บทที่ 13 ผู้ชายขายน้ำ
“ตั้งใจสอบนะ”เปลวว่าพร้อมโบกมือลา ผมยิ้มแหยๆกลับไป
วันนี้เป็นวันสอบวันสุดท้าย หลังผ่านพ้นช่วงอ่านหนังสืออันโหดร้ายมาได้ก็กำลังจะได้ฟังเพลงมันส์ๆกินของอร่อยๆกันแล้วในงาน First night คืนนี้
ความจริงข้อสอบมันก็ไม่ได้ยากอะไรหรอกมันติดอยู่ที่ไม่มีคนให้ลอก เอ๊ยยย ช่วงหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาผมมัวแต่คิดมากเรื่องไอ้ซีซีอยู่ ถามมันมันก็ไม่ยอมบอกอะไรสักคำ อมเอาไว้อยู่นั่นแหละปากจะเน่าอยู่แล้วยังไม่ยอมคายออกมา แต่ก็พอจะเดาๆได้ว่าปัญหาไม่ใช่การทะเลาะกันแต่เป็นเรื่อง เอ่อ...ไม่รู้สิ...
ขอโทษครับ ผมน้ำเงินนะครับไม่ใช่ริวจิตสัมผัสจะได้มองกรรมของคนได้ผ่านดวงตาและพลังงานบางอย่างรอบตัว
“เห้ยๆ มึงอ่านชีวะมาละเอียดรึป่าววะ”เสียงห้าวของกิ๊บดังขึ้น(?) ยัยนี่เป็นคนที่นั่งสอบติดกับผมครับ โรงเรียนผมมีระบบจัดห้องสอบแบบสลับหญิงแถวชายแถว พวกเราซึ่งเป็นเลขที่แรกของฝ่ายชายและฝ่ายหญิงจึงนั่งติดกันตลอดตั้งแต่ม.ต้นแล้ว ซึ่งนั่นเป็นหายนะของผมครับ
ด้ายซ้ายเป็นหน้าต่าง ต่างหน้าเป็นกระดานดำ ด้านซ้ายเป็นยัยกิ๊บสาววายตัวแม่...ไม่มีทางให้ลอกข้อสอบแม้แต่น้อย ต้องพึ่งตัวเองล้วนๆ
อย่างที่บอกไป หล่อนเป็นสาววายตัวแม่ เปิดเพจแต่งนิยายลงเน็ตมากมายแถมยังมีชุมนุมในทวิตเตอร์ที่ต้องมีตติ่งอะไรก็ไม่รู้อีก เวลาเรียนก็อ่านฟิค จะเอาอะไรมาทำข้อสอบหละครับ นอกจากดินสอกับปากกา...และโพยจากผม
เกลียดจริงอะไรจริง หล่อนเป็นผู้หญิงนะ!! ต้องอ่อนหวานสิ!! เห็นคนหล่อต้องอ่อนข้อให้เซ่!! นี่อะไร นอกจากจะไม่ทำอย่างที่ว่าแล้วยังตรงข้ามกันอีก...หลังจากการร้องเพลงจีบกันข้างบ่อน้ำของผมกับเปลวจนวันนี้ก็โดนแซวตลอด อายจนม้วนไปแปดตลบเลย
โอ้ววว ไม่!! ยัยผู้หญิงแซวผู้ชายยย!!
“อ่านมาเท่าที่ปอติวให้ วิชานี้กูเกลียดพอๆกับที่เกลียดมึงเลยช่างแม่งไป”ผมตอบ ถ้อยคำกวนตีนเรียกใบหน้างอง่ำจากเจ้าหล่อนเป็นอย่างดี
“มึงคิดดีแล้วใช่มั้ยถึงพูดอย่างงั้น...น่าเสียดายนะกูกะจะบอกว่าเมื่อคืนกูตะลุยอ่านมาจนจำได้ทุกวรรคทุกตอน ถามไรตอบได้ยิ่งกว่าอับดุล ด้วยความกตัญญูเลยกะจะส่งโพยให้มึงสักหน่อยแต่ก็เอาเถอะ ในเมื่อถูกเกลียดแบบนี้ก็คง...”คดีพลิก เมื่อเจ้าแม่ของผมกอดอกเชิดหน้ามองตามประสาคนถือไพ่เหนือกว่า
อีท่านี้นายน้ำเงินจะทำอะไรได้หละครับ...
“เห้ย เดี๋ยว ท่านกิ๊บครับ เมื่อกี้ล้อเล่นน่านะ อย่าคิดเล็กคิดน้อยเลย”
“อ้อนวอนสิ”ได้คืบเอาศอกยิ่งกว่าเปลวก็ผู้หญิงคนนี้แหละครับ ยัยบ้านี่ทำหน้าน่าหมั่นไส้หันมายิ้มเยาะอย่างได้ที
“ได้ ให้กระผมลอกด้วยเถิดท่านกิ๊บ สาววายจงเจริญ เห้!!”
เท่านั้นแหละครับ จบการหยอกล้อกันก่อนเข้าห้องสอบ เอาจริงๆแล้วผมไม่ได้เกลียดอะไรเธอหรอกเหตุการณ์ทั้งหมดเมื่อกี้คือเพื่อนเล่นกัน เล่นกับหมาหมาเลียปากอะไรทำนองนั้น...
การสอบเสร็จสิ้นไปได้ด้วยดีมีหลายข้อเลยที่ผมตอบไม่ได้แต่ก็พึ่งใบบุญโพยจากโต๊ะข้างๆทำให้รอดพ้นมาได้
..
“สอบเสร็จแล้ววววว ฮูเร่!!”ไอ้แชคชูมือขึ้นฟ้าแหกปากอย่างยินดี เย็นนี้มันก็รับหน้าที่ตากล้องประจำงานเหมือนเดิมส่วนพวกที่เหลือวันนี้ไม่มีหน้าที่รับผิดชอบอะไรเพราะรับงานตอนวันเกษียรมาเยอะแล้วเป็นโอกาสอันดีงามที่จะได้เดินเล่นตามซุ้มและกระโดดเย้วๆฟังเพลงร็อคมันส์ๆได้...ทว่า...
ยังจำวันที่สุชาติจับผม เปลว สมชายได้คาหนังคาเขาว่าโดดเรียนได้ไหมครับ
เรื่องมันไม่จบลงอย่างมีความสุขแบบนั้น ถัดจากวันนั้นไปสองสามสัปดาห์ก็มีประกาศเสียงตามสายเรียกให้พวกเราสามคนไปพบพร้อมบทลงโทษอันโหดร้าย...
มาตรการกำจัดเด็กนิสัยเสียสามคนของท่านอาจารย์ฝ่ายปกครองคือ
...ให้เฝ้าซุ้มน้ำของส่วนกลางอันเป็นบูทที่ขายดีแบบชิบหาย งานยุ่งชนิดที่ว่าไม่มีใครอยากมาเฝ้า...
หลังจากเดินซีดออกจากห้องปกครองซึ่งแอร์เย็นมากแล้วผมแทบจะก้มลงกราบตีนขอขมาเชี่ยเปลว
ซุ้มนี้งานยุ่งมากจริงๆยิ่งขายกันแค่สามคนยิ่งแล้วใหญ่ เปลวจะเอาเวลาที่ไหนไปร้องเพลงให้วงของมัน...
“กูขอโทษมึงจริงๆนะ”น้ำเงินกล่าวเสียงอ่อย เดินหูตกตามเปลวตะวันซึ่งมุ่งหน้าไปยังโรงอาหารเพื่อซื้อน้ำแข็ง สมชายเข็นรถเข็นบรรจุน้ำอัดลมเดินตามมารีบเอ่ยขัด
“เราต่างหากที่ต้องขอโทษ วันนั้นเราซ่อนไม่ดีทำให้สุชาติจับได้แถมยังวิ่งไปทางพวกนายเอง”รายนี้ก็เสียงอ่อยไม่แพ้กัน
“ขอโทษนะเปลวววววว”สองเสียงประสานโอดครวญขอโทษ เปลวหันมามองอย่างอ่อนใจ เขาพูดคำว่าไม่เป็นไรไปเป็นพันรอบแล้วเจ้าสองคนนี้ก็ยังไม่ยอมหยุดขอโทษเขารอบที่หมื่นเสียที จะโกรธก็เพราะเรื่องนี้มากกว่า “ไม่เป็นไรหรอก ขึ้นเวทีร้องมาบ่อยแล้ว ปีนี้ได้ทำอะไรแปลกใหม่แถมยังได้อยู่กับน้ำเงินอีก ดีจะตาย”
คำตอบของมันทำเอาคนที่มีชื่ออยู่ในนั้นเสียหลักเล็กน้อย น้ำเงินเหลือบมองสมชายผู้เข็นน้ำตามด้วยสีหน้าปกติแล้วก็ลอบถอนหายใจออกมาที่ไอ้สมชายมันไม่เอะใจ
หยอกได้ไม่อายสมชายเลยนะมึง
“ป้าครับ ผมมาเอาน้ำแข็งสองกระสอบที่อาจารย์สุชาติฝากซื้อไว้ครับ”เปลวบอกป้าร้านน้ำก่อนเราสามคนจะนำกระสอบดังกล่าวมาวางบนรถเข็นแล้วสมชายก็ก้มหน้าก้มตาเข็นออกไปอย่างขยันขันแข็ง ส่วนที่เหลือเดินตัวปลิว
สถานที่ตั้งของร้านขายน้ำอยู่กึ่งกลางระหว่างโรงยิมซึ่งจัดเวทีเตรียมพร้อมสำหรับการแสดงของแต่ละห้องเรียนกับคอนเสิร์ตและลานหน้าเสาร์ธงซึ่งตัวแทนห้องคนอื่นๆกำลังจัดซุ้มของห้องตนอยู่ โซนต้นไม้มีม้าหินอ่อนข้างตึกสายศิลป์สถานที่ตั้งร้านขายน้ำจึงยังไม่มีผู้คนเดินผ่านไปผ่านมา
ไม่รู้ว่าสมชายเป็นคนขยันอยู่แล้วหรือมันอยากทำงานงานไถ่โทษ ตั้งแต่กลับมาที่ซุ้มมันก็วิ่งเทน้ำแข็ง วางขวด จัดเงินทอนและอื่นๆอีกมากมายจนผมไม่มีอะไรทำ “แล้วเพื่อนร่วมวงมึงทำไงวะ”เลยหันไปชวนเปลวซึ่งยืนมองสมชายทำงานงกๆอย่างสบายใจ(เลวทั้งคู่)
“ฟงมันเปลี่ยนมาร้องนำแทน วงกูมีมือกีตาร์อีกคนไม่เป็นไร”ได้ยินอย่างงั้นผมก็โล่งใจไปเปราะหนึ่ง
เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ขนาดนั่งอยู่ในเต็นท์ซึ่งนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ยังร้อนขนาดนี้ แดดเมืองไทยจะอัพเลเวลไปถึงระดับไหนกันนะ
“มึงไม่เศร้าใช่ป่ะ”ถามพลางตักน้ำแข็งใส่แก้วอีกใบหนึ่ง
เปลวตะวันผู้ดังแล้วแยกวง(?)เลิกคิ้วเหลือบมองผมที่เดินถือแก้วน้ำแดงมายื่นให้มัน มันรับไปดื่มเงียบๆพร้อมรอยยิ้ม
“ไม่หรอก เพลงที่อยากให้ได้ยินก็ได้ร้องให้ฟังไปแล้ว ไม่มีอะไรจะต้องเสียใจ”
คำพูดคำนั้นของคนคนนี้ส่งผลต่ออัตราการเต้นของหัวใจของผมเสียยิ่งกว่าจำนวนอ็อกซิเจนในอากาศหรือความดันโลหิตเสียอีก...ไม่รู้ว่าสีหน้าตอนรับฟังของผมเป็นอย่างไรแต่สีของหน้าผมพอจะเดาได้นะ...
สายลมเบาๆพัดผ่านกลางระหว่างเราสองคน ผมยังคงไม่ละสายตาจากใบหน้าของเปลวตะวัน เสียงสมชายลากเก้าอี้ดังแจ่มชัดในโสตประสาต หลังจากคำพูดของผมรอบตัวของพวกเราก็ไม่มีเสียงอื่นใด
ช่วงเวลานี้ผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดถูกเรียกไปนั่งแบ่งตามชั้นเรียนรอพวกส่วนกลางและพวกตัวแทนห้องซึ่งประจำตามซุ้มต่างๆห้องละห้าคนจัดงานเรียบร้อยแล้วค่อยถูกปล่อยลงมา มีบางคนกลับบ้านไปก่อนแต่เกินเก้าในสิบก็อยู่รอร่วมงานกันทั้งนั้น
เพราะงานโรงเรียนผมไม่ได้จัดกันแบบไก่กา อย่างที่เคยบอกแล้วไปว่านักเรียนโรงเรียนนี้กระเป๋าหนักกันทั้งนั้น แบกตำราเป็นสิบเล่มมาเรียน ผิดๆ บ้านรวยกันทั้งนั้นต่างหากเล่า!
“อีกห้านาทีจะปล่อยคนเข้างานแล้วนะครับ”อาจารย์สุเทพช่วยประสานงานตะโกนบอกซุ้มต่างๆให้ วันนี้เฮียแกใส่ชุดสูทเต็มยศท้าทายอำนาจแดดเมืองไทย แถมยังใส่วิกผมมาอีกต่างหาก ไม่ต้องสงสัยว่าแกจะไปออกงานเดินแบบที่ไหนเพราะวันนี้เปิดให้คนนอกมาร่วมงานด้วย ทั้งสมาคมแม่บ้านทั้งเด็กโรงเรียนอื่นแห่กันมาเต็ม
“สุชาติแม่งทำตัวไม่เกรงใจลูกเมีย”ผมส่ายหน้ามองแกอย่างหน่ายๆ อายุก็ปูนนี้แล้วทำตัวเป็นเด็กๆ
“แชคบอกว่าแกยังไม่ได้แต่งงาน”นายน้ำเงินเบิกตากว้างหันขวับไปมองนักร้องนำปลดประจำการ
“มิน่าหละ...วัยทองเก็บกดแถมยังโสดอีก ไม่มีที่ระบายเลยมาสร้างพฤติกรรมรุนแรงที่โรงเรียน”เด็กห้องคิงผู้ไม่คุ้นชินกับการถูกลงโทษบ่นอุบอิบ ทำเอาคนโดนทำโทษจนชินส่ายหน้าอย่างระอา
“บาปกรรม”เปลวดุเด็กปากพร่อยเข้าให้
“รับน้ำอะไรดีครับ”รู้ตัวอีกทีก็ได้ยินเสียงสมชาติพูดกับลูกค้า คนอู้งานสองคนโงหัวออกมาจากโลกส่วนตัวแล้วก็พบเข้ากับกองทัพเด็กทั้งในโรงเรียนและนอกโรงเรียนแห่แหนกันเข้ามา
เพราะโรงเรียนย่านนี้ก็สอบเสร็จวันนี้เช่นกันทำให้หลายๆคนเลือกมาฉลองปิดเทอมกันที่งาน First night แห่งนี้
เด็กผู้หญิงม.ต้นใส่คอซองสวมชุดซึ่งไม่ใช่เครื่องแบบโรงเรียน ผมเดินเข้ามาสั่งน้ำ”เอาน้ำเขียวค่ะ”
ผมซึ่งนั่งง่อยอยู่ข้างถังน้ำแข็งเพิ่งสำนึกได้ว่าควรช่วยสมชายบ้างอะไรบ้างจึงดึงแก้วพลาสติกออกจากถุงหันขวับกลับมาเตรียมตักน้ำแข็ง ตอนนั้นเองแก้วพลาสติกซึ่งมีน้ำแข็งอยู่เต็มแก้วก็ถูกยื่นมาตรงหน้า
“เอาไปสิ ลูกค้ารอ” ผมมองหน้าเปลวซึ่งแย่งงานผมเซ็งๆ
“อ่ะนี่”คฑากรโรงเรียนรับหน้าที่เทน้ำยื่นให้ลูกค้า นักร้องนำวงโรงเรียนดำรงตำแหน่งผู้ตักน้ำแข็งใส่แก้ว และนายธรรมดารับหน้าที่จิปาถะ
เด็กผู้หญิงคนนั้นรับแก้วจากมือน้ำเงินไปก่อนจะมองหน้าหล่อๆของคนตรงหน้าเธออย่างประหลาดใจ แต่แปลกใจอยู่ได้ไม่นานก็ถูกเขี่ยกระเด็นออกไปโดยน้ำมือเด็กผู้หญิงม.ปลายกลุ่มใหญ่ มากันห้าหกคนแต่ละคนสั่งไม่เหมือนกันสักอย่าง สมชายรับออเดอร์ตาเหลือก ส่วนเปลวก็ทำหน้าที่ตักน้ำแข็งอยู่เงียบๆด้านหลัง
“อุ๊ย!! หนูขอแก้วนั้นค่ะ”เด็กท่าทางเปรี้ยวแต่งหน้าหนาจัดแม้วันสอบชี้นิ้วมายังแก้วใบน้อยในมือของเปลวตะวันพร้อมมองคนถือด้วยสายตาหลงใหล”นั่นใช่พี่เปลวรึป่าวคะ?”เธอถามอย่างไม่แน่ใจนัก
“อ่า...ใช่ครับ”ผมตอบแทนเจ้าตัว
“กรี๊ดดด ตัวจริงหล่ออ่ะแก ฉันขอน้ำพี่เปลวด้วย”อีกคนพูดแทรกได้ชวนคิดลึก
“อ่า..ใจเย็นๆนะครับ”สมชายเห็นว่าพวกหล่อนเกาะกลุ่มอยู่หน้าร้านนานเกินจึงพยามไกล่เกลี่ย
“เงียบไปใครพูดด้วยไม่ทราบ ไม่รู้แหละ ชั้นจะกินน้ำที่ผู้ชายคนนั้นเทให้!! ถ้าไม่ใช่ฉันไม่ยอมนะยะ!!” ผมนี่ถึงกับโยนขวดแป็ปซี่ใส่มือคุณเปลวเลยครับ เรื่องนี้นำเงินจะไม่ยุ่ง...
แต่เดี๋ยวนะ...
พวกเธอไม่เห็นผมอยู่ในสายตาขนาดนี้ก็หมายความว่าผมโดนจัดอยู่ในคลาสเดียวกับสมชายหนะสิ!!
โอ้ววววว ม่ายยยยย!!
เปลวไม่แสดงสีหน้าใดใดต่อสถานการณ์นี้ มันเดินมาเทน้ำให้พวกผู้หญิงกลุ่มนั้นด้วยรอยยิ้มตามแบบฉบับ จากนั้นซุ้มน้ำของพวกกระผมก็ถูกกลืนกินโดยเหล่าสาวๆเป็นกองทัพ
โชคดีที่เหล่าสหายรักอย่างนาว ปอ อาร์ต ไอซ์ ซีซีแวะมายังร้านและผลัดเวรกันมาช่วยคนละสิบนาที
โชคดีหรือโชคร้ายก็ไม่รู้ที่ฟงเดินมาเปลี่ยนป้ายราคาน้ำเป็นแก้วละ 30บาท...จากสิบบาท...ค้ากำไรเกินควรมากมึงสมแล้วที่เป็น
ลูกคนจีน มันบอกว่างานจะได้เบาลงแต่กำไรเท่าเดิม...เออ จะว่าไปก็ฉลาด
หลังจากเชี่ยฟงจากไปแล้วงานก็ค่อยเบาลงหน่อยเปลวท่าทางพอใจกับไอเดียเพื่อนมันมากส่วนผมกับสมชายรู้สึกร้อนๆหนาวๆกลัวสุชาติด่าข้อหาโก่งราคาค่าตัวแต่ก็ไม่ได้ไปแก้ไขราคาให้เหมือนเดิมเพราะความสบายย่อมมาก่อนความกลัว
สุดท้ายของสุดท้ายเพื่อนเวรแชคมันประกาศออกเสียงตามสายว่าวันนี้นักร้องนำวงโรงเรียนไม่ขึ้นร้องเพราะขายน้ำอยู่ที่ซุ้ม
อิเหี้ยยยยยยยยยยยยยยย พ่อมึงเป็นสรยุทธเหรอสาดดดดดดด!!! ไม่ป่าวประกาศสักเรื่องก็อยู่ได้มั้ยมึง
จากที่งานเบาลงไปหน่อยตอนนี้ลูกค้าเยอะกว่าตอนขึ้นราคาอีกครับ เจริญเถอะ...
“ขายดีไหม กูอุตส่าห์ช่วยโปรโมทให้”ตัวต้นเหตุเดินไม่รู้อิโหน่อิเหน่เข้ามายังซุ้มซึ่งแปะป้ายหยุดชั่วคราวเนื่องจากน้ำแข็งหมด...ตอนนี้สมชายกำลังไปขอซื้อต่อจากร้านน้ำโรงอาหารส่วนผมมีหน้าที่รับมือกับลูกค้าที่ยืนออกันอยู่
“คราวหลังไม่ต้องช่วยจะเป็นพระคุณกว่า”ผมหันไปเหน็บมัน
“อะไรกัน กูอุตส่าห์มาช่วยยังมาว่าอีก เนอะเปลวเนอะๆ”ตัวแสบแชคหันไปหาพวก เปลวมองสบตามันด้วยสีหน้าเรียบเนือยๆ ไร้ความรู้สึก...ไม่ใช่หน้าแต่เป็นมือนะครับที่ไร้ความรู้สึก ตักน้ำแข็งจนมือชาหมดแล้ว
“พี่น้ำเงินคะ ทำไมร้านปิดอ่ะคะ”เด็กผู้ชาย เอิ่ม...ไม่น่าจะใช่... ม.สี่ยื่นหน้ามาถามซะชิดชนิดจมูกแทบชนกัน คนถูกจู่โจมถึงกับสะดุ้งโหยงถอยหนีแทบไม่ทัน
“นะ...น้ำแข็งหมดครับ”
“น้ำแข็งหมดงั้นเอาน้ำเงินมาก่อนก็ได้นะคะ”
“ฮิ้วววววววว”เพื่อนชาย(?)ที่มาพร้อมกันร้องวี๊ดว๊ายมือไม้ออก
“แรงงง อะแก”
“แหม มันก็นิดนึง...โอกาสอย่างงี้หาได้จากไหนอีก ผู้ชายเขาขายน้ำ ผู้หญิงก็ต้องแหกขา อุ๊บส์ แหกกระเป๋าตังค์ซื้อสิจ๊ะ”
“เหอๆๆๆ”ทำอะไรไม่ได้นอกจากยิ้มรับ ประสบการณ์กว่าสามชม.สอนให้ผมรู้ว่าสถานการณ์ไหนควรจะสู้สถานการณ์ไหนควรจะถอย เปลวตะวันกล่าวว่าจนด้วยถ้อยคำก็จงรวยด้วยรอยยิ้ม...
“พอเลยมึง เดี๋ยวกูจัดการตรงนี้เอง มึงไปพักเถอะ”แชควางกล้องไว้บนเก้าอี้พับก่อนจะปัดมือไล่ผมให้เข้าหลังร้านไปตรงนี้มันจัดการเอง ผมเลยเดินเข้าไปหาเปลวซึ่งนั่งสะบัดมือแดงๆของมันไปมา
“เป็นไงบ้างอ่ะ”น้ำเงินคว้ามือของหัวหน้าแผนกตักน้ำแข็งขึ้นมาถูไปถูมากับมือตัวเองอย่างพยามเพิ่มความอบอุ่นให้
“ไม่เป็นไร มันแค่แดงเพราะเลือดมารวมตัวกันเพื่อเพิ่มอุณหภูมิ ไม่ได้เจ็บอะไร”เปลวตอบ
“อืม เดี๋ยวที่เหลือกูตักให้เอง มึงไปพักเถอะ”ผมสั่งให้มันหยุดงาน เพราะไอ้แชคมันอาสามาช่วยซุ้มนี้ด้วยตัวของมันเอง
คือก็ว่าแล้วว่ามันโฆษณาออกสื่อไปให้ด้วยความหวังดี พอรู้เอาตอนหลังว่านำความฉิบหายมาให้ก็รีบขอโทษขอโพย เสนอตัวรับผิดชอบ จะไปว่านิสัยมันก็น่ารักดีนะ ถึงจะเหี้ยไปบ้างเป็นครั้งคราวก็ตาม
“แล้วเราต้องขายไปอย่างงี้จนถึงเมื่อไหร่เหรอ”เปลวถาม
“อืม...จนกว่าน้ำซ่าจะหมดหละมั้ง เหลือไม่เยอะแล้วด้วย ดีเลย!!หลังจากนี้จะตักน้ำแข็งน้อยๆเทน้ำเยอะๆจะได้จบซะที” เสียงหัวเราะผมดูเหมือนจะชั่วร้ายไปหน่อย สมชายที่เข็นรถใส่น้ำแข็งมาครึ่งกระสอบถึงกับสะดุดเศษฝุ่นหน้าเกือบทิ่ม
“เดินดีดีมึง เดี๋ยวได้กลับไปขนใหม่อีกรอบหรอก ฮ่าๆ”คนล้มเราไม่ข้ามแต่เราซ้ำเติมคือคติพจน์ผมเองครับ
น้ำเงินลุกขึ้นจากเก้าอี้ทำท่าจะเดินเข้าไปหาสมชายผู้ยกถุงน้ำแข็งพยามเทใส่ถังอย่างทุลักทุเลแต่ก็ถูกมือของใครบางคนคว้าเอาไว้ก่อน
“ปิดร้านแล้วไปดูคอนเสิร์ตด้วยกันนะ”คำเชิญชวนอันแสนแผ่วเบา คำพูดที่ได้ยินกันแค่สองคน ท่ามกลางผู้คนหลายสิบที่ออกันอยู่หน้าร้าน น้ำเงินพยักหน้าตอบรับคำขอนั้นด้วยรอยยิ้ม
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
สวัสดีปีใหม่ไทยค่าาา
สงกรานต์ไปเที่ยวไหนกันมาคะ คนแต่งไม่ได้ไปไหนเลย อยู่บ้าน...(แล้วทำไมไม่อัพ)555