'เรื่องสั้น' - - - - โคตร..คิดถึง - - #5 e n d - - '07 jan 2015'
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: 'เรื่องสั้น' - - - - โคตร..คิดถึง - - #5 e n d - - '07 jan 2015'  (อ่าน 42676 ครั้ง)

ออฟไลน์ afterday

  • อตด.
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1856/-9
    • afterday's twitter

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.เมื่อนิยายจบแล้วให้แก้ไขหัวกระทู้ต่อท้ายว่าจบแล้ว


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0







- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -





' โคตร..คิดถึง '






- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-10-2018 02:39:46 โดย afterday »

ออฟไลน์ afterday

  • อตด.
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1856/-9
    • afterday's twitter
โคตร..คิดถึง




Once upon a time

คำว่า ‘โคตร’ มันเป็นคำที่ใช้เพื่อบ่งบอกปริมาณใช่ไหม? มันอาจจะใช้กับสิ่งของ วัตถุ อะไรที่เป็นรูปธรรม หรือ บางทีก็นามธรรมอย่าง…ความรู้สึก…
ความจริงแล้วคำนี้มันอาจจะฟังดูหยาบ ไม่ค่อยรื่นหู และกึ่งจะเป็นคำที่ไม่สุภาพเท่าไหร่นัก
แต่สำหรับผมแล้ว…คำนี้มันก็โคตรจะสามารถอธิบายความรู้สึกได้ดีที่สุดแล้วในตอนนี้…






#1

   ท้องฟ้าสีส้ม…เมฆเทาชมพูเคลื่อนตัวแผ่ขยายทั่วบริเวณ ลมเย็นๆพัดผ่านแตะกระทบผิวกายจนขนลุกชัน
   นอนหงายเงยหน้ามองอย่างไร้จุดโฟกัส จินตนาการทำให้ภาพสิ่งต่างๆปรากฏขึ้นกลางกลุ่มก้อนเมฆ

   คิดๆดูแล้วเมื่อสมัยก่อนก็เคยอยากจับเมฆนี่นะ…

   จะนุ่มไหมนะ จะจับติดมือหรือเปล่า หรือมันเป็นแค่ไอน้ำอย่างนั้นจริงๆ
   เพราะถ้าอย่างนั้นนักโดดร่มหรือนักกีฬาทางอากาศเวลากระโดดลงมาจากเครื่องบินก็คงจะติดอยู่บนก้อนเมฆเสียก่อนที่จะได้โรยตัวลงมาที่พื้นดิน
   เพราะฉะนั้นหากลองยื่นมือไปปัดผ่านกลุ่มก้อนเมฆมันก็คงจะเป็นเหมือนหมอกควันจางๆที่เจือหายไปตามแรงลมสินะ
   ขึ้นไปยืนไม่ได้ ล้มตัวนอนเกลือกกลิ้งก็ไม่ได้ จับหรือยัดเข้าปากยิ่งไม่ได้ไปใหญ่เลย…น่าเบื่อจัง

   ได้กลิ่นฝนแหะ…

   “ภาพ”

   เสียงทุ้มคุ้นหูดังมาจากด้านหลัง แต่ไม่ได้ทำให้เจ้าของชื่อดีดตัวลุกขึ้นนั่ง
   ความสบายกายจากการผ่อนกล้ามเนื้อนอนแผ่อยู่ตอนนี้ทำให้เขารู้สึกดีเกินกว่าจะขยับตัว
   ได้ยินเสียงฝีเท้าดังเข้ามาใกล้เรื่อยๆจนหางตาเหลือบเห็นเพื่อนสนิททรุดตัวนั่งลงข้างกาย

   “มึงจะกลับยัง?”
   “อีกสักพักอ่ะ ขี้เกียจลุก มึงเสร็จแล้วเหรอ?”

   ภาพวาด ชายหนุ่มที่อีกไม่ถึงปีก็กำลังจะเรียนจบจากมหาลัยชื่อดังเอ่ยปากตอบแล้วลากยาวถามแต่ไม่ได้กระดิกตัวเลยสักนิด
   ในมือกระชับอุปกรณ์คู่ชีพให้พอดีมือขึ้น

   “เออ กูได้งานมาสเตอร์พีชคราวนี้ละ ว่าจะพอก่อนเหมือนฝนจะตก”
   “อืม…ได้กลิ่น มึงกลับไปก่อนเลยก็ได้นะพีช เดี๋ยวอีกสักพักกูก็กลับ”

   พีชยิ้มมุมปากแล้วเอี้ยวตัวมองใบหน้าเหม่อลอยไร้จุดหมายของเพื่อนข้างๆ “อารมณ์ไหนตอนนี้”

   เขาเอ่ยคำถามประจำที่มักจะถามเมื่อเห็นอีกฝ่ายดูลอยๆเบลอๆเหมือนร่างกายอาจจะจางไปเรื่อยๆได้ถ้าหากไม่รีบขยับตัวสักนิด

   “…คิดถึง” เสียงพึมพำแผ่วเบาแต่ก็ไม่ได้ทำให้เขาไม่ได้ยิน

   พีชหัวเราะเล็กน้อยแล้วเงยหน้ามองฟ้าเหมือนที่ภาพวาดทำอยู่ตั้งแต่แรก

   “อีกแล้วเหรอวะ”
   “…”
   “นานแล้วนะมึง”

   ประโยคสั้นๆแต่แฝงไปด้วยความหมายของพีชทำให้ภาพวาดกระพริบตาถี่ๆอย่างครุ่นคิด
   คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเล็กน้อยอย่างที่เจ้าตัวก็ไม่ทันรู้

   ใช่…นานแล้ว…3ปีนี่มันนานมากแล้วจริงๆ

   “อีกอย่างตอนนั้นมึงก็บอกว่าคิดดีแล้วไม่ใช่เหรอวะ”
   “ก็ตอนนี้กูคิดใหม่แล้ว”

   คำตอบที่ฟังยังไงก็เหมือนเด็กที่เถียงอย่างไม่ไตร่ตรอง ทำคนฟังยิ้มขำแล้วเอื้อมมือไปขยี้ผมเพื่อนตัวดีหนักๆ

   “กลับเหอะมึง เดี๋ยวฝนตกแล้วลูกมึงก็เปียก” พีชว่าแล้วพยักหน้าไปที่กล้องตัวโปรดในมือของภาพวาด
   “เออ กลับก็กลับ”

   เขาว่าแล้วขยับตัวลุกขึ้น ปัดฝุ่นบริเวณหลังและบั้นท้ายออกพอเป็นพิธี
   ก่อนจะเดินลงบันไดดาดฟ้าก็ไม่ลืมที่จะแหงนหน้ามองขึ้นไปด้านบนอีกครั้ง…เมฆเปลี่ยนสีแล้วนะ

   ภาพวาดโบกมือลาเพื่อนแล้วลงจากรถไฟฟ้ามาเมื่อตัวรถจอดเทียบที่สถานีเป้าหมายของเขาแล้ว
   ชายหนุ่มเดินไปหยุดยืนที่ริมรั้วมองผ่านสายฝนที่โปรยปรายลงมาเล็กน้อยพอวิ่งฝ่าไปได้
   แต่เจ้าตัวกลับทำเพียงเปิดกระเป๋ากล้องหยิบลูกรักขึ้นมาเปิดปรับค่าจนพอใจแล้วส่องดูบริเวณโดยรอบผ่านเลนส์อย่างไม่รีบร้อน
   ผู้คนรอบข้างบ้างก็บ่นฝนเพราะไม่มีร่ม บ้างก็ขมวดคิ้วหงุดหงิดเหมือนไม่พอใจ บ้างก็คุยโทรศัพท์รอคนมารับ บ้างก็วิ่งออกไปเรียกรถโดยสาร

   ความหลากหลายนั่นทำให้เขาไม่เบื่อที่จะส่องกล้องไปเรื่อยๆแล้วกดชัตเตอร์บ้างในจังหวะที่พอใจ
   แต่แล้วเขาก็ชะงักแล้วลดกล้องลงเมื่อภาพในเลนส์ไปโฟกัสที่ชายหนุ่มคนหนึ่งที่มีลักษณะคุ้นตาคล้ายคนในความทรงจำ
   ภาพวาดจึงเพ่งมองด้วยนัยน์ตาตรงๆโดยไม่ผ่านอุปกรณ์
   เขาถอนหายใจแล้วก้มหน้าลง แค่นยิ้มเล็กน้อย…

   จะใช่เขาได้ยังไง…นี่มึงเพ้อมากไปแล้วไอ้ภาพ

   ภาพวาดประชดตัวเองในใจแล้วส่ายหัวยัดกล้องใส่กระเป๋าดังเดิม ก่อนจะเริ่มก้าวเท้าออกจากตรงนั้น


   ไม่นานนักเขาก็ฝ่าฝนเข้ามาที่ร้านก๋วยเตี๋ยวใกล้ๆหอพัก

   “อ้าว น้องภาพ เปียกมาเชียวไม่ได้พกร่มเหรอคะ”

   ป้าใจ เจ้าของร้านผู้ใจดีที่คุ้นหน้าคุ้นตากันมาหลายปีแล้วเดินเข้ามาทักแล้วส่งกล่องกระดาษทิชชู่ให้อย่างมีไมตรีจิต
   “ขอบคุณครับป้าใจ เผอิญวันนี้ผมแบกกระเป๋ากล้องหนักแล้วเลยขี้เกียจเอาร่มไป ไม่คิดว่าฝนจะตก”
   “ก็หน้าฝนนี่คะ รับอะไรดีคะวันนี้ เหมือนเดิมไหม?”
   “เอ่อ…ขอเป็นเล็กต้มยำแล้วกันครับ”

   คนรอฟังเมนูอาหารชะงักไปนิดแล้วยิ้มบางส่งให้อย่างรู้กัน

   “ถ้าอย่างนั้นวันนี้ก็เอาผักกับถั่วงอกสินะคะ”

   ภาพวาดหัวเราะนิดหน่อยแล้วพยักหน้าให้อีกฝ่ายหมุนตัวไปยืนหน้าหม้อน้ำซุป
   ถึงจะเขินแต่ก็ช่วยไม่ได้…ป้าใจเป็นอีกคนที่เขาค่อนข้างจะสนิทสนม
   เพราะด้วยที่มากินตั้งแต่ช่วงเข้ามหาลัยใหม่ๆจนถึงตอนนี้ก็ยังแวะเวียนมาเป็นประจำเรียกได้ว่าแทบจะทุกวันเลยด้วยซ้ำ
   ก็แถวๆหอเขาร้านป้าใจอร่อยสุดๆแล้ว และแน่นอนว่าต้องเคยมากับ ‘เขาคนนั้น’ บ่อยครั้งจนกลายเป็นรู้กันเวลาบอกว่าเหมือนเดิม
   ไอ้ตัวเขาเองไม่กินเผ็ด ไม่กินผัก การที่จะสั่งเล็กต้มยำผักงอกเนี่ยมันก็คงไม่ใช่นิสัย
   หากไม่ใช่เพราะเป็นเมนูประจำของ…อีกคน…

   เขาเลยมักจะสั่งเวลาที่…คิดถึงแบบนี้

   “เอ้า ได้แล้วค่ะ เอาร่มไปด้วยนะคะไว้มาคืนวันหลังก็ได้”

   ถุงบะหมี่แยกน้ำร้อนๆที่มีถุงผักและถั่วงอกพร้อมเครื่องปรุงใส่ไว้ให้ถูกวางลงที่โต๊ะตรงหน้าคนที่สั่งพร้อมร่มสีแดงลายจุด

   “ขอบคุณครับป้าใจ แต่ไม่เป็นไรหรอกครับวิ่งนิดเดียวเองฝั่งตรงข้าม ไหนๆก็เปียกแล้วเอาให้สุด”
   “จะเอาอย่างนั้นเหรอคะ เดี๋ยวไม่สบายป้าไม่รู้ด้วยนะ” คนอายุมากกว่ายิ้มเอ็นดูแล้วรับเงินจากเด็กหนุ่มตรงหน้า “วิ่งระวังๆนะคะน้องภาพ”

   เจ้าของชื่อยิ้มรับแล้วโค้งหัวลา ก่อนจะวิ่งฝ่าฝนออกไปอีกครั้ง




   “ซี้ดด…อึก..”

   เสียงสูดปากสลับกับเสียงกลืนน้ำจนเกือบหมดแก้วดังก้องห้องมาค่อนชั่วโมง
   ชามก๋วยเตี๋ยวสีส้มแดงตรงหน้าก็ยังไม่ลดลงไปสักเท่าไหร่นัก เหมือนว่าตอนนี้คนกินจะอิ่มน้ำไปมากกว่าเส้นเสียแล้ว

   ก็ไม่รู้จะสั่งทำไมไอ้เมนูเผ็ดที่กินไม่ได้เนี่ย ทรมาณไปก็เท่านั้น…

   ภาพวาดคิดด่าตัวเองในใจแล้ววางตะเกียบลงนั่งมองอาหารในชามนิ่งๆ
   ภาพและเสียงในความทรงจำเมื่อหลายปีก่อนจะหวนกลับมา

   ‘ใส่พริกเพิ่มอีกเหรอพี่?!’
   ‘อื้ม จะได้มีรสชาติ’
   ‘งี้พี่กินพริกเลยเหอะ’
   ‘มันไม่เหมือนกัน ใครจะกินจืดชืดแบบวาดกันล่ะ’
   ‘น้ำซุปอร่อยอยู่แล้วเถอะ ลองลิ้มรสชาติมันลึกๆดูสิ’
   ‘ครับๆ น้องวาดลิ้มรสชาติอาหารได้ล้ำลึกที่สุดแล้ว’
   ‘ไม่รู้กินไปได้ยังไง แดงเถือกแบบนั้น’
   ‘ลองดูไหมล่ะ?’
   ‘ไม่ล่ะ ลิ้นพองแน่’


   เสียงหัวเราะของคนตรงข้ามดังก้องอยู่ในความคิดขณะที่สายตาเขายังคงจับจ้องอยู่ที่น้ำซุปสีออกส้มๆที่ยังแดงไม่ถึงครึ่งของวันนั้นเลยด้วยซ้ำ…

   เหมือนว่าตอนนี้การกระทำและความคิดของภาพวาดจะไม่ต้องการเหตุผลรองรับ…
   เมื่อเขาคีบเส้นเล็กสีขาวขุ่นที่ดูดซึมน้ำจนเปลี่ยนเป็นสีส้มอ่อนเข้าปากอีกครั้ง
   ไม่รู้ว่าเพราะอะไรและก็ไม่ได้สนใจจะรู้เท่าไหร่นักว่าทำไมขอบตารู้สึกร้อนๆ
   อาจจะเป็นเพราะความเผ็ดร้อนของพริกในเล็กต้มยำตรงหน้าก็ได้


   ฟึ่บ!

   ภาพวาดขยี้ตาไปมาด้วยอาการง่วงแล้วลุกขึ้นหลังจากเลื่อนปิดนาฬิกาปลุกในโทรศัพท์เป็นรอบที่4แล้ว
   เขาเหลือบมองเวลาที่หน้าจอก่อนจะยกมือลูบท้ายทอยตัวเองไปมา…คราวนี้4รอบแหะ…

   ด้วยความขี้เซาของชายหนุ่มทำให้เจ้าตัวต้องตั้งเวลาปลุกถี่ๆชนิดที่ถ้าไม่ตื่นก็ไม่หยุดปลุกแน่ๆ
   ยกตัวอย่างเช่น หากเวลาที่ต้องการจะตื่นคือ8โมงเช้า
   ก่อนเข้านอนเขาก็จะตั้งปลุกตั้งแต่ 6ครึ่ง 7โมง 7โมงครึ่ง 8โมง 8โมงครึ่ง 9โมง 9โมงครึ่ง
   ลากยาวที่ละครึ่งชั่วโมงไปจนถึงเที่ยงกันเลยทีเดียว

   หากแต่การกระทำงี่เง่านั้นก็ไม่อาจทำลายการนอนหลับอันแสนรื่นรมย์ของเขาได้

   ‘วาดคงจะคิดว่าเป็นเสียงเพลงกล่อมไปแล้ว ถึงได้นอนฟังแบบมีความสุขอย่างนั้น’

   วูบนึงที่เผลอก็ทำเขาคิดถึงประโยคพูดแสนธรรมดาของคนคนนั้นอีกแล้ว…
   เขาส่ายหัวสะบัดความคิดฟุ้งซ่านให้หายออกไป ก่อนจะเปิดโปรแกรมนาฬิกาปลุกเพื่อปิดการตั้งปลุกของเวลาที่ยังมาไม่ถึง
   แล้วลุกขึ้นไปคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำ

   เขาก้มหัวลงแล้วเปิดฝักบัวให้น้ำไหลผ่านศีรษะลงตามร่างกายอย่างไม่รีบร้อน
   วันนี้เขาจะนั่งเลือกรูป แล้วเอาไปอัดเสียหน่อย
   ระหว่างที่ปล่อยความคิดให้ไหลไปกับสายน้ำอย่างสบายๆแบบที่ทำประจำในตอนเช้าของวันที่ไม่เร่งรีบ
   เขาก็เผลอมองไปที่แปรงสีฟัน2อันที่วางพิงกันอยู่ในแก้วน้ำหน้ากระจกตรงอ่างล้างหน้า
   และไม่ต้องเดาว่าความฟุ้งซ่านกำลังจะกลับมาเป็นครั้งที่2สำหรับวันใหม่

   ควรจะทิ้งไปได้หรือยังนะ…หรือว่าจะย้ายห้องเลยดี…หรืออาจจะต้องย้ายหอเลยก็ได้…

   ถ้ามันจะทำให้อาการระลึกชาติแบบนี้หายไปเสียที

   สบู่กลิ่นผลไม้ที่เขาชอบไหลลงตามแขนและขาเมื่อมันกระทบกับสายน้ำจากฝักบัวบนหัว
   เขาลูบมันทิ้งอีกแรง ก่อนจะหมุนก๊อกปิดแล้วสะบัดหัวอย่างที่ชอบทำ
   มืออีกข้างที่ว่างจากการยีผมก็เอื้อมไปคว้าผ้าด้านข้างมาพันรอบเอวลวกๆ
   และแน่นอนว่าเขาเหน็บมันไม่เป็น เหน็บๆยัดๆทีไรผ้าก็ร่วงลงพื้นทุกที…เพราะ

   ‘มานี่มาจะจับอยู่แบบนั้นทำไม พี่เหน็บผ้าให้’

   เมื่อก่อนจะมีอีกคนทำให้อยู่เสมอ…ต่างกันตรงที่ตอนนี้ไม่มีแล้ว
   เป็นครั้งที่3กับอาการฟุ้งซ่าน…วันสองวันนี้มันอะไร อยู่ๆโรคเก่ามากำเริบถี่ขนาดนี้
   ภาพวาดสะบัดหัวอีกครั้งปิดท้ายความคิดไร้สาระแล้วเอาจับชายผ้าทั้ง2ข้างรวบไว้ที่เอวก่อนจะรีบก้าวขาออกจากห้องน้ำเพื่อไปแต่งตัวให้เร็วที่สุด

   จะได้พ้นจากการที่ต้องจับผ้าเช็ดตัวนี่ไว้เสียที



   RRrrrrRrrr
   RrrRrrrrrrr


   [ไอ้ภาพพพ] เสียงของพีชเพื่อนสนิทร่วมสถาบันและอาชีพดังขึ้นทันทีที่รับสาย
   “เออ ว่าไง”
   [เลือกรูปยังวะ]
   “ยังเลย กำลังจะเลือกละ เพิ่งกินข้าวเสร็จ”
   [เออ กูเปิดๆดูละ ยังไม่ใช่เท่าไหร่ว่ะ ว่าจะไปถ่ายใหม่ เลยจะมาถามมึงก่อน]
   “กูยังไม่ได้ดูเลย มึงจะไปที่ไหนอ่ะ เผื่อตามไป”
   [คราวนี้ว่าจะไปแถวมหาลัย]
   “เค ถ้าไปเดี๋ยวโทรหา”
   [เออ ไงเจอกัน แต่ถ้าช้ากูเสร็จละไม่รอนะเว้ย]
   “เรื่องมึง จะไปไหนอีกล่ะ”
   [ไหนบอกเรื่องกู]
   “หึหึ”
   [ไม่ต้องมาแค่นหัวเราะ ถ้าเสร็จละมึงไม่มาเดี๋ยวกูแวบไปหาที่หอ]
   “เออ ไว้ว่ากัน”
   
   สิ้นคำภาพวาดก็ตัดสายแล้ววางโทรศัพท์ลงที่โต๊ะ เขาเสียบการ์ดเมมโมรี่กล้องเข้าโน้ตบุ๊คแล้วรอมันโหลด
   ระหว่างนั้นก็ยกแก้วนมขึ้นจรดปาก และพาลระลึกอดีตเป็นรอบที่4

   ‘เดี๋ยวนี้หัดไว้หนวดเหรอเรา’

   คำพูดกลั้วหัวเราะที่มาพร้อมสัมผัสจากมือหนาที่ปาดมาตรงบริเวณมุมปากลากผ่านมาจนถึงอีกด้าน
   ก่อนจะยกนิ้วโป้งที่มีคราบนมเลอะอยู่โชว์เขาเหมือนติดจะแซว

   แล้วก็อีกครั้งที่ต้องยกมือกุมขมับเพราะความคิดน่ารำคาญที่เกิดขึ้นไม่หยุด
   เขาระบายลมหายใจอย่างเหลืออด แล้วคว้าทิชชู่ด้านข้างมาเช็ดปาก เสร็จแล้วก็ขยำเป็นก้อนปาลงถังขยะอย่างไม่ใส่ใจนัก

   รูปที่ถ่ายเมื่อวานกว่าร้อยรูปค่อยๆรันขึ้นโชว์บนหน้าจอจนรู้สึกลายตา
   แสงสีหลากหลายที่จับจ้องผ่านเลนส์เมื่อวานปรากฏจนครบทุกช่องภาพ
   เขาคลิกเลือกตั้งแต่ภาพแรกแล้วไล่ดูหนึ่งรอบพร้อมจดรหัสภาพที่เข้าตาในแวบเดียวไว้ก่อน

   วิธีการเลือกรูปของเขาจะใช้เวลาและซ้ำไปซ้ำมาเสียหน่อย แต่เขาว่ามันคุ้มค่าและได้ผลทีเดียว
   เพราะเขามีความเชื่อว่าภาพที่ดีจะต้องดึงดูดสายตาตั้งแต่แวบแรกที่เหลือบมอง หลังจากนั้นถึงชัดเจนเมื่อเริ่มเพ่ง และสุดท้ายต้องตราตรึงในสมอง
   การเลือกรูปรอบแรกของเขาจึงเป็นการเปิดผ่านตั้งแต่ภาพแรกจนภาพสุดท้ายด้วยความเร็วที่ค่อนข้างมากสักหน่อย
   จากนั้นจึงเปิดรูปที่จดรหัสเพราะสะดุดตามาดูอย่างละเอียด
   แล้วรอบสุดท้ายค่อยเป็นการตัดสินใจจากเหตุและผลอย่างเป็นหลักการ
   ทำซ้ำรอบละ2-3ครั้งเป็นอันจบ จนกว่าจะได้รูปที่ดีที่สุดมาครอบครอง

   และทั้งหมดทั้งมวลนั้นเขาก็ใช้วิธีครูพักลักจำมาจากคนคนนั้นอีกนั่นแหละ นำมาประยุกต์ใช้จนเป็นวิธีของตัวเอง…

   นานแล้วนะที่ไม่ได้เลือกรูปด้วยกัน

   การเถียงเรื่องความรู้สึกกับเหตุผลในภาพแต่ละภาพมันสนุก
   สนุกจนบางทีใช้เวลากับเขาทำเรื่องนี้เพียงเรื่องเดียวจนข้ามวันข้ามคืน
   และทั้งสิ้นที่กล่าวมา มันคงไม่แปลกใช่ไหม ที่ในชีวิตของภาพวาดคนนี้ จะมีเขาเป็นส่วนประกอบถึงครึ่งนึงของชีวิต


   …หรืออาจจะมากกว่าเสียด้วยซ้ำ








   TBC...



   วันนี้เอาเรื่องเศร้าบรรยากาศเหงาๆเรื่องใหม่มาเสนอค่ะ
   ขอฝากนายเอกคนใหม่ ลูกชายที่รักที่สุดอีกคนไว้ด้วยนะคะ  :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-12-2014 23:38:45 โดย akane11 »

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1432
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
ติดตาม

ออฟไลน์ shikyu3211

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1537
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-1
ทำให้รู้สึกว่าตอนนี้เราก็รู้สึกเหงาเหมือนกัน

ออฟไลน์ Yร้าย

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1
อ่านแล้วไม่เหงาหรอกนะ...แต่น้ำตาซึมเลยเฮอะ.....

ออฟไลน์ afterday

  • อตด.
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1856/-9
    • afterday's twitter
โคตร..คิดถึง

#2



   ความคิดถึงมักจะมาคู่กับความทรมาณ
   แล้วยิ่งเป็นความคิดถึงที่ส่งไปไม่ถึง…


   ภาพวาดใช้เวลาว่างทั้งวันหลังจากเลือกรูปส่งกองประกวดไปแล้วกับการเลื่อนขึ้นเลื่อนลงดูเมล์ในกล่อง Inbox อย่างไร้อารมณ์

   เมื่อไม่มีจดหมายใหม่สักฉบับจากมุนษย์ที่นอกเหนือจากระบบคอมพิวเตอร์ที่ส่งมาโฆษณาชวนเชื่อ หรือเสนอโปรโมชั่นต่างๆ
   เขาก็เลื่อนลงไปเรื่อยๆจนเจออีเมล์ฉบับสุดท้ายที่ส่งมาจากเขาคนนั้นเมื่อปีที่แล้ว

   จดหมายกว่าครึ่งของทั้งหมดที่เขาได้รับมาจากคนที่เขากำลังคิดถึงอยู่ตอนนี้
   จดหมายที่เขาไม่เคยตอบกลับสักฉบับ แต่อ่านมันมามากกว่าสิบรอบ อ่านจนจำได้ทุกตัวอักษร
   ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล่าชีวิตประจำวันหรือบอกกล่าวความคิดถึงอะไรก็แล้วแต่ จนมาถึงวันที่เขาบล็อกอีเมล์ของอีกฝ่าย...

   วันที่ความคิดถึงทำร้ายเขามากเกินไป

   แต่สุดท้ายวันนี้มันก็ทำให้เขารู้แล้วว่าการตัดช่องทางการติดต่อไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น
   หรือทำให้เขาคลายทรมาณจากความคิดถึงได้เลย
   คิดๆแล้วก็ชักรำคาญกับการเลื่อนหน้าจอขึ้นลงจนตาแทบลายของตัวเอง
   ภาพวาดเลยพับจอโน็ตบุ๊คปิดลงลวกๆแล้วลุกขึ้นไปเปลี่ยนกางเกงยีนส์ขายาว

   มหาลัยเป็นเป้าหมายที่เขากำลังไป เที่ยงสามสิบห้า...มาเร็วไปนิดนึง
   ชายหนุ่มลงจากรถเมล์เดินข้ามถนนผ่านประตูมหาลัยเข้าไปจนถึงตึกคณะก็พบเพื่อนสนิทนั่งอยู่ที่โต๊ะไม้ด้านหน้า
   2-3ปีมานี้ก็เห็นจนชินแบบที่ไม่ได้รู้สึกอะไร แต่ทำไมวันนี้ถึงได้เห็นภาพใครอีกคนซ้อนขึ้นมาลางๆ
   
   ‘มาช้านะ บอกให้ออกมาแต่เช้าพร้อมพี่ก็ไม่เชื่อ’

   แต่ตอนนี้ต่อให้เขาตื่นเช้าแค่ไหน…ก็ไม่มีคนให้ออกมาพร้อมกันแล้ว


   “ภาพ! เหม่อไรวะเดินมานี่!!”

   คนกำลังเหม่อสะดุ้งเฮือกเมื่อเสียงดังๆของเพื่อนตัวดีกระทบเข้าที่แก้วหู เรียกสติเขากลับมาจากอาการงี่เง่านั่น

   “เปล่าอ่ะ…ช่วงนี้เบลอๆ” คนมีอาการประหลาดบอกปัดแล้วยกมือส่ายไปมา

   พีชหมุ่นคิ้วมองเพื่อนแบบที่ไม่ค่อนจะเชื่อนัก แต่ก็ไม่ได้เอ่ยปากอะไร
   อาการที่คนข้างๆเขาเป็นทำไมเขาจะไม่รู้ว่าต้นเหตุมาจากอะไร ภาพวาดนั่งเหม่อและใจลอยเป็นช่วงๆตลอดทั้งวัน
   ทำเอาคนรอบตัวก็อดสงสัยไม่ได้

   จนลากยาวมาถึงเย็น เลิกเรียนปุ๊ปเจ้าตัวก็สะพายกระเป๋ากล้องขึ้นบ่า

   “กูจะไปสะพานพระราม8นะ”
   พีชเลิกคิ้วมอง 2มือก็ขยับเก็บของเข้ากระเป๋า “ไปทำไรวะ”
   “จะไปถ่ายรูป”
   “หืม? ไอ้รูปประกวดนั่นก็ส่งแล้วไม่ใช่เหรอ”
   “แค่อยากไป…”
   “งั้นกู-”
   “แต้งว่ะมึง แต่กูอยากไปคนเดียว”

   ก่อนที่พีชจะได้พูดเสนอตัวไปด้วยจนจบ ฝ่ายภาพวาดก็เอ่ยปากขอบคุณและปฏิเสธขึ้นในคราวเดียวเสียก่อน
   แล้วคนที่กำลังเป็นห่วงอย่างพีชก็ทำได้แค่ตบบ่าเพื่อนรักเบาๆเพื่อให้กำลังใจ

   “ถ้ามึงอยากได้ใครสักคนมาอยู่เป็นเพื่อน โทรหากู เดี๋ยวไปหา”








   ลมเย็นๆพัดผ่านผิวกายไปเรื่อยๆอย่างที่คนที่ยืนทิ้งน้ำหนักตรงราวกั้นก็มองทอดสายตาไปที่แม่น้ำอย่างไร้จุดหมาย
   เสียงรถดังผ่านไปผ่านมาอยู่ด้านหลัง แสงอาทิตย์หายไปเหลือเสียงแสงไฟข้างทางและแสงจากไฟหน้ารถวูบวาบวุ่นวาย
   เรือด่วนธงสารพัดสีแล่นผ่านไปมาน่าจับภาพ ให้คนถือกล้องยกขึ้นเล็งแล้วกดชัทเตอร์ไม่หยุด

   ‘อากาศดีเนอะ’
   ‘ชอบล่ะสิ ช่วงนี้เมฆไม่ค่อยมีพี่เลยอยากพามา’
   ‘อืม น่าจะมีดาวมากกว่านี้’
   ‘ที่นี่น่ะกรุงเทพ ไม่ค่อยเห็นหรอกดาว ไว้พาไปที่ที่มองเห็นได้ทั้งฟ้าเลย’
   ‘จะชวนไปดูดาวรึไง’
   ‘ชวนน่ะชวนแน่ แต่ตอนนี้อยู่ที่นี่ก็ดีใข่ไหมล่ะ’


   สายตาที่เป็นประกายจากการกระทบของแสงรอบตัวดูน่ามองกว่าปกติ
   ปากหยักลึกยิ้มบางส่งมาให้ สายตาประสานกันแบบที่ไม่ได้มีใครเบนหนี

   รัก…

   มือที่เกาะกุมกันหลวมๆแต่แนบแน่นในความคิด

   ภาพวาดจมอยู่ในความทรงจำเมื่อ3ปีที่แล้ว พลางมองที่มือว่างเปล่าของตัวเอง
   วันนั้นหนาวกว่าวันนี้เสียด้วยซ้ำ แต่ทำไมตอนนี้ตัวเขาถึงได้สั่นแบบนี้นะ…

   รู้ตัวอีกทีเขาก็เสพติดการนั่งเรื่อยๆเฉยๆมองบรรยากาศวุ่นวายเงียบๆแบบนี้ไปแล้ว
   ความเป็นตัวตนของอีกฝ่ายเขาซึมซับมาเต็มที่เหมือนเอาฟองน้ำจุ่มลงกะละมังที่ถูกใส่น้ำจนเต็ม
   แล้วเป็นแบบที่บีบน้ำเท่าไหร่ก็ไม่ออกมาเสียด้วย


   RRrrRrrrrrr
   RRrrrrrrrrrr


   ภาพวาดสะดุ้งเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้วันนี้ อาการเหม่อของเขาเริ่มน่ารำคาญขึ้นทุกที
   หยิบมือถือขึ้นมาดูพบชื่อเพื่อนสนิทหราเต็มหน้าจอ

   พีชมันเป็นเพื่อนสนิทที่สุดในชีวิตคนนึง ในวันที่พ่อกับแม่จากไปก็ได้มันเนี่ยแหละอยู่ข้างๆ

   “ไงมึง”
   [อยู่ไหนวะ จะไปหาที่หอนะ?]
   “ยังอยู่สะพานอยู่เลยว่ะ”
   [ทำห่าไรเป็น3-4ชั่วโมงวะ?! กลับมา!!! จะโดดลงไปเรอะ อย่าเชียวนะมึง]

   ภาพวาดหัวเราะเล็กน้อยกับความขี้โวยวายของเพื่อนจอมมโน
   ไอ้พีชแม่งเป็นเพื่อนที่โคตรดีที่สุดแล้วสำหรับเขา
   ในวันที่มันรู้ว่าเขาคบกับคนนั้นมันก็ตกใจแทบแย่ แต่ก็พยายามจะเห็นเป็นเรื่องปกติ
   ก็แน่ล่ะ…เขาก็ไม่ได้คิดมาก่อนหรอกนะว่าอยู่ๆวันนึงเขาจะมาชอบผู้ชายด้วยกันน่ะ

   “เออๆ เดี๋ยวกูกลับละ เจอกัน”

   ภาพวาดวางสายจากเพื่อนรักจอมโวยวายนั่นแล้วส่งมือถือส่งกระเป๋ากางเกงไป แล้วขยับลุก
   มองเรือด่วนที่กำลังจะแล่นผ่านใต้สะพานเงียบๆ

   ‘นั่งเรือกลับป่ะ?’

   “ไม่อ่ะพี่” ภาพวาดตอบกลับเสียงในความคิดของตัวเองแล้วก็ส่ายหัวเล็กน้อยยิ้มอย่างเอือมตัวเอง
   แล้วเริ่มก้าวเดินลงจากสะพาน





   เดินพ้นกำแพงหอมาก็เจอพีชนั่งเกาแขนเกาขาอยู่ตรงบันไดข้างหน้า

   “ช้านะมึง ยุงจะหามกูละ”
   “ทำไมไม่รอข้างในล่ะวะ?” ภาพวาดว่ากลั้วหัวเราะ แล้วจับมือของอีกฝ่ายที่ยื่นมาให้ดึงเพื่อลุกขึ้น
   “ก็เห็นมึงชอบมานั่งมองอะไรไม่รู้ตรงนี้บ่อยๆ กูเลยอยากรู้มั่งว่ามึงมองไร”
   “ไร้สาระจริง กูแค่มานั่งตากลม”

   ภาพวาดนิ่งไปนิดก่อนจะเอ่ยตามอย่างไม่มีอะไร
   เขาเองก็ไม่ได้อยากมานั่งมองอะไรให้ยุงกัดเล่นหรอก ถ้าเมื่อก่อนไม่ได้มีคนมานั่งรับลมด้วย…


   เดินขึ้นบันไดมา เจ้าของห้องก็เปิดประตูวางกระเป๋ากล้องไว้ที่โต๊ะคอมแล้วถอดเสื้อนักศึกษาออกเปลี่ยนเป็นเสื้อยืด

   “วันนี้จะค้างไหมมึง?”
   “ค้างดิวะ จะให้กูกลับตอนดึกๆเดี๋ยวโดนฉุด”
   “งั้นไปอาบน้ำไป” ภาพวาดว่าแล้วก็โยนเสื้อนอนกับผ้าขนหนูให้อีกฝ่ายคว้าไว้แทบไม่ทัน
   “เออ เดี๋ยวออกมา กูซื้อข้าวหมูแดงมาด้วย วางไว้นี่นะ แดกซะ”

   ภาพวาดมองตามพีชจนหายเข้าห้องน้ำไปแล้วก็เหลือบมองถุงสีขุ่นที่มีกล่องโฟมใส่ขาววางอยู่ด้านใน2กล่อง
   ก่อนจะคว้ามันมาเปิดแล้วเทใส่จานรอ

   ‘ข้าวหมูแดงทำไมไม่มีหมูกรอบ’
   ‘หมูกรอบมีแต่มัน กินมากๆก็อ้วน’
   ‘แต่วาดชอบ’
   ‘มิน่าล่ะเนื้อตรงนี้ถึงได้เยอะขนาดนี้’
   ‘เฮ้ย จั๊กจี๋!’


   ภาพจานข้าวหมูแดงที่ถูกจัดในจานวางคู่กันเบลอลงเรื่อยๆเหมือนมีอะไรมากั้นไว้
   ไม่รู้ทำไมเรื่องเดิมมันถึงได้ตามมาหลอกหลอนไม่จบไม่สิ้นเสียที…


   “ภาพ มึงจะอาบก่อนกินข้าวป่ะ เฮ้ย! เป็นไรวะ?!”

   พีชที่เดินขยี้ผมออกจากห้องน้ำพลางพูดถามเพื่อนไปด้วย
   ก็ต้องตกใจเมื่อหันมามองเห็นเจ้าของห้องนั่งน้ำตาไหลมองจานข้าวอยู่อย่างนั้น

   “เฮ้ย” พีชเอ่ยเสียงอ่อนแล้วเดินมาลากเก้าอี้ออกแล้วนั่งลงข้างๆ “เป็นไรวะมึง…”

   ทันทีที่มือหนาแปะลงที่บ่าแล้วบีบเบาๆ คนที่นั่งน้ำไหลออกตานิ่งๆเมื่อครู่ก็เริ่มสะอื้นจนไหล่สั่น

   “ไม่เป็นไรนะมึง มีกูนะ”

   คืนนั้นคงมีแต่ประโยคนี้ของพีชที่ฟังเป็นภาษาที่สุดแล้ว และยังมีเสียงอู้อี้ในคอของภาพวาดคลอไปด้วยเรื่อยๆ







   “วันนี้กูมีธุระว่ะภาพ มึงโอเคนะ ไปกับกูไหม หรือไงดี?”

   เช้ามาพีชที่เปลี่ยนเสื้อผ้าออกมาจากห้องน้ำเจอภาพวาดปรือตาบวมๆขึ้นมองพอดีก็เดินเข้ามานั่งยองๆที่ข้างเตียงถาม

   “เฮ้ยกูโอเค มึงไปเหอะ”
   “งั้นเดี๋ยวเย็นนี้กูแวะมาละกันนะ”
   “อื้ม แล้วเดี๋ยวเจอกันเว้ยมึง”
   “ลุกมาหาไรแดกบ้างล่ะ เดี๋ยวก็แห้งตายหรอก”

   ภาพวาดพยักหน้ารับ แล้วโบกมือสะบัดไล่พีช แบบที่คนถูกไล่ก็เอื้อมมือไปผลักหัวอีกฝ่ายเล่นๆแล้วเดินออกจากห้องไป
   เสียงนาฬิกาข้างผนังคงเป็นเสียงที่ดังที่สุดในห้องแล้วตอนนี้ ภาพวาดนอนนิ่งๆมองเพดานไปเรื่อยๆอย่างไม่รู้เวลา

   เขารู้สึกว่าหนังตาตัวเองหนักมากเหลือเกินตอนนี้ มันคงบวมแดงมากแล้ว…

   ผ้าม่านกระพือนิดๆเพราะแรงลมจากด้านนอก ได้ยินเสียงนกแว่วเบาๆที่นอกหน้าต่าง
   เวลาแบบนี้ไม่อยากลุกไปไหนเลยให้ตายสิ
   แต่คิดอีกทีจะมานอนอยู่ในห้องแบบนี้ก็ดูจะแย่ไปหน่อย…ว่าแล้วก็ลุกจากเตียงเดินเข้าห้องน้ำไปจนได้




   ใช้เวลาไม่เกินชั่วโมงครึ่งภาพวาดก็มายืนอยุ่หน้าประตูห้องพักครูของมหาลัย
   เขาเคาะประตูเล็กน้อยจนได้ยินเสียงอนุญาตจากภายใน
   เมื่อเปิดประตูเข้าไปลมแอร์เย็นๆก็ปะทะเข้าหน้า พร้อมกับร่างโปร่งของอาจารย์สุดรักที่สอนวิชาเขามาตั้งแต่เข้ามหาลัย

   “อ้าว ภาพวาด คุณมาทำอะไร วันนี้หยุดไม่ใช่เหรอ?”

   อาจารย์สุทศขยับแว่นแล้วหันมาเอ่ยถาม ให้ภาพวาดยิ้มรับ

   “ครับ แต่ผมว่างๆเลยแวะมา เผื่อจารย์จะให้ผมช่วยงานอะไร”
   “ฮ่ะๆ เออดี มานั่งนี่มา รุ่นพี่เราส่งงานมาให้อาจารย์จัดงานสอนน้องปี1ปีนี้”

   อาจารย์สุทศว่าแล้วก็ขยับหยิบซองเอกสารขนาดใหญ่ปึกหนาวางลงบนโต๊ะกระจกกลางห้อง

   “มีรุ่นพี่เก่งๆหลายคนเลยที่ตอบรับแล้วส่งมาให้ จากหลายประเทศเลยล่ะ”
   “ต่างประเทศเหรอครับ?”
   “ใช่สิ จะเป็นช่างภาพน่ะต้องเดินทางนะภาพวาด” อาจารย์ยิ้มแล้วเริ่มหยิบรูปออกมาวางทีละใบอย่างระมัดระวัง
   “เอ้อมีจากไอ้เจ้านี่ด้วย ช่วงก่อนเธอสนิทไม่ใช่เหรอ”

   ภาพวาดชะงักไป รู้สึกลำคอแห้งผากยามที่อาจารย์หยิบรูปขนาดใหญ่กว่า2ฝ่ามือส่งมาให้เขา
   ภาพแสงอาทิตย์ที่แสงที่เหลืองทองของมันตัดกับหิมะขาวจนได้บรรยากาศเย็นยะเยือก
   ต่างกับแสงอบอุ่นที่เขาเห็นอยู่ที่ประเทศบ้านเกิดทุกวัน อาทิตย์ดวงเดียวกัน...

   แต่ทำไมความรู้สึกถึงต่างกันขนาดนี้นะ


   “สวยใช่ไหมล่ะ?”

   ภาพวาดเงยหน้ามองอาจารย์สุทัศที่มองมาอยู่ก่อนแล้วก่อนจะพยักหน้ารับ
   “สวยครับ”
   “ได้คุยกันอยู่ไหม? มันรักเธอมากเลยนี่ เห็นเอะอะอะไรก็น้องภาพ”
   “…”
   “นี่มันก็เดินทางไปได้3ปีแล้วนะ”

   ภาพวาดเผลอกำมือแน่น เขาไม่ได้อยากฟังอะไรแบบนี้ และเขาก็ไม่ได้มาที่นี่เพื่อมารับรู้เรื่องพวกนี้ด้วย

   “งานบรรยายของอาทิตย์หน้าที่มหาลัยเราจัดขึ้นน่ะ มันก็จะมาด้วยนะ”
   “ครับ?”
   “ปี4ก็ต้องเข้าฟังด้วยไม่ใช่เหรอ”

   ภาพวาดนิ่งไปเมื่อได้ยินประโยคเมื่อครู่...

   เขากำลังจะกลับมา...กลับมาที่นี่?!


   “วันงานก็ฝากเธอดูแลพวกศิษย์เก่าด้วยเลยนะภาพวาด ดูแลความเรียบร้อยที่ห้องรับรองตั้งแต่7โมง”

   อาจารย์สุทัศหยิบกระดาษที่พิมพ์ตารางเวลากำหนดการส่งให้คนที่ยืนอึ้งอยู่รับไปงงๆ


   “อย่ามาสายล่ะ”








   TBC...



   มาแล้วค่าตอนที่2 #แหะ
   เรื่องนี้ไม่รู้จะประมาณกี่ตอนจบ แต่คงไม่เยอะมาก ฝากติดตามด้วยนะค้า :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-12-2014 23:40:38 โดย akane11 »

ออฟไลน์ shikyu3211

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1537
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-1
อยากให้จบแฮปปี้จัง

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9405
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
คนที่คิดถึงจะกลับมาแล้วใช่ไหมล่ะภาพวาด :z1:

ออฟไลน์ yummiie

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 52
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
อ่านแล้วน้ำตาซึมเลยค่ะ มันเศร้าๆเหงาๆ :mew6:

ออฟไลน์ monetacaffeine

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 681
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-5
จะกลับมาแล้วสินะ .. ดีจัง ^^
อย่างน้อยก็ยังกลับมา ใช่ไหมล่ะ ? อย่างน้อยก็ยังรู้ว่าสบายดี .. ถึงจะติดต่อไม่ได้หรือไม่ได้คุยก็เถอะ
ก็ยังดีกว่าเราเนอะ หายไปแบบตามไม่ได้เลย 5555555 คนอื่นอาจจะบอกว่านาน สามปีอ่ะเนอะ มันก็นานแหละ
แต่ของเราก็ 5 ปีแล้ว ก็รอได้เรื่อยๆนะ .. เข้าใจฟีลภาพแหละ บางทีแบบภาพก็ทรมาน แต่แบบเราก็ทรมานเหมือนกัน
ความทรงจำเกี่ยวกับเค้าก็แทบไม่มีเพราะตอนนั้นเราเด็กมากอ่ะ 5555555 ปลาทองด้วยไง คือจำเรื่องอะไรแทบไม่ได้
แต่ความรู้สึกมันยังอยู่เหมือนเดิมแบบ โหย .. ไม่หายไปไหนเลยอ่ะ ก็ไม่รู้ว่าแบบภาพหรือเราจะเจ็บกว่ากันเนอะ ?

ขอให้จบแฮปปี้นะคะ อย่างน้อยก็เผื่อเป็นกำลังใจให้เราบ้าง (ฮา) ..

ขอบคุณไรเตอร์นะคะที่ทำให้ได้รื้อฟื้นเรื่องราวเก่าๆขึ้นมา ^^
มันก็ดีถ้าได้ขุดความคิดถึงให้มันฟุ้งๆขึ้นมาบ้าง .. ขอบคุณจริงๆค่ะ <3

จะรอติดตามนะคะ  :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ZiiZone

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :sad4: โอ่ยยยย น้ำตาจะไหล โคตรๆเลยอะ

มาต่อไวๆนะ ><!!!! :z13:

ออฟไลน์ Dezzerr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 550
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
ให้บรรยากาศเหงาๆ เศร้าๆ สุดๆๆ
ยิ่งหนาวๆ และโสดแบบเค้าด้วย แงงงง
ขอแฮปเอนด์นะคะ ไม่งั้นเค้าร้องไห้แน่ แงๆ

ออฟไลน์ ทั่วหล้า

  • ไม่ช่างพูดแต่ช่างพิมพ์
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1051
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
ชอบนะอ่านแล้วเหงาๆดี
หนาวๆโสดๆแอบรักยิ่งโคตรจะเหงา ฮือๆๆๆ :sad4:

ออฟไลน์ zuu_zaa

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1

ออฟไลน์ afterday

  • อตด.
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1856/-9
    • afterday's twitter
โคตร..คิดถึง

#3




   “ภาพมึงเป็นไรวะ?”


   พีชเอ่ยปากถามหลังจากเห็นเพื่อนสนิทตัวเองนั่งหน้าหงิกอยู่หน้าจอทีวีที่ฉายละครหัวค่ำ
   แบบที่คนเปิดแม่งคงไม่ได้สนใจ ในมือถือกระป๋องเบียร์ที่เปิดกระดกเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้อยู่อย่างเหม่อลอย

   “…แม่ง” คนเหม่อที่เหมือนจะยังมีสติพึมพำ “พี่แม่งจะกลับมาว่ะ”
   “หะ” พีชเงี่ยหูฟังแล้วลุกจากเตียงไปนั่งแปะข้างๆ “พี่? พี่ทิวเหรอวะ?!”
   “เออ”
   “มึงรู้ได้ไง”
   ภาพวาดเบ้ปากเล็กน้อย ใบหน้าเริ่มแดงด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล “จารย์สุทัศบอก เขาจะมางานสอนน้อง”
   “มึงโอเคป่ะเนี่ยภาพ”
   “ไม่”

   พีชนิ่งไปขยับมือเกาขมับอย่างกังวล คิดว่าไอ้คนตรงหน้านี้มันคงเริ่มเมาแล้ว
   ไม่งั้นคนปากแข็งอย่างมันคงไม่พูดออกมาชัดถ้อยชัดคำแบบนี้

   เห็นปกตินี่เอาแต่พูด กูโอเค กูไม่เป็นไร อยู่นั่น


   “กูไม่อยากเจอแม่ง”

   และเสียงอ้อแอ้ที่สั่นไปด้วยอารมณ์นั้นยิ่งทำให้พีชมั่นใจว่าแม่งเมามากแล้วจริงๆ

   “พี่ทิวแม่งเชี่ย พอกูบอกให้ไปแม่งก็ไป แม่งจะอาลัยอาวณ์กูหน่อยจะตายเหรอวะ 3ปีเลยนะเว้ย 3ปี ไอ้สัด”

   พีชถอนหายใจยาวแล้วเขยิบเข้าไปยกมือลูบหัวลูบหลังภาพวาดอย่างเป็นห่วง
   นานๆทีจะได้เห็นคนตรงหน้าปลดปล่อยความรู้สึกออกมาหนักๆแบบนี้

   “กู…คิดถึงแม่ง” คนที่ก้มหน้าเอนซุกบ่าเขาอยู่พึมพำเสียงแผ่ว แต่ก็ดังพอจะทำให้พีชรู้สึกสะเทือนไปด้วย
   “โคตรคิดถึง”
   “ถามจริงนะมึง ถ้าเขากลับมาจริงมึงไม่ดีใจเหรอวะ”

   คำถามที่ทำให้คนฟังอย่างภาพวาดนิ่งไป ครุ่นคิดอย่างสับสน เขาเองก็ไม่แน่ใจว่าตัวเองรู้สึกยังไงเกี่ยวกับเรื่องนี้
   เขาเองสับสนว่าที่ตัวเองเป็นอยู่นี้คือกำลังรอ…รอให้เขากลับมา หรืออะไรกันแน่

   เขาไม่แน่ใจว่าตัวเองจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมเลยได้ไหม เพียงเพราะแค่อีกฝ่ายเดินย้อนกลับมาหาเขา
   เขาอาจจะมีทิฐิมากเกินกว่าจะปล่อยน้ำตาให้ไหลแล้วโผเข้ากอดอีกฝ่ายเหมือนเด็กขาดความอบอุ่น…

   “ภาพ เหม่อไรวะ”

   เสียงพีชทำให้อีกฝ่ายที่นั่งระลึกและทบทวนความคิดอยู่สะดุ้ง

   “กูไม่รู้”
   “…เจอเขาแล้วมึงจะทำยังไง”
   “กูก็ไม่รู้เหมือนกัน”

   เสียงผ่อนลมหายใจดังขึ้นเบา ๆ  พีชลูบหัวภาพวาดอยู่2-3ครั้ง

   “ยังไงกูก็อยู่ข้างมึงนะเว้ย ไม่ว่ามึงจะเป็นไงรู้สึกไงมึงบอกกูได้นะ”
   “ขอบใจว่ะ…”

   ตอนนี้เขาแค่หวังให้เขาเข้าใจว่าตัวเองต้องการอะไรกันแน่…
   เพราะตอนนี้ในหัวเขามีแต่ภาพของคนคนนั้นวนเวียนไปมาอยู่ไม่หยุดเสียที

   ความคิดถึงที่เขามี ทำร้ายเขามากเหลือเกิน










   ภาพวาดที่ยืนกลัดกระดุมหน้าตาเคร่งเครียดอยู่หน้ากระจก
   ทำเอาคนที่อยู่ในชุดนักศึกษาครบเซ็ทเรียบร้อยแล้วนั่งมองอย่างเป็นห่วง

   “มึงโอเคปะวะภาพ”
   “กูโอเค”

   พอได้คำตอบและรอยยิ้มจอมปลอมกลับมาก็ทำให้พีชรู้สึกแล้วว่านี่แหละเวอร์ชั่นไม่เมา
   3วันที่ผ่านมาแม่งกินเหล้าไม่หยุดเดี๋ยวพึมพำเดี๋ยวโวยวายไม่อยากเจออยู่นั่น นี่คงตั้งสติได้แล้วล่ะมั้ง

   “เดี๋ยวกูไปช่วยมึงเตรียมงานนะภาพ”
   “เออ ใจมากนะ”
   “ให้กูดูแล…เอ่อ…เขาแทนไหม”
   “ก็ดี”
   “ภาพ…ถ้ากูเป็นมึงนะ คนอย่างกูคงจะพุ่งไปหาเขาตั้งแต่ลงจากเครื่องบินแล้ว”
   “…”
   “รู้ว่ามันยาก…แต่ลองลืมอะไรก็ตามข้างในแล้วคิดดี ๆ ว่าต่อไปนี้เขาสำคัญและจำเป็นต่อมึงแค่ไหน”

   ภาพวาดหยุดมือที่กำลังจะกลัดกระดุมเม็ดสุดท้ายไว้ แล้วหันกลับไปมองเพื่อนของตน
   ถ้อยคำทุกประโยคที่อีกฝ่ายพยายามเตือนสติเขาไม่สูญเปล่า…เพียงแต่…

   “ขอบใจว่ะมึง”

   สิ้นคำ พีชก็ถอนหายใจแล้วลุกขึ้นมาตบบ่าเพื่อนสนิทเบาๆ “ไปเหอะ จะ6โมงครึ่งแล้ว”

   ระยะทางจากหอจนถึงมหาลัยจากที่เคยคิดว่าก็ไม่ได้ใกล้อะไร
   แต่ทำไมวันนี้มันกลับใกล้เสียเหลือเกิน หรือว่าเป็นเพราะใจข้างนั้นมันภาวนาอยู่ร่ำๆว่าไม่อยากให้ถึงหน้าประตูเร็วๆ
   อยากยืดเวลาให้มันมากกว่านี้ สักนาทีสักชั่วโมง หรือเลื่อนวันออกไปอาทิตย์หน้าสัปดาห์หน้าไปเลยก็ได้
   แต่ในอีกมุมนึงของจิตใจ ระยะเวลา3ปีที่ผ่านมามันก็อาจจะนานพอแล้วสำหรับการรอคอย…





   อย่างที่คิดว่าพอถึงงานแล้วก็มีศิษย์เก่ารักมหาลัยหลายคนที่ยืนรอเดินไปเดินมาอยู่หน้าคณะ
   แบบที่คนมีหน้าทีก็ต้องรีบเข้าไปทัก ไม่รู้จะมากันเร็วอะไรขนาดนี้ นี่เพิ่ง7โมงเองนะ

   08:30 เปิดงาน
   09:00 หัวหน้าภาควิชากล่าวถึงวัตถุประสงค์ของงาน
   09:30 ศิษย์เก่าให้คำแนะนำ พูดคุยประสบการณ์เดินทาง
   11:00 บรรยายเทคนิคการถ่ายภาพ
   12:00 พักทานอาหารกลางวัน
   13:00 กิจกรรมร่วม

   ภาพวาดกวาดตามองกำหนดการอีกครั้งก่อนจะเอ่ยปาก

   “เอ่อ…พี่ๆศิษย์เก่าใช่ไหมครับ”

   บรรดาศิษย์เก่า2-3คนที่ยืนอยู่ก็หันมาทางต้นเสียงทันทีแล้วพยักหน้ารับ
   ส่งยิ้มเป็นมิตรมาให้รุ่นน้องตรงหน้า

   “ผม ภาพวาดนะครับ เรียกภาพก็ได้ วันนี้ผมมาดูแลพวกพี่ๆ เดี๋ยวเชิญที่ห้องรับรองชั้น2ก่อนเลยดีกว่า”

   ว่าแล้วคนอายุน้อยกว่าก็ผายมือไปทางลิฟท์ แล้วเดินนำพาขึ้นไปที่ห้องรับรอง

   “เดี๋ยวอีกชั่วโมงกว่าถึงจะเปิดงาน ยังไงพี่ๆนั่งพักกินของว่างกันก่อนนะครับ”

   ภาพวาดเอ่ยปากเสียงสุภาพแล้วช่วยพีชที่ไปยกถาดขนมปังและนมสดพร้อมน้ำขวดมาวางลงที่โต๊ะให้บรรดารุ่นพี่ทีละคน
   จนถึงคนสุดท้าย พีชก็มากระซิบขอไปช่วยอาจารย์ดูไฟตรงหอประชุม แล้วก็หายออกไป

   กวาดตามองรุ่นพี่ที่ทำตัวตามสบายชนิดที่ถอดรองเท้าแล้วนอนกระจายกันตามโซฟา อาร์มแชร์กันอย่างเอกเขนก
   แล้วก็เบาใจ…คนนั้นยังไม่มา…

   มองๆแล้วพี่บางคนเหมือนเพิ่งลงจากเครื่องมาเลยด้วยซ้ำ
   อย่างพี่คนนั้นที่นอนเอาหนังสือปิดหน้าอยู่ลากกระเป๋าเดินทางใบเบ้อเริ่มมาเสียด้วย

   “น้องภาพ มานั่งสบายๆเถอะ พวกพี่ก็นักศึกษาที่นี่ ดูแลตัวเองได้ครับ”

   ภาพวาดเผลอสะดุ้งเมื่ออยู่ๆพี่ที่นอนปิดหน้าปิดตา ก็หยิบหนังสือออกจากหน้าแล้วลืมตาเอ่ยปากกับเขา

   “อ๋อครับ” คนอายุน้อยกว่าพยักหน้ารับแล้วเดินมานั่งที่โซฟาข้างๆ
   “พี่ชื่อโฬม รุ่น102 น่าจะมากกว่าเราสัก5-6ปีมั้ง”
   “ครับ ผมรุ่น 108”
   “เรียนเป็นไงบ้างล่ะ ปีสี่ใช่ไหม?” อีกฝ่ายถาม ภาพวาดก็พยักหน้ารับ “คิดรึยังว่าเรียนจบจะเดินทางไปไหน”
   “เอ่อ…ผมคงหางานทำก่อนน่ะครับแล้วค่อยคิด”
   “อะไรกัน เรียนจบใหม่ๆ ไฟยังแรง เอาแรงกระตุ้นนั้นออกเดินทางหาแรงบรรดาลใจดีกว่ามั้ง” อีกฝ่ายว่าแล้วดีดตัวลุกขึ้นนั่ง
   “…”

   ความจริงแล้วเขาก็อยากจะเดินทางไปเรื่อยๆ เก็บสะสมภาพแล้วเปิดงานแสดงเหมือนกัน
   แต่เด็กอายุเท่าเขามันคงยาก แล้วก็ไม่ได้มีเงินขนาดนั้นด้วย

   “หึ” โฬมที่นั่งมองหน้าครุ่นคิดของรุ่นน้องตัวเล็กตรงหน้าอยู่สักพักก็หัวเราะเบาๆในคอ

   เด็กตรงหน้าดูสับสนเหมือนเขาเมื่อหลายปีที่แล้วไม่มีผิด…วันที่ใกล้จะเป็นผู้ใหญ่ วันที่จะพ้นจากวัยเรียนครั้งแรกในชีวิต

   “ถ้าเราสนใจนะ ต้นปีหน้าพี่จะมีไปถ่ายงานที่สวิต ถ้าเราสนใจอยากไปด้วยก็ติดต่อมาได้”

   เขาว่าแล้วล้วงหยิบการ์ดใบเล็กในกระเป๋าเสื้อส่งให้ภาพวาด
   เจ้าตัวก็มองตามแผ่นกระดาษสีดำใบเล็กที่รับมาในมือ

   “พี่…คุณโฬม ราเชนทร์” ภาพวาดอ่านชื่อในการ์ดแล้วเบิกตาขึ้นเล็กน้อย เงยหน้ามองคนตรงหน้าอีกครั้งทันที

   “เจ้าของงานแสดงสีขาวในความคิดที่จัดเมื่อกลางปีที่แล้ว?!”

   “อะไรกัน รู้จักชื่องาน แต่ไม่รู้จักหน้าคนถ่ายเนี่ยนะ”

   ภาพวาดกระตุกยิ้มแหยทั้งที่หัวใจเต้นแรงอย่างรู้สึกได้ จะเรียกว่าไอดอลเลยก็ว่าได้
   คนตรงหน้าเป็นช่างภาพที่เขาโคตรชอบ สไตล์การถ่ายแบบมินิมอลที่น่าหลงใหล
   เรื่องราวมากมายในภาพที่ดูเหมือนไม่มีอะไรนั่นยังตราตรึงในความคิดอยู่ไม่หายไปไหน

   “คือ…ไม่คิดว่าพี่จะยังดูวัยรุ่นแบบนี้”
   “ทำไม? ภาพพี่เหมือนคนแก่ถ่ายเหรอ?”
   “เปล่าครับ คือว่าพี่ไปหลายประเทศมาก…เลยคิดว่าน่าจะมีอายุกว่านี้”

   คำตอบที่ทำให้คนฟังหัวเราะอย่างพอใจ

   “พอดีพี่หัวรั้นน่ะ ไม่ยอมทำงานแบบมั่นคง” โฬมว่าเสียงกลั้วหัวเราะ “เลยเอาเงินเก็บออกเดินทาง เที่ยวไปทำงานไป คุ้มดีนะ”

   ภาพวาดมองคนตรงหน้าอย่างชื่นชม ทำไมเรื่องพวกนี้เขาจะไม่รู้บทสัมภาษณ์เป็นสิบเป็นร้อยเล่มเขาอ่านมาหมดแล้ว
   แต่ไม่รู้ทำไมไม่ว่าหนังสือเล่มไหนก็ไม่มีรูปเจ้าของภาพลงเลยสักรูป

   “ไม่รู้ว่าถามได้ไหม…” ภาพวาดคิดลังเลอยู่ในใจสักพักแล้วก็เอ่ยปากจนได้ “ทำไมพี่ไม่เปิดเผยรูปเลย”
   “อ๋อ…เผอิญพี่หยิ่งอ่ะ”

   คำตอบประหลาดที่ทำเอาคนถามนั่งหน้ามึน แต่เหมือนอีกฝ่ายจะรู้เลยหัวเราะแล้วโบกมือปัดไปมา

   “ล้อเล่นน่ะ คือบ้านพี่รวย นามสกุลพี่ค่อนข้างดัง พี่ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่เลยไม่อยากเปิดเผยตัว”
   “เกี่ยวไรอ่ะพี่?”
   “อ้าว เดี๋ยวจะว่าใช้เส้นสายประสบความสำเร็จไง เลยย้ายไปใช้นามสกุลยาย แล้วก็ไม่ออกสื่อ”

   ภาพวาดฟังแล้วก็พยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วย

   “ไง เท่ล่ะสิ ดูมองเข้า”
   “ครับเท่ดี”
   “ภาพ! มาช่วยกูขนกรอบรูปหน่อยดิ!”

   พอจบคำสุดท้ายไปได้ไม่นานเสียงของพีชก็ดังขึ้นมาจากหน้าประตู
   ให้ภาพวาดหันไปมองก็เจออีกฝ่ายกำลังแบกกล่องกระดาษสี่เหลี่ยมสีขาวหลายกล่องที่คิดว่าภายในน่าจะบรรจุกรอบรูปไว้ข้างใน

   ว่าแล้วก็รีบขอตัวจากรุ่นพี่ที่ชื่นชมแล้วลุกพรวดไปหาเพื่อนทันที



   “มึงเอากองนี้ไปไว้ที่หลังเวทีนะ เดี๋ยวกูไปขนมาอีก อยู่ในรถอาจารย์สุทัศเพียบเลย”

   ภาพวาดพยักหน้า แล้วอ้าแขนรับกล่องกระดาษในมือพีชมาถือด้วย2มืออย่างทุลักทุเล พยายามเบี่ยงหน้ามองทางเดิน
   พอถึงประตูหลังเวทีคนที่มีของเต็มมือก็พยายามใช้ศอกดันลูกบิดให้เปิดออก ใช้เวลาอยู่นานจนเริ่มจะถอดใจ
   ไอ้จะย่อตัวส่งของในมือลงพื้นก่อนก็ลำบากเหลือเกิน

   คิดอยู่ไม่นานก็มีมือปริศนามาช่วยหมุนลูกบิดเปิดประตูให้

   ภาพวาดเอ่ยขอบคุณแล้วรีบก้าวขาเข้าไปวางของในมือลงที่โต๊ะ
   ก่อนจะรีบเดินออกจากห้องไปหาคนที่เข้ามาช่วยเหลือเมื่อครู่เพื่อไปขอบคุณอีกรอบ


   “เอ่อ…ขอบคุณมากนะครับที่-”

   ไม่ทันได้พูดต่อจนจบ คำพูดก็สะดุดลงและเงียบเสียงไปเพื่อพบว่าคนที่มาช่วยเปิดประตูเมื่อกี้ไม่ใช่ใครที่ไหน…
   วินาทีที่สบนัยน์ตาคู่ที่เห็นครั้งสุดท้ายเมื่อ3ปีก่อน เขาก็ใจกระตุกวาบเผลอกัดฟันแน่นอย่างไม่รู้ตัว

   ภาพวาดสะดุ้งเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายสืบเท้าเข้ามาใกล้ ในระยะไม่ถึงเมตร
   จนเขาเผลอถอยเท้าหนีทำให้อีกฝ่ายหยุดระยะห่างไว้ที่ประมาณ2ไม้บรรทัด แต่มันก็ใกล้ไปอยู่ดี…

   เมื่อเทียบกับระยะหลายหมื่นพันไมล์ที่ผ่านมา


   “สวัสดีครับคุณทิวทัศน์”

   เสียงเขาสั่นเล็กน้อยยามเอื้อนเอ่ยถ้อยคำ ก่อนเจ้าตัวจะรีบปรับโทนเสียงให้ปกติ

   “วาด”

   “เชิญที่ห้องรับรองครับ”

   ภาพวาดรีบเอ่ยคำสวนไปก่อนที่อีกฝ่ายจะได้เอ่ยปากคุย แล้วผายมือไปทางทิศห้องพักด้านขวา ก้มหน้ามองพื้นนิ่ง
   ได้ยินเสียงถอนหายใจเล็กน้อยจากคนข้างๆ ก่อนจะรู้สึกได้ถึงสัมผัสเบาๆที่แปะลงตรงหัว
   พอสะดุ้งเงยหน้าขึ้นก็เห็นแค่หลังของคนคนนั้นกำลังห่างไปเรื่อยๆแล้ว

   ภาพวาดกำมือแน่นจนเริ่มเจ็บ

   ‘วาด’

   เสียงทุ้มที่คุ้นเคย และสรรพนามที่ไม่มีใครใช้เรียกเขาทำเอาใจสั่นหน่วงอย่างรุนแรง


   เขากลับมาแล้วจริงๆ เราอยู่ประเทศเดียวกันแล้ว…








   TBC...



   ตอนที่3มาแล้วค่ะะ อ่านคอมเม้นแล้วชื่นใจที่มีคนรู้สึกเหงา ๆ ไปด้วยกัน แหะ ๆ
   อ่านคอมเม้นของคุณ monetacaffeine แล้วหวิว ๆ  เป็นกำลังใจให้เสมอนะคะ สักวันจะเป็นวันของเราเนอะ
   บางทีความทรงจำก็ทำให้เรารู้สึกได้หลากหลายจริง ๆ

   แล้วเจอกันตอนหน้านะคะ :pig4:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-01-2015 23:16:56 โดย akane11 »

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9405
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
ถ้าพี่ทิวยังเป็นคนเดิม ไม่เปลี่ยนไป ก็ดีนะภาพ :katai2-1:
คำถามของเพื่อนช่างกินใจ เขายังสำคัญกับเราอยู่ไหม บางทีต้องวางทิฐิลงนะ เพื่อความสุขของเราเองนี่แหละ :กอด1:

ออฟไลน์ monetacaffeine

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 681
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-5
โอ้ ขอบคุณจริงๆนะคะที่กล่าวถึง สำหรับกำลังใจด้วยค่ะ แฮ่ะๆ
ตอนพิมพ์เหมือนสติไม่ค่อยอยู่กับตัวเท่าไหร่ ฮือ กลายเป็นมาพูดเรื่องตัวเองในนิยายซะอย่างงั้นต้องขอโทษจริงๆนะคะ
อ่านตอนนี้จบอยากจะสกรีมดังๆแล้วเข้าไปกอดวาดเลยค่ะ คือเข้าใจสุดๆ 555555555555555
ก่อนหน้านี้ก็เคยมีเหตุการณ์ประมาณนี้เหมือนกันค่ะ แต่ของเราคือเลิกกันไปแล้วเค้ามาง้อ เรานี่แบบนี้เลยค่ะ
จะให้รู้สึกยังไงล่ะ ? ฉันควรจะกลับไปเลยไหม ? สุดท้ายก็ .. ไม่กลับค่ะ! หยิ่ง ทิฐิ สุดแล้วแต่จะเรียกไม่ต่างจากที่วาดทำเลย
แล้วก็มานั่งนึกเสียดายแบบที่สุดของที่สุดตอนนี้นี่แหละค่ะว่าทำไมตอนนั้นถึงทำตัวแบบนั้นเนี่ย T _______ T
ก็เหมือนอย่างที่พีชบอกแหละค่ะ คิดดูดีๆว่าจริงๆแล้วเค้าสำคัญและมีความหมายมากแค่ไหน
มารู้ตัวในตอนที่สายไปแล้วอ่ะเนอะ .. แต่ไม่โทษวาดเลยซักนิดเพราะเข้าใจมากๆค่ะว่าตอนนั้นอ่ะ ใครเตือนใครพูดอะไรก็ไม่เชื่อไม่ฟัง ในหัวมันมีแต่ 'ทำไมเค้าต้องทำแบบนั้นกับเรา(ทิ้งเราไป)' 'ที่มาอ้อนวอนขอคืนดีมันเทียบไม่ได้กับน้ำตาที่เราเคยเสียไปหรอกนะ!' นู่นนี่นั่น อีกเยอะค่ะ สารพัดจะยกมาให้ไม่กลับไปหา พอสุดท้ายเค้าหายไปจริงๆก็ได้แต่ทรมานคนเดียว
ไม่อยากให้วาดเป็นแบบนั้นนะคะ . ___ .
ไม่อยากให้ตกปากรับคำบินตามช่างภาพคนนั้นไปด้วย T T .. โอกาสเป็นไปได้มันสูงมากๆเลยแหละ
เพราะถ้าเป็นเราอยู่ในสถานการณ์เดียวกันเราไปแน่ค่ะ คงแบบ พี่ทำได้ ทำไมเราจะทำไม่ได้บ้าง (อยากไปส่วนนึงแต่ประชดเป็นหลักค่ะ 555555) แอบสงสารพ่อหนุ่มพระรองเหมือนกันนะคะ เปิดมาก็คว้าตำแหน่งพระรองไปแบบเต็มๆเลย แฮ่ ..
ยังไงก็จะรอติดตามต่อนะคะ .. เป็นกำลังใจให้ผู้เขียนเช่นกันค่า ~ Happy New Year ล่วงหน้านะคะ ♡

ออฟไลน์ Dezzerr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 550
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
หน่วงๆ จังเลยยยย
อยากรู้เหตุผล เบื้องลึกเบื้องหลัง
มาต่อเร็วๆ นะคะ  :กอด1:

ออฟไลน์ kyungploy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
แฮปปี้เอนด์ใช่มั้ยคะ ; w ;

ออฟไลน์ shikyu3211

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1537
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-1
ได้เจอกันแล้ว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Sirada_T

  • We Will [Luk] You!!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 454
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
น้ำตาไหลเลยง่ะ.... ถ่ายภาพเหมือนกัน เข้าใจฟิลที่นั่งเหม่อๆแบบมึนๆเลย... มันใช่อ่ะนั่งเงียบๆในความวุ่นวาย...

ออฟไลน์ pipoo

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 326
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
    • https://twitter.com/dokpeepo
เศร้า รอติดตาทนะตะ

ออฟไลน์ suck_love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
อ่านแล้วน้ำตาจะร่วงค่ะ การคิดถึงใครซักคนมันทรมานจริงๆ

ออฟไลน์ ammamooty

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1056
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-2
อยากอ่านต่อแล้วอ่ะ สงสารภาพ ฮื่อออ

ออฟไลน์ Celestia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 833
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
น้ำตาจะไหล มันหน่วงใช่เล่นเลยค่ะ TAT

ออฟไลน์ afterday

  • อตด.
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1856/-9
    • afterday's twitter
โคตร..คิดถึง

#4



   ใบหน้า ท่าทาง บุคลิค น้ำเสียง และสายตา ทั้งหมดทั้งมวลของคนตรงหน้ายังคงเหมือนกับภาพในความคิด
   ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม…ทุกอย่างที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตา

   แต่ความรู้สึกและความคิดข้างในยังคงเดิมไหม

   เขาเองก็ไม่แน่ใจ

   ความคิดถึงที่มีอยู่มันกำลังอาละวาดหนัก มันคลุ้มคลั่งอยุ่ข้างในจนอยากจะปีนขึ้นเวทีไปคว้าร่างสูงนั่นมากอดแน่น ๆ
   แต่นอกเหนือจากความคิดถึงที่แผ่คลุมอยู่นั้นยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่เพิ่มขึ้นมา นั่นคือความกลัว
   ความกลัวกำลังเกาะกุมหัวใจอย่างกะทันหัน

   กลัว…

   กลัวใจตัวเอง

   กลัวใจคนตรงนั้น

   กลัวมันไม่เหมือนเดิม

   กลัวความเปลี่ยนแปลง



   เสียงทุ้มที่ยังคงก้องอยู่ในความคิดทุกช่วงจังหวะชีวิตกำลังดังอยู่ในปัจจุบัน
   เป็นประโยคใหม่ ๆ ที่เขาไม่ได้ได้ยินในความทรงจำอีกแล้ว คนคนนั้นกำลังจับไมค์พูดอยู่ตรงหน้าเขา

   สายตาคมนั่นเหลือมองมาที่เขาเป็นระยะ แบบที่ตัวภาพวาดเองก็หลุบตาต่ำหนีเสมอที่สบตากัน
   ชั่ววินาทีเดียวที่ประสานสายตาก็ทำให้ใจกระตุกวูบ


   “เดี๋ยวพักทานอาหารกลางวันกันก่อน บ่ายโมงตรงกลับมาเจอกันอีกครั้งแล้วเริ่มกิจกรรมเวิร์คชอปกันครับ”

   สิ้นเสียงพิธีกรพูดภาพวาดก็ลุกพรวดทันที
   หางตาเห็นทิวทัศน์กับจะก้าวลงจากเวทีมาทางเขา

   ยังไม่อยากคุย…


   “โอ๊ะ!”

   ก้าวยาว ๆ แบบไม่ลืมหูลืมตาจนชนเข้ากับของแข็ง ๆ เกือบล้มหงายกระแทกพื้น ติดที่ตรงมีมือหนาฉุดข้อมือไว้

   “อะ…ขอบคุณครับพี่โฬม”
   “อะไรเรา หิวมากเหรอรีบเดินเชียว” ใบหน้าคมจ้องมองเขาอย่างล้อเลียน ปากบางฉีกยิ้มกว้าง
   “เอ่อ…ครับ” คนถูกล้อยกมือเกาหัวแล้วหัวเราะแฮะ ๆ อย่างไม่รู้จะตอบว่าอะไร
   “ไปกินข้าวด้วยกันไหม?”

   ภาพวาดเงยหน้าขึ้นมองรุ่นพี่แล้วเลิกคิ้ว

   “ครับ?”
   “อยากไปกินที่โรงอาหารคณะ ไม่ได้ไปนานแล้ว ไปกับพี่ไหม?”
   “เอ่อ…”
   “พี่โฬมสวัสดีครับ”

   ไม่ทันได้เอ่ยปากตกลงเสียงทุ้มที่แค่ได้ยินโดยไม่ต้องหันไปมองคนพูดก็ทำเอาภาพวาดสะดุ้งเขยิบตัวหนีก็ดังขึ้นข้างหลัง
   โฬมปล่อยมือจากข้อมือของภาพวาดแล้วหันไปมองคนมาใหม่ที่เข้ามาทัก ก่อนจะยิ้มให้

   “ว่าไงทิวทัศน์ ไม่ได้เจอกันนานนะ เดินทางครั้งแรกเป็นไงบ้างล่ะ”
   “ดีครับ เจอคนเยอะแยะสนุกดี”

   คำตอบสบาย ๆ ที่ดูจะสนุกอย่างที่พูดจริง ๆ ทำคนฟังอย่างภาพวาดเริ่มกำมือแน่น…

   เดินทางไปโดยไม่มีเขามันสนุกมากสินะ…


   “ดีแล้ว คราวต่อไปจะเดินทางไปไหนอีกล่ะ คิดไว้รึยัง”

   ประโยคคำถามของโฬมที่เจ้าของคำพูดไม่รู้เลยว่า ถ้อยคำของเขาทำใครบางคนเจ็บจี๊ดขึ้นมาทันที

   “ยังไม่รู้เลยครับ”
   “พี่มีแผนจะเดินทางไปสวิต ชวนน้องภาพไปด้วยพอดี ยังรออยู่เลยว่าจะไปไหม”

   โฬมว่าต่อแล้วหันมองคนที่อ้างถึง แบบที่ภาพวาดก็เงยหน้ามองกลับทันที
   ท่าทางนั้นทำคนมองอย่างทิวทัศน์เริ่มกำหมัด

   “…”
   “เอ่อ…งั้นผมขอตัวเลย-”
   “ไปกินกับพี่เลยสิ” โฬมว่าแทรกคำพูดภาพวาดขึ้น “ไปด้วยกันไหมทิว?”
   “ผมขอตัวก่อนแล้วกันนะครับพี่โฬม คือเพื่อนผมรออยู่ ขอโทษนะครับ”

   ภาพวาดสวนคำอย่างรวดเร็วไม่รอให้คนข้าง ๆ เอ่ยปากตอบ
   ก่อนจะวิ่งไปหาพีชที่เห็นยืนคุยกับอาจารย์อยู่ทางด้านโน้นทันที

   โฬมมองตามเด็กหนุ่มที่ละล่ำละลักพูดแล้วกึ่งวิ่งหนีไปยิ้ม ๆ

   “น่ารักดีนะ”
   ทิวทัศน์หันขวับมองคนพูดทันที “ครับ?”
   “คุยแล้วน่ารักดี เหมือนเห็นตัวเองเมื่อก่อน” โฬมว่า สายตายังคงจับจ้องไปทางทิศทางที่เด็กหนุ่มที่ว่าเพิ่งวิ่งไป
   ทิวทัศน์เม้มปากแน่น “ผมขอตัวก่อนแล้วกันนะครับพี่โฬม”
   “อ้าว โอเค ๆ  แล้วเดี๋ยวคุยกันใหม่นะ”

   ทิวทัศน์ยกมือไหว้รุ่นพี่ร่วมสถาบันแล้วเดินเลี่ยงออกมา…ทางทิศเดียวกับที่คนของเขาเพิ่งหายไป


   “เป็นไงบ้างมึง?” พีชที่เพิ่งพยักหน้ารับคำอาจารย์ หันมาเห็นภาพวาดวิ่งเข้ามายืนหอบนิด ๆ อยู่ข้าง ๆ พอดี
   “ไปกินข้าวเหอะ ไปกินนอกมหา’ลัยก็ได้”
   “ไม่กินโรงอาหารมหา’ลัยล่ะวะ หรือจะไปกินที่เขาจัดไว้ให้?”
   “ไม่เอา! ไปเหอะ เดินไปจากตรงนี้ก่อนก็ได้”
   พีชขมวดคิ้วเมื่อเห็นท่าทางเร่งรีบผิดปกติของเพื่อนตัวเอง “เป็นไรของมึงเนี่ย ใจเย็นดิ๊”

   “วาด”

   เจ้าของชื่อตัวแข็งทันทีที่ได้ยินเสียงทุ้มนั่นตามมาหลอกหลอน
   เขาเขยิบมายืนหลังพีชอย่างรวดเร็ว จนคนที่ถูกใช้เป็นที่กำบังถอนหายใจเบา ๆ เมื่อรู้เหตุผลของอาการผิดปกตินั่นแล้ว

   “หวัดดีครับพี่ทิว”
   “ไงพีช สบายดีนะ”
   พีชพยักหน้ารับ “สบายดีครับ…แต่คงเป็นผมคนเดียวนะ”

   ถ้อยคำกึ่งจะประชดอยู่กลาย ๆ ทำคนฟังอย่างทิวทัศน์กัดริมฝีปากล่างตัวเองแล้วมองหน้าพีชอย่างขอโทษ…

   ขอโทษที่ทำให้เพื่อนของเขาเสียใจ

   “วาด…”
   “พีชไปกินข้าวเหอะ!”

   และเป็นอีกครั้งที่ภาพวาดรีบเอ่ยปากขัดคำของอีกฝ่าย แต่คราวนี้คนอย่างพีชคงไม่ปล่อยผ่าน
   เขาหมุนตัวไปทางภาพวาดแล้วจับไหล่มองสบสายตา

   “ภาพ…มึงหนีมานานเกินไปแล้วนะ”
   “กู…”
   “กูขอล่ะ เพื่อตัวมึงเอง”

   พีชว่าสรุปอย่างไม่สนใจคำแย้งที่กำลังจะหลุดออกจากปากเพื่อน แล้วตบบ่าเจ้าตัวเบา ๆ
   ก่อนจะหันมามองตัวต้นเรื่องอย่างแอบจะขู่นิด ๆ

   ซึ่งทิวทัศน์ก็สบตากลับแล้วพยักหน้าลงเพื่อไม่ให้อีกฝายต้องกังวล
   พอพีชเดินหายไปแล้ว ภาพวาดก็เม้มปากแน่นพยายามมองหาทางหนีทีไล่
   แต่คนโตกว่าก็ไม่ปล่อยให้เจ้าตัวหาเจอ มือหนาคว้าเข้าที่ข้อมือแล้วลากดึงออกจากตรงนั้น
   แบบที่เจ้าของมือก็พยายามยื้อยุด แต่ด้วยแรงแค่นั้นไม่เป็นผลอะไร

   สุดท้ายทั้ง2ก็มายืนอยู่หน้าห้องรับรองที่ตอนนี้ไม่มีคนอยู่ในบริเวณนั้นแล้ว
   แบบที่ฝ่ายภาพวาดก็เบนสายตาหนี และฝ่ายทิวทัศน์ก็จ้องใบหน้าปั้นยากของเจ้าตัวไม่วางตา

   “วาด…”
   “…” คราวนี้เจ้าของชื่อเม้มปากนิ่ง ไม่มีบุคคลที่3ให้พูดเบี่ยงประเด็นอีกแล้ว
   “พี่ขอโทษ”
   “…”
   “พี่น่าจะกลับมาให้เร็วกว่านี้”
   “…”
   “ขอโทษที่ปล่อยให้รอนะ”

   มือหนาเอื้อมไปจับที่ต้นแขนของอีกฝ่าย แต่เจ้าของแขนก็ขยับหนี ให้ทิวทัศน์ชะงักไปกับท่าทางถอยห่างนั่น

   “วาด…พี่คิดถึง”

   คราวนี้นัยน์ตาที่เริ่มแดงนิด ๆ ตวัดขึ้นมองอย่างโกรธ ๆ ทันที
   สายตาที่ทำให้คนถูกมองต้องกลืนน้ำลาย แล้วคว้าตัวเล็ก ๆ ตรงหน้าเข้ามากอดแน่น

   “ปล่อย!”
   “วาด…”
   “บอกให้ปล่อยผมไง!”
   “เรียกพี่ทิวแล้วแทนตัวเองว่าวาดก่อนพี่ถึงจะปล่อย”
   “ไม่! ผมบอกให้คุณปล่อยผม” มือเล็กสะบัดไปมากระแทกที่หลังจนทิวทัศน์เริ่มหลับตาเพราะความเจ็บ

   แต่มือหนาและแขนแข็งแรงนั่นก็ยังกอดรัดแน่นไม่ปล่อย ซ้ำยังรั้งเข้าหาอกตัวเองมากกว่าเดิมเสียอีก
   ไออุ่นที่กำลังได้รับนั้นทำให้ภาพวาดเริ่มหยุดอาละวาดลงทีละนิด หยดน้ำตาเริ่มกลิ้งลงตามเรือนแก้มไม่หยุด
   ความรู้สึกที่ชัดเจนที่สุดในตอนนี้ ความรู้สึกที่แม้จะพยายามกลบเกลื่อนและฝังมันไว้ลึกแค่ไหนก็ตามก็ยังคงดังก้องอยู่ไม่หยุด

   แม่ง…คิดถึง…โคตรคิดถึง


   “พี่คิดถึงวาด…”

   และประโยคที่สะท้อนอยู่ในหัวไปมานั่นกลับเป็นอีกฝ่ายที่พูดออกมาเสียเอง


   ทิวทัศน์กดจูบลงที่กระหม่อมของคนที่ตัวเองกอดอยู่เบา ๆ

   ไม่ใช่ว่าเขาไม่คิดถึง…คิดถึงจะแย่อยู่แล้ว

   เมล์หาก็ไม่ตอบ ติดต่อก็ไม่ได้ จดหมายส่งไปก็ถูกตีกลับ เหมือนอีกฝ่ายจะโกรธจนตัดเขาออกจากชีวิตไปแล้ว…
   เขาผิดเองที่ผิดสัญญา แต่เขาไม่เคยลืมว่ามีใครอยู่ที่นี่…

   “วาด…”

   ทิวทัศน์ผละตัวออกมองหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาของภาพวาด
   เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ที่เขาเอ่ยเรียกชื่ออีกฝ่ายอย่างอ้อนวอน
   แม้เจ้าตัวจะไม่ตอบ แต่เขาก็ไม่คิดจะหยุดเรียก

   เพราะนี่เป็นโอกาสในรอบหลายปีที่เขาจะเรียกชื่อคนในใจของตัวเอง แบบที่เจ้าตัวก็รับรู้

   “พอใจรึยัง…ปล่อยผมได้แล้ว”
   “วาด…พี่ขอโทษ”
   “ครับ รับรู้แล้ว”

   ทิวทัศน์ทำหน้าอ้อนแล้วย่อตัวลงเพื่อพยายามมองหน้าคนที่ก้มหลบเขาอยู่
   เด็กน้อยดื้อรั้นของเขากลับมาอีกแล้ว…

   “พี่คิดถึง”
   “ครับ”
   “พี่รักวาดนะ”
   “…”

   “อ้าว…”

   เสียงบุคคลที่3แทรกขึ้นมาเหมือนอุทาน ทำเอาภาพวาดหันไปทางอื่นแล้วรีบปาดน้ำตาไว ๆ

   “มาทำไรกันตรงนี้ล่ะ?” โฬมเอ่ยถามอย่างประหลาดใจแล้วก้าวเท้าเข้ามาใกล้
   “คุยกันนิดหน่อยน่ะครับ พี่โฬมมีอะไรรึเปล่า” ภาพวาดหันกลับมาเอ่ยตอบด้วยท่าทางปกติที่สุด

   แบบที่คนมาใหม่ก็ไม่ได้เอ่ยถึงรอยแดงฉ่ำน้ำรอบดวงตานั่น เขามองนิ่งอยู่เล็กน้อยแล้วยิ้มรับ

   “พี่มาหยิบกล้องน่ะ จะเอาไปสอนน้องตอนบ่าย”
   “อ๋อ เดี๋ยวผมเปิดประตูให้นะครับ” ภาพวาดว่าแล้วเดินเบี่ยงตัวออกห่างจากทิวทัศน์เดินเข้าห้อง

   โฬมเองสบตาทิวทัศน์ยิ้ม ๆ เล็กน้อยแล้วก็เดินตามภาพวาดเข้าไป

   “เป็นอะไรรึเปล่าน่ะเรา”
   ภาพวาดที่เดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ตรงโซฟาหันมามองโฬม “ครับ?”
   “ตาแดง ๆ นะ ทะเลาะกันรึเปล่า?”
   เจ้าตัวส่ายหัว “เปล่าครับ”

   โฬมยิ้มมุมปากเอื้อมมือไปวางมือที่กลุ่มผมของภาพวาด แล้วเดินต่อไปหยิบกระเป๋ากล้องขึ้นสะพาย

   “ไปกินข้าวได้แล้วมั้งเราน่ะ”
   “ครับ”

   ภาพวาดตอบรับแล้วก้าวขาตามโฬมเพื่อออกจากห้อง พอเดินพ้นประตูมาก็เจอทิวทัศน์ยืนพิงระเบียงหน้าตาบูดบึ้งอยู่
   ใบหน้าแบบนี้เหมือนเมื่อก่อนไม่ผิด…เหมือนตอนที่ไม่พอใจเวลาหึงเขากับใครสักคน

   “ทิวกินข้าวรึยังล่ะ?”
   “ยังครับ พี่โฬมกินแล้วเหรอครับ?” ทิวทัศน์ปรับสีหน้าให้ปกติแล้วหันไปคุยกับโฬมตอบ
   “กินแล้วล่ะ แต่เหมือนภาพจะยัง” โฬมว่าแล้วหันมองคนข้างตัว “ให้พี่ไปด้วยไหม?”
   “เดี๋ยวผมไปกินเป็นเพื่อนน้องเองครับ”
   “โอเค” โฬมยิ้มมุมปากแล้วมองหน้าคนที่ตอบแทนอย่างทิวทัศน์ ก่อนจะหันมาทางภาพวาด “เจอกันในห้องเวิร์คชอปนะ”

   เขาแตะมือลงที่หลังภาพวาดแล้วเดินผ่านทิวทัศน์ไปให้คนที่ยังยืนอยู่เงียบสนิทไม่รู้จะพูดอะไร

   “…ผมไปกินข้าวนะ”
   “ไปกับพี่”
   “ไม่เอา”
   “วาด…ไปกินข้าวเป็นเพื่อนพี่หน่อยนะ พี่หิวมากเลย ยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เช้าแล้ว ถ้าพี่เป็นลมไปทำไงอ่ะ ไม่ได้เจอวาดนานไม่เห็นเหรอว่าผอมลงตั้งเยอะ จับพุงเลยก็ได้ไม่มีแล้วนะ อีกนิดจะขาดสารอาหารแล้วเนี่ย ขอกินข้าวไปมองหน้าวาดไปสักมื้อไม่ได้เหรอ จะดุจะว่าจะตีพี่ก็ได้อ่ะ ขอกินข้าวเพิ่มพลังก่อนนะ…นะครับ”

   คนตรงหน้าก็ยังเหมือนเดิม…ยังคงพูดจาหว่านล้อมรวบรัดได้เก่งเหมือนเดิม





   และตัวเขาเองก็ยังแพ้ทางอีกฝ่ายเหมือนเดิมเช่นกัน








   TBC...



   ตอนที่4มาแล้วค่า :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-01-2015 23:17:38 โดย akane11 »

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
วาดแพ้ทางซะแล้ว

ท่าทางโฬมจะช่วจุดไฟ

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9405
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
น้องภาพวาดอย่างอนพี่ทิวทัศน์นานเลยนะ :กอด1:

ออฟไลน์ Tennyo_Y

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 739
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
ถ้าเราเป็นวาดจะวิ่งไปกระโดดกอดพี่ทิว เพราะเราเป็นคนบอกให้เขาไปเอง เราจะไม่ทิฐิ และจะดีใจที่เขากลับมาหา เข้าใจอารมณ์วาดนะ ว่านอย แต่ในเมื่อเลือกแล้วอะ ต้องยอมรับที่จะรอ ตอนนี้อยากบอก ช้ำเหมือนกัน คืออ่านเรื่องนี้แล้วขอให้จบแฮปปี้ อย่าจบแบบ อีกฝ่ายนึงได้แต่รอโดยที่อีกคนหายไปและกลับมาอีกทีกับคนใหม่เลย คงไม่ใช่ไหมคะ ^^ ชอบเรื่องนี้จัง อารมณ์น่ารักดี

ออฟไลน์ shikyu3211

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1537
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-1
รักกันก็รีบๆคืนดีกันเถอะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด