่าผู้หญิงที่สวย เรียบร้อย เรียนดีขนาดนั้นกูต้องใช้เวลาเท่าไหร่ตามจีบ กว่าเขาจะคบกับกู มึงรู้มั้ย ว่ามันลำบากขนาดไหน!? แต่เพื่อนมึง!! เหี้ยฟง!! มันใช้เวลาไม่ถึงวันมาแย่งไป!!"เสียงทุ้มต่ำตะโกนอย่างเดือดดาล



 "เพราะเพื่อนของมึง...”



"เพื่อนกูผิด ใช่ ข้อนี้กูยอมรับ แต่จะว่าเพื่อนกูคนเดียวก็ไม่ได้..."



"?"



"ผู้หญิงของมึงก็ผิด แค่วันเดียวก็ตามผู้ชายอื่นไปแล้ว ทำไมมึงไม่มองข้อนี้บ้าง มึงคิดไม่ได้เหรอ?



“...”



“ หรือมึงรู้อยู่แก่ใจแค่ไม่อยากยอมรับความจริง?"



"..."



"ถ้ามึงรู้ดีอยู่แล้วแต่ยังทำเรื่องโง่ๆอย่างการมาหาเรื่องกับเปลวตะวันคนนี้อีก..."



"..."



"คนที่ผิดก็คือมึง!!"



เปลวตะวันปัดมือซึ่งกุมปกเสื้อนักเรียนตนออกออกอย่างไม่ใยดีราวกับปัดเศษดินเศษฝุ่น ภาพที่สะท้อนในนัยน์ตามีเพียงประกายแห่งความเวทนา



"หึหึหึหึ ง่ายดีหนิ มึงหล่อ มึงเก่ง มึงไม่มีทางเข้าใจพวกกูหรอก!!!!!!"ไอ้เม่นเริ่มคลั่งมันถลาเข้ามาง้างมือหมายจะต่อยเปลว แน่นอนว่าการโจมตีส่งเดชแบบนั้นไม่มีทางโดน คนถูกเคียดแค้นไม่ทำอะไรมากไปกว่าเตะตัดขาให้คนบ้าคลั่งล้มลุกคลุกคลาน



"ย๊ากกกกกกก อึก!!"



ร่างกายใหญ่โตลุกขึ้นมาอย่างเจ็บปวดน้ำตาไหลอาบแก้มอย่างเสียสติ อีกครั้งที่วิ่งเข้าใส่และอีกครั้งที่ล้มลงไป เป็นอย่างงี้อยู่ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง



พอเถอะ...พอได้แล้ว ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะต้องสู้อีกต่อไปแล้วไม่ใช่เหรอ?



ผมเบือนหน้าหนีจากภาพตรงหน้า ไม่อาจทนดูต่อไปได้อีก ขนาดผมยังรู้สึกแบบนี้แล้วเปลวหละ คนที่ต้องคอยหลบการโถมตัวโง่ หมัดโง่ จากคนที่ล้มไปไม่รู้กี่รอบ...



"เลิกงี่เง่าได้แล้ว!"สุดท้ายเส้นด้ายบางๆในสมองเปลวก็ขาดผึง มันเตะสีข้างไอ้หมีเข้าเต็มรักจนล้มลงไปกองกับพื้น



"อั่กกก!"โดยไม่ทันตั้งตัวไอ้หมีซึ่งนอนกุมท้องอยู่ที่พื้นก็ถูกเตะเสยหน้าแหงนท่ามกลางความตื่นตะลึงของทุกคนในที่นั้น!!



"คิดว่าตัวเองรักเป็นคนเดียวรึไง!?"เสียงกร้าวถามอย่างเหลืออด นัยน์ตาวาวโรจน์จับจ้องเหี้ยเม่นอย่างเอาเรื่อง
โดยไม่ให้พักหายใจเปลวตะวันยกเท้าเหยียบท้องไอ้หมีซึ่งถูกเสยให้นอนหงายอย่างแรงจนจุก เพื่อนมันก็ไม่ได้ห้ามอะไร ผมว่าพวกมันก็ทนพฤติกรรมของเม่นไม่ได้เหมือนกัน



"สติหนะมีไหม คำว่าสมองอ่ะ สะกดเป็นมั้ย!? เลิกทำอะไรโง่ๆสักที เจ็บมั้ย มึงตอบกูมาสิว่าเจ็บมั้ย!?"คำถามนั้นถามพร้อมกับออกแรงเหยียบหนักขึ้น จนร่างข้างใต้แสดงใบหน้าบูดเบี้ยวเหยเก



"เจ็บ!!"



ผมเดินออกมาจากมุมห้อง มายืนข้างๆเปลว กระตุกชายเสื้อมันเบาๆเป็นสัญญาณให้ผ่อนแรงลง



"เจ็บก็พอ เลิกงี่เง่ากลับบ้านไปหาพ่อแม่ซะ"เปลวยกเท้าออกก่อนจะนั่งยองๆข้างไอ้เม่นที่นอนหมดสภาพ



"มึงถือสิทธิ์อะไรมาสั่งกู ทีเพื่อนมึงมาเหยียบย่ำความภาคภูมิใจของกู กูก็แค่มาเรียกร้องความยุติธรรม แล้วทำไมคนเจ็บถึงมีแค่กู..."



"หึ..."เปลวเหยียดยิ้มมุมปากอย่างจนปัญญา ไม่ว่าจะใช่กำลังหรือเหตุผลก็ไม่สำเร็จ"คนเจ็บไม่ได้มีแค่มึงหรอก ฟงที่เป็นอย่างงั้นมึงติดว่ามันไม่มีเรื่องเจ็บปวดเหรอไง?"



"เจ็บ? คนอย่างฟงเนี่ยนะ หึๆ กูไม่เชื่อ มันอาจจะมีเรื่องเจ็บตัวแต่เจ็บใจ...คนระยำหน้าระรื่นอย่างมัน..."



เสียงแหบพร่ายังคงไม่ลดละความคิดของตน เปลวลุกขึ้นจูงมือผมเดินหันหลังให้ ก่อนเปิดประตูมันก็ทำท่าเหมือนนึกอะไรบางอย่างออกจึงหันไปกล่าวทิ้งท้าย



"อ่อ...สุดท้าย เหตุผลที่มึงเจ็บตัวไม่เกี่ยวกับฟง...แต่เพราะมึงกล้ามาหยามความภาคภูมิใจของกูก็เท่านั้น"



คำพูดนั้นไม่รู้ว่าพวกหมีเข้าใจรึป่าว แต่ผมว่าผมเข้าใจนะ



น้ำเงินเหลือบมองใบหน้าของคนข้างตัว ตอนนี้พระอาทิตย์ตกดินแล้วผู้คนเลยไปรวมตัวกันดูคอนเสิร์ต ผมเดินตามมันโดยไม่รู้จุดหมาย ก่อนจะต้องชะงักฝีเท้าแล้วเบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่อมีเสียงเสียงนึงดังทักหลังออกห่างจากห้องนาฏศิลป์ได้ไม่ไกล...!


.

.

.

.

.

.


"ถ้าไม่เก็บกวาดให้ดี อาจารย์ฝ่ายปกครองจะมาเห็นเอานะ"



ครูเอิทเดินออกมาจากมุมมืด ด้วยคำพูดนั้นแสดงอย่างชัดเจนว่าเจ้าตัวรู้เหตุการณ์ทั้งหมด



“!!!”




++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

เราไม่สนับการใช้ความรุนแรงนะคะ(ทันมั้ย)

เอาเป็นว่าคนบางคนก็พูดกันด้วยภาษาคนไม่รู้เรื่อง ถีบแม่งเลยเนี่ยแหละค่ะ 5555 :z6: :z6: :z6: :z6:

ปล.อาจมีคนงงว่าแค้นฟงแล้วมาลงกับเปลวทำไม ขอเฉลยไว้ตรงนี้เลยว่าสองสหายนี่เค้าตัวติดกันยิ่งกว่าปลาท่องโก๋อีกค่ะ

ทำร้ายเปลวไม่ใช่เปลวคนเดียวที่เจ็บ...ฟงก็เจ็บด้วย...เดี๋ยวนะ อย่าเพิ่งคิดไปไกล มิตรภาพลูกผู้ชายก็อย่างนี้แหละค่ะ 555

ออฟไลน์ TrafalgarLAW

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 52
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-1

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ ฝัullล้วlv

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
ความรักก็เช่นกัน 555

ออฟไลน์ PURE LOVE

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
โห เปลวตะวัน เท่ห์มากกกก   :o8: โมโหที่พวกนั้นมาดูถูกสุดที่รักสินะ ดีแล้ว จัดไป ๆ
หวังว่าคำพูดเปลว จะทำให้เม่นคิดอะไร ๆ ได้มั่งนะ ผู้หญิงดี ๆ ยังมีอีกเยอะ
ชอบมิตรภาพของเปลวกับฟงมาก ๆ ชักอยากอ่าน ก่อนที่ทั้งสองคนจะซี้กันขนาดนี้แฮะ
แล้วมาปิดท้ายด้วยพี่เอิธ เอ่อ... พี่เอิธนี่ก็ยังรู้สึกแปลก ๆ มาดีหรือมาร้ายน้อ
คิดถึงฟงจัง  :กอด1:

ออฟไลน์ MiddaySuN

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-0
    • พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน




บทที่17 แค่หวั่นไหวมันไม่พอ




"คุณ...!"พูดได้เพียงเท่านั้นเสียงทุ้มก็กลืนหายเข้าไปในลำคอ เปลวตะวันเบิกตากว้างอย่างตื่นตะลึง สายตาจับจ้องร่างสูงสมส่วนของอาจารย์หนุ่มซึ่งสาวเท้ายาวๆเข้ามาหาพวกเรา



"หวัดดีครับ แหะๆ"



"สวัสดีครับคุณน้ำเงิน"



ดูเหมือนรอยยิ้มแห้งๆจะส่งไปไม่ถึงสีหน้าเรียบเฉยของพี่แก นายน้ำเงินก้มหน้ามองเท้าตัวเองเพื่อนหลีกหนีความจริง



"ผม..."เปลวตะวันสูดลมหายใจลึก ก่อนกล่าวเสียงแข็งว่า"ผมเป็นคนก่อเรื่องทั้งหมด เขาไม่เกี่ยว"



"ครับ ครูเห็น..."



"ตั้งแต่ต้นจนจบ"



"!!!"



"เรื่องนี้ครูก็ผิดด้วยส่วนหนึ่งเพราะครูอยู่ในเหตุการณ์ตั้งแต่แรกแต่ไม่เข้ามาห้าม ฉะนั้นครูจะออกหน้าไกล่เกลี่ยเหตุวิวาทครั้งนี้ให้เอง"คำกล่าวของลูกชายเพื่อนแม่เรียกรอยยิ้มจากกว้างน้ำเงิน



"แต่..."



ยินดีได้ไม่ถึงหนึ่งวินาทีก็ถูกคำสั้นๆเพียงคำเดียวทำลาย



"ความสัมพันธ์ของพวกคุณ ผมคงออกหน้ารับแทนให้ไม่ได้"



"กลับไปพิจารณากันเอาเองนะครับ วันนี้กลับไปก่อนเถอะ"ทิ้งท้ายด้วยรอยยิ้มเอ็นดู มือแกร่งของคนผ่านร้อนผ่านหนาวมามากกว่าลูบหัวน้ำเงินเบาๆก่อนเดินหายเข้าไปในห้องศิลปะ



"เอ่อ..."ไม่รู้จะสรรหาอะไรมาพูดดี แต่ผมคิดว่าผมต้องพูดอะไรสักอย่าง



"กลับบ้านกัน"ผิดคาด คนที่ควรจะตื่นเต้นกับการปรากฏตัวของพี่เอิทและสิ่งที่พี่เอิทเตือนมากที่สุดควรจะเป็นเปลว แต่มันกลับหันมายิ้มรับคำหน้าตาเฉย เล่นเอาผมที่ใจเต้นตุบตับไปไม่เป็น



"เห้ย มึงไม่เป็นไรเหรอวะ"ผมรั้งมันไว้ก่อน



"ไม่นี่ สบายดี"เปลวยกแขนหมุนตัวสำรวจร่างกายซึ่งไร้บาดแผลใดๆ เห็นจะมีแค่รอยยับบนเสื้อกับรอยช้ำเล็กๆมุมปาก อ่อ...แล้วก็หลังมือที่มีเลือดซิบอะนะ พูดกันคนละเรื่องแล้วมั้ยมึง



"มึงนี่มัน เห้อ...ช่างเถอะๆ ถึงบ้านแล้วก็ทำแผลให้เรียบร้อยด้วยหละ"ผมปัดมือไปมา พลางขยับขาเดินไปที่ประตูเล็กหลังโรงเรียน



"น้ำเงินไม่ทำให้หน่อยเหรอ?"เปลวตีหน้าซื่อถาม



"ไม่"



"ใจร้าย"



"ก็แผลที่ปากมันร้ายแรงกว่ามดกัดหน่อยเดียวเอง ส่วนที่มือมันเป็นเวรกรรมของมึงเอง ดันไปต่อยเขาซะแรง action เท่ากับ reaction กฏของนิวตันอ่ะ เคยเรียนมั้ย!?"น้ำเงินหันไปแหวใส่กะให้คนฟังสำนึก แต่ดูท่ามันจะได้ผลตรงกันข้าม



"ฮ่ะๆๆ เคยสิ เคยเรียน ตอนม.ต้นใช่มั้ย"เปลวหัวเราะร่วน แกล้งกวนกลับ



"เปลว!"



"หืม? เอาน่าๆ อย่าดุนักเลย เป็นห่วงก็บอกว่าเป็นห่วงเถอะ"



กูขอทำนายเลยว่าแกทพาร์ทเชื่อมโยงมันต้องได้เต็มชัวร์ป้าบ มึงเอาอะไรมาเหมารวมกันได้ยังไง




"ขึ้นแท็กซี่กลับบ้านมึงไปเลยนู่น กูเรียกให้"ผมเอื้อมมือเตรียมโบกรถ ตอนนี้พวกเราเดินมาถึงหน้าปากซอยแล้ว รถติดมากเพราะมันยังอยู่ในช่วงเวลาเร่งด่วนแถมยังมีงาน First Night ของโรงเรียนอีก



แสงไฟถนนตามรายทางเริ่มทยอยติด ดวงตะวันลาลับขอบฟ้าไปแล้ว ผมจึงพยายามไล่พระอาทิตย์อีกดวงซึ่งยืนทำหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาวอยู่ข้างๆให้กลับบ้านกลับช่อง



"เห้ย! อย่าดื้อ! กลับบ้านไปดีๆเลย วันนี้อีเว้นท์เยอะแล้ว กูเพลีย"ผมร้องเสียงหลงเมื่อเจ้าคนไล่ไม่ไปจับแขนล็อคเอาไว้ก่อนเรียกรถสำเร็จ



"ไปด้วย"



"ไปไหน!?"



"บ้านน้ำเงิน"



"คุณเปลวครับ หมู่นี้คุณชักจะมาบ้านกระผมถี่จนคุณแม่ที่เคารพแทบจะต่อเติมห้องส่วนตัวให้คุณแล้วนะครับ"ผมประชด ออกแรงยื้อยุดดึงแขนกับมันแบบเมามัน(?) "ปล่อยเลย นี่ๆ"ในเมื่อสองมือสู้ไม่ได้ก็ยืนฝ่าเท้างามๆเหยียบตีนคนหล่อรัวๆ



"สู้เหรอ!?"เปลวแกล้งถลึงตามอง ผมก็ยักไหล่ไม่สนใจ ประจวบเหมาะกับรถเมล์สายที่ผ่านหน้าปากซอยบ้านเทียบท่าพอดีผมจึงรีบวิ่งขึ้นรถไม่ปล่อยโอกาสให้มันมาค้างผมอีกคืนแน่นอน



รถพัดลมสายคุ้นเคยกระชากตัวออกจากป้ายอย่างแรง ผมที่ยกมือขึ้นโบกลาเปลวหยอยๆถึงกับเซไปซบกระเป๋ารถเมล์เรียกเสียง
หัวเราะจากคนที่ถูกทิ้งอยู่ด้านล่างเป็นอย่างดี



“เฮ้ออ”หลังจ่ายเงินอะไรเรียบร้อยแล้วความกลัวก็เริ่มเข้าครอบคลุมจิตใจ คำเตือนของพี่เอิทดังก้องอยู่ในหัวราวกับกำลังตอกย้ำความจริงอะไรบางอย่าง



...ความจริงที่ว่าหากคิดจะชอบเพศเดียวกันแค่ความหวั่นไหวมันไม่เพียงพอ...




ใช้เวลาไม่นานผมก็กลับมาถึงบ้าน ดูเหมือนพ่อแม่แล้วก็น้ำตาลจะอาบน้ำแล้วก็เข้าไปเตรียมตัวนอนในห้องเรียบร้อยแล้วผมจึงเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบตลับข้าวผัดซึ่งป้าตามักจะเตรียมไว้ให้กินวันที่กลับบ้านดึกอย่างรู้กันก่อนนำมันไปอุ่น น้ำเงินนุ่งมองชามข้าวหมุนวนไปเวียนมาในกล่องแคบๆด้วยนัยน์ตาสีดำขลับซึ่งเต็มไปด้วยความลำบากใจ



อย่างที่เปลวบอก...ผมขี้อ่อย...



แต่ผมก็เริ่มรู้สึกโอเคกับความสัมพันธ์แบบนี้กับพวกเราแล้ว จนกระทั่งเกิดเรื่องเมื่อเย็น...



ตอนนั้นผมกลัวจริงๆ กลัวเอามากๆเลยว่าถ้าเม่นเอาเรื่องที่ผมกับเปลวมีซัมติงกันไปป่าวประกาศผมจะเผชิญหน้ากับคนทั้งโรงเรียนยังไง



ปัง!!



“โธ่เว้ย!!”



เสียงตบโต๊ะดังสนั่น มือเรียวกำเข้าหากันเสียแน่น กัดฟันจนได้ยินเสียงเสียดสีแหลมหู ด้วยความเจ็บใจและรู้สึกสมเพศตัวเอง...เวทนาต่อความครึ่งๆกลางๆ



ครืดๆๆ



เสียงสั่นของโทรศัพท์เรียกสายตาให้หันไปมองยังโซฟาในห้องรับแขก ผมเดินมาล้วงกระเป๋านักเรียนควานหาต้นตอของเสียงก่อนจะขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นรายชื่อที่เรียกเข้ามา...แชค...



มีอะไรบางอย่างดึงรั้งปลายนิ้มที่เตรียมจิ้มรับสาย ความลังเลส่งผ่านจากจิตใจไปยังฝ่ามือที่เริ่มชื้นเหงื่อ สมองเริ่มไล่เลียงคิดถึงกรณีที่เลวร้ายที่สุด...ถ้าแชครู้เรื่องเข้าแล้วหละ!?”



“ฮะ ฮัลโหล มีอะไร...เหรอ”



“กว่าจะรับได้นะมึง อยู่ไหนเนี่ย พวกกูโทรหาตั้งนานทำไมไม่รับตายรึยังครูเอิทเพิ่งมาบอกว่ามึงเข้าไปพัวพันกับเหตุทะเลาะวิวาทมา”




“กะ กูอยู่บ้าน”



“ปลอดภัยดีใช่ไหม?”



“อืม ขอบคุณมาก อ่อ พวกมึงไปฉลองกันต่อได้เลยนะ วันนี้กูเหนื่อยๆ”นึกขึ้นได้ว่าหลังจากจบงานพวกเพื่อนๆนัดไปสังสรรค์กันต่อที่หอพักของไอ้ปอ แต่ผมไม่มีอารมณ์จะทำอะไรแล้ว ไอ้แชครับคำก่อนจะยืนโทรศัพท์ไปให้ไอ้เพื่อนตัวแสบส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวให้กำลังใจผมยังกับผมเสียแขนจากการต่อสู้ไปกันเลยทีเดียว



“เว่อร์วังไม่เปลี่ยนเลยนะพวกมึง หึหึ”และในที่สุดผมก็หลุดหัวเราะออกมา แชคดึงมือถือกลับไปแนบหู มันหันไปพูดอะไรสักอย่างกับพวกที่เหลือ ผมได้ยินเสียงประตูห้องปิดเสียงแว่วๆ สงสัยมันจะเดินออกจากห้องมายืนคุยกับผมที่ระเบียงเพราะเสียงลมพัดลอดเข้ามาค่อนข้างแรง



“น้ำเงิน”



“อะ อะไร”



“พวกที่มาหาเรื่องมึงวันนี้มันโวยวายเอ็ดตะโรจนมีคนเข้าไปมุงพวกมันเยอะพอควรตอนที่ครูเอิทพาตัวพวกนั้นออกนอกโรงเรียนไป ทั้งๆที่สะบักสะบอมขนาดนั้นแท้ๆ ท่าทางมันจะแค้นจัด ซวยไปมึง”



“หะ แล้วพวกมันได้พูดอะไรรึป่าว!?”ใจเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ ผมกลั้นใจรอฟังคำตอบจากเพื่อนสนิท



“พูดนะ มันบอกว่าเปลวเป็นคนทำร้ายมัน บอกให้ครูเอิทลงโทษเปลวให้สาสม แต่ครูเขาบ่ายเบี่ยงบอกว่าจะตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกครั้งเพราะครูไม่เห็นตอนลงมือ...”



แชคพูดมาถึงจุดนี้ความซาบซึ้งก็แล่นมาจุกที่คอหอยผมเลยครับ คุณพี่เอิทผู้น่ารัก



“พวกนั้นเห็นท่าไม่ดียื้อยุดกับครูเอิทจนนักเรียนแถวนั้นต้องเข้าไปช่วยกันล็อคตัว ไอ้คนตัวใหญ่ดูท่าจะโกรธมากมันเลยโพล่งออกมาว่ามันเห็น...พวกมึงจูบกัน...”



“!!!”



“ตอนนั้นเองที่ฟงปรากฏตัว มันเข้าไปพูดอะไรสักอย่างกับให้ตัวใหญ่นั่นกูอยู่ไกลเลยไม่ได้ยิน ส่วนนักเรียนแถวนั้นก็แตกตื่นกันใหญ่ เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง กูก็เลยจับเรื่องนู้นมาผสมเรื่องนี้ปล่อยข่าวให้ว่า ไอ้ยักษ์นักถูกหญิงทิ้งเพราะเปลวเลยสติแตก”



“แล้ว เอ่อ...เป็นไงมั่ง”น้ำเงินยกมือขึ้นมากุมอกซ้ายก่อนกำเสื้อเสียแน่นเพราะหัวใจเจ้ากรรมมันดันเต้นแรงจนเจ็บปราบไปหมด



“ก็ไม่แล้วไง คนอื่นเขาก็เชื่อกูแบบไร้ข้อสงสัยเลยเพราะกูน่าเชื่อถือ แต่มึงเถอะ...”



“อะไร”



“เสียงสั่นขนาดนี้แสดงว่ายังไม่มั่นใจ เห็นตัวติดกันซะขนาดนั้นก็นึกว่าได้กันแล้ว ทำอย่างงี้เปลวก็น่าสงสารแย่”แต่ละถ้อยคำที่หลุดลอดอออกมาจากปลายสายเล่นงานเข้าตรงจุดบอดของหัวใจนายน้ำเงิน ยอมรับเลยว่านาทีนี้ตกใจกับคำพูดของแชคยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด



“มึง...รู้...”





“กูใคร กูแชคนะมึง แชคไม่รู้แล้วใครจะรู้ แต่มึงสบายใจได กูไม่ขายเพื่อน”





“กูไม่ได้คิดว่ามึงจะทำอย่างนั้นกูก็แค่...คิดมากนิดหน่อย”



“คิดมากก็ดีแล้ว คิดให้มากๆเลย เพราะถ้าคิดน้อยจะลงเอยแบบกูแล้วก็ซีซีซะเปล่าๆ”



“เอ๋”รายชื่อของเพื่อนอีกคนที่หมู่นี้มีท่าทีแปลกไปเรียกให้ผมสะกิดใจ โครงเรื่องบางอย่างเริ่มแจ่มชัดในสมอง”อย่าบอกนะว่ามึงกับซีซีก็...”



“เรื่องของกูมันจบไปแล้ว อย่าเพิ่งสนใจเลย เอาเรื่องของมึงดีกว่า ถ้าไม่อยากให้จบแบบเรื่องของกูก็รีบคิดซะนะ ไม่ว่าคำตอบหรือผลสุดท้ายจะออกมายังไง ไม่ว่าคนอื่นหรือเปลวจะเปลี่ยนแปลงทัศนคติที่มีต่อมึงไปยังไง”






“กูก็คือแชคคนเดิม แชคที่เป็นเพื่อนมึง ”



ผมหลับตาลงพิจารณาคำพูดของมันอย่างสงบ ด้วยนิสัยและวิถีชีวิตที่ไม่ค่อยตรงกันเท่าไหร่ทำให้ผมกับแชคเป็นเพื่อนในกลุ่มที่สนิทกันน้อยที่สุด แชคเป็นคนเข้ากับคนง่ายพูดเก่งแล้วก็อัธยาศัยดีคนรู้จักเยอะเสียจนผมเผลอคิดไปบ่อยๆว่ามันก็แค่รวมกลุ่มกับพวกผมเพราะในห้องมีผู้ชายอยู่เท่านี้



“ขอบคุณที่ให้คำปรึกษานะ ขอบคุณจริงๆ มึงก็ด้วยนะ ถ้ามีเรื่องอะไรอยากจะเล่าก็เล่าได้นะ”



“อืม ช่างเถอะ พรุ่งนี้อย่ามาสายก็พอ เจอกันที่เดิม”



“หา ไปไหน”ผมเลิกคิ้วถาม



“อ้าว ก็ที่ตกลงกันไว้วันติวว่าสอบเสร็จจะไปทะเลไง ทะเลหนะ ทะเล”เดี๋ยวนะ ความทรงจำเมื่ออาทิตย์ก่อนไหลย้อนกลับเข้ามาในสมอง ดูเหมือนระหว่างติวกันเบื่อๆไอ้อาร์ตโอดครวญว่าร่างกายต้องการทะเล เปลวก็เลยชวนไปค้างคืนที่คอนโดริมหาดชะอำของมัน...



“เห้ย!! งั้นเปลวก็ต้องไปด้วยอ่ะดิ!?”คือผมต้องการเวลาคิดมากเงียบๆคนเดียวบ้างอะไรบ้าง ตามนิยายทั่วไปแล้วผมต้องหลบหน้าหลบตาเปลวซึ่งเป็นคนตามจีบผมอยู่ไม่ใช่รึไง”แล้วกูจะเอาเวลาที่ไหนไปคิดเรื่องของมันได้เนี่ย”



“เอาน่าๆ เก็บของก่อนแล้วจะคิดอะไรก็ไปคิดบนรถตู้แล้วกันนะ บาย”




“เวร!”




ผมตะโกนใส่โทรศัพท์ซึ่งคู่สนทนาวางสายไปแล้ว กรอกตาไปมาอย่างเซ็งจิตพักหนึ่งก่อนนึกขึ้นได้ว่าอุ่นอาหารเอาไว้จึงเดินไปยังไมโครเวฟและนำชามข้าวผัดซึ่งกลับไปเย็นเหมือนเดิมแล้วมานั่งกินจนหมดจากนั้นก็ขึ้นห้องไปเก็บของเข้ากระเป๋าเดินทางล้มตัวลงนอนพลางปัดเรื่องสำคัญบางเรื่องเอาไปคิดบนรถพรุ่งนี้ตามคำแนะนำของเพื่อนรัก





+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

อืม...ครูเอิทน่ารักมั้ยคะ ในฐานะที่ผ่าน'อะไรๆ'มาก่อนก็เลยยอมละทิ้งจรรยาบรรณครูปกป้องเด็กน้อยสองคน :hao5:


แชคก็น่ารักนะคะ 5555+...ส่วนตัวแล้วชอบฟีลมิตรภาพแบบนี้มากกว่าความรักซะอีก :hao3:

ออฟไลน์ PURE LOVE

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
โห แชค คิดอยู่เหมือนกัน ว่าระดับแชคมีหรือจะไม่สงสัยเรื่องของเปลวกับน้ำเงิน
นี่ไม่ใช่แค่สงสัย แต่รู้ดี รู้ลึกเชียว แถมช่วยแก้ข่าวให้ด้วย เพื่อนที่แสนดีจริง ๆ
ยักษ์เม่นนั่น เปลวพูดขนาดนั้นก็ยังคิดไม่ได้ก็ช่วยอะไรไม่ได้แล้วล่ะ ชิ
ว่าแต่ ฟงเข้าไปพูดอะไรกับยักษ์นั่นนะ อยากรู้จัง ชอบคำพูดของแชคมากเลย
แต่เราก็เข้าใจน้ำเงินนะ ไม่ว่าน้ำเงินหรอกที่ยังสับสน ไม่มั่นใจ เอาน่า มันต้องใช้เวลา
เพียงแต่ถึงยังไม่มั่นใจ แต่ก็อย่าทำร้ายจิตใจเปลวโดยไม่ตั้งใจนะน้ำเงิน สงสารเปลวแย่
ว่าแต่ เรื่องของแชคกับซีซี จบไปแล้วจริงเหรอ T^T ตกลงแชคคิดยังไงกับซีซีล่ะ เสียดายอ่ะ
รอตามไม่เที่ยวทะเลด้วย จะมีความสัมพันธ์ของคู่ไหน ก้าวหน้าขึ้นบ้างไหมน้อ
แล้วฟงไปด้วยหรือเปล่าน้า คอนโดของเปลวนี่นา ชอบฟง :กอด1:

ออฟไลน์ dukdikdukdik

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2520
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +233/-3
ไปทะเลจะหวานหรือจะดราม่าน๊อ   :ling1:

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
จะบอกน้ำเงินว่าอย่าคิดมาก แต่ในความเป็นจริงจะคิดน้อยก็ไม่ได้สินะ เอาเป็นว่าไปเที่ยวให้สนุกก่อนดีกว่าเนอะ :z1:

ออฟไลน์ MiddaySuN

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-0
    • พระอาทิตย์กลางฤดูร้อน




บทที่18 สมมติว่าป่วย




“ตกกระป๋องเหรอมึง”เสียงของฟงดังแว่วมาจากเบาะด้านหน้า ตัวผมที่นั่งอยู่ถัดออกมาคู่กับเชี่ยแชคถึงกับสะดุ้งโหยง เหลือบสายตามองเปลวตะวันซึ่งยักไหล่แทนคำตอบ



บนรถตู้ซึ่งเจ้าแชคไปติดต่อเช่ามาตอนไหนก็ไม่ทราบตำแหน่งที่นั่งหลังคนขับสามคนประกอบด้วย อาร์ต ปอ ไอซ์ ถัดมาคือเปลวกับฟงและผมกับแชคตามลำดับ ส่วนนาวนั่งที่นั่งติดประตูคนเดียวและซีซีก็นั่งหลังมันอีกที



ตอนแรกที่มาถึงสถานที่นัดหมายผมก็ทำท่าลังเลอยู่แปดตลบว่าจะขึ้นไปนั่งกับใครดี ถ้าตามปกติก็ต้องนั่งกับเปลวอย่างสนิทใจอยู่แล้วแต่ตอนนี้มันไม่ใช่น่ะสิ วันนี้ท่าทีของเปลวเองก็แปลกๆไปเหมือนกัน เหมือนมันมองมาแต่พอผมสังเกตเห็นก็หลบตากันซะงั้น หลุกหลิกไปมากันอยู่สองคนจนไอ้แชครำคานคว้าผมไปนั่งกับมันด้วยเนี่ยแหละ



จากนั้นพวกเราก็มาถึงที่หมาย ฟงเดินไปพูดอะไรกับลุงคนขับรถก็ไม่รู้ผมที่กำลังขนของอยู่ด้านหลังจึงไม่ได้ยิน แต่ถึงหูจะไม่ได้ยินแต่ต่อมใต้สมองส่วนหน้ามันจินตนาการไปไกลโพ้นเสียแล้ว



“อย่าคิดลึก ฟงแค่บอกทางไปที่ห้องเช่าเฉยๆ”



ก็มีเชี่ยแชคที่หมู่นี้มันจะรู้ใจผมมากเกินเหตุนี่แหละที่ดึงสติผมกลับมา



“ใครคิดลึก อะไร ไม่มี”แก้ตัวน้ำขุ่นๆ แชคหรี่ตามองอย่างแฝงความนัยน์



“ถึงฟงจะขึ้นชื่อเรื่องควงไม่ซ้ำหน้าแต่มันก็เลือกหน้าก่อนควงนะ”



“เออ!!”ผมจิ๊ปากใส่มันไปตลบหนึ่งก่อนเดินตามกลุ่มเพื่อนที่ส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวเข้าคอนโดไป




คอนโดตากอากาศแห่งนี้เป็นแบบหรู ตัวอาคารมีแค่อาคารเดียวแต่สระว่ายน้ำใหญ่เว่อร์มีสไลเดอร์สีเหลืองอ๋อยสูงประมาณตึกสี่ชั้นแถมด้วยสวนหย่อมที่ต้นไม้เขียวชะอุ่มได้รับการดูแลอย่างดี เพราะราคาและความกว้างของห้องค่อนข้างมาก ตอนนั่งรถเข้ามาผมเห็นป้ายราคาขายแล้วลอบกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ต้องมีเงินเหลือใช้ขนาดไหนถึงจะซื้อคอนโดราคาแปดหลักเป็นบ้านพักตากอากาศได้นะ



 “โหวววว”เสียงไอ้ปอดังนำมาตามด้วยเสียงของอาร์ตและไอซ์ตามลำดับ ไอ้พวกบ้านตึกแถวทั้งหลายโยนกระเป๋าเดินทางทิ้งแล้วตรงดิ่งเข้าไปในห้องชุดด้วยสีหน้าตื่นตาตื่นใจ ผมชะโงกหน้าเข้าไปมองซ้ายมองขวาอย่างสงวนท่าทีเพราะยังคลุมเครือกับเจ้าของห้องอยู่



สิ่งแรกที่เห็นคือห้องนั่งเล่นที่มีประตูเชื่อมสี่บานฝั่งซ้ายสองฝั่งขวาสอง มีเคาเตอร์บาร์สำหรับทำอาหารและที่ระเบียงมีเตาปิ้งพร้อมเก้าอี้ผ้าไปสำหรับสองคน พวกปอ อาร์ต ไอซ์ กระจายตัวไปเปิดประตูห้องสี่บานนั้น สามบานเป็นประตูห้องนอน ส่วนอีกหนึ่งบานเป็นประตูห้องน้ำใหญ่ ด้านในห้องฝั่งซ้ายซึ่งเป็นห้องนอนทั้งสองห้องมีห้องน้ำขนาดเล็กในตัวสามารถเปิดเข้าใช้ได้จากสองห้อง



อย่างนี้เวลาจะเข้าไปอาบน้ำต้องล็อคจากทั้งสองฝั่งสินะ



ลองนึกภาพมีคนเปิดประตูเข้ามาตอนนั่งขี้อยู่แล้วก็เสียอารมณ์ไม่น้อย...



“จะแบ่งห้องกันยังไงดี!”ซีซีโพล่งถาม หยุดไอ้พวกปอที่กำลังสำรวจเครื่องเรือนห้องชาวบ้านอยู่



“ห้องนอนสามห้อง พวกเรามีกัน9คน ก็ห้องละสามคนสินะ”ฟงพูดลอยๆ ผมพอจะจับเค้าความเจ้าเล่ห์จากตาตี่ๆของมันได้ แต่ยังมองแผนการไม่ออกก็เลยยืนไม่รู้อิโหน่อิเหน่อยู่ข้างแชค



“กูอยู่กับเปลวก็สองแล้ว อีกคนจะเป็นใคร?”ฟงกล่าวต่อ มันพูดเรื่อยๆไม่ได้เจาะจงแต่ผมรู้สึกเหมือนถูกเจาะจงอย่างไรชอบกล






“น้ำเงินไง” แชคช่วยสมทบ ผมงี้หันขวับเลยครับ



“...เอ๊า ไอ้เหี้ย มึง...”ส่งเสียงรอดไรฟังออกไปเข่นเขี้ยวให้ได้ยินสองคน แต่ไอ้เพื่อนเวรกลับผิวปากทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อนซะงั้น



“ถือโอกาสนี้ปรับใจกันไปเลยไง หึหึ”ดูมันตอบกลับหน้าระรื่นสิ มันน่ามั้ยหละ



“อืม ก็ดีนะ งั้นน้ำเงินก็นอนกับเปลวกับฟงไป ส่วนที่เหลือจะแบ่งกันยังไง”อาร์ตช่วยสรุปให้”กูนอนกับปอหนึ่งละ อีกคนใครดี”ก่อนจะถามด้วยคำถามเดียวกับฟง โชคดีที่ผมเหลือบไปเห็นไอ้แชคตั้งท่าจะเสนอตัวไปนอนกับสองคนนั้น พริบตาเดียวกันนี่เองที่สมองอันชาญฉลาดของผมสามารถประมวลผลอย่างรวดเร็ว



มันกำลังหนีซีซีอยู่!!



“กู...”



“นาว มึงนอนกับปออาร์ตไป สองตัวนี้มันนอนดิ้นแบบชิบหาย ก็มีแต่พวกนอนง่ายอย่างมึงนี่แหละที่จะรับมือกับสองคนนี้ได้”ผมรีบพูดแทรกเชี่ยแชคด้วยรอยยิ้มแห่งชัยชนะ โทษทีนะ แต่หัวเราะทีหลังดังกว่าหวะเพื่อน ฮ่าๆๆ



 “ถือโอกาสนี้ปรับใจกันไปเลยไง หึหึ ฮ่าๆๆๆ”กระซิบพูดและยักคิ้วใส่หน้ามันสองจึก เชี่ยแชคจ้องผมตาถลนส่วนเพื่อนในกลุ่มมองผมแบบอึ้งๆ




“งั้นห้องที่เหลือก็มี...เอ่อ...แชค ไอซ์ ซีซี...เอ่อ...โอเคนะ”อาร์ตกล่าวสรุปเสียงอ่อยเหมือนลังเลว่าควรจะจับแชคและซีซีมาร่วมห้องกันดีไหม เชี่ยไอซ์พยามส่ายหน้าสุดชีวิตเพราะมันรู้ชะตากรรมของมันดี สองคืนนี้ได้กลายเป็นกันชนผู้น่าเศร้าแน่นอนทว่าไม่มีใครเห็นเงาหัวมันสักคน



ทุกคนแยกย้ายกันไปเก็บของห้องใครห้องมัน เนื่องจากห้องทางฝั่งขวาเป็นห้องนอนใหญ่สุดเพราะอยู่ติดกับห้องน้ำกลางมันจึงตกเป็นของเจ้าของห้องอย่างเปลวไปโดยปริยาย ผมเดินตามสองหน่อเข้าไปแบบเงียบๆพยามทำตัวให้กลมกลืนกับโคมไฟหัวเตียงมากที่สุดเพราะกลัวจะโดนเทพฟงโจมตีเข้าอีก



“กูนอนริมติดหน้าต่าง มึงอ่ะ”แต่ก็ไม่รอด เมื่อฟงวางกระเป๋าเงินและกล้องโปรแหมะตรงจุดที่ประกาศจองไว้พร้อมถามเพื่อนรักอย่างเปลวด้วยสีหน้ายิ้มแย้มอย่างมีความสุขเมื่อได้แกล้งคนไว้ไม่มิด เปลวเหลือบตามองมาทางผมแวบหนึ่งก่อนจะหันไปตอบเพื่อนรักด้วยรอยยิ้มไม่ต่างกันมากนักว่า



“งั้นกูนอนริมอีกฝั่งนึงแล้วกัน”



สรุปคือผมต้องนอนตรงกลางสินะ!! เอาเถอะ...นอนตรงกลางก็ยังดีกว่านอนสองคน เห้อ...



“เก็บของแล้วก็ไปตลาดนัดกลางคืนกัน เย้! ยะหู้!”อาร์ตผู้กระปรี้กระเปร่าผลักประตูห้องดังโครมโดยไม่เกรงใจเจ้าของห้อง มันวิ่งเข้ามาโดดเด้งบนเตียงอย่างกับเด็กอนุบาล...อืม...ฟังจากเสียงตอนโดนกระแทกแล้ว สปริงน่าจะดีเอาเรื่อง...
เดี๋ยวนะ!! ต้องไม่โฟกัสไปที่สปริงสิ!!



“ตลาดกลางคืนพ่อมึงสิ แดดยังเปรี้ยงอยู่เลย”แม้ตอนนี้ใกล้จะบ่ายสี่แล้วก็ตาม



“งั้น ฮึบ! ก็ไป แห่กๆ เดินค่าเวลา อะฮึบ! กันที่ตลาดนัดกลางวันกันก่อน...”อาร์ตุพูดไปกระโดดไป ถ้าฟังแต่เสียงไม่เห็นแอคชั่นคงคิดไปไกล



“ทำเสียงทุเรศมากมึง หยุดกระโดด ตั้งสติแล้วค่อยมาคุยกับกูใหม่”



“ชิ บ่นเป็นคนแก่ไปได้ เนอะเปลวเนอะ”มันหันไปหาแนวร่วม เปลวหัวเราะตอบมันพอเป็นพิธีก่อนพวกเราสี่คนจะทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงคนละมุม



“ตามหมายกำหนดการวันนี้เราจะตะลุยกินกันให้เต็มที่ ร้านเด็ดเจ็ดย่านน้ำเราจะไม่พลาด แน่นอนว่าตลอดทางเราเก็บกินกันมาจนครบแล้ว...”



“พูดซะอย่างกับกินขี้”อาร์ตค้อนขวับเพราะผมไปขัดมันเข้า ก็อย่างที่มันว่า พวกเราออกเดินทางกันช่วงสายๆแต่มาถึงที่พักบ่ายแก่แบบนี้ก็เพราะแวะกินนู่นนิดนี่หน่อยมาตลอดทางและแหล่งอาหารแหล่งสุดท้ายของพวกเราก็คือตลาดนัดกลางคืนนั่นเอง



“หน้าคอนโดมีร้านอาหารอยู่ เราไปขอซื้อปลาหมึกกับถ่านมาปิ้งกินกันไหม”ฟงผู้นานๆทีจะมีส่วนร่วมกับคนอื่นที่ไม่ใช่เปลวเสนอความเห็น อาร์ตผู้ชื่นชอบการทำอะไรใหม่ๆถึงกับตาโตเมื่อได้ยินว่าจะได้จุดเตาถ่านนอกค่ายลูกเสือ



ใจเย็นๆนะมึง ทำคอนโดเขาไฟไหม้นี่เอาชีวิตไปแลกก็ไม่พอชดใช้นะมึงนะ



“เขาจะขายให้เหรอ”อาร์ตถาม ใจมันตอนนี้ลอยไปแปะอยู่ที่ร้านแล้วมั้ง



“คิดว่ากำลังพูดอยู่กับใคร หืม”ฟงยักคิ้วให้อย่างมั่นใจก่อนจะลุกหยิบกระเป๋าเงินแล้วเดินนำอาร์ตซึ่งวิ่งตามไปต้อยๆ



ปัง...



เสียงประตูปิดลง ทั้งห้องถูกปกคลุมด้วยความเงียบ วินาทีที่ผมหันมาสบเข้ากับนัยน์ตาสีดำขลับแฝงความนัยนั้นเองที่ผมเพิ่งตระหนักได้ถึงการกลั่นแกล้งเล็กๆน้อยๆจากฟง

.

.

.



“เหลือกันแค่สองคนแล้วเนอะ”ผมยิ้มแห้งๆให้เปลวซึ่งยังมองมาทางผมไม่เลิก จนผมต้องเป็นฝ่ายหลบตาก่อน



“อืม ใช่...เหลือกันแค่สองคน”



“....”



“...”



“น้ำเงิน ถามอะไรหน่อยได้ไหม”



เสียงนาฬิกาลานเดินขนานไปกับเสียงเต้นของหัวใจ ยามได้ยินเสียงทุ้มที่เอ่ยอย่างอ่อนละมุนและดวงตาคู่เดิมที่แสนอบอุ่น ผมพยักหน้าแทนคำตอบเปลวตะวันจึงถามคำถามชวนประหลาดใจออกมา



“น้ำเงินคิดว่า...สิ่งที่ไกลที่สุดมันอยู่ที่ไหนเหรอ?”



“เห...”ผมผงะกับคำถาม ปรับจังหวะการหายใจก่อนยกมือขึ้นกอดอกไตร่ตรองคำถามของอีกฝ่ายอย่างถี่ถ้วน



ค่อนข้างมั่นใจว่าคำตอบไม่มีทางเป็นดาวพลูโตหรือกาแล็กซี่อันโดรเมดาที่อยู่ห่างออกไปนับล้านปีแสงอย่างแน่นอน
หากแต่...ในที่สุดคนอย่างผมก็... “ไม่รู้...”



“ขอโทษนะ กูไม่รู้จริงๆ”ผมตอบกลับไปเสียงเรียบพร้อมตีสีหน้าให้ราบเรียบไม่แพ้กัน ก่อนทั้งหมดนั้นจะถูกสั่นคลอนด้วยประโยคถัดมา...



“เปลวก็ไม่รู้คำตอบที่แท้จริงหรอกนะ...แต่ถ้าเป็นคำตอบของเปลวล่ะก็



.


.



สิ่งที่อยู่ไกลแสนไกลก็คือสิ่งที่อยู่ตรงหน้าแต่เอื้อมไม่ถึง...ล่ะมั้ง”



ผมหยิบจานซึ่งปอจัดการล้างเรียบร้อยแล้วเข้าชั้นให้เรียบร้อย หลังจากที่เปลวพูดคำนั้นออกมาพวกเราก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกเลย...ที่ว่าไม่พูดอะไรเลยนี่คือไม่ได้พูดกับคนอื่นด้วยไม่ใช่แค่ระหว่างนั่งฟังเสียงนาฬิกาอยู่ในห้องนอนเท่านั้น แม้กระทั้งตอนที่ฟงกับอาร์ตเข้ามาตามให้ออกไปกินปลาหมึกด้วย



ผมคิดว่าฟงมันคงถามเพื่อนมันว่าเกิดอะไรขึ้นแต่เปลวมันก็แค่ส่ายหัวไปมาเท่านั้นจนฟงยอมแพ้และหันมาสังสรรค์



“เสร็จแล้วไปกันเลยมั้ย”นาวถาม ท่าทางอยากไปเที่ยวเล่นเต็มที่แล้ว



“อื้ม เข้าห้องน้ำแปป แล้วก็ไปกันเลย”ทุกคนยกเว้นผมพยักหน้ารับคำแชค พวกมันแยกย้ายกันไปเก็บของ ซีซีที่เห็นผมยืนโง่อยู่ที่เดิมก็เลยมองแบบงงๆ



“ไม่เอาของเหรอน้ำเงิน”ซีซีถาม



“เอ่อ...คือ...กูคิดว่ากูคงไม่ไป...”เท่านั้นแหละครับทุกคนสามัคคีพร้อมใจหันหน้ามาทางผมกันพรึ่บพรั่บเลย  ตามด้วยเสียงเซ็งแซ่ถามทำนองเดียวกันว่าทำไมถึงไม่ไป ไม่สบายตรงไหนรึป่าว



จนผมต้องรีบร้อนตอบกลับไปว่า...



“เมื่อกี้เปลวมันบอกกูว่ามันป่วย พวกมึงไปกันเถอะ เดี๋ยวกูอยู่ดูมันเอง”



คำตอบของผมสร้างความกระจ่างให้เดอะแกงค์ของผมเอง อาร์ตปอเข้าไปถามไถ่อาการเปลวผู้ในความจริงแล้วแข็งแรงดีอยู่ด้วยความเป็นห่วง ผมได้แต่ภาวนาในใจขออย่าให้ไอ้เปลวมันโง่ถึงขั้นไม่รู้ว่าผมมีเรื่องจะคุยกับมันสองคนถึงขึ้นโพล่งออกมาว่ามันไม่ได้ป่วยทีเถอะ



“อ่อ อืม ไม่เป็นไร พักสักคืนก็คงหาย”



ดีมากเปลว มึงฉลาด!! ผมลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกก่อนจะต้องสะดุ้งเฮือกใหญ่มือมีมือขาวจั๊วะของใครบางคนมาแตะบ่า



“หายาดีๆให้เพื่อนกูกินด้วยนะ” ฟงกล่าวด้วยรอยยิ้ม



+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ Aimiya

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
ลุ้นใจน้ำเงินมากว่าจะเคลียร์กันยังไง โฮกกกกก อย่าทำร้ายใจดวงน้อยๆของเปลวนะะะะ

ออฟไลน์ TrafalgarLAW

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 52
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-1

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด