โคตร..คิดถึง
#5
ม่านหิมะสีขาวโปรยปรายทับถมลงมาตามทางเดินขอบหน้าต่างและบนหลังคาจนสูงขึ้นเรื่อย ๆ
มองไปทางไหนก็ขาวโพลนสุดลูกหูลูกตา
การเดินทางมาในที่แบบนี้ในเวลาแบบนี้ก็น่ากลัวเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
แล้วยิ่งมาเจอพายุหิมะที่ลากยาวเป็นอาทิตย์ไม่หยุดยิ่งทำให้รู้สึกวิตกขึ้นไปอีก
ในสมองตอนนี้มีเพียงใบหน้าของคนที่อยู่ในประเทศบ้านเกิดฉายไปมาอยู่ซ้ำ ๆ
ไม่มีสัญญาณอินเตอร์เน็ทให้ติดต่อ แต่ถึงจะมีเขาก็ไม่เคยได้รับอีเมล์ตอบกลับสักฉบับจากคนอีกทวีปเลย…
และต่อให้เขาแข็งตายอยู่ที่นี่ คนทางโน้นก็คงไม่มีทางรู้
ไม่ใช่ว่าเขาไม่ทราบเหตุผลที่อีกฝ่ายเป็นแบบนี้
คงเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากการที่เขาทิ้งคนทางนั้นบินมาต่างประเทศแบบนี้
ตอนแรกไม่คิดว่าจะมานานขนาดนี้ แต่นักศึกษาจบใหม่อย่างเขาตอนนั้นมันก็มีความฝันพกพาอยู่เต็มเปี่ยม…
สมควรแล้วที่วาดจะโกรธ… แต่คำขอโทษสำหรับ3ปีที่ผ่านมาเขาเตรียมมาแล้ว
ของขวัญที่จะทำให้คนรักของเขารู้ว่าทุกวินาทีตลอดระยะเวลา3ปีที่ผ่านมา…ใจเขามีแต่วาดเท่านั้น
ตอนนี้ดวงหน้าที่แสนคิดถึงอยู่เป็น ๆ ตรงหน้าแล้ว ไม่ต้องจินตนาการ หรือฝันถึงอีกต่อไป
“วาดชอบหมูกรอบไม่ใช่เหรอ พี่ซื้อมาให้ด้วยนะ”
ทิวทัศน์ว่าแล้วเลื่อนจานกระเบื้องสีขาวแต้มลายดอกไม้ที่บรรจุหมูกรอบชิ้นเล็กร้อน ๆ ให้อีกฝ่าย
ภาพวาดมองตามแล้วก้มหน้านิ่ง “ผมไม่ค่อยหิว”
“แต่พี่ไม่อยากกินคนเดียวนี่ครับ กินเป็นเพื่อนพี่หน่อยนะ คนละครึ่ง อ๊ะ ไม่สิกิน 1:3 ก็ยังดี…นะครับ”
สิ้นคำคนที่นั่งก้มหน้างุดอยู่ก็คว้าส้อมขึ้นมาจิ้มหมูกรอบเข้าปากเคี้ยว
ให้ทิวทัศน์ขยับยิ้มมองแก้มตุ่ย ๆ นั้นอย่างเอ็นดู แล้วตักกับข้าวใส่จานให้อีก
“กินเยอะ ๆ เนอะ”
“…”
“ใกล้จะเรียนจบแล้วใช่ไหม”
“…”
“เรียนยากรึเปล่า”
“…”
“ปีที่แล้วฝึกงานเป็นยังไงบ้าง”
“…”
“ผมเรายาวแล้วนะ”
“…”
ทิวทัศน์ยังคงเอ่ยปากชวนคุยไปเรื่อย ๆ แบบที่ภาพวาดเองก็ไม่ได้ตอบรับ ไม่แม้แต่จะเงยหน้าสบตาเสียด้วยซ้ำ
คนโตกว่าเลยเม้มปากมองที่อีกฝ่ายอย่างครุ่นคิด…
“วันนี้พี่ไปห้องวาดนะ”
“ไม่ครับ!”
และได้ผล…เมื่อเจ้าของห้องที่ตั้งใจจะไปค้างเงยหน้าขึ้นมองแล้วออกปากปฏิเสธทันที
“คิดถึง…นะครับ”
“…ไม่ครับ”
“ไม่รู้ พี่จะไปด้วย”
ทิวทัศน์ว่าแล้วก้มหน้ากินข้าวต่ออย่างไม่สนใจเสียงประท้วงของอีกฝ่าย ทำเอาคนมองเริ่มหงุดหงิด
“คุณทิว!”
“พี่ทิว”
“ห้องผมไม่ใช่ที่ที่คุณจะไปค้างได้ตามใจชอบนะ”
“ห้องวาด”
“นี่คุณ!”
“ครับน้องวาด”
ภาพวาดขมวดคิ้วแล้วชะงักคำพูดไปเมื่อทิวทัศน์เงยหน้ามองแล้วยิ้มหวานส่งให้ด้วยท่าทางไม่รู้ไม่ชี้
ตอนนี้ทิวทัศน์เองก็เริ่มงัดวิธีต่าง ๆ ขึ้นมาง้ออีกฝ่ายแล้ว อ้อนก็แล้ว งอแงก็แล้วเจ้าตัวก็ยังไม่มีท่าทีจะสนใจ
งั้นก็ต้องตีมึนเข้าหาแล้วล่ะ
“ผมอิ่มแล้ว”
ภาพวาดยกแก้วน้ำขึ้นดื่มแล้วพูดขึ้น พลางคว้าจานตัวเองแล้วลุกขึ้นจากโต๊ะ
“พี่ก็อิ่มแล้ว”
ให้ทิวทัศน์หยิบจานมาซ้อนกันแล้วคว้าจานในมือภาพวาดมาถือแทน
เดินนำไปวางของในมือตรงที่เก็บจานแล้วไปยืนรอที่หน้าประตู
ภาพวาดหมุ่นคิ้วหนักขึ้นเมื่อเห็นท่าทีเริ่มกวนประสาทของอีกฝ่าย
นี่จะยั่วโมโหเขาใช่ไหมเนี่ย… หลังเลิกเวิร์คชอปคนที่พิรุธก็รีบเก็บข้าวของอย่างพยายามทำให้ดูใจเย็นที่สุดทั้งที่ในใจรีบจนแทบบ้าทันที
พีชที่นั่งอยู่ข้าง ๆ มองตามเพื่อนรักของตนขยับหยิบข้าวของลุกลี้ลุกลนแปลก ๆ ก็เอ่ยปาก
“รีบไปไหนวะภาพ”
“คือกูอยากกลับห้องแล้ว ปวดท้องแปลก ๆ ฝากมึงอยู่ส่งพวกพี่ศิษย์เก่าได้ปะ”
ภาพวาดรูปซิบกระเป๋าแล้วส่งขึ้นบ่าเร็ว ๆ ก่อนจะหันมาร่ายยาวกับพีช
คนถูกวานพยักหน้ารัว ๆ ติดจะงงนิด ๆ “อือ ๆ ได้ดิ มึงรีบกลับไปเถอะ คงจะปวดมากใช่ปะวะ ยังไงเดี๋ยววันนี้เลิกแล้วกูไปที่หอนะ”
“เออดี เจอกันที่ห้องนะ”
ภาพวาดยิ้มออกมาแล้วทำสีหน้าโล่งอก ก่อนจะโบกมือลาเพื่อนเตรียมขยับตัวออก
แต่ไม่ทันได้พ้นจากหลังโต๊ะ คนที่กำลังจะหนีก็โผล่มากะทันหัน
“จะกลับแล้วเหรอวาด พี่กลับด้วยเลยนะ”
พีชหันไปมองทิวทัศน์ที่เดินเข้ามาหาภาพวาด
แล้วก็ต้องร้องอ๋อในใจกับคำเฉลยทุกอย่างเกี่ยวกับอาการที่ผิดปกติเมื่อครู่ของเพื่อนข้างตัว
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าป่วยการเมืองเพื่อหนีใคร... “คุณจะกลับทำไมครับ งานยังไม่เลิก”
“มีคนอยู่ตั้งเยอะ พี่กลับไปคนนึงไม่เป็นไรหรอก เหนื่อยแล้วด้วย อยากไปนอนแล้ว คิดถึงห้องวาด”
ทิวทัศน์ยังคงพูดยาว ๆ เพื่อสรุปและตัดตอนเอาเองเหมือนเดิมไม่ผิดเพี้ยน
ความพยายามที่จะมัดมือชกนั่นเหมือนจะลาก ๆ ถู ๆ ไปได้แบบงง ๆ
“เฮ้ย ผมบอกแล้วว่าไม่ให้ไปไง”
“พี่จะไป” ทิวทัศน์ยังคงว่าง่าย ๆ แล้วเอื้อมมือไปคว้ากระเป๋าเป้บนบ่าของภาพวาดมาถือ “ไปได้แล้วครับ”
“อะ…เฮ้ย คุณทิวทัศน์!”
ภาพวาดที่ยืนอึ้งอยู่ตั้งสติได้ก็ร้องตามคนที่เดินนำไปทางออกแล้วอย่างงุนงง ให้พีชยิ้มขำกับท่าทางนั้น
“เย็นนี้กูไม่แวะไปละนะ เห็นทีวันหลังจะดีกว่า มึงก็เถอะเลิกงอนได้แล้ว รีบ ๆ ดีกันซะ อยากกอดเขาจะตายแล้วมั้ง”
“อะไรมึง กู...เปล่า” ภาพวาดสวนกลับอย่างเด็กเถียงข้าง ๆ คู ๆ ก่อนจะเสียงอ่อยคราวเอ่ยคำปฏิเสธ
พีชมองภาพวาดแล้วก็ยิ้มไม่หุบ “ไปได้แล้วมึงอ่ะ พี่เขารอ”
“รอไปสิ กูรอมา3ปียังไม่เป็นไร ยืนรอ3นาทีไม่แก่ตายหรอก”
“จ้ะ พ่อคนไม่งอน ไม่งอนเลยคำพูดมึงเนี่ย”
ภาพวาดชะงักไปเมื่อรู้ตัวว่าพูดประชดอะไรออกไปเสียแล้ว ก่อนจะรีบตัดบท
“เออ ๆ กูไปละ เจอกันนะพีช แต้งกิ้วมากที่มาช่วย”
“เออ ไว้เลี้ยงกูเลย”
ภาพวาดยิ้มรับแล้วตบบ่าเพื่อนเบา ๆ 2-3ที ก่อนจะเดินเลี่ยงออกจากห้องตามแนวผนัง
แต่แล้วก็ต้องหยุดเท้าเมื่อได้ยินเสียงคนเรียกตน
“น้องภาพ”
หันไปมองก็เจอช่างภาพคนโปรดเดินเข้ามา “พี่โฬม?”
“กลับแล้วเหรอครับ”
“อ๋อ...ครับ กลับแล้ว”
ภาพวาดเอ่ยตอบ แล้วเหลือบหางตามองไปทางประตู ก็เจอคนหน้าบึ้งยืนพิงผนังอยู่ หน้าตาไม่สบอารมณ์อย่างแรง
โฬมยกยิ้มแล้วยกมือวางที่หัวของภาพวาด “กลับเร็วจัง ไม่บอกพี่เลย ตกลงคิดได้รึยังเรื่องสวิต เมื่อกี้พี่คุยกับอาจารย์สุทัศ แกบอกว่าเรามีฝีมือมากพอตัวเลยนี่ สนใจไปช่วยพี่ถ่ายภาพจัดงานแสดงไหม”
ภาพวาดเงยหน้ามองคนตรงหน้าทันทีที่ได้ยิน
ถ่ายรูปจัดงานแสดงกับ โฬฒ ราเชนทร์ เป็นอะไรที่แทบไม่ต้องคิดว่ามันคือโอกาสที่ดีขนาดไหน แต่…
เขาเบิกตากว้างมองคนตรงหน้าที่ส่งยิ้มมาให้เขาอยู่ไม่หยุด
ก่อนจะแอบเบนสายตามองคนหน้าประตูอีกครั้ง แล้วถอนหายใจออกมาเล็กน้อย
“คือ…ผมคงไม่ได้ไปด้วยน่ะครับพี่โฬม”
“อ้าว ทำไมล่ะ น้องภาพมีที่ ๆ อยากไปอยู่แล้วเหรอ อยากไปที่ไหนบอกพี่ได้ไหม?”
โฬมเอ่ยเสียงประหลาดใจเมื่อได้รับคำตอบที่ไม่ตรงกับที่คิดไว้
ภาพวาดส่งยิ้มจาง ๆ ให้ไอดอลรุ่นพี่อีกครั้ง ไม่ต้องบอกเขาก็พอจะรู้อยู่นิด ๆ ว่าคนตรงหน้ากำลังจะจีบเขา…ล่ะมั้ง
ถ้าเป็นเมื่อก่อนตอนก่อนที่จะเจอ… นั่นแหละ
เขาคงปลื้มใจและดีใจมาก ๆ ที่คนอย่างพี่โฬมมาสนใจเขา...
แต่สำหรับตอนนี้ พื้นที่หัวใจเขามันมีคนจับจองจนเต็มเสียแล้ว
“ผมยังไม่มีที่ ๆ อยากไปหรอกครับ แต่คนที่อยากไปด้วยน่ะผมมีแล้ว”
โฬมเลิกคิ้วขึ้นอย่างไม่รู้ตัว ก่อนจะยกยิ้มแล้วหัวเราะในคออย่างยอมแพ้
“หึ พี่ก็คิด ๆ อยู่แล้วล่ะนะ” เขาว่าแล้วส่ายหัวนิด ๆ “คงเป็นคนที่ยืนอยู่ตรงทางออกนั่นสินะ”
ภาพวาดยิ้มขำแล้วยกมือไหว้คนตรงหน้า “ยังไงก็ต้องขอบคุณพี่มากเลยนะครับที่มาชวนผม ผมดีใจมากจริง ๆ ”
โฬมลูบหัวเด็กตรงหน้าอย่างเอ็นดู “ไม่เป็นไร พี่ดีใจที่ได้รู้จักเรานะ ยังไงติดต่อมาบ้างล่ะ”
“ครับ สวัสดีครับพี่โฬม” ภาพวาดยิ้มแล้วโบกมือลาอีกฝ่าย ก่อนจะเดินมุ่งไปทางทิศที่อีกคนยืนรออยู่
“เมื่อกี้คุยอะไรกันมากมาย” พอพ้นประตูมหาลัยออกมา ทิวทัศน์ที่เดินเงียบมาตั้งแต่เมื่อครู่ก็เอ่ยปากถาม
ภาพวาดเหลือบตามองอีกคนเล็กน้อย แล้วทำเป็นไม่สนใจ
ก็ไม่ได้โกรธอะไรแล้วล่ะนะ ติดจะคิดถึงมากกว่า แต่ขอแกล้งอีกนิดแล้วกัน…
“เรื่องไปสวิต”
ทิวทัศน์ขมวดคิ้วฉับทันทีที่ได้ยิน “คุยอะไร?”
“ก็กำหนดการ ช่วงเดินทางคร่าวๆ”
ภาพวาดว่าให้อีกฝ่ายขมวดคิ้วหนักขึ้นแล้วทำท่าจะเอ่ยปาก
แต่ไม่ทันได้พูดอะไรคนขี้แกล้งก็ยกมือโบกรถแท็กซี่ตัดบทเสียก่อน
ระหว่างการเดินทางคนโตกว่ามีอาการอยากจะพูดอะไรสักอย่างมาตลอดทาง
แบบที่อีกคนก็ทำเป็นมองออกนอกหน้าต่างไม่รู้ไม่ชี้
ให้ทิวทัศน์คิดร้อนรนในใจอยากให้ถึงจุดหมายไว ๆ จะได้เอ่ยปากคาดคั้นกับคนของเขาที่นั่งหน้าระรื่นอยู่ข้าง ๆ เสียที
พอเข้ามาถึงห้องภาพวาดก็เดินไปเปลี่ยนเสื้อที่ห้องน้ำ ให้อีกคนที่ยังคงร้อนใจเดินตาม
“คุณจะตามมามองผมทำไมเนี่ย”
“มาคุยกับพี่ก่อนวาด”
ทิวทัศน์ที่ยืนรอจนอีกฝ่ายสวมเสื้อยืดลงหัวแล้วสวมแทนเสื้อนิสิตสีขาวแล้วเรียบร้อย
ก็เอื้อมมือไปคว้าข้อมือออกแรงดึงให้เดินตาม
“ปล่อย ผมเดินเองได้” ภาพวาดดึงแขนตัวเองออกจากการจับกุมของอีกฝ่าย แล้วทรุดตัวลงนั่งที่เตียงนอนให้อีกฝ่ายนั่งลงข้าง ๆ ตาม
“จะไปสวิตกับพี่โฬมเหรอ?”
“มันเกี่ยวอะไรกับคุณอ่ะ”
“เกี่ยวสิ พี่ไม่ให้วาดไป”
ภาพวาดหันขวับมามองอีกคนทันที “คุณจะมาตัดสินใจอะไรแทนผม”
“วาด…เรียกพี่ทิวนะครับ”
ภาพวาดเม้มปากทันทีที่ได้ยินเสียงอ้อนแบบนั้น แล้วหันหน้าหนี
“…วาดเกลียดพี่แล้วเหรอ? ไม่ให้อภัยพี่แล้วใช่ไหม? พี่กลับมาช้าไปสินะ?” เสียงเศร้า ๆ ของทิวทัศน์ ทำอีกคนที่ฟังอยู่เม้มปากแน่นขึ้นแต่ยังคงทำใจแข็งไม่หันมามอง “วาดลำบากใจแล้วรึเปล่าที่พี่มาอยู่ในห้องวาด”
“…”
ทิวทัศน์หลุบตามองพื้นแล้วเริ่มขมวดคิ้วกับอาการที่เหมือนจะจริงจังของอีกฝ่าย
“พี่ขอโทษ…พี่คิดถึงวาดมากจริง ๆ นะ พี่ผิดเอง ตอนนี้พี่ขอโอกาสได้ไหม พี่อยากกลับมาอยู่ข้าง ๆ วาดอีกนะ ไม่ว่าจะอีกกี่ปีคนที่พี่อยากจะอยู่ด้วยมากที่สุดก็เป็นวาดนะครับ”
ภาพวาดยังคงมองไปทางอื่นนิ่ง ๆ มือเล็กเริ่มกำหมัดแน่นเมื่อได้ฟังถ้อยคำแบบนั้นของอีกฝ่าย
ทิวทัศน์เหลือบมองมือที่ออกแรงบีบจนเป็นก้อนของอีกฝ่ายแล้วก็เอื้อมมือไปจับ
แบบที่เจ้าของมือก็สะดุ้งนิด ๆ แล้วเผลอชักมือหนี ให้อีกคนชะงักไป
“วาดคงรังเกียจพี่แล้ว” ทิวทัศน์ว่าแล้วยิ้มบาง ๆ ”พี่เอาแต่ใจมากไป ขอโทษนะครับ งั้นพี่ว่าวันนี้พี่กลับดีกว่าเนอะ”
ว่าแล้วเขาก็ลุกขึ้น ยกมือไปวางลงที่กลุ่มผมที่ฝ่ายแล้วขยับลูบเบา ๆ
หันหลังไปหยิบกระเป๋าเดินทางเตรียมจะออกจากห้อง
ภาพวาดเริ่มน้ำตาคลอเมื่ออีกฝ่ายลุกขึ้นยืนแล้วกำลังจะออกจากห้องไป
พี่ทิวจะหายไปจากห้องและหายไปจากเขาอีกแล้วใช่ไหม…
เขาคงทนไม่ได้แล้วนะ แกรก ภาพวาดหลับตาปี๋ เม้มปากแน่นเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู
พรึบ!
หมับ! ทิวทัศน์ชะงักเท้าที่กำลังจะก้าวออกจากห้อง แล้วขยับวางกระเป๋าลงที่พื้น
มือข้างนึงกอบกุมทับแขนที่กอดรอบเอวเขาแน่นไม่ปล่อยค่อย ๆ ถอยเท้าดันตัวอีกฝ่ายเข้าห้องแล้วปิดประตู
ยืนนิ่งให้คนที่กำลังสะอื้นกอดอยู่เฉย ๆ เขาลูบมืออีกฝ่ายไปมาเบา ๆ อย่างปลอบโยน
รอจนแรงรัดแขนคลายลงแล้วถึงจับมืออีกฝ่ายออกหันไปมองหน้าแล้วยกมือลูบเบา ๆ ที่ข้างแก้ม
“หายโกรธพี่นะครับ พี่จะใช้เวลาที่เหลือชดใช้3ปีที่ผ่านมาให้หมดเลย ให้รำคาญพี่ไปเลย…นะ”
ภาพวาดเม้มปากแล้วช้อนตามองอีกฝ่าย ให้คนถูกมองด้วยสายตาแบบนั้นยิ้มกว้าง
ตาหรี่ลงเพราะมุมปากที่ยกสูง มองเด็กตรงหน้าอย่างรักใคร่ แล้วโอบกอดแน่น
“พี่รักวาดนะ”
“อือ” ภาพวาดครางรับแล้วกอดอีกคนกลับ
“เรียกพี่ทิวหน่อยสิครับ อยากได้ยินเสียงอ้อน ๆ ของวาดอีกจัง”
“...”
“ไม่เป็นไร พี่พูดเองก็ได้ พี่ทิวรักน้องวาดนะ รักมาก ๆ คิดถึงมาก ๆ อยากเจอมากกว่า อยากกอดมากที่สุด”
ทิวทัศน์กอดอีกฝ่ายแล้วโยกตัวไปมา พูดกล่อมไปเรื่อย ๆ อย่างอ่อนโยน ให้อีกคนหลับตาซึมซับความรู้สึกเต็มที่
“วาดก็รักพี่ทิว”
กว่าชั่วโมงที่คน2คนกอดกันอยู่แบบนั้น เหมือนจะส่งต่อความคิดถึงให้กัน
ไออุ่นที่ทำให้ใจที่กำลังเจ็บปวดรู้สึกดีขึ้นอย่างรวดเร็ว...ความเหงาที่กัดกินข้างในมากตลอด3ปีกำลังจางลงช้า ๆ
คนคนนี้กลับมาแล้ว คนที่เป็นมากกว่าครึ่งนึงในชีวิตเขา องค์ประกอบในทุกความทรงจำ
คนในความคิดที่เฝ้าคิดถึงมาตลอด3ปี…กลับมาแล้ว “พี่จะจัดงานแสดงให้วาด…งานเปิดช่วงต้นเดือนหน้า”
ทิวทัศน์ว่าเสียงนุ่มแล้วผละอ้อมกอดออก เดินไปล้วงการ์ดจากกระเป๋าเดินทางมาส่งให้
ภาพวาดรับมาแล้วก้มมองการ์ดสีฟ้าอ่อน ๆ อย่างประหลาดใจ
เขายิ้มกว้างทันทีที่ได้เห็นสิ่งที่ถูกพิมพ์อยู่บนกระดาษแผ่นนี้
‘ภาพวาด’ นิทรรศการภาพถ่ายแต่ชื่อภาพวาด...ตลกสิ้นดี
ตลกเสียจนยิ้มไม่หุบเลยทีเดียว
“พี่นี่เสี่ยวสุดยอด”
ทิวทัศน์หลุดขำกับคำที่ไม่คิดว่าจะออกมาจากปากคนที่เขาจัดงานให้แบบนี้
“โถ่ ว่าพี่ซะเสียเลยวาด นี่เป็นเครื่องยืนยันได้เลยนะว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาพี่คิดถึงวาดมากแค่ไหน ทุกเสียงชัตเตอร์มีแต่วาดเต็มไปหมดเลย”
ภาพวาดเบ้ปากลงนิด ๆ แล้วขยับยิ้ม นัยน์ตายังจ้องมองการ์ดในมือไม่วาง แบบที่ทิวทัศน์ก็มองหน้าอีกคนอย่างพอใจ
“เสี่ยวที่สุด”
“แต่ถ้าแลกกับการได้เห็นสีหน้าแบบนี้ของวาด พี่ยอมโดนด่าเสี่ยวอีกสักร้อยรอบก็ได้” เขาว่าแล้วรวบเอวอีกคนเข้ามากอด “พี่รักวาดนะ หายโกรธนะคนดีของพี่”
ภาพวาดเม้มปากเน้นมองหน้าคนที่สุดแสนจะคิดถึง
“ไม่ได้โกรธแล้ว…แต่ถ้าหายไปอีกรับรอง วาดเกลียดที่ทิวแน่ ๆ ”
ทิวทัศน์หลุดขำทันทีกับคำขู่สุดน่ารักนั่น แล้วกอดตัวอีกฝ่ายมาแนบอกแน่น
“ไม่กล้าแล้วครับ จะรอไปกับวาดตลอดเลยต่อไปนี้”
ภาพวาดจับการ์ดในมือแน่น แล้วเอื้อมไปกอดรัดตัวอีกฝ่ายกลับ ซุกหน้าลงที่อกอุ่น ๆ แล้วหลับตาพริ้ม
“ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะครับ…”
“โคตรคิดถึงพี่เลย”- - E n d - -
จบแล้วค่าาา
ไม่เร็วไปหรอกเนอะ ก็มันเป็นเรื่องสั้นนี่นา ฮ่า ๆ
ความเหงาในช่วงฤดูหนาวกำลังจะผ่านไปแล้วค่ะ
หวังว่าเรื่องสั้นอารมณ์เหงาเรื่อยๆเรื่องนี้จะทำให้ผู้อ่านยิ้มได้ในตอนท้าย
เป็นกำลังใจให้คนที่กำลังรออย่าง โคตร...คิดถึง ทุกคนนะคะ
ขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะ